เข้าระบบอัตโนมัติ

แลกเปลี่ยนความรทางประวัติศาสตร์ของจีน


เสือซุ่ม มังกรซ่อน
#1061   เสือซุ่ม มังกรซ่อน    [ 26-10-2008 - 12:50:04 ]

อยากถามท่านมังกรหลับว่าเรื่อง วีรบุรุษเขาเหลียงซาน นี่มันเป็นเรื่องจริงในประวัติศาสตร์หรือว่าเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นคับ



vมังกรหลับv
#1062   vมังกรหลับv    [ 26-10-2008 - 16:08:30 ]

มีส่วนของเรื่องจริงคับ ก็เหมือนกะสามก๊กอะแหละ



เสือซุ่ม มังกรซ่อน
#1063   เสือซุ่ม มังกรซ่อน    [ 26-10-2008 - 16:15:32 ]

ขอบคุณคับท่านมังกรหลับ



pintul2icchio
#1064   pintul2icchio    [ 27-10-2008 - 17:14:10 ]

ได้ความรู้มากๆเลยครับ



มือกระบี่ไร้นาม
#1065   มือกระบี่ไร้นาม    [ 27-10-2008 - 17:18:29 ]

ในสมัยราชวงศ์ชิง กองทัพของทหารแมนจู จำเป็นต้องมีสังกัดกองธงหมดเลยเปล่าครับ แล้วกองธงหนึ่งมีจำกัดว่าต้องมีทหารจำนวนกี่คนด้วยหรือไม่ครับ

แล้วฉางเป่า ผู้บังคับการกรมทหารที่3สังกัดกองธงแดง สามารถคุมหทารได้กี่คนครับ



มือกระบี่ไร้นาม
#1066   มือกระบี่ไร้นาม    [ 28-10-2008 - 17:28:02 ]




vมังกรหลับv
#1067   vมังกรหลับv    [ 31-10-2008 - 20:07:32 ]

ข้อบนผมไม่แน่ใจนะคับ แต่คิดว่า กองกำลังหลักของราชวงศ์ชิงยุคต้นๆรวมสมัยเฉียนหลงด้วย ต้องมีสังกัด กองธงใน8กองธงทั้งหมดอะคับ

แต่ละกองธงคุมได้เท่าไร่ผมไม่ทราบอะคับ แต่กองธงนึงมากกว่า 2หมื่น คนแน่นอนคับ



vมังกรหลับv
#1068   vมังกรหลับv    [ 31-10-2008 - 20:08:27 ]

ในหนังหลายๆเรื่อง การระดมกองทัพ สัก2กองธง 3กองธง ก็มีทหารเป็นแสนแล้วอะคับ แปลว่ากองธงนึง ต้องหลักหมื่นแน่นอนคับ



มือกระบี่ไร้นาม
#1069   มือกระบี่ไร้นาม    [ 01-11-2008 - 08:53:10 ]

ผมก็เอาไปแต่งแบบว่า คนในกองธงแดงรอบนำทัพไปเองโดยไม่มีคำสั่งจากฮ่องเต้ แสดงว่าคนนี้ต้องมีความผิดแน่นอนใช่ไหมครับ
แต่กองทัพนี่ผมเขียนแค่ห้าร้อยคนเอง



มือกระบี่ไร้นาม
#1070   มือกระบี่ไร้นาม    [ 01-11-2008 - 08:53:30 ]

ขอบคุณท่านมังกรหลับอีกครั้งนะครับ



มหาราช
#1071   มหาราช    [ 21-12-2008 - 12:29:20 ]

ผมจะลงรูปฮ่องเต้ราชวงศ์หยวน ตามที่สัญญากับท่านมังกรหลับไว้ เมื่อนานมาแล้ว



องค์แรก (ไม่มีพระประวัติน่ะ มันเป็นภาษาอังกฤษน่ะ)


