แลกเปลี่ยนความรทางประวัติศาสตร์ของจีน
vมังกรหลับv |
#521 vมังกรหลับv [ 19-10-2007 - 12:36:07 ] |
|
ท่าน fhasatumton ท่าเอาลิ้งที่มีรูป ฮ่องเต้ราชวงศ์ต่างๆของจีนมาจากเว็บไหนอ่าคับ ผมจะขอลิ้ง เอาไว้ศึกษาได้ไหมคับ |
fhasatumton | |
![]() |
ในวงเล็บ คือ พระนามเดิมนะครับ ซ่งไท่จู่ฮ่องเต้(จ้าวควงอิ้น) ครองราชย์ 960-976 รวม 16 ปี ซ่งไท่จงฮ่องเต้(จ้าวควงอี้) ครองราชย์ 976-997 รวม 1 ปี ซ่งเจินจงฮ่องเต้(จ้าวเต๋อชั่ง) ครองราชย์ 997-1022 รวม 25 ปี ซ่งเหรินจงฮ่องเต้(จ้าวโซ่วอี้) ครองราชย์ 1022-1063 รวม 41 ปี (ยุคเปาบุ้นจิ้น) ซ่งอิงจงฮ่องเต้(จ้าวจงสือ) ครองราชย์ 1063-1067 รวม 4 ปี ซ่งเสินจงฮ่องเต้(จ้าวจ้งเจิน) ครองราชย์ 1067-1085 รวม 18 ปี ซ่งเจ๋อจงฮ่องเต้(จ้าวยง) ครองราชย์ 1085-1100 รวม 15 ปี ซ่งฮุ่ยจงฮ่องเต้(จ้าวจี๋) ครองราชย์ 1100-1126 รวม 26 ปี ซ่งชินจง(จ้าวตั้น) ครองราชย์ 1126-1127 รวม 1 ปี จบเป่ยซ่ง ซ่งใต้ กำลังทำอยู่ครับ |
vมังกรหลับv |
#523 vมังกรหลับv [ 19-10-2007 - 12:40:24 ] |
|
ท่านเคยโพสต์ไปแล้ว หงะ |
vมังกรหลับv |
#524 vมังกรหลับv [ 19-10-2007 - 12:40:41 ] |
|
งั้น ขอราชวงศ์ หมิง มั้ง |
fhasatumton | |
![]() |
วิกิพิเดียครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Emperor_Gaozong_of_Song เว็บนี้ ราชวงศ์ซ่ง http://en.wikipedia.org/wiki/Kublai_Khan เว็บนี้ ราชวงศ์หยวน http://en.wikipedia.org/wiki/Hongwu_Emperor เว็บนี้ ราชวงศ์หมิง http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2007/05/K5391397/K5391397.html เว็บนี้ ราชวงศ์หมิง พร้อมประวัติฮ่องเต้ http://en.wikipedia.org/wiki/Nurhaci เว็บนี้ ราชวงศ์ชิง ความจริง ราชวงศ์ชิง มีของภาษาไทยด้วย แต่จะสิ้นสุดที่ เต้ากวงฮ่องเต้ ส่วน ภาษาอังกฤษ มีรูปเยอะกว่า และ มี รายพระนาม ฮองเฮา สนม และ โอรส ธิดา ด้วย |
fhasatumton | |
![]() |
ราชวงศ์หมิงก็โพสต์ไปแล้วเหมือนกัน ถ้าอ่านดีๆ ก็จะพบพระนามเดิมครับ |
fhasatumton | |
![]() |
แต่อันนี้ มีพระนามเดิม ในวงเล็บไงครับ |
กระบี่บูรพา |
#528 กระบี่บูรพา [ 19-10-2007 - 13:14:50 ] |
|
อันนี้ราชวงศ์หมิงครับ ราชวงศ์หมิง เป็นราชวงศ์ที่ปกครองประเทศจีน ระหว่าง ค.ศ. 1368 ถึง ค.ศ. 1644 เป็นเวลารวม 276 ปี โดยปกครองต่อจากราชวงศ์หยวนหรือพวกมองโกล และพ่ายแพ้ให้กับราชวงศ์ชิงของพวกแมนจูในภายหลัง ราชวงศ์หมิงเป็นราชวงศ์ที่รุ่งเรืองในด้านวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก ในยุคนี้มีการสำรวจทางทะเลอย่างกว้างขวาง ราชวงศ์หมิงในตอนต้นถือเป็นอาณาจักรที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก ณ ช่วงเวลานั้น ฮ่องเต้ราชวงศ์หมิง หมิงฮุ่ยตี้ เมื่อหมิงไท่จู่สวรรคต องค์ชายจูหยุนเหวิน( 朱 允 炆 ) ขึ้นครองราชสมบัติ ทรงพระนามว่าฮุ่ยตี้ ( 恵 帝 ) ใ ช้ศักราชประจำพระองค์ว่าเจี้ยนเหวิน ( 建 文 )ทรงดำเนินนโยบายลดทอนอำนาจของบรรดาหวางต่างๆ อย่างเข้มงวด หวาง 5 องค์ถูกย้ายออกจากเมืองที่ประทับ บางองค์ถูกปลด บางองค์ต้องฆ่าตัวตาย เยี่ยนหวางจูตี้เองก็ถูกแพ่งเล็งเนื่องจากเป็นผู้ที่มีบทบาทมากในการศึกในคราวก่อนๆ อนึ่งก่อนที่หมิงไท่จู่จะสวรรคตทรงมีราชโองการห้ามหวางองค์ต่างๆ เข้ามาถวายบังคมพระศพเพราะเกรงจะก่อรัฐประหาร แต่เยี่ยนหวางไม่ยอมทำตามราชโองการนี้นำทหารราชองครักษ์เดินทางมาหนานจิง แต่มีราชโองการของจักรพรรดิส่งมาห้าม พระองค์จึงจำเป็นต้องกลับไปที่เป่ยผิง หลังจากสะสมอาวุธและฝึกซ้อมทหารใช้ชำนาญพระองค์จึงตัดสินพระทัยชิงลงมือยกทัพจากเป่ยผิงลงใต้เผชิญหน้ากับหลานชาย โดยอ้างว่าเพื่อกำจัดเหล่าขุนนางกังฉินสอพลอที่อยู่รอบข้างองค์จักรพรรดิ มีบันทึกว่าก่อนที่พระองค์จะนำกองทัพยกออกจากเมืองเกิดพายุพัดแรงจนกระทั่งหลังคาวังจนหักพังเสียหายซึ่งพระองค์กล่าวว่าเป็นเพราะได้เวลาที่พระองค์จะได้เสด็จเข้าไปประทับที่พระราชวังหลังคาเหลืองแล้ว การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1399 นานถึง 3 ปี ในระยะแรกพระองค์เป็นฝ่ายเสียเปรียบเนื่องจากฝ่ายจักรพรรดิมีกองทหารปืนไฟ ซึ่งมีอานุภาพสงทำให้ต้องทรงถอยทัพกลับไปทางเหนือแต่ทหารทางใต้ไม่คุ้นเคยกับอากาศหนาวทางภาคเหนือจึงล้มป่วยเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก จนกระทั่ง ค.ศ. 1402 กองทัพของพระองค์ยกมาถึงชานกรุงหนานจิงกองทัพฝ่ายวังหลวงไม่สามารถต้านทานได้อีกเนื่องจากไม่มีแม่ทัพที่ชำนาญศึกเพราะถูกประหารไปตั้งแต่ปลายรัชกาลของหมิงไท่จู่ เหล่าขุนนางต่างพากันมาสวามิภักดิ์มากขึ้น ในวันที่พระองค์สามารถเข้าสู่ภายในเมืองได้ ปรากฏว่าเกิดเพลิงไหม้ภายในวังหลวงมีผู้พบพระศพของ ฮองเฮากับพระราชโอรสของหมิงฮุ่ยตี้ถูกเพลิงครอกภายในวังชั้นในแต่ไม่มีใครพบพระศพของหมิงฮุ่ยตี้ ( มีผู้สันนิษฐานว่าพระองค์ลอบหนีออกไปได้และผนวชก่อนที่จะเสียเมือง ) ต่อมาอีก 39 ปี ในรัชศกจ้งถ่ง มีผู้พบพระภิกษุชรารูปหนึ่งที่มีคนจำได้ว่าคือจักรพรรดิฮุ่ยตี้ หมิงอิงจงจึงมีราชโองการให้เชิญพระองค์มาประทับที่กรุงเป่ยจิง ที่ประทับของพระองค์ถูกปิดเงียบและสวรรคตอย่างสงบในกรุงเป่ยจิงนั่นเอง หมิงเฉิงจู่ หลังจากปราบดาภิเษกขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ที่สามของราชวงศ์หมิงแล้ว องค์ชายจูตี้ (朱 棣) ) เฉลิมพระนามว่าหมิงเฉิงจู่ ( 成 祖 )ในศักราชว่า หย่งเล่อ ( 永 乐 ) มีราชโองการให้ประหารขุนนาง พระองค์ทรงระแวงว่าเป็นจงรักภักดีต่อพระนัดดาของพระองค์กว่า 870 คน นอกจากนี้ยังดำเนินนโยบายลดทอนอำนาจเจ้าองค์อื่นๆ อย่างเข้มงวด เช่น ห้ามมีกองทหารประจำเมืองให้มีได้แต่ทหารรักษาพระองค์จำนวนหนึ่ง ห้ามเจ้าแต่ละเมืองติดต่อกันเองโดยไม่ได้รับพระราชานุญาต ภาระกิจแรกที่พระองค์ทำคือดำริย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เป่ยผิงอันเป็นฐานที่มั่นของพระองค์ด้วยเหตุผลว่าป้องการรุกรานของชนกลุ่มน้อยทางเหนือ ค.ศ. 1404 มีราชโองการให้อพยพคนมากมายหลายแสนคนจาก เมืองหนานจิง มณฑลซานซี และมณฑลเจ้อเจียง แบ่งเป็น 5 สายเข้ามายังปักกิ่ง พร้อมกับเป็นการหาแรงงานเพื่อสร้างพระราชวังที่ประทับของจักรพรรดิในเมืองหลวง ซึ่งก็คือ "พระราชวังต้องห้าม" ในการนี้ต้องเกณฑ์คนหนึ่งแสนพร้อมกับช่างฝีมืออีกหลายพันคน การก่อสร้างพระราชวังต้องห้ามนี้กินระยะเวลานานถึง 15 ปี พระองค์ให้ความสำคัญกับการก่อสร้างพระราชวังต้องห้าม แห่งนี้ เป็นอย่างมากโดยในปี ค.ศ. 1406 ได้เสด็จมาตรวจตราการก่อสร้างด้วยพระองค์เอง ในปี ค.ศ. 1413 พระองค์จึงทรงย้ายจากหนานจิงมาประทับที่ปักกิ่ง เป็นการถาวร แต่ดูเหมือนสวรรค์จะไม่ยินดีกับพระราชวังแห่งนี้เท่าใดนัก เพราะเพียงไม่กี่เดือนหลังเฉลิมพระมณเฑียรก็มีฟ้าผ่าลงพระที่นั่งและเกิดเพลิงไหม้อาคารต่างๆ หลายหลัง ซ้ำยังเกิดแผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 1416 จนต้องซ่อมแซมกว่าจะสำเร็จก็นานถึง 4 ปี แต่พระองค์กลับมีโอกาสได้ประทับอยู่ในพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ไม่เกิน 4 ปี เพราะต้องนำทัพออกไปรบกับพวกมองโกล 5 ครั้ง คือ ในปี ค.ศ. 1410, 1422 1423 และ 1424 ในปี ค.ศ. 1403 พระองค์มีราชโองการโปรดให้ราชบัณฑิตกว่าสองพันคน พร้อมด้วยผู้อำนวยการใหญ่ 5 คน รองผู้อำนวยการอีก 20 คน จัดทำ “หย่งเล่อต้าเตี่ยน” สารานุกรมรวบรวมความรู้ทางวิชาการสาขาต่างๆ ทั้งหมด ใช้เวลาจัดทำ 4 ปี เป็นหนังสือกว่า22,937 บรรพ มหาสารานุกรมชุดนี้มีต้นฉบับ 1 ชุดและสำเนาอีก 2 ชุดเก็บรักษาไว้แต่หายสาบสูญไปจนปัจจุบันเหลือเพียง 370 บรรพ พระราชภารกิจที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือโปรดให้จัดสร้างกองเรือ “เป่าฉวน” ที่มีความยิ่งใหญ่ที่สุดในขณะนั้นมีทั้งสิ้น 62 ลำ ลำที่ยาวที่สุดวัดได้ 140 เมตร กว้าง 60 เมตร แต่ละลำประกอบด้วย ทหาร นายแพทย์ ล่าม นายกองเรือคือ เจิ้งเหอ ( 郑 和 )ขันทีคนสนิทของพระองค์ที่เดินทางออกทะเลล่องไปทั่วโลก 7 ครั้งในรอบ 28 ปี ไปไกลถึง อินเดีย แอฟริกา นำสินค้าไปแลกเปลี่ยนกับชาติต่างๆ รวมทั้งเข้ามาถึงกรุงศรีอยุธยาตรงกับรัชกาลของสมเด็จเจ้านครอินทร์ และนำของหายากกลับมาถวายองค์จักรพรรดิ เจิ้งเหอนำกองทัพเรือจีนออกทะเลครั้งแรกเมื่อศักราชหย่งเล่อปีที่ 3 เดือน 7 ตรงกับ ค.ศ. 1405 โดยออกเดินทางจากท่าเรือหลิวเจียก่าง มณฑลซูโจว หมิงเฉิงจู่สวรรคตขณะยกทัพกลับจากไปรบพวกมงโกลเมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1424 พระศพถูกเชิญไปบรรจุที่สุสาน ฉานหลิง หมิงเหยินจง จูเกาจื้อ ราชโอรสของหมิงเฉิงจู่ องค์ชายจูเกาจื้อ( 朱 高 熾 )ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระบิดา ทรงมีพระนามว่าหมิงเหยินจง ( 仁 宗 )ใช้ศักราชหงซี ( 洪 熙 )พระองค์เลื่อมใสในลัทธิขงจื้อ จึงยกเลิกกองเรือมหาสมบัติของพระบิดาและมีพระราชดำริที่จะย้ายเมืองหลวงลงไปอยู่ที่หนานกิง ตามเดิม แต่เนื่องจากทรงครองราชย์เพียงสิบเดือนก็ประชวรสวรรคตไปก่อน แผนการต่างๆ จึงยุติไปโดยปริยาย พระศพถูกเชิญไปบรรจุที่สุสาน เสียนหลิง หมิงซวนจง จูเจียนจี องค์ชายจู( 朱 瞻 基 )( ค.ศ. 1426-1435 ) ครองราชย์ทรงพระนามว่าหมิงซวนจง ( 宣 宗 )รัชศกซวนเต๋อ ( 宣 徳 ) ทรงเป็นจักรพรรดิที่พระทัยอ่อน ในตอนต้นรัชกาลมีพระญาติก่อกบฏเมื่อปราบปรามได้สำเร็จพระองค์ก็มิได้ลงโทษ ในปี ค.ศ. 1431 มีราชโองการให้เจิ้งเหอเป็นแม่ทัพนำกองเรือออกเดินทางอีกเป็นครั้งที่ 7 ( ครั้งสุดท้าย ) กลับเข้ามาถึงปักกิ่งเมื่อ 1433 ทรงครองราชย์นาน 10 ปี สวรรคตเมื่อพระชนม์ได้ 36 พรรษา พระศพถูกเชิญไปบรรจุที่สุสาน จิ่นหลิง หมิงไท่จง ( ค.ศ. 1449 - 1457 )องค์ชายจู ( 朱 祁 鈺 )เป็นพระอนุชาของจักพรรดิอิงจง ครองตำแหน่งเฉิงหวาง หลังจากที่รู้ว่าอิงจงถูกมงโกลจับไปเป็นเชลย วันที่ 18 เดือน 8 ฮองไทเฮาจึงมีพระราชโองการตั้งเฉิงหวางเป็นผู้สำเร็จราชการ ค.ศ. 1450 จึงได้ยกขึ้นเป็นฮ่องเต้พระนามหมิงไท่จง( 代 宗 ) รัชศกจิ่งไท่ ( 景 泰 ) เดือน 10 กองทัพมงโกลยกมาถึงชานกรุงปักกิ่ง หยูเซียนเสนอให้ตั้งค่ายนอกเมืองรายไปตามประตูเมือง เหย่เซียนทำอุบายว่าจะส่งตัวหมิงอิงจงกลับขอให้ขุนนางผู้ใหญ่ออกมารับแต่หมิงไท่จงทรงรู้ทันให้ขุนนางชั้นผู้น้อยสองคนมาแทน วันที่ 11 เดือน 10 กองทัพมงโกลบุกตีค่ายต่างๆ แต่ถูกทหารหมิงต่อต้านจนพ่ายแพ้ไปหลายครั้งทำให้ทหารเสียกำลังใจ และเริ่มขาดเสบียง กอปรกับเห็นว่าราชวงศ์หมิงมีฮ่องเต้องค์ใหม่แล้วก็ไม่สามารถใช้อิงจงเป็นเครื่องต่อรองได้ จึงทำให้ต้องถอนทัพกลับไปเมื่อวันที่ 15 เดือน 10 หมิงอิงจงถูกปล่อยให้เป็นอิสระ หมิงไท่จงจึงสถาปนาให้เป็น ไท่ซ่างหวาง ( พระเจ้าหลวง ) และจัดวังให้เป็นที่ประทับส่วนพระองค์แต่ไม่อนุญาตให้เสด็จไปมาได้ตามพระทัย ค.ศ. 1456 หมิงไท่จงประชวรสวรรคต ขันทีเฉาจื้อเสียนรวบรวมพลพรรคก่อรัฐประหารเชิญ อิงจงกลับมาครองราชย์อีกครั้ง ครั้งนี้เปลี่ยนไปใช้รัชศกเทียนซุ่น ( 天 順 ) นาน 8 ปี จึงเสด็จสวรรคต พระศพบรรจุอยู่ที่ยู่ หลิง หมิงอิงจง ( ค.ศ. 1457 – 1464 )องค์ชายจูจิเจิ้น (朱 祁 鎮 ) ครองราชย์เมื่อพระชนม์ได้ 8 พรรษา ทรงพระนามว่าหมิงอิงจง ( 明 英 宗 )ใช้รัชศกว่าเจิ้งถง ( 正 統 ) เนื่องจากยังทรงพระเยาว์ราชการต่างๆ จึงตกอยู่ในมือของหวางเจิน ( 王 振 )ขันทีที่เป็นพระพี่เลี้ยง นับวันอำนาจบารมีของหวางเจินก็เพิ่มพูนมากขึ้น มีขุนนางจำนวนไม่น้อยที่ต่อต้านหวางเจินก็ถูกสมัครพรรคพวกของหวางเจินจับกุมกำจัดไป แม้ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ยังต้องเรียกหวางเจินด้วยความนอบน้อมว่า วังฝู่ แปลว่า พ่อใหญ่ เมื่อครองราชย์มาได้ 13 ปี ใน ค.ศ. 1449 เหย่เซียนซึ่งเป็นข่านของเผ่าออยเร็ต ( มงโกลเผ่าหนึ่ง ) มีความเข้มแข็งขึ้น วันที่ 1 เดือน 7 ได้ยกทัพมาตีเมืองต้าถ่ง กองทัพหมิงไม่อาจต้านทานได้ต้องเสียแม่ทัพนายกองไปหลายคน ข่าวศึกมาถึงปักกิ่งขุนนางเกิดความหวาดวิตกมาก หวางเจินซึ่งไม่มีประสบการณ์ในการทำศึกแต่อยากจะมีชื่อเสียงให้ปรากฏก็ทูลยุยงให้หมิงอิงจงนำทัพยกไปรบกับเหย่เซียนด้วยพระองค์เอง ขุนนางต่างพากันคัดค้านความคิดนี้แต่หมิงอิงจงทรงปลงใจเชื่อตามที่หวางเจินทูลทุกอย่าง ดังนั้นในวันที่ 16 เดือน 7 กองทัพหมิงที่มีพลกว่าหนึ่งแสนคนยกออกไปจากเมืองหลวงแต่ต้องเผชิญกับพายุฝนอยู่ที่ซวนฝู่ทหารล้มป่วยเป็นจำนวนมาก วันที่ 1 เดือน 8 กองทัพหมิงเดินทางไปถึงต้าถง แต่เมื่อทราบสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนัก หวางเจินไม่มีทางเลือกจึงทูลขอให้ยกทัพกลับทันที วันที่ 3 เดือน 8 เมื่อถอนทัพมาถึงที่เมืองไหวไหล ขุนนางต่างมีความคิดสองแนวคือเข้าไปตั้งรับกองทัพมงโกลภายในเมืองกับรีบยกทัพกลับปักกิ่งไปให้เร็วที่สุด แต่หวางเจินเห็นว่าขบวนสัมภาระส่วนตัวยังมาไม่ถึงจึงให้ตั้งค่ายอยู่ที่นอกเมือง กองทัพมงโกลตามมาทันก็ตั้งค่ายล้อมอย่างแน่นหนาทำให้ทหารขาดเสบียงและน้ำดื่ม วันที่ 15 เดือน 8 เหย่เซียนแกล้งแต่งคนมาเจรจาขอหย่าศึก หมิงอิงจงหลงเชื่อขณะที่กำลังถอนทัพ ทหารมงโกลก็บุกโจมตีทั้งสี่ทิศจนกองทัพหมิงพินาศ หวางเจินและแม่ทัพหลายคนตายในที่รบ อิงจงถูกจับไปเป็นตัวเชลย หยูเซียนรองเจ้ากรมกลาโหมเรียกระดมกองทัพหัวเมืองใกล้ๆ กรุงปักกิ่งเข้ามาต้านทานกองทัพมงโกลอย่างเข้มแข็งจนต้องถอยกลับออกไป |
กระบี่บูรพา |
