เข้าระบบอัตโนมัติ

พรรคกระยาจก เรื่องน่ารู้


จอมยุทธ์มังกรน้อย
#41   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 18-12-2007 - 14:38:39 ]

โอ้ ท่านพ่อได้ถ่ายทอดวิชาให้อีกแล้ว ขอบคุณครับ



อั้งชิกง
#42   อั้งชิกง    [ 18-12-2007 - 14:39:28 ]




อั้งชิกง
#43   อั้งชิกง    [ 19-12-2007 - 15:24:48 ]

วิชา ประจำตัวของ6ยอทยุท

ราชันทักษิน ต้วนตี่เฮง (อิเต็งใต้ซือ) ดรรชนีสุริยัน

พิษประจิม อาวเอี้ยงฮง พลังคางคก ไม้เท้าอสรพิษ

ยาจกอุดร อั้งชิกง 18ฝ่ามือพิชิตมังกร ไม้ตีสุนัข

ภูตบูรพา อึ้งเอียซือ ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ ฝ่ามือเทพกระบี่บุปผาร่วง เเละ อื่นๆ(เกาะดอกท้อ)

กลางอิทธิฤทธิ์ เฮ้งเต้งเอี้ยง พลัง 5 ธาตุ (พลังกำเนิดฟ้า )

เฒ่าทารก จิวเปะธง เพลงหมัดสูญจำรัส 2มือขัดเเย้ง ( วรยุทช้วนจิน)





จอมยุทธ์มังกรน้อย
#44   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 19-12-2007 - 16:30:13 ]

ท่านพ่อ ใครๆเค้าก็รู้แล้วกันทั้งนั้นละครับ



shudshai
#45   shudshai    [ 19-12-2007 - 16:44:38 ]

ท่าน ลืมไป 1 คน น่ะ ท่าน
เซียว เหยา จอมดาบ สะกิต ใจ สะท้าน บู้
ลิ้ม



สยบทั่วเเผ่นดิน
#46   สยบทั่วเเผ่นดิน    [ 19-12-2007 - 16:56:00 ]

เอ่อ..ในธรรมเนียบยอดฝีมือแห่งยุค.....ไม่มีราย ชื่อท่านนี่ ขอรับ........





อั้งชิกง
#47   อั้งชิกง    [ 20-12-2007 - 14:20:04 ]


ลัทธิเต๋า



ลัทธิเต๋า (ภาษาจีน: 道教, พินอิน: Dàojiao) เป็นลัทธิและศาสนาที่เกี่ยวข้องกับการมีชีวิตอยู่กับธรรมชาติ โดยคำว่า เต๋า แปลว่า "หนทาง" หมายถึง "สิ่งๆนั้น ไม่สามารถที่จะบอกโดยอักษรและคำพูด สามารถถ่ายทอดสิ่งนี้ให้รู้ได้โดยจิตต่อจิต ไม่เกี่ยวข้องกับอักษรและคำพูด"

เล่าจื๊อเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งที่ได้เขียนข้อความสื่อถึงเต๋าในชื่อหนังสือว่า เต๋าเต็กเก็ง(Tao Te Ching)(道德經)

หยินหยาง ยังมีชื่อเรียกอีกว่า คติทวินิยม,พุท,อัว หมายถึง ธรรมชาติที่เป็นของคู่ตรงกันข้าม,สิ่งที่เป็นของคู่

ธรรมชาติประกอบด้วยของคู่

หยาง คือพลังบวกมีลักษณะสีแดง เป็นพลังเพศชาย พบในทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ความอบอุ่น สว่างไสว มั่นคง สดใส เช่น ดวงอาทิตย์ ไฟ ฯลฯ
หยิน คือพลังลบ มีลักษณะสีดำ เป็นพลังเพศหญิง พบในทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ความหนาวเย็น ความมืด อ่อนนุ่ม ชื้นแฉะ ลึกลับ และเปลี่ยนแปลง เช่น เงามืด น้ำ ฯลฯ
เอกภพเกิดขึ้นโดยมีหยินและหยาง จากการปะทะกันของสองสิ่งนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็อุบัติขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างมีพลังทั้งสองนี้ทั้งนั้น บางครั้งหยินอาจมีพลังแข็งแรง แต่บางครั้ง หยาง ก็มีพลังมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น ท่อนไม้ ตามปกติเป็นหยิน แต่เมื่อโยนเข้าไปในกองไฟ ก็เปลี่ยนรูปเป็นหยางไป ในชีวิตหยินและหยางก่อให้เกิดความล้มเหลวและความสำเร็จเป็นต้น เช่นเดียวกัน หยางและหยินไม่ใช่เป็นตัวแทนของความดีและความชั่ว แต่ทั้งสองนี้มีความจำเป็นต่อกฏเกณฑ์และระเบียบของเอกภพ ทั้งสองนี้ไม่ใช่อยู่ในภาวะปะทะกันตลอดเวลา แต่ยามใดมีความสามัคคีกัน ทั้งสองอย่างนี้ก็เป็นสิ่งดีด้วยกัน


[



อั้งชิกง
#48   อั้งชิกง    [ 20-12-2007 - 14:27:08 ]

แม่น้ำ ของประเทศจีน

ประเทศจีนอุดมไปด้วยน้ำโดยมีมากกว่า ๑,๕๐๐ สาย ซึ่งแต่ละสายมีปริมาณน้ำที่อาจถูกปล่อยลงมาได้เป็นพื้นที่มากกว่า ๑,๐๐๐ ตาราง กิโลเมตร มีปริมาณน้ำมากกว่า ๒.๗ ล้านล้าน ลูกบาศก์เมตร ไหลอยู่ในแม่น้ำเหล่านี้ นับเป็น ๕.๘ เปอร์เซ็นต์ของปริมาณน้ำรวมทั้งโลก แม่น้ำขนาดใหญ่ส่วนมากมีต้นน้ำอยู่บนที่ราบสูง Qinghai - Tibet ซึ่งเป็นผลทำให้จีนมั่งคั่งด้วยทรัพยากรพลังงานไฟฟ้า เป็นผู้นำของโลกในด้านไฟฟ้าพลังน้ำ โดยมีพลังงานสำรองถึง ๖๘๐ ล้านกิโลวัตต์

แม่น้ำในประเทศจีนถูกแบ่งเป็นระบบภายนอกกับระบบภายใน พื้นที่ริมน้ำของระบบแม่น้ำภายนอกที่ไหลลงสู่มหาสมุทรนั้นนับเป็น ๖๔ เปอร์เซ็นต์ของพื้นแผ่นดินของประเทศ แม่น้ำเหล่านี้จะไหลสู่ตะวันออกลงมหาสมุทรแปซิฟิก ได้แก่ Yangtze , Yellow , Heilongjiang , Pearl , Liaohe , Haihe , Huaihe , และ Lancang สำหรับแม่น้ำ Yarlungzangbo ในธิเบต จะไหลไปทางตะวันออกก่อนเปลี่ยนทิศไปทางใต้ลงสู่มหาสมุทรอินเดีย ก่อให้เกิด Canyon ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่นี้ด้วยความยาว ๕๐๔.๖ กิโลเมตร และลึก ๖,๐๐๙ เมตร และแม่น้ำ Ertrix ที่ไหลจากมณฑลXinjiangในเขตปกครองตนเองของชมกลุ่มน้อย Uygur นั้น ไหลไปทางเหนือลงสู่มหาสมุทร Arctic

พื้นที่ริมน้ำของระบบแม่น้ำภายในที่ไหลลงสู่ทะเลสาบต่างๆ ในแผ่นดินหรือสูญหายไปในทะเลทรายหรือหนองน้ำเค็มมีอยู่ ๓๔ เปอร์เซ็นต์ของแผ่นดินทั้งหมดของจีน แม่น้ำ Tarim ทางใต้ของมณฑลXinjiangเป็นระบบแม่น้ำภายในที่ยาวที่สุดที่ ๒,๑๗๙ กิโลเมตร

แม่น้ำ Yangtze (หรือ Changjiang ) เป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในจีน แต่เป็นอันดับที่ ๓ ของโลก รองจากแม่น้ำ Nile ในภาคเหนือของทวีปอัฟริกาและ แม่น้ำ Amazon ในทวีปอเมริกาใต้
แม่น้ำ Yangtze มีความยาว ๖,๓๐๐ กิโลเมตร กับพื้นที่รับน้ำ ๑,๘๙๐ ล้านตารางกิโลเมตร ในลุ่มแม่น้ำตอนกลางและตอนล่างของ Yangtze เป็นบริเวณอากาศอบอุ่นและชื้น มีฝนตกมาก และพื้นดินมีความอุดมสมบูรณ์ พื้นดินส่วนนี้จึงเป็นพื้นที่การเกษตรที่สำคัญแห่งหนึ่ง

Yangtze เป็นเส้นเลือดแดงของการขนส่งทางน้ำที่เชื่อมระหว่างภาคตะวันตกกับตะวันออก จนได้ชื่อว่า "Golden Waterway"

แม่น้ำเหลือง ( Huanghe ) เป็นแม่น้ำที่ใหญ่เป็นอันดับที่ ๒ ของจีน มีความยาว ๕,๔๖๔ กิโลเมตร และมีพื้นที่ริมน้ำถึง ๗๕๒,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร หุบเขาที่แม่น้ำเหลืองไหลผ่านเป็นแหล่งกำเนิดแห่งหนึ่งของอารยธรรมโบราณฃองจีน มีทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่เขียวชอุ่ม และชั้นดินตะกอนที่อุดมสมบูรณ์

แม่น้ำ Heilongjiang ใหญ่ที่สุดทางเหนือด้วยความยาว ๔,๓๕๐ กิโลเมตร โดยอยู่ในแผ่นดินจีนมีความยาว ๓,๑๐๑ กิโลเมตร แม่น้ำ Pearl ใหญ่ที่สุดทางใต้ด้วยความยาว ๒,๒๑๔ กิโลเมตร

นอกจากแม่น้ำธรรมชาติ จีนยังมีคลองขุดที่เก่าแก่ที่สุดในโลกและมีชื่อเสียงมากคือ Grand Canal ที่ขุดจากกรุงปักกิ่งลงไปถึงเมือง Hangzhou ด้วยความยาว ๑,๘๐๑ กิโลเมตร เชื่อมแม่น้ำสำคัญ ๕ สายคือ Haihe , Yellow , Huaihe , Yangtze และ Qiantang



อั้งชิกง
#49   อั้งชิกง    [ 20-12-2007 - 14:28:00 ]

ภูมิอากาศ ของจีน

ประเทศจีนมีลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบมรสุมภาคพื้นทวีปที่มีหลากหลายรูปแบบ ลมเหนือจะมีอิทธิพลสูงในฤดูหนาว ในขณะที่ลมใต้จะมีบทบาทในฤดูร้อน มีผลถึง ๔ ฤดู ที่แตกต่างกันอย่างเด่นชัด มีฤดูฝนปนอยู่กับฤดูร้อน

จากเดือน กันยายน ข้ามปีไปไปถึง เมษายน มีลมหนาวที่แล้งจาก Siberia และ Mongolia ความแรงของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือนี้จะมีกำลังลดลงเมื่อลงมาถึงดินแดนในภาคใต้ เป็นฤดูที่หนาวแบบแห้งที่มีความแตกต่างของอุณหภูมิสูงมาก

มรสุมฤดูร้อนจะเกิดขึ้นระหว่าง เมษายน ถึง กันยายน ด้วยลมอุ่นและความชื้นจากมหาสมุทรที่นำน้ำฝนจำนวนมหาศาลมาให้ พร้อมกับอุณหภูมิที่ค่อนข้างสูงและมีความแตกต่างกันค่อนข้างต่ำ ระหว่างภาคเหนือกับภาคใต้

ภูมิอากาศที่ซับซ้อน และหลากหลายของจีน มีผลให้สามารถแบ่งแถบอิงอุณหภูมิ กับแถบอิงความชื้นของภาคพื้นของประเทศจีนได้ คือแบ่งแถบอิงอุณหภูมิจากภาคใต้ถึงภาคเหนือเป็น แถบ equatorial , แถบ tropical , แถบ Sub - tropical , แถบ Warm - temperate , แถบ temperate และแถบ Cold - temperateและแบ่งแถบอิงความแห้ง - ชื้น จากตะวันออกเฉียงใต้ ถึงตะวันตกเฉียงเหนือเป็นแถบความชื้นสูง
( ๓๒ % ของพื้นดิน ) แถบกึ่งความชื้นสูง ( ๑๕ % ) แถบกึ่งแห้งแล้ง ( ๒๒ % ) และแถบแห้งแล้ง ( ๓๑ % )



อั้งชิกง
#50   อั้งชิกง    [ 20-12-2007 - 14:29:26 ]

โบราณสถาน เก่าเเก่ จีน

ประเทศจีนเป็นประเทศ ๑ ใน ๔ ประเทศที่มีอารยธรรมโบราณ ข้อมูลล่าสุดจากนักโบราณคดีแสดงให้เห็นถึงตัวหนังสือเชิงภาพดึกดำบรรพ์ที่ใช้ในภาษาจีนโบราณนั้นมีอายุย้อนไปถึง ๗,๐๐๐ ปี โดยมีแหล่งต้นอารยธรรมเกิดขึ้นตามลุ่มน้ำ Yangtze กับลุ่มแม่น้ำเหลือง นอกจากนั้นการค้นพบเมล็ดข้างกับเครื่องมือโบราณหลายชนิด ที่นักโบราณคดีระบุว่ามีอายุย้อนไปถึง ๗,๐๐๐ ปี เช่นเดียวกัน

อารยธรรม ๗,๐๐๐ ปีของจีน พอจะเทียบเคียงได้กับอารยธรรมของอียิปต์โบราณ บาบิโลน และอินเดีย ในบางพื้นที่ มีอารยธรรมก่อนยุคขุนนาง สถานที่ที่น่าสนใจทางประวัติศาสตร์และซากปรักหักพังทางวัฒนธรรม มีให้พบเห็นได้ทุกหนทุกแห่งในประเทศ ซึ่งตามบัญชีของทางการอย่างเดียว บันทึกไว้มากกว่า ๕,๐๐๐ แห่ง

ที่มีชื่อเสียงมากคือ กำแพงเมืองจีน (Great Wall) ซึ่งมีความยาว ๖,๓๕๐ กิโลเมตร วางตัวขวางภาคเหนือของจีนจาก Shanhaiguan ที่ทะเล Bohai ทางตะวันออกถึงช่อง Jiayu ในมณฑล Gansu ทางตะวันตก หากทุกๆ ส่วนของกำแพงที่สร้างในราชวงศ์ต่างๆ ทั้งหมดกว่า ๒,๐๐๐ ปี ระหว่าง ศตวรรษที่ ๗ B.C.(Before Christ ถึงศตวรรษที่ ๑๖ A.D. (Anno Domini= ตั้งแต่วันประสูติ ของพระเยซู) ถูกนำมาเชื่อมต่อกันแล้ว ความยาวของกำแพงเมืองจีนน่าจะยาวกว่า ๕๐,๐๐๐ กม. ยาวมากพอที่จะวางรอบโลกได้ที่เส้นศูนย์สูตร จึงไม่เป็นที่น่าประหลาดใจ หากมนุษย์อวกาศอเมริกันที่ได้เหยียบดวงจันทร์จะบอกว่า สามารถมองเห็นเส้นลายกำแพงเมืองจีนบนพื้นโลกอย่างเด่นชัดด้วยตาเปล่า เมื่อเขาเหล่านั้นมองจากดวงจันทร์มายังโลก

กำแพงเมืองจีนเป็นของชนชาติจีน เช่นเดียวกับปิรามิคเป็นของชนชาตียิปต์ นับว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศผู้เป็นเจ้าของโดยสมบูรณ์ มีคำกล่าวว่า "ผู้ที่ไม่เคยปีกำแพงเมืองจีนไม่ใช่วีรบุรุษ" นักท่องเที่ยวนานาชาติที่ไปเยือนอียิปต์แต่ไม่เคยชมปิรามิดอย่างน้อย ๑ แห่ง อาจถูกกล่าวได้ว่าไม่ใช่การเยือนอียิปต์ที่แท้จริง เช่นเดียวก็อาจกล่าวได้ว่า ผู้ที่ไปเยือนจีนแล้วไม่ได้ปีกำแพงเมืองจีน ก็ไม่ใช่ผู้เยือนจีนที่แท้จริง

พระราชวังโบราณ เป็นชื่อแปลงตรงตัวจากภาษาจีนที่ออกเสียงว่า กู้กง แต่อาจจะเรียกเป็นภาษาอังกฤษอย่างอื่นได้อีกเช่น Palace Museum (พิพิธภัณฑ์พระราชวัง) หรือ Forbidden City (พระราชวังต้องห้าม) ที่นี่เป็นที่รวมห้องและประสาทตางๆ มากมายที่ผู้ปกครองในอดีตของประเทศเป็นผู้ใช้อยู่อาศัยและว่าราชการ

พระราชวังโบราณมีขอบเขตเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า กำแพงมีความสูง ๑๐ เมตร กว้างจากตะวันออกไปตะวันตก ๗๖๐ เมตร และยาวจากเหนือถึงใต้ ๙๖๐ เมตร รวมพื้นที่ในกำแพงมากกว่า ๗๒๐,๐๐๐ ตารางเมตร มีห้องต่างๆ รวม ๙๙๙.๕ ห้อง นับว่าเป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลก

เป็นระยะเวลากว่า ๕๐๐ ปี ที่มีจักรพรรดิราชวงศ์ Ming และ Qing ประทับอยู่ในพระราชวังต้องห้ามนี้รวม ๒๔ พระองค์

ภายในพระราชวังโบราณประกอบไปด้วยพระตำหนักที่ประทับและพระที่นั่งว่าราชการมากมาย ในวันที่อากาศแจ่มใส การมองจากที่สูงจะเห็นอาคารที่ซับซ้อนเปล่งแสงเป็นสีเหลืองเจิดจ้า เป็นสีของกระเบื้องเคลือบเงาที่ใช้มุงหลังคาของอาคารเหล่านั้น แต่ละมุมของกำแพงเป็นหอคอยที่มีหลังคาซ้อนหลายฃั้นกำแพงพระราชวังมีน้ำโดยรอบเป็นคูเมือง

ประตูเข้าสู่พระราชวังเรียกว่าประตู Wumen อยู่ห่างไปทางเหนือเล็กน้อยจากประตู Tiananmen กลุ่มพระตำหนักและพระที่นั่งทางใต้ของพระราชวังเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิว่าราชการ ประชุมข้าราชการ และต้อนรับคณะทูตจากนานาประเทศ

ส่วนภายในของพระราชวังประกอบด้วยอาคารพระตำหนักที่มีลานกว้างต่อเนื่องถึงกัน เป็นที่ประทับของพระจักรพรรดินี และเหล่าสนมของพระจักรพรรดิ ส่วนในสุดเป็นส่วนที่มีทางเดินวกวน กับพลับพลาเล็กๆ และเน้นหินรูปร่างประหลาด

ทุกวันนี้ แต่ละห้องในแต่ละตำหนักหรือพระที่นั่ง ถูกใช้ตั้งแสดงเครื่องอุปโภคต่างๆ ของพระจักรพรรดิและราชวงศ์ บางห้องตั้งแสดงสมบัติของหลายราชวงศ์ อาคารโบราณและสมบัติจำนวนมากที่ตั้งแสดงเหล่านี้ จึงกล่าวได้ว่าพระราชวังต้องห้ามเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ

อาคารชุดที่โอ่อ่าที่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงสูงสีแดง อายุหลายร้อยปีแห่งนี้เคยเป็นที่วางแผนลับทางการเมือง และการรบราฆ่าฟันสู่บัลลังก์ ภาพยนต์ที่ชนะเลิศรางวัลออสการ์ เรื่อง The Last Emperor ถูกถ่ายทำที่นี่บนพื้นฐานของชีวิตจริงของผู้อาศัยในพระราชวังต้องห้ามนี้



อั้งชิกง
#51   อั้งชิกง    [ 20-12-2007 - 14:38:00 ]

รายชื่อมลทนของจีน

มณฑล

Heilongjian
เฮยหลงเจียง

Jilin
จี๋หลิน

Liaoning
เลี๋ยวหนิง

Hebei
เหอเป่ย

Henan
เหอหนาน

Shanxi
ซานซี

Shandong
ซานตง

Shanxi
ส่านซี

Gansu
กานซู่

Qinghai
ชิงไห่

Sichuan
ซื่อชวน ( เสฉวน )

Yunnan
ยวิ๋นหนาน ( ยูนนาน )

Guizhou
กุ้ยโจว

Hubei
หูเป่ย

Hunan
หูหนาน

Anhui
อันฮุย

Jiangsu
เจียงซู

Zhejiang
เจ้อเจียง

Jiangxi
เจียงซี

Fujian
ฟูเจี้ยน

Guangdong
กว่างตง ( กวางตุ้ง )

Taiwan
ไถวาน ( ไต้หวัน )

Hainan
ไห่หนาน ( ไหหลำ )





อั้งชิกง
#52   อั้งชิกง    [ 20-12-2007 - 14:42:23 ]

ชื่อเมืองหลวง ของจีน

เมืองหลวง

Haerbin
ฮาร์ปิน

Changchun
ฉางชุน

Shenyang
เสิ่นหยาง

Shijiazhuang
สือเจียจวง

Zhengzhou
เจิ้งโจว

Taiyuan
ไท่เยวี๋ยน

Jinan
จี่หนาน

Xian
ซีอาน

Lanzhou
ล๋านโจว

Xining
ซีหนิง

Chengdu
เฉิงตู

Kunming
คุนหมิง

Guiyang
กุ้ยหยาง

Wuhan
อู่ฮั่น

Changsha
ฉางซา

Hefei
เหอเฝย

Nanjing
หนานจิง

Hangzhou
หางโจว

Nanchang
หนานชาง

Fuzhou
ฟูโจว

Guangzhou
กว่างโจว ( กวางเจา )

Taibei
ไถเป่ย ( ไทเป )

Haikou
ไหโข่ว




อั้งชิกง
#53   อั้งชิกง    [ 20-12-2007 - 14:48:32 ]

เขตการปกครองตนเองของชนกลุ่มน้อย

เขต

Nei Menggu
เน่ยเมิ๋งกู่

Ningxia
หนิงเซี่ย

Xinjiang
ซินเจียง

XiZhang
ซีจ้าง

Guangxi
กวางสี


ชนเผ่า

มองโกล

หุย (อิสลาม)

อุยเก่อร์

ธิเบต

จ้วง


เมืองหลวง

Huhehaote
ฮูเฮอเฮ่าเต้อ

Yinchuan
หยินชวน

Wulumuqi
อูหลู่มู่ฉี

Lasa
ลาซ่า

Nanning
หนานหนิง


มหานคร

Beijing
เป่ยจิง ( ปักกิ่ง )

Tianjin
เทียนจิน ( เทียนสิน )

Shanghai
ซ่างไห่ ( เซี่ยงไฮ้ )

Chongqing
ฉงชิ่ง ( จุงกิง )


ภาพประเทศจีน




ยาจกอุคร
#54   ยาจกอุคร    [ 20-12-2007 - 15:11:55 ]

คำสั่ง ปลด อั้งชิกง จากพรรคกระยาจก

ยาจกอุดร



อั้งชิกง
#55   อั้งชิกง    [ 20-12-2007 - 15:20:05 ]

มรดกของประเทศจีน

ประเทศจีนสมัยใหม่ได้หยั่งรากลึกมาจากสิ่งที่บรรพบุรุษมอบให้ยาวนานกว่า ๕,๐๐๐ ปี มรดกนี้เป็นความมั่งคั่งที่หลากหลายด้วยประเพณีและวัฒนธรรมที่เป็นต้นกำเนิดของความยวนใจที่สำคัญของจีน
ไม่กี่ศตวรรษที่ผ่านมาโลกตะวันตกต้องอยู่ในภวังค์แห่งความหลงใหลและ งงงวยต่อประเทศจีน จนกระทั่งได้อ่าน"การเดินทางของมาร์โคโปโล" เป็นครั้งแรก คนยุโรปส่วนใหญ่จึงได้สลัดความคิดที่ว่าเป็น "จินตนาการบริสุทธิ์" ออกไป พวกเขาแทบไม่เชื่อว่ามีแผ่นดินนอกรีตโพ้นทะเลที่ใหญ่โตและร่ำรวยกว่า ทั้งยังมากกว่าไปด้วยประชากรที่ล้ำด้วยประสบการณ์ ซึ่งโดยรวมแล้วถือว่าเป็นอารยะกว่าพวกเขาเสียอีก
หลังจากที่พวกเขาค้นพบว่าประเทศจีนมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่จัดได้ว่าเป็นปรากฎการณ์รวมทางประวัติศาสตร์ของอียิปต์โบราณ กรีกโบราณ และอาณาจักรโรมัน ผสมด้วยยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของยุโรป ความแตกต่างที่เด่นชัดคือมรดกของประเทศจีนเป็นความภูมิใจและการพิสูจน์ที่เห็นจริงได้ของใครสักคนที่เชื่อว่าจักรพรรดิของเขาเป็นโอรสของสวรรค์ และแผ่นดินของเขาเป็นศูนย์กลางของโลก
นิยายเกี่ยวกับความกล้าหาญหรือการผจญภัยเริ่มเมื่อ ๕,๐๐๐ ปี ก่อนคริสตศักราชเมื่อชาวจีนที่รู้จักการขัดเกลาเครื่องมือหินที่ทำขึ้นได้ปักหลักตั้งถิ่นฐานในลุ่มแม่น้ำเหลือง และแม่น้ำเว่ยที่อุดมสมบูรณ์ที่ผู้คนอาศัยอยู่อย่างมีระเบียบที่ดี เป็นสังคมเกษตรที่มีการป้องกันที่ดี อย่างเช่นที่ Banpoที่ซึ่งพวกเขาสักการะเทพเจ้าแห่งลัทธิที่ถือว่าชีวิตเกิดขึ้นเพราะวิญญาณ และมีการผลิตเครื่องปั้นดินเผา
ระหว่าง ๔ พันปีถัดมา ศิลปะการสงครามได้ถูกพัฒนาขึ้นเช่นเดียวกับความเชี่ยวชาญการผลิตไหมในยามปกติรวมทั้งความสามารถในการควบคุมระบบชลประทานที่ป้องกันน้ำท่วมได้ และได้กำเนิดราชวงศ์แรกที่ตรวจสอบได้คือ ราชวงศ์ Shang ระหว่างปี ๑๗๖๖ - ๑๐๖๖ ก่อนคริสตกาล พร้อมกับการรู้จักวิธีเขียนหนังสือ และการสร้างเมืองเป็นเมืองแรกด้วย
ราชวงศ์ Zhou ระหว่าง ๑๐๖๐ - ๒๒๑ ก่อนคริสตศักราช เป็นจุดเบ่งบานของวรรณคดี ศิลปะ และปรัชญา กับการกำเนิดของลัทธิขงจื้อ และลัทธิเต๋า กับผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ได้ถือกำเนิดพร้อมกับวิสัยทัศน์และความอำมหิตในการรวมประเทศ พระองค์เรียกตัวเองว่า ฉิน ษื่อ หวง ตี้ (จิ๋น ซี ฮ่อง เต้) หรือปฐมจักรพรรดิของราชวงศ์ฉิน ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่เป็นที่มาของชื่อประเทศจีน (จาก ฉิน หรือ จิ๋น)
ราชวงศ์ฉิน (Qin) ระหว่าง ๒๒๑ - ๒๐๖ ก่อนคริสตศักราช เป็นช่วงเวลาที่สั้น แต่เป็นจุดหมายเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ประเทศจีน จักรพรรดิฉินได้นำโครงสร้างแห่งการป้องกันจำนวนมาก
มาเชื่อมต่อเนื่องกันเป็นปฐมของการเกิดกำแพงเมืองจีน หรือกำแพงใหญ่ แล้วสร้างพระราชวังแห่งหนึ่งที่ได้กลายเป็นเมืองชื่อ ฉาง - อาน ซึ่งคือเมือง ซี - อาน ในปัจจุบัน และสิ่งที่ทำเหมือนกับฟาโรห์คือพระองค์ได้ทรงสร้างสุสานรวมที่บรรจุหุ่นทหารและม้าที่มีขนาดเท่าของจริง และดูเหมือนมีชีวิตจริงไว้ด้วย
ในสมัยราชวงศ์ฮั่น (Han) ระหว่าง ปี ๒๐๖ ก่อน ค.ศ. ถึง ปี ค.ศ.๒๒๐ เมือง ฉาง - อาน กลายเป็นเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่พร้อมกับการเกิดเส้นทางสายไหม ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าจากยุโรป อินเดีย ตะวันออกกลาง มายังประเทศจีนยุคนี้พระพุทธศาสนาได้ถูกนำเข้ามาจากประเทศอินเดียด้วย ส่วนการบริหารราชการแผ่นดินมีพื้นฐานตามลัทธิขงจื้อ และการผลิตกระดาษก็ได้เกิดขึ้นในยุคนี้
ระยะความร่ำรวยอันสงบได้สิ้นสุดลงเมื่อขุนพลของราชวงศ์ฮั่นได้แย่งชิงอำนาจกัน จักรวรรดิ์ถูกแบ่งแยก หลังจากราชวงศ์ฮั่น เป็นยุคแห่งการสงครามนาน ๓๕๐ ปี จนกระทั่งขุนพลหยาง ได้สถาปนาราชวงศ์สุย (Sui) ในปี ค.ศ.๕๘๑ เป็นราชวงศ์ที่มีอายุถึงปี ค.ศ.๖๑๘
ราชวงศ์ถาง (Tang) ระหว่างปี ค.ศ.๖๑๘ - ๙๐๗ เป็นยุคทองของประเทศจีน มีจักรพรรดิที่ทรงวัฒนธรรมสืบบัลลังก์ปกครองประชาชนกว่า ๖๐ ล้านคน เมืองฉางอาน กลายเป็นศูนย์กลางของโลกไร้พรมแดนทั้งภาษา และเชื้อชาติ ที่เต็มไปด้วยพ่อค้าจาก ทั่วโลก เต็มไปด้วยความดีที่สุดของศิลปิน , นักดนตรี , สถาปนิก , นักเคมี , นักวิทยาศาสตร์ ผู้ผลิตดินปืน และการพิมพ์ นักวิชาการและพระในพุทธศาสนาชาวญี่ปุ่นที่รับวัฒนธรรมของราชวงศ์ถางกลับไปประเทศของตน
ราชวงศ์ถางสิ้นสุดลงหลังการปกครองโดยขุนพลนักรบนานประมาณครึ่งศตวรรษ การรวมประเทศเกิดขึ้นอีกครั้งโดยราชวงศ์ซ่ง(Song) ระหว่าง ค.ศ.๙๖๐ - ๑๒๗๙ งานศิลปะดำรงมาตรฐานที่ราชวงศ์หลัง ๆ แข่งขันด้วยไม่ได้ ลัทธิขงจื้อถูกฟื้นฟูอีกครั้ง และการเริ่มต้นใช้เข็มทิศเกิดขึ้นในยุคนี้
อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ.๑๒๗๙ ความอ่อนแอของราชวงศ์ซึ่งทำให้ประเทศจีนตกอยู่ในอำนาจของกองทัพมองโกล ที่นำโดย กุบไลข่าน ที่ได้สถาปนาราชวงศ์หยวน (Yuan) ขึ้น ณ เมืองหลวงใหม่ ชื่อ ตาตู (Dadu) ณ พื้นที่ที่เป็นปักกิ่งในปัจจุบัน มีอำนาจอยู่ระหว่าง ปี ค.ศ.๑๒๗๙ - ๑๓๖๘ จนกลุ่มกบฏฮั่น สามารถขับไล่ ราชวงศ์หยวนที่มีผู้นำไร้ฝีมือออกไปได้
ราชวงศ์หมิง (Ming) ระหว่าง ค.ศ.๑๓๖๘ - ๑๖๔๔ เป็นจุดฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมและยุคของการขยายอาณาจักรที่รุ่งเรืองของประเทศจีน กองเรือสินค้าของจีน มุ่งสู่อาระเบีย และ อัฟริกาขณะที่พ่อค้าชาวปอร์ตุเกสได้รับอนุญาตให้ตั้งถิ่นฐาน ณ สถานที่ที่กลายเป็นมาเก๊าในเวลาต่อมา
ในรัชสมัยหมิง พระในนิกายเยซูอิตของโรมันคาทอลิกได้รับเกียรติให้ทำงานในราชสำนัก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ การทำแผนที่ และการหล่อปืนใหญ่ แต่อีกอย่างหนึ่งก็คือการเผยแพร่คำสอนในศาสนาคริสต์
แต่จักรพรรดิได้ตกไปอยู่ใต้อิทธิพลฉ้อโกงของขันทีในราชสำนัก นำไปสู่ความไม่พอใจของขุนนางฝ่ายบริหารผู้นำกบฎยึดได้เมือง Shaanxi และ Sichuan โดยการหนุนหลังของพวกแมนจูที่ยึดครองแผ่นดินลงมาจากด้านเหนือ จักรพรรดิหมิงองค์สุดท้ายได้ฆ่าตัวตายโดยการแขวนคอตัวเองนอกพระราชวังอิมพิเรียลในกรุงปักกิ่ง ในขณะที่กองทัพของพระองค์หนีลงใต้และแตกพ่ายที่สุดในปี ๑๖๔๔
ราชวงศ์แมนจู หรือราชวงศ์ชิง ระหว่าง ค.ศ. ๑๖๔๔ - ๑๙๑๑ ได้เริ่มมีบทบาทภายใต้การปกครองของจักรพรรดิ Kangxi,Yongzheng และ Qianlong ผู้ซึ่งปกครอง แผ่นดินด้วยความเข้มงวดพร้อมกับการขยายอาณาเขต ในครึ่งสมัยแรกของราชวงศ์ชิง ดินแดนที่ไปถึงได้ทางตะวันตกได้แก่Yunnan, Tibet และ Xinjiang ถูกครอบครองทั้งโดยกำลังและการทำสนธิสัญญา
อังกฤษและมหาอำนาจตะวันตกยังคงทำการค้ากับจีนและมีสินค้าเพียงอย่างเดียวที่สามารถรักษาสมดุลการค้าเมื่อเทียบกับชาได้คือฝิ่น สิ่งนี้ทำให้คนจีนติดฝิ่นจนอ่อนแอพร้อมกับการเกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างกว้างขวาง
ด้วยความตระหนกรัฐบาลได้ส่งข้าหลวงใหญ่ไปกวางโจว เพื่อทำลายคลังฝิ่นที่มีจำนวนมากพอที่จะบริโภคได้ ๑ ปี จนใน ๑๘๓๙อังกฤษส่งเรือรบเข้ามาบีบบังคับให้จีนจ่ายค่าเสียหาย เกิดสงครามฝิ่นที่ทำลายประเทศจีนเสียหายอย่างมาก ถึงขั้นยอมให้อังกฤษได้ดินแดนฮ่องกงไปครอบครองและยอมให้เปิดท่าเรือต่อเนื่องหลายท่ารวมถึง เซี่ยงไฮ้ ให้แก่ต่างชาติ อิทธิพลและการแทรกแซงจากชาวตะวันตกแพร่กระจายทั่วแผ่นดินจีน เป็นการบ่อนทำลายและหยามหน้ารัฐบาลจีนอย่างยิ่ง
ราชวงศ์ชิงที่ร่อแร่ (จวนจะสูญสิ้น) ถูกโค่นล้มในปี ๑๙๑๑ ภายใต้การปฏิวัติ ที่นำโดย ดร.Sun Yat - sen แต่ประเทศกลับถลำจมทันทีลงไปสู่การต่อสู้ระหว่างประชาชน ที่ทำให้ประเทศอ่อนแอต่อการถูกรุกรานโดยกองทัพญี่ปุ่นในปี ๑๙๓๗ จนเมื่อสงครามสงบในปี ๑๙๔๕ ประเทศจีนต้องการรัฐบาลที่เข้มแข็งทั้งทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง และจิตใจ เป็นจุดนำมาซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่นำโดย Mao Zedong ผู้ซึ่งประกาศให้ประเทศจีนเป็น สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ ซุ้มเหนือประตู เทียนอันเหมิน ของกรุงปักกิ่ง
นับจากนั้นประเทศชาติต้องอดทนต่อความยากลำบากหลายปี ระหว่างการก้าวกระโดดไปข้างหน้าที่ยิ่งใหญ่กับการปฏิวัติวัฒนธรรม ขณะที่มีการปฏิรูปที่ดินและ อุตสาหกรรม
ในปี ๑๙๗๘ เติ้ง เสี่ยว ผิง (Deng Xiaoping) ขึ้นครองอำนาจพร้อมกับนโยบายก้าวหน้าสำหรับมวลเศรษฐกิจและเปิดประเทศสู่ประชาคมโลก
จีนยังคงทำให้ตะวันตกงงงวยต่อประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและประหลาดของประเทศจีน ในขณะที่แผ่นดินนี้ที่มีประชากรกว่า ๑ พัน ๓๐๐ล้านคน กำลังแสวงหาหุ้นส่วนที่ ทันสมัยเพื่อความเจริญของประเทศต่อไป



อั้งชิกง
#56   อั้งชิกง    [ 20-12-2007 - 16:02:45 ]

เจ้าจะไรข้ามันเร็วไป 10ปี จะบอกไห้ 5555 ยาจกอุคร



อั้งชิกง
#57   อั้งชิกง    [ 20-12-2007 - 20:13:08 ]

“ม้าเหงื่อโลหิตในตำนาน”

ตามตำนานกล่าวกันว่าม้าพันธุ์ดังกล่าวยามที่ออกวิ่ง บริเวณแผงคอจะมีเหงื่อไหลออกมา เป็นสีแดงสดคล้ายเลือด ในนิยายมังกรหยกของกิมย้ง ม้าเหงื่อโลหิตนี้เป็นม้าป่าที่ก๊วยเจ๋งจับได้ และเป็นม้าคู่ใจของก๊วยเจ๋งและอึ้งย้ง...
ม้าที่จัดว่าเป็นม้าพันธุ์ดีที่สุดพันธุ์หนึ่งของโลก คือ ม้าเหงื่อโลหิต

ที่มา http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9500000113048

ม้าที่จัดว่าเป็นม้าพันธุ์ดีที่สุดพันธุ์หนึ่งของโลก คือ ม้าเหงื่อโลหิต (汗血宝马)ตามตำนานกล่าวกันว่าม้าพันธุ์ดังกล่าวยามที่ออกวิ่ง บริเวณแผงคอจะมีเหงื่อไหลออกมา เป็นสีแดงสดคล้ายเลือด ซึ่งทางจีนนำเข้าม้าพันธุ์นี้จากประเทศเติร์กเมนิสถานจำนวน 3 ตัว แบ่งเป็นตัวผู้ 1 ตัว และตัวเมียสองตัว โดยตัวผู้มีลักษณะสีดำทั้งตัว แต่กลับมีกีบเท้าสีขาว ตัวเมียอีกตัวกลับมีขนสีทอง นับเป็นเอกลักษณ์ของม้าสายพันธุ์นี้

ว่ากันว่าในสมัยจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้เคยส่งทหารไปยังซีอี๋ว์เพื่อออกเสาะแสวงหาม้าเหงื่อโลหิตนี้ และยังมีเรื่องเล่าว่าม้าสายพันธุ์นี้เคยเป็นพาหนะให้กับเจงกิสข่านอีกด้วย



ในนิยายมังกรหยกของกิมย้ง ม้าเหงื่อโลหิตนี้เป็นม้าป่าที่ก๊วยเจ๋งจับได้ และเป็นม้าคู่ใจของก๊วยเจ๋งและอึ้งย้ง

คนทั่วโลกต่างยอมรับว่า ประเทศเติร์กเมนิสถาน (Turkmenistan) เป็นถิ่นกำเนิดของม้าเหงื่อโลหิตหรือม้า Akhaltekin ประเทศเติร์กเมนิสถานจึงเป็นประเทศที่มีฉายาว่า ประเทศแห่งม้า (Country of the horse) ม้าตัวโปรดของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชชื่อ Bucephalus เป็นม้าสายพันธ์ Akhaltekin

ม้าสายพันธ์ Akhaltekin นี้ได้ชื่อว่าเป็นม้าที่เร็ว อดทน ซื่อสัตย์ และ เป็นม้าทะเลทรายจึงทนความร้อนสูงได้ ผ่านการเลือกสรรของชนเผ่าที่มีชีวิตร่อนเร่กลางทะเลทราย และ ผจญการโจมตีของศัตรูที่รุกราน

ปัจจุบันทั่วโลกมีม้าสายพันธุ์นี้จำนวน 3,000 ตัว ในจำนวนดังกล่าว มี 2,000 ตัว อยู่ในประเทศเติร์กเมนิสถาน โดยเติร์กเมนิสถานเตรียมการกำหนดให้ม้าเหงื่อโลหิตเป็นสมบัติของชาติ นอกจากนี้ยังสามารถพบเห็นสัญลักษณ์ของม้าเหงื่อโลหิตได้ในสัญลักษณ์ประจำชาติ และ เหรียญกษาปณ์

ทั้งนี้ ปี 2002 และ 2006 ประธานาธิบดีซาพามูรัท นียาโจฟแห่งเติร์กเมนิสถาน เคยมอบม้าเหงื่อโลหิตให้กับรัฐบาลจีนจำนวน 2 ตัว รวมกับตอนนี้ที่ได้มีการนำเข้ามาอีก 3 ตัว ทำให้ปัจจุบันจีนมีม้าสายพันธุ์นี้จำนวน 5 ตัว

นักวิชาการสมาคมธุรกิจเพาะพันธุ์ม้าของจีน กล่าวว่า ม้าเหงื่อโลหิตมีแหล่งกำเนิดที่เขตโอเอซิส ประเทศเติร์กเมนิสถาน ผ่านการเพาะเลี้ยงมานานนับ 3,000 ปี จนกลายเป็นม้าสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกสายพันธุ์หนึ่ง เนื่องจากม้าเหงื่อโลหิตมีฝีเท้าเร็ว ความอดทนสูง มักจะใช้เป็นพาหนะในการเดินทางระยะไกล และใช้ในพิธีการเดินสวนสนาม ปัจจุบันในระดับสากล มีราคาสูงสุดถึง 10 ล้าน ดอลล่าห์สหรัฐฃ







อั้งชิกง
#58   อั้งชิกง    [ 20-12-2007 - 20:18:18 ]

นางพญาผมขาว (แป๊ะฮวดม้อนึ้งตึ้ง)

ชื่อภาษาอังกฤษ The Bride with White Hair
ชื่อภาษาไทย นางพญาผมขาว

ผู้แต่ง: เนี่ยอู้เซ็ง

"ความรัก ความแค้น สามารถเปลี่ยนแปลงทุกสรรพสิ่ง เปลี่ยนแปลงแม้กระทั่งโฉมสะคราญสุดแผ่นดิน!"


จำลอง พิศนาคะ เป็นคนแรกที่แปล นางพญาผมขาว เรื่องนี้ตอนนั้นท่านใช้นามแฝง "ปาจรีย์" พิมพ์ครั้งแรก ใช้ชื่อ แม่เสือขาว พิมพ์โดย สนพ ศิริอักษร (เพลินจิตต์) เมื่อ ปี พ.ศ. 2502 พิมพ์ครั้งล่าสุด (ครั้งที่ 5) โดย สนพ สร้างสรรค์ 3 เล่มจบ ปี พ.ศ. 2543 ยังมีจำหน่าย

น. นพรัตน์ แปลใช้ชื่อ นางพญาผมขาว ปี พ.ศ. 2537 โดย สยามสปอร์ตพริ้นติ้ง 4 เล่มจบ และไม่มีการพิมพ์ต่อ

เนี่ยอู้เซ็ง เขียน นางพญาผมขาว (แป๊ะฮวดม้อนึ้งตึ้ง - Bai fa mo nu zhuan) ในยุคสมัยเดียวที่กิมย้งเขียนเริ่องมังกรหยกดังเป็นพลุแตก ถัดจากเรื่องนี้ เนี่ยอู้เซ็ง ก็ เขียนเรื่อง เจ็ดนักกระบี่

ตัวละคร นางพญาผมขาว เป็นตัวละครที่มีตัวตนในตำนาน ได้ลงมือลอบสังหารฮ่องเต้ Yung Zhen เนี่ยอู้เซ็ง หยิบเอามาขยายเป็นนิยาย ในนิยายวรยุทธ เรื่อง เพ็กฮ้วยเกี่ยม ของ กิมย้ง ได้กล่าวถึง แม่ชีแขนเดียว (อาเก้า - Ah Jiu หริอ เชี่ยงเพ้งกงจู้ - องค์หญิง ฉางผิง) ผู้เป็นอาจารย์ของ นางพญาผมขาว ไว้ด้วย


เรื่องย่อ (พล็อต)

เรื่องนี้เกิดในสมัยพระเจ้าเม่งซิ้นจง รัขกาลบ้วนเล็กตี้ เกิดการแตกแยกภายในราชสำนัก เชื้อพระวงศ์แยกเป็นก๊กเป็นเหล่า แผ่นดินไต้เหม็งระส่ำระสาย พวกแมนจูกำลังก่อกวนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายนอกราชสำนักมีการส้องสุมผู้คน ก่อเกิดเป็นค่ายโจรมากมาย อาละวาดไปทั้งแผ่นดิน

โต๊ะอิดฮั้ง (จั๋วอี้หัง) บุตรตระกูลขุนนางใหญ่ ศิษย์เอกสำนักบู๊ตึ๊ง ผู้ที่ถูกมั่นหมายให้เป็นเจ้าสำนักคนต่อไป ผู้มีหน้าที่กำจัดมาร

เลี่ยนงี้เซี้ยน (เลี่ยนหนีชาง) ฉายา "อสุรีหยก" (เง็กล้อซัวะ) หัวหน้าสำนักโจรใหญ่แห่งมณฑลเซียมไซ นางท่องยุทธภพ (เจียงหู) เข่นฆ่าคนคดของแผ่นดิน ปล้นคนรวยนำมาให้ผู้ยากไร้

บนเส้นทางที่ดูเหมือนไม่มีทางบรรจบ แต่การเดินทางของชะตาชีวิตทำให้ทั้งคู่ได้มาพบกัน ผ่านเหตุการณ์ขับขันด้วยกัน ก่อเกิดเป็นความรัก

ภาระของการเป็นเจ้าสำนักบู๊ตึ๊งของโต๊ะอิดฮั้ง สำคัญกว่าหัวใจรักของอสุรีหยกหรือ

ทั้งที่รู้ว่าเป็นไปได้ยากเหลือเกินที่อาจารย์และซือเจ็กของตนจะอนุญาตให้ศิษย์สำนักบู๊ตึ๊งฝ่ายธรรมะแต่งงานกับนางมาร

โต๊ะอิดฮั้งจะกล้าตัดสินใจวิงวอนอาจารย์ให้ตนได้แต่งงานกับ เลี่ยนงี้เซี้ย หรือ...





เพลง 红颜白发 (หงเหยียนไป๋ฟ่า แปลว่า แก้มแดงผมขาว)
ขับร้องโดย เลสลี่จาง (张国荣)

พระเอกไนรู้ครับ ตอนนี้ตายเเล้วโดยการโดดตึกฆ่าตัวตาย



อั้งชิกง
#59   อั้งชิกง    [ 20-12-2007 - 20:20:00 ]

กระบี่หนึ่งจากตะวันตก ผาสูงเลี้ยวรกเรียงราย
เงามารไหวพร่าพราย...
แม้นกระจกใสไร้แผ่น โพธิยังไร้ต้นพฤกษา
สรรพสิ่งล้วนอนัตตา...
ภาวะทั้งมวลเกิดจากใจ จักวินิจฉัยเองได้ฤา?
ใช่มารมิใช่มาร? มิใช่มารใช่มาร?
...
ทิ้งไว้ให้ยุทธจักรรุ่นหลังร่วมวิพากษ์
พักเรื่องนี้ไว้ก่อนพลาง
กล่าวถึงจอมยุทธ์สาวสำอาง
เริ่มเรื่องยามว่างคุยเล่นสำราญ
เจตจำนงสูงส่งกระเดื่องดั่งสายลมฟ้าร้อง
โชยต้องน้ำค้างแข็ง ยะเยือกงามพรรณราย
อนิจจา โฉมฉายสะคราญสุดแผ่นดิน
ยังมิทันชรา เกศาขาวหมดสิ้น
สัจจะคงมั่นร้อยปี ไม่มีทรยศสัญญาใจ
จอบสั้นปลูกดอกไม้ ใช้บทกวีแกล้มสุรา
ควงศัสตราร่ายกวี ทุกปีเฝ้าถวิลถึง
...
บนขุนเขาเทียนซาน
ดูพู่กันพลิ้วเขียนอักษร ดั่งงูมังกรแล่นบนกระดาษ
หมึกดำทุกหยาดหยด สลัดลงเป็นสาคร


ถาวร สิกขโกศล



อั้งชิกง
#60   อั้งชิกง    [ 20-12-2007 - 21:28:48 ]

อ่านกัน นะครับ ข้สงบน ความรู้เเน่น



ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube