ราชวงศ์เป่ยเว่ย ก็คือเว่ยเหนือใช่ใหม่ครับ แล้วอยู่ในราชวงศ์เหนือใต้หรือเปล่า ที่ก่อนราชวงศ์สุยหรือเปล่าครับ ขอโทษนะครับที่ถาม เพราะพอรู้บ้าง แต่ถามเพื่อความมั่นใจ100%
แลกเปลี่ยนความรทางประวัติศาสตร์ของจีน
มือกระบี่ไร้นาม |
#781 มือกระบี่ไร้นาม [ 11-01-2008 - 20:03:08 ] |
|
vมังกรหลับv |
#782 vมังกรหลับv [ 11-01-2008 - 20:11:17 ] |
|
ใช่แล้วคับ |
แฟนหยางมี่ |
#783 แฟนหยางมี่ [ 11-01-2008 - 20:12:02 ] |
|
ท่านนี่ขยันใช่ย่อยนะครับท่านมังกรหลับ ![]() งั้นขอถามนะครับ ![]() กุบไลข่านตอนที่มาตีจีนตายในสงครามอะป่าว ![]() แล้วคนที่ถูกเอี้ยก้วยฆ่าตายตอนจบเป็นใครเหรอครับ ![]() (ประยุกต์เข้ามังกรหยกหน่อย ![]() |
vมังกรหลับv |
#784 vมังกรหลับv [ 11-01-2008 - 20:16:27 ] |
|
กุบไลข่านไม่ได้ตายในสงคราม น่าจะป่วยตาย ที่เอี้ยก้วยฆ่าตายคือ ข่านมังกู มีศักดิเป็นพี่ของกุบไล |
มหาราช |
#785 มหาราช [ 11-01-2008 - 20:27:34 ] |
|
อืม นั่นสินะ ตอนแรก เราก็นึกว่า ป็นกุบไลข่าน แต่พอมาคิดอีกที ไม่น่าใช่ เพราะ กุบไลข่าน ครองราชย์ 30 กว่าปี ตอนนี้ ก็รู้มาหลายเดือนแล้วล่ะรับ |
มหาราช |
#786 มหาราช [ 11-01-2008 - 20:34:40 ] |
|
ในหนัง ตอนนี้ ถึงแผ่นดินที่เท่าไหร่แล้วนี่ แผ่นดิน ที่ 3 ได้แล้วมั้ง คิดว่านะ ถ้าไม่นับ ปู่ ของ พระสวามีของจักรพรรดินีเฟง ไม่รู้ว่า พระนามว่าอะไร |
vมังกรหลับv |
#787 vมังกรหลับv [ 11-01-2008 - 20:47:48 ] |
|
ราชวงศ์เว่ย หรือเป่ยเว่ยเป็นราชวงศ์ที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศจีน หรือที่รู้จักกันใรนามทัวป๋าเว่ย หรือหยวนเว่ย ในค.ศ.494ย้ายเมืองหลวงจากดาตงไปยังลั่วหยาง ในหนังก็มีบอกอยู่น่ะถ้าจำไม่ผิดและในสมัยนี้ก็เริ่มทำการขุดเจาะถ้ำหลงเหมินที่เป็นถ้ำสลักหินพระพุทธรูปมากกว่า30000องค์ ราชวงศ์นี้เริ่มจากทัวป๋ากุยน่ะ (แปลเอาจากภาษาอังกฤษ แบบว่าไม่มีความสามารถเรียบเรียงเป็นภาษาไทยได้อย่างสละสลวยอ่ะ คงไม่ว่ากัน) ในเรื่องนางพญาเหนือมังกรอ่ะ คนที่เป็นปู่เป็นฮ่องเต้องค์ที่4 มีนามว่าทัวป๋าหยู สวามีของฮองเฮาฟงซูหยีเป็นองค์ที่5 นามว่า ทัวป๋าจุน และลูกเลี้ยงเป็นองค์ที่6 นามว่าทัวป๋าหง ราชวงศฺเป่ยเว่ยมีกษัตริย์ครองราชย์ทั้งหมด15องค์ นับจาก ค.ศ.386-535 ถือว่ายาวนาวพอสมควรและเป็นราชวงศ์ที่มีความเข้มแข็งและมีวัฒนธรรมเป็นของตัวเองส่วนใหญ่ เป็นการผสมผสานของสองชนเผ่าระหว่างเซีนนเป่ยกับโหยวหยาน |
มหาราช |
#788 มหาราช [ 11-01-2008 - 21:15:35 ] |
|
เปาบุ้นจิ้น เห็นตามประวัติศาสตร์ บอกว่า ป็นคนผิวขาว รูปหล่อ ไม่แน่ใจนะ อ่านเจอที่ไหนสักแห่ง เมื่อนานมาแล้ว |
vมังกรหลับv |
#789 vมังกรหลับv [ 11-01-2008 - 21:19:15 ] |
|
ดำสิคับ หนังมันคงไม่กล้าบิดเบือนขนาด เอาคนขาวมาทำให้เป็นคนดำซะขนาดนั้นหรอกคับ แล้วที่ผมอ่านมาเปาบุ้นจิ้นก็ดำนะคับ |
มือกระบี่ไร้นาม |
#790 มือกระบี่ไร้นาม [ 11-01-2008 - 21:25:44 ] |
|
ที่รุ่งเรืองใช่ พระเจ้าเสียวเหวินตี้ หรือเปล่าครับ |
vมังกรหลับv |
#791 vมังกรหลับv [ 11-01-2008 - 21:27:11 ] |
|
น่าจะทำนองนั้นคับ |
ฤทธานุภาพ© |
#792 ฤทธานุภาพ© [ 11-01-2008 - 21:32:40 ] |
|
เอ่อ...ตามประวัติศาสตร์ เปาบุ้นจิ้วผิวขาว ผอมสูงสง่า หน้าตาสะอาดหมดจด ประดับด้วยหนวดเป็นริ้วเหนือริมฝีปาก สายตาสัตย์ซื่อ เปี่ยมด้วยความเที่ยงตรงนะครับ แต่การที่หนังทำให้ดำเพราะมีจุดประสงค์อื่นเสริมเข้าไปด้วยนั่นคือ ให้คนดูคิดคล้อยตามว่าคนมีคุณธรรมดูที่ภายนอกไม่ได้ |
ฤทธานุภาพ© |
#793 ฤทธานุภาพ© [ 11-01-2008 - 21:35:21 ] |
|
ส่วนแหล่งอ้างอิงนั้นมีไหมผมก็คงคอนเฟิร์มไม่ได้ ที่จะยืนยันข้อมูล แต่ก็เคยอ่านจากหนังสือและบทความ สารคดีมานานมากแล้วว่าเป็นเช่นนั้น สถานที่ท่องเที่ยวที่จำลองศาลแห่งเมืองไคฟงก็เหมือนจะมีข้อมูลเรื่องนี้อยู่ |
vมังกรหลับv |
#794 vมังกรหลับv [ 11-01-2008 - 21:35:24 ] |
|
อ้าวหรอ ![]() |
vมังกรหลับv |
#795 vมังกรหลับv [ 11-01-2008 - 21:36:31 ] |
|
ผคับไม่ต้องอ้างอิงหรอกคับ ผมเชื่อท่านฤทธานุภาพ ผมก็ไม่ได้รู้ลึกเกี่ยวกับ เรื่อง ท่านเปาหรอก ก็เคยอ่านผ่านจากหนังสือนวนิยาย |
จอมยุทธ์มังกรน้อย |
#796 จอมยุทธ์มังกรน้อย [ 12-01-2008 - 12:46:08 ] |
|
ผมก็เคยได้ยินมาเหมือนกันครับ รู้สึกจะเคยมีหนังเรื่องเปาบุ้นจิ้น ผิวขาวอยู่ด้วย ดูมานานแล้ว จําไม่ค่อยได้ ![]() |
vมังกรหลับv |
#797 vมังกรหลับv [ 12-01-2008 - 15:25:48 ] |
|
แล้วอันนี้คือในนวนริยายใช่ป่วคับ เปาบุ้นจิ้น เป็นชาวเมืองหุ้นหนำกุ้ย ขึ้นกับเมืองกุยจิวเสีย อยู่ตำบลเปาเก แซ่เปา ชื่อบุ้นจิ้น เป็นบุตรชายของเปาเบ๊ะบ้วน และนางหลีสี อันหยิน มีพี่ชายสองคน คือเปาบุ้นกุ้ย และ เปาบุ้นลุ้ย เปาบุ้นกุ้ยเป็นพี่ชายคนโต มีภรรยาชื่อนางหลิวสี เปาบุ้นลุ้ยเป็นพี่ชายรอง มีภรรยาชื่อนางกังสี ส่วนเปาบุ้นจิ้น มีภรรยาชื่อ นางเตียวกุยกี ในช่วงที่เปาบุ้นจิ้นเกิดปรากฎว่า มีกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั้งบ้าน พอคลอดออกมาร้อง อุแว้ อุแว้ แสงสว่างได้ส่องกระจายไปทั่วบ้าน แสดงว่ามีคนดีมาเกิด และคนดีคนนี้จะสร้างความสงบสุขให้แก่บ้านเมือง เป็นที่พึ่งพิงของราษฎรได้ในภายหน้า เปาบุ้นจิ้นเกิดมามีหน้าดำมิดหมี บ้านใกล้เรือนเคียงพากันมาเยี่ยม เห็นทารกหน้าดำปี๋ ต่างทำหน้าเบ้ไปตามๆกัน นึกรังเกียจทารกว่าจะเป็นปีศาจมาเกิด หน้าตาจึงได้ผิดมนุษย์มนาไปเช่นนี้ ชาวบ้านก็โจษขานกันว่า ปีศาจมาเกิด ทำให้เปาเบ๊ะบ้วน ใจคอไม่ดี พลอยนึกไปในทางอกุศลแก่ลูกของตนว่า “อ้ายเด็กคนนี้คงเป็นปีศาจมาเกิด ขืนเลี้ยงไว้จะเป็นเสนียดจัญไรแก่บ้าน ได้ปรึกษากับหลีสีอันหยิน เห็นพ้องกันว่า จะต้องเอาไปทิ้งไว้ในป่า หากเอาไว้ในบ้านจะนำความพินาศมสู่ตระกูลเปา เปาเบ๊ะบ้วน เป็นชาวบ้านธรรมดา มีอาชีพทางเกษตร ทำไร่ทำนา คบหาสมาคมเฉพาะคนพวกเดียวกัน แม้จะมั่งมีเงินทอง ก็หาได้เรียนหนังสือหนังหาไม่ ไม่ได้ศึกษาทางธรรม จึงไม่อาจเข้าใจเหตุผล ไม่อาจแยกแยะชั่วดีได้อย่างถูกต้อง แม้นางหลีสีอันหยินก็ไม่รู้ทั้งทางโลกและทางธรรม รู้แต่เรื่องทำมาหากินเท่านั้น หนำซ้ำยังเป็นคนเชื่อถือโชคลางอีกด้วย จึงตัดสินใจไปด้วยโหจริต คิดจะเอาลูกไปทิ้ง ในขณะที่บิดา มารดา กำลังปรึกษากันอย่างโง่ๆอยู่นั้น นางหลิวสี บุตรสะใภ้คนโตผู้มีสติปัญญา ซึ่งนั่งอยู่ในที่ไม่ไกลได้ยินเข้าจึงขอร้องบิดามารดาจะรับเลี้ยงไว้ ถ้ามีภัยอันตรายเกิดขื้น ก็จะขอรับผิดชอบเอง ไม่ให้เสียแก่บิดามารดา แม้บิดามารดาจะไม่เห็นด้วย และถึงกับโกรธขึ้ง แต่นางหลิวสีสะใภ้ใจบุญผู้ฉลาดก็ดื้อดึงเอาไว้ เพราะนางเห็นนิมิตต่างๆ ที่เกิดขึ้นขณะเปาบุ้นจิ้นคลอดออกมานั้น นางเชื่อว่า โตขึ้นเด็กคนนี้จะต้องเป็นผู้มีบุญวาสนามาก นางหลิวสีรับทารกนั้นไปเลี้ยงไว้ แล้วใหตั้งชื่อว่า เปาบุ้นจิ้น บิดามารดาจะรังเกียจเดียดฉันอย่างไร แต่เปาบุ้นกุ้ย และเปาบุ้นลุ้ย พร้อมพี่สะใภ้ทั้งสองไม่เคยรังเกียจ กลับจะให้ความเมตตามากยิ่งขึ้น เปาบุ้นจิ้น เป็นเด็กมีสติปัญญาดี ไม่มีความประพฤติเสียหายเมื่อโตขึ้นได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความรู้สูง ครั้นสมัครไปสอบไล่ ก็สามารถสอบไล่ได้เป็นจอหงวน ได้รับพระราชทานช่อดอกไม้ทองเสียบหมวกจากฮ่องเต้ ต่อมา ได้รับตำแหน่งเป็นนายอำถอเมืองเตี้ยตักกุ้ย แทนนายอำเภอคนเก่าที่ถึงแก่กรรม ตอนนั้นอายเพียง ๑๙ ปีนับว่าหนุ่มที่สุด บิดา มารดา พี่ซาย และพี่สะใภ้ ดีใจกันใหญ่หน้าดำของเปาบุ้นจิ้น ที่บิดามารดาเคยตั้งข้อรังเกียจ ก็ไม่รู้สึกกันอีกต่อไปนี่แหละหนาคนเรา ! เปาบุ้นจิ้นได้เป็นนายอำเภอมาไม่นานนัก ก็ได้สละโสดแต่งงานกับนางเตียวกุยกี แม้ใบหน้าของเปาบุ้นจิ้นจะดำคล้ำไปหน่อย ผิดกับเจ้าสาวซึ่งสวยงามยิ่งนัก แต่เปาบุ้นจิ้นก็เป็นคนดี มีวาสนาได้เป็นขุนนางตั้งแต่ยังหนุ่ม นางเตียวกุยจึงมีความพอใจ ไม่ถึงกับต้องหล่อเหลา ขอเพียงเป็นคนเอาการเอางานขยันอดทน มีความคิดสร้างสรรค์ ฝันใฝ่ในทางดีงาม ไม่มีผู้หญิงที่ฉลาดคนไหนหรอกจะไม่เหลียวแล นายอำเภอเปาบุ้นจิ้น ได้ทำหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตยสุจริต อุทิศชีวิตเพื่อบ้านเมือง บำบัดทุกข์บำรุงสุข ราษฎรจนเป็นทียินดีกันทั่วหน้า จึงได้รับแต่งตั้งเป็นตุลาการเป็นเจ้าเมือง ได้เป็นขุนนางผู้ใหญ่ เป็นที่เกรงขามของบรรดาข้าราชการทั้งน้อยใหญ่ แม้องค์ฮ่องเต้ก็ยังทรงเกรงพระทัย ขุนนางกังฉินทั้งเกลียดและกลัวท่าน แต่ขุนนางตงฉิน และราษฎรทั้วไปรักท่าน เพราะเปาบุ้นจิ้นท่านเป็นขุนนางที่ติดดิน ไม่ใช่ขุนนางที่คอยฟังแต่รายงาน ท่านคอยตรวจตราสุขทุกข์ของราษฎรด้วยตัวของท่านเอง เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นไม่ว่าที่ไหน ท่านจึงแก้ไขได้หมด ท่านเป็นข้าราชการประเภทที่เรียกว่า “รองเท้าสึกก่อนกางเกงขาด” ถ้าพูดถึงการตัดสินคดีความของท่านแล้ว นับว่าไร้เทียมทานท่านเป็นตุลาการที่เที่ยงธรรมที่สุด เพราะท่านไม่ได้อ่านเฉพาะคำฟ้องเท่านั้น แต่ท่านพยายามไขว่คว้าพยานหลักฐานมาด้วยตนเองท่านออกพบปะประชาชน ค้นหาความจริงนอกบัลลังก์ศาล คำพิพากษาของท่านจึงบริสุทธิ์ ไม่มีใครสงสัยท่านจึงได้ชื่อว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งความยุติธรรม” ในฐานะเป็นขุนนางผู้ใหญให้คำ ปรึกษาแก่จักพรรดิ์องค์ฮ่องเต้เปาบุ้นจิ้นกระทำหน้าที่นี้ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตอย่างแท้จริง อันไหนควรก็บอกว่าควร อันไหนไม่ควรก็บอกว่าไม่ควร เปาบุ้นจิ้นกล้าขัดพระทัยองค์ฮ่องเต้ ถ้าพระองค์จะทรงกระทำในสิ่งที่ผิด กล้าแนะนำองค์ฮ่องเต้ในสิ่งที่ถูก ทำให้องค์ฮ่องเต้ไม่กล้ากระทำผิด ทรงมีหริโอตตัปปะมากขึ้น ดำรงพระองค์อยู์ในทศพิธราชธรรม และรักรราษฎรมากขึ้น เห็นราษฎรเป็นเหมือนลูกหลาน ที่จะต้องทรงรักษาดูแลให้อยู่เย็นเป็นสุขกันทั่วหน้า เมื่อองค์ฮ่องเต้ดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรม คือ ๑. บำรุงเลี้ยงช่วยเหลือราษฎรให้อยู่ดีมีสุข ทรงสละพระราชทรัพย์ เพื่อราษฎรได้อยู่สำราญใจ (ทาน) ๒. มีความประพฤติดีงาม ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ทรงเป็นตัวอย่างที่ดีของประชาชน (ศีล) ๓. สละความสุขส่วนพระองคได้ เพื่อประโยชน์ และความสุขของประชาชนและสันติความสงบของบ้านเมือง ตลอดจนพระชนม์ชีพก็สามารถสละได้ หากว่าจะสามารถยังความสุข ความเจริญให้เกิดแก่ราษฎรได้ (ปริจจาคะ) ๔. ทรงปฏิบัติภารกิจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีความจริงใจต่อประชาชน (อาชชวะ) ๕. มีอัธยาศัยอ่อนโยน กิริยาสุภาพ นุ่มนวล ไม่เย่อหยิ่งหยาบกระด้าง เห็นแล้วงามสง่า น่าภักดี (มัททวะ) ๖. สามารถระงับดับกิเลสได้ ไม่ลุ่มหลงในความสุขสำราญ มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย และมุ่งมั่นบำเพ็ญเพียรปฎิบัติภารกิจให้สมบูรณ์ (ตปะ) ๗. ไม่โกรธเกรี้ยว ลุอำนาจแก่โทสะ จนเป็นเหตุให้เกิดความผิดพลาดในเรื่องที่ทรงกระทำ และเสียหายแก่ธรรม กับมีเมตตกรุณาประจำพระทัย (อักโกธะ) ๘. ไม่ทำอะไรที่เป็นการกดขี่บีบคั้นราษฎร เช่นไม่เก็บภาษีอย่างขูดรีด ปีไหนเศรษฐกิจไม่ดี ราษฎรยากจน ก็ควรงดเก็บภาษีหรือเก็บภาษีให้น้อยลง ทำให้ราษฎรมีทุนทำมาหากินต่อไปได้ ไม่ลุ่มหลงอำนาจ จนขาดเมตตากรุณา แล้วหาเหตุเบียดเบียนราษฎรให้เป็นทุกข์ (อริหิงสา) ๙. มีความอดทน อดทนต่อภารกิจ อดทนต่อความเจ็บไขได้ป่วย อดทนต่อความบีบคั้นทางใจ ทนต่อกิเลสที่มายั่วยวนกวนใจได้ ไม่ยอมละทิ้งสิ่งดีงาม (ขันติ) ๑๐. วางพระองค์หนักแน่นอยู่ในธรรมไม่หวั่นไหวในโลกธรรมยึดมั่นในหลักนิติธรรมอันถูกต้อง ไม่ประพฤติผิดขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม (อวิโรธนะ) ฮ่องเต้ที่ดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรม จะไม่มีเวลาสำหรับกระทำผิดให้เสียหาย จะมีเวลาแต่ปกครองราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุข จะทรงรักษาราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุข พระองค์จะทรงรักราษฎรมากขึ้นห่วงใยราษฎรยิ่งกว่าพระองค์เอง เมื่อฮ่องเต้ทรงรักและห่วงใยราษฎร ราษฎรก็ย่อมจงรักภักดีต่อพระองค์ องค์ฮ่องเต้อยู่ได้ด้วยราษฎรภักดี หาใช่อยู่ที่ความประจบสอพลอของเหล่าขุนนางไม่ ขุนนางอย่างเปาบุ้นจิ้น จะไม่แนะนำให้องค์ฮ่องเต้ออกไปจากหลักธรรมอันนี้ จะไม่ประจบสอพลอเพื่อเอาดีเฉพาะตัว นี่แหละขุนนางตงฉิน ผู้จงรักภักดีที่แท้จริง เปาบุ้นจิ้นเริ่มรับราชการมาตั้งแต่อายุ ๑๕ ปี จนถึง ๑๐๕ ปีอันเป็นปีที่หมดอายุพอดี รวมเวลารับราชการนับได้ ๙๐ ปีเต็มๆ ตั้งแต่ทำราชการมา เปาบุ้นจิ้นมีแต่ความซื่อสัตย์ สุจริตไม่เคยฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่เคยกินตามน้ำหรือทวนน้ำ ไม่ใช่ว่าโง่เขลาคอร์รัปชั่นไม่เป็น หามิได้ เปาบุ้นจิ้นเป็นคนฉลาดมาก ทำการอันใดไม่เคยพลาด แม้มีอำนาจล้นมือแต่ไม่เคยใช้อานาจในทางมิชอบ คนเช่นนี้แหละจึงจะเรียกว่าเป็นผู้รับใช้แผ่นดิน และประชาชนผู้ยิ่งใหญ่ |
มือกระบี่ไร้นาม |
#798 มือกระบี่ไร้นาม [ 12-01-2008 - 20:14:08 ] |
|
ถ้าเกิดอยากอ่านนวนิยายการเมือง ต้อง กระบี่เย้ยยุทธจักร |
จอมยุทธ์มังกรน้อย |
#799 จอมยุทธ์มังกรน้อย [ 13-01-2008 - 12:51:58 ] |
|
แล้วตลงพรรคไหนได้เป็นนายกของกระบี่เย้ยยุทธจักรละครับ ![]() |
มหาราช |
#800 มหาราช [ 15-01-2008 - 18:16:24 ] |
|
พวกท่าน ชื่นชม ยกย่อง ฮ่องต้ องค์ใดกันบ้าง ผม ก็มี ฉินซีฮ่องเต้ ฮั่นเกาจู่ฮ่องเต้ ฮั่นเหวินตี้ฮ่องเต้ ฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้ ฮั่นกวงอู่ตี้ฮ่องเต้ ถังไทจงฮ่องเต้ บูเช็คทียน เสี่ยวเหวินตี้ฮ่องต้ แห่งต้าเว่ย (ถูกเปล่าหว่า) ถังเสวียนจงฮ่องเต้ ซ่งไท่จู่ฮ่องเต้ ซ่งไท่จงฮ่องเต้ กุบไลข่าน เจงกิสข่าน (หากไม่มีเจงกิสข่าน คงไม่มี กุบไลข่าน) หมิงไทจู่ฮ่องเต้ คังซี เฉียนหลง อันนี้ อาแค่องค์ที่รู้จัก แด่นๆ บนหน้าประวัติศาตร์ ยังมีอีกเยอะ แตเอา องค์ที่ผม ยกย่อง และ ชื่นชมมากที่สุด |