เข้าระบบอัตโนมัติ

แลกเปลี่ยนความรทางประวัติศาสตร์ของจีน


มือกระบี่ไร้นาม
#581   มือกระบี่ไร้นาม    [ 22-10-2007 - 11:15:28 ]

ผมว่าในประวัติศาสตร์จีน ฮ่องเต้จะชอบหลงเชื่อพวกขันทีจนสิ้นแผ่นดิน แต่ก็มีขันทีอยู่คนหนึ่งได้เป็นแม่ทัพเรือผู้ยิ่งใหญ่ คนจีนกราบไหว้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นในประวัติศาสตร์ ลองเอาลิงค์ไปอ่านก็แล้วกัน
http://www.chinesemuslimthailand.com/printable.php?id=61
เอาไปอ่านเล่นๆ



มือกระบี่ไร้นาม
#582   มือกระบี่ไร้นาม    [ 22-10-2007 - 11:31:24 ]

เออขอถามท่านมังกรหลับหน่อยครับ ฮองเฮาของพระเจ้าฮั่นโกโจมีพระนามว่าอะไรครับ ผมเคยอ่านในหนังสือมาว่าฮองเฮาผู้นี้เกือบได้เป็นจักรพรรดินีคนแรกของจีนก่อนหวูเจ๋อเทียนเสียอีก เป็นความจริงหรือเปล่า



คนหล่อ
#583   คนหล่อ    [ 22-10-2007 - 14:42:41 ]    IP: 125.27.114.3

ราชวงศ์ฮัน่ต่างหาก ตงฮั่น + ซีฮั่น



vมังกรหลับv
#584   vมังกรหลับv    [ 22-10-2007 - 18:40:59 ]

ฮองเฮาของ หลิวปัง ไม่รู้ชื่อเต็มคับ รู้แต่ว่าแซ่ หลี่ หรือหลี่ฮองเฮา ไม่รู้ว่าจะใช้คนนี้รึป่าวนะที่เป็นจัรพรรดินีของจีนคนแรกตัวจริง เพราะคล้ายๆจำได้ว่าตัวจริงเขาขึ้นมาครองราชย์เลยคับ แล้วครองอยู่แปปเดียว อีกทั้งฮ่องเต้หญิงราชวงศ์ฮั่นนี้มีข้อมูลน้อยมากๆคับ จึงไม่มีใครยอมรับ แต่ อู่เจ๋อเทียน มีข้อมูลมากและมีบันทึกไว้อย่งชัดเจนจึงเป็นที่ยอมรับคับ ผมก็สันนิษฐานเอานะ เพราะนอกจากหลิวปังแล้ว เรื่องราชวงศ์ฮั่น เป็นราชวงศ์ที่ผมมีความรู้น้อยที่สุด



vมังกรหลับv
#585   vมังกรหลับv    [ 22-10-2007 - 18:48:32 ]

ขันทีนอกจากจะเลวแล้ว ขันทีดีๆก็มีเยอะคับ

เช่น
เจิ้งจง
ไช่หลุน
จางโย่ว
หยางซื่อจู่
เจิ้งซานเป่า(เจิ้งเหอ)

ขันทีส่วนใหญ่ก็จะไม่ดีอย่างที่บอกและคับ เพราะคนส่วนใหญ่ที่เขายอมตอนตัวเองมาเป็นขันทีก็เพราะอยากแสวงหาอำนาจ มีไม่น้อยคับที่ใจเด็ดใช้มีดตอนตัวเองโดยไม่ได้ไปร้านหมอ เพียงเพื่อต้องการแสวงหาอำนาจ 30เปอร์เซ็นต์ของพวกที่ถูกตอนมักจะตายนะคับ
บางคนก็เป็นเชลยที่จับได้แล้วเอามาเป็นขันที ขันทีเหล่านี้เลยอยากจะแก้แค้นให้พวกพ้องตน แต่ ขันทีดีๆก็มีคับ เช่น คนที่ยากจนก็จะถวายตัวเข้ามารับใช้ หรือบางคนก็อยากเข้ามาศึกษาความรู้ในวัง



vมังกรหลับv
#586   vมังกรหลับv    [ 22-10-2007 - 18:55:56 ]

ขันทีนี่มี 2 แบบนะคับ แบบตอนหมดจด กับ ตอนแต่องคชาติ พวกที่ดังๆนั้นล้วนเป็นแต่พวก ตอนแบบหมดจดทั้งสิ้นคับ

ปล . พยายามหากระทู้เรื่องขันที ที่ผมเคยโพสต์ไว้ แต่หาไม่เจอฮะ



vมังกรหลับv
#587   vมังกรหลับv    [ 22-10-2007 - 23:16:59 ]

ไม่มีใครเข้ามาถามไยเยยหว่า เซ็งจังเลยมาบรรยายเรื่องขันทีดีกว่า

ถ้าพูดถึงราชสำนักจีนสิ่งที่เราคิดถึงคงไม่พ้นฮ่องเต้ เหล่าสนม และขันที
นานมาแล้วในบอร์ดนี้เคยมีคนถามผมว่าขันทีเกิดขึ้นมาแต่สมัยใด ขันทีนั้นเรียกได้ว่าเกิดมาพร้อมกับเหล่านางสนมกำนัล โดยมีข้อมูลสันนิษฐานว่าเกิดขึ้นในสมัยหวงตี้ หรือจักรพรรดิเหลือง ปฐมบรมกษัตริย์องศ์แรกของจีน เป็นการเริ่มแรกชองระบอบศักดินา สมัยนี้อาจไม่มีบันทึกในประวัติศาสตร์เพราะอยู่ในขั้นตำนาน (คนละองศ์กับจิ๋นซีนะ อันนี้ก่อนจิ๋นซีเป็นพันปี) หลังจากจักรพรรดิเหลืองหรือหวงตี้ รวบรวมชนเผ่าต่างๆได้แล้ว ประชาชนในเผ่าต่างๆพร้อมกันสถาปนาพระองศ์เป็นกษัตริย์ และชาวจีนรุ่นต่อๆมาจนถึงปัจจุบันก็ยึด หวงตี้ เป็นบรรพบุรุษของชาวจีน บางตำราบอกว่าจักรพรรดิเหลือง หรือ หวงตี้ ชื่นชอบในวิชาด้านการแพทย์ มีบันทึกว่าการฝังเข็มมีใช้แล้วในสมัยนี้ เมื่อหวงตี้รวมชนเผ่าได้แล้วประชาชนมากมายก็อยากเกี่ยวดองกับวีรบุรุษอย่างหวงตี้ ซึ่งทางเดียวที่จะเกี่ยวดองได้ดีที่สุดให้ วีรบุรุษผู้นี้มาเกี่ยวดองเป็นเครือญาติเสมือนครอบครัวเดียวกัน ก็คือ การยกลูกสาวของตนให้แต่งงานกับหวงตี้ มีครอบครัวจำนวนนับพันๆ ที่ถวายลูกสาวให้เป็นเมียหวงตี้ หวงตี้เองแกก็คงเป็นคนขี้เกรงใจคน ใครถวายลูกสาวมา แกก็ยื่นมือรับไว้ทั้งหมด ซึ่งภายหลังจำนวนเมียนับพันๆของหวงตี้นี้ก็ทำให้เขาปวดหัว เพราะเขาไม่ไวใจผู้ชายธรรมดาที่จะมาทำการคุ้มครอง เหล่า ภรรเมียของเขาเหล่านี้ให้อยู่อย่างเป็นสุขโดยที่จะไม่มี ลูกกาฝากของผู้อื่นเข้ามาปน เสนาบดีคนสนิทผู้หนึ่งจึงเสนอไอเดียเด็ดที่จะหาชายที่ไม่ใช่ชายมาทำการคุ้มครอง เหล่าภรรเมียของหวงตี้ โดยข้อเสนอมีอยู่ว่าชายธรรมดามีไอ้หนูตัวดุ้นอยู่ทุกคน จึงจำเป็นต้องคัดเลือกจากคนที่ไม่มี ประการแรกที่คิดได้คือ ให้เอาทหารที่ประสบเหตุในสงครามมาเป็นองครักษ์ และเรียกคนผู้นี้ว่าขันที แต่แล้วจำนวนทหารที่หามาได้ก็ไม่เพียงพอแก่ความต้องการ เพราะภรรเมียของหวงตี้ มีเป็นพัน เสนาบดีคนเดิมเจ้าเก่าเลยเสนออีกว่าให้ เอาทหารเชลยที่จับได้มาทำเป็นขันทีสิ ซึ่งก็ยังคงไม่พออยู่ดีเพราะราชสำนักต้องใช้ขันทีมหาศาล เหล่าเชลยเหล่านี้ก่อนนำมาเป็นขันทีใช่หว่าจะรับได้หมดต้องกรองเสียก่อนด้วย เสนาบดีเจ้าเก่าเลยเสนอให้มีวิธีการลงโทษโดยการตอน ก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี จนในที่สุดจึงต้องมีการจ่ายเงินเดือนให้ขันทีด้วยจำนวนเงินที่สูงพอตัว และมีเงินรให้ล่วงหน้า ให้กับคนที่มาเป็นขันที การเป็นขันทีสมัยหลังจึงเข้าดดยการถูกขายเข้าไป และ สมัครใจไป เสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะเพียงสละความสุขความทเป็นชายแต่ผลพวงจากเงินเดือน ทำให้ทางบ้านมีความสุขไปอีกหลายๆชีวิต



vมังกรหลับv
#588   vมังกรหลับv    [ 22-10-2007 - 23:23:01 ]

ขันที นั้นมี 2 ชนิด

ชนิดแรกคือ ขันทีที่ตอนแบบหมดจด คือตอนทั้งองคชาติและอัณฑะ พวกนี้จะไม่มีหนวดเคราอีกทั้งเสียงก็เล็กแหลมไปคล้ายผู้หญิงร่างกายมักอ่อนแอ กระตุ่งกระติ่ง คล้ายพวกตุ๊ดหรือกระเทย ประมาณครึ่งหนึ่งของพวกนี้ที่ถูกตอนแล้วมักกลายเป็นตุ๊ด พวกนี้จะได้อยู่ใกล้นางสนมกำนัล และฮ่องเต้เป็นพิเศษ พวกมีอำนาจในราชสำนักที่เป็นขันทีก็มาจากพวกนี้ทั้งนั้นแหละคับ

ชนิดที่สอง
ขันทีที่ตอนแต่ องคชาติ พวกนี้จะมีความเป็นชายเหมือนเดิม มีหนวดเคราและเรี่ยวแรงกำยำ จะเสียก็แต่ไม่มีองคชาติ อยู่ในวังหลังเหมือนกัน แต่มีหน้าที่หาบน้ำ ทำกับข้าว หาบของ หรือทำงานนักๆ ในสมัยหมิงรู้สึกว่าจะเอาพวกนี้ไปทำเป็นพวกตงช่างด้วยหรือองครักษ์เสื้อแพร คือหน่วยพิเศษสำหรับปฏิบัติการรับของฮ่องเต้มีไว้คุ้มครองฮ่องเต้ แต่ดูในหนังจีนหลายๆเรื่องคงต้องเปลี่ยนจากคุ้ม มาเป็นคุม มากกว่า เพราะอิทธิพลในเมืองหลวงของคนพวก ตงช่างมีมหาศาล




จอมยุทธ์มังกรน้อย
#589   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 23-10-2007 - 15:00:16 ]

อันนี้ หลายคนต่างก็บอกว่าจริงๆบ้าง หรือไม่ก็เป็นข่าวลือบ้าง แต่ที่ผมรู้ก็คือ ปู่เหว่ยหรือไท่เว่ย เดิมดํารงตําแหน่ง ผู้บังคับบัญชาทหารสูงสุด ก็อาจเป็นเรื่องจริงก็ได้ ที่อาจแอบสนับสนุนให้ ฮินอ๋องเจิ้ง กล่าวสู้การเป็นประมุข ของแคว้นฉิน โดยยอมให้ลูกตัวเองไปเป็นลูกของประมุขคนก่อน



มือกระบี่ไร้นาม
#590   มือกระบี่ไร้นาม    [ 23-10-2007 - 16:10:21 ]

ท่านมังกรหลับรู้เรื่องราชวงศ์ฮั่นน้อยหรือ ส่วนตัวผมเองชอบราชวงศ์ฮั่นมากที่สุด



vมังกรหลับv
#591   vมังกรหลับv    [ 23-10-2007 - 17:48:10 ]

งั้นช่วย ลงชื่อฮ่องเต้ ราชวงศ์ฮั่นให้หน่อยคับ แล้วก็ ถ้าจะกรุณาเป็นพิเศษก็บรรยายประวัติของแต่ละองศ์ด้วยคับ



fhasatumton
#592   fhasatumton    [ 24-10-2007 - 12:34:41 ]    IP: 58.9.130.187

ท่านมังกรหลับ ถ้าจะเอาประวัติแต่ละองค์ คงไม่ไหวล่ะมั้งครับ


เอาเฉพาะ ฮ่องเต้ ราชวงศ์ฮั่น ที่มีชื่อที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์จะดีกว่ามั้ยครับ

ส่วน รายพระนามฮ่องเต้ ราชวงศ์ฮั่นตอนต้น ผมก็ได้ลงไปให้แล้ว



fhasatumton
#593   fhasatumton    [ 24-10-2007 - 12:52:04 ]    IP: 58.9.130.187

ราชวงศ์ฮั่น



-ฮั่นเกาจู่ หลิวปัง
-หลี่ฮองเฮา(หลี่จื้อ)
-แม่ทัพใหญ่ หานซิ่น
-นายก เซียวเหอ
-ฮั่นเกาจง ฮั่นเหวินตี้ ฮั่นจิ่งตี้ 3คนนี้ดังน้อย

แล้วก็เป็น

-ฮั่นอู่ตี้ ฮ่องเต้องค์ที่5 ครองราชย์นาน54ปี
-พระนางโต้ว ไท่หวงไทเฮา
-ฮองเฮาเฉินอาเจียว
-ฮองเฮาเว่ยจื่อฟู
-แม่ทัพใหญ่เว่ยชิง
-ฮั่วชวี่ปิ้ง แม่ทัพปราบซงหนู
-3รุ่นคนตระกูลหลี่(หลี่กวง หลี่กั่น หลี่หลิง)ไม่ใช่คนชั่วนะ แต่เป็นคนดี หมายถึง บุคคล3รุ่นจ้า มีชะตากรรมที่น่าเศร้าทั้งสามคน
-จางเชียน ผู้บุกเบิกsilk road
-ซือหม่าเชียน บิดาแห่งประวัติศาสตร์
-หลี่ก่วงลี่ แม่ทัพปราบประเทศเฟอร์การ์นา (ต้าหวั่น) เพื่อชิงเอาม้าเหงื่อเลือด

-ฮั่นหยวนตี้
-หวังเจาจวิน

-กบฎหวางมั่ง

-ฮั่นกวงอู่ตี้ ฮ่องเต้องค์แรกของตังฮั่น


ไปเจอมา ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า

แต่ที่แน่ๆ มีตัวตนอยู่จริงทั้งหมด



fhasatumton
#594   fhasatumton    [ 24-10-2007 - 13:09:33 ]    IP: 58.9.130.187

ฮั่นเหวินตี้ (หลิวเหิง)

เมื่อเอ่ยถึงราชวงศ์ฮั่นตะวันตก หลายคนมักนึกถึงฮั่นเกาจู่ (หลิวปัง) หรือไม่ก็ฮั่นอู่ตี้ (หลิวเช่อ)
ซึ่งประกอบวีรกรรมเอาไว้มากมาย บุคคลแรกคือผู้ฟันฝ่าอุปสรรคจนก่อตั้งราชวงศ์
ส่วนบุคคลหลังคือผู้เสริมสร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้ราชวงศ์มากที่สุด
แต่หลายคนมักละเลยฮ่องเต้ผู้หนึ่งซึ่งได้วางรากฐานและระงับวิกฤติการณ์สิ้นราชวงศ์เอาไว้
เขาผู้นั้นคือฮั่นเหวินตี้

ย้อนไปถึงช่วงหลังฮั่นเกาจู่สวรรคต ในปี 195 ก่อนค.ศ. พระนางลิ (หลี่)ฮองเฮา ก็ได้เลื่อนยศเป็นหลี่ไทเฮา
และกุมอำนาจสูงสุดจากฮั่นฮุ่ยตี้โอรสเพียงหนึ่งเดียวของพระนาง
ซึ่งค่อนข้างเป็นคนรักความสงบและมีสุขภาพอ่อนแอ
จากนั้นหลี่ไทเฮาก็ได้ไล่เช็คบิลกับบรรดาสนมขององค์เกาจู่รวมไปถึงโอรสของสนมเหล่านั้น
แม้ว่าฮ่องเต้จะพยายามปกป้องอนุชาต่างมารดาของพระองค์ก็ตาม หนึ่งในเหตุอื้อฉาวที่สุดก็คือ “มนุษย์หมู”
ซึ่งทำให้ฮั่นฮุ่ยตี้หมดอาลัยตายอยาก ยกอำนาจให้ไทเฮาและหันตัวเองไปหาสุรา
จนไม่นานฮั่นฮุ่ยตี้ก็เสด็จตามฮั่นเกาจู่ไปอีก หลี่ไทเฮาจึงตั้งฮ่องเต้หุ่นเชิดถึง 2
องค์ก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ ซึ่งยุคสมัยการครองอำนาจของหลี่ไทเฮานั้น คนแซ่หลิวนับว่าถูกล้างบางไปมาก
ส่วนคนแซ่หลี่กลับได้ขึ้นมานั่งตำแหน่งสำคัญต่างๆ รวมไปถึงตำแหน่งอ๋องด้วย

หลิวเหิงโอรสของหลิวปัง รอดพ้นคมดาบของหลี่ไทเฮาไปได้ เพราะสนมโป๋
ซึ่งเป็นพระมารดาไม่เป็นสนมที่องค์เกาจู่ทรงโปรดมากนัก และในปี 196 ก่อนค.ศ.
องค์เกาจู่ได้โปรดให้หลิวเหิง ไปเป็นอ๋องครองเมืองไตย์ (ซึ่งชายแดนสุดๆ
และเล็กที่สุดในบรรดาองค์ชายต่างๆ) แต่นั่นก็กลับเป็นผลดีต่อชีวิตของหลิวเหิงเอง
มีครั้งหนึ่งที่หลี่ไทเฮาลองใจให้หลิวเหิงไปครองเมืองจ้าวซึ่งใหญ่กว่าเดิม
แต่หลิวเหิงรีบปฏิเสธว่าสุขภาพไม่ค่อยดี อยากสูดอากาศชนบทมากกว่า เลยรอดไป ต่อมาในปี 180 ก่อนค.ศ.
พระนางหลี่ไทเฮาสิ้นพระชนม์
โจวป๋อซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดและเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งราชวงศ์ที่ยังมีชีวิตอยู่
จึงทำการยึดอำนาจจากตระกูลหลี่ที่กำลังยุ่งกับพิธีศพไทเฮา และได้ถอนรากคนตระกูลหลี่ไปหลายร้อยชีวิต
ก่อนที่จะไปอัญเชิญโอรสขององค์เกาจู่ที่ยังเหลือรอดมานั่งบัลลังก์ ดังนั้นหวยจึงไปออกที่หลิวเหิง
แรกเริ่มนั้นหลิวเหิงก็ไม่ค่อยไว้ใจคณะของโจวป๋อเท่าไหร่
แต่โจวป๋อก็พยายามแสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง ภายหลังขึ้นครองราชย์แล้วหลิวเหิง
ได้มีพระราชสมัญญาว่าพระเจ้าฮั่นเซี่ยวเหวินตี้ เรียกสั้นๆว่า ฮั่นเหวินตี้
และบ้านเมืองก็เข้าสู่ความสงบสุชอีกครั้ง

ฮั่นเหวินตี้ ได้เปิดศักราชใหม่ซึ่งเป็นการเริ่มต้นของยุคทองราชวงศ์ฮั่น
หลังจากที่ฮั่นหวิดสิ้นราชวงศ์โดยน้ำมือของหลี่ไทเฮา
ฮ่องเต้องค์ใหม่นี้เป็นผู้มีสายพระเนตรยาวไกลและพระทัยหนักแน่น
ทรงรู้จักการบริหารและเลือกใช้บุคลากรเป็นอย่างดี
ด้วยความที่เคยมีชีวิตยากลำบากมาก่อนและได้เห็นชีวิตของราษฎรตามชายแดนที่ลำบากแร้นแค้น
เสาหลักค้ำแผ่นดินในช่วงเริ่มต้นรัชกาลนี้ก็คือบรรดาแม่ทัพนายกองสมัยร่วมก่อตั้งราชวงศ์ อันได้แก่
โจวป๋อ เฉินผิง กวนยิง จางชาง ซินถูเจีย ซึ่งเป็นพวกถนัดบู๊มากกว่าบุ๋น
ฮั่นเหวินตี้จึงพยายามถ่ายโอนอำนาจใหม่มาให้คนหนุ่มไฟแรงที่มีความรู้ความสามารถด้านการบริหารอย่างแท้จริ
ง ซึ่งก็ได้มนตรีใหม่ๆอย่างเช่น หวูกง เจียอี้ เฉาชั่ว เป็นต้น

แผ่นดินจีนไม่เคยสงบเลยนับจากสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ที่ปกครองเผด็จการสุดๆ
ต่อมาก็ฉินเอ้อซื่อที่ขูดรีดยิ่งกว่าองค์พระบิดา ช่วงฌ้อปาอ๋องก็ปกครองด้วยเผด็จการแบบจิ๋นซี
ถัดมาฮั่นเกาจู่ก็ต้องยุ่งกับการขจัดหอกข้างแคร่ต่างๆ ตลอด 12ปีของรัชกาล
ยิ่งสมัยการใช้ความโหด...มของหลี่ไทเฮา ฮั่นเหวินตี้ต้องมาแบกรับภาระต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความอดอยาก ความยากจนของราษฎร
ปัญหาความสงบภายในซึ่งไม่อาจรู้เลยว่าคณะรัฐประหารจะก่อการซ้ำอีกไหม
ทั้งปัญหาการรุกรานจากอนารยชนโดยเฉพาะพวกซ่งหนู บทเรียนจากการใช้พระเดชมาปกครองจนราษฎรเดือดร้อนตามๆกัน
ทำให้ฮั่นเหวินตี้หันมาใช้พระคุณปกครองมากขึ้น
โดยทำการอภัยโทษแก่ผู้คนทั้งหลายเพื่อสร้างความสงบสุขและความสามัคคีแก่คนในชาติ รวมไปถึงตระกูลหลี่ด้วย
ทำให้แซ่หลี่ยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบัน พระองค์แก้ไขปัญหาการเข่นฆ่าโดยคนแซ่เดียวกัน
โดยการตั้งรัชทายาทตั้งแต่เสวยราชย์ได้เพียงสองเดือน ทรงตั้งหลิวฉี
โอรสองค์ที่สองที่เกิดกับโต้วฮูหยินสมัยเป็นไตย์อ๋อง และตั้งให้เป็นโต้วฮองเฮา
ปัญหาเรื่องพระญาติที่ทำตัวเป็นพยาธิ ก็แก้โดยไม่ให้ดำรงตำแหน่งสำคัญต่างๆ ยกเว้นว่ามีความสามารถจริงๆ
และแก้ปัญหาการสร้างอิทธิพลของอ๋องต่างๆ โดยการให้ย้ายถิ่นที่อยู่บ่อยๆ ไม่ให้ปักหลักที่ใดที่หนึ่งนานๆ
อีกทั้งแบ่งเมืองใหญ่ให้กลายเป็นเมืองเล็กๆ เช่น เมืองฉีก็ถูแบ่งเป็นเมืองเล็กๆหกเมือง เป็นต้น

ด้านการปกครอง ฮั่นเหวินตี้ยังทรงยกเลิกการลงโทษโดยการทารุณกรรมร่างกาย
และการลงโทษเครือญาติของผู้ต้องโทษ รวมทั้งราชทัณฑ์หลายอย่างอาทิเช่น การสักหน้าผาก เฉือนจมูก
ตัดข้อเท้า แต่หันไปใช้การลงโทษทีเบาลงมาโดยการให้ไปทำงานหนัก และโบยตีให้หลาบจำแทน
ประวัติศาสตร์บันทึกเอาไว้ว่ารัชสมัยของฮั่นเหวินตี้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข ตามคุกต่างๆมีนักโทษน้อยมาก
เพราะมีการให้ใช้การจ่ายค่าปรับแทนการขังคุก ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาพระคลังว่างเปล่าด้วย
อีกทั้งยังยกเลิกกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (ผู้ใดตำหนิหรือสร้างข่าวลือ ต้องโทษตายสถานเดียว)
เพราะทรงเห็นว่า “ตราบใดที่ยังมีกฎหมายนี้ ผู้ใดเล่าจะอาจหาญพูดออกมา หากแม้นองค์จักรพรรดิเองกระทำผิด
เมื่อไม่มีคำวิพากษ์วิจารณ์ จะรู้ว่าผิดได้อย่างไร”

ด้านเศรษฐกิจ ในปี 178 ก่อนค.ศ. เจียอี้
ได้ถวายฎีกาทูลเสนอให้พัฒนาผลผลิตทางการเกษตรและดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบเข้มงวด
องค์เหวินตี้จึงทรงโปรดให้ปฏิบัติตามแผนรัดเข็มขัด และเร่งพัฒนาประเทศ
โดยการลดภาษีจากหนึ่งต่อสิบห้าส่วน(ร้อยละ6.6) จากสมัยฮั่นเกาจู่ มาเป็นหนึ่งต่อสามสิบส่วน(ร้อยละ3)
และละเว้นภาษีสำหรับการเกษตรเป็นเวลาสิบสองปี มาตรการเหล่านี้ได้ช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจพัฒนามากขึ้น
นอกจากนี้พระองค์ยังทรงโปรดเสด็จไปทำนาร่วมกับประชาชนอย่างใกล้ชิด
ส่วนโต้วฮองเฮาก็เสด็จไปร่วมปลูกหม่อนเลี้ยงไหมสอนแม่บ้านให้รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

ในด้านการป้องกันประเทศ
กำหนดให้ครอบครัวใดที่เลี้ยงม้าไว้สามตัวจะได้รับการยกเว้นภาษีและไม่ถูกเกณฑ์ไปใช้แรงงาน
โดยมีข้อแม้ว่าถ้าเกิดสงคราม ครอบครัวนั้นก็ต้องสละม้าไปใช้ในสงคราม
จำนวนม้าสมัยนั้นจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนด้านชายแดน
ก็แก้ปัญหาโดยการย้ายบรรดานักโทษประหารไปประจำที่นั่น และได้ให้เครื่องมือทำกิน
อดีตนักโทษหลายคนจึงได้กลายเป็นนักพัฒนาชายแดน พร้อมตั้งตนในดินแดนที่ไม่มีใครรังเกียจ
ส่วนพวกที่หันไปเป็นทหารรักษาชายแดนก็มีโอกาสแก้ตัวในการสร้างความชอบกลับมาสู่สังคมเยี่ยงวีรบุรุษ
ลูกหลานก็พลอยได้เกียรติในฐานะวีรบุรุษ ไม่ใช่ในฐานะนักโทษ
อีกประการที่สำคัญก็คือบรรดาญาติๆก็มักเห็นใจส่งเครื่องอุปโภคบริโภคมาให้พวกที่อยู่ชายแดน
เป็นการช่วยผ่อนภาระของทางการได้

ด้านความประพฤติส่วนพระองค์ ทรงเป็นผู้สมถะอย่างแท้จริง ฉลองพระองค์เป็นผ้าไหมสีดำสนิท
ไม่มีการปักเย็บลวดลายใดๆ ผ้าม่านของพระสนมคนโปรดก็เป็นเพียงผ้าสีพื้นๆไม่มีลาย
มีตำนานเล่าว่ามีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งรวมเงินกันซื้อม้าชั้นเยี่ยมวิ่งได้พันลี้ต่อวันไปถวาย พระองค์ตรัสว่า
“อาชาวิ่งได้พันลี้จะมีประโยชน์อย่างไร ในเมื่อฮ่องเต้เวลาเสด็จไปที่ไหนก็ต้องมีขบวนพยุหยาตราจำนวนมาก
ทำให้เราเดินทางได้อย่างมากเพียงสามสิบลี้ในหนึ่งวัน” จากนั้นก็รับสั่งให้พวกเขานำม้ากลับไป
พร้อมมอบเงินให้เป็นค่าเดินทาง และสั่งห้ามไม่ให้ขุนนาง หรือประชาชนนำของขวัญมาถวาย
สำหรับศาลเจ้าประจำพระองค์ก็สร้างไว้ทางตอนใต้ของฉางอัน ชื่อว่า “กู้เฉิน”
แปลว่าแค่เหลียวมองก็เสร็จแล้ว
หมายความว่าเรียบง่ายไม่มีการก่อสร้างอย่างใหญ่โตเหมือนศาลเจ้ารัชกาลอื่นๆ

ต่อมาในปี 157 ก่อนค.ศ. องค์เหวินตี้ทรงประชวรหนัก จึงมีพระบรมราชโองการว่า ในงานพิธีศพพระองค์
ห้ามมิให้ใช้รถม้าและกองเกียรติยศเลย และสายคาดสีขาวสำหรับไว้อาลัยก็มิให้กว้างเกินสามนิ้ว
การจัดงานทำเพียงสามวันก็พอแล้วให้ทุกคนปลดทุกข์ทันที และไม่ห้ามประชาชนจัดงานมงคลเหมือนในสมัยอื่นๆ
หลุมพระศพก็ให้อิงเนินเขาธรรมชาติ เพื่อมิให้ต้องมาเกณฑ์คนขุดเนินให้เปลืองแรงงาน
นางสนมกำนัลขั้นฮูหยินลงไป ใครสมัครใจกลับไปอยู่บ้านบิดามารดาก็ได้ ไม่ต้องครองตัวเป็นม่ายเพื่อพระองค์

ยามที่พระองค์ประชวรหนักอยู่บนแท่นบรรทม รัชทายาทหลิวฉี ตรัสถามว่า “ถ้าเสด็จพ่อจากเราไป
ต่อไปเราจะทำอย่างไร” องค์เหวินตี้ทรงตอบว่า “หากเกิดกบฏขึ้น เจ้าจงแต่งตั้งโจวหย่าฟุ(ลูกชายโจวป๋อ)
เป็นแม่ทัพ แล้วเจ้าจักวางใจได้” หลังจากนั้นไม่กี่วัน พระองค์ก็เสด็จสวรรคต
ในขณะมีพระชนมายุเพียงสี่สิบห้าชันษา ครองราชย์ได้ยี่สิบสามปี ในรัชสมัยของพระองค์
ประชาชนทั่วประเทศเริ่มมีความมั่นใจ ศรัทธา
และยอมรับว่าชีวิตของพวกเขาเริ่มมีความหวังมากขึ้นภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮั่น ทำให้การเรียกตนเองว่า
ชาวฮั่น ก็เกิดจากในรัชกาลนี้นั่นเอง


นี่คือ ประวัติของฮั่นเหวินตี้ ไปเจอมา



มือกระบี่ไร้นาม
#595   มือกระบี่ไร้นาม    [ 24-10-2007 - 16:50:09 ]

ท่านมังกรหลับ ท่านรู้จักบุคคลเหล่านี้หรือเปล่า
-เจิ้งจื่อฉาน
-ซางยาง
-จางหยี
-หลี่ซือ
-เซียวเหอ



vมังกรหลับv
#596   vมังกรหลับv    [ 24-10-2007 - 17:42:22 ]

-เจิ้งจื่อฉาน ซำปอกง ขันทีราชวงศ์หมิง ผู้นำกองเรือเจิ้งเหอท่องเที่ยวทำการค้าไปทั่วโลก และมีทฤษฐีที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ว่า คนผู้นี้เจอทวีปอเมริกาก่อนโคลัมบัส

ซางยาง นักปฏิรูปจอมโหดของราชวงศ์โจว (ฉินเสี้ยวกง) คนผู้นี้เป็นคนวางรากฐานให้แคว้นฉิน เจริญรุ่งเรืองและมีแสนยานุภาพถึงขีดสูงสุด หลังจากเขาตายประมาณ 6 ชั่วคนจิ๋นซีก็รวม 6 แคว้นได้

จังอี๋(จางหยี) กุนซือเจ้าเล่ห์แห่งรัฐฉิน ผู้คิดอุบายสลายสัญญาพันธมิตร
ปล.อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจ มันอยู่ในลึกๆของความจำ

หลี่ซือ อัครเสนาบดีของฮ่องเต้ จิ๋นซี คนผู้นี้ดังมากคนศึกษาประวัติศาสตร์น้อยคนจะไม่รู้ คนผู้นี้เป็นตัวสนับสนุนความคิดหลายๆอย่างของจิ๋นซี

เซียวเหอนายกฯราชวงศ์ฮั่น อยู่สมัยเดียวกับหลิวปัง เป็นที่ปรึกษาของหลิวปัง(ฮั่นเกาจู่)



จอมยุทธ์มังกรน้อย
#597   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 25-10-2007 - 13:41:50 ]

ซางยาง จางหยี หลี่ซือ เซียวเหอ ต่างก็เป็นขุนนางของราชวงศ์ฉินทั้งนั้นครับ

ซางยางเป็นผู้ที่วางรากฐานในการปกครองของแคว้นฉิน จัดว่าเป็นคนที่โหดมากพอควร แต่ก็ต้องตายด้วยกฏหมายของตัวเอง

ส่วน เจิ้งจื่อฉาน เป็นขันทีของราชวงศ์หมิง ซึ่งอยู่สมัยของ หมิงเฉิงจู่ กษัตริย์คนที่ 3 ของราชวงศหมิง ซึ่งได้รับการแต่งให้ผู้นํา เรือเป่าฉวน ให้หออกเดินทางไปค้าขายรอบโลก และเป็นกลุ่มชาวจีนกลุ่มแรกที่ได้ไปถึง ทวีปแอฟริกา




มือกระบี่ไร้นาม
#598   มือกระบี่ไร้นาม    [ 25-10-2007 - 16:48:38 ]

ไมน่าเชื่อ ท่านมังกรหลับจะไม่รู้จักเจิ้งจื่อฉาน อันนี้ผมหมายถึงอีกคน เป็นสุดยอดนักปกครองที่ดีสุดยอดในยุคจั้นกว๋อ จำไม่ผิดรับราชการให้แคว้นจิ้น



vมังกรหลับv
#599   vมังกรหลับv    [ 25-10-2007 - 16:59:14 ]

อ่า ก็ท่านไม่ได้บอกนิคับ ว่าหมายถึงยุคไหนงะ ผมก็อิงจากคนที่ดังไว้ก่อนอะจิ ท่าน จอมยุทธ์มังกรน้อย ยังเข้าใจผิดเลย พวกข้าราชการจีนในประวัติศาสตร์ชื่อแซ่ คล้ายกันหรือเหมือนกันมีเยอะมากคับ ถ้าไม่ระบุยุคหรือผลงานที่ชัดเจนก็ยากที่จะเดาออกคับว่าใครเป็นใคร



vมังกรหลับv
#600   vมังกรหลับv    [ 25-10-2007 - 17:12:55 ]

แล้ว อยากถามท่านมือกระบี่ไร้นามว่า ท่านรู้จักบุคคลเหล่านี้ไหมเขารับราชการห้กับ ใคร หรือราชสำนักใด และมีผลงานอย่างไร

เจิ้งหวุ่น (นักพัฒนาตัวยงในสมัยกลียุค)

อาหมัด(ชาวอิสลามผู้หนึ่งมารับราชการในจีน ในสมัยชนเผ่านอกด่านของจีนเข้ามาปกครองจีน)

หลี่หลินผู่(บิดาชื่อ หลี่ซื่อไห่)

ช่วยบอกมาว่าบุคคลเหล่านี้อยู่ในสมัยราชวงศ์ใด ได้รับตำแหนางสูงสุดในชีวิตคืออะไร และ มีผลงานเด่นๆอะไรบ้าง

เชิญ ท่าน มือกระบี่ไร้นามมาชี้แนะด้วยคับ ข้าน้อยโง่เขลานัก



ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube