เข้าระบบอัตโนมัติ

ช่วยวิจารณ์หน่อยนะ ^^ พอดีหัดแต่งนิยายกำลังภายในอ่ะ


  • 1
wg_yubin
#1   wg_yubin    [ 02-04-2009 - 22:21:53 ]

...ชื่อเรื่อง(ยังไม่ได้คิด)...

บทแรก...การต่อสู้ที่วัดเส้าหลิน

เสียงพูดคุยดังกระหึ่มมาจาก บริเวณเนินเขาวัดเส้าหลิน เหล่าชาวยุทธเดินทางมาชุมนุมกันอย่างมากมาย ขึ้นป้ายงานชุมนุมไว้ว่า ประหารปิศาจ
ลือกันว่าแท้จริงคืองานตัดสินโทษนักฆ่าที่มีฉายาว่า ปิศาจลิง หนึ่งในสี่ปีศาจแห่งหอบุปผาเงิน ผู้ที่มีความแค้นกับปิศาจลิงและกับหอบุปผาเงินนั้นมีมากมาย ทำให้การชุมนุมครั้งนี้คึกคักมาก
ชาวยุทธมากมายมีทั้งหลวงจีน นักพรต แม่ชี ขอทาน ต่างค่อยๆทยอยเข้าไปในวัดเส้าหลิน ยืนรออยู่ที่ลานกว้างด้านหน้าของวัด พูดคุยกันเกี่ยวกับการที่เส้าหลินจับตัวปิศาจลิงได้
ชาวยุทธคุยกันไปพักใหญ่ ทันใดนั้นก็มีหลวงจีนชรารูปหนึ่งเดินออกมาจากวัดซึ่งก็คืออุ่ยซ่งไต้ซือเจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน พร้อมกับหลวงจีนชราอีกสามรูปเดินตามหลังมา
ชาวยุทธต่างค่อยๆหันไปมอง เสียงคุยที่ดังกระหึ่มค่อยๆเงียบลง จนไม่เหลือเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงลมพัด แล้วอุ่ยซ่งไต้ซือก็กล่าวขึ้นว่า
`เมื่อสองวันก่อน มีผู้บุกรุกเข้ามาในวัดเส้าหลินในยามดึก ด้วยเหตุอันใดอาตมาก็มิทราบ แต่เป็นเคราะห์ร้ายของหลวงจีนน้อยรูปหนึ่งที่พึ่งทำวัตรเสร็จไปเห็นผู้บุกรุกเข้า จึงเกิดการต่อสู้`
`หลวงจีนรูปอื่นได้ยินเสียงต่อสู้ก็รีบออกไปดู แต่ว่า มันก็ช้าไปแล้วที่จะช่วยชีวิตหลวงจีนน้อยรูปนั้น เกิดการฆาตกรรมขึ้นในวัดเส้าหลินแล้ว โดยคนผู้นี้`
พอพูดจบอุ่ยซ่งไต้ซือก็ผายมือไปทางซ้าย เห็นเป็นหลวงจีนสองคนนำตัวชายชุดดำผู้หนึ่งที่สลบอยู่และถูกมัดแขนมัดขาไว้ออกมา
ชาวยุทธหันไปมองเป็นทางเดียวกัน เสียงตระโกนดังขึ้นจากในหมู่ผู้มาชุมนุม `นั่นไงปิศาจลิง` `ใช่แล้ว นั่นแหละเจ้าปิศาจลิง`
สักพักก็เริ่มมีการโห่ร้อง`ฆ่ามัน ฆ่ามันซะ ตัดหัวมัน สับมันเป็นชิ้นๆ`
แล้วก็มีเสียงดังเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า `หยุดก่อน` เสียงนี้ดังมากจนทุกคนหยุดพูดและหันไปมองที่มาของเสียงนั้น
ปรากฎเป็นชายวัยกลางคนใส่ชุดสีขาว มือหนึ่งถือกระบี่ซึ่งอยู่ในฝักสวยงาม แล้วชายผู้นี้ก็พูดต่อ
`ข้าน้อยเจ้าเจี้ยนหวงแห่งสำนักคุ้มภัยตระกูลเจ้า อยากจะขอให้ชาวยุทธทุกท่านเงียบลงก่อน`
ขณะพูดพลางกวาดสายตาไปรอบๆที่ชุมนุม และกล่าวต่อว่า
`ทุกท่าน เห็นว่ามารร้ายสมควรตาย ข้าก็ไม่เถียง แต่ข้าว่าก่อนจะให้มารร้ายมันตาย น่าจะรอให้มันฟื้นขึ้นมาก่อน ข้าว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ`
`ทำไมมันต้องมาที่เส้าหลิน เส้าหลินปกติแล้วไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับพวกมัน มันบุกเข้าเส้าหลินทำไม ข้าว่าน่าจะสืบความจริงให้ได้ก่อน`
ทันทีที่เจ้าเจี้ยนหวงพูดจบ ชายผู้หนึ่งก็พูดขึ้นว่า`จะสืบไปทำไม มันเป็นนักฆ่า มันก็มาฆ่าคนตามปกติของมันน่ะสิ`
แล้วก็มีอีกเสียงพูดขึ้นมาว่า `ใช่ จะรอตัดสินอะไรอีก ฆ่ามันให้จบๆไปเลยดีกว่า`
หลังจากนั้นก็มีเสียงดังกึกก้องว่า `ใช่ ใช่ ใช่ ฆ่ามัน ฆ่ามันซะ`
`เอาละ`หลวงจีนชรารูปหนึ่งพูดขึ้น เสียงที่ดังกระหึ่งเงียบลงอีกครั้ง `ให้อุ่ยซ่งไต้ซือตัดสินแล้วกันว่าจะลงโทษเช่นไร`
อุ่ยซ่งไต้ซือเดินมาข้างๆปิศาจลิง และกล่าวว่า `หากจะมีการฆ่ากันเกิดขึ้นอีก ขอให้เป็นนอกเขตวัดก็แล้วกันนะ อย่าให้วัดเส้าหลินต้องเปื้อนเลือดอีกเลย อาตมาขอร้องละ`
`ในฐานะที่อาตมาเป็นเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินซึ่งคุมตัวมารร้ายนี้อยู่ อาตมาจะขอมอบมารร้ายนี้ให้สำนักกระบี่ธรรมนำตัวไปลงโทษก็แล้วกัน จอมยุทธจาง เรื่องนี้ท่านจะว่าไง`
เมื่ออุ่ยซ่งไต้ซือพูดจบก็มีชายค่อนข้างสูงวัยแต่งกายชุดสีขาวสลับเทาดูสง่างามสุขุมก้าวออกมาและพูดว่า
`ข้าน้อยจางจื่อเหมา ไม่ขัดข้องอะไร และจะคุมตัวเจ้าปิศาจลิงไปลงโทษที่นอกเขตวัดเอง อุ่ยซ่งไต้ซือไม่ต้องเป็นห่วง`
ชาวยุทธต่างมองมาที่จอมยุทธจาง แล้วก็มีเสียงพูดดังขึ้น
`ท่านจะนำตัวมันไปสังหารที่ใด` หญิงสาวคนนึงถามขึ้นมา นางคือจูยี่ ประมุขพรรคเงาจันทร์ `พวกเราจะตามไปดูด้วย ข้าอยากเห็นมันตายกับตาข้า`ประมุขจูพูด
`ท่านจะตามมาดูด้วยก็ได้ประมุขจู ใครจะตามมาดูก็ได้ ก็ตามใจพวกท่านเลยแล้วกัน`จอมยุทธจางพูด
ทันใด้นั้น เสียงแหบเบาฟังดูน่าขนลุกก็ดังมาจากร่างที่ถูกมัดอยู่ พลางค่อยๆขยับตัวนั่งขึ้นช้าๆ เนื่องจากถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา
`ไอ้พวกโง่ คิดจะฆ่าข้า พวกเจ้ามีปัญญากันหรือ`
`เจ้าปิศาจ อย่าโอหังให้มาก จะตายอยู่แล้วยังปากดี เดี๋ยวก็ได้ตายมันตรงนี้หรอก`ชายผู้หนึ่งพูด พร้อมกับชี้ดาบไปทางปิศาจลิง
`ใจเย็นๆก่อน อย่าฆ่ากันในวัด`จอมยุทธจางพูด
ปิศาจลิงหัวเราะด้วยเสียงแหบ น้ำเสียงชั่วร้าย แล้วมองไปรอบๆ
`หึ หึ เดี๋ยวข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมดทุกคน`ปิศาจลิงพูด
`หุบปากของเจ้าได้แล้ว`จอมยุทธจางพูด `กงจือ ไปพาตัวมันมา เอามันไปนอกเขตวัด ... ชาวยุทธทุกท่านเชิญตามมาได้เลย`
เมื่อจอมยุทธจางพูดจบก็มีชายคนหนึ่งแต่งตัวคล้ายกับจอมยุทธจางตอบว่า `ครับอาจารย์อา`แล้วก็จับตัวปิศาจลิงลุกขึ้น แล้วก็นำตัวไป
ขณะที่กำลังจะนำตัวปิศาจลิงออกไปนอกวัด ก็มีร่างของหลวงจีนสองรูปลอยพุ่งมายังกลุ่มคนที่คุมตัวปิศาจลิงอยู่
เนื่องจากเป็นร่างของหลวงจีน ทุกคนในบริเวณนั้น จึงหลบออก ไม่ใช้อาวุธออกมาปัดป้อง
เมื่อร่างของหลวงจีนตกลงพื้น ก็พบว่าเป็นหลวงจีนน้อยสองรูป และเป็นเพียงร่างที่ไม่มีลมหายใจ
อุ่ยซ่งไต้ซือเดินมาดู เมื่อเห็นร่างอันไร้วิญญาณของหลวงจีนน้อยทั้งสองรูปแล้ว สีหน้าอุ่ยซ่งไต้ซือก็เปลี่ยนทันที
คิดเสียใจอยู่ว่า ตนเป็นเจ้าอาวาสแท้ๆ กลับด้อยปัญญา ปล่อยให้หลวงจีนน้อยต้องมาตายในวัดถึงสี่รูปแล้วภายในเวลาไม่กี่วัน
แล้วเสียงดังกระหึ่งเริ่มขึ้นอีกครั้ง ทุกคนต่างหยิบอาวุธขึ้น พร้อมมองไปรอบๆ แล้วก็มีชายชุดดำสามคนกระโดดขึ้นมาบนกำแพงวัด
หนึ่งในพวกมันพูดว่า `ปล่อยตัวปิศาจลิงมา แล้วพวกเราจะไม่ฆ่าพวกเจ้า`
`หึๆ`ชายมีอายุคนหนึ่งหัวเราะแบบเหยียดหยาม แล้วพูดขึ้นมาว่า
`ขู่พวกเราไม่ได้หรอก คิดว่าพวกเรากลัวพวกเจ้ารึไง วันนี้สี่ปีศาจหอบุปผาเงินมาพร้อมหน้า ข้า หม่าม่อชุน อยากจะขอลองสู้กับพวกเจ้าดูหน่อย`
`สี่ปิศาจ วันนี้อยู่กันพร้อมหน้าก็ดี จะได้จัดการให้สิ้นซากซะทีเดียว`ประมุขจูพูด
อุ่ยซ่งไต้ซือ เดินมาถึงหน้าวัดพอดี พูดกับสามปีศาจว่า
`เวรกรรม เวรกรรม หลวงจีนน้อยสองรูปนี้ ทำอะไรผิดงั้นรึ ถึงได้ต้องมาเอาชีวิตพวกเขาไป`
`ผิดอะไรข้าไม่รู้ รู้แค่ว่าข้าฆ่ามันไปแล้ว แล้วเจ้าจะทำไม ไอ้หลวงจีนเฒ่า`หนึ่งในสามปิศาจพูดขึ้นมา
อุ่ยซ่งไต้ซือพูดตอบว่า`อาตมาแก่มากแล้ว คงไม่มีเรี่ยวแรงจะไปทำอะไรพวกท่านได้หรอก แต่อาตมาว่ามันคงเป็นการไม่ยุติธรรมกับหลวงจีนน้อยสองรูปนี้ ถ้าพวกท่านไม่ต้องรับผิดชอบอะไร`
ทันใดนั้น อุ่ยซ่งไต้ซือก็กระโดดทะยานตัวสูงขึ้นเหนือหัวของสามปีศาจและพลิกกลับตัวอย่างรวดเร็วเอาศีรษะชี้ลงพื้นและหมุนตัวอย่างเร็วพุ่งลงมาตรงกำแพงวัดที่สามปีศาจยืนอยู่
จีวรสะบัดผ่านอากาศอย่างเร็วเกิดเป็นเสียงดังจนน่าตกใจ และเกิดลมพัดอย่างแรง ชาวยุทธที่อยู่ในบริเวณนั้นสัมผัสได้ถึงแรงลมที่เกิดจากการหมุนตัวของอุ่ยซ่งไต้ซือ
สามปิศาจต่างตกใจในความเร็วของอุ่ยซ่งไต้ซือ แหวกหลบกันไปคนละทาง ไม่เพียงแต่สามปีศาจที่ต้องตะลึง แต่เกือบทุกคนในที่ชุมนุมต่างตะลึงงัน
อุ่ยซ่งไต้ซือนั้นพุ่งลงพื้นดินจมหายไปโดยไม่มีร่องรอย เห็นเพียงเศษใบไม้แห้งที่คลุมทั่วพื้นดิน ทุกคนมองอย่างสงสัยเมื่อเห็นอุ่ยซ่งไต้ซือพุ่งลงหายไปในดิน
แล้วทันใดนั้นขณะที่ทุกคนกำลังมองพื้นดินอย่างสงสัย พื้นดินข้างล่างก็นูนขึ้นมาเป็นลูกกลมๆข้างหน้าสามปีศาจ ทำให้สามปีศาจตกใจถอยหลังไปคนละก้าวสองก้าว
แล้วพื้นดินที่นูนขึ้นมาพุ่งไปพุ่งมาใส่สามปิศาจ เหมือนว่ามีสิ่งของขนาดใหญ่พุ่งอยู่ในดิน สามปิศาจต่างถอยหนีพื้นดินที่นูนขึ้นมา ทุกคนต่างจ้องมองพื้นนูนนั้นอย่างไม่ละสายตา
แล้วพื้นดินก็ระเบิดออกมาใบไม้แห้งที่กองกับพื้นปลิวกระจายไปทั่วมองอะไรไม่ชัด อุ่ยซ่งไต้ซือโผล่ขึ้นมาตรงหน้าหนึ่งในสามปีศาจ ซึ่งคือนักฆ่าฉายาปิศาจแร้ง
ปิศาจแร้งถึงกับตกใจ แต่ด้วยสัญชาตญาณนักฆ่า จึงใช้กรงเล็บฉีกศพวิชาประจำตัวเข้าตอบโต้อย่างรวดเร็ว
ปีศาจแร้งตะกายกรงเล็บทั้งสองออกไขว้กัน อุ่ยซ่งไต้ซือถอยหลบหนึ่งก้าวแล้วพุ่งตัวไปข้างๆปีศาจแร้งจับที่ไหล่ปิศาจแร้งไว้ ปิศาจแร้งหันมาจับข้อมือของอุ่ยซ่งไต้ซือไว้อีกที
อุ่ยซ่งไต้ซือพลิกข้อมือแล้วสะบัดออก ปิศาจแร้งพยายามใช้มืออีกข้างจับแขนของอุ่ยซ่งไต้ซือ แต่อุ่ยซ่งไต้ซือเร็วกว่าสะบัดแขนข้างซ้ายแล้วหมุนรวบแขนขวาของปีศาจแร้งไว้
ปีศาจแมวและปีศาจแมงป่องอีกสองปีศาจก็เข้ามาช่วยปิศาจแร้ง พุ่งตรงซัดฝ่ามือมาหาอุ่ยซ่งไต้ซือ อุ่ยซ่งไต้ซือจึงต้องปล่อยแขนของปิศาจแร้ง หันไปรับฝ่ามืออีกสองปีศาจ ทั้งสามซัดฝ่ามือกันเต็มแรง
การปะทะฝ่ามือทำให้ปิศาจแมวและปีศาจแมงป่องรวมทั้งอุ่ยซ่งไต้ซือถอยหลังไปคนละทาง อุ่ยซ่งไต้ซือยังอดคิดในใจไม่ได้ว่านักฆ่าเหล่านี้ฝีมือแต่ละคนไม่ใช่ธรรมดา หากเป็นพวกประมุขพรรคมารมาเอง ฝีมือพวกนั้นจะขนาดไหน
แล้วปิศาจแร้งก็พุ่งตัวลอยเข้ามาหาอุ่ยซ่งไต้ซือ อุ่ยซ่งไต้ซือหงายหลังหลบ ปิศาจแร้งพุ่งตัวเลยไปเตะต้นไม้หันตัวพุ่งกลับมา ตะกายกรงเล็บใส่อุ่ยซ่งไต้ซือ
อุ่ยซ่งไต้ซือดีดตัวสูงขึ้นใช้ปลายเท้าเตะรับกรงเล็บของปิศาจแร้งสลับกับโจมตีด้วยปลายเท้า ทั้งสองสูกันอยู่กลางอากาศอยู่พักหนึ่ง ปิศาจแร้งตะกายกรงเล็บสูงขึ้น
มือซ้ายพุ่งตรงไปที่คอของอุ่ยซ่งไต้ซือ แต่อุ่ยซ่งไต้ซือคว้าจับข้อมือไว้ได้ก่อน แล้วใช้วิชาดรรชนี้ กระแทกเข้าที่ฝ่ามืออีกข้างของปีศาจแร้งที่กำลังพุ่งตรงมา
ปีศาจแร้งร้องด้วยความเจ็บปวด และสะบัดข้อมือที่โดนจับอยู่จนหลุด ทั้งคู่ทะยานลงมาบนพื้น ปิศาจแร้งตะกายกรงเล็บไปยังอุ่ยซ่งไต้ซืออย่างดุดัน
อุ่ยซ่งไต้ซือเกรงจะโดนกรงเล็บเข้า จึงรีบถอยอย่างรวดเร็วด้วยวิชาตัวเบา แล้วสะบัดจีวรรวบใบไม้ที่ปลิวว่อนอยู่แล้วสะบัดพุ่งไปยังปีศาจแร้ง
ใบไม้แห้งเหล่านั้นแหลกเป็นผุยผงในพริบตาด้วยกรงเล็บของปิศาจแร้ง ผู้คนมากมายที่ยืนดูอยู่ต่างก็มองอะไรไม่ชัดเห็นชัดก็แต่ใบไม้ที่ปลิวไปทั่ว
ปีศาจแมวและปีศาจแมงป่องอีกสองปีศาจก็เข้ามาล้อมอุ่ยซ่งไต้ซือไว้ ขณะที่ใบไม้แห้งปลิวว่อนเต็มไปหมด สามปีศาจพุ่งเข้าโจมตีพร้อมกัน
อุ่ยซ่งไต้ซือหมุนตัวอย่างเร็ว เศษใบไม้แห้งปลิวหนักเป็นพายุหมุนใบไม้แห้ง สามปีศาจพุ่งเข้ามาต่างหยุดชะงักไม่กล้าเข้าจู่โจม เกรงว่าซุนอุ่ยไต้ซือจะมีไม้เด็ดอะไร
สามปีศาจเดินวนรอบพายุหมุนใบไม้ ปีศาจแร้งเข้าจู่โจมก่อน พายุใบไม้ระเบิดออก สามปีศาจกระโดดหลบออกไป อุ่ยซ่งไต้ซือพุ่งหาปิศาจแร้งอย่างรวดเร็ว
อุ่ยซ่งไต้ซือปะทะฝีมือกับปีศาจแร้งอีกครั้ง ปิศาจแร้งตะกุยกรงเล็บไปข้างหน้า ทำให้อุ่ยซ่งไต้ซือต้องพลิกหลบ แล้วปิศาจแร้งก็ก้มลงต่ำใช้มือทั้งสองคว้าข้อเท้าอุ่ยซ่งไต้ซือไว้
อุ่ยซ่งไต้ซือแหวกขาออกเตรียมซัดฝ่ามือลงใส่ปิศาจแร้ง ปิศาจแร้งเห็นท่าไม่ดีจึงปล่อยมือออกแล้วถีบตัวออกไปจากอุ่ยซ่งไต้ซือ
ปีศาจแมวและปีศาจแมงป่องหลังจากยืนดูอยู่พักหนึ่งก็กระโดดเข้ามาร่วมกับปิศาจแร้ง ล้อมอุ่ยซ่งไต้ซืออีกครั้ง ใบไม้ที่ปลิวอยู่ค่อยๆร่วงลงพื้น
ชาวยุทธทั้งหลายมองเห็นอุ่ยซ่งไต้ซือและสามปิศาจได้ชัดแล้วในตอนนี้
สามปีศาจเข้าจู่โจมพร้อมกัน อุ่ยซ่งไต้ซือพุ่งตัวออกนอกวงล้อม สามปีศาจไล่ตามไปพร้อมโจมตี อุ่ยซ่งไต้ซือรับการโจมตีสามปิศาจได้หมดทุกกระบวนท่าพลางเดินวนไปเรื่อยๆ
อุ่ยซ่งไต้ซือรอหาจังหวะตอบโต้ที่มีน้อยนักเมื่อต้องรับมือกับสามนักฆ่าแนวหน้า ผลัดกันรุกผลัดกันรับอยู่พักหนึ่ง อุ่ยซ่งไต้ซือจึงเกร็งพลังลมปราณสู่มือขวาแล้วซัดออกไปอย่างรวดเร็ว
เกิดเป็นพลังรุนแรงซัดให้สามปีศาจกระเด็นถอยไปคนละทาง ในเพียงชั่วพริบตา อุ่ยซ่งไต้ซือก็ถอยกลับไปยืนอยู่ข้างหน้าเหล่าคนที่มาชุมนุมกันแล้ว
สามปีศาจก็อดเลื่อมใสในวรยุทธของซุนอุ่ยไต้ซือไม่ได้ แม้จะชราภาพมากแล้วแต่วรยุทธยังคงสูงส่ง นึกในใจหากสู้กันตัวต่อตัวคงพ่ายแพ้อย่างหมดท่า สมกับเป็นเจ้าอาวาสเส้าหลินแล้ว
หม่าม่อชุนประสบการณ์สูง ดูออกว่าซุนอุ่ยไต้ซือเหนื่อยมากแล้ว เนื่อจากอายุที่ปาเข้าไปเกือบร้อยปีแล้ว จึงเดินออกมาด้านหน้าวงชุมนุม และพูดว่า
`นับว่าเป็นโชคดีของพวกเจ้าสามปิศาจ ที่อุ่ยซ่งไต้ซือเป็นผู้ออกบวช ละแล้วซึ่งการเข่นฆ่า มิเช่นนั้นแล้ว พวกเจ้าคงโดนซุนอุ่ยไต้ซือเอาชีวิตไปแล้ว`
`ถ้าพวกเจ้ายังอยากจะสู้ ก็มาสู้กับข้าแทนได้เลย`ขณะที่จอมยุทธหม่าพูดก็พลางดีดใบไม้ในมือที่หยิบมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ออกไปอย่างรวดเร็ว
ใบไม้พุ่งไปยังหน้าของปีศาจแมว ปิศาจแมวหลบได้ทัน แล้วจอมยุทธหม่าก็พุ่งตัวไปยังปิศาจแมวอย่างรวดเร็วจนทุกคนที่ดูอยู่ต้องตะลึง ใบไม้ปลิวว่อนกระจายตามหลังจอมยุทธหม่า แล้วจอมยุทธหม่าก็หายไป
อีกแล้ว ชาวยุทธที่ยืนดูกันอยู่ต้องงงกันอีกแล้ว จอมยุทธหม่าหายไป เหมือนตอนอุ่ยซ่งไต้ซือหายไป แทบทุกคนก้มลงมองพื้น คาดว่าจอมยุทธหม่าใช้มุขเดียวกับอุ่ยซ่งไต้ซือ
แล้วก็มีเสียงฟิ้วฟ้าวดังขึ้นจากยอดไม้ ที่แท้เขาขึนไปอยู่บนยอดต้นไม้แล้วโดยไม่มีใครมองทัน กำลังดีดใบไม้ลงมาอย่างต่อเนื่องลงมาใส่สามปีศาจเสียงดังฟิ้วฟ้าวอย่างต่อเนื่อง
พวกสามปีศาจหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว แต่ปีศาจแร้งนั้นเริ่มเหนื่อยแล้ว หลบหลีกไม่เร็วเท่าอีกสองคนจึงโดนใบไม้ที่พุ่งมากระแทกเข้าอย่างจังที่หน้าอก
จอมยุทธหม่าเห็นดังนั้น จึงกระหน่ำดีดใบไม้ใส่ปิศาจแร้ง ปิศาจแร้งโดนใบไม้กระแทกทั่วร่างนับสิบๆใบ ปิศาจแมวพุ่งเข้ามาช่วยปิศาจแร้ง ปิศาจแมงป่องพุ่งขึ้นไปหาจอมยุทธหม่าบนต้นไม้
แล้วปีศาจแมวก็กระโดดตามขึ้นไป ส่วนปิศาจแร้งรออยู่ข้างล่างท่าทางบาดเจ็บเล็กน้อย มองดูจากข้างล่าง คิดในใจว่าหากที่หม่าม่อชุนดีดมาไม่ใช่ใบไม้แต่เป็นอาวุธลับ ตนเองคงตายไปแล้ว
ปีศาจแมงป่องใช้ดรรชนีพิษสายรุ้งวิชาสร้างชื่อของตนพุ่งตรงใส่จอมยุทธหม่า จอมยุทธหม่าหลบพลิงตัวกลับดึงใบไม้ขึนมาสามใบดีดใส่นิ้วปีศาจแมงป่องรับดรรชนีพิษสายรุ้ง
ใบไม้ที่โดนโรรชนีพิษสายรุ้งถึงกับเปลี่ยนสีเป็นสีดำและเฉาด้วยพิษร้ายแทบในทันที
จอมยุทธหม่าสะบัดมือสองข้างขึ้น ใบไม้นับร้อยๆใบหลุดจากต้นลอยปลิวขึ้นกลางอากาศ จอมยุทธหม่าหยิบใบไม้ที่ลอยอยู่อย่างรวดเร็วดีดใส่ปิศาจแมงป่องอย่างต่อเนื่อง ปิศาจแมงป่องถึงกับร่วงลงมาจากต้นไม้
ปีศาจแมวพุ่งตรงมายังด้านหลังของจอมยุทธหม่าแล้วซัดฝ่ามือออกมา จอมยุทธหม่าหันกลับไปรับฝ่ามืออย่างรวดเร็ว ปีศาจแมวพุ่งกระเด็นถอยหลังออกจากจอมยุทธหม่าร่วงลงพื้น
จอมยุทธหม่ากระโดดลงจากต้นไม้ ลงมายืนอยู่หน้าปิศาจแมว ปิศาจแร้งพุ่งเข้ามา จอมยุทธหม่าหันไปทางปิศาจแร้ง พุ่งตัวเข้าปะทะกับปิศาจแร้ง พุ่งมือเข้าจับเสื้อที่หน้าอกปิศาจแร้ง
ก่อนที่ปิศาจแร้งจะตั้งตัวได้ ก็โดนจอมยุทธหม่าเหวี่ยงออกไปกระแทกกับปิศาจแมวที่อยู่ด้านหลัง ปิศาจแมวหลบไม่ทันโดนปิศาจแร้งกระแทกเข้า ล้มลงไปทั้งคู่
ปีศาจแมงป่องพุ่งมาหาจอมยุทธหม่า จอมยุทธหม่าเกรงว่าจะโดนดรรชนีพิษของปีศาจแมงป่องเข้า จึงรีบอัดพลังหลายส่วนเข้าสู่ฝ่ามือข้างขวาซัดปีศาจแมงป่องกระเด็นล้มไปไกลด้วยฝ่ามือเดียว
จอมยุทธหม่าเดินไปตรงกลางลานที่ใช้ต่อสู้และพูดพูดขึ้นมาว่า
`นี่น่ะหรือ นักฆ่าแห่งหอบุปผาเงิน ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัวซักนิด`
เหล่าผู้ชุมนุมต่างมองกันตาค้าง วรยุทธของหม่าม่อชุนสูงส่งขนาดนี้เลยหรือ มีทั้งคิดเลื่อมใสและคิดสงสัย ว่าจอมยุทธหม่าไปเรียนวิชาตัวเบามาจากไหน แล้วยังมีวิชาดรรชนีที่ร้ายกาจ
ปิศาจทั้งสี่มองจอมยุทธหม่าด้วยความโกรธ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ วรยุทธของหม่าม่อชุนเหนือชั้นกว่าพวกปิศาจหอบุปผาเงินมาก
เมื่อจอมยุทธหม่าพูดจบ ก็หันหลังกลับแล้วเดินเข้าไปในวัดพลางพูดว่า`ข้าไม่อยากจะสู้กับพวกปลายแถว เห็นพวกเจ้าเป็นนักฆ่ามีชื่อ นึกว่าพวกเจ้าจะฝีมือดีกว่านี้ เห้อ`
ปิศาจแมวก็กระโดดพุ่งตัวมายังจอมยุทธหม่าพร้อมด้วยกับปีศาจแมงป่องและปีศาจแร้ง คนที่ดูอยู่ต่างตะโกนเตือนจอมยุทธหม่า แต่จอมยุทธหม่าก็ไม่สนใจ
ทันใด้นั้นจอมยุทธจางแห่งสำนักกระบี่ธรรมเห็นท่าไม่ดี ก็ตวัดกระบี่ขึ้นมาขวางอย่างรวดเร็วจนได้ยินเสียงกระบี่ผ่านอากาศดังวิ้งอยู่นาน
`ขอบคุณท่านจาง ที่มีน้ำใจช่วย`จอมยุทธหม่ากล่าวขอบคุณจอมยุทธจางที่เข้ามาช่วย จอมยุทธจางหันมองจอมยุทธหม่าแต่ไม่พูดอะไร
แล้วประมุขจูแห่งพรรคเงาจันทร์ก็เดินเข้ามายืนกับจอมยุทธจาง ทั้งคู่กำลังจะสู้กับสามปิศาจ ปิศาจแมวพูดว่า`พวกเจ้าใครไม่อยากตายก็หลบไป ข้าแค่จะมาพาตัวสหายข้ากลับเท่านั้น`
`โอหังนักนะ ข้าว่าพวกเจ้านั่นแหละ ถ้าไม่อยากตายก็หนีไปซะ`ประมุขจูพูดสวน พลางทำหน้าตาเย้ยหยันพวกสามปิศาจ
ประมุขจูพูดจบก็พุ่งเข้าไปข้างหน้า เมื่อเข้าไปใกล้ระยะปีศาจแมงป่อง ประมุขจูก็ฟาดแส้ยาวสีเงินลงใส่ปีศาจแมงป่อง ปิศาจแมงป่องพลิกหลบได้
จอมยุทธจางพุ่งกระบี่เข้าใส่ปีศาจแมว ปีศาจแมวพุ่งถอยหลังอย่างรวดเร็ว แล้วพลิกตัวหมุนไปอ้อมข้างหลังต้นไม้ จอมยุทธจางฟาดกระบี่เป็นวงกลม ต้นไม้ขนาดเกือบหนึ่งคนโอบขาดสะบั้น
ประมุขจูฟาดแส้ใส่ต้นไม้เสียงดังสนั่น ต้นไปกระแทกใส่ปีศาจแมวที่อยู่ข้างๆ ปีศาจแมวโดนกระแทกอย่างจังถึงกับล้มลงไป ปีศาจแร้งพุ่งเข้ามาช่วย ซัดกรงเล็บเหวี่ยงต้นไม้ไปใส่ประมุขจู
ประมุขจูกระโดดขึ้นสูง ฟาดแส้ใส้ต้นไม้รัดต้นไม้ไว้แน่นและเหวี่ยงออกไปข้างๆ ทุกคนต่างทึ่งในวรยุทธของประมุขจู ด้วยนางยังเป็นเด็กสาวอยู่อายุยี่สิบต้นๆ ไม่น่าวรยุทธสูงขนาดนี้
จอมยุทธจางพุ่งเข้าหาปีศาจแมงป่อง ปีศาจแมงป่องสะบัดใบไม้แห้งที่พื้นให้ลอยขึ้นมาบังแล้วหลบไปข้าง แล้วใช้ดรรชนีพิษสายรุ้งออกมาสามชุดใส่จอมยุทธจาง
จอมยุทธจางรับดรรชนีด้วยกระบี่ แล้วสะบัดทิ้งกระบี่พุ่งไปใส่ปีศาจแมงป่องแล้วทะยานตัวตามไป ปีศาจแมงป่องหมุนตัวหันหลังหลบกระบี่ได้แต่ก็โดนจอมยุทธจางซัดฝ่ามือเข้าเต็มหลังล้มไปนอนกับพื้น
แต่ก็หันมาใช้ดรรชนีพิษสายรุ้งใส่จอมยุทธจางในระยะประชิดจังเข้าที่ข้อเท้าจอมยุทธจาง จอมยุทธจางกระโดดกลับออกมาพุ่งเข้าช่วยประมุขจูที่กำลังเสียท่าโดนปีศาจแมวและปีศาจแร้งลุมอยู่
จอมยุทธจางพุ่งหาปีศาจแร้งที่กำลังดึงแส้ของประมุขจูอยู่ ปีศาจแร้งพุ่งหลบไปข้าง จอมยุทธจางกระโดดตามไปตวัดกระบี่ใส่ปิศาจแร้งก็ยังหลบได้อยู่ ปิศาจแร้งเห็นรอยแผลที่ขาของจอมยุทธจาง
รู้ว่าคงโดนดรรชนีพิษสายรุ้งเข้าแล้ว จึงหันมาไล่จอมยุทธจางแทน เพราะเห็นว่าจอมยุทธจางโดนพิษอยู่
ส่วนประมุขจูกำลังสู้กับปิศาจแมว ดูท่าแล้วปิศาจแมวได้เปรียบประมุขจูอยู่ ประมุขจูตวัดแส้ใส่ปีศาจแมว ปิศาจแมวยอมโดนแซ่ฟาดเข้าที่แขนแล้วตวัดแขนพันแซ่ไว้แล้วพุ่งตัวไปหาประมุขจู
ทั้งคู่ปะทะฝ่ามือกัน ประมุขจูยังเด็ก พลังภายในยังสู้ปิศาจแมวไม่ได้ โดนปีศาจแมวซัดเข้าไปสองฝ่ามือ ล้มไถลลงกับพื้น ปิศาจแมวกระโดดตามไป เตรียมซัดฝ่ามือที่สามใส่ประมุขจู
แต่เจ้าเจี้ยนหวงก็พุ่งตัวมาขวาง แทงฝักกระบี่ออกไปแล้วฟาดใส่ปิศาจแมว ปิศาจแมวไม่ทันได้หลบจึงโดนเข้าที่สีข้างอย่างจัง
ปีศาจแมวล้มลง ประมุขจูเห็นแขนของปิศาจแมวยังพันแซ่ของประมุขจูอยู่ ประมุขจูจึงโยนแส้ให้จอมยุทธเจ้า จอมยุทธเจ้าเหวี่ยงปีศาจแมวไปกระแทกกับกำแพงวัด เสียงดังลั่น
แล้วจอมยุทธเจ้าก็พาประมุขจูไปดูอาการบาดเจ็บ
ปีศาจแร้งเห็นท่าไม่ดีจึงถอยออกห่าง ปิศาจแมวและปิศาจแมงป่องก็เจ็บหนัก ส่วนจอมยุทธจางก็ถอยออกมา ต่างฝ่ายต่างยืนจ้องกันอยู่พักใหญ่โดยไม่พูดอะไร
จอมยุทธเจ้ากล่าวว่า `วันนี้นอกจากพวกเจ้าจะชิงตัวสหายของพวกเจ้าไม่สำเร็จแล้ว สงสัยพวกเจ้าต้องตายพร้อมสหายของพวกเจ้าอีกด้วย`
ทันใดนั้นก็มีคนแก่สองคนเดินขึ้นบรรไดวัดมา เมื่อเข้ามาใกล้ก็เห็นชัดว่าเป็นสองเฒ่าไฟน้ำแข็ง เฒ่าจิ้งจอกหิมะและเฒ่ากิเลนไฟแห่งพรรคเหนือฟ้า พรรคมารต้นสังกัดของหอบุปผาเงิน
เมื่อเดินมาถึงหน้าบริเวณวัด เฒ่าจิ้งจอกหิมะพุ่งไปหาปีศาจลิงที่โดนจับมัดอยู่ คนที่ยืนคุมปีศาจลิงอยู่ไม่ทันตั้งตัวถูกกระแทกล้มลงระเนระนาด
จอมยุทธหม่าดีดลูกดินปั้นไปสองลูกใส่เฒ่าจิ้งจอกหิมะที่พุ่งตัวเข้ามาชิงตัวปีศาจลิง เฒ่าจิ้งจอกหิมะหันมาซัดฝ่ามือกระแทกกับลูกดินปั้นแหลกแล้วเซถอยหลังเล็กน้อย
แล้วคว้าร่างของปิศาจลิงขึ้นมาและโยนร่างของปิศาจลิงไปทางปิศาจแร้ง ปิศาจแร้งรีบแก้มัดให้ปิศาจลิง
เฒ่าจิ้งจอกหิมะหันมาทางจอมยุทธหม่า พูดว่า `หม่าม่อชุน ได้ยินชื่อนี้มานาน วันนี้ได้เจอตัวจริง ช่วยชี้แนะตาแก่อย่างข้าซักหน่อยเถอะ`
`ข้าเองก็ได้ยินชื่อผู้าวุโสมานาน อยากจะให้ผู้อาวุโสช่วยชี้แนะข้าเหมือนกัน`จอมยุทธหม่าพูด
เมื่อพูดจบ จอมยุทธหม่าและเฒ่าจิ้งจอกหิมะก็กระโดดเข้าหากันทั้งคู่ทะยานตัวขึ้นไปบนอากาศ ปัดมือปัดแขนกันลองเชิงกันอยู่ข้างบน คนข้างล่างต่างมองดูอย่างสนใจ
ทั้งคู่ทะยานตัวไปยังลานฝึกวรยุทธข้างในวัด ทุกคนเดินเข้ามาในวัดแล้วดูการต่อสู้ของสองยอดฝีมือ
จอมยุทธหม่าและเฒ่าจิ้งจอกหิมะสู้กันบนลานฝึกวรยุทธของวัด ทั้งคู่เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว
เฒ่าจิ้งจอกหิมะ ซัดออกมาหนึ่งฝ่ามือ จอมยุทธหม่าไม่ปะทะด้วย หลบออกด้านข้าง พลังปราณฝ่ามือของเฒ่าจิ้งจอกหิมะกระแทกกับกำแพงวัดดังสนั่น กำแพงวัดเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่
คนที่อยู่ใกล้กำแพงวัดบริเวณนั้นเหฌนว่า กำแพงวัดตรงที่โดนพลังฝ่ามือของเฒ่าจิ้งจอกหิมะมีน้ำแข็งเคลือบอยู่เป็นวงกว้าง ผู้ที่รู้ก็ออกมาบอกว่า ที่เฒ่าจิ้งจอกหิมะใช้คือฝ่ามือเย็นยะเยือก
เป็นวิชาที่ร้ายกาจของเฒ่าจิ้งจอกหิมะ ส่วนเฒ่ากิเลนไฟก็มีวิชาฝ่ามือร้อนระอุที่ร้ายกาจไม่แพ้กัน คนนึงร้อนคนนึงเย็น เป็นที่มาของฉายาสองเฒ่าไฟน้ำแข็ง
จอมยุทธหม่าและเฒ่าจิ้งจอกหิมะยังคงสู้กัน จอมยุทธหม่าเกร็งพลังสู่ปลายนิ้วชี้ทั้งสองข้าง แล้วพุ่งนิ้วทั้งสองออกไป เฒ่าจิ้งจอกหิมะเกร็งพลังสู่ฝ่ามือทั้งสองแล้วปะทะกับพลังปราณดรรชนีของจอมยุทธหม่า
ที่ว่างตรงกลางระหว่างทั้งสองคนเกิดเป็นลมแรง ทั้งคู่นิ่งอยู่พักใหญ่ แล้วเฒ่าจิ้งจอกหิมะก็สบัดฝ่ามือทั้งสองลงพื้น จอมยุทธหม่าก็กระแทกนิ้วชี้ทั้งสองลงพื้น
พลังปราณของเฒ่าจิ้งจอกหิมะและจอมยุทธหม่าปะทะกันตรงกลาง เกิดเป็นระเบิดลมอย่างแรง และมีเสียงดังเหมือนมีสิ่งของขนาดใหญ่และหนักร่วงลงมากระแทกพื้น
เกือบคนที่ยืนดูอยู่ต่างเซถอยหลังด้วยแรงลม พื้นตรงกลางลานฝึกวรยุทธร้าวและบุบลงเป็นหลุมขนาดใหญ่ จอมยุทธหม่าและเฒ่าจิ้งจอกหิมะยืนจ้องหน้ากัน
จอมยุทธหม่ากล่าวว่า `ผู้อาวุโส ฝีมือร้ายกาจนัก นับถือ นับถือ`
`หึ หม่าม่อชุน วรยุทธเจ้าก็ไม่ได้ด้อยกว่าข้าเลย หึหึ ส้มแล้ว ทีเจ้า เป็นศิษย์ วังเมฆขาว`เฒ่าจิ้งจอกหิมะพูด จอมยุทธหม่าทำหน้าไม่พอใจและพูดว่า `ท่านรู้`
`ใช่ ข้ารู้`เฒ่าจิ้งจอกหิมะพูด `รีบไปเถอะ`เฒ่ากิเลนไฟพูดขึ้น
แล้วเฒ่าจิ้งจอกหิมะก็กระโดดพุ่งตัวออกไปนอกวัด เฒ่ากิเลนไฟพุ่งจับร่างของปีศาจแมงป่องและปีศาจแมวแล้วก็พาหนีไปเช่นกัน ปีศาจแร้งก็รีบพาปิศาจลิงหนีตามไป พวกเขาทั้งหกก็ได้จากไป
หลังจากได้เห็นการต่อสู้ที่ดุเดือด คนส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าตามหกคนนั้นไป แล้วเสียงดังก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เสียงพูดคุยดังกระหึ่มขึ้นมาอีกรอบ แต่ไม่สามารถจับใจความได้ว่าใครพูดอะไรบ้าง
เวลาผ่านไปพักหนึ่งเสียงก็ค่อยเบาลง ต่างคนต่างบอกลาคนอื่นๆ แล้วทยอยกันกลับ เหลือคนเพียงจำนวนน้อยที่ยังยืนสนทนากันอยู่
จอมยุทธจางได้ถามขึ้นว่า `ท่านเป็นศิษย์วังเมฆขาวจริงๆหรอ ท่านหม่า`
`นั่นสิ...จริงรึป่าวเนี่ย...ข้าเคยได้ยินชื่อวังเมฆขาว ได้ข่าวว่ามันเป็นสถานที่วิเศษ จริงมั้ยท่านหม่า`หลายคนพูดขึ้น ชาวยุทธทั้งหลายต่างก็อยากรู้เรื่องนี้เช่นกัน
`แล้วพวกท่านเชื่อมั้ยละ`จอมยุทธหม่าถามกลับ
จอมยุทธเจ้าบอกว่า`ข้าเชื่อนะ วรยุทธของท่านก็ล้ำเลิศ ไม่เหมือนชาวยุทธทั่วไป วิชาตัวบเบาลึกล้ำพิศดาร เข้าข่ายเป็นศิษย์วังเมฆขาว ท่านละว่าไง ท่านจาง`
จอมยุทธจางบอกไปว่า`ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ข้าอายุเยอะแล้ว เคยได้ยินเรื่องวังเมฆขาวมาเยอะเหมือนกัน จะว่าท่านหม่าเป็นศิษย์วังเมฆขาวก็น่าเชื่อ`
`ก็แล้วแต่ท่านจะคิดเถอะ ข้าไม่ขอตอบ`จอมยุทธหม่าพูด
`ถ้าท่านไม่สะดวกจะบอก ก็ไม่เป็นไร`จอมยุทธจางพูด
จอมยุทธหม่าพูดว่า`เห็นที ข้าต้องรีบกลับแล้ว คงอยู่สนทนาต่อกับพวกท่านไม่ได้ ข้าขอลาตรงนี้เลยละกัน`
`ลาก่อน จอมยุทธหม่า ลาก่อน ลาก่อนท่านหม่า`คนอื่นๆพูด
แล้วจอมยุทธหม่าก็เดินไปลาอุ่ยซ่งไต้ซือ แล้วจากไป
ทุกคนก็กลับไปจวนจะหมด เหลือแค่จอมยุทธจางที่โดนพิษดรรชนีสายรุ้งต้องนอนรักษาอยู่ที่เส้าหลิน ประมุขจูก็บาดเจ็บ ต้องอยู่พักที่เส้าหลินก่อนในคืนนั้น
แล้ววัดเส้าหลินก็เงียบสงบลง


วิจารณ์หน่อยนะว่าเป็นไง ถ้าไม่ดีก็บอกด้วยนะจะได้ปรับปรุงอ่ะ
หรือถ้ามันแย่มากก็บอกได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ





๏ก๊วยเซียง
#2   ๏ก๊วยเซียง    [ 02-04-2009 - 22:29:36 ]

อ่าคนแรกๆ อ่า ยังไม่กล้าวิจารณ์ ( ยังมิได้อ่านค่ะ ) อ่านก่อนๆ



wg_yubin
#3   wg_yubin    [ 02-04-2009 - 22:32:43 ]



ยังไงก็วิจารณ์มาได้เลยน้า ^^



สือจือเซวียน
#4   สือจือเซวียน    [ 03-04-2009 - 01:15:41 ]

อ่านยังไม่จบนะครับ แต่มันดูแข็งๆไปหน่อยนะครับแต่แต่งเรื่องแรกก็ทำนองนี่นะครับ
roman-a_kloa@hotmail.com แอดมานะครับจะได้อ่านจนจบ



หลี่ชิวสุ่ย
#5   หลี่ชิวสุ่ย    [ 03-04-2009 - 01:24:02 ]

เริ่ดค่ะ

เงามืดบู้ลิ้ม




กระบี่เก้าเดียวดาย
#6   กระบี่เก้าเดียวดาย    [ 03-04-2009 - 12:16:27 ]

เรื่องวิจารณ์มิกล้า
แต่เรื่องประโยคพูดของตัวละครคงต้องติ

ในสมัยก่อน ก่อน ร.5 คำว่า "สวัสดี" ยังไม่มีนะขอรับ
ส่วนมากประเทศทางเอเชียเค้าจะถามว่า "สบายดีหรือ" เป็นคำทักทายคล้ายๆ การห่วงใย
คำว่า "สวัสดี" เพิ่งมาใช้จริงๆ ตอนช่วงหลัง ถือว่าเป็นคำสมัยใหม่

หากเป็นสำนวนกำลังภายใน เมื่อมทีงานพิธีการจริงๆ ส่วนใหญ่ชาวยุทธ์จะประสานมือคำนับรอบทิศ
แล้วกล่าวเปิดงานไปเลย ไม่มีคำว่า "สวัสดี" ขอรับ (เท่าที่เคยเห็น)

หากเจอหน้ากันโดยบังเอิญ เค้าจะถามกันแบบนี้
"..(แซ่/ชื่อ)เฮียจากมา สบายดี?" จะประมาณนี้ขอรับ (ในกรณีที่รู้จักกันมาก่อน)

เค้าไม่ใช้คำว่า "สวัสดี" ขอรับ เพราะนั่นเป็นคำสมัยใหม่



กระบี่เก้าเดียวดาย
#7   กระบี่เก้าเดียวดาย    [ 03-04-2009 - 12:29:56 ]

ถ้าลองหัดเขียนนะขอรับ

ลองอ่านงานของท่าน ว. หรือท่าน น. หรือ ท่านจำลอง เป็นการลอกเลียนก่อน
แล้วค่อยมีเอกลักษณ์เป็นของตนเองในภายหลัง

อย่างท่าน ว. จะเปลี่ยนคำจาก ชาวยุทธ์ เป็น ชาวนักเลง
ท่าน น. ท่าน จำลอง จะเรียกชาวยุทธ์ ประมาณนี้ขอรับ

การเขียนการบรรยาย เน้นลักษณะไหน ก็ลองเอาอย่างสองท่านเป็นหลักไปก่อน คือ ปู่กิม และปู่โกว
เช่น
ปู่โกวจะบรรยายบทบู๊แบบ ใช้ลีลาการเล่าเรื่องสภาพแวดล้อมเพื่อให้เข้าถึงบทบู๊
ปู่กิมจะบรรยายบทบู๊แบบ ใช้ลีลาการเล่าเรื่องบทบู๊เพื่อให้เข้าถึงสภาพแวดล้อม

ข้าน้อยคงแนะนำอะไรมากมิได้ เพราะเขียนจบไปแค่เรื่องเดียวเท่านั้นขอรับ

แต่ไม่ได้เขียนลงที่นี่นะขอรับ เขียนลงถนนนักเขียนพันทิพย์นู่น



กระบี่เก้าเดียวดาย
#8   กระบี่เก้าเดียวดาย    [ 04-04-2009 - 17:13:21 ]

อ้าว แม่นางหายไปไหน



๏ก๊วยเซียง
#9   ๏ก๊วยเซียง    [ 04-04-2009 - 22:28:44 ]

ขัดๆ อยู่บ้างอ่ะค่ะ มันแข็งไปหน่อย ม่าย SMOOTH ( อาจตรงไปหน่อยนะค่ะ อย่าว่ากันหละ )



  • 1
ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube