แลกเปลี่ยนความรทางประวัติศาสตร์ของจีน
vมังกรหลับv |
#561 vมังกรหลับv [ 20-10-2007 - 14:07:38 ] |
|
ม่าน คือ ชนชาติในแถบจีนตอนล่างคับ พวกจีนใช้คำว่า ม่าน เรียกพวกพม่าคับ แล้ว ภาษาไทย ม่าน ก็ยังแปลว่าพม่าอีกด้วยคับ |
มือกระบี่ไร้นาม |
#562 มือกระบี่ไร้นาม [ 20-10-2007 - 14:09:14 ] |
|
ใช่ครับเตียวเสี้ยนไม่มีตัวตนจริง ผมอ่านแรกๆพอไปคุยกับเพื่อนที่มีความรู้ด้านนี้ก็คุยเรื่องเตียวเสี้ยน เขาก็บอกว่าไม่มีจริง ทีแรกก็ไม่เชื่อ แต่ไปดูอีกทีมันไม่มีจริงครับ หล่อกวานจงแต่งขึ้น |
vมังกรหลับv |
#563 vมังกรหลับv [ 20-10-2007 - 14:10:24 ] |
|
เวลา เรียกอ๋อง นี่ผมคิดว่า คำขานรับ หรือ คำใช้แทนตัวเรา อาจใช้แตกต่างกันไปคับ ถ้าอ๋องนั้นกำลังปฏิบัติหน้าที่หรืออยู่ในชุดราชการ หรือทำราชการให้กับฮ่องเต้ คำพูดผู้ใต้บังคับบัญชาเวลาขานก็ต้องเป็นทางการ คับ ส่วนเวลานอกราชการ ก็อาจจะเหมือนเวลาที่เราคุยกับบุคคลชั้นสูงทั่วไป |
vมังกรหลับv |
#564 vมังกรหลับv [ 20-10-2007 - 14:17:53 ] |
|
http://www.praphansarn.com/new/forum/forum_posts.asp?PN=8&TID=5611 เรื่องแม่ทัพงักฮุย ถ้ายังไม่เคยทราบก็อ่าน ลิ้งนี้ไปก่อน แต่ผมคิดว่าท่านคง ทราบมาบเงแล้ว ก็ลอง seach ใน google ดูคับ งักฮุย ได้ชื่อเป็นขุนศึกไร้พ่าย เรียกว่าเป็นเทพ แห่งสงครามของจีนเลยนะคับ แต่ปัจจุบันเราจะไม่ค่อยได้ยินชื่อเขานัก ปัจจุบันชื่อเขายังไม่ดังเท่า กวนอู เลยคับ เหตุเพราะว่า ชาวแมนจูที่เข้ามาตีอาณาจักรจีน พยายามตั้งเทพเจ้า องศ์ใหม่ อย่างเช่น กวนอู และ อีกหลายๆองศ์เลยคับ ขึ้นมาให้ประชาชนนับถือ แล้วก็มีส่วนในการกีดกันเทพเจ้าหรือขุนพลดั่งเดิม ของชาวฮั่น ซึ่งอันดับ1เลยก็คือ งักฮุย ขุนศึกที่ต่อต้านผู้บุกรุกแล้วเป็นขุนศึกที่ภักดีต่อชาวฮั่น ชาวแมนจูคงรู้ว่าคืนให้ชาวฮั่นนับถือ ขุนพลเหล่านี้ต่อไป วันหน้าต้องกบฏเป็นแน่ จึงพยายามเปลี่ยนรากฐานความคิดชาวฮั่น |
vมังกรหลับv |
#565 vมังกรหลับv [ 20-10-2007 - 14:19:24 ] |
|
ส่วน ฮัวมู่หลาน ก็ลองไป seach เอาฮะ ผมขี้เกียจ หา คนดังๆพวกนี้ รับรอง seach แล้วเจออยู่แล้ว |
มือกระบี่ไร้นาม |
#566 มือกระบี่ไร้นาม [ 20-10-2007 - 14:24:25 ] |
|
ในสมัยแมนจู จักรพรรดิแมนจูเห็นว่าชาวฮั่นเป็นคนรักชาติ เพราะกราบไหว้งักฮุย ถ่มน้ำลายใส่ฉินข่วยและภรรยา จากนั้นจึงนำแป้งที่ทอดมาแปะใส่รูปปั้นฉินข่วยและภรรยา แล้วเอามากิน หมายถึงว่าเราต้องการกินเนื้อของมัน จักรพรรดิแมนจูจึงยกสองยอดวีรบุรุษ กวนอู-ขงเบ้ง ขึ้นมาแทน |
fhasatumton | |
![]() |
อืม... |
fhasatumton | |
![]() |
ใคร่อยากทราบ สตรีที่โด่งดังในประวัติศาสตร์จีน ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน (ถามไปยังนี่) |
fhasatumton | |
![]() |
ผมว่า ราชวงศ์หมิง ก็มียุวกษัตริย์เยอะเหมือนกัน |
vมังกรหลับv |
#570 vมังกรหลับv [ 20-10-2007 - 17:09:24 ] |
|
ใคร่อยากทราบ สตรีที่โด่งดังในประวัติศาสตร์จีน ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน (ถามไปยังนี่) ก็มีเยอะเหมือนกันคับ 4 ยอดสาวงามแดนมังกร ไซซี หวังเจาจวิน เตียวเสี้ยน หยางกุ้ยเฟย ฮองเฮาราชวงศ์ฮั่น ฮองเฮาทรงคุณธรรมของเป่ยเว่ย บูเช็คเทียน สมัยถัง ซูสีไทเฮา สมัยชิง ฮัวมู่หลาน สมัยเป่ยเว่ย ยอดหญิงตระกูลหยาง สมัยซ่ง จิง ฉี โจนสลัดหญิง ที่จำได้มีแค่นี้อะคับ แต่ก็อาจจะมีอีกคับที่ผมยังไม่รู้ |
vมังกรหลับv |
#571 vมังกรหลับv [ 20-10-2007 - 17:12:34 ] |
|
เห็นพูดถึงราชวงศ์หมิง มีคนนึงแนะนำคับ ทุกท่านอาจจะรู้มาบ้างแล้ว ไห่รุ่ย (Hai Rui, 1514-1587) เป็นขุนนางซื่อสัตย์ที่มีชื่อเสียงสมัยราชวงศ์หมิง จนได้รับการขนานนามว่า "เปาบุ้นจิ้นแห่งปักษ์ใต้" หรือ "ฟ้าสีทองตระกูลไห่" ชั่วชีวิตของเขาเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับผู้ที่กระทำผิด เชิดชูผู้กระทำความดี และสร้างผลประโยชน์ให้แก่พี่น้องประชาชน ชื่อเสียงเกียรติยศของเขาเป็นที่รู้จักกันจนถึงปัจจุบัน รายการวันนี้ ดิฉันขอเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับไห่รุ่ยค่ะ ไห่รุ่ยเป็นคนชนชาติหุย เกิดที่ไหหลำ ตระกูลของเขาเคยเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่มาแล้วหลายชั่วอายุ แต่สำหรับตัวเขาแล้วชีวิตค่อนข้างแร้นแค้น เนื่องจากกำพร้าบิดาตั้งแต่อายุ 4 ขวบ อย่างไรก็ตาม มารดาของเขาเป็นผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งและรู้จักอดออม นางหาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างเย็บปักถักร้อย และสั่งสอนลูกอย่างดี ไห่รุ่ยได้อ่านหนังสือลัทธิขงจื๊อมาตั้งแต่เด็ก จึงได้รับการปลูกฝังแนวคิดเกี่ยวกับ "การตอบแทนบุญคุณแผ่นดินและรักประชาชน" อยู่ในสายเลือดอย่างเหนียวแน่น ปีคริสต์ศักราช 1569 ไห่รุ่ยได้รับเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นผู้ว่าการแคว้นเจียงหนัน คือ พื้นที่ลุ่มแม่น้ำแยงซีตอนปลาย ได้แก่ เมืองนานกิงและซูโจว เป็นต้น ซึ่งเป็นดินแดนอุดมสมบูรณ์ในน้ำมีปลาในนามีข้าว แต่หลังจากที่ไห่รุ่ยเข้าดำรงตำแหน่งแล้วไม่นาน เขากลับพบว่า ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวมีชีวิตยากลำบากเพราะต้องจ่ายสรรพสามิตและภาษีอากรอย่างหนั ก ถูกขุนนางทุจริตกดขี่ขูดรีด ยามที่เกิดภัยน้ำท่วม ราคาพืชพันธุ์ธัญญาหารก็พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว ประชาชนต้องอพยพไปขอทานที่ต่างถิ่น ไห่รุ่ยจึงลงมือแก้ไขทั้งเรื่องภัยน้ำหลากและเรื่องการกู้ภัยบรรเทาทุกข์ กล่าวกันว่า เขาเรียกประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนเพราะข้าวยากหมากแพงไปช่วยกันขุดลอกแม่น้ำลำคล อง ทำให้สามารถระบายลงออกสู่ทะเลได้ เป็นการแก้ปัญหาภัยน้ำท่วม ต่อจากนั้น ไห่รุ่ยก็ยื่นถวายหนังสือถึงพระเจ้าแผ่นดินให้พระราชทานธัญญาหารที่เก็บจากประชาชนส่ วนหนึ่งให้แก่ประชาชนผู้ประสบภัย เป็นการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ประชาชนที่อยู่ใต้การปกครองของเขาจึงพากันสรรเสริญแซ่ซ้องไห่รุ่ยซึ่งเป็นขุนนางดีเด ่นเยี่ยงบิดามารดา เจ้าที่ดินบางรายใช้อิทธิพลไม่จ่ายภาษีหรือจ่ายน้อยกว่าที่ควร โดยปัดภาระไปให้กับชาวนาผู้ซึ่งมีที่ดินเพาะปลูกน้อยนิดอยู่แล้ว เพิ่มความทุกข์ให้ประชาชนต้องแบกรับภาษีหนักอึ้งลงไปอีก เพื่อให้ประชาชนพ้นจากภาวะสภาพดังกล่าว ไห่รุ่ยจึงออกคำสั่งให้บรรดาเจ้าที่ดินนำที่ดินจำนวนมากที่ปล้นชิงจากชาวนาไปคืนให้ช าวนาเจ้าของที่ดิน อีกทั้งสั่งให้ทำการแจ้งปริมาณที่ดินที่แต่ละครอบครัวใช้เพาะปลูก และให้จ่ายภาษีธัญญาหารตามจำนวนที่ดินในการครอบครอง ด้วยวิธีนี้ ประชาชนจึงจ่ายภาษีอย่างยุติธรรมไม่ถูกบังคับรีดไถ่อย่างเคย อย่างไรก็ตาม การกระทำต่างๆ ของไห่รุ่ยสร้างความเสียหายแก่ผลประโยชน์ของบรรดาผู้ดีและเจ้าที่ดินอย่างร้ายแรง พวกเขาจึงได้รวมหัวกันล่ารายชื่อถวายกษัตริย์ ตั้งข้อกล่าวหาฟ้องร้องไห่รุ่ยว่าให้การสนับสนุนโจรสลัดญี่ปุ่นที่รุกรานชายฝั่งทะเล ตะวันออกของจีน ในที่สุดไห่รุ่ยถูกปลดออกจากตำแหน่ง เขากลับไปบ้านที่ไหหลำและใช้ชีวิตแบบสามัญชนเป็นเวลา 16 ปี ชั่วชีวิต ไห่รุ่ยคัดค้านการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเด็ดขาด ไม่เคยรับสินบนใคร และไม่เคยให้สินบนใครด้วย โดยเห็นว่า การให้สินบนและการรับสินบนเป็นเรื่องอัปยศอดสูของชีวิต ถึงแม้ว่าไห่รุ่ยเคยรับราชการเป็นขุนนางมาเป็นเวลานานปีก็ตาม แต่เขายังคงใช้ชีวิตเยี่ยงปัญญาชนธรรมดาที่ค่อนข้างขัดสน หลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว ผู้คนทั้งหลายพบว่า สิ่งที่เขาทิ้งไว้แก่โลกนั้นเป็นเพียงเงิน 8 ตำลึงและเสื้อผ้าเก่าๆ ไม่กี่ชุดเท่านั้น ซึ่งนับว่าน้อยกว่าสามัญชนทั่วๆ ไปเสียด้วยซ้ำ วันฌาปนกิจศพไห่รุ่ยนั้น ชาวบ้านนับพันนับหมื่นไปร่วมพิธีอำลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย ร้านค้าโรงเตี๊ยมต่างๆ ตามตรอกซอกซอยพากันปิดกิจการ ตั้งขบวนส่งศพไห่รุ่ยเป็นระยะทางหลายสิบกิโลเมตร กระทั่งทุกวันนี้ ไห่รุ่ยยังคงเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นธรรม เรื่องราวของไห่รุ่ยยังคงได้รับการนำเสนอในรูปแบบการแสดงต่างๆ เช่น งิ้วที่เล่นกันทั่วประเทศ |
fhasatumton | |
![]() |
ฮองเฮา สุดอนาถ ถูกย่ำยี สุดสมเพช พระนาง จูสี ฮองเฮา ในพระเจ้า ซ่งจินจง (ซ้องคิมจง) จ้าวหวน (เตียวฮ้วง) เดือนที่ 11 ศักราช ชินคัน (เช็งคัง) ปีที่ 2 ในรัชสมัยของพระเจ้า ซ่งจินจง เป็นสถานภาพที่เลวร้ายที่สุดของราชวงศ์ เป่ยซ่ง ตระกูล แซ่จ้าว ทหารราชวงศ์ จิน บุกเข้าเมืองหลวงนคร เ...ยนจิน บีบบังคับราชวงศ์ประมาณ 3,000 กว่าคน กวาดต้อนไปสู่ทางเหนือ ไม่ว่าพ่อลูกภรรยาและสามีล้วนแตกแยกจากกัน ความเศร้าโศกโสกาอาดูร เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วพระราชสำนัก พระเจ้า ซ่งเฟยจง จ้าวจี้ (พ.ศ. 1643 – พ.ศ. 1668), พระเจ้า ซ่งจินจง จ้าวหวน (พ.ศ. 1668 – พ.ศ. 1670), พระนางเจิ้น ฮองเฮา, และพระนาง จู ฮองเฮา, ต่างถูกส่งตามเสด็จ ทรงถูกขังรวมกันอยู่ในห้อง ๆ หนึ่งของคืนลมหนาวโชยมาจนเย็นยะเยือกหนาวเข้ากระดูก 4 กษัตริย์ทรงหนาวสั่นทั่วพระวรกาย ยามราตรีทรงมิสามารถข่มพระเนตรหลับตาลงนอนหลับได้ วันรุ่งขึ้นจึ่งมีเพียงข้าวต้มส่งยื่นเข้ามา 4 ชาม ยามสมบูรณ์พูลสุขในฐานะ ฮ่องเต้ และ ฮองเฮา ไฉนเลยทรงเสวยกายาหารเช่นนี้ลง ทรงเพียงแค่เสวยลงไม่กี่คำ เมื่อถึงเวลาเที่ยง 4 กษัตริย์ก็ทรงถูกนำมาขัง ณ หน้าค่ายของแม่ทัพ ซานฮาน แม่ทัพ ซานฮาน มีบัญชาให้เปลี่ยนชุดฉลองพระองค์ของ 4 กษัตริย์ เป็นชุดนักโทษสีเขียว แล้วส่งคนควบคุมไปส่ง ณ เมืองหลวงของราชวงศ์ จิน นคร เยี่ยนจิน มีทหารคนหนึ่ง จูงม้ามา 4 ตัว เพื่อให้ 4 กษัตริย์ทรงขี่ พระนาง เจิ้น ฮองเฮา และพระนาง จู ฮองเฮา ปกติมิเคยทรงขี่ม้ามาก่อน บวกกับรูปลักษณ์ทรงพระอรชร จึ่งทรงมิอาจก้าวข้ามหลังม้าไปได้ เป็นเหตุให้พวกทหารป่าเถื่อนโกรธร้องตวาดว่า แม้ขี่ม้ามิเป็น ก็จำต้องขี่ให้ได้ ข้ามิอาจประคับประคองพวกท่านไปไกลได้ตลอดทาง แล้วก็เข้าบีบกระหนาบ 2 ฮองเฮา ขึ้นกระหนาบบนหลังม้าทรงขี่จนได้ พระนาง จู ฮองเฮา ในพระวัย 24 พรรษา ทั้งทรงอับอายทั้งทรงขายพระพักตร์ แต่ก็ทรงมิมีอะไรทำที่ดีกว่าส่งสายพระเนตรอันละห้อย พร้อมด้วยพระพักตร์ทรงนองด้วยน้ำพระเนตรไปยังพระราชสวามี พระเจ้า ซ่งจินจง พระนางนั้น พื้นแพทรงเป็นชาวเมือง ไคฟง พระบิดา เป็นข้าหลวงในกองทัพ อู่คัน (บู่คัง) จูเป๋อ (จูเปะ) พระเจ้า ซ่งจินจง ยามสมัยดำรงค์ตำแหน่งเป็นองค์รัชทายาท พระเจ้า ซ่งเฟยจง ทรงทอดพระเนตรเห็นความงดงามเฉลียวฉลาดของพระนาง จึ่งทรงเลือกพระนางเป็นชายาขององค์รัชทายาท เมื่อพระเจ้า ซ่งจินจง ทรงรับตำแหน่งเป็น ฮ่องเต้ พระนางก็ทรงถูกแต่งตั้งในตำแหน่ง ฮองเฮา พระนางทรงเป็น ฮองเฮา ที่น่าสงสารที่สุในราชวงศ์ ซ่ง แม้นกระทั่งในประวัติศาสตร์จีน น้อยครั้งที่พระนางทรงได้รับความสุขสมบูรณ์ในฐานะ ฮองเฮา เมื่อประเทศชาติล่มจม พระนางก็ต้องรับเคราะห์ทรงทนทุกข์ยากติดตาม ฮ่องเต้ ไปในฐานะเชลยตัวประกัน ทรงติดตามพระราชสวามี เริ่มต้นใช้ชีวิตที่ถูกกดขี่เยี่ยงข้าทาษในพระราชอาณาจักร จิน หัวหน้ากองควบคุมเชลยนี้มีชื่อว่า จี้ลี่ หน้าตาหยาบกระด้าง ประกอบด้วยก้อนเนื้อที่แสดงความกักขระโหดร้ายบนใบหน้า ระหว่างทาง เขามักเสพสุราอาหารอย่างเกษมสำราญ เมื่อเสพอิ่มแล้ว ก็ให้ลูกน้องเก็บกวาดเศษอาหารที่เหลือพร้อมด้วยข้าวที่เย็นชืดมาถวายแก่ 4 กษัตริย์ 4 กษัตริย์ไฉนจักทรงกลืนลงพระศอ จี้ลี่ มองเห็นพระนาง จู ฮองเฮา ยังทรงวัยพระเยาว์ อีกทั้งสิริโฉมทรงงดงามยิ่ง จึงหยอกเย้าเกี้ยวพาราสีพระนางเสมอ ๆ แม้นพระนางสุดที่จักทรงอับอาย แต่ก็มิกล้าแสดงความขุนเคืองพิโรธ ได้แต่ทรงอดทนเก็บกลั้นไว้ในพระทัย เมื่อเดินทางไปได้ 20 กว่าวัน ก็ถึงตำบล ซิ่นอันเซี่ยน ปัจจุบันอยู่ภายในตัวเมือง ป้าเซี่ยน ในมณฑล เหอเป่ย ในระหว่างทางหยุดแรมพักผ่อนการเดินทาง จี้ลี่ ได้ตั้งวงเสพสุราด้วยความคลื้มใจ จึ่งมีคำสั่งบังคับให้พระนาง จู ฮองเฮา ทรงร้องเพลงให้ฟัง พระนาง จู ฮองเฮา ทรงปฏิเสธเป็นพลันวัน “ข้าน้อย แต่ไหนแต่ไรมามิเคยร้องเพลง” จี้ลี่ บันดาลโทษะ ชักดาบเล่มโตพาดบนพระศอของพระเจ้า ซ่งจินจง ขู่ตะคอกว่า “ชีวิตของเจ้าทั้งสี่ ล้วนตกอยู่ในกำมือของข้า เจ้าจักร้องเพลงหรือมิร้อง หากเจ้ามิร้อง ข้าจักให้สามีของเจ้าลองชิมคมดาบของข้า” พระนาง จู ฮองเฮา ทรงสุดสิ้นหนทางอื่น จำทรงผินพระพักตร์ไปทางอื่น ทรงกรรแสงร้องเพลงด้วยน้ำพระเนตรนองพระพักตร์ เมื่อ จี้ลี่ เสพสุราได้ที่ มีความเมามายครองสติเทบมิได้ จึ่งมีจิตคิดกำเริบ บีบบังคับสั้งพระนาง จู ฮองเฮา มาทรงประทับเคียงข้างกาย ปรนนิบัติการเสพสุราของตน พระนาง จู ฮองเฮา ไหนเลยทรงจักทรงปฏิบัติตาม จี้ลี่ จึ่งลุกขึนจากวงสุรา ฉุดรั้งพระกรของพระนางลากเข้ามาหา พระนาง จู ฮองเฮา ทรงยื้อยึดฉุดพระฉลองของพระเจ้า ซ่งจินจง ด้วยพระกรอีกข้าง จี้ลี่ บันดาลโทษะ ใช้ฝ่ามืออันใหญ่หยาบกระด้าง ตบพระพักตร์ของพระนาง จู ฮองเฮา หนึ่งที พระนางทรงล้มฟุบลงไปกองกับพื้นดิน พระเจ้า ซ่งจินจง ทรงสิ้นพระขันติ ทรงลุขึ้นชี้หน้าด่า จี้ลี่ มากมาย จนกระทั่ง จี้ลี่ บันดาลโทษะขึ้นมาอีก คราวนี้ ได้ชักดาบออกมา หมายปลงพระชนม์พระเจ้า ซ่งจินจง พระนาง จู ฮองเฮา ทรงทอดพระเนตรเช่นนั้น พระนางทรงโถมพระวรกายของพระนางเข้าคล่อมปกป้องพระเจ้า ซ่งจินจง พอดีขณะนั้น ทหารที่ร่วมวงดื่มสุรากับ จี้ลี่ คนหนึ่ง รีบลุกขึ้นมากล่าวกับ จี้ลี่ ว่า “ท่านนายทัพ โปรดระงับโทษะ ฮ่องเต้ ทรงมีพระราชโองการให้นำเขาทั้งสี่ ส่งถึงนครเยี่ยนจิน โดยมีชีวิต หากพวกเขาเป็นอะไรสักคน ท่านจักมีคำกราบทูลต่อ ฮ่องเต้ ว่ากระไร” จี้ลี่ จึ่งค่อยคลายโทษะวางดาบลง เมื่อเดินทางไปได้อีก 10 กว่าวัน ก็ถึงนครหลวง เยี่ยนจิน ของราชอาณาจัก จิน แต่ทว่าพระเจ้า จินไท่จง ฮ่องเต้ ของราชวงศ์ จิน ยังทรงอยู่ในระหว่างประพาสล่าสัตว์ 4 กษัตริย์ ทรงประทับอยู่ที่วัด หมินจงจี้ ฮุ่ยฉาน เจ้าอาวาสของวัด หมินจงจี้ เป็นคนชนชาติ ฮั่น จึงต้อนรับขับสู้ 4 กษัตริย์อย่างดียิ่ง เมื่อทรงประทับอย่างสุขสำราญได้ 4 - 5 วัน พระเจ้า จินไท่จง ทรงเสด็จกลับนิวัตสู่พระนคร 4 กษัตริย์ จึ่งทรงถูกนำตัวเข้าเฝ้า พระเจ้า จินไท่จง ทรงโปรดให้ขังรวมกันในกระท่อมดินหลังหนึ่ง แต่ละวันมีการถวายข้าวให้เสวยเพียง 2 ชาม และเนื้อเน่า ๆ อีกไม่กี่ชิ้น ส่วนภายในกระท่อมนั้น มีเพียงโต๊ะไม่กี่ตัว และมีเสื่อเพียง 4 ผืน นอกนั้นมิมีสิ่งของอำนวยความสะดวกใด ๆ พระนาง จู ฮองเฮา ไหนเลยทรงต้องตรากตรำเดินทางลำบากมาเป็นเวลานาน เมื่อทรงมาปะทะกับอากาศอันหนาวเหน็บของดินแดนทางภาคเหนือเช่นนี้ บวกกับพระวรกายอันบอบบางของพระนาง พระนางจึ่งมิสามารถรับกับสภาพธรรมชาติอันโหดร้ายเช่นนี้ได้ ไม่กี่วันให้หลัง พระนางก็ทรงพระประชวรล้มป่วยลง ทรงบรรทมซมอยู่บนเสื่อที่บรรทม พระเจ้า ซ่งจินจง ทรงพยายามขอร้องยามที่เฝ้าควบคุมพระองค์ทั้งหลาย ขอส่งแพทย์มาตรวจพระอาการของพระมเหสี ยามที่เฝ้าอยู่ นอกจากมิทรงเรียกหมอมาตรวจพระอาการแล้ว ยังตวาดด่าว่าพระเจ้า ซ่งจินจง มากมาย อีก 2 วันหลังจากนั้น พระนาง จู ฮองเฮา ทรงทนพระอาการทรงประชวรมิได้ ทรงสิ้นพระชนเสด็จสวรรคตด้วยความทรมาน พระเจ้า ซ่งจินจง ทรงพระกรรแสงด้วยความอาลัย ยามที่เฝ้าอยู่ ได้ใช้เสื่อห่อหุ้มพระศพของพระนาง ลากร่างของพระนางออกจากกระท่อมออกไป พระเจ้า ซ่งจินจง ทรงพระกรรแสงอย่างน่าเวทนา พระองค์ทรงถึงกับลดองค์ลงคุกเข่า ขอร้องแก่ยามผู้เฝ้ากระท่อมว่า “มเหสีของข้า มีศักดิ์ถึง ฮองเฮา ขอท่านจงไปกราบทูล ฮ่องเต้ ของท่าน ขอพระราชทานการจัดงานฝังพระศพอย่างสมพระเกียรติ์ด้วยเถิด” พระนาง จู ฮองเฮา ผู้ทรงน่าสมเพช ทรงถูกกรรมลิขิตให้มีวิถีชีวิตในบั้นปลายเช่นนี้ ถึงทรงถูกฝังร่างพระศพ ณ นอกประเทศอย่างศพมิมีญาติเช่นนี้ ภายหลังต่อมาอีก 70 ปี ในรัชสมัยของราชวงศ์ หนานซ่ง รัชกาลของพระเจ้า ซ่งหนินจง ศักราช ซิ่นหยวน ปีที่ 3 พระนางทรงได้รับการสถาปนามีพระสิริยศว่า ฮว่ายหยิน พระสวามีของพระนาง พระเจ้า ซ่งจินจง จ้าวหวน ทรงได้รับกรรมหนักยิ่งกว่าพระนาง พระองค์ทรงถูกขังอย่างโดดเดี่ยว ณ ตำบล อู่กว๋อเฉิน พระองค์ทรงทนทุกทรมานอีกกว่า 20 ปี จึ่งทรงสิ้นพระชนม์ ในศักราช เจ้าซิ่น ปีที่ 26 ในรัชสมัยของพระเจ้า ซ่งเกาจง ในขณะที่มีมีพระชนมายุ 56 พรรษา มีบันทึกในหนังสือ “ซวนเหอ” ว่า ในปีนั้น พระเจ้า จินปั้นหวางตี้ หยวนหยวนเลี่ยน พระองค์ทรงนำทัพมาปราบราชวงศ์ หนานซ่ง ทางใต้ พระองค์ทรงนำพระเจ้า ซ่งจินจง มาเป็นเป้าซ้อมยิงเกาทัณฑ์ เพื่อทรงเอาฤกษ์เป็นธงชัยเฉลิมพล พระเจ้า ซ่งจินจง ทรงถูกลูกเกาทัณฑ์ปลงพระชนม์ทั้ง ๆ ที่ทรงพระชนม์ ส่วนพระศพนั้น ทรง๔กองทัพทหารม้าเหยียบย่ำแหลกแหลวภายใต้อุ้งตีนกองอาชา เอามาให้อ่านครับ ฮงเฮาสมัย ราชวงศ์ซ่ง |
มือกระบี่ไร้นาม |
#573 มือกระบี่ไร้นาม [ 20-10-2007 - 17:55:44 ] |
|
ในสมัยราชวงศ์หมิง ผมไม่ค่อยรู้หรอก |
จอมยุทธ์มังกรน้อย |
#574 จอมยุทธ์มังกรน้อย [ 21-10-2007 - 12:33:25 ] |
|
พวกท่านชอบ ประวัติ ราชวงศ์ไหนมากที่สุดอะครับ ส่วนตัวผมแล้ว ชอบประวัติราชวงศ์ ฉิน มากที่สุด อะครับ ถึงจะมีเวลา แค่ 15 ปี แต่ก็เป็นราชวงศ์แรกที่รวบรวมแผ่นดินได้เป็นปึกแผ่นมั่นคงได้ แถบยังมีความลับเกี่ยวกับหลุมฝังศพของฉินซีฮ้องเต้ด้วย และ สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่สร้างในสมัยนี้ คือ กําแพงเมืองจีน ![]() |
fhasatumton | |
![]() |
ฉิน ฮั่น ถัง ซ่ง หมิง ชิง |
vมังกรหลับv |
#576 vมังกรหลับv [ 21-10-2007 - 21:48:05 ] |
|
สนใจหมดละคับที่เป็นความรู้เกี่ยวกับอารยธรรมจีน แต่ที่อยากหาข้อมูลเป็นพิเศษก็ ยุคจ้านกว๋ออะคับ ยุคนี้ในตำราพิชัยสงครามของซุนวูที่ผมเคยอ่าน มักกล่าวถึงการรบในยุคนี้ ยุคนี้มีคนดังๆและปราชญ์เก่งๆเกิดขึ้นเพียบเลย แล้วพวกท่านชอบคำสอนของปราชญ์คนใดมากที่สุดละคับ |
fhasatumton | |
![]() |
ขงจื้อ (ไม่เคยอ่าน แต่เห็นในหนังพูดถึงกัน หมายถึง ไม่เคยอ่านคำสอนของท่านน่ะนะ) |
vมังกรหลับv |
#578 vมังกรหลับv [ 21-10-2007 - 21:49:41 ] |
|
จอมยุทธ์มังกรน้อย ชอบราชวงศ์ฉินหรอคับ แล้วเรื่องที่ว่า ฉินอ๋องเจิ้งเป็นลูกของเสนาบดีหลี่ปู่เหว่ยเป็นเรื่องจริงหรือป่าวคับ หรือแค่ข่าวลือ |
vมังกรหลับv |
#579 vมังกรหลับv [ 21-10-2007 - 21:50:14 ] |
|
ผมชอบ ขงจื้อ กับ จวงจื๊อ อะ |
มือกระบี่ไร้นาม |
#580 มือกระบี่ไร้นาม [ 22-10-2007 - 11:08:41 ] |
|
ใช่ครับยุคจั้นกว๋อมีแต่คนเก่งๆทั้งนั้นเลย อย่างก่วนจง เล่ออี้ ซุนวู |