หยวนสีโจ๊วฮ่องเต้ กุบไลข่าน

สมเด็จพระจักรพรรดิกุบไล ข่าน (Kublai Khan) หรือ จักรพรรดิซื่อจูหวางตี้ หรือ จักรพรรดิซีโจ๊วฮ่องเต้ (พ.ศ. 1758-1837 (ค.ศ. 1215-1294)) เป็นข่านหรือจักรพรรดิของมองโกล และยังเป็นจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์หยวนแห่งประเทศจีน

กุบไลข่านเป็นพระราชนัดดาในจักรพรรดิเจงกีส ข่าน พระองค์ขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิมองโกลเมื่อ พ.ศ. 1803 (ค.ศ. 1260) และสถาปนาราชวงศ์หยวนเมื่อ พ.ศ. 1822 (ค.ศ. 1279)

จักรวรรดิมองโกลที่เจงกีสข่านสร้างไว้ขึ้นถึงจุดสูงสุดในสมัยของกุบไล ข่าน เมื่อกุบไล ข่านสามารถเอาชนะราชวงศ์ซ้องของจีน และยึดครองกรุงปักกิ่ง ปกครองประเทศจีน กุบไลข่านยังตีได้ดินแดนดาลี (Dali หรือ ต้าลี่ ในมณฑลยูนนานในปัจจุบัน) และเกาหลี นอกจากนี้ยังได้พยายามยึดครองญี่ปุ่น, พม่า, เวียดนาม และอินโดนีเซีย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

ในยุคสมัยของกุบไล ข่าน มีนักเดินทางชาวตะวันตกมากมายเดินทางมาถึงดินแดนจีนของกุบไล ข่าน นักเดินทางที่มีชื่อเสียงคือ มาร์โคโปโล








มหาราช
#1072   มหาราช    [ 21-12-2008 - 12:35:37 ]

องค์ที่ 2 เอารูปมาไม่ได้ เอาชื่อให้ดูก่อน

Temür Khan, Emperor Chengzong of Yuan


ใครแปลได้ แปลเอาเองละกันครับ



กระบี่เก้าเดียวดาย
#1073   กระบี่เก้าเดียวดาย    [ 27-12-2008 - 15:30:23 ]

องค์แรกก็ เจงกีสข่านไงครับ ประวัติก็หาง่ายๆ อยู่แล้ว เสิร์ทเอาก็ได้ ผมขอไม่พูดมากนะครับ
เพราะมันเป็นประเพณีปกติของพวกตะวันออกไกลอยู่แล้ว ที่จะให้บรรพบุรุษขึ้นเป็นกษัตริย์ก่อน

Temür Khan, Emperor Chengzong of Yuan

เตมูร์ข่าน, จักรพรรดิเช็งจงแห่งหยวน



ปล. ผมขออะไรอย่างได้ไหม?
หากจะก๊อบบทความของใครมา "กรุณา" ใส่เครดิตให้หน่อยดีไหมครับ?

อย่างบทความที่ 15-19
นั่น มันคำตอบ ในบอร์ดยุทธจักรนิยาย ที่คุณหลินโหมวมาตอบมิใช่หรือ?

( บทความนี้ >> http://board.dserver.org/n/niyayjeen/00000617.html )

เป็นบทความตั้งแต่เมื่อ ปี 2001 ซึ่งตอนนั้นคุณหลินโหมวยังเป็นนักแปลโนเนมอยู่
แล้วตอนนี้ คุณหลินโหมวเองก็เป็นนักแปลเต็มตัวไปแล้ว จึงไม่ได้มาตรวจบทความของตัวเองนะครับ



มหาราช
#1074   มหาราช    [ 30-12-2008 - 22:56:00 ]

ท่านรับ ท่านจะขุดเรื่องเก่าออกมาทำไมเนี่ย



iหงอคงi
#1075   iหงอคงi    [ 31-12-2008 - 00:20:27 ]

ประเทศจีน มีพื้นที่ใหย่กว่าไหนกี่เท่า



กระบี่เก้าเดียวดาย
#1076   กระบี่เก้าเดียวดาย    [ 31-12-2008 - 14:01:15 ]

ผมก็ไม่รู้ครับ ว่าไปขุดมา

ขออภัย แต่เห็นมีคนดันขึ้นมาก่อน ก็เลยเข้ามาอ่านดูน่ะครับ

ไม่มีอะไรหรอก



มหาราช
#1077   มหาราช    [ 31-12-2008 - 14:36:34 ]

ไม่ป็นไรหรอกครับ

ผมหมายึงเรื่องก่าๆ ในนี้น่ะรับ

มันจบไปแล้ว ท่านก็นั่งอ่านไปเถอะ ไม่มีใครจำได้หมดหรอก ก็ต้องไป copy มาบ้าง และเพิ่มความรู้ตัวเองอีกมฃที



เตียบ่อกี้
#1078   เตียบ่อกี้    [ 11-01-2009 - 15:20:30 ]

ใครรู้ประวัตของหานซิ่นมั่งครับคือผมรู้แต่ว่าหานซิ่นเป็นนักการทหารชั้นยอดของเล่าปังสุดท้ายก็โดนเล่าปังสั่งประหาร



มหาราช
#1079   มหาราช    [ 03-02-2009 - 16:35:02 ]

เราไม่รู้หรอก แต่เจออยู่แค่นี้อ่ะ

ราชวงศ์ฉินในศตวรรษที่สองก่อนคริสต์กาลนั้น เป็นราชวงศ์ศักดินาที่รวบรวมจีนเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันครั้งแรกในประวัติศาสตร์ จีน กำแพงจีนยาวหมื่นลี้ของจีนก้ได้เริ่มสร้างขึ้นอย่างใหญ่โตในราช วงศ์นี้. แต่เนื่องจากการปกครองแบบทรราชย์ขององค์จักรพรรดิ์ทั้งบิดาและโอรสติดต่อกันสองสมัย การปกครองของราชวงศ์ฉินดำรงอยู่ได้เพียง ๑๕

ปีเท่านั้น. ปลายราชวงศ์ฉิน เกิดการลุกขึ้นสู้ของชาวนาเกิด ขึ้นไม่ขาด สาย มีวีรบุรุษผู้กล้าปรากฏขึ้นมากมาย และหานซิ่นก็ คือผู้บญชาการ การทหารที่มีชื่อเสียงผู้หนึ่ง.

หานซิ่นเป็นผู้บัญชาการการทหารที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในยุคสมัย โบราณของจีน เขามาจากวงศ์ตระกูลที่ยากจน กำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่ เด็ก. ก่อน หน้าที่หันซิ่นสร้างความดีความชอบทางการทหารนั้น เขาไม่ได้ประกอบ กิจการค้า และก็ไม่สมัครใจที่จะทำไร่ไถนา ทางบ้านก็ไม่มีทรัพย์สมบัติ อะไร เขามีชีวิตที่ยากจนข้นแค้นถูกผู้อื่นดูถูกดูแคลน มักจะ ต้องอดมื้อกินมื้ออยู่เสมอ. เขาคบหามีความสนิทสนมกับขุน นางผู้น้อยคนหนึ่งใน ท้องถิ่น ดังนั้นจึงมักจะไปกินข้าวฟรีที่บ้านของขุนนางผู้นี้เป็น ประจำ แต่นานเข้า ภรรยาของขุนนางผู้นี้ให้รู้ สึกไม่พอใจยิ่ง จึงจงใจกินข้าวก่อนเวลา พอหานซิ่นมาถึงก็ไม่มี ข้าวจะให้กินแล้ว หานซิ่นจึงโกรธมากถึงกับเลิกคบหาขุนนางผู้ นี้เสีย.

เพื่อที่จะประทังชีวิตให้อยู่รอด หานซิ่นได้แต่ไปตกปลาที่คลอง หวยสุ่ยในท้องถิ่น ที่นั่นมีหญิงชราซักเสื้อผ้านางหนึ่งเห็นเขาไม่มีข้าวกิน

ก็เอาข้าวที่ตนติดมาให้เขากิน และทำเช่นนี้ติดต่อกันมานานหลายสิบวัน หานซิ่นรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง เขาจึงกล่าวต่อหญิงชราว่า “ สักวันหนึ่ง ข้าจะตอบแทนบุญคุณท่านอย่างดี”. หญิงชรา ฟังแล้วรู้สึกไม่พอใจยิ่ง กล่าวว่า”เจ้าเป็นชายชาตรี ไม่สามารถหาเลี้ยงตน ข้าเห็นเจ้าน่าสงสารจึงให้ข้าว เจ้ากิน ใครยังหวังจะให้เจ้ามาตอบแทนบุญคุณอีก”. หานซิ่งฟังแล้วให้ รู้สึกละอายใจยิ่ง ตั้งปณิธานไว้ว่าจะต้องทำภารกิจ อะไรขึ้นสักราย”.

ที่เมืองหวยเฉิงบ้านเกิดของหานซิ่น มีหนุ่มๆบางรายดูถูกหานซิ่น มีอยู่ วันหนึ่ง มีหนุ่มน้อยคนหนึ่งเห็นหานซิ่นมีรูปร่างสูงใหญ่ แต่กลับสะพาย ดาบติดตัวอยู่เสมอ คิดว่าหานซิ่นคงขี้ขลาดตาขาว จึงสกัดกั้นตัวหานซิ่น ที่กลางตลาดที่เต็มไปด้วยผู้คน แล้วกล่าวว่า “ถ้าแกมีความกล้าพอ ก็ชักดาบมาแทงข้า แต่ถ้าแกขี้ขลาดตาขาว ก็จงมุดลอดใต้ขาข้า ไป.” ผู้คนที่มามุงดูกันต่างรู้ว่านี่เป็นการจงใจจะหาเรื่องมาทำให้หานซิ่นอัปยศอดสู ต่างไม่รู้ว่าหานซิ่นจะทำอย่างไร. เห็นแต่หานซิ่นตรึกตรอง อยู่ครู่หนึ่ง ไม่พูดจาอะไร ก็มุดลอดขาของคนผู้นั้นไป. ผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างพากัน หัวเราะกันอย่างครื้นเครง พากันเห็นว่าหาน ซิ่นเป็นคนขี้ขลาดกลัวตาย

ไม่มีความกล้าพอ. และนี่ก็คือเรื่องราว”ความอัปยศที่ต้องมุดลอดใต้ขา ของหานซิ่น”ที่มีการเล่าลือต่อๆกันมาในภายหลัง.

ความจริงหานซิ่นนั้นเป็นผู้ที่มีกุศโลบายและเต็มไปด้วยแผนการยิ่งคนหนึ่ง. เขามองเห็นถึงสังคมในยุคสมัยนั้นกำลังตกอยู่ ในระหว่างการเปลี่ยนราชวงศ์ ดังนั้นจึงมุ่งมั่นศึกษาค้นคว้าตำราพิชัย สงคราม ฝึกวิทยายุทธ โดยมีความเชื่อมั่นว่าจะต้องมีวันที่ตนเงยหน้า อ้าปากได้. ปี ๒๐๙ ก่อนคริสต์กาล การลุกขึ้นสู้ของชาวนาที่คัดค้านการปกครอง ของ ราชวงศ์ฉินในท้องที่ต่างๆทั่วประเทศได้ปะทุขึ้น หานซิ่นได้เข้า ร่วมกอง ทหารที่มีกำลังค่อนข้างเข้มแข็งหน่วยหนึ่ง. หัวหน้าของกอง ทหารก็คือ หลิวปังซึ่งต่อมาภายหลังเป็นปฐมจักรพรรดิ์ของราชวงศ์ต่อมา. เริ่มแรก นั้น หานซิ่นเป็นเพียงขุนนางผู้น้อยที่ดูแลควบคุมการลำ เลียงเสบียงและ หญ้าเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ดิบได้ดีอะไรนัก. ต่อมาภาย หลังเขาได้รู้จักกับที่ ปรึกษาของหลิวปังนามเซียวเหอ คนทั้งสองมัก จะอภิปรายเหตุการณ์ บ้านเมืองและการทหารเสมอ เซียวเหอรู้สึกว่า หานซิ่นนั้นเป็นผู้ที่มี ความสามารถและสติปัญญาคนหนึ่ง ดังนั้นจึง พยายามแนะนำให้แก่หลิว ปัง แต่หลิวปังยังคงไม่ยอมใช้ให้หานซิ่น ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งสำคัญ.

วันหนึ่ง หานซิ่นที่ท้อแท้หมดกำลังใจได้จากกองทหารของหลิว ปังไป อย่างเงียบๆ โดยไปเข้ากับกองทหารลุกขึ้นสู้หน่วยอื่น. หลัง จากเซียว เหอรู้ข่าวหานซิ่นจากไป เขารีบขี่ม้าไล่กวดไปโดยไม่ได้ รายงานต่อหลิว ปัง. ครั้นหลิวปังได้ข่าว คิดว่าทั้งสองหนีไปด้วยกัน. สองวันต่อมา เซียว เหอและหานซิ่นก็กลับมา หลิวปังทั้งตื่นตระหนก ตกใจทั้งดีใจ ถามเซียว เหอว่าเป็นเรื่องอันใดกันแน่. เซียวเหอกล่าว ว่า”ข้าพเจ้าไปไล่ตามคนมาให้ท่าน” หลิวปังให้รู้สึกสงสัยถามว่า”ที่ แล้วมานายทหารชั้นสูงที่หนีไปมีหลายสิบคน ท่านล้วนไม่ไล่ตาม กลับมา เหตุไฉนจึงไปไล่ตามเฉพาะหานซิ่นกลับมา”. เซียวเหอ กล่าวว่า”นายทหารที่หนีไปก่อนหน้านี้ล้วน เป็นคนธรรมดาสามัญไม่มีฝีมือ ได้มาโดยง่าย ส่วนหานซิ่นนั้นเป็นคนที่มี ความสามารถยิ่ง. ถ้า ท่านคิดที่จะยึดชิงอำนาจการปกครอง ประเทศชาติ นอกจากหานซิ่น แล้วท่านก็จะหาคนปรึกษาหารือเรื่อง สำคัญๆร่วมกับท่านไม่ได้อีกแล้ว” หลิวปังกล่าวว่า”ถ้างั้นก็ให้เขาเป็น นายทหารอยู่ใต้การนำของท่านเถิด” เซียวเหอกล่าวว่า”ให้เขาเป็น นายทหารธรรมดา เขาไม่แน่ว่าจะยอม อยู่” หลิวปังว่า”ถ้างั้นก็ให้เขาเป็นผู้บัญชาการการทหารก็แล้วกัน” จากนั้นมา หานซิ่นก็ได้กลับกลายจากขุนนางที่ดูแลควบคุมการลำ เลียงเสบียงและหญ้ามาเป็นนายทหารผู้หนึ่ง. และในระหว่างช่วยหลิวปังสู้รบเพื่อชิงความเป็นใหญ่ในใต้หล้านั้น เขาสู้รบครั้งใดย่อมชนะครั้งนั้น ได้สร้างคุณงามความดีอันโดดเด่น




จอมยุทธพันหน้า
#1080   จอมยุทธพันหน้า    [ 04-02-2009 - 13:45:52 ]

ประวัติศาสตร์ของบรรพบุรุพตัวเอง ยังไม่รู้เลย กะทะไปประเทศอื่น



ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube