เข้าระบบอัตโนมัติ

แลกเปลี่ยนความรทางประวัติศาสตร์ของจีน


fhasatumton
#141   fhasatumton    [ 04-08-2007 - 16:40:42 ]    IP: 58.9.127.138

http://www.googeb.com/images/klz1186221116m.jpg


เต้ากวงฮ่องเต้



fhasatumton
#142   fhasatumton    [ 04-08-2007 - 16:41:57 ]    IP: 58.9.127.138

http://www.googeb.com/images/bwy1186221191y.jpg


เสียนเฟิงฮ่องเต้



fhasatumton
#143   fhasatumton    [ 04-08-2007 - 16:43:35 ]    IP: 58.9.127.138

http://www.googeb.com/images/opt1186221285c.jpg



ถงจื้อฮ่องเต้



fhasatumton
#144   fhasatumton    [ 04-08-2007 - 16:45:39 ]    IP: 58.9.127.138

http://www.googeb.com/images/cqs1186221384c.jpg



กวงสูฮ่องเต้



fhasatumton
#145   fhasatumton    [ 04-08-2007 - 16:48:16 ]    IP: 58.9.127.138

http://www.googeb.com/images/viu1186221481u.jpg




ปูยีฮ่องเต้


ขอประทานโทษที่ส่งรูป ที่ไม่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์มา เป็นรูป ฮ่องเต้ แห่งราชวงศ์ชิง ผมมีรูป ฮ่องเต้ ราชวงศ์อื่นๆด้วยครับ แต่มี แต่ องค์สำคัญๆ เท่านั้น



fhasatumton
#146   fhasatumton    [ 04-08-2007 - 19:03:30 ]    IP: 58.9.123.192

ข้าพเจ้า จ้าวฉือหลง ใคร่ขอถาม คำถาม 5 ข้อ

1. ฮ่องเต้องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ฉิน นามว่าอะไร

2. มู่หลาน เกิดในสมัยใด

3. ขุนศึกตระกูลหยางเกิดในสมัยนั้น

4. ฉินซีฮ่องเต้ คังซีฮ่องเต้ ฮั่นเกาจู่ฮ่องเต้ ถังไท่จงฮ่องเต้ เฉียนหลงฮ่องเต้ ฮ่องเต้องค์ใด ปรีชาสามรถมากกว่ากัน

5. ฮ่องเต้องค์ใด อ่อนแอที่สุด



vมังกรหลับv
#147   vมังกรหลับv    [ 04-08-2007 - 19:04:46 ]

เดียวจะมาตอบคับ ดูจูมงอยู่



fhasatumton
#148   fhasatumton    [ 04-08-2007 - 19:31:10 ]    IP: 58.9.123.192

อวี่ เสวียน ฮวา อ่านออกเสียง ว.แหวนป่าวครับ



vมังกรหลับv
#149   vมังกรหลับv    [ 04-08-2007 - 20:11:52 ]

1. กงจื่อยิงเป็นรักษาการฮ่องเต้คับยังไม่ได้ราชาภิเษก อยู่ในราชสมบัติได้แค่ 46 วัน ก็ต้องยกให้หลิวปังมาเซ้งต่อ
2. มู่หลานอยู่ในช่วงตอนปลายสมัยเป่ยเว่ย
3. ขุนศึกตระกูลหยางอยู่ในสมัยซ่งคับ ตามที่ได้ดูในหนังนะแหละ
4. อันนี้แล้วแต่ความคิดของแต่ละคนคับ แต่สำหรับผมคิดว่า ฉินซียอดเยี่ยมที่สุก เพราะเขาได้รวมจีนเป็นหนึ่งแล้วทำการปฏิรูปประเทศเผาตำรามากมายกำหนดให้ใช้อักษรแบบเดียวกันทั่วประเทศ ซึ่งนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของระบอบฮ่องเต้จีน ซึ่งต่อมาไม่ว่าแผ่นดินจะถูกแบ่งแยกออกเป็นกี่ส่วนชาวจีนก็ยังคงคิดว่าแผ่นดินเขาคือแผ่นดินเดียวกันและคิดจะรวมตัวกันอยู่เสมอมา ฉินซีใฝ่ฝันจะให้ราชวงศ์ของเขาอยู่ไปชั่วกัลปาวสาน แต่ราชวงศ์ฉินกับมีอายุแค่ครึ่งศตวรรษเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วความฝันของแนซีได้เป็นความจริงนานแล้ว เพราะดูอย่างในปัจจุบันสิจะมีใครบ้างที่ไม่รูจักฉินซีถ้าพูดถึงเรื่องฮ่องเต้ละก็ฉินซีคงมาอันดับต้นๆเลย กำแพงเมืองจีนก็เป็นผลงานของฉินซีที่อยู่มาถึงทุกวันนี้ เป็นสิ่งย้ำเตือนให้ชาวโลกไม่วันลืมเลือนเขาไปได้เลย
5. อันนี้ตอบยากคับ แล้วแต่ความคิดส่วนบุคคล



fhasatumton
#150   fhasatumton    [ 04-08-2007 - 20:27:19 ]    IP: 58.9.123.192

ขอบคุณท่าน มังกรหลับ มีคำถามอีกข้อ ตำแหน่งรัชทายาท สมควรให้ องค์ชายองค์ใด จำเป็นไหม ที่จะเป็น องค์โต



vมังกรหลับv
#151   vมังกรหลับv    [ 04-08-2007 - 20:40:11 ]

ไม่จำเป็นต้ององศ์ชายองศ์โต หรอกแต่ตามประเพณีมักจะเป็นอย่างนั้น องศ์ชายลำดับแรกๆที่มีศิษย์เป็นรัชทายาท คือองศ์ชายที่เกิดจากฮองเฮาหรือมเหสี แต่ถ้ามเหสีไม่มีราชโอรสหรือถ้ามีราชโอรสแต่ฮ่องเต้ทรงเห็นว่ามีพฤติกรรมที่ไม่สมควรเป็นฮ่องเต้ก็ไม่ให้เป็นก็ได้อย่างเช่น เป็นหง่อย เอ๋อ หรือมีพฤติกรรมที่ไม่ใฝ่ดีชอบท้าตีท้าต่อยกับพวกข้าราชการหรือบุคลิกไม่สามารถเอามาบริหารบ้านมืองได้ก็จะไม่ให้เป็นก็ได้ สรุปก็คือแล้วแต่ฮ่องเต้จะเลือกอะคับ พวกองศ์ชายจึงมักจะเอาใจฮ่องเต้ต่างๆนาๆเพื่อที่จะได้มีโอกาสเป็นรัชทายาทไงคับ แต่ถ้าตามประเพณีจะเลือกเอาจากองศ์ชายองศ์โตที่เกิดกับพระมเหสีคับ แล้วก็รัชทายาทไม่จำเป็นต้องตั้งให้ลูกคับอาจจะตั้งให้พี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกันก็ได้แต่โดยมากมักไม่ทำมักจะตั้งให้ลูกตัวเองเสียมากกว่า ข้อมูลนี้ผมไม่แน่ใจคับแต่จากประสบการณ์ที่อ่านประวัติศาสตร์จีนมาน่าจะเป็นอย่างนี้



vมังกรหลับv
#152   vมังกรหลับv    [ 04-08-2007 - 20:54:10 ]

ข้อมูลในเว็บ วิถีพีเดีย รู้สึกบางอย่างไม่ค่อยชัวร์



fhasatumton
#153   fhasatumton    [ 04-08-2007 - 21:03:38 ]    IP: 58.9.124.30

แล้วถ้าสมมุติว่า องค์ชายรองและองค์ชายหก ที่ประสูติแต่ฮองเฮา และ องค์ชายสาม ที่ประสูติแต่สนมเอก ทั้งสาม มีความดีความชอบเท่าเทียมกัน แต่ฝีมืออาจแตกต่างกันบ้าง องค์ชายหก ปรีชาทั้งบุ๋นและบู๋ องค์ชายสาม ปรีชา แต่ทางบุ๋นอย่างเดียว องค์ชายรอง ปรีชา ทางด้านเจรจาทางการทูต และ ด้าน สงคราม ฮ่องเต้ จะแต่งตั้งใครเป็นรัชทายาท และมีรัชทายาท มากกว่าหนึ่งได้ไหม เผื่อองค์แรก สิ้นไป จะได้เอาอีกองค์หนึ่งมาแทนที่



fhasatumton
#154   fhasatumton    [ 04-08-2007 - 21:19:05 ]    IP: 58.9.124.30

ยังไงเหรอ ท่าน มังกรหลับ และอย่าลืมตอบ ความคิดเห็นที่ 152 ของผมด้วย



vมังกรหลับv
#155   vมังกรหลับv    [ 04-08-2007 - 21:37:01 ]

รัชทายาทมากกว่าหนึ่งยังไม่เคยได้ยินนะ รัชทายาทถ้ายึดตามธรรมเนียมก็ต้ององศืชายองศ์ดตที่เกิดกับฮองเฮาโดยไม่สนว่า ฮ่องเต้จะม๊โอรสใดที่เกิดกับสนมก่อนแล้วคับ ที่ผมว่าพฤติกรรมเหมาะจะเป็นรัชทายาทหมายความว่าองศ์ชายองศ์นั้นจะต้องเสเพลสุดๆ ก็บอกว่าสุดแล้วแต่ฮ่องเต้จะเลือกคับ องศ์ชายที่เก่งทุกด้านอาจจะไม่ได้เป็นรัชทายาทก็ได้ อาจจะแต่งตั้งเป็นอ๋องหรือกุมตำแหน่งใหญ่ๆไว้เฉยๆก็ได้ คือคนที่จะตั้งเป็นรัชทายาทและเป็นฮ่องเต้ในอนาคตไม่จำเป็นต้องปรีชาไปทุกด้านก็ได้คับเขามักยึดกันตามหลักประเพณีคือเลือกจากดอรสที่เกิดจาดฮองเฮาดดยมากเป็นองศ์โตสุดเพื่อรักษาโบราณราชประเพณี คือปกครองประเทศนี่ฮ่องเต้ไม่จำเป็นต้องเก่งมากมายคับแค่รู้จักใช้คนให้เป็นก็พอ ยิ่งอธิบายนานยิ่งวกไปวนมาเสียเอง



fhasatumton
#156   fhasatumton    [ 05-08-2007 - 14:52:06 ]    IP: 58.9.124.225

ข้าพเจ้า อยากทราบว่า ขุนนาง ราชวงศ์ชิง สวมหมวกประดับพลอย สีอะไร ยศไหนบ้าง เอาตั้งแต่ ต่ำสุด ไปสูงสุด



vมังกรหลับv
#157   vมังกรหลับv    [ 05-08-2007 - 14:59:21 ]

อันนี้คงต้องหาข้อมูลเอาเองแล้วละคับ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ความรู้ยังไม่ถึงขั้นคับ



fhasatumton
#158   fhasatumton    [ 05-08-2007 - 15:07:23 ]    IP: 58.9.124.225

ประวัติย่อ พระมเหสีและโอรส เต้ากวงฮ่องเต้ ที่สำคัญจากข้อมูลภาษาจีน
จักรพรรดิชิงซวนจง เฉิงหวงตี้ หรือ เต้ากวงฮ่องเต้ มีมเหสี 4 องค์ พระสนมเอก 1องค์ พระสนมที่สำคัญ 3 องค์ เป็นต้น มีพระโอรส 9 พระองค์ พระธิดา 10 พระองค์
พระมเหสีองค์ที่1 เซี่ยวมู่เฉิงหวงโฮ่ว เชื้อสายแมนจู สกุลนิ่วกูลู่ เป็นพระชายาองค์แรก ปีรัชกาลเจียชิ่งที่13 ค.ศ.1809 สิ้นพระชนม์ ภายหลังเต้ากวงฮ่องเต้ครองราชย์สถาปนาพระอัฐิเป็น ฮองเฮา
พระมเหสีองค์ที่2 เซี่ยวเซิ่นเฉิงหวงโฮ่ว เชื้อสายแมนจู สกุลถงเจีย เป็นพระชายาองค์ที่สอง เมื่อเต้ากวงฮ่องเต้ครองราชย์สถาปนาเป็น ฮองเฮา ปีรัชกาลเต้ากวงที่13 ค.ศ.1795 สิ้นพระชนม์ลง
พระมเหสีองค์ที่3 เซี่ยวฉวนเฉิงหวงโฮ่ว เชื้อสายแมนจู สกุลนิ่วกูลู่ เดิมเป็นที่พระสนมเอกฉวน ปีรัชกาลเต้ากวงที่14 ค.ศ.1796 เต้ากวงฮ่องเต้สถาปนาขึ้นเป็นฮองเฮา ในปีรัชกาลเต้ากวงที่ 20 ค.ศ.1815 สิ้นพระชนม์ลง มีพระโอรสองค์เดียว องค์ชาย 4 อี้จู่ ภายหลังขึ้นครองราชย์ใช้พระนามว่า จักรพรรดิจักรพรรดิเสียนเฟิง
พระมเหสีองค์ที่4 เซี่ยวจิ้งเฉิงหวงโฮ่ว เชื้อสายมองโกล สกุลป๋อเอ่อร์จี้จี๋เท่อ เดิมเป็นที่พระสนมเอกจิ้ง เมื่อเซี่ยวฉวนเฉิงหวงโฮ่ว สิ้นพระชนม์ ปีรัชกาลเต้ากวงที่ 20 ค.ศ.1815 พระโอรสองค์เดียวของพระนาง คือองค์ชาย 4 อี้จู่ มีชนมายุได้ 10 ปี
พระสนมเอกจิ้ง ได้อภิบาลเจ้าชาย อี้จู่ เสมือนเป็นพระมารดาแท้ๆ จนพระองค์เจริญพระชันษา เมื่อองค์ชายอี้จู่ครองราชย์มีพระนามว่า พระจักรพรรดิเสียนเฟิง องค์จักรพรรดิทรงรำลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระสนมจิ้งจึงทรงสถาปนาเป็น พระบรมราชชนนี ที่หวงกุ้ยไท่เฟย และต่อมาได้สถาปนาเป็น พระบรมราชชนนี ที่เซี่ยวจิ้งเฉิงหวงโฮ่ว พระนางมีพระโอรส 3 องค์ คือองค์ชายอี้กัง องค์ชายอี้จี้ องค์ชายอี้ซิน พระธิดา 1องค์
พระสนมเอก จวงซุนหวงกุ้ยเฟย เชื้อสายแมนจู สกุลอูหย่า มีพระโอรส 3 องค์ คือ องค์ชายอี้หวน องค์ชายอี้เหอ องค์ชายอี้ฮุ่ย พระธิดา 1องค์
รายพระนามพระโอรสในจักรพรรดิเต้ากวง
1.องค์ชายอี้เหวย โอรสองค์โต ประสูติ ปีเจียชิ่งที่ 13 ค.ศ.1809 จากพระสนมเหอเฟย สิ้นพระชนม์เมื่อปี เต้ากวงปีที่11 ค.ศ.1832
2.องค์ชายอี้กัง โอรสองค์ที่ 2 ประสูติปีเต้ากวงที่ 6 ค.ศ.1826 จากพระสนมเอกจิ้ง ต่อมาสถาปนาเป็นพระบรมราชชนนี ที่เซี่ยวจิ้งเฉิงหวงโฮ่ว สิ้นพระชนม์เมื่อมีชนมายุได้ 2 ปี (คนจีนนับรวมอยู่ในครรภ์ด้วยความจริงมีพระชนม์แค่4เดือน) ภายหลังจักรพรรดิเสียนเฟิงครองราชย์ ทรงนับถือว่าเป็นเสมือนพระเชษฐาจึงสถาปนาพระอัฐิเป็น อ๋อง นาม ซุ่นเหอจวิ้นหวัง
3.องค์ชายอี้จี้ โอรสองค์ที่ 3 ประสูติปีเต้ากวงที่ 9 ค.ศ.1829 จากพระสนมเอกจิ้ง ต่อมาสถาปนาเป็นพระบรมราชชนนี ที่เซี่ยวจิ้งเฉิงหวงโฮ่ว สิ้นพระชนม์เมื่อมีชนมายุได้ 3 ปี (คนจีนนับรวมอยู่ในครรภ์ด้วยความจริงมีพระชนม์แค่ 1 ปี) ภายหลังจักรพรรดิเสียนเฟิงครองราชย์ ทรงนับถือว่าเป็นเสมือนพระเชษฐาจึงสถาปนาพระอัฐิเป็น อ๋อง นาม ฮุ่ยจื้อจวิ้นหวัง
4.องค์ชายอี้จู่ โอรสองค์ที่ 4 ประสูติปีเต้ากวงที่ 11 ค.ศ.1831 จาก เซี่ยวฉวนเฉิงหวงโฮ่ว องค์ชาย 4 อี้จู่ ภายหลังขึ้นครองราชย์ใช้พระนามว่า จักรพรรดิเสียนเฟิง มีมเหสีคือพระนางซูอัน และพระนางซูสี พระโอรสคือองค์ชายไจ้ฉุนซึ่งต่อมาขึ้นครองราชย์เป็นพระจักรพรรดิถงจื้อ
5.องค์ชายอี้ฉง โอรสองค์ที่ 5 ประสูติ จากพระสนมเสียงเฟย ต่อมาสถาปนาเป็น อ๋อง นามตุนฉินชินหวัง
6.องค์ชายอี้ซิน โอรสองค์ที่ 6 ประสูติปีเต้ากวงที่ 12 ค.ศ.1832 จากพระสนมเอกจิ้ง ต่อมาสถาปนาเป็นพระบรมราชชนนี ที่เซี่ยวจิ้งเฉิงหวงโฮ่ว ต่อมาสถาปนาเป็น อ๋อง นามกงจงชินหวัง หรือที่รู้จักกันดีในพระนามองค์ชายกงอี้ซิน หรือพระองค์เจ้ากง ตำแหน่งพระอนุชา ทรงอยู่ในสถานะพระอนุชาที่ใกล้ชิดขององค์จักรพรรดิเพราะทรงเติบโตมาด้วยพระมารดาองค์เดียวกัน จึงทรงมีฐานะอันสูงยิ่งในหมู่เชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย มีวังที่ประทับที่งดงามหรูหราที่สุด (เป็นอดีตทำเนียบของเหอเซินคนโปรดของจักรพรรดิเฉียนหลง)
พระองค์เจ้ากงทรงมีบทบาทอย่างมากในทางการบริหารบ้านเมืองตลอด 3 รัชกาล ตั้งแต่ปีรัชกาลเสียนเฟิง-ถงจื้อ-กวงซวี่
ในรัชกาลเสียนเฟิงพระองค์เจ้ากงทรงรับหน้าที่ด้านการต่างประเทศ เป็นผู้ติดต่อเจรจาในเหตุการณ์สำคัญๆ เช่น สงครามฝิ่นครั้งที่สอง แม้จะทรงมิอาจหยุดยั้งการเผาทำลายพระราชอุทยานหยวนหมิงหยวน ของกองทัพอังกฤษ-ฝรั่งเศส
ในช่วงต้นรัชสมัยถงจื้อและในต้นรัชสมัยกวางสูพระองค์เจ้ากง อี้ซิน และพระองค์เจ้าฉุน อี้หวน โดยความร่วมมือกับเชื้อพระวงศ์อื่น ได้สนับสนุนพระนางซูสีไทเฮาขึ้นมามีอำนาจในการว่าราชการหลังม่าน
7.องค์ชายอี้หวน โอรสองค์ที่ 7 ประสูติปีเต้ากวงที่ 9 ค.ศ.1829 จากพระสนมเอก จวงซุนหวงกุ้ยเฟย ต่อมาสถาปนาเป็น อ๋อง นามตุนเสียนชินหวัง ตำแหน่งพระอนุชา ต่อมาอภิเษก กับเย่เฮ่อนาลาหว่านเจิน น้องสาวของพระนางซูสีไทเฮา มีโอรสองค์สำคัญคือ
องค์ชายไจ้เทียน ต่อมาได้ครองราชย์เป็นพระจักรพรรดิกวงซวี่ และ องค์ชายไจ้เฟิง ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นตุนเสียนชินหวังตามพระบิดา มีพระโอรสคือ องค์ชายปูยี ซึ่งได้ครองราชย์เป็นพระจักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์ชิง
8.องค์ชายอี้เหอ โอรสองค์ที่ 8 ประสูติปีเต้ากวงที่ 9 ค.ศ.1829 จากพระสนมเอก จวงซุนหวงกุ้ยเฟย ต่อมาสถาปนาเป็น อ๋อง นามจงตวนชินหวัง
9.องค์ชายอี้ฮุ่ย โอรสองค์ที่ 9 ประสูติปีเต้ากวงที่ 9 ค.ศ.1829 จากพระสนมเอก จวงซุนหวงกุ้ยเฟย ต่อมาสถาปนาเป็น อ๋อง นามฟูจิ้งชินหวัง
พระราชประวัติพระจักรพรรดิเต้ากวง พระมเหสีและพระโอรส ตามที่บรรยายมานี้มีความชัดเจนเป็นที่ยอมรับกันแพร่หลายทั่วไปในเอสารประวัติศาสตร์ของจีนและไต้หวันรวมทั้งนักประวัติศาสตร์โลก
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ว่าจะมีองค์ชายราชวงศ์ชิงลี้ภัยการเมืองมาอยู่ในเมืองไทยจริง



ผมไปเจอมาครับ



fhasatumton
#159   fhasatumton    [ 05-08-2007 - 15:15:19 ]    IP: 58.9.124.225

เฉียนหลงฮ่องเต้ ทรงสถาปนา ตำแหน่ง โอรสของพระองค์ไว้ คือ หย่ง เหมี่ยน ยี่ ไจ้ เฟิ่ง ฉือ หยวี ตามลำดับ โอรส ของ หย่ง คือ ตำแหน่ง เหมี่ยน และลดหลั่นกันไป ผมไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า แต่ไปอ่านเจอมา



fhasatumton
#160   fhasatumton    [ 05-08-2007 - 15:18:01 ]    IP: 58.9.124.225

เครื่องแต่งกายขุนนางจีนราชวงศ์ชิง
โดยปกติเสื้อประดับยศนั้น ผู้แต่งต้องเป็นผู้ที่ผ่านการสอบเทียบวิทยฐานะทางการศึกษาแล้ว ซึ่งในท้องถิ่นต่างๆ มีบัณฑิตเหล่านี้อยู่ทั่วไป ดังนั้นหากพ่อค้าจีนคนใดเคยผ่านการศึกษาและสอบเทียบวิทยฐานะมาบ้างแล้วก็สามารถแต่งกายแบบราชสำนักได้แต่ มีแถบหน้าอกเสื้อ
แบบเดียวกับข้าราชการชั้นต่ำสุดคือ ระดับเก้าชั้นโท และหมวกก็จะยังไม่มีลูกแก้วประดับยอด และพู่แววมยรุาแสดงว่ายังไม่เข้าสู่ระบบราชการ
ส่วนประกอบของเครื่องยศขุนนางจีน
เครื่องยศของขุนนางในสมัยราชวงศ์ชิงนั้น ชาวแมนจูปรับปรุงแบบเครื่องแต่งกายของตนเข้ากับเครื่องแต่งกายของขุนนางในราชวงศ์หมิง โดยมีเครื่องประกอบยศตามแต่ฐานันดรศักดิ์ เครื่องยศประกอบด้วย
1.หมวกยศ แบ่งเป็นสองชนิดคือ แบบฤดูร้อนและแบบฤดูหนาว
หมวกฤดูร้อน เป็นหมวกทรงคลุ่มคล้ายงอบหรือหมวกกะโล่ มีเส้นไหมสีแดงห้อยจากยอดหมวกคลุมโดยรอบ แต่หากมีงานพระบรมศพจะเปลี่ยนเป็นหมวกขาวไม่มีเส้นไหมแดง
หมวกแบบฤดูหนาว มีลักษณะเป็นหมวกทรงกลมคว่ำพอดีศีรษะ มีกระบังขนสัตว์สีดำโดยรอบ กลางหมวกมีเส้นไหมเช่นเดียวกับหมวกฤดูร้อน
ส่วนพระมาลาขององค์พระจักรพรรดิมีทั้งสองแบบเช่นเดียวกับของขุนนาง แต่จะมีเส้นไหมแดงจะหนากว่ามาก มียอดแหลมสูงประดับด้วยอัญมณีทองและไข่มุกด์ เฉพาะพระมาลาฤดูร้อน ด้านหน้าพระมาลามีพระพุทธรูปบุทองคำ ประดับด้วยไข่มุกโดยรอบ
ส่วนพระมาลาขององค์จักรพรรดินีมีแต่แบบฤดูหนาว ยอดหมวกประดับด้วยหงส์ทองประดับไข่มุก เก้าตัว
หมวกขุนนางทั้งสองแบบมียอดลูกแก้ว เรียกว่าเติ่งไต้ 頂戴 แบ่งชั้นยศกันที่ยอดหมวก
ระดับหนึ่ง เป็น รัตนชาตสีแดง ระดับสอง เป็น กัลปังหา
ระดับสาม เป็น รัตนชาติสีน้ำเงิน ระดับสี่ เป็นรัตนชาติสีเขียว
ระดับห้า เป็นแก้วผลึก ระดับหกเป็นเปลือกหอยสังข์
ระดับเจ็ดเป็นทองเกลี้ยระดับ แปดเป็นทองสลักลาย
และระดับเก้าเป็นทองฉลุลาย ระดับต่ำกว่าระดับเก้าจะไม่มีการยอดหมวก
ด้านหลังของยอดหมวกจะมีพู่แววมยุราห้อย ไปทางด้านหลัง เรียกว่า ฮวาหลิง 花翎 แปลว่า ขนนกประดับ ขนนกประดับนี้ขุนนางระดับทั่วไปมีหนึ่งแวว เมื่อเลื่อนชั้นสูงขึ้นจะเพิ่มเป็นสองแวว และสามแววตามลำดับหลังรัชกาลจักรพรรดิเสียนเฟิง ขุนนางระดับห้าขึ้นไปสามารถถวายเงินแก่ราชการเพื่อเพิ่มแววของพู่หมวกได้1 แวว
2.เสื้อยศลายมังกร
เรียกว่า หมังเผา(หมังเพ้า)蟒袍 เป็นเสื้อที่ใช้สวมเวลาปฏิบัติงานปกติเป็นเสื้อไหมยาวตลอดตัว คอกลมปกใหญ่ติดกระดุมข้างขวา พื้นสีน้ำเงินปักไหม มีลวดลายสิริมงคลต่างๆ มีความแตกต่างกันที่เล็บมังกรที่ปักบนเสื้อ ชายเสื้อปักลายฝั่งน้ำคลื่นทะเลด้วยไหมห้าสี เสื้อของชาวแมนจูปลายแขนเสื้อทั้งสองข้างจะยื่นยาวเลยมือออกมาคล้ายรูปเกือกม้า เรียกว่า หม่าถีซิ่ว馬蹄袖 แปลว่า แขนเกือกม้า หรือ เจี้ยนซิ่ว 箭袖แปลว่า แขนเสื้อยิงธนู ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษของเสื้อสมัยชิงแขนเสื้อนี้ปกติจะต้องพับขึ้นมาเพื่อความสะดวกในการใช้งาน แต่เวลาเข้าเฝ้าจะต้องปัดปลายแขนเสื้อลงทั้งสองข้าง โดยต้องสะบัดข้างซ้ายลงก่อน แล้วจึงสะบัดข้างขวาเพื่อแสดงความเคารพ การปัดแขนเสื้อนี้ถือว่าเป็นเอกลักษณ์พิเศษของการถวายความเคารพแบบแมนจู
3.เสื้อยศเข้าเฝ้า
เรียกว่าเฉาเผา朝袍 เป็นเสื้อคลุมชั้นนอกใช้สวมขณะเข้าเฝ้า มีลักษณะเป็นเสื้อคลุมคอกลมติดกระดุมผ่าหน้ามีความยาวเพียงหน้าแข้ง แขนเสื้อจะตรงและสั้นกว่าเสื้อลายมังกร สีดำ หรือน้ำเงิน ในฤดูร้อนจะเป็นแพรโปร่งในฤดูหนาวจะเป็นผ้าขนสัตว์ มีสัญลักษณ์บ่งบอกระดับชั้น
เรียกว่า ปู๋ฝู(โป้วฮก)補服 เป็นแผ่นผ้าไหมปักลวดลายเป็น รูป สัตว์ต่างๆ ติด ไว้กลางอกทั้งหน้าและหลัง
แผ่นผ้าไหมปักลวดลายนี้ของขุนนางทั่วไปเป็นสี่เหลี่ยม ขุนนางในราชสำนักเป็นวงกลม ส่วนของเชื้อพระวงศ์นั้นสัญลักษณ์ปักลายมังกรในวงกลม แผ่นผ้าปักหรือ ปู๋ฝู นี้ ราชวงศ์ชิงอนุโลมใช้ตามแบบราชวงศ์หมิง เพียงแต่เปลี่ยนลักษณะของเสื้อเป็นแบบแมนจูเท่านั้น
แผ่นผ้าปักหรือปู๋จื่อ ของขุนนางฝ่ายพลเรือนใช้ลายรูปสัตว์ปีก ดังนี้
ระดับหนึ่งปักรูปนกกระเรียน (เซียนเหอ) 仙鶴
ระดับสองปักรูปไก่ฟ้าทอง (จิ่นจี) 錦雞
ระดับสามปักรูปนกยูง (ข่งเชว่) 孔雀
ระดับสี่ปักรูปห่านป่า (เหยี่ยน) 雁
ระดับห้าปักรูปไก่ฟ้าขาว(ไป๋เสียน) 白鷴
ระดับหกปักรูปนกยาง (ลู่ซือ) 鷺鷥
ระดับเจ็ดปักรูปนกเป็ดน้ำแดง (ซีชือ) 鸂鶒
ระดับแปดปักรูปนกกระทา(อันฉุน) 鵪鶉
ระดับเก้าปักรูปนกหางแพน(เลี่ยนเชว่) 練雀
แผ่นผ้าปักหรือ ปู๋จื่อ ของขุนนางฝ่ายทหารใช้ลายรูปสัตว์สี่เท้า ดังนี้
ระดับหนึ่งปักรูปกิเลน(ฉีหลิน)麒麟
ระดับสองปักรูปสิงโต(ซือจื่อ)獅子
ระดับสามปักรูปเสือดาว(เป้า)豹
ระดับสี่ปักรูปเสือโคร่ง(หู่) 虎
ระดับห้าปักรูปหมี (สยง) 熊
ระดับหกปักรูปเสือดาวเหลือง (เปียว) 彪
ระดับเจ็ด และระดับแปดปักรูปแรด(ซีหนิว) 犀牛
ระดับเก้าปักรูปม้าทะเล(ไห่หม่า)海馬
4.เข็มขัด เช่นระดับหนึ่งหัวเข็มขัดเป็นทองคำฝังหยกทรงเหลี่ยม เป็นต้น
5.เครื่องปูลาด
เป็นขนสัตว์สำหรับปูลาดที่นั่งระดับหนึ่งฤดูหนาวเป็นหนังหมาป่า ฤดูร้อนเป็นสักหลาดแดง ส่วนพวกต่ำกว่าระดับเก้าใช้หนังนากบก และสักหลาดขาว เป็นต้น
6.ประคำอิสริยาภรณ์
เรียกว่าเฉาจู สวมบนเสื้อยศขณะเข้าเฝ้า จึงเรียกว่าประคำเข้าเฝ้า ชาวแมนจูดัดแปลงมาจากประคำทางพระพุทธศาสนามี108 เม็ด เนื่องจากชนเผ่าแมนจู ยึดมั่นพระพุทธศาสนามาก จึงใช้ลูกประคำมาดัดแปลงเป็นเครื่องอิสริยาภรณ์ ประคำทุกระดับทั้งของฮ่องเต้และขุนนาง มีความยาวเพียงกลางลำตัว แต่ผู้ที่จะสวมประคำอิสริยาภรณ์ได้ต้องเป็นขุนนางระดับห้าขึ้นไปเท่านั้นยกเว้นขุนนางในราชบัณฑิตยสถาน และสำนักราชเลขาธิการ
7.เครื่องยศพระราชทานพิเศษ
เช่น แววมยุราพู่หมวกพิเศษ เสื้อกั๊กสีเหลืองทอง เป็นของพระราชทานให้เป็นพิเศษแก่ผู้มีความชอบในราชการ

ไปเจอมาอีกเช่นกัน



ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube