เหมยเชาฟง ใช้วิชาทำลายโลก แต่ทันใดนั้น ลี้คิมฮวง ได้กลับมาจากทัวร์ดาวอังคาร
ได้ใช้พลัง เคลื่อนย้ายแกแลคซี่ สร้างโลกและทุกอย่างขึ้นมาใหม่
แอเรีย โมเนส และลูเซีย ก็กลับมาตีกอล์ฟที่เกาะพังย่าเหมื อนเดิม แต่ระหว่าง ตีอยู่นั้น
เมกทรอนก็โผล่มา พร้อมกับ ออบติมัส เพื่อนคู่ใจของเขา เห็นลูเซีย ทำท่าทางแอ่นอกก้นกระดก ทนหื่นไม่ได้ จึงจะปล้ำ แต่ไม่ยอม จึงได้แควะและได้ต่อสู้ ทั้งสาม สู้ไม่ได้ ลูเซีย จึง ใช้เรือนร่างอันสุดแรด เรียก เทพเจ้า ลี้คิมฮวงออกมา
ลี้คิมฮวง ทนหื่นไม่ได้ จึงกล่าวว่า "เหลือขุนเขาเขียวไม่ต้องกลัวไร้ฝืนไฟ" (แล้วมันเกี่ยวอะไรวะ)
จึงทำการต่อสู้ระหว่าง เมกาทรอน และ ออบติมัส โดยลี้คิมฮวงเหมือนจะโดนรุม แต่กลาย เป็น ทั้งคู่ โดนลี้คิมฮวงรุมแทน (อะไรวะ คนเดียวรุมสองคน)
พี่ลี้ เหลือเวลาแค่ 3นาทีเท่านั้น ไม่งั้นพลังจะหมด
ออบติมัส และเมกะทรอน จึงรวบรัด จึงใช้ วิชาพันปักษาและกระสุนวงจักร +เคลื่อนย้ายจักรวาล+9หมัดโตะโกว +กระบี่6ชีพจีร +กำตดวิญญาณสลาย+ตาข่ายฟ้าดิน+รุ้งขาวทะลุตะวัน+เท้าเหยียบบันไดเมฆ ในท่าร่างบาทาไต่น้ำตก พร้อมกับ ประสานพลัง 18 ฝ่ามือพิชิตมังกร +เพลงกระบี่ขลุ่ยหยก ใส่ลี้
แต่ระหว่าง ที่ร่าย ร่ำทำเพลง แพร่มชื่อท่าอยู่นั่น ก็ เกิด เงาวูบหนึ่ง
วูบหนึ่งก็เพียงพอ ไม่มีใครรู้ ว่าเงานั่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
พร้อมกับ เสียง "คร๊อคๆ"
เมกทรอน ออบติมัส ลูเซีย แอเรีย โมเนส และลูเซีย มีกล่าว แต่ ไม่สามารถได้อีกตลอดกาล
เพราะตอนนี้ คอหอยทั้งหา มีมีดน้อยปักอยู่เล่มหนึ่ง
มีดอันสุดแสนธรรมดา
ไม่มีใครกล่าวได้อีกตลอดกาล สรุปตายห่ากันหมด เจอลี้ฆ่า 5555
ทันใดนั้น ปรมจารย์ โตะโกว เฮ้งเต็งเอี้ยง พิษประจิม มารบูรพา ยาจกอุดร ราชันทักษิณ ก็มา พร้อมกับก๋วยเจ๋ง เอี้ยก้วย เฉียวฟง ปู้จิงหวิน (นึกใครได้มันก็มาหมด)
รุมเทพเจ้าลี้คิมฮวง แต่ทันใดนั้น ประกายเย็นวูปหนึ่ง ก็ออกมา
ไม่มีใครรู้ ว่าประกายนั้นคืออะไร แต่ก็เสียใจ ที่ตัวเองไม่รู้ว่ามันคืออะไร
แม้ตาย เอาชีพวิตแลก ก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร
มันคือ แท่งเหล็ก สนิม ที่มีแผ่นไม้ประกบ อยู่ที่คอหอยของ โตะโกวคิ้วป้าย
คนอื่นๆ ที่เหลือ จะลงมือ แต่ทันใดนั้น ก็ มีโลหิต พุ่งออกมา เพราะ เขาได้ใช้วิชา
"หมงหม่งเหมียวขื่อ" (360 ทิศ 14480 ทาง) ตายห่ากันหมด
แล้ว ประกาย แว๊ปหนึ่ง ก็ปักใส่คอหอยของชายผู้นั้น
พร้อมกับบอกคำว่า "เสือก" ให้เป็นของขวัญก่อนจากกัน
ชายผู้นั้น ไม่สามารถกล่าวได้อีกตลอดกาล
เพราะ ความที่เสือกนั่นเอง จึงกล่าวกับตัวเองในใจก่อนตายว่า "ข้าอาฮุย ไม่น่าไปเสือกมันเลย"
จบ
มาช่วยกันสร้างสรรค์นิยายด้วยฝีมือของพวกเรากันเถอะ^^
ชอเฮียงส่วย |
#104 ชอเฮียงส่วย [ 17-07-2009 - 11:27:15 ] |
|
มาออกแนวนี้ทำเอาข้าไปไม่เป็นเลย เซียวเหยากับแม่นางน้อยว่าอย่างไร |
ศพเหล็ก |
#105 ศพเหล็ก [ 17-07-2009 - 11:46:02 ] |
|
เหมยเชาฟงได้ใช้วิชา ย้ายย้ายจักรวาล(ยืมหน่อยๆ) ย้ายเจ้าเฉาฮ้อกลับโรงบาลบ้า เพราะมันหนีมา มันโดนช๊อตหัวสมองง จบชีวิตเฉาฮ้อ เริ่มต่อนิยายได้ |
เซียวเหยา |
#106 เซียวเหยา [ 17-07-2009 - 15:30:40 ] |
|
ท่าน2คนใครก็ได้ต่อทีจิ แล้วตอนหน้าข้าจะต่อ สัญญาเลย |
เอี้ยวเหยาซือ |
#108 เอี้ยวเหยาซือ [ 18-07-2009 - 03:29:53 ] |
|
พอเจ้าเฉาฉ้อมันตื่นมาก็พบว่าเรื่องราวทั้งหมด เป็นความฝันกลางวัน ที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลบ้า จากนั้นข้าก็เข้าไปยิงสมองมันห้อเลือดแตกออกมาเป็นโลหิต แล้วจึงพูดว่า"ลุงทนเห็นว่าสามาน ที่มาจากปากของเมันมานานแล้ว อโหสิกรรมให้ลุงด้วย " แล้วจากนั้นไม่นานมันก็ตาย เช้าวันถัดมา ยายของเด็กชายเช้าฮ้อก็มานั่งร้องห่มร้องไห้ จากนั้นเวลาผ่านไปหลายวันจนศพเริ่มเน่าเปื่อย มีกลิ่นเหม็นเน่าตลบอบอวล ยายของเด็กชายเฉาฮ้อ จึงขายที่นาและกระท่อมหลังเล็กๆ บนพื่นที่เพียงไม่กี่ไร่ เพื่อเป็นค่าเดินจากทาง จากสุโขทัย ไปยังอนุเสาวรีคอรัปชั่นสุวรรณภูมิ เพื่อโดยสารเครื่องบินไปยัง วัดเส้าหลิน ประเทศจีน เมื่อไปถึงที่นั้นยายของเด็กชายเฉาฮ้อได้ ขอยืมรถซาเล้งจาก ชาวไทใหญ่ต่างด้าวที่ไปทำงานอย่แถวนั้น เพื่อเข็นโลงศพขึ้นไปบนวัด เพื่อสักการะบูชา พระพุทธรูปปรมจารย์ตั๊กม้อ จากนั้น ยายของเด็กชายเฉาฮ้อจึงอฐิฐาน " ข้าแต่เจ้าพ่อเจ้าแม่เจ้าป่าเจ้าเขา ช่วยให้หลานชาย ลูกช้างฟื้นคืนชีพขค่นมาด้วยเถิดสาธุ" คุณยายเฉาก๊วย ได้กระทำเช่นนี้เป็นรอยครั้ง แต่ร่างไร้วิญญาณของเด็กชายเฉาฮ้อ ยังคงแน่นิ่งเช่นเดิม ยายใช้เท้าถึบฝาโลง แล้วก็ร้องห่มร้องไห้ เหมือนคนขาดสติ บอกว่า "เอ็งจะฟื้นไม่ฟื้น!." ทันใดนั้นฝาโลงจึงพังออก หัวกระโหลก ของ เด้กชายเฉาฮ้อกระเด็นหลุดออกมา ผู้ที่ไปทำบุญต่างพากันแตกตื่นด้วยความ หวาดกลัว ยายของเด็กชายเฉาฮ้อยากที่จะยอมรับสภาพนั้น จึงตะเบ็งเสียงร้องไห้หวากๆ จนหลวงพ่อเจ้าอาฬวาทวัดต้องออกมาดู จนในที่สุดยายของเด็กชายเฉาฮ้อ ก็ได้เป็นลมล้มฟุบลงไปกับพื้น จนต้องเรียกเด็กวัดออกมาช่วยกันพยุงเข้าไปในศาลา และหายาดมยาหม่อง มาทาหัวกระโหลกของยายแก หลวงพ่อเจ้าอาฬวาทวัดจึงได้กล่าวว่า "นี่เเหละหนอมนุษย์เราเกิดมาก่อกรรมเอาไว้ก็มีทุกข์ อาตมาเองก็คงได้แต่หวังว่า เมื่อเขาได้ไปชดใช้กรรมในนรกภูมิแล้ว แม้เขาจะได้ไปเกิดเป็น สัตว์ใหญ่อย่าง ช้างม้าวัวควาย ก็ยังดีกว่า ต้องทนทุกข์ทรมานไปเช่นนี้ ชั่วกัปชั่วกัลย์" ผ่านไปชั่วหม้อหุงข้าวเดือด หลวงพ่อเจ้าอาฬวาทวัด ได้เชิญชวนเหล่าพระสงฆ์ สามเณรทุกรูป และญาติโยมทั้งหลายที่ได้มา ทำบุญในวันนั้น ให้มาร่วมไว้อาลัยแด่ผู้ตาย สีหน้าทุกผู้คนต่างมีเเววสลดหดหู่ แต่ก็มีญาติโยมบางคนมองด้วยสายตาอาฆาต พยาบาท บ้างก็รู้สึกสมเพชเวทนา นึกถึงซากศพผีตนนี้เมื่อ ครั้งยังคงมีชีวิตอยู่ จากนั้นหลวงพ่อเจ้าอาฬวาทจึง ได้กล่าวแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลแก่ซากศพนี้ "สัพเพสัตตาอันว่าสัตว์ทั้งหลาย เพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย อัพพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ " จากนั้นทุกคนในที่นั้นพลันกล่าวออกมาโดยพร้อมเพรียงกันว่า "สาธุ" |
เอี้ยวเหยาซือ |
#109 เอี้ยวเหยาซือ [ 18-07-2009 - 03:44:43 ] |
|
หลวงพ่อเจ้าอาวาทวัด กล่าวออกมาว่า "อามิตตาพุทธ" จากนั้นได้มีสามเณรรูปหนึ่ง วิ่งออกมาอย่างเร่งร้อน ถามว่า "หลวงพ่อครับ ศพนี่เผาทิ้งเลยดีไหมครับ เก็บไว้นานมันเหม็น หรือ จะปล่อยไว้ให้แร้งกามันจิกกิน" |
เอี้ยวเหยาซือ |
#112 เอี้ยวเหยาซือ [ 19-07-2009 - 12:20:40 ] |
|
ศิษย์ข้า พวกเจ้าทุกคน ไม่มีใครสานต่อเรื่องเล่าของข้าเลยรึ |
ซาวาดะ สึนะ |
#113 ซาวาดะ สึนะ [ 02-08-2009 - 10:00:40 ] |
|
ขุดๆๆๆ |
ชอเฮียงส่วย |
#115 ชอเฮียงส่วย [ 03-08-2009 - 10:24:58 ] |
|
อ่า ขิบคุณท่านที่ขุด แต่ว่าสหายข้า ท่านเซียวเหยา และแม่นางน้อยยังไม่มาอีกหรือนี่ |
๐๐แม่นางน้อย๐๐ |
#116 ๐๐แม่นางน้อย๐๐ [ 06-08-2009 - 23:49:09 ] |
|
"เอ่อ ...คือข้าเห็นว่าทั้งสองคนนั้นน่ะ กำลังทำสงครามจิตวิทยาอยู่น่ะ" "เห~ คืออะไรอ่ะ ไม่เห็นจะมีสงครามอะไรเลยก็แค่เด็กเอง เจ้าคิดมากไปแล้วนะ" ลูเซียว่าพลางดึงมือออกและวิ่งเข้าไป ไม่สนคนทั้งสองที่คอยจะห้ามปราม "เฮ้อ~ เด็กก็จริง แต่เป็นถึงคุณหนูแห่งตระกูลเวราโรนเชียวนะ ยัยบ๊องนั่น จริงๆเล้ยย ให้ตายสิ" บ่นพึมพำก่อนที่จะวิ่งตามลูเซียไป ทิ้งให้แอเรียสยืนงงกับท่าทีของคู่หูตน ทั้งๆที่ปกติเป็นคนเงียบๆ ไม่สนใจใคร แต่ทำไมถึงได้ให้ความสนใจกับลูเซียจังนะ "เฮ้ยยย ไอ้บ้าเอ๊ยย" แอเรียสสบถเมื่อเห็นการระเบิดใหญ่เกิดขึ้นตรงทางที่เพื่อนของตนเพิ่งไป ก่อนจะวิ่งไปทางนั้นทันที ....... ข้าขออนุญาติต่อจากบทของข้าเดิมนะท่าน ท่ามกลางกลุ่มควันมากมายและแรงสั่นสะเทือนกินอาณาบริเวณกว้างมาก แต่กลับไม่มีผู้คนเสียชีวิต "ระเบิดลวง!!" แอเรียสไม่พูดเปล่า พยายามฝ่ากลุ่มควันเพื่อไปหาสหายทั้งสอง "โมเนส!! ลูเซีย!! ..พวกเจ้าอยู่ตรงไหน ส่งเสียงหน่อย" แอเรียสพยายามค้นหา ร้องเรียกตะโกนราวกับคนบ้า แต่ปราศจากสัญญาณที่บ่งบอกถึงการมีชีวิตอยู่ ณ บริเวณ รอบๆนั้น จนควันหนาเริ่มเบาบาง สิ่งที่ปรากฏแก่สายตา มันเป็นเพียงความว่างเปล่า เหมือนไม่เคยมีใครอยู่ตรงนี้มาก่อน ทั้งๆที่เขาเห็นกับตาว่า คนสี่คนอยู่ตรงนี้ "ชิ! ให้ตายสิ พวกเจ้าอยู่ที่ไหนนะ!?" สบถอย่างหัวเสียก่อนจะวิ่งวุ่นเพื่อตามหาคนที่หายไป อีกด้านนึง ทุ่งหญ้ากว้างสีเขียวขจีเปิดโล่ง แสงแดดอ่อนฉาบฉายให้ความอบอุ่นยามต้องกาย สายลมหอบกลิ่นหอมของดอกไม้จากที่ห่างไกล นำความสดชื่นมาแก่ผู้คนมาใหม่ทั้งสี่ "แคซ!!" ลูเซียตะโกน เมื่อเห็นแคซและเด็กน้อยยืนประจันหน้ากันอยู่ เธอวิ่งตรงเข้าไปหวังจะได้สัมผัสอุ่นจากสหาย ให้หายจากอาการเป็นห่วง แต่ก็ดันถูกม่านพลังบางอย่างทำให้กระเด็นออกมาไกล "ลูซี่เป็นไงบ้าง" โมเนสเข้ามาช่วยประคองลูเซียที่ล้มก้นจ้ำเบ้าอย่างไม่เป็นท่า ลูเซียมองโมเนสอย่างงุนงงกับชื่อใหม่ที่เธอได้รับ "ลูซี่??..เจ็บอ่าเมส" บ่นว่าเจ็บแต่ก็ไม่วายคิดชื่อใหม่ให้คนอื่น "นี่ ระวังตัวหน่อยได้ไหม เจ้าเห็นบาเรียที่กางเป็นวงกลมล้อมคนทั้งคู่ไว้ไหมน่ะ" โมเนสหันมาดุเล็กน้อยปนเล่น พลางชี้ให้ดูม่านพลังรูปโดมล้อมกางคลุมคนทั้งสองไว้ "ไหนล่ะ ข้ามองไม่ยักกะเห็น" ลูเซ๊ยพยายามมองหาสิ่งที่โมเนสกล่าวถึง แต่มองหายังไงก็ไม่มีสิ่งไหนที่ใกล้เคียงกับที่โมเนสอธิบายเลย "โธ่ ใครๆก็มองเห็นทั้งนั้นแหละ เจ้าอย่ามาแกล้งข้าหน่อยเลย มีแต่เทพเท่านั้นแหละที่มองไม่เห็นม่านพลังอ่ะ" โมเนสพูดอย่างไม่ใส่ใจเพราะคิดว่าลูเซียแกล้ง ทั้งๆที่ลูเซียก็จริงจังกับการที่ตนมองไม่เห็นอะไรเลย "งั้นข้าต้องเป็นเทพอ่าดิ เพราะข้ามองไม่เห็นอ่ะ" ลูเซียพูดพลางทำหน้าคิดหนัก "อย่าเครียดเลย เจ้าคงไม่ได้เป็นเทพหรอก เจ้าอาจจะเกิดอาการตาพร่าชั่วขณะเลยมองไม่รุ้เรื่องมั้ง ลองดูดีๆสิ " โมเนสยังคงให้กำลังใจลูเซีย ทั้งๆที่ใจจริงก็แอบเชื่อว่าลูเซียอาจจะเป็นเทพจริงๆก็ได้ "ข้าก็มองไม่เห็นอยู่ดีแหละ แต่รู้สึกว่า ไม่อยากเข้าใกล้สองคนนั้นเลย" "อื้อ ตาเจ้าคงผิดปกติแหละ อ่อ ที่เข้าใกล้ไม่ได้ก็แหงอยู่แล้วล่ะ เพราะแรงกดดันมันสูง คนธรรมดาตายเพราะแรงกดดันน่ะมีจริงนะ" "โหยยย จริงหรอ แล้วแคซจะเป็นไรไหมล่ะ" ทำหน้าตกใจ พลางตั้งท่าจะวิ่งเข้าไปอีกรอบ "เฮ้ ไม่เป็นไรหรอก ก็เขาปล่อยออกมาเองนี่ แถมเขายังไม่ธรรมดา มานั่งรอนี่ดีกว่า มาๆๆ" รีบดึงมือห้ามไม่ให้ลูเซียได้ตั้งตัวออกวิ่ง ใช้มือข้างที่ว่างตบหญ้าข้างตัวเชิญชวนให้ลูเซียนั่ง "อื้อๆ รู้สึกเพลีย จางงง" ลูเซียทำท่าหาวก่อนจะเอนตัวลงนอนซบตักของโมเนส โมเนสมองไปยังลูเซียอย่างนึกเอ็นดู หันมามองรอบกาย "ไม่ผิดแน่ ที่นี่คือ ป่าอันลีฟลี่แองเจิ้ล ป่าที่ใครจะเข้ามาก็ได้ ยกเว้นเทพสินะ เป็นที่หลบภัยชั้นเยี่ยมของพวกปีศาจ อ่ะ ..ทั้งเรื่องที่มองไม่เห็นม่านพลัง ทั้งเรื่องอ่อนเพลีย หรือว่า... ลูเซีย...นี่เจ้าเป็นใครกันแน่" อ่ะแฮ่ม~!!! นอนก่อนนะเลยออกมาสั้นๆไปหน่อย |
สยบทั่วเเผ่นดิน |
#117 สยบทั่วเเผ่นดิน [ 07-08-2009 - 01:23:04 ] |
|
!! คารวะ แม่นาง |
สยบทั่วเเผ่นดิน |
#118 สยบทั่วเเผ่นดิน [ 07-08-2009 - 02:00:24 ] |
|
ไม่ได้พบท่านซะนานเลยนะ ขอรับ .. นิยายในแบบของท่านข้าไม่แต่งต่อ มิเป็นเลยจริงๆ |
๐๐แม่นางน้อย๐๐ |
#119 ๐๐แม่นางน้อย๐๐ [ 07-08-2009 - 16:49:32 ] |
|
คารวะ ท่านประมุขพรรคกระดูกขาว ^^ นิยายนี้ก็แต่งเล่นๆไปน่ะ ไม่ได้เรียบเรียงคำหรือวลีให้ดูดีเอาเสียเลย ต้องขออภัยหากไม่ถูกใจท่าน ว่าแต่ศิษย์เอกกับท่านเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีใช่ไหม =^ ^= |
pumkin |
#120 pumkin [ 07-08-2009 - 17:28:57 ] |
|
ข้าน้อยต่อไห้ล่ะกัน เฮ้อออออออออออออออออ ไม่มีความมั่นใจเลยแฮะ ความเดิมจากตอนที่แล้ว โมเนสมองไปยังลูเซียอย่างนึกเอ็นดู หันมามองรอบกาย "ไม่ผิดแน่ ที่นี่คือ ป่าอันลีฟลี่แองเจิ้ล ป่าที่ใครจะเข้ามาก็ได้ ยกเว้นเทพสินะ เป็นที่หลบภัยชั้นเยี่ยมของพวกปีศาจ อ่ะ ..ทั้งเรื่องที่มองไม่เห็นม่านพลัง ทั้งเรื่องอ่อนเพลีย หรือว่า... ลูเซีย...นี่เจ้าเป็นใครกันแน่ ต่อๆ เวลาค่อยคล้อยผ่านไปหลายชั่วโมง และแล้วลูเซียก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความว่างเปล่า และร้องว่า "โมเนสสสส อยู่หนายยยยย" พลางวิ่งตามหาไปพลาง แฮ่กๆ แฮ่กๆ เสียงหอบของสาวน้อย นามลูเซีย ฟู่~~~~~~~~~ เธอปล่อยลมออกแล้วนั่งลงบนพื้น แล้วพูดว่า "เฮ้อออออออออ หามาตั้งนานแล้ว โมเนสหายไปไหนกันนะ" แกร๊ก "ใครนะ บอกชื่อเจ้ามา"ลูเซียพูด "เอ่อ ลูเซีย ข้าเองอ่ะ"ที่แท้เป็นโมเนสนี่เอง "เจ้าไปไหนมานะโมเนส"ลุเซียถาม "ถามอะไรโง่ๆ ข้าก็ไปหาอาหารมานะสิ ดูนี่สิ ข้าได้ปลามา3ตัว ดูแต่ละตัวสิ หย่ายๆท้างน้าน"โมเนสพูดพร้อมกับชูปลาที่ตกมาได้ไห้ลุเซียดู "ว้าวววววววววววววว ข้าเริ่มหิวแล้วหล่ะ กินกันเถอะโมเนส" ลูเซียพูด "อืมมม กินก้กินสิ เดี๋ยวข้าจุดไฟไห้" โมเนสพูดพลางหักกิ่งไม้เป็นฟืน แล้วจุดไฟ พรึ่บ เสียงไฟถูกจุดขึ้น แกร่ก "ใครฟ่ะ/ใครนะ" ลูเซียและโมเนสพูดพร้อมกัน ดุ่ยๆๆ ออกมาคือกระต่ายป่า "ที่แท้เป็นกระต่ายเองหรอกหรอ"ลูเซียพูด "เฮ้ย มันจะหนีไปแล้ว เร็วๆตามจับมา"โมเนสพูดพร้อมกับวิ่งไปจับกระต่ายตัวนั้น ต่อละกันขอรับ ข้าน้อยขี้เกียดล่ะ |