#529 กระบี่บูรพา [ 19-10-2007 - 13:16:41 ] |
|
พอมั๊ยครับคุณมังกรหลับ 555+ ![]() |
กระบี่บูรพา |
#530 กระบี่บูรพา [ 19-10-2007 - 13:17:52 ] |
|
จากเวปวิกิพิเดียสารานุกรมจีน |
มือกระบี่ไร้นาม |
#531 มือกระบี่ไร้นาม [ 19-10-2007 - 13:24:46 ] |
|
ผมนั้นยังมีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์จีนไม่มาก ขอท่านมังกรหลับหรือfhasatumtonและท่านอื่นๆชี้แนะด้วย คำถามแรกคือกวนจงหรือขวันต๋ง ผู้ซึ่งขงเบ้งเคยเปรียบตนเองเป็นเขา รับราชการอยู่แคว้นอะไรครับ เขาเป็นผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเปล่าครับ หรือตำแหน่งอื่น |
มือกระบี่ไร้นาม |
#532 มือกระบี่ไร้นาม [ 19-10-2007 - 13:29:59 ] |
|
ราชวงศ์ซ่งใต้ ชอบแม่ทัพเยวี่ยนเฟยมากที่สุด |
vมังกรหลับv |
#533 vมังกรหลับv [ 19-10-2007 - 14:00:13 ] |
|
ขอบคุณ กระบี่บูรพาในความหวังดี ที่คุณเอามาจากวิกิพีเดีย อันนี้ผมเคยอ่าน แล้วคับ แต่ก็ขอบคุณที่หวังดี |
fhasatumton | |
![]() |
ผมไม่รู้สิครับ คงต้องไปศึกษาดูครับ ถ้าเจอแล้ว จะมาตอบให้ |
กระบี่บูรพา |
#535 กระบี่บูรพา [ 19-10-2007 - 15:55:44 ] |
|
ท่านมังกรหลับครับ มิกล้า มิกล้า ท่านมังกรหลับโปรดชี้แนะ |
กระบี่อสูร |
#536 กระบี่อสูร [ 19-10-2007 - 16:40:32 ] |
|
ราชวงศ์หมิงถูกกองทัพแมนจูบุกโจมตีจนแพ้เลยเปลี่ยนเป็นราชวงศ์แมนจูเหตุผลเพราะชาวหมิงเป็นฮั่นแต่แมนจูเป็นชาวแมนจูเลียชาวหมิงหลังจากเปลี่ยนราชวงศ์ก็มีโครงการโค้นแมนจูกู้หมิง ในสมัยราชวงศ์แมนจูก็ยังมีคนที่เป็นหมิงเยอะกว่าชาวแมนจูสมัยจักรพรรดิคังซีแมนจูได้สร้างปืนใหญ่หลายกระบอก |
กระบี่อสูร |
#537 กระบี่อสูร [ 19-10-2007 - 16:42:27 ] |
|
ส่วนที่แล้วคือการสิ้นราชวงศ์หมิง |
vมังกรหลับv |
#538 vมังกรหลับv [ 19-10-2007 - 17:00:29 ] |
|
ขวันต๋ง เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐฉีคับ ซึ่งตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีนั้น มีอำนาจรองจากฮ่องเต้ ซึ่งขงเบ้งเคยเปรียบว่าเหนือคนทั้งสอง ไม่รู้ว่าหมายถึงสติปัญญา หรือ วาสนา |
มือกระบี่ไร้นาม |
#539 มือกระบี่ไร้นาม [ 19-10-2007 - 17:07:03 ] |
|
ขงเบ้งเขาเปรียบตัวเองเป็นขวันต๋ง เพราะเขาเปรียบตัวเองในอนาคตว่าจะเป็นนักปกครองที่เก่งกาจครับ ขวันต๋งเคยได้รับการชมจากขงจื๊อว่า หากไม่มีขวันต๋ง ประเทศของเราอาจตกเป็นของคนป่าไปแล้ว |
มือกระบี่ไร้นาม |
#540 มือกระบี่ไร้นาม [ 19-10-2007 - 17:11:13 ] |
|
แล้วงักแยละครับ เป็นใคร รับราชการอยู่ที่แคว้นอะไร แต่คนๆนี้ ถ้าผมจำไม่ผิดจะต้องเป็นนักการทหาร |