แลกเปลี่ยนความรทางประวัติศาสตร์ของจีน
fhasatumton | |
![]() |
แก้หน่อย เอ่ยมา |
vมังกรหลับv |
#122 vมังกรหลับv [ 03-08-2007 - 22:39:43 ] |
|
ไม่ได้ค้นคว้าจากเว็บอะ อ่านจากหนังสืออย่างเดียวจำได้บ้างไม่ได้บ้าง ผมอายุ16คับ เพิ่งอายุ16ได้เดือนเดียว |
fhasatumton | |
![]() |
อ่อ ผมก็อ่านมาบ้างเหมือนกัน ถ้ามีหนังสือดีๆ ก็แนะนำด้วยนะครับ |
fhasatumton | |
![]() |
สมเด็จพระจักรพรรดิซุ่นจื้อ (จีนตัวย่อ: 顺治, จีนตัวเต็ม: 順治 พินอิน : Shùnzhì Shunzhi) จักรพรรดิองค์ที่ 3 ของราชวงศ์ชิง แต่ในบางครั้งจะนับพระองค์เป็น ปฐมจักรพรรดิ ของราชวงศ์ชิง ด้วยทรงเป็นจักรพรรดิพระองค์แรกที่ได้ประทับในพระราชวังต้องห้ามที่กรุงปักกิ่ง และราชวงศ์หมิงถึงกาลสิ้นสุดอย่างแท้จริง มีพระนามเดิมว่า ฟู่หลิน (福臨) หรือ ฝูหลิน ทรงขึ้นครองราชย์เพียงพระชนม์พรรษา 6 ขวบ ในปี พ.ศ. 2186 (ค.ศ. 1643) หลังการสวรรคตของจักรพรรดิเทียนชง หรือ หวงไท่จี๋ พระราชบิดา แต่พระองค์ต้องถูกใต้การสำเร็จราชการแผ่นดินของอ๋องทอร์คุน พระอนุชาต่างพระมารดาของพระราชบิดา ซึ่งอ๋องทอร์คุนนับว่าเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างมาก อีกทั้งยังมีสิทธิ์ที่จะได้ขึ้นครองราชย์อีกด้วย อ๋องทอร์คุนได้กระทำการหลายอย่างที่จะไม่ให้พระองค์เจริญชันษามาด้วยความปรีชาสามารถ เช่น ไม่สนับสนุนให้ทรงเล่าเรียน เป็นต้น แต่ทว่า อำนาจของอ๋องทอร์คุนก็ถูกคานจากพระนางเสี้ยวจวง (孝庄太后) พระมารดา ภายหลังที่อ๋องทอร์คุนเสียชีวิต พระองค์จึงได้อำนาจในการปกครองอย่างแท้จริง แต่พระองค์ก็นับว่าเป็นจักรพรรดิอีกพระองค์หนึ่งที่อาภัพมาก ด้วยทรงไม่อาจสามารถจะสมรสกับหญิงคนรักที่เป็นชาวฮั่นได้ เนื่องจากพระนางเสี้ยวจวงทรงคัดค้านอย่างหนักแน่น ทำให้พระองค์ทรงโศกเศร้าพระทัยมากจนแทบสิ้นสติ และได้กักขังตนเองไว้ จักรพรรดิซุ่นจื้อ สิ้นพระชนม์ด้วยพระชนมายุเพียง 24 พรรษา ด้วยโรคทรพิษ ในปี พ.ศ. 2204 (ค.ศ. 1661) และต่อมาพระโอรสลำดับที่ 3 ของพระองค์ คือ องค์ชายเสวียนเย่ (玄燁) ได้ขึ้นครองราชย์ในนาม จักรพรรดิคังซี ซึ่งต่อมาทรงเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ชิง และพระนางเสี้ยวจวงก็เป็นผู้อุปการะพระองค์มาโดยตลอด และได้เปลี่ยนสถานะพระองค์เป็นไท่หวงไทเฮา อ้างอิงจาก วิกิพิเดีย |
fhasatumton | |
![]() |
สมเด็จพระจักรพรรดิหย่งเจิ้น (ภาษาจีน : 雍正, พินอิน : Yōngzhèng, Yongzheng) ประสูติเมื่อ พ.ศ. 2221 (ค.ศ. 1678) เป็นพระโอรสลำดับที่ 4 ในจักรพรรดิคังซี มีพระนามเดิมว่า อิ้นเจิน (ภาษาจีน : 胤禛) พระองค์ขึ้นครองราชย์โดยมิได้เป็นรัชทายาท เล่ากันว่า พระองค์ร่วมวางแผนกับอ๋องหลงเคอตัว ปลอมแปลงลายพระหัตถ์ของจักรพรรดิคังซี จากองค์ชาย 14 เป็นองค์ชาย 4 ขึ้นครองราชย์สืบต่อ อันเนื่องจากเหตุการณ์ความวุ่นวายในการแย่งชิงราชสมบัติกันเองระหว่างพี่น้อง ปลายรัชสมัยจักรพรรดิคังซี แต่เรื่องนี้เป็นเพียงความเชื่อที่บอกต่อกันมา ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยืนยันแต่ประการใด แต่นั่นก็ทำให้พระองค์ได้ฉายาว่าเป็น " จักรพรรดิบัลลังก์เลือด " หรือ " จักรพรรดิทรราช " เมื่อจักรพรรดิหย่งเจิ้นขึ้นครองราชย์ สิ่งแรกที่พระองค์กระทำ คือ การเปลี่ยนแปลงวิธีการแต่งตั้งองค์รัชทายาท จากการแต่งตั้งโดยเปิดเผยอันเป็นสิ่งปฏิบัติมาแต่อดีต เป็นทรงแต่งตั้งโดยเป็นความลับ โดยทรงเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรเพดานท้องพระโรง และจารึกพระนามขององค์รัชทายาทใช้หลังป้ายแผ่นหนึ่ง ที่มีชื่อเรียกว่า เจิ้งต้ากวางหมิง (正大光明) ซึ่งเก็บลับไว้ใน...บ ซึ่งธรรมเนียมนี้จักรพรรดิองค์ต่อ ๆ มาก็ได้ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมาด้วย จักรพรรดิหย่งเจิ้น ครองราชย์ด้วยระยะเวลาสั้น ๆ เพียง 13 ปี พระองค์สิ้นพระชนม์อย่างกระทันหัน ในปี พ.ศ. 2278 (ค.ศ. 1735) เล่ากันว่าพระองค์ทรงโปรดที่จะเสวยยาอายุวัฒนะ และผลจากการเสวยยาทำให้พระองค์มีพระชนม์ชีพสั้น แต่ในระหว่างที่ทรงครองราชย์ต้องทรงพบกับปัญหากบฎหลายต่อหลายครั้งจากบรรดาขุนนางและเหล่าองค์ชายทั้งหลายที่เป็นพี่น้องด้วยกัน แต่ก็นับว่าทรงปฏิรูปการเมืองการปกครองไว้หลายด้านเช่นกัน ซึ่งในส่วนของเหตุการณ์แย่งชิงราชสมบัติระหว่างพี่น้องด้วยกันเองนั้น ได้ถูกเล่าขานสืบมาจนปัจจุบัน และได้มีการสร้างเป็นละครโทรทัศน์หรือภาพยนตร์หลายต่อหลายครั้ง ภายหลังจากการสิ้นพระชนม์ รัชทายาทที่สืบทอดบัลลังค์ต่อ คือ องค์ชายลำดับที่ 4 คือ เจ้าชายหงลี่ ซึ่งพระนามเมื่อครั้งขึ้นครองราชย์ คือ จักรพรรดิเฉียนหลง ผมคิดว่า คังซีฮ่องเต้ คงรู้กันอยู่แล้ว เลยเอา หย่งเจิ้งฮ่องเต้มาแทน อ้างอิงจาก วิกิพิเดีย |
vมังกรหลับv |
#126 vมังกรหลับv [ 03-08-2007 - 23:19:40 ] |
|
ความรูเพิ่มพูน |
fhasatumton | |
![]() |
สมเด็จพระจักรพรรดิเฉียนหลง (จีน : 乾隆 Qianlong พินอิน : Qiánlóng เฉียนหลง) จักรพรรดิองค์ที่ 6 ของราชวงศ์ชิง ประสูติเมื่อ ปี พ.ศ. 2254 (ค.ศ. 1711) เดิมมีพระนามว่า หงลี่ (ภาษาจีน : 弘曆) เป็นพระโอรสในจักรพรรดิหย่งเจิ้น และเป็นพระราชนัดดาองค์โปรดของจักรพรรดิคังซี เพราะมีความเฉลียวฉลาดมาแต่ยังเด็ก จักรพรรดิเฉียนหลงขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2278 (ค.ศ. 1735) ขณะมีพระชนมายุได้ 25 พรรษา ทรงพระนามว่า ชิงเกาจงฮ่องเต้ และใช้ชื่อศักราชว่า เฉียนหลง จักรพรรดิเฉียนหลงได้สร้างความเจริญมากมายให้กับประเทศจีน โดยเฉพาะการจัดทำสารานุกรม ซื่อคู่เฉวียนซู ขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2316 (ค.ศ. 1773) - พ.ศ. 2325 (ค.ศ. 1782) ถือเป็นมรดกโลกที่สำคัญชิ้นหนึ่ง รัชสมัยของจักรพรรดิเฉียนหลงมีเรื่องราวที่เป็นสีสัน เล่าขาน เป็นตำนานต่าง ๆ มากมาย ทั้งเรื่องที่ลือกันว่าแท้ที่จริงแล้วมิได้ทรงเป็นพระโอรสของจักรพรรดิหย่งเจิ้น หรือเรื่องราวที่ชอบแปลงตนเองเป็นสามัญชนท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่าง ๆ จนได้ฉายาว่า "จักรพรรดิเจ้าสำราญ" และเรื่องราวความรักที่มีต่อมเหสีองค์ต่าง ๆ เช่น มเหสีองค์แรกที่ชื่อ ฟูฉา ได้จากไปแต่ยังสาว เพราะตรอมใจที่จักรพรรดิเฉียนหลงแอบมีความสัมพันธ์กับเมียของขุนนาง ซึ่งเป็นพี่ชายของพระนาง และก่อนหน้านั้นพระโอรสองค์แรกก็จากไปด้วยแต่ยังเล็กเนื่องจากประชวร หรือเรื่องของนางสนมเซียงเฟย ที่เล่ากันว่ามีกลิ่นตัวที่หอมราวกับดอกไม้แม้แต่ผีเสื้อหรือแมลงก็ยังมาตอมที่ตัวนาง แต่ท้ายที่สุดก็ถูกประหารชีวิต เพราะพระพันปีหลวงไม่ทรงโปรด รวมทั้งเรื่องขององค์หญิงหวนจู ซึ่งเล่าขานกันว่าองค์หญิงหวนจูนั้นคือธิดาอันเกิดจากจักรพรรดิ์เฉียนหลง กับ สาวชาวบ้านธรรมดา รูปวาดจักรพรรดิเฉียนหลงในวัยชราจักรพรรดิเฉียนหลงมีคนสนิทที่ทรงใกล้ชิดอยู่คนหนึ่ง ชื่อ เหอเซิน ที่มักคอยเอาอกเอาใจอยู่ตลอด และมักชวนจักรพรรดิเฉียนหลงเสเพลอยู่เสมอ ๆ จักรพรรดิเฉียนหลงทรงโปรดเหอเซินมากถึงขนาดยกพระธิดาองค์หนึ่งให้เป็นคู่หมั้นของลูกชายเหอเซินตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้เหอเซินเหิมเกริม กระทำการทุจริตต่าง ๆ นานา ยิ่งโดยเฉพาะในปลายรัชสมัยมีการจับจ่ายใช้เงินทองจำนวนมากเพื่อความสำราญของคนในพระราชวัง กล่าวว่า นี่เป็นส่วนหนึ่งของความอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ของราชวงศ์ชิงด้วย หลังจากรัชสมัยของจักรพรรดิเฉียนหลงแล้ว จักรพรรดิเฉียนหลงทรงมีพระโอรสที่ปรีชาสามารถมากคือเจ้าชายหย่งฉี พระโอรสองค์ที่ 5 ซึ่งประสูติแต่ฮองเฮาองค์ที่ 2 เจ้าชายหย่งฉีเป็นผู้ที่ปรีชาสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ เป็นความหวังว่าจะได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์ แต่กลับสิ้นพระชนม์เสียก่อนตั้งแต่ยังหนุ่ม ในปี พ.ศ. 2338 (ค.ศ. 1795) ปีที่ 60 ที่ทรงครองราชย์จักรพรรดิเฉียนหลงได้สละราชสมบัติให้พระโอรสที่ชื่อ หย่งเยี๋ยน พระโอรสองค์ที่ 15 ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิเจี่ยชิ่ง ด้วยไม่ทรงปรารถนาจะครองราชย์ยาวนานเกินกว่าจักรพรรดิคังซีผู้ทรงเป็นพระอัยกา(ปู่) อย่างไรก็ตามแม้จะสละราชบัลลังค์แล้วแต่อำนาจที่แท้จริงยังคงอยู่กับพระองค์ โดยทรงขึ้นดำรงตำแหน่งเป็น พระบิดาหลวง หรือ จักพรรดิสูงสุด(ไท่ซั่งหวง, 太上皇帝) ในปี พ.ศ. 2342 (ค.ศ. 1799) จักรพรรดิเฉียนหลงเสด็จสวรรคต จักรพรรดิเจี่ยชิ่งจึงได้ครองราชย์อย่างแท้จริง และพระองค์ก็เริ่มกำจัดเหอเซินทันที และบังคับให้เขาฆ่าตัวตาย หลังสิ้นสุดยุคของจักรพรรดิเฉียนหลงแล้ว จักรพรรดิองค์ต่อ ๆ มาของราชวงศ์ชิงต่างไม่มีองค์ไหนมีความสามารถโดดเด่น ทำให้ราชวงศ์ชิงอ่อนแอลงเรื่อยๆ และประเทศจีนเริ่มถูกต่างชาติเข้าแทรกแซงยึดครอง ตลอดยุคสมัยที่ยาวนานกว่า 60 ปี ของจักรพรรดิเฉียนหลงเต็มไปด้วยเรื่องราวที่มีสีสันจนเลื่องลือมาถึงปัจจุบัน มีวรรณกรรมมากมายที่บอกเล่าถึงยุคสมัยของพระองค์ รวมทั้งภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์ ที่จัดสร้างหลายครั้งหลายหนกล่าวถึงเนื้อหาต่างๆ เช่น เรื่องที่เล่าลือกันว่า พระองค์แท้ที่จริงมิใช่พระโอรสของจักรพรรดิหย่งเจิ้น แต่เป็นบุตรชายของอำมาตย์คนหนึ่ง เมื่อพระมหเสีของจักรพรรดิหย่งเจิ้นให้ประตูกาลบุตรออกมาเป็นบุตรสาว จึงสลับลูกกันกับอำมาตย์ผู้นี้ เป็นต้น อ้างอิงจาก วิกิพิเดีย |
fhasatumton | |
![]() |
สมเด็จพระจักรพรรดิเจียชิ่ง (อักษรจีนตัวย่อ: 嘉庆, อักษรจีนตัวเต็ม: 嘉慶 Jiaqing พินอิน : Jiāqìng เจียชิ่ง, 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2303 – 2 กันยายน พ.ศ. 2363) เป็นโอรสองค์ที่ 15 ของจักรพรรดิเฉียนหลง เดิมมีพระนามว่า หย่งเยี๋ยน (顒琰) เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อปี พ.ศ. 2339 (ค.ศ. 1796) เมื่อพระชนมายุได้ 37 พรรษา ภายหลังการสละราชสมบัติของจักรพรรดิเฉียนหลง พระราชบิดา แต่อำนาจในการปกครองแผ่นดินแท้จริงยังอยู่ในจักรพรรดิเฉียนหลง เมื่อจนถึงปีที่ 3 ที่ทรงครองราชย์ พ.ศ. 2342 (ค.ศ. 1799) จักรพรรดิเฉียนหลงได้สวรรคต และพระองค์จึงได้อำนาจในการปกครองแย่งแท้จริง เมื่อทรงได้อำนาจเต็มแล้ว ทรงได้กำจัดเหอเซิน ที่เป็นขุนนางกังฉิน โกงกินชาติ ซึ่งเป็นคนสนิทของจักรพรรพิเฉียนหลง ทรงรวบรวมขุนนางและบรรดาผู้ที่จงรักภักดีเพื่อกำจัดเหอเซิน โดยบุคคลสำคัญผู้หนึ่งที่มีบทบาทในการครั้งนี้คือ อ๋องเฉิน ซึ่งเป็นพระเชษฐา (พี่ชาย ) ของพระองค์และเป็นพระโอรสลำดับที่ 11 ของจักรพรรพิเฉียนหลง เมื่อได้ยึดทรัพย์เหอเซินแล้ว พบว่าเงินจำนวนที่เหอเซินยักยอกไว้นั้นมีมูลค่าเท่ากับรายได้ประเทศชาติถึง 10 ปี แต่เมื่อจับกุมเหอเซินได้แล้วกลับลังเลพระทัยที่จะประหารชีวิต เนื่องจากทรงเคยรับคำพระราชบิดา จักรพรรดิเฉียนหลงเอาไว้ว่าจะไว้ชีวิตเหอเซิน เมื่อพระองค์สวรรคต แต่ได้ถูกอ๋องเฉินและบรรดาขุนนางทูลทัดทาน จึงได้ตัดสินพระทัยบังคับให้เหอเซินผูกคอตาย ตลอดรัชสมัย ทรงพบกับการก่อกบฏและเรื่องทางความมั่นคงมากมาย เช่น กบฏพรรคบัวขาว, กบฏโจรสลัดไต้หวัน กบฏพรรคเที่ยงธรรม เป็นต้น ซึ่งกบฏเหล่านี้ส่วนใหญ่ เป็นกบฏชาวฮั่นที่รวบรวมคนไว้เพื่อโค่นล้มราชวงศ์ชิงกอบกู้ราชวงศ์หมิงนั่นเอง จากการปราบกบฏนี่เอง ทำให้พระองค์เกิดความไม่ไว้พระทัยในตัวขุนนางและบรรดาคนใกล้ชิดหลายคน และแม้แต่อ๋องเฉินด้วย เนื่องด้วยอ๋องเฉินปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาและในบางครั้งไม่ทูลเกล้าบอกกล่าวพระองค์เสียก่อน จึงทำให้เป็นชนวนเหตุให้พระองค์และอ๋องเฉินเกิดผิดใจกัน ที่สุดอ๋องเฉินก็ได้ขอลาออกจากราชการและใช้ชีวิตเยี่ยงคนสามัญธรรมดา นั่นจึงทำให้ขุนนางตงฉินหลายคนพากันถอดใจไปตาม ๆ กัน ทรงมีพระโอรส 3 พระองค์ พระโอรสองค์โตเกิดจากพระมเหสีที่ทรงรักยิ่ง แต่พระนางสิ้นพระชนม์ไปก่อนเมื่ออายุยังน้อย และพระโอรสอีก 2 พระองค์ ที่เกิดจากมหเสีองค์ใหม่ที่ทรงแต่งตั้งขึ้นมาจากการเป็นเจ้าจอม ซึ่งพระองค์ไม่เคยโปรดนางเลย แต่ต้องทรงสถาปนาเนื่องจากเหตุผลทางการเมือง ด้วยต้องการให้เหล่าขุนนางและประชาราษฎร์เห็นถึงพระทัยเมตตาของพระองค์ เหตุที่ไม่ทรงโปรดพระมเหสีองค์ที่ 2 นี้ เพราะพระนางเป็นบุตรสาวของขุนนางที่เคยเป็นพรรคพวกเหอเซินมาก่อน จึงไม่ไว้วางพระทัย ในรัชสมัยของจักรพรรดิเจี่ยชิ่ง ปรากฏกรณีที่กระทบต่อความมั่นคงของชาติมาตลอด เช่น เกิดกบฏต่างๆ การที่เวียดนามขอแยกออกไปเป็นประเทศเอกราช เป็นต้น ซึ่งพระองค์ทรงใช้ทั้งนโยบายที่ผ่อนปรนและแข็งกร้าวสลับกันไป เช่น การห้ามชาวแมนจูแต่งงานกับชาวฮั่นเด็ดขาด หรือ การห้ามชาวคริสต์เผยแพร่ศาสนาเด็ดขาด รวมทั้งการห้ามราษฎรสูบฝิ่นด้วย เป็นต้น ซึ่งสิ่งทั้งหมดเหล่านี้จะส่งผลต่อความมั่นคงตามมาในภายหลัง ในปลายรัชสมัย ทรงมีพระพลานามัยอ่อนแอ ด้วยทรงสูงพระชันษาประกอบกับการกลัดกลุ้มพระทัยอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับราชภารกิจ ทรงสวรรคตในปี พ.ศ. 2363 (ค.ศ. 1820) พระชนมายุ 61 พรรษา รวมระยะเวลาที่ได้ทรงครองราชย์ 24 ปี และผู้ที่ครองราชย์สืบต่อมาคือ องค์ชายรอง เหมี่ยนหนิง ภายหลังขึ้นครองราชย์ใช้พระนามว่า จักรพรรดิเต้ากวง อ้างอิงจาก วิกิพิเดีย |
fhasatumton | |
![]() |
สมเด็จพระจักรพรรดิเต้ากวง (道光, Daoguang, พินอิน : Dàoguāng) เป็นองค์ชายรองในจักรพรรดิเจี่ยชิ่ง เดิมมีพระนามว่า เหมี่ยนหนิง (綿寧) (แปลว่า อาทิตย์อัสดง) แต่ได้เปลี่ยนพระนามใหม่ภายหลังขึ้นครองราชย์ว่า หมิ่นหนิง (旻宁) (แปลว่า ท้องฟ้า หรือ จักรวาล) จักรพรรดิเต้ากวง ประสูติจากมเหสีที่มีชื่อว่า พระนางเสี้ยวซู (孝淑皇后) แต่พระมารดาได้สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่พระองค์ยังเยาว์วัย จักรพรรดิเจี่ยชิงพระราชบิดาจึงได้สถาปนาเจ้าจอมองค์ใหม่ขึ้นเป็น พระนางเสี้ยวเหอ (孝和皇后) ซึ่งเป็นบุตรสาวขององนาลา ขุนนางพวกเดียวกับเหอเซิน ที่ทรงไม่ไว้วางพระทัย แต่ทรงทำไปด้วยด้วยเหตุผลทางการเมือง นั่นทำให้จักรพรรดิเต้ากวงเมื่อยังทรงพระเยาว์ก็ไม่โปรดในตัวพระนางด้วยเช่นกัน แม้จะมีศักดิ์เป็นพระมารดาเลี้ยงก็ตาม แต่ได้ทรงเปลี่ยนทัศนะที่มีต่อพระนางใหม่ เมื่อครั้งหนึ่งที่ได้เสด็จไปไหว้เจ้าด้วยกัน และได้มีโจรกบฏกลุ่มหนึ่งมาจับตัวพระองค์และพระนางไปพร้อมกับสามัญชนกลุ่มหนึ่ง พวกกบฏบังคับให้พระองค์และพระนางบอกว่าใครเป็นใคร หากเงียบ ก็จะให้จ้วงแทงพระนางด้วยมีด พระนางก็ปริปากเงียบไม่ยอมบอก นั่นจึงทำให้พระองค์ซาบซึ้งในน้ำพระทัยของพระนางเสี้ยวเหอมากและยอมรับพระนางในที่สุด จักรพรรดิเต้ากวง ขึ้นครองราชย์ภายหลังการสวรรคตอย่างกระทันหันของจักรพรรดิเจี่ยชิ่ง ในปี พ.ศ. 2363 (ค.ศ. 1820) ระหว่างเสด็จแปรพระราชฐานหลบร้อนไปยังเมืองเฉิงเต๋อ ซึ่งได้มีพระราชโองการแต่งตั้งไว้ในพินัยกรรม แต่เนื่องจากการที่สวรรคตในที่ห่างไกลเมืองหลวง จึงทำให้ องค์ชายสี่ เหมี่ยนซิน พระโอรสองค์เล็กของพระนางเสี้ยวเหอคัดค้านว่า เป็นพินัยกรรมปลอม และเตรียมการจะก่อกบฏ พระองค์จึงทรงวางแผนโยนไปให้พระนางเสี้ยวเหอตัดสินและได้ขอกำลังทหารส่วนหนึ่งมาคุ้มกัน ซึ่งพระนางเสี้ยวเหอได้ยอมรับว่า พินัยกรรมนั้นเป็นของจริง และได้ทรงพระราชทานอภัยโทษประหารองค์ชายเหมี่ยนซินไว้ ในรัชสมัยจักรพรรดิเต้ากวง ได้ทรงหาทางกำจัดขุนนางกังฉินและบรรดาขุนนางที่ไม่เอาการเอางาน จึงทำให้เหล่าขุนนางลับหลังจะนินทาพระองค์อยู่เสมอ ๆ และทำให้ขุนนางแบ่งแยกกันเป็นฝักเป็นฝ่ายต่างก็สนับสนุนพระโอรสอันเกิดจากพระมารดาที่เป็นชนเผ่าเดียวกับตน แต่พระองค์ก็ได้หาทางบริหารประเทศอย่างเต็มที่ ในรัชสมัยของพระองค์ประเทศเป็นปึกแผ่น ดูเหมือนเข้มแข็ง แต่ภายในอ่อนแออันเกิดจากการฉ้อราฎร์บังหลวงที่เป็นระบบกันมานานแต่สมัยจักรพรรดิเฉียนหลง ในรัชสมัยนี้พระองค์ได้ออกนโยบายให้ทุกคนในวังประหยัด โดยมีพระองค์เป็นแบบอย่าง และเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดคือ สงครามฝิ่นกับอังกฤษในปี พ.ศ. 2382 (ค.ศ. 1839) และ พ.ศ. 2383 (ค.ศ. 1840) ยุคล่าอาณานิคม ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก และนำมาสู่การสูญเสียเกาะฮ่องกงและการล่มสลายของราชวงศ์ชิงในภายหลัง จักรพรรดิเต้ากวงมีอุปนิสัยส่วนพระองค์คือ โปรดปรานปืนเป็นพิเศษ ได้สวรรคตในปี พ.ศ. 2393 (ค.ศ. 1850) และผู้ครองราชย์สืบไปคือ องค์ชาย 4 อี้จู่ ภายลหังขึ้นครองราชย์ใช้พระนามว่า จักรพรรดิจักรพรรดิเสียนเฟิง หรือ หานเฟิง อ้างอิงจาก วิกิพิเดีย |
fhasatumton | |
![]() |
ส่วน เสียนเฟิงฮ่องเต้ ถงจื้อฮ่องเต้ กวงสูฮ่องเต้ ปูยีฮ่องเต้ ยังหาไม่ได้ |
fhasatumton | |
![]() |
เย้ ได้แล้ว ขอบคุณท่านมังกรหลับอย่างมากครับ นี่คือ รูป นูรฮาชี ครับ |
fhasatumton | |
![]() |
เรียงตามลำดับฮ่องเต้แห่งต้าชิงเลยนะครับ |
fhasatumton | |
![]() |
http://www.googeb.com/images/bwy1186220456h.jpg ![]() สำหรับท่านที่เคยเห็นแล้ว ก็ขอประทานโทษครับ แต่ถ้าท่านใด ยังไม่เคยเห็น ก็ดูเถอะครับ |
fhasatumton | |
![]() |
http://www.googeb.com/images/jdv1186220587s.jpg ![]() คังซีฮ่องเต้ สามรูปแรก คือ นูรฮาชี ทวงไท่จี้ และ ซุ่นจื้อ |