อันตัวข้า เพื่อท่านชาย นั้นรอไหว
แต่ดวงใจ ที่เปี่ยมรัก เฝ้าเพรียกหา
แล้วข้าน้อย จะทำเยี่ยงไร โปรดกล่าวมา
ให้ตัวข้า ทรมาน ร่ำไปฤๅ
ต่อกลอน
๐๐แม่นางน้อย๐๐ |
#41 ๐๐แม่นางน้อย๐๐ [ 14-06-2009 - 21:54:16 ] |
|
๐ทยานฟ้าา๐ |
#42 ๐ทยานฟ้าา๐ [ 14-06-2009 - 22:03:34 ] |
|
ถ้ารอไหว เจ้าจงรอ คนนั้นไป แต่จำไว้ ว่าเวลา นั้นไม่เที่ยง ไม่ขวนขวาย(เขียนไม่ถูกผิดก้อบอกด้วยนะ) เอาแต่รอ มีแต่เสีย มาเป็นเมียเราก่อนก้อยังได้ (โทดทีหาคำมะได้โปรดอภัยด้วย) |
๐๐แม่นางน้อย๐๐ |
#43 ๐๐แม่นางน้อย๐๐ [ 14-06-2009 - 22:13:05 ] |
|
ข้าน้อย ยังเยาว์วัย ทางความคิด สิ่งใดผิด สิ่งใดถูก โปรดชี้แจ้ง คำว่าเมีย ช่างรวดร้าว จนหมดแรง ควรพลิกแพลง คำดีดี มาแต่งเอย |
๐ทยานฟ้าา๐ |
#44 ๐ทยานฟ้าา๐ [ 14-06-2009 - 22:28:05 ] |
|
คนมันโง่! ไม่ฉลาด เรียนไม่เก่ง ต่อไม่เป็น เลยต้องใช้ คำพวกนี้ ขอโทดแล้ว แต่สุดท้าย ก้อเปงงี้ ไม่รู้ไม่ชี้ ขำขำ อย่าจิงจัง |
๐๐แม่นางน้อย๐๐ |
#45 ๐๐แม่นางน้อย๐๐ [ 14-06-2009 - 22:34:54 ] |
|
โอะโอ ทยานฟ้า ผู้น่ารัก อย่าเพิ่งชัก สีหน้างอน จะได้ไหม ตัวข้านี้ หยอกล้อ เพราะรักไง ที่ทำไป อยากให้เรา สนุกกัน (จิงๆก็หมดมุขจะแต่งละล่ะ) |
๐ทยานฟ้าา๐ |
#46 ๐ทยานฟ้าา๐ [ 14-06-2009 - 22:43:56 ] |
|
อะจิงหรือ อย่าทำให้ หลงดีใจ โอ้ชไหน นงเยาว์ ช่างใจร้าย มาหยอกล้อข้าผู้นี้ซะใจหาย ช่างเสียดาย ถ้าต่อนะ เจอดีแน่ |
๐๐แม่นางน้อย๐๐ |
#47 ๐๐แม่นางน้อย๐๐ [ 14-06-2009 - 22:55:31 ] |
|
ตัวข้าน้อย ล่องลอย ขอลาลับ ไม่ใช่หลับ แบบสิ้น ชีพหรอกหนา ด้วยเพราะเหนื่อย เนื่องจากเรียน จนปวดตา ขอนำกา -ยาข้าสู่ นิทราเอย |
๐ทยานฟ้าา๐ |
#48 ๐ทยานฟ้าา๐ [ 14-06-2009 - 22:59:29 ] |
|
จงฝันดี มีสุข มิฝันร้าย ฝันอาจกลาย เป็นจิงได้ เคยเจอไหม ฝันเจอเนื้อคู่ มากมาย มีถมไป คนในฝัน ขออย่า ให้เป็นเรา |
oo avril oo |
#49 oo avril oo [ 15-06-2009 - 09:05:01 ] |
|
รุ่งอรุณแสดส่องทั่งท้องฟ้า ท้องนภาเปลี่ยนสว่างกะจายใส เห็นใบหน้าสวยงามมาแต่ไกล คือไอไงสวยแต่เช้าสวัสดี?? ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
oo avril oo |
#50 oo avril oo [ 15-06-2009 - 09:05:57 ] |
|
สวัดดีตอนเช้าค่ะ ![]() ![]() |
เด็กชายไร้นาม |
#51 เด็กชายไร้นาม [ 15-06-2009 - 18:39:08 ] |
|
วังเอ๋ยวังเวง หง่างเหง่งย่ำค่ำระฆังขาน วัวควายพ่ายลาทิวากาล ค่อยค่อยผ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล และทิ้งตนตูเปลี่ยวผู้เดียวเอย ฯ ยามเอ๋ยยามนี้ ปฐพีมืดมัวทั่วสถาน อากาศเยือกหนาวคราววิกาล สงัดปานป่าใหญ่ไร้สำเนียง มีก็แต่จิ้งหรีดกระกรีดกริ่ง เรไรหริ่งร้องขรมระงมเสียง คอกควายวัวรัวเกราะเปาะเปาะเพียง รู้ว่าเสียงเกราะแว่วแผ่วแผ่วเอย ฯ นกเอ๋ยนกแสก จับจ้องร้องแจ๊กเพียงแถกขวัญ อยู่บนยอดหอระฆังบังแสงจันทร์ มีเถาวัลย์รุงรังถึงหลังคา เหมือนมันฟ้องดวงจันทร์ให้ผันดู คนมาสู่ส้องพักมันรักษา ถือเป็นที่รโหฐานนมนานมา ให้เสื่อมผาสุกสันต์ของมันเอย ฯ ต้นเอ๋ยต้นไทร สูงใหญ่รากย้อยห้อยระย้า และต้นโพธิ์ร่มแจ้แผ่ฉายา มีเนินหญ้าใต้ต้นกล่นเกลื่อนไป ล้วนร่างคนในเขตประเทศนี้ ดุษณีนอนราย ณ ภายใต้ แห่งหลุมลึกลานสลดระทดใจ เรายิ่งใกล้หลุมนั้นทุกวันเอย ฯ หมดเอ๋ยหมดห่วง หมดดวงวิญญาณลานสลาย ถึงลมเช้าชวยชื่นรื่นสบาย เตือนนกแอ่นลมผายแผดสำเนียง อยู่ตามโรงมุงฟางข้างข้างนั้น ทั้งไก่ขันดุเหว่าระเร้าเสียง โอ้เหมือนปลุกร่างกายนอนรายเรียง พ้นสำเนียงที่จะปลุกให้ลุกเอย ฯ ทอดเอ๋ยทอดทิ้ง ยาวหนาวผิดไฟล้อมอยู่พร้อมหน้า ทิ้งเพื่อนยากแม่เหย้าหาข้าวปลา ทุกเวลาเช้าเย็นเป็นนิรันดร์ ทิ้งทั้งหนูน้อยร่อยร่อยรับ เห็นพ่อกลับปลื้มเปรมเกษมสันต์ เข้ากอดคอฉอเลาะเสนาะกรรณ สารพันทอดทิ้งทุกสิ่งเอย ฯ กองเอ๋ยกองข้าว กองสูงราวโรงนายิ่งน่าใคร่ เกิดเพราะการเก็บเกี่ยวด้วยเคียวใคร ใครเล่าไถคราดพื้นฟื้นแผ่นดิน เช้าก็ขับโคกระบือถือคันไถ สำราญใจตามเขตประเทศถิ่น ยึดหางยามยักไปตามจินต์ หางยามผินผันตามใจเพราะใครเอย ฯ ตัวเอ๋ยตัวทะยาน อย่าบันดาลดลใจให้ใฝ่ฝัน ดูถูกกิจชาวนาสารพัน และครอบครัวครองกันอันชื่นบาน เขาเป็นสุขเรียบเรียบเงียบสงัด มีประวัติเป็นไปไม่วิตถาร ขออย่าได้เย้าเยาะพูดเราะราน ดูหมิ่นการเป็นอยู่เพื่อนตูเอยฯ สกุลเอ๋ยสกุลสูง ชักจูงจิตฟูชูศักดิ์ศรี อำนาจนำความสง่าอ่าอินทรีย์ ความงามน้ำใจมีไมตรีกัน ความร่ำรวยอวยสุขได้ทุกอย่าง เหล่านี้ต่างรอตายทำลายขันธ์ วิถีแห่งเกียรติยศทั้งหมดนั้น แต่ล้วนผันมาบรรจบหลุมศพเอย ฯ ตัวเอ๋ยตัวหยิ่ง เจ้าอย่าชิงติซากว่ายากไร้ เห็นจมดินน่าสลดระทดใจ ที่ระลึกสิ่งไรก็ไม่มี ไม่เหมือนบ่งศพญาติตบแต่ง เครื่องแสดงเกียรติเลิศประเสริฐศรี สร้างสถานการบุณย์หนุนพลี เป็นอนุสาวรีย์สง่าเอย ฯ ที่เอ๋ยที่ระลึก ถึงอธึกงามลบในภพพื้น ก็ไม่ชวนชีพที่ดับให้กลับคืน เสียงชมชื่นเชิดชูคุณผู้ตาย เสียงประกาศเกียรติเอิกเกริกลั่น จะกระเทือนถึงกรรณนั้นอย่าหมาย ล้วนเป็นคุณแก่ผู้ยังไม่วางวาย สืบเกียรติญาติไปภายภาคหน้าเอย ฯ ร่างเอ๋ยร่างกาย ยามตายจมพื้นดาษดื่นหลาม อย่าดูถูกถิ่นนี้ว่าที่ทราม อาจขึ้นชื่อลือนามแต่ก่อนไกล อาจจะเป็นเจดีย์มีพระศพ แห่งจอมภพกษัตริย์จักรพรรดิใหญ่ ประเสริฐด้วยสัตตรัตน์จรัสชัย ณ สมัยก่อนกาลบุราณเอย ฯ ความเอ๋ยความรู้ เป็นเครื่องชูชี้ทางสว่างไสว หมดโอกาสที่จะชี้ต่อนี้ไป ละห่วงใยอยากรู้ลงสู่ดิน อันความยากหากให้ไร้ศึกษา ย่อปัญญาความรู้อยู่แค่ถิ่น หมดทุกข์ขลุกแต่กิจคิดหากิน กระแสวิญญาณงันเท่านั้นเอย ฯ ดวงเอ๋ยดวงมณี มักจะลี้ลับอยู่ในภูผา หรือใต้ท้องสมุทรสุดสายตา ก็เสื่อมซาสิ้นชมนิยมชน บุปผาชาติชูสีและมีกลิ่น อยู่ในถิ่นที่ไกลเช่นไพรสณฑ์ ไม่มีใครได้เชยเลยสักคน ย่อมบานหล่นเปล่าดายมากมายเอย ฯ ซากเอ๋ยซากศพ อาจเป็นซากนักรบผู้กล้าหาญ เช่นชาวบ้านบางระจันขันรำบาญ กับหมู่ม่านมาประทุษฐ์อยุธยา ไม่เช่นนั้นท่านกวีเช่นศรีปราชญ์ นอนอนาถเล่ห์ใบ้ไร้ภาษา หรือผู้กู้บ้านเมืองเรืองปัญญา อาจจะมานอนจมถมดินเอย ฯ คุณเอ๋ยคุณเหลือ ผู้เอื้อเฟื้อเกื้อชาติซึ่งอาจหาญ แน่วนับซื่อสัตย์ต่อรัฐบาล ไม่เห็นการส่วนตัวไม่กลัวตาย แสวงชอบกอบคุณอุดหนุนชาติ กษัตริย์ศาสน์แม้ปลิดชีวิตถวาย ไว้ประวัติแก่ชาติญาตินิกาย ได้อ่านภายหลังลือระบือเอย ชาวเอ๋ยชาวนา วาสนากั้นไว้ไม่วิตถาร ไม่ชั่วล้นดีล้นพ้นประมาณ สองประการนี้แหละขวางทางครรไล คือไม่ลุยเลือดนั่งบัลลังก์ราช นำพินาศนรชนพ้นพิสัย แต่ปิดทางกรุณาอันพาไป ยังคุณใหญ่ยิ่งเลิศประเสริฐเอย ฯ มักเอ๋ยมักใหญ่ ก่อนแต่ใฝ่ฝันฟุ้งตามมุ่งหมาย อำพรางความจริงใจไม่แพร่งพราย ไม่ควรอายก็ต้องอายหมายปิดบัง มุ่งแต่โปรยเครื่องปรุงจรุงกลิ่น คือความฟูมฟายสิ้นลิ้นโอหัง ลงในเพลิงเกียรติศักดิ์ประจักษ์ดัง เปลวเพลิงปลั่งหอมกลบตระหลบเอย ฯ ห่างเอ๋ยห่างไกล จากพวกมักใหญ่ฝักใฝ่หา แต่สิ่งที่เหลวไหลใส่อาตมา ความมักน้อยชาวนาไม่น้อมไป เพื่อรักษาความสราญฐานวิเวก ร่มเรื้อเฉกหุบเขาลำเนาไศล สันโดษดับฟุ้งซ่านทะยานใจ ตามวิสัยชาวนาเย็นกว่าเอย ฯ ศพเอ๋ยศพไพร่ ไม่มีใครขึ้นชื่อระบือขาน ไม่เกรงใครนินทาว่าประจาน ไม่มีการจารึกบันทึกคุณ ถึงบางทีมีบ้างเป็นอย่างเลิศ ก็ไม่ฉูดฉาดเชิดประเสริฐสุน พอเตือนใจได้บ้างในทางบุณย์ เป็นเครื่องหนุนนำเหตุสังเวชเอย ฯ ศพเอ๋ยศพสูง เป็นเครื่องจูงจิตให้เสื่อมใสศานติ์ จารึกคำสำนวนชวนสักการ ผิดกับฐานชาวนาคนสามัญ ซึ่งอย่างดีก็มีกวีเถื่อน จารึกชื่อปีเดือนวันดับขันธ์ อุทิศสร้างตามทางธรรม์ ของผู้นั้นผู้นี้แก่ผีเอย ฯ ห่วงเอ๋ยห่วงอะไร ไม่ยิ่งใหญ่เท่าห่วงดวงชีวิต แม้คนลืมสิ่งใดได้สนิท ก็ยังคิดขึ้นมาได้เมื่อใกล้ตาย ใครจะยอมละทิ้งซึ่งสิ่งสุข เคยเป็นทุกข์ห่วงใยเสียได้ง่าย ใครจะยอมละแดนแสนสบาย โดยไม่ชายตาใฝ่อาลัยเอย ฯ ดวงเอ๋ยดวงจิต ลืมสนิทกิจการงานทั้งหลาย ย่อมละชีพเคยสุขสนุกสบาย เคยเสียดายเคยวิตกเคยปกครอง ละทั้งถิ่นสำราญเบิกบานจิต ซึ่งเคยคิดใฝ่เฝ้าเป็นเจ้าของ หมดวิตกหมดเสียดายหมดหมายปอง ไม่ผินหลังเหลียวมองด้วยซ้ำเอย ฯ ดวงเอ๋ยดวงวิญญาณ เมื่อยามละพรากไม่จากขันธ์ ปองแต่ให้ญาติมิตรสนิทกัน คล่าวน้ำตาตางบรรณาการไป ธรรมดาพาคะนึงถึงหลุมศพ หรือที่ชุมเพลิงเผาเฝ้าร้องไห้ คิดถึงกาลก่อนเก่ายิ่งเศร้าใจ ตามวิสัยธรรมดามาเกิดเอย ฯ ท่านเอ๋ยท่านสุภาพ ผู้ใคร่ทราบสนใจศพไร้ศักดิ์ รู้เรื่องจากป้ายจดลายลักษณ์ ทางทีจักรำพึงคิดถึงตน มาม้วยมรณ์นอนคู้อยู่อย่างนี้ คงจะมีผู้สังเกตในเหตุผล ปลงสังเวชซาบเสียวเ...่ยวกมล เหมือนกับตนท่านบ้างกระมังเอย ฯ บางเอ๋ยบางที อาจจะมีผู้เฒ่าเล่าขยาย รำพันความเป็นไปเมื่อใกล้ตาย จนตราบวายชีวาตน์อนาถใจ อนิจจาเห็นเขาเมื่อเช้าตรู่ ออกจากบ้านเดินสู่เนินใหญ่ ฝ่าน้ำค้างกลางนามุ่งคลาไคล ผิงแดดในยามเช้าหนาวนักเอย ฯ ต้นเอ๋ยต้นกร่าง อยู่ที่ข้างเนินใหญ่พุ่มใบหนา มีรากเขินเผินพ้นพสุธา กลางวันเขาเคยมานอนผ่อนอารมณ์ นอนเหยียดหยัดดัดกายภายใต้ต้น ฟังคำรณวารีมี่ขรม กระแสชลไหลเชี่ยวเป็นเกลียวกลม เขาเชยชมลำธารสำราญเอย ฯ ป่าเอ๋ยป่าละเมาะ ยังอยู่เยาะเย้ยให้ถัดไปนั่น เขาเดินมาป่านี้ไม่กี่วัน ปากรำพันจิตรำพึงคะนึงใน บัดเดี๋ยวดูสลดระทดจิต เหมือนสิ้นคิดขัดหาที่อาศัย หรือคล้ายคนทุกข์ถมระทมใจ หรือคู่รักร้างไม่อาลัยเอย ฯ ต่อเอ๋ยต่อมา ณ เวลาวันใหม่มิได้เห็น ทั้งกลางนากลางเนินเผอิญเป็น ใต้ต้นกร่างว่างเว้นเช่นเมื่อวาน เห็นคนหนึ่งเกินไปใจว่าเขา แต่ไม่เข้ากลางนามาสถาน ที่เขาเคยพักผ่อนแต่ก่อนกาล ทั้งไม่ผ่านป่าเข้าผิดเขาเอย ฯ ถัดเอ๋ยถัดมา เห็นเขาหามศพไปใจสลด เสียงประโคมครื้นครั่นน่ารันทด ญาติทั้งหมดตามมาโศกาลัย ทำการศพตบแต่งที่ระลึก มีบันทึกถ้อยคำประจำไว้ อยู่ที่ดงหนามนั่นถัดนั้นไป ความอย่างไรเชิญท่านไปอ่านเอย ฯ ที่เอ๋ยที่นี้ อนุสาวรีย์ศรีสถาน แห่งชายไม่ประจักษ์ศฤงคาร แม้สกุลคุณสารต่ำปานไร ขออย่าขึ้งเคียดรังเกียจเขา ขอจงเคารพงามตามวิสัย มัจจุราชรับพาเขาคลาไคล ทิ้งร่างไว้ทวงเคารพผู้พบเอย ฯ น้ำเอ๋ยน้ำใจ ซึ่งเนาในร่างกายผู้ตายนี้ ล้วนสุภาพผ่องใสด้วยไมตรี ทั้งโอบอ้อมอารีมีในตน คุณนี้นำชำร่วยอวยสนอง บำเหน็จมองมูลมากวิบากผล คือห่วงใยยั่วหยัดอัสสุชล จากฝูงชนผู้ใฝ่อาลัยเอย ฯ แต่เอ๋ยแต่นี้ เป็นหมดที่ใฝ่จิตริษยา เป็นหมดที่อุปถัมภ์คิดนำพา เป็นนับว่า "อโหสิกรรม" กัน เขาจะมีดีชั่วติดตัวไป เป็นวิสัยกรรมแต่งแสร้งสร้างสรรค์ จากไปอย่างผู้คนชนสามัญ ซึ่งทิ้งอยู่คู่กันกับนามเอย ฯฯ |
๐๐แม่นางน้อย๐๐ |
#53 ๐๐แม่นางน้อย๐๐ [ 15-06-2009 - 19:15:28 ] |
|
สวัสดี ยามเย็นนี้ ฝนตกหนัก ต่อกลอนรัก ที่ค้างไว้ กันดีไหม คือตอนนี้ ตัวข้าหนาว ลึกถึงใจ มีไหมใคร มอบความอุ่น แนบชิดกัน |
๐๐แม่นางน้อย๐๐ |
#54 ๐๐แม่นางน้อย๐๐ [ 15-06-2009 - 20:41:02 ] |
|
เฮ้อ~ แม้หมู่เมฆบดบัง แสงจัทร์ยังทะยานสาดส่อง ท้องฟ้าปนด้วยแสงทอง ใครเล่าจะรู้ความใน...... จากเจ้าแกะสีขาว |
๐ทยานฟ้าา๐ |
#55 ๐ทยานฟ้าา๐ [ 15-06-2009 - 21:30:42 ] |
|
อันความใน ของเจ้า คืออะหยัง เจ้านั้นยัง บ่ได้เขียน ให้ข้ารู้ ข้าไม่อยาก เดาสุ่มๆ แบบงูงู กะทู้นี้ จะเว้นไว้ เพื่ออารายยยยยยยยยยยยยย |
๐๐แม่นางน้อย๐๐ |
#56 ๐๐แม่นางน้อย๐๐ [ 15-06-2009 - 21:40:30 ] |
|
กำกำกำ ตัวข้า ก็ลืมบอก ก็แค่หลอก ให้เดา ไปงั้นงั้น อย่าได้คิด จริงจัง เลยละกัน ว่าไปนั่น ตัวข้า กลับงงเอง |
๐ทยานฟ้าา๐ |
#57 ๐ทยานฟ้าา๐ [ 15-06-2009 - 21:53:57 ] |
|
งั้นขึ้นใหม่นะ โอ้นวลนาง เจ้ามาหลอก ให้ข้ารัก แล้วสักพัก ก้อทิ้งข้า เหมือนของเล่น หมดประโยชน์ เก็บไว้ มิจำเป็น อิเจนซี่ บรั่น ดีไทย |
oo avril oo |
#58 oo avril oo [ 16-06-2009 - 00:05:38 ] |
|
![]() ![]() |
oo avril oo |
#59 oo avril oo [ 16-06-2009 - 02:10:52 ] |
|
ดีดีดี งั้นไปกินเหล้ากัน ทั้งบรั่นดี แสงโสม มีมากนัก ทั้งเหล้ามมัก เหล้าชาวเห็งแล้วหิว ![]() แค่นี้มันชิวชิว แต่หิ้วมาฝากก้จะดี ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
๐๐แม่นางน้อย๐๐ |
#60 ๐๐แม่นางน้อย๐๐ [ 16-06-2009 - 07:28:04 ] |
|
สุราเมระยะ มัจฉะปะ มาทัดถานา โปรดจงอย่า ฆ่าตัวตาย วิธีนี้ เตือนเพราะห่วง รักเจ้า สุดชีวี ด้วยวัยนี้ มาดื่มนม ฉลองกัน ![]() |