มาถึงสุดยอดฝีมือแห่งยุคคนที่ 3 คนนี้เรียกได้ว่าใน 5 ยอดฝีมือในยุคแรกถือว่าเก่งกาจมากที่สุดเขาคนนั้นก็คือ เฮ้งเต็งเอี๊ยง ปรมาจารย์เจ้าสำนักช้วนจินก่า เฮ้งเต็งเอี๊ยง มีฉายาตามทิศว่า กลางอิทธิฤทธิ์ เทพตรงกลาง กลางเทียมเทพเจ้าหรือ เทพมัชฌิม แล้วแต่จะเรียก เป็นสุดยอดฝีมืออันดับ 1 จาก 5 ยอดฝีมือทั้งหมด จากการประลองวิจารณ์กระบี่ที่เขาฮั่วซัว(หัวซาน) โดยเฮ้งเต็งเอี๊ยงสามารถเอาชนะยอดฝีมืออีกทั้ง 4 ทิศได้ และได้คัมภีร์ เก้าอิม มาครอบครองแต่เฮ้งเต็งเอี๊ยง นั้นไม่ประสงค์จะฝึกวิชาในคัมภีร์เก้าอิมและนำคัมภีรืไปเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้มันไปสร้างความวุ่นวายในยุทธภพได้อีก
เฮ้งเต็งเอี๊ยงเป็นศิษย์ของ นักพรต หลี ตง ปิน และมีศิษย์ผู้น้อง คือ จิวแปะทง อุปนิสัยของเฮ้งเต็งเอี๊ยงเป็นคนที่ ฉลาดหลักแหลม สุขุม มีเมตตา วิชาที่ท่านคิดค้นมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เพลงกระบี่ช้วนจิน ค่ายกลเจ็ดดาว พลังธาตุธรรมชาติ เป็นต้น ต่อมาเฮ้งเต็งเอี๊ยงได้รับการแลกเปลี่ยนวิชา กับ ราชันทักษิณต้วนตี่เฮง ดรรชนีสุริยัน ซึ่ง เฮ้งเต็งเอี๊ยงได้ถ่ายทอดพลังธาตุธรรมชาติให้กับต้วนตี่เฮง ส่วน ราชันทักษิณนั้นถ่ายทอดดรรชนีสุริยัน ให้กับเฮ้งเต็งเอี๊ยง เดิมที่นั้นที่เฮ้งเต็งเอี๊ยงทำแบบนี้นั้นเพราะรู้ว่าตัวเองดีว่าคงอยู่ได้อีกไม่นานเพราะโรคร้าย จึงเดินทางไปต้าหลี่เพื่อถ่ายทอด พลังธาตุธรรมชาติให้กับต้วนตี่เฮง ซึ่งเป็นวิชาที่ใช้ข่มวิชาปราณคางคกของ อาวเอี๊ยงฮง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทเพราะต่างก็เป็นยอดฝีมือด้วยกันทั้งคู่ จึงใช้วิธีการแลกเปลี่ยนวิชากัน
สำหรับเรื่องราวของ เฮ้งเต็งเอี๊ยง ยังไม่จบเพียงเท่านี้ รอติดตามใน Part ถัดไป
5 สุดยอดฝีมือในยุคแรก มังกรหยก ภาค 1 (เฮ้งเต็งเอี๊ยง)
|
18 ฝ่ามือพิชิตมังกร |
#1 18 ฝ่ามือพิชิตมังกร [ 20-10-2016 - 21:51:40 ] |
|
18 ฝ่ามือพิชิตมังกร |
#2 18 ฝ่ามือพิชิตมังกร [ 21-10-2016 - 23:58:41 ] |
|
Part 2 กับเฮ้งเต็งเอี๊ยง ในส่วนนี้ลองมาดูประวัติในส่วนที่อิงตามประวัติศาสตร์และตำนานของเฮ้งเต็งเอี๊ยงกันบ้างนะครับ ซึ่งข้อมูลที่ร่วมแบ่งปันส่วนหนึ่งได้มาจาก หนังสือสกัดจุดยุทธจักรมังกรหยก อาจารย์ถาวร สิกขโกศล ต้องบอกก่อนว่าช้วนจินก่านั้นเป็นนิกายสำคัญหนึ่งในลัทธิเต๋า ซึ่งมีปราชญ์เมธีสำคัญอย่าง เล่าจื๊อ จวงจื่อ เลี่ยจื่อ ซึ่งภายหลังนั้นได้มีการตั้งให้เล่าจื๊อเป็นศาสดาประจำลัทธิ โดยจางเต้าหลินซึ่งเรียกกันว่าเทียนซือเต๋าคนแรก ภายหลังลัทธิเต๋าจึงเหลือสองนิกายอันได้แก่นิกายเจิ่งอี(เจี้ยอิด) ซึ่งนักพรตมีลูกเมียได้ได้ เน้นเรื่องการปลุกเสก ทำน้ำมนต์ ฝึกพลังลมปราณ กดจุด หรือการเล่นแร่แปรธาตุ ซึ่ง มีส่วนในการพัฒนาการรักษาและการปรุงยาของจีนอยู่ไม่น้อย ซึ่งยังมีการสืบทอดตำแหน่งเทียนซือกันจึงนับได้ว่าเป็นอีกชื่อนึงของนิกายเทียนซือในอดีตนั่นเอง และอีกนิกายนึงคือ ช้วนจิน(ฉวนเจิน) ว่ากันว่าต้นเค้านิกายนี้มาจากลื่อต่งปิน(ถูกย่กย่องให้เป็นหนึ่งในแปดเซียน)ในสมัยราชวงศ์ถังที่ได้รวมเอากระแสของ แนวคิดทางปรัชญาจีน รวมเข้าไว้ด้วยกัน นั่นคือพุทธ เต๋า ขงจื๊อนั่นเอง จนมาถึงเฮ้งเต็งเอี๊ยงจึงได้ปรับปรุงให้หลักธรรมสมบูรณ์ชัดเจนขึ้นและตั้งเป็นนิกายนึงของเต๋าอย่างจริงจังจนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในที่สุด ลักษณะสำคัญของนิกายช้วนจินหรือสำคัญคือการฝึกลมปราณ รักษาคนป่วย สลัดเรื่องราวงมงานของลัทธิเดิมทิ้งออกไป แล้วนำเอาแนวเด่นของพุทธศาสนา(ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร) ลัทธิเต๋า(คัมภีร์กตัญญู เฮ้าเก็งหรือเซี่ยวจิง) ลัทธิเต๋า(เต๋าเต็กเก็ง) มาผสมผสานกันซึ่งนิกายนี้จะไม่ออกเรือน(แต่งงานมีลูกเมีย) และใช้การบิณฑบาตรจากประชาชนในการดำรงชีพ ในส่วนของเฮ้งเต็งเอี๊ยงเองนั้น เคยสอบรับราชการฝ่ายบุ๋นไม่ได้ จึงเปลี่ยนมาเป็นสอบฝ่ายบู๊ปรากฎว่าได้เป็นลำดับที่หนึ่ง โดยส่วนตัวแล้วที่บ้านมีฐานะชอบให้ทานคนจนอยู่เสมอ หรือแม้กระทั่งโจรปล้นบ้านก็ปล่อยไปไม่เอาโทษ ตามตำนานได้กล่าวว่าเฮ้งเต็งเอี๊ยงชอบเกินทางท่องเที่ยวตามป่าเขา จนบังเอิญได้ไปพบเซียนอย่างลื่อตงปินเข้า จนได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาเต๋าจนแจ่มแจ้ง จากนั้นจึงสละลูกเมียออกปฏิบัติธรรมที่เขาจ่งน้ำ ได้สร้างสุสานเป็นที่พัก ตั้งชื่อว่า “สุสานคนเป็น” ซึ่งหมายถึงคนที่ไม่ไยดีต่อโลกเสมือนหนึ่งคนตาย ที่ยังมีชีวิตอยู่ ขอขอบคุณบทความอิงเหตุผล ของ พี่การ์ตูน สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ กิมย้ง ขอขอบคุณ เพจ ยุทธจักรกิมย้ง by การ์ตูน บทความนี้เป็นเพียงการอ้างอิงเหตุผล ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆหรือกระทบต่อเนื่อหาของนิยาย เรื่องราวของ เฮ้งเต็งเอี๊ยง ยังไม่จบเพียงเท่านี้ มาติดตามต่่อใน Part 3 |
18 ฝ่ามือพิชิตมังกร |
#3 18 ฝ่ามือพิชิตมังกร [ 23-10-2016 - 23:34:10 ] |
|
Part 3 กับเฮ้งเต็งเอี๊ยง ลักษณะสำคัญของนิกายช้วนจินหรือสำคัญคือการฝึกลมปราณ รักษาคนป่วย สลัดเรื่องราวงมงานของลัทธิเดิมทิ้งออกไป แล้วนำเอาแนวเด่นของพุทธศาสนา(ปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร) ลัทธิเต๋า(คัมภีร์กตัญญู เฮ้าเก็งหรือเซี่ยวจิง) ลัทธิเต๋า(เต๋าเต็กเก็ง) มาผสมผสานกันซึ่งนิกายนี้จะไม่ออกเรือน(แต่งงานมีลูกเมีย) และใช้การบิณฑบาตรจากประชาชนในการดำรงชีพ ในส่วนของเฮ้งเต็งเอี๊ยงเองนั้น เคยสอบรับราชการฝ่ายบุ๋นไม่ได้ จึงเปลี่ยนมาเป็นสอบฝ่ายบู๊ปรากฎว่าได้เป็นลำดับที่หนึ่ง โดยส่วนตัวแล้วที่บ้านมีฐานะชอบให้ทานคนจนอยู่เสมอ หรือแม้กระทั่งโจรปล้นบ้านก็ปล่อยไปไม่เอาโทษ ตามตำนานได้กล่าวว่าเฮ้งเต็งเอี๊ยงชอบเกินทางท่องเที่ยวตามป่าเขา จนบังเอิญได้ไปพบเซียนอย่างลื่อตงปินเข้า จนได้รับการถ่ายทอดเคล็ดวิชาเต๋าจนแจ่มแจ้ง จากนั้นจึงสละลูกเมียออกปฏิบัติธรรมที่เขาจ่งน้ำ ได้สร้างสุสานเป็นที่พัก ตั้งชื่อว่า “สุสานคนเป็น” ซึ่งหมายถึงคนที่ไม่ไยดีต่อโลกเสมือนหนึ่งคนตาย ที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากนั้นเมื่อจาริกแสวงบุญไปก็ได้พบกับเหล่าลูกศิษย์จึงได้สร้างอารามช้วนจินเป็นสำนักปฏิบัติธรรมและเรียกตนเองว่านักพรตช้วนจิน แต่ในสมัยนั้นเกิดการรุกรานบ้านเมืองของกิมก๊ก นิกายต่างๆจึงได้ร่วมแรงร่วมใจกับประชาชนในการต่อสู้กับต่างชาติ ซึ่งช้วนจินก่านั้นชื่อเสียงโด่งดังที่สุด แต่เดิมนั้นนักบวชในลัทธิเต๋าไม่มีวัตรประพฤติ ปฏิบัติ มีลูก มีเมีย ไม่ได้มีข้อห้ามอะไร ไม่มีที่อยู่อย่างชัดเจนเป็นหลักเป็นแหล่ง จนเมื่อเฮ้งเต็งเอี๊ยงนั้นได้เห็นแนวปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์ จึงวางระเบียบวินัยของนักพรตเต๋าว่าต้องประพฤติพรหมจรรย์ บิณฑบาตรเลี้ยงชีพ ไม่ปลุกเสกลงเลขยันต์ ไม่เล่นแร่แปรธาตุ มุ่งศึกษาปฏิบัติธรรม การแพทย์ ลมปราณ เพือจะช่วยประชาชนให้พ้นความทุกข์ยาก ซึ่งนี่ถือเป็นคุณูปการที่ยิ่งใหญ่ของเฮ้งเต็งเอี๊ยงกันเลยทีเดียว ยาวนานพอสมควรกันเลยนะครับ สำหรับเรื่องราวของท่านนักพรตผู้เป็นตำนานในหน้าประวัติศาสตร์ผู้นี้ แต่ตำนานของท่านผู้นี้ที่มีการบันทึกไว้ในหลายๆที่ ซึ่งมีเหตุการณ์น่าอัศจรรย์หลากหลายเรื่องราว ซึ่งอาจารย์กิมย้งเองก็บอกว่าแม้เรื่องราวเหล่านี้ถูกแต่งแต้มให้เกินจริง แต่ก็แสดงได้ว่าเฮ้งเต็งเอี๊ยงมีพลังภายในและวิทยายุทธที่สูงล้ำ ดั่งเช่นต่อไปนี้ มีครั้งหนึ่งเฮ้งเต็งเอี๊ยงเดินทางขึ้นภูเขาเพื่อที่จะนำหินลงมาใช้งาน ปรากฎว่ามีหินใหญ่พังทลายลงมา ในขณะที่ทุกคนพากันตกใจ เฮ้งเต็งเอี๊ยง ตวาดขึ้นหินก็หยุดกลิ้งลงทันที หรือ การโดยสารเรือกับคณะ ได้เกิดพายุ คลื่นลมถ่าโถมเข้ามา ทุกคนก็ตกใจ แต่เฮ้งเต็งเอี๊ยงกลับเดินอยู่เหนือคลื่น บางครั้งก็มีการเอาหินมาเคี้ยวเล่น หรือโยนล่มไปให้หยุดในที่อยู่ของเฮ้งชูอิด ซึ่งห่างออกไปกว่าสองร้อยลี้(ประมาณหน่งร้อยกิโลเมตร) มีครั้งนึง มีคนได้มาชวนเฮ้งเต็งเอี๊ยงไปพำนักอยู่อารามจินเหลียน(กิมเน้ยแปลว่าบัวทอง) ตกกลางคืนมีแสงไฟ คนแถวนั้นต่างตกใจคิดว่าไฟไหม้ พอวิ่งไปดูใกล้ๆปรากฎว่าเป็นเฮ้งเต็งเอี๊ยง เดินอยู่กลางเปลวไฟ ลืมบอกไปครับ คนที่มาเชิญเฮ้งเต็งเอี๊ยงไปที่อารามจินเหลียน คนนั้นมีชื่อว่า “จิวแปะทง” นั่นเอง ขอขอบคุณบทความอิงเหตุผล ของ พี่การ์ตูน สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ กิมย้ง ขอขอบคุณ เพจ ยุทธจักรกิมย้ง by การ์ตูน บทความนี้เป็นเพียงการอ้างอิงเหตุผล ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆหรือกระทบต่อเนื่อหาของนิยาย เรื่องราวของ เฮ้งเต็งเอี๊ยง ยังไม่จบเพียงเท่านี้ มาติดตามต่่อใน Part 4 |
18 ฝ่ามือพิชิตมังกร |
#4 18 ฝ่ามือพิชิตมังกร [ 24-10-2016 - 15:19:29 ] |
|
Part 4 กับเฮ้งเต็งเอี๊ยง วันนี้จะพูดถึง อะไรที่ทำให้เฮ้งเต็งเอี๊ยงไปประลองแต่ไม่ยอมฝึกคัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง สาเหตุอะไรกันแน่ที่ทำให้ไปประลองยุทธบนเขาหัวซานทั้งๆที่ไม่ได้ต้องการฝึกวิทยายุทธฉบับนี้เลย ยังไงก็ลองไปดูกันได้เลยครับ (1) เพื่อต้องการยุติความขัดแย้งที่มีนานจากคัมภีร์เก้าอิมจินเก็งนี้เพราะชาวยุทธต่างช่วงชิงกันมานานอยากหยุดการนองเลือดนี้เอาไว้ เพื่อประโยชน์แก่ยุทธภพ (2) เพื่อต้องการยับยั้งคนชั่วจากการได้คัมภีร์สุดยอดวิชานี้เพราะหากอยู่ในมือคนชั่ว เมื่อมีวิทยายุทธที่เพิ่มขึ้น ย่อมเป็นมหันตภัยอันร้ายแรงต่อยุทธภพอย่างแน่นอน (3) เมื่อเป็นชาวยุทธก็ยังมีความปราถนา ในการเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง นั่นทำให้ไปเข้าร่วมการประลองและชนะได้ในท้ายที่สุด (4) ที่ไม่ฝึกก็เพราะตัวเองเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว แค่ลำพังวิทยายุทธของตน ในแผ่นดินนี้ก็หามีผู้ใดเปรียบมือได้ยากยิ่งอยู่แล้ว และที่ไม่ให้ลูกศิษย์ฝึกก็ด้วยสาเหตุที่ว่าตนทำเพื่อประโยชน์ของยุทธภพ หาใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตนไม่ จึงมองได้ว่าการปกครองผู้คนหมู่มากนั้น ไม่ใช่ใช้แต่ความดีเข้าปกครองแบบเป็นนักพรตผู้ทรงศีล ทรงคุณธรรมเพียงอย่างเดียว แต่ควรมีบทลงโทษอีกด้วยเช่นการไปประลองยุทธบนเขาหัวซานจนเอาชนะได้และการได้ครอบครองคัมภีร์ ทั้งไม่ใช่ใช้โดยไม่ดูอะไร แต่ต้องมีกุศโลบายอันแยบยลทั้งการที่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งทุกคนนับถือ ทั้งการแสดงภาพลักษณ์ในการซื้อใจคนอย่างไม่ยอมฝึกยุทธในคัมภีร์ผู้คนจึงพากันนับถือว่าไม่ได้ทำเพื่อตนเองและพวกพ้องแต่เป็นการทำเพื่อประโยชน์สุขของประชาอย่างแท้จริง แล้วประเทศสารฃัณฑ์ละ ผู้นำที่มีความสามารถในการปกครองขนาดนี้หรือยัง ? ก่อนมาในส่วนสุดท้ายต้องอธิบายแนวลักษณะเบื้องต้นของลัทธิเต๋า แนวคิดที่สำคัญกันคร่าวๆนะครับ แนวคิดลัทธิเต๋านั้นจะเป็นไปในทางโลกุตระ ซึ่งเป็นการหลีกลี้จากสังคม อยู่กับธรรมชาติ เน้นความว่างคือบ่อเกิด ดั่งเช่นเราซื้อตู้เสื้อผ้ามาเรียกได้ว่ามีตู้เสื้อผ้า แต่หากเราไม่มีที่ว่างไว้ใส่เสื้อผ้า ตู้เสื้อผ้าย่อมไร้ความหมาย ซึ่งหลักนี้เมื่อบรรลุสูงขึ้นไปก็จะไร้ตัวตน เปรียบก็คล้ายดั่งเช่นอนัตตาในพระพุทธศาสนาเรานั่นเอง(อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) (5) เฮ้งเต็งเอี๊ยงถือได้ว่าเป็นปรมาจารย์ชั้นสูงของเต๋า ซึ่งได้บรรลุหลักธรรมระดับหนึ่งของลัทธิเต๋าไปแล้ว ซึ่งคัมภีร์เก้าอิมจินเก็งนั้นก็เหมือนกับการเรียนรู้ทางใหม่ ซึ่งทางเดิมของตนก็ใกล้บรรลุมรรคผลแล้วจึงไม่สนใจฝึกอีก (ทางที่จะเข้าสู่มรรคผลนั้นมีหลายวิถีทาง จุดสูงสุดของทุกทางคือการบรรลุความจริงอันสูงสุด) (6) เมื่อมองดูคัมภีร์เก้าอิมจินเก็งแล้วถือเป็นความรู้ทางสายเต๋าที่ได้หลอมรวมภูมิความรู้ แง่คิด ของลัทธิเต๋าแล้วนำมาประยุกต์ให้กลายเป็นวิทยายุทธ ซึ่งหากมองแล้วเฮ้งเต็งเอี๊ยงไม่มีประโยชน์ที่จำเป็นต้องใช้ความรู้เหล่านั้นในการเพราะตนนั้นก้าวข้ามสิ่งที่ต้องใช้ความรู้ไปเสียสิ้นแล้ว ดั่งอุปมาอุปมัยว่า เมื่อคนเราจะมองดูพระจันทร์ที่เพื่อนชี้ หากมัวแต่มองแต่นิ้วเพื่อน ย่อมมองไม่เห็นดวงจันทร์ (นิ้วเพื่อนเปรียบดั่งคัมภีร์ ดวงจันทร์เปรียบเสมือนการบรรลุธรรม) (7) คัมภีร์เก้าอิมจินเก็งนั้น เกิดขึ้นมาได้ก็ด้วยจากความแค้นของอึ้งเซี๊ยะบางกระบวนในวิชาก็ย่อมมีความเหี้ยมโหด ซึ่งหากฝึกไปโดยที่ไม่ได้มีพื้นฐานที่ดีหรือมีจิตใจที่มั่นคงนั้น คงยากที่จะควบคุมได้ ซึ่งทั้งลูกศิษย์และศิษย์น้องนั้ยังมีจุดอ่อนยังควบคุมตนเองได้ไม่ดีพอและ เพื่อไม่ให้ชนรุ่นหลังเดินทางผิดตนจึงไม่ฝึกด้วย ดั่งคำที่ว่าตัวอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน นี่คือความคิดเห็นของผมนะครับ หากแต่ท่านใดมีความคิดเห็นประการอื่นรบกวนช่วยชี้แนะข้าน้อยด้วยนะครับ ขอขอบคุณบทความอิงเหตุผล ของ พี่การ์ตูน สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ กิมย้ง ขอขอบคุณ เพจ ยุทธจักรกิมย้ง by การ์ตูน บทความนี้เป็นเพียงการอ้างอิงเหตุผล ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆหรือกระทบต่อเนื่อหาของนิยาย เรื่องราวของ เฮ้งเต็งเอี๊ยง ยังไม่จบเพียงเท่านี้ มาติดตามต่่อใน Part 5 |
18 ฝ่ามือพิชิตมังกร |
#5 18 ฝ่ามือพิชิตมังกร [ 25-10-2016 - 17:58:32 ] |
|
Part 5 กับเฮ้งเต็งเอี๊ยง ตอนจบ วันนี้เราจะมาพูดถึง เฮ้งเต็งเอี๊ยงนั้นเป็นเจ้าสำนักช้วนจินก่า มีศิษย์เอกทั้งหมด 7 คน ซึ่งเรียกกันว่าเจ็ดพรตช้วนจิน ซึ่งเมื่อมองไปในแง่ของความสำเร็จของลูกศิษย์นั้น เห็นได้ว่าเป็นไปในระดับนึงเท่านั้น(บางครั้ง ยังน่ารำคาญด้วยซ้ำ) วิทยายุทธนั้นก็ไม่ได้มีความพิเศษอะไรมากนัก ซึ่งในส่วนของวิทยายุทธเมื่อเทียบเป็นรายบุคคล เรียกได้ว่าไม่มีใครประสบความสำเร็จทัดเทียมกับอาจารย์ได้เลย แต่เมื่อทั้งเจ็ดร่วมกันใช้วิชาค่ายกลเจ็ดดาวเหนือ พลังฝีมือกับสามารถเทียบเคียงกับปรมาจารย์แห่งยุคได้เลยทีเดียว ซึ่งถือเป็นการลดจุดด้อย เพิ่มจุดแข็งให้กับทั้งเจ็ดนักพรตได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะหากอาศัยเวลาเพียงน้อยนิดย่อมเป็นยอดยุทธได้ยาก จึงได้มีการคิดหาวิธีให้ลูกศิษย์ตนเพิ่มพูนศักยภาพได้อย่างดีเยี่ยม เบ๊เง็กถือได้ว่าเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของเจ็ดพรต แต่เมื่อเข้ามาร่วมสำนักได้เพียงไม่กี่ปี อาจารย์ก็เสียไป ยังไม่ได้ถ่ายทอดความรู้ความสามารถกับศิษย์ได้อย่างเต็มที่ หากจะบอกว่าเฮ้งเต็งเอี๊ยงสอนวิทยายุทธให้กับศิษย์ได้ไม่ดีนั้น จึงขอมองว่าหากเฮ้งเต็งเอี๊ยงไม่ด่วนจากไป บรรดาศิษย์ของเฮ้งเต็งเอี๊ยงจะต้องมีฝีมือที่สูงกว่านี้ ไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน แล้วข้างๆตัวเราเราท่านท่านละมีอาจารย์ผู้สามารถใกล้ๆตัว แล้วยังไม่มีโอกาสได้ซึบซับจากท่านได้อย่างเต็มที่ ในแง่ของการสอนสั่งลูกศิษย์ไม่ได้มีในเชิงความสามารถเพียงอย่างเดียว แต่หากต้องมีในแง่ของความสุขการใช้ชีวิต คุณธรรม จริยธรรม อีกด้วย ซึ่งมองไปแล้ว ลูกศิษย์ของเฮ้งเต็งเอี๊ยง ไม่ว่าเบ๊เง็กตอนที่ช่วยถ่ายทอดกำลังภายในให้แก่ก๊วยเจ๋ง ก็ไม่คิดจะเอาหน้า แถมยังกลัวเจ็ดประหลาดกังหนำเข้าใจผิดอีกต่างหาก หรือคูชู่กีที่ได้ดั้นด้นตามหาเอี้ยคังจนพบ เพื่อถ่ายทอดวิทยายุทธให้กับทายาทของเพื่อนผู้จากไป หรือ ในอีกหลายๆกรณี จึงมองได้ว่าแง่ของการสอนสั่งศิษย์ ทำให้ศิษย์ไม่กล้าออกนอกลู่นอกทาง ทั้งการที่ไม่ยอมฝึกคัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อ ศิษย์ที่ยังไม่แตกฉานทางด้านธรรมแล้วตีความวิชาในคัมภีร์ผิดเพี้ยนจนเป็นภัยต่อยุทธภพ ซึ่งการกระทำเช่นนี้ย่อมถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดี ดั่งที่ว่าหัวไม่สั่น หางย่อมไม่กระดิก ซึ่งทำให้เหล่าลูกศิษย์นั้นได้รับตัวอย่างที่ดีมาโดยตลอด แล้วเราเราท่านท่านละ หรือ ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองละ เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ชนรุ่นหลังแล้วหรือยัง ในแง่ของการสืบทอดแนวความคิดทางด้านศาสนา จะดูตัวอย่างได้อย่างเช่น คูชู่กีที่ได้ไปพบกับเจงกิสข่าน และได้สนทนาในหลายๆประเด็น เช่นเคล็ดลับอายุยืนเป็นเช่นไร คูชู่กีก็ตอบว่า “ให้รักษาสุขภาพให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ใช้ยาให้น้อย อุปมาเหมือนดังยาคือเหล็ก ชีวิตเราเปรียบดั่งทอง หากไม่ถนอมรักษาทองปล่อยให้เสื่อมแล้วเอาเหล็กเข้าไปแทน คุ้มค่ากันหรือไม่?” หรือหลักการปกครอง คูชู่กีก็ตอบว่า “เคารพฟ้า รักประชาชน” จนทำให้เจงกิสข่านเคารพและศรัทธาในตัวคูชู่กีอย่างมากเลยทีเดียว หรือ ตัวเบ๊เง็กที่มีจิตเมตตาถึงขั้นยอมถ่ายทอดวิชาให้กับก๊วยเจ๋ง หรือคุณธรรมต่างๆที่เราได้เห็นของเจ็ดพรตช้วนจิน จึงมองได้ว่าแง่ในการสอนสั่งลูกศิษย์ในการสืบทอดแนวคิดทางด้านศาสนา ซึ่งต้องมีจิตเมตตา เคารพฟ้า รักผู้คน ย่อมตรงกับ แนวคิดของช้วนจินได้อย่างดี จึงถือได้ว่าสามารถสอนได้ถึงแก่นในแง่นี้ จนลูกศิษย์สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ แล้วเราเราท่านท่านละ สามารถนำเอาแก่นที่อาจารย์แต่ละท่านสอนมานำไปใช้ประโยชน์ได้แล้วหรือยัง ขอขอบคุณบทความอิงเหตุผล ของ พี่การ์ตูน สุดยอดแฟนพันธุ์แท้ กิมย้ง ขอขอบคุณ เพจ ยุทธจักรกิมย้ง by การ์ตูน บทความนี้เป็นเพียงการอ้างอิงเหตุผล ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆหรือกระทบต่อเนื่อหาของนิยาย |
|