
เมืองต้าหลี่หรือ ต้าลี่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑล ยูนนาน ซึ่งเป็นมณฑลชายแดนทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เป็นเขตชุมชนของชนชาติไป๋ซึ่งเป็นชนชาติส่วนน้อยชนชาติหนึ่งของจีน ประมาณเดือนมีนาคมของทุกปี เขตภาคเหนือส่วนใหญ่ของจีนยังคงมีอากาศหนาวอยู่ แต่ที่เมืองต้าหลี่ได้ย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว ท้องฟ้าปลอดโปร่ง อุณหภูมิกำลังสบายไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป ดอกไม้นานาพันธุ์กำลังบานสะพรั่ง จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดี
เมื่อไปถึงเมืองต้าหลี่ นักท่องเที่ยวมักจะเลือกไปเที่ยวชมเมืองโบราณต้าหลี่ก่อนอื่นใด เมืองโบราณต้าหลี่สร้างขึ้นเมื่อกว่า ๑๐๐๐ ปีก่อนโน้น ถึงแม้ได้ผ่านกาลเวลามาช้านาน แต่เมืองโบราณแห่งนี้ก็ยังคงอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวจะเห็นประตูเมืองทั้งด้านใต้และด้านเหนือที่มีสถาปัตยกรรมสอดรับกัน ตามสองฟากของถนนสายเก่าแก่มีบ้านโบราณปลูกสร้างไว้อย่างกระจัดกระจาย มีถนนสายเก่าแก่ที่ตัดผ่านตัวเมืองโบราณสายหนึ่งซึ่งทุกวันนี้ได้กลายเป็นถนนย่านการค้าที่เจริญคึกคัก ตามสองข้างถนนเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ มีพ่อค้าชาวชนชาติไป๋ที่แต่งชุดประจำชนชาติกำลังค้าขายสิ้นค้าพื้นเมืองต่างๆ เช่น หินอ่อน
ต้าหลี่ ผ้าพื้นเมืองและเครื่องเงิน เป็นต้น
สิ่งที่น่าเอ่ยถึงคือ ภายในเมืองโบราณแห่งนี้ยังมีถนนเล็กๆสายหนึ่งจากทางทิศตะวันออกไปสู่ทางทิศตะวันตก ตามสองฟากของถนนสายนี้เต็มไปด้วยภัตตาคารอาหารจีนและอาหารตะวันตก ร้านกาแฟและร้านน้ำชาที่ประกอบการโดยชาวต่างชาติ ถนนสายนี้จึงขึ้นชื่อว่า "ถนนสายต่างชาติ" ถนนสายนี้มีกลิ่นอายอายของทั้งความเก่าแก่และความทันสมัยผสมผสานกันจึงสามารถดึงดูดชาวต่างประเทศจำนวนมากให้หลั่งใหลกันไปท่องเที่ยวตามถนนสายนี้ไม่ขาดสาย นับเป็นทัศนียภาพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตน
หลังจากท่องเที่ยวเมืองโบราณแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถม้าเดินทางไปยังเจดีย์สามองค์ในวัด "ฉงเซิ่ง" เจดีย์นี้ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเมืองโบราณต้าหลี่ไปทางทิศเหนือประมาณ ๑ กิโลเมตร บริเวณด้านหลังของเจดีย์เป็นภูเขาชังซานที่สูงสง่างาม และด้านหน้าเป็นทะเลสาบเอ๋อไห่ที่สวยงามกว้างใหญ่
เจดีย์สามองค์นี้มีสีขาวทั้งหมด สร้างขึ้นเมื่อกว่า ๑๐๐๐ ปีที่แล้ว เจดีย์องค์หลักมีชื่อว่าเจดีย์ "เชียนหลินถ่า" สูงประมาณ ๗๐ เมตร มี ๑๖ ชั้น ตามบริเวณสองข้างของเจดีย์องค์หลักมีเจดีย์ขนาดเล็กสร้างอยู่เคียงกันด้านละแห่ง เจดีย์สามองค์นี้มีรูปทรงที่สอดรับกลมกลืนกัน มีความสวยงามเป็นยิ่งนัก
ทะเลสาบเอ๋อไห่ซึ่งอยู่ด้านหน้าของเจดีย์สามองค์นั้นเป็นทะเลสาบน้ำจืดบนที่ราบสูง จึงได้สมญานามว่า "ไข่มุกบนที่ราบสูง" น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ใสสะอาดจนสามารถมองเห็นถึงทัศนียภาพใต้น้ำ และมักจะมีหมอกควันลอยขึ้นเหนือทะเลสาบอันกว้างใหญ่นี้ ทำให้ทิวทัศน์ตามบริเวณทะเลสาบสวยงามยิ่งนัก
เมื่อเที่ยวเจดีย์สามองค์และทะเลสาบเอ๋อไห่แล้ว นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารรถประจำทางประมาณ ๒๐ นาทีก็จะไปถึงบ่อน้ำพุ "หูเตี๋ย" หรือบ่อน้ำพุ "ผีเสื้อ" ที่มีชื่อเสียง น้ำในบ่อน้ำพุใสสะอาดยิ่ง มีต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่ริมบ่อน้ำพุ ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมทุกปี จะมีผีเสื้อเป็นจำนวนมากชวนกันบินไปเกาะอยู่บนต้นไม้ต้นนี้ มีสีสันหลากหลาย สวยงามยิ่งนักนับเป็นความงามอันแปลกตาอีกอย่างของบ่อน้ำพุผีเสื้อ


มีตำนานที่น่าประทับใจเกี่ยวกับบ่อน้ำพุผีเสื้อ เล่ากันว่า ในสมัยดึกดำบรรพ์ มีสาวงามคนหนึ่งใช้ชีวิตอยู่ในเขตเชิงเขาชังซาน สาวคนนี้ชื่อ "เสียกู" เธอมีคู่รักคนหนึ่งชื่อ "เหวินหลัง" ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กและสนิทสนมรักใคร่กัน จนอยู่มาวันหนึ่ง มีคหบดีในท้องถิ่นคนหนึ่งเห็นสาวงามเสียกูแล้วเกิดความรักใคร่ จึงคิดจะแย่งมาเป็นของตนเองเมื่อทราบเรื่องเข้า หนุ่มเหวินหลังจึงได้พาสาวเสียกูหนีไปถึงบ่อน้ำพุผีเสื้อคหบดีคนนั้นได้เกณฑ์คนให้ตามล่าหนุ่มสาวทั้งสองมาถึงบริเวณบ่อน้ำพุแห่งนั้น หนุ่มสาวคู่นี้เมื่อหมดหนทางที่จะหนีต่อไปได้จึงได้พร้อมใจกันกระโดดลงสู่บ่อน้ำพุทั้งคู่ หลังจากมีพายุและฝนกระหน่ำหนักสักครู่ บริเวณเหนือน้ำพุได้ปรากฏรุ้งสายหนึ่งสีสดใสและมีผีเสื้อสองตัวบินเคียงกันออกจากบ่อน้ำพุแห่งนั้น ต่อมา เพื่อระลึกถึงคู่รักคู่นี้ คนท้องถิ่นจึงเรียกบ่อน้ำพุแห่งนี้ว่า "บ่อน้ำพุผีเสื้อ"


เมืองต้าหลี่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนานซึ่งเป็นมณฑลชายแดนทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เป็นเขตชุมชนของชนชาติไป๋ซึ่งเป็นชนชาติส่วนน้อยชนชาติหนึ่งของจีน ประมาณเดือนมีนาคมของทุกปี เขตภาคเหนือส่วนใหญ่ของจีนยังคงมีอากาศหนาวอยู่ แต่ที่เมืองต้าหลี่ได้ย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว ท้องฟ้าปลอดโปร่ง อุณหภูมิกำลังสบายไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป ดอกไม้นานาพันธุ์กำลังบานสะพรั่ง จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดี
เมื่อไปถึงเมืองต้าหลี่ นักท่องเที่ยวมักจะ้เลือกไปเที่ยวชมเมืองโบราณต้าหลี่ก่อนอื่นใด เมืองโบราณต้าหลี่สร้างขึ้นเมื่อกว่า ๑๐๐๐ ปีก่อนโน้น ถึงแม้ได้ผ่านกาลเวลามาช้านาน แต่เมืองโบราณแห่งนี้ก็ยังคงอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวจะเห็นประตูเมืองทั้งด้่านใต้และ้ด้านเหนือที่มีสถาปัตยกรรมสอดรับกัน ตามสองฟากของถนนสายเก่าแก่มีบ้านโบราณปลูกสร้างไว้อย่างกระจัดกระจาย มีถนนสายเก่าแก่ที่ตัดผ่านตัวเมืองโบราณสายหนึ่งซึ่งทุกวันนี้ได้กลายเป็นถนนย่านการค้าที่เจริญคึกคัก ตามสองข้างถนนเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ มีพ่อค้าชาวชนชาติไป๋ที่แต่งชุดประจำชนชาติกำลังค้าขายสิ้นค้าพื้นเมืองต่างๆ เช่น หินอ่อนต้าหลี่ ผ้าพื้นเมืองและเครื่องเงิน เป็นต้น


สิ่งที่น่าเอ่ยถึงคือ ภายในเมืองโบราณแห่งนี้ยังมีถนนเล็กๆสายหนึ่งจากทางทิศตะวันออกไปสู่ทางทิศตะวันตก ตามสองฟากของถนนสายนี้เต็มไปด้วยภัตตาคารอาหารจีนและอาหารตะวันตก ร้านกาแฟและร้านน้ำชาที่ประกอบการโดยชาวต่างชาติ ถนนสายนี้จึงขึ้นชื่อว่า "ถนนสายต่างชาติ"ถนนสายนี้มีกลิ่้นอายของทั้งความเก่าแก่และความทันสมัยผสมผสานกันจึงสามารถดึงดูดชาวต่างประเทศจำนวนมากให้หลั่งใหลกันไปท่องเที่ยวตามถนนสายนี้ไม่ขาดสาย นับเป็นทัศนียภาพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตน
หลังจากท่องเที่ยวเมืองโบราณแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถม้าเดินทางไปยังเจดีย์สามองค์ในวัด "ฉงเซิ่ง" เจดีย์นี้ตั้งอยู่ห่างจา่กเมืองโบราณต้าหลี่ไปทางทิศเหนือประมาณ ๑ กิโลเมตร บริเวณด้านหลังของเจดีย์เป็นภูเขาชังซานที่สูงสง่างาม และด้านหน้าเป็นทะเลสาบเอ๋็อไห่ที่สวยงามกว้างใหญ่
เจดีย์สามองค์นี้มีสีขาวทั้งหมด สร้างขึ้นเมื่อกว่า ๑๐๐๐ ปีที่แล้ว เจดีย์องค์หลักมีชื่อว่าเจดีย์ "เชียนหลินถ่า" สูงประมาณ ๗๐ เมตร มี ๑๖ ชั้น ตามบริเวณสองข้างของเจดีย์องค์หลักมีเจดีย์ขนาดเล็กสร้างอยู่เคียงกันด้านละแห่ง เจดีย์สามองค์นี้มีรูปทรงที่สอดรับกลมกลืนกัน มีความสวยงามเป็นยิ่งนัก


ทะเลสาบเอ๋็อไห่ซึ่งอยู่ด้านหน้าของเจดีย์สามองค์นั้นเป็นทะเลสาบน้ำจืดบนที่ราบสูง จึงได้สมญานามว่า "ไข่มุกบนที่ราบสูง" น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ใสสะอาดจนสามารถมองเห็นถึงทัศนียภาพใต้น้ำ และมักจะมีหมอกควันลอยขึ้นเหนือทะเลสาบอันกว้างใหญ่นี้ ทำให้ทิวทัศน์ตามบริเวณทะเลสาบสวยงามยิ่งนัก
เมื่อเที่ยวเจดีย์สามองค์และทะเลสาบเอ๋อไห่แล้ว นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารรถประจำทางประมาณ ๒๐ นาทีก็จะไปถึงบ่อน้ำพุ "หูเตี๋ย"หรือบ่อน้ำพุ "ผีเสื้อ"ที่มีชื่อเสียง น้ำในบ่อน้ำพุใสสะอาดยิ่ง มีต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่ริมบ่อน้ำพุ ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมทุกปี จะมีผีเสื้อเป็นจำนวนมากชวนกันบินไปเกาะอยู่บนต้นไม้ต้นนี้ มีสีสันหลากหลาย สวยงามยิ่งนักนับเป็นความงามอันแปลกตาอีกอย่างของบ่อน้ำพุผีเสื้อ
มีตำนานที่น่าประทับใจเกี่ยวกับบ่อน้ำพุผีเสื้อ เล่ากันว่า ในสมัยดึกดำบรรพ์ มีสาวงามคนหนึ่งใช้ชีวิตอยู่ในเขตเชิงเขาชังซาน สาวคนนี้ชื่อ "เสียกู" เธอมีคู่รักคนหนึ่งชื่อ "เหวินหลัง" ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กและสนิทสนมรักใคร่กัน จนอยู่มาวันหนึ่ง มีคหบดีในท้องถิ่นคนหนึ่งเห็นสาวงามเสียกูแล้่วเกิดความรักใคร่ จึงคิดจะแย่งมาเป็นของตนเองเมื่อทราบเรื่องเข้า หนุ่มเหวินหลังจึงได้พาสาวเสียกูหนีไปถึงบ่อน้ำพุผีเสื้อคหบดีคนนั้นได้เกณฑ์คนให้ตามล่าหนุ่มสาวทั้งสองมาถึงบริเวณบ่อน้ำพุแห่งนั้น หนุ่มสาวคู่นี้เมื่อหมดหนทางที่จะหนีต่อไปได้จึงได้พร้อมใจกันกระโดดลงสู่บ่อน้ำพุทั้งคู่ หลังจากมีพายุและฝนกระหน่ำหนักสักครู่ บริเวณเหนือน้ำพุได้ปรากฏรุ้งสายหนึ่งสีสดใสและมีผีเสื้อสองตัวบินเคียงกันออกจากบ่อน้ำพุแห่งนั้น ต่อมา เพื่อระลึกถึงคู่รักคู่นี้ คนท้องถิ่นจึงเรียกบ่อน้ำพุแห่งนี้ว่า "บ่อน้ำพุผีเสื้อ"
