เข้าระบบอัตโนมัติ

ราชันแห่งแดนลึกลับ ภาค สายน้ำแห่งกาลเวลา เรื่องราว เกี่ยวกับ สงคราม ความรัก มิตรภาพ ฯลฯ


มหาราช
#1   มหาราช    [ 01-01-2009 - 19:57:01 ]

เรื่องราวโดยคร่าวๆ

ดินแดนแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่หลังม่านน้ำตกกลางหุบเขา บนผืนแผ่นดินจีนที่กว้างใหญ่ไพศาล ไม่มีใคร พบดินแดนที่กว้างใหญ่แห่งนี้ พวกเขา ไม่คิดว่า น่าจะมีอยู่จริง ดินแดนผืนนี้ มีอาณาจักรตั้งอยู่ยี่สิบอาณาจักร ที่รุ่งเรืองและทำสงคราม กันมานานนับพันปี ล่มสลายไปบ้าง แตกแยกบ้าง และอาณาจักรที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด ในบรรดาอาณาจักรทั้งหลายคือ อาณาจักรซีหวาง


ซีหวาง รับวัฒนธรรมและอารยธรรมจีนมามากกว่า อาณาจักรอื่นๆ เช่น การสอบจอหงวน เทศกาลต่างๆของแผ่นดินจีน ฯลฯ นอกเหนือจากนี้ ยังรับ พระพุทธศาสนา เข้ามาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ยังมีลัทธิขงจื้อ และ ลัทธิเต๋า เพื่อเป็นคำสอนให้แก่ชนทุกชนชั้น



อีกทั้งมงกุฎของกษัตริย์ แห่งซีหวาง จะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ ตำแหน่งของกษัตริย์ก่อนขึ้นครองราชย์ หรือ ตามพระราชประสงค์ของกษัตริย์



ซีหวางนั้น แต่ก่อน คือ ซีอ้าย ตั้งตามชื่อราชวงศ์อ้าย แต่ต่อมา แผ่นดินเกิดกลียุค ปรากฎแม่ทัพนายหนึ่ง นาม หลิวชิงสือ กอบกู้บ้านเมือง ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติร้าย ราษฎรทั่วซีอ้าย สรรเสริญในวีรกรรมของเขา เมื่อราชวงศ์อ้ายล่มสลาย ราษฎรต่างก็พร้อมใจกันอัญเชิญให้เขาขึ้นครองแผ่นดิน โดยที่เขา มิได้เต็มใจแม้แต่น้อย

หลิวชิงสือ สถาปนาตน ขึ้นครองราชสมบัติ เฉลิมพระนามว่า หวางหลิวสือฮ่องเต้ เปิดศักราชสือเซียน ก่อตั้งราชวงศ์หวาง ครองแผ่นดิน เปลี่ยนชื่อแว่นแคว้น จาก ซีอ้าย เป็นซีหวาง (หวางตะวันตก) เขาทำการ ทำนุบำรุง และ พัฒนา บ้านเมือง อย่างใจเย็น จนกระทั่ง เจริญรุ่งเรือง เข้มแข็ง และ มั่นคงได้ ในรัชกาลหวางชิงสือฮ่องเต้ พระประมุของค์ที่เจ็ด แห่งราชวงศ์หวาง



ราชวงศ์หวางมีกษัตริย์ขึ้นครองราชย์ สืบต่อกันมาสี่สิบพระองค์ เป็นเวลายาวนานกว่า หกร้อยปี ปัจจุบัน มีหวางซัวถู่ฮ่องเต้ เป็นพระประมุของค์ที่สี่สิบเอ็ด แห่งราชวงศ์หวาง ช่วงเวลานี้ แว่นแคว้นต่างๆ ทำสงครามดุเดือดขึ้น จนกระทั่ง เหลือเพียง 10 อาณาจักร เท่านั้น

กาลเวลาล่วงเลยผ่านไป รัชสมัย หวางซัวถู่ฮ่องเต้ ไม่มีอะไรโดดเด่น บ้านเมืองตกอยู่ในช่วงเวลาวิกฤตที่สุด ราษฎร ทุกข์ยากแสนสาหัส บ้านเมืองใกล้เข้าสู่กลียุค ขุนนางทั้งหลายโกงกินบ้านเมือง กฎหมายพึ่งพาไม่ได้ ไม่มีใครไว้ใจได้เลยสักคน กบฎเกิดขึ้นที่เขาเจียงหวา ในเขตชายแดน ฮ่องเต้ ทรงส่ง แม่ทัพนายกองทุกนาย ไปปราบ กาลเวลาผ่าน หวางซัวถู่ฮ่องเต้ ทรงถูกลอบปลงพระชนม์ ก่อนจะสวรรคต พระองค์ทรงมีรับสั่งให้ องค์ชายสาม เหลียนฉี ขึ้นครองบัลลังก์

แต่ยังไม่ทันที่ เหลียนฉี จะขึ้นครองราชสมบัติ พระสนมในหวางซัวถู่ฮ่องเต้ พระนาม พระสนมไห่จูชู ขึ้นควบคุมอำนาจหลังผ้าม่าน อย่างเบ็ดเสร็จ ในขณะที่ แม่ทัพนายกอง เขตชายแดน พากันต่อสู้กับกบฎ อย่างทรหด องค์ชายหก ฉีหลง ปกครองชายแดน อย่างโดดเดี่ยว ราชโอรส-ธิดา หวางซัวถู่ฮ่องเต้ พากันเก็บงำความแค้นไว้ เมื่อคดีลอบปลงพระชนม์พระราชบิดา ถูกปิดอย่างรวดเร็ว โดยที่ยังไม่ทันได้ไต่สวน

องค์ชายรอง ฉวนลี่ ถูกเรียกตัวกลับมายังซีหวาง อย่างลับๆ โดยผู้มีศักดิ์ทียมเท่าไทเฮา เพื่อแก้ไขเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด



มหาราช
#2   มหาราช    [ 01-01-2009 - 19:58:34 ]

ประวัติ ของ ยี่สิบอาณาจักร

1. อาณาจักรฮวา อาณาจักรแห่งดอกไม้ เป็นอาณาจักร ที่มีแต่ ดอกไม้ อยู่รอบๆ และ มีทุ่งหน้า เขียวขจี มีแม้น้ำไหลผ่าน เทือกเขาโอบล้อม เป็นอาณาจักร ที่ ยิ่งใหญ่ มาแต่ก่อน มีอายุหนึ่งพันสองร้อยยี่สิบปี ล่มสลาย โดย อาณาจักรโจวสือ เข้ารุกราน

2. อาณาจักรถาน อาณาจักรแห่งทะเลทราย (ภาษาจีน ในนิยายเรื่องนี้ เป็น ภาษา ที่ผมเขียนขึ้นเอง เอามาจาก ที่ใดที่หนึ่ง ที่ผมรู้จัก อ่านมา ได้ยิน ได้ฟังมา ส่วนความหมาย เช่น อาณาจักรทะเลทราย คิดว่า จะไปอีกทางหนึ่ง และบางคำก็รู้ความหมาย) เป็นอาณาจักร ท่ามกลางทะเลทราย มีอายุเก้าร้อยแปดสิบปี ล่มสลาย โดย อาณาจักรหลี่เชียงรุกราน

3. อาณาจักรเฮย อาณาจักรมืด เป็นอาณาจักร ที่อยู่ในสายหมอก จะไม่มีใครมองเห็นอาณาจักรแห่งนี้ ยกเว้นแต่ จะยิงธนูเข้าไป และต้องยิงให้โดนของสิ่งหนึ่ง ม่านหมอกจะหายไป มีอายุยืนยาว สองร้อยปีเท่านั้น ก็ถูกอาณาจักรเจียงเจี้ยน ตีแตก


4. อาณาจักรเซียน อาณาจักรเทพ เป็นอาณาจักรที่สวยงามดั่งสวรรค์ อายุสองพันปี ก็ล่มสลาย เพราะ ถูก อาณาจักรหวางรุกราน ใน รัชสมัย ของ โอรส ของ หวางหลิวสือฮ่องเต้ เชื้อพระวงศ์ราชวงศ์ของ อาณาจักรเซียน ที่สูงส่งกว่า กษัตริย์องค์ใดๆ ยิ่งกว่าจักรพรรดิ ได้รับการ ปรนนิบัติอย่างดี ที่พระราชวังเก่า ของ อาณาจักรหวาง

5. อาณาจักรซีหมิน อาณาจักรแห่งป้อมปราการ เป็นอาณาจักร ที่ทั่วทั้งเมือง มีแต่ ป้อมปราการ รายล้อมไปหมด อายุหนึ่งพันปี ล่มสลาย โดย อาณาจักรซวนจีรุกราน


6. อาณาจักร อี้ชาง อาณาจักรคูน้ำลึก อายุแปดร้อยปี ยังไม่ล่มสลาย

7. อาณาจักรจางเซียน อาณาจักรกษัตริย์ทฤษฎี อาณาจักรแห่งนี้ เป็นอาณาจักรที่มีแต่ กษัตริย์ ที่เก่งทางทฤษฎี และการวางแผนเท่านั้น และน่าแปลกมาก ที่เป็นทุกพระองค์ มีอายุเก้าร้อยเจ็ดสิบปี ยังไม่ล่มสลาย

8. อาณาจักรสี อาณาจักรแห่งนักรบ มีอายุแปดร้อยปี ก็ล่มสลาย โดย อาณาจักรหวาง รุกราน เชื้อพระวงศ์ ประทับ ที่พระราชวัง แห่งเดียวกับ เชื้อพระวงศ์อาณาจักรเซียน


9.อาณาจักรเหวย อาณาจักรแห่งป่าทึบ เป็นอาณาจักร ที่มีแต่ป่า รายล้อมรอบอาณาจักร และมีเทือกเขารายล้อมรอย เหมือนหุบเขา อายุเจ็ดร้อยปี ก็ล่มสลาย โดย อาณาจักร โจวสือรุกราน

10. อาณาจักรเจียงจาน อาณาจักรแห่งแม่น้ำ เป็นอาณาจักรที่มีแต่แม่น้ำ ล้อมรอบตัวเมือง คล้ายๆกับ กรุงศรีอยุธยา อายุห้าร้อยปี ก็ล่มสลาย โดย อาณาจักรโจวสือ รุกราน

11. อาณาจักรซวนจี อาณาจักรแห่งทุ่งหญ้า อายุแปดร้อยแปดสิบปี ยังไม่ล่มสลาย

12. อาณาจักรเจียงเจี้ยน อาณาจักรแห่งทะเล คล้ายๆกับ อาณาจักรเจียงจาน แต่น้ำที่ล้อมรอบ เป็น ทะเลลึก มีน้ำวนอยู่โดยรอบ อายุเก้าร้อยแปดสิบปี ยังไม่ล่มสลาย


13. อาณาจักรจิ้งสือ อาณาจักรแห่งหน้าผา เป็นอาณาจักร ที่ตั้งอยู่ริมหน้าผา อายุเจ็ดร้อยเจ็ดสิบปี ยังไม่ล่มสลาย

14. อาณาจักรหลางหลัน อาณาจักรแห่งธัญพืช เป็นอาณาจักรที่ล้อมรอบด้วยธัญพืช อายุเจ็ดร้อยหกสิบปี ยังไม่ล่มสลาย


15. อาณาจักรฉี อาณาจักรแห่งสมุนไพร เป็นอาณาจักรที่มีสมุนไพรหายากนานาชนิด อายุแปดร้อยปี ล่มสลาย โดย อาณาจักรอี้ชาง รุกราน

16.อาณาจักรซีหยวน อาณาจักรแห่งหุบเขา เป็น อาณาจักร ที่อยู่ท่ามกลางหุบเขา อายุเก้าร้อยห้าสิบปี ยังไม่ล่มสลาย

17.อาณาจักรสือ อาณาจักรแห่งนักรบ เต็มไปด้วย นักรบที่มีความสามารถ ทั้งรบพุ่งเก่ง วางแผนเก่ง และ บัญชาการเก่ง อายุแปดร้อยสี่สิบปี ยังไม่ล่มสลาย


18.อาณาจักรหลิว อาณาจักรน้องชายฝาแฝดกับอาณาจักรหวาง เพราะ เป็น อาณาจักรที่แยกตัวออกมาจากอาณาจักรหวาง ปฐมกษัตริย์ เป็น ราชโอรสของ ฮ่องเต้ แห่งอาณาจักรหวางองค์หนึ่ง อายุห้าร้อยแปดสิบปี ยังไม่ล่มสลาย

19. อาณาจักรเล้ง อาณาจักรแห่งมังกร อายุหนึ่งพันปี ล่มสลายโดย อาณาจักรสือ ข้ารุกราน

[color=red]20. อาณาจักรหวาง อาณาจักรยอดจักรพรรดิ อายุยังไม่แน่ชัด เพราะ นักประวัติศาสตร์ราชวงศ์หวาง(ตั้งขึ้นเอง) สมัยต้นๆ มักจะกำหนดวันสร้างเมืองกับวันสถาปนาอาณาจักรผิดพลาด แต่ต่อมา ได้มีองค์ชายองค์หนึ่ง ได้แก้ไขใหม่ เป็นว่า ราชวงศ์และอาณาจักรหวาง สถาปนาขึ้น เมื่อปี 1143 ไม่ใช่ 1145 ดังนั้น จึงมีอายุ 611 ปี






มหาราช
#3   มหาราช    [ 01-01-2009 - 19:59:29 ]


ปัจจุบัน เหลือ 10 อาณาจักร รวมอาณาจักรหวางด้วย ดูได้จากข้างบน

ตัวแดง คือ ล่มสลายไปแล้ว

ตัวหนาสีดำคือ ยังไม่ล่มสลาย








มหาราช
#4   มหาราช    [ 05-01-2009 - 16:36:38 ]

ใคร่ขอกล่าว คาดว่า ไม่น่าจะเกินเดือนนี้ ได้อ่านตอนที่ 1 กันแน่นอนครับ


หลังจากนั้น ก็รอกันจนถึงปิดเทอมเลย

แต่จะทำออกมาให้ดีที่สุด



มหาราช
#5   มหาราช    [ 05-01-2009 - 16:44:31 ]

แนะนำตัวละคร


หลิวหวินเทียน (เมฆฟ้า) - องค์ชายน้อยวัยเจ็ดชันษา ราชโอรสองค์ใหญ่ในองค์ชายหกฉีหลง และ แม่นางไท่ชิงหมิง (พระเอกนางเอก ในโครงเรื่องเดิม) องค์ชายผู้ทรงไม่เอาไหน ขึ้นครองบัลลังก์อย่างเดียวดาย ภายใต้การกุมอำนาจของไทเฮา เมื่อเขาครองราชย์ พระนางไห่ไทเฮา ขึ้นเป็น พระนางฮองไทเฮา สมเด็จพระอัยยิกา (แต่ไม่ใช่ย่าแท้ๆหรอก) โดยไม่มีขุนนางผู้ใดคัดค้าน (ก็พวกมันนี่)

เมื่อเสร็จพิธีราชาภิเษกแล้ว องค์ชายรอง ฉวนลี่ ก็ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการ ร่วมกับ พระนางไห่ไทเฮา ฮ่องเต้น้อย เสด็จออกจากวัง ไปฝึกวรยุทธกำลังภายใน การต่อสู้ และ เรียนรู้การใช้ชีวิตนอกวัง และแล้ว เรื่องราวในยุทธภพ จึงเริ่มต้นขึ้น





มหาราช
#6   มหาราช    [ 05-01-2009 - 18:33:24 ]

หลี่เชียงหมิน

จอมยุทธหญิงผู้มีวรยุทธล้ำเลิศ ฉายา ดาบกำสรวล ผู้มีความงามเป็นเลิศ บุตรีจ้าวสำนักเซียนหยาง พบกับฮ่องเต้น้อยครั้งแรก เมื่ออายุ 6 ปี หลายปีผ่านไป นางกับฮ่องเต้น้อย ก็กลับมาพบกันอีก ในช่วงอายุของฮ่องเต้ 18 ชันษา และ นางอายุ 17 ปี เมื่อคราวรับคำสั่งของประมุขสำนักเซียนหยาง ผู้เป็นบิดา ให้มามอบของกำนัล เพื่อเจริญไมตรี


หวางซานหลี่ฮ่องเต้

ฮ่องเต้ผู้ถูกกุมอำนาจ อย่างเบ็ดเสร็จ


พระนางไห่ไทเฮา - ไทเฮาผู้ทะเยอทะยาน บงการหลังผ้าม่าน


พระนางหงไทเฮา - ไทเฮาแห่งวังหลัง ในใจพระนางล้ำลึกสุดจะคาดเดา










มหาราช
#7   มหาราช    [ 07-01-2009 - 14:01:32 ]

องค์ชายฉีหลง

องค์ชายผู้ทรงคุณธรรม เที่ยงธรรม และ ความเมตตา มากที่สุด ในบรรดาราชโอรส-ธิดา ของ หวางซัวถู่ฮ่องเต้ทั้งหลาย ผู้ไม่ยี่หระ กับ สมบัติพัสถานใดๆ หรือ ราชบัลลังก์ เลยแม้แต่น้อย ราชบัลลังก์ ในสายตาเขา ก็ไม่ต่างอะไรจาก เก้าสีทองตัวเก่าๆ ที่สลักรูปมังกร ให้เริดหรูอลังการ แต่มีความเก่าแก่คร่ำครึ ซึ่งตกทอดมาจาก บรรพกษัตริย์ทั้งหลาย ในอดีตกาล เขาไม่เคยสนใจอำนาจใดๆเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่า เขากลับมีความรู้ ความสารถ ในด้านการเมืองการปกครอง ปรีชาทั้งบุ๋นและบู๊ เก่งที่สุด ในบรรดาเชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย ฝีมือวรยุทธล้ำเลิศยิ่ง แต่ทว่า โชคชะตาฟ้าดินเล่นตลก เขาไม่มีบุญวาสนา ได้เป็นฮ่องเต้ เขาลุกขึ้นปฎิวัติ ทวงอำนาจฮ่องเต้ กลับคืนมาจากไทเฮา






มหาราช
#8   มหาราช    [ 07-01-2009 - 14:25:14 ]

พระชายาไท่ชิงหมิง

หญิงงามอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินซีหวาง พระชายาเอกในองค์ชายฉีหลง อดีตจ้าวสำนักโจวเซียน จอมยุทธสตรีผู้มีจิตใจเด็ดเดี่ยว หลังจาก องค์ชายฉีหลง พระราชสวามี สิ้นพระชนม์ (แต่บ้างก็ว่า อาจจะยังมีชีวิตอยู่) พระนางก็นำลูกทั้งสี่คนหลบหนี นำไปฝากยังสำนักบัญชาสวรรค์ และ ตัวพระนางก็เดินทางไปมอบตัวกับ พระนางไห่ไทเฮา ยอมรับผิดทั้งหมด แต่พระนางไห่ไทเฮา ไม่ประหาร แต่กลับขังพระนางไว้ในห้องมืด และ จะทรมานพระนาง จนสาแก่ใจ แต่ไม่ให้ถึงตาย พระชายาไท่ชิงหมิง กล้ำกลืนฝืนทนความเจ็บปวดนี้ อย่างทรมาน และ ทุกข์แสนสาหัส เมื่อหลิวหวินเทียน ครองราชย์ พระนางก็ถูกย้ายไปทรมานในคุกใต้ดิน ที่นั่น พระนางถูกทรมาน จนสาหัสกว่าเก่า ไม่รู้วัน ไม่รู้คืน เป็นหญิงที่ทรหดมาก...

องค์หญิงไท่จู

พระขนิษฐาร่วมพระมารดาขององค์ชายฉีหลง องค์หญิงผู้รันทด


องค์ชายฉวนลี่

การกลับมาของเขา คือ การแก้แค้น และ จะต้องสังหารพระนางไห่ไทเฮา ให้จงได้

เทียนเล้งฮ่วย

พระสหายหลิวหวินเทียน จอมยุทธหนุ่มผู้เก่งวิชากระบี่เป็นที่ยิ่ง

แฮหัวหลัง

พระสหายหลิวหวินเทียน น้องชายร่วมสาบานของเทียนเล้งฮ่วย ผู้เก่งวิชาทวน

แฮหัวชิง

พระสหายหลิวหวินเทียน น้องชายฝาแฝดของแฮหัวหลัง ผู้เก่งวิชาดาบ

ฮัวฮั่วเซียน

พระสหายหลิวหวินเทียน น้องร่วมสาบานของ เล้งฮ่วย แฮหัวหลัง แฮหัวชิง ผู้มีวิชาแพทย์อันล้ำลึก และ มีพลังลมปราณอังหนักหน่วง ฃ

ไท่เหวินเจิ้ง

อัครมหาเสนาบดี 5 แผ่นดิน ผู้จงรักภักดีต่อราชวงศ์ ตราบจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต มีศักดิ์เป็นตาของหลิวหวินเทียน





มหาราช
#9   มหาราช    [ 07-01-2009 - 14:48:54 ]

หลี่ซีหยวน

ประมุขสำนักเซียนหยาง บิดาของหลี่หมิงเชียง ประมุขสำนักธรรมะ ผู้มีนิสัยโหด...ม เบื้องหลังเขานั้น เป็นยังไง ไม่มีใครรู้ได้ ได้ยินแต่ว่า เขาเป็นผู้ที่มีวรยุทธสูง มีวิชากรงเล็บราชสีห์ จนเก่งกล้า


หวังเผยเจิ้น

ปรมาจารย์แห่งสำนักบัญชาสวรรค์ ผู้มีวิชา เพลิงดาบจันทรา อันลือลั่น เป็น 1 ใน 2 ของ ปราชญ์แห่งยุค

พ่อมดจูจงหยุน

ที่ปรึกษาราชการแผ่นดินของฮ่องเต้ ผู้เป็นที่ไว้วางพระทัย ของ ฮ่องเต้ ยิ่งกว่า ขันทีเสียอีก แต่กระนั้น ขันที ก็ค่อยๆ กลับมามีบทบาท


จูฮู้จู

จ้าวสำนักโจวเซียนคนปัจจุบัน ผู้มีบาดแผลอันลึกลับ บนใบหน้าข้างซ้าย


ม่อเหนียนฮี

ประมุขพรรคฉลามขาว พรรคมาร อันเป็นที่ครั่นคร้าม ต่อคนทั้งยุทธจักร ผู้มีความละโมบ อยากได้ กระบี่หงส์ดื่มโลหิต (ชื่อสามัญ ชื่อทางการ ยังไม่มี) พยายามทำทุกวิถีทางที่จะได้มา

ไจ้ฮวา

จ้าวสำนักวิมานหรดี พรรคธรรมะ ประกาศเป็นศัตรู กับ พรรคฉลามขาว

โฮ่วจินเพ่ย

จ้าวสำนักมรกต พรรคมาร ผู้มีความละโมบ อยากได้กระบี่หงส์ดื่มโลหิตเช่นกัน


เสี้ยวซู

สนมเอก ใน หวางซานหลี่ฮ่องเต้

จินเหนียง (เหลียงฮองเฮา)

ฮองเฮา ใน หวางซานหลี่ฮ่องเต้



มหาราช
#10   มหาราช    [ 07-01-2009 - 19:58:52 ]

พระนามเดิม พระนามตอนครองราชย์ ครองราชย์ (พ.ศ.) ปี สวรรคต

1. หลิวชิงสือ หวางหลิวสือฮ่องเต้ 1143-1181 38 ปี วุฒิโรค

2. สือหยาง หวางฉีซ่งฮ่องเต้ 1181-1191 10 ปี ฝีดาษ

3. ตงหยวน หวางเจิ้งจู่ฮ่องเต้ 1191-1201 10 ปี บาดทะยัก

4. เปาเอี๋ยน หวางสือเทียนฮ่องเต้ 1201-1221 20 ปี วุฒิโรค

5. หยวนหลี่ หวางถังเจิ้งฮ่องเต้ 1221-1224 3 ปี วุฒิโรค

6. หยวนซัน หวางหลิวเจิ้งฮ่องเต้ 1224-1226 2 ปี บาดทะยัก

7. หยวนฉิน หวางชิงสือฮ่องเต้ 1226-1266 40 ปี วุฒิโรค

8. หยวนหยาง หวางซันสือฮ่องเต้ 1266-1267 1 ปี ถูกลอบปลงพระชนม์

9. ไท่ฟง หวางจงเจิ้งฮ่องเต้ 1267-1269 2 ปี ถูกลอบปลงพระชนม์

10. ฉีเอี๋ยน หวางเกาเจิ้งฮ่องเต้ 1269-1279 10 ปี โลหิตจาง

11. กงฉี หวางเซียนจางฮ่องเต้ 1279-1283 4 ปี ตับแข็ง

12. ฮุยกง หวางจู่ซื่อฮ่องเต้ 1283-1293 10 ปี ธนูอาบยาพิษ

13. ฮุยเปา หวางจู่จงฮ่องเต้ 1293-1296 3 ปี สละราชสมบัติ

14. ฮุยเอี๋ยน หวางเหลียนฮุ่ยฮ่องเต้ 1296-1304 8 ปี สละราชสมบัติ




มหาราช
#11   มหาราช    [ 07-01-2009 - 19:59:40 ]

15. ฮุยฉี หวางหลิวซ่งฮ่องเต้ 1304-1307 3 ปี ถูกลอบปลงพระชนม์

16. หลิวฮุ่ย หวางหลิวฉีฮ่องเต้ 1307-1331 24 ปี วุฒิโรค

17. ซันเอี๋ยน หวางจงซ่งฮ่องเต้ 1331-1353 22 ปี วุฒิโรค

18. ซันฉี หวางสือเทียนฮ่องเต้ 1353-1363 10 ปี โรคไต

19. จงหลิว หวางไท่เปาฮ่องเต้ 1363-1367 4 ปี วัณโรค

20. เจาจง หวางจางจงฮ่องเต้ 1367-1372 5 ปี ถูกลอบปลงพระชนม์

21. ฮุยหยาง หวางหยางเทียนฮ่องเต้ 1372-1392 20 ปี สละราชสมบัติ


22. ชิงหย่ง หวางอ้ายหลงฮ่องเต้ 1392-1406 14 ปี สละราชสมบัติ

23. จิ้นเจิ้ง หวางจงฉีฮ่องเต้ 1406-1414 8 ปี สละราชสมบัติ

24. หย่งซาน หวางซวนหยางฮ่องเต้ 1414-1438 24 ปี ถูกลอบปลงพระชนม์

25. ฮุยซาน หวางฮั่นหยางฮ่องเต้ 1438-1466 28 ปี วุฒิโรค

26. หนี่ฮัว หวางหนี่ฮัวฮ่องเต้ 1466-1511 45 ปี วุฒิโรค

27. ไท่ซัน หวางเกาไท่ฮ่องเต้ 1511 - 1512 1 ปี ถูกลอบปลงพระชนม์

28. ไท่เอี๋ยน หวางฮั่นฟงฮ่องเต้ 1512 - 1512 1 เดือน สละราชสมบัติ

29. อ้วนฉี หวางสือเอี๋ยนฮ่องเต้ 1512 - 1512 40 วัน สละราชสมบัติ




มหาราช
#12   มหาราช    [ 07-01-2009 - 20:00:32 ]

30. หลี่ซ่ง หวางเก็งเหลียนฮ่องเต้ 1512 - 1522 10 ปี ทางเดินหายใจ

31. จื้อหอง หวางฟู่จื่อฮ่องเต้ 1522 - 1524 2 ปี โรคระบาด

32. ฟงตัน หวางจื่อหลงฮ่องเต้ 1524 - 1567 43 ปี โรคหัด

33. หลงเปียว หวางเหมิงเหลียนฮ่องเต้ 1567 - 1580 13 ปี วุฒิโรค

34. ซวนล่ง หวางหลิวจงฮ่องเต้ 1580 – 1610 30 ปี ฝีดาษ

35. ตงเจิ้ง หวางจู้ซีฮ่องเต้ 1610 - 1668 58 ปี วุฒิโรค

36. สือซวน หวางเทียนเจียงฮ่องเต้ 1668 -1680 12 ปี โรคหัด

37. ฉืออี้ หวางกวางซ่งฮ่องเต้ 1680 - 1720 40 ปี ไข้ทรพิษ

38. ซ่งฉี หวางกวงฉีฮ่องเต้ 1720-1723 3 ปี 2 เดือน สละราชสมบัติ

39. กวนจง หวางเจียงหย่งฮ่องเต้ 1723-1727 4 ปี สละราชสมบัติ

40. ว่านฉี หวางเจิ้งฉีฮ่องเต้ 1727-1728 1 ปี ถูกลอบปลงพระชนม์

41. ฉวนไท่ หวางซัวถู่ฮ่องเต้ 1728-1760 32 ปี ถูกลอบปลงพระชนม์




มหาราช
#13   มหาราช    [ 10-01-2009 - 17:33:15 ]

ตอนที่ 1

ฮ่องเต้ผู้ดุดัน

แสงอาทิตย์สาดส่องลงมากระทบกับหลังคาพระราชวังสีทองอร่าม เป็นประกายระยิบระยับล้อแสงตะวัน พระราชวังอันใหญ่โตกว้างขวางแห่งนี้ มีเรื่องราวมากมาย ทั้งเรื่องที่น่าจดจำ และ ไม่น่าจดจำ เป็นความทรงจำของผู้ที่อยู่ในวังนี้ คือลูกหลานที่รับช่วงต่อสืบต่อกันมา เป็นมรดกแห่งราชนิกูลราชวงศ์หวางจากรุ่นแล้วรุ่นเล่า มากว่าหกร้อยปี เป็นกาลเวลาที่ยาวนาน ประดุจสายน้ำที่ไหลไปไม่ขาดสาย และ ไม่มีวันหวนกลับมา

ชายวัยราวสามสิบสามปีเดินเข้ามาในท้องพระโรง ผ่านบรรดาขุนนาง และ เชื้อพระวงศ์ที่ยืนขนาบข้าง เขามีรูปร่างผอมสูง ท่วงท่าดั่งพญาราชสีห์ ผิวคล้ำ ดวงตาดุจนกอินทรี สวมชุดสีเหลืองอร่าม ลวดลายมังกรตกแต่งอย่างประณีต สวมมงกุฎทรงสูง มีลูกปัดร้อยอยู่บนเส้นด้าย ห้อยลงมาทั้งหน้าและหลัง เขาเดินขึ้นมานั่งบนบัลลังก์มังกร อย่างสง่างาม

“ขอฝ่าบาท จงทรงพระเจริญ หมื่นๆปี หมื่นๆปี” บรรดาขุนนางและเชื้อพระวงศ์ถวายบังคม

“ลุกขึ้น” ฮ่องเต้ตรับสั่งอย่างสงบเยือกเย็น

“ขอบพระทัย” บรรดาขุนนางและเชื้อพระวงศ์รับคำสั่ง

ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรมองไปรอบๆท้องพระโรง ทอดพระเนตรบรรดาขุนนางและเชื้อพระวงศ์ที่ยืนนิ่งตั้งใจฟัง พลางเหลือบสายพระเนตรไปยังเบื้องหลังบัลลังก์ ที่มีผ้าม่านปกคลุมปิดมิดชิด มองเห็นเงานั่งอยู่หลังผ้าม่าน วินาทีนั้น ขุนนางนายหนึ่ง ลอบตรงไปยังผ้าม่าน ทันทีที่ฮ่องเต้ทรงหันมา ขุนนางนายนั้น ก็รีบกระโจนมายืนที่เดิม เพื่อไม่ให้มีพิรุธ

“...ที่ข้าเรียกประชุมพวกท่านในวันนี้ ก็ด้วยมีเรื่องสำคัญสองประการ...ประการแรก...” ฮ่องเต้รับสั่ง พลางทอดพระเนตรมองอากัปกิริยาของทุกคนในท้องพระโรง อย่างไม่วางตา “ข้าได้ยินมาว่า ที่ดินทางใต้ เป็นพื้นดินรกร้างว่างเปล่า มิมีขุนนางหรือคหบดีผู้ใด จับจองเป็นเจ้าของ เป็นพื้นดินรกร้างว่างเปล่ามานานยิ่ง ดังนั้น ข้าจึงเห็นสมควร แผ้วถางที่ดินตรงนั้นเสียใหม่ และใช้ทำประโยชน์...”

“ข้าเห็นสมควร ใช้ที่ดินแปลงนั้น สร้างพระราชวังฤดูร้อน และ อุทยานแห่งใหม่ ใช้สำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหลังผ้าม่าน เป็นเสียงหญิงวัยกลางคนที่ทรงอำนาจ “ทุกท่าน เห็นเป็นประการใด”

“แต่หม่อมฉันขอคัดค้านข้อเสนอของไทเฮา...” ฮ่องเต้ตรัสโพล่งขึ้น ทุกคนในท้องพระโรงเงยหน้าขึ้น “ราษฎรทั้งหลาย ทั่วเขตแดนแคว้นซีหวาง อดอยากแร้นแค้น มาเป็นเวลานานเกือบร้อยปีแล้ว มิมีฮ่องเต้องค์ใด ในรอบเกือบร้อยปีมานี้ ที่สามารถ บำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ราษฎร และ นำความผาสุก และ ความร่มเย็น ความรุ่งเรืองมาสู่บ้านเมืองได้ ห้าแผ่นดิน ห้ารัชกาลมานี้ ราษฎรอดอยากแค่ไหน บ้านเมืองเสื่อมทรามลงเพียงใด ไทเฮาทรงทราบหรือไม่”

“ข้าทราบดี...แต่เรื่องนี้ มิเห็นเกี่ยวข้องอันใดกับที่ดินรกร้างผืนนั้น” ไทเฮารับสั่งถาม

“หม่อมฉันกำลังจะบอกพระนางว่า ราษฎรอดอยากไม่พอหรืออย่างไรกัน กบฏที่เขาเจียงหวา ก็บ่งบอกถึงความทุกข์ยากของราษฎรได้เป็นอย่างดี มันเป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่ชี้ให้เห็นว่า ชาวบ้านกลุ่มนี้ อดรนทนไม่ได้ กับ พฤติการณ์อันเลวทรามของขุนนางในที่นี้บางคน และ ทางการที่นิ่งดูดาย กับปัญหาปากท้องของชาวบ้าน พวกเขาจึงลุกขึ้นมา เตือนสติชนชั้นผู้ปกครองว่า บ้านเมืองย่ำแย่แล้ว” ฮ่องเต้ตรัสตอบ “หากเป็นเช่นนี้ต่อไป หม่อมฉันเห็นว่า กบฏเกิดขึ้นทั่วแว่นแคว้นแน่”

“ฮ่องเต้...” ไทเฮาพึมพำ แต่ยังไม่ทันตรัสอะไรออกมา ฮ่องเต้ก็ชิงตัดบทขึ้น

“ขุนนาง และ เชื้อพระวงศ์ทั้งหลาย ข้ามีความเห็นว่า ที่ดินแห่งนั้น เราควรแผ้วถาง ให้เป็นที่ดินผืนใหม่ ไว้สำหรับราษฎรเพาะปลูก ทำมาหาเลี้ยงชีพ และ ก่อตั้งสถานศึกษา ให้ราษฎรผู้เยาว์ ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ ได้เล่าเรียน เพื่ออนาคตข้างหน้า เขาจะได้เป็นกำลังสำคัญให้แก่ประเทศชาติต่อไป” ฮ่องเต้รับสั่ง “พวกท่านเห็นเป็นประการใด”

ยังไม่ทันที่ขุนนาง และ เชื้อพระวงศ์จะออกความเห็น ไทเฮาก็ชิงออกความเห็นอีกครา

“ข้าว่า ควรสร้างพระราชวังฤดูร้อน เป็นดีที่สุด เพื่อเราจะได้สุขสำราญกันไปตลอดกาล” พระนางออกความเห็น ด้วยเสียงราบเรียบ “อีกอย่าง สถานศึกษา ก็มีมากอยู่แล้ว ทั่วราชอาณาจักร มิเห็นต้องสิ้นเปลือง สร้างอีกแห่ง”

“ไทเฮา! ราษฎรอดอยากแร้นแค้น พระนางยังไม่รู้สึกอีกหรือ! พระราชวังฤดูร้อน จะสร้างเมื่อใดก็ได้ แต่เรื่องปากท้องของราษฎรสำคัญกว่า หม่อมฉัน มิเห็นเลยว่า พระราชวังฤดูร้อน มันจะมีประโยชน์อันใด สถานศึกษา สำคัญที่สุด” ฮ่องเต้โต้แย้ง อย่างแข็งขัน

“ฮ่องเต้ เรื่องปากท้องของราษฎร เราก็แค่แจกข้าวปลาอาหารให้แก่พวกเขา ให้ได้อิ่มท้อง แค่นี้ พวกเขาก็มีความสุขแล้ว”

“ไทเฮา ยังทรงไม่เข้าใจปัญหาอีกหรือ...มันไม่ได้อยู่แค่ว่า ราษฎร จะมีอาหารได้กินอิ่มหนำสำราญ และ บ้านเมือง จะกลับมาปกติสุข มันหาได้เป็นแค่นั้นไม่ ยังมีปัญหาอื่นอีก” ฮ่องเต้ตรัสแย้ง

“ปัญหาอันใดอีก”

“โรคระบาด กำลังลุกลามไปทั่ว ราษฎร บาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก ภัยตั๊กแตน กัดกินผลผลิตของชาวไร่ชาวนาเสียหาย กฎหมายอ่อนแอ เกิดอาชญากรรมทั่วทุกหัวระแหง มิมีวันใด ที่ราษฎร จะข่มตาหลับลงได้ พวกเขาอยู่กันอย่างหวาดระแวง มิเพียงแค่นั้น ปัญหาการกระทำชำเราสตรีก็มีมากขึ้น พวกมันทำเหมือนกับว่า บ้านเมือง ไม่มีขื่อมีแป กฎหมายอาญาแผ่นดินสามกษัตริย์ ไร้ความศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว ขุนนางรีดไถภาษีของราษฎรอย่างทารุณ ผู้มีอำนาจข่มเหงผู้ไร้อำนาจ สินบนเกลื่อนเมือง กฎหมายไม่ลงโทษผู้กระทำผิด บ้านเมืองไร้เสถียรภาพ” ฮ่องเต้ตรัสด้วยเสียงเกรี้ยวกราด “ไทเฮา ทรงรู้เรื่องพวกนี้หรือไม่...หรือมีผู้ใดกล้าพูดว่า ที่ข้าพูดมา มิใช่เรื่องจริง!”

เกิดความเงียบงันขึ้นครู่ใหญ่ มิมีผู้ใดกล้าตอบ ไทเฮา ทรงโต้แย้งไม่ออก ฮ่องเต้ทรงกวาดสายพระเนตรอันดุดัน ไปทั่วท้องพระโรง ชายชราวัยราวเจ็ดสิบปี เดินออกมาจากเบื้องหลังบัลลังก์ ร่างสูงปรุโปร่ง ท่วงท่าน่าเกรงขาม ไม้เท้ายาวตะปุ่มตะป่ำ ผมและหนวดเครายาวสีขาวโพลน เขาเดินมากระซิบที่ข้างพระกรรณฮ่องเต้ ขณะที่กระซิบอยู่นั้น พลันสายพระเนตร ไปทอดพระเนตรมองขุนนางคนที่เดินไปยังหลังผ้าม่าน

“เรื่องนี้ จะพักไว้ก่อนก็ได้...ข้ามีเรื่องหนึ่ง ที่จะหารือพวกท่าน” ฮ่องเต้ตรัสด้วยเสียงราบเรียบ ในขณะที่ชายชราหยุดกระซิบ และ กวาดตาไปทั่วห้อง ไทเฮาทรงขยับกายเล็กน้อย หลังผ้าม่าน “ฮ่องเต้หนานสือ ส่งสาสน์มาขอองค์หญิงหยูหมิ่น กับ องค์หญิงเหมี่ยนหมิง เพื่อเจริญราชไมตรี ระหว่างสองแว่นแคว้น ให้ยั่งยืนสืบไป พวกท่าน เห็นเป็นประการใด”

บรรดาขุนนาง และ เชื้อพระวงศ์เงยหน้าขึ้น ด้วยท่าทีตกใจ เสียงขยับกายดังขึ้นอีกครา หลังผ้าม่าน ฮ่องเต้ทรงเหลือบพระเนตรไปยังข้างหลังอย่างครุ่นคิด

“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมมีความเห็นว่า เพื่อราชไมตรี ระหว่างสองแว่นแคว้น จึงเห็นสมควร ส่งไปพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางคนที่ฮ่องเต้ทรงทอดพระเนตรดูอยู่เมื่อครู่กราบทูลขึ้น

“ท่านมีเหตุผลอันใด” ฮ่องเต้ตรัสถาม ด้วยท่าทีเคร่งขรึม

“ฝ่าบาท ราชไมตรี ระหว่าง สองแว่นแคว้น มีมานานนับสามร้อยปีแล้ว อีกอย่าง อดีตฮ่องเต้หวางกวางซ่ง ทรงมีพระราชดำรัสว่า อย่าขัดใจแคว้นสือเป็นอันขาด”

“หึ! ท่านมิต้องมากล่าวอ้าง พระดำรัสของเสด็จปู่ข้า สรุปว่า ท่านรักตัวกลัวตาย ใช่หรือไม่” ฮ่องเต้ตรัสถาม ด้วยเสียงที่ดังก้อง “ท่านสมุหนายก”

สมุหนายกมีสีหน้าตื่นตระหนก เขาเดินออกมา พลางคุกเข่าลง และกราบทูล ด้วยเสียงที่หวาดกลัวว่า

“ฝ่าบาท ขอทรงไตร่ตรองด้วย กระหม่อม หาได้รักตัวกลัวตายไม่ หากแต่เห็นความอยู่รอดของบ้านเมืองเป็นสำคัญ”

“ความอยู่รอดหรือ...” ฮ่องเต้ตรัส

“ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ หากมีสงครามเกิดขึ้น บ้านเมืองที่ย่ำแย่อยู่แล้ว จะให้ทรงย่ำแย่ลงไปอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ทรงห่วงใยราษฎร หากทรงมิยอมทำตามคำของฮ่องเต้แคว้นสือ ต่อไปภายหน้า หากเกิดสงคราม ราษฎร คงทุกข์ร้อนแสนสาหัส มากไปกว่านี้เป็นแน่แท้” สมุหนายกกราบทูล “ขอทรงส่งตัวองค์หญิงทั้งสองไปเถิด...ขอได้ทรงโปรด เป็นพระนัดดา ที่มีความกตัญญูต่อหวางกวางซ่ง ผู้เป็นพระอัยกา ทำตามพระดำรัส ของพระองค์ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ แคว้นสือ มีแม่ทัพเก่งกล้าสามารถมากกว่าเรา และ ตีแตกยากยิ่ง ขอทรงไตร่ตรองด้วย”

ฮ่องเต้ทรงลุกขึ้น พลางเดินมายืนตรงหน้าสมุหนายก บรรดาขุนนาง และ เชื้อพระวงศ์มองดูเหตุการณ์เบื้องหน้า ด้วยใจที่เต้นระทึก พลันหมัดหยาบกร้าน ก็ชกเข้าที่โหนกแก้มของสมุหนายกเต็มแรง จนสมุหนายกล้มลงไปข้างๆ

“เจ้าคนถ่อย ไร้ยางอาย! กล้าสั่งสอนข้า ต่อหน้าเหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงเชียวหรือ” พระองค์รับสั่ง ด้วยพระสุรเสียงกราดเกรี้ยว

สมุหนายกตะเกียกตะกาย ลุกขึ้นคุกเข่า เอาศีรษะโขกพื้นท้องพระโรงสามที จนเลือดไหลย้อยลงมาจากหน้าผาก

“กระหม่อมสมควรตาย ฝ่าบาท ขอทรงลงอาญาด้วย...กระหม่อมสมควรตาย...แต่ก่อนจะลงอาญากระหม่อม ขอได้ทรงโปรดไตร่ตรองคำพูดของหม่อมฉันสักนิด” เขาวิงวอน อย่างร้อนรน “ขอได้ทรงโปรด ส่งองค์หญิงไปให้ฮ่องเต้แคว้นสือ เพื่อยับยั้งสงคราม ในภายหน้า”

“เจ้ามีบุตรีหรือไม่ มีพี่น้อง หรือ ญาติพี่น้อง ที่เป็นผู้หญิงหรือไม่ หากเป็นเช่นเหตุการณ์นี้ ที่เรากำลังเถียงกันอยู่นี่ เจ้าจะส่งไปหรือไม่” หวางซานหลี่ตรัส

“ทูลฝ่าบาท หากเป็นกระหม่อม กระหม่อมจะส่งไป เพื่อความอยู่รอดของวงศ์ตระกูลพ่ะย่ะค่ะ”

หวางซานหลี่ฮ่องเต้เลือดขึ้นหน้า ลมปราณไหลเวียนไปทั่วพระวรกาย พระองค์ทรงดึงคอเสื้อสมุหนายกขึ้น บรรดาขุนนางและเชื้อพระวงศ์เบิกตาโพลง สมุหนายกพยายามเบือนหน้าหนี สายพระเนตรดุจพญามัจจุราชของฮ่องเต้

“จ้องหน้าข้า เจ้าตาขาว!” พระองค์ตรัสด้วยเสียงกราดเกรี้ยว สมุหนายก ค่อยๆหันหน้ามา อย่างระแวดระวัง “ผู้ใดมีอำนาจสูงสุด ในแผ่นดินนี้”

“กะ-กระหม่อม...” สมุหนายกอึกอัก

“พูดมาสิ เจ้าตาขาว...” หวางซานหลี่ฮ่องเต้ตรัสด้วยเสียงก้องกังวาน

“พอได้แล้ว หวางซานหลี่ฮ่องเต้” ไทเฮารับสั่ง จากหลังผ้าม่าน

“ไทเฮา! มิต้องทรงยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้...” หวางซานหลี่ฮ่องเต้ตวาดลั่น จนทุกคนตัวสั่นสะท้าน แต่ใบหน้าสมุหนายกนั้น ซีดเผือดเสียแล้ว “บอกมา อ้ายขี้ขลาด!...ผู้ใดมีอำนาจสูงสุดในแผ่นดินนี้!”

“ฮะ-ฮ่องเต้...” สมุหนายกทูลตอบ ด้วยเสียงที่แฝงไปด้วยความหวาดกลัว

“พูดชื่อเต็มของข้า และพูดให้ได้ยินทั่วท้องพระโรง!” หวางซานหลี่ฮ่องเต้แผดเสียงดังลั่น

“หวางซานหลี่ฮ่องเต้” สมุหนายกตะโกนลั่น

“ดี ดีมาก...ท่านทั้งหลาย จงดูขุนนางชั่วผู้นี้ เป็นตัวอย่าง และ จดจำใส่สมองอันชาญฉลาดของพวกท่านด้วยว่า หากแม้นมันผู้ใด กล้าท้าทายอำนาจข้า มันผู้นั้น ต้องโดนเยี่ยงนี้!” หวางซานหลี่ฮ่องเต้รับสั่ง แววตาดูร้ายกาจ ประดุจวายร้าย จ้องมองมาก็ไม่ปาน ก่อนจะใช้พลังลมปราณ ที่พลุ่งพล่านอยู่ในกาย โยนร่างสมุหนายกไปกระทบกับผนังท้องพระโรง ด้วยแรงมหาศาล

หวางซานหลี่ฮ่องเต้ดำเนินมาดูผลงานของพระองค์ พร้อมกับ บรรดาขุนนางและเชื้อพระวงศ์ พากันมาดู อย่างร้อนรน พระองค์ทรงพระสรวลในใจ ก่อนจะเดินออกจากท้องพระโรง ด้วยท่าทาง อย่างผู้มีชัย

“ฮ่องเต้ ทรงโหดร้ายและป่าเถื่อนยิ่งนัก” ขุนนางผู้หนึ่งพึมพำ

“ถูกต้องแล้ว ท่านอำมาตย์ ฮ่องเต้องค์นี้ ไม่สมกับเป็นประมุขของชาติ ไร้ทศพิธราชธรรมสิ้นดี” เสียงไทเฮาดังขึ้นจากด้านหลัง พวกเขาเดินหลีกทางให้ หญิงสาววัยสี่สิบปี เดินผ่านเข้ามา ริ้วรอยปรากฏบนใบหน้ารูปวงรีเพียงเล็กน้อย รูปร่างท้วม ดวงตา เป็นเครื่องหมายเพียงหนึ่งเดียวที่บ่งบอกถึง ผู้ทรงอำนาจ สวมชุดฉลองพระองค์สีหมึก ปักลวดลายพญาหงส์สีเงิน “ท่านอำมาตย์ จงไปดูสิว่า ท่านสมุหนายก ยังอยู่ดีหรือไม่”

อำมาตย์เดินไปจับชีพจรสมุหนายก พลันใบหน้าเปลี่ยนสีทันที เขาค่อยๆเดินกลับมา พร้อมประสานมือ ทูลว่า

“ทูลไทเฮา สมุหนายกเหวยสู่ผัง ถึงแก่กรรมแล้ว”

ทุกคนในท้องพระโรงมีท่าทีตกใจ สีหน้าซีดเผือด ไร้สีเลือด ไทเฮาทรงแหงนพระพักตร์ทอดพระเนตรมองเพดานท้องพระโรง และ มองกลับลงมายังร่างอันไร้วิญญาณของสมุหนายกเหวยสู่ผัง

‘ฮ่องเต้องค์นี้...ช่างบังอาจนัก สักวัน ข้าจะต้องทำให้มันรู้สำนึก’ พระนางรับสั่งในใจ พลางตรัสให้ได้ยินทั่วพระโรงว่า “พวกท่าน กลับไปทำหน้าที่ของตนได้แล้ว”

“พ่ะย่ะค่ะ” บรรดาขุนนางและเชื้อพระวงศ์รับคำสั่ง และเดินออกไป

“หนันกงกง” ไทเฮาตรัสเรียกขันทีผู้หนึ่ง เมื่อคนอื่นๆออกไปกันหมดแล้ว และกระซิบอะไรบางอย่าง

พ่อมดจูจงหยุนมองด้วยสายตาระแวดระวัง จนกระทั่งเมื่อ ขันทีผู้นั้น เดินหายออกไปจากท้องพระโรง

*************************

เสียงอาละวาดดังขึ้นทั่วตำหนักใหญ่ ประดุจราชสีห์แผดเสียงคำราม ดังก้องสนั่นหวั่นไหว ไปทั่วทั้งราวป่า ก็ไม่ปาน บรรดาขันที และ นางกำนัล ยืนฟังด้วยอาการสั่นเทิ้มไปทั่วทั้งร่าง หวางซานหลี่ฮ่องเต้ทรงปัดข้าวของบนโต๊ะทรงงานกระจุยกระจาย เกลื่อนกลาดบนพื้นห้อง พระพักตร์แดงก่ำด้วยความกริ้ว ดวงพระเนตรวาวโรจน์เป็นประกาย

“ไทเฮา! หญิงโฉดชั่ว สักวัน ข้าจะต้องฆ่าเจ้า!” พระองค์รับสั่งด้วยพระสุรเสียงกราดเกรี้ยว

เสียงหายตัวดังขึ้น หวางซานหลี่ฮ่องเต้ ทอดพระเนตรขึ้นมองผู้มาเยือน ซึ่งกำลังถวายคำนับ

“ท่านพ่อมดจูจงหยุน...มีเรื่องอันใด” พระองค์รับสั่งถามด้วยเสียงแหบพร่า

พ่อมดจูจงหยุน มองไปบนพื้น ที่ระเกะระกะไปด้วยฎีกานับร้อยเล่ม กระดาษ ที่ฝนหมึก พู่กัน หรือแม้แต่ตราหยกแผ่นดินสีเขียวหยก สะท้อนแสงระยิบระยับ ล้อแสงตะวันที่สาดส่องข้ามาทางหน้าต่าง โชคยังดี ที่มันตกลงไปบนตำราหนาเล่มเก่าคร่ำครึเล่มหนึ่ง เขาหยิบตราหยกขึ้นมาพร้อมตำราเล่มนั้น

“ฝ่าบาท วันนี้ ทรงทำเกินไปนะพ่ะย่ะค่ะ” เขากราบทูล พลางวางตราหยกลงบนโต๊ะ แต่ยังคงถือตำราหนาเล่มนั้นอยู่

“มิเกินไปเลย ยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ” พระองค์ตรัสตอบ

“ฝ่าบาท ทรงรู้หรือไม่ว่า สมุหนายก ตายด้วยน้ำมือของฝ่าบาท” จูจงหยุนกราบทูล

“ดี ดีมาก...สมควรแล้ว” พระองค์รับสั่งพึมพำ

“ฝ่าบาท การกระทำเช่นนี้ มิเท่ากับว่า ทรงเป็นทรราชหรือพ่ะย่ะค่ะ” จูจงหยุนทูลถาม

“ไม่ ไม่ ข้าไม่มีทางเป็นทรราช...ข้าแค่ฆ่าเจ้าสมุหนายก จะรียกได้ว่า เป็นทรราชได้อย่างไรกัน!” พระองค์ตรัสเสียงกร้าว “ในอดีต อ้ายเหมินไหล ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์อ้าย ทรงเป็นหัวโจก ในการขูดรีดไถภาษีจากราษฎร จำนวนมาก เกณฑ์คนไปสร้างพระราชวังสี่ฤดู แ ละ สร้างป้อมปราการ สร้างสะพานเลือด เพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง เสวยสุขอยู่บนความทุกข์ยากของราษฎร ราษฎรตายเป็นเรือนแสน จากการสร้างสิ่งเหล่านี้...มันมิใช่ ทรราช กว่าข้าอีกหรือ”

“ฝ่าบาท...กระหม่อม คิดว่า อ้ายเหมินไหล ถูกราษฎร ตราหน้าว่า ทรราช ก็จริงอยู่...แต่ทว่า ฝ่าบาท จะต้องไม่ทรงดำเนินรอยตามนะพ่ะย่ะค่ะ”

“มิมีทาง!...ท่านมาด้วยเรื่องเพียงเท่านี้ ใช่ฤาไม่”

“หาได้ไม่พ่ะย่ะค่ะ” จูจงหยุนทูลตอบ พลางตรงเข้าไปกระซิบที่ข้างพระกรรณ

“ว่าอย่างไรนะ!” พระองค์ตรัสอย่างไม่เชื่อ พร้อมกับชักกระบี่ออกมา ฟาดฟันเสาตำหนัก อย่างบ้าคลั่ง จนเกิดเป็นรอยกากบาทบนเสา “เจ้าคนโฉดชั่ว”

“ฝ่าบาท ขอได้ทรงโปรด อย่าวู่วาม” จูจงหยุนรีบกราบทูล เมื่อเห็นท่าไม่ดี

หวางซานหลี่ฮ่องเต้ ทรงมีอากัปกิริยาเหนื่อยหอบ พระหัตถ์กำกระบี่แน่น พระพักตร์ ยังคงแดงจัด และ แดงกว่าตอนแรกเสียอีก จนกลายเป็นสีเขียวคล้ำ

“ไปเรียก...จอมยุทธทะเลเหนือมาพบข้า” พระองค์รับสั่งด้วยเสียงเบา และ เยือกเย็น

“อะ-อะไรนะพ่ะย่ะค่ะ” เขาทูลถาม อย่างตะกุกตะกัก

“มิต้องถามมาก...ส่วนใหญ่ เขาจะใช้เวลาช่วงนี้ อยู่รัฐฉวน หากรีบไปตอนนี้ ก็จะได้พบกับเขา บอกเขาว่า ข้าต้องการพบ และ อย่าให้ใครรู้ป็นอันขาด”

“น้อมรับพระบัญชา” พ่อมดจูจงหยุนรับคำสั่ง และ หายตัวไป




vมังกรหลับv
#14   vมังกรหลับv    [ 11-01-2009 - 01:47:49 ]

อืม ก็หนุกดีอะคับ ขยันโพสเข้าบ่อยๆคับ เผื่อมีแมวมองมาซื้อ ไปทำหนัง



มหาราช
#15   มหาราช    [ 11-01-2009 - 14:14:40 ]

55555555

ท่านคิดว่า คราวนี้ ต่างจาก คราวที่แวอย่างไร



เตียบ่อกี้
#16   เตียบ่อกี้    [ 11-01-2009 - 15:00:59 ]

เป็นแบบที่ท่านขงเบ้งบอกก็ดีสิคับ ท่านมหาราชได้ดังแน่



มหาราช
#17   มหาราช    [ 11-01-2009 - 15:09:45 ]

สนุกจริงๆหรอ



มหาราช
#18   มหาราช    [ 14-01-2009 - 19:41:20 ]

ประชด หรือ พูดจริง เอาดีๆนะ



เตียบ่อกี้
#19   เตียบ่อกี้    [ 14-01-2009 - 19:43:51 ]

ผมว่าสนุกนะแต่ผมวิจารไรไม่เป็นหรอก



มหาราช
#20   มหาราช    [ 20-01-2009 - 20:40:59 ]

ขอบคุณ



ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube