เข้าระบบอัตโนมัติ

เมืองต้าหลี่


  • 1
  • 2
อิตเต็งไต้ซือ
#1   อิตเต็งไต้ซือ    [ 04-05-2008 - 21:31:14 ]

เมืองต้าหลี่ในมณฑลยูนนาน


เมืองต้าหลี่หรือ ต้าลี่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑล ยูนนาน ซึ่งเป็นมณฑลชายแดนทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เป็นเขตชุมชนของชนชาติไป๋ซึ่งเป็นชนชาติส่วนน้อยชนชาติหนึ่งของจีน ประมาณเดือนมีนาคมของทุกปี เขตภาคเหนือส่วนใหญ่ของจีนยังคงมีอากาศหนาวอยู่ แต่ที่เมืองต้าหลี่ได้ย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว ท้องฟ้าปลอดโปร่ง อุณหภูมิกำลังสบายไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป ดอกไม้นานาพันธุ์กำลังบานสะพรั่ง จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดี

เมื่อไปถึงเมืองต้าหลี่ นักท่องเที่ยวมักจะเลือกไปเที่ยวชมเมืองโบราณต้าหลี่ก่อนอื่นใด เมืองโบราณต้าหลี่สร้างขึ้นเมื่อกว่า ๑๐๐๐ ปีก่อนโน้น ถึงแม้ได้ผ่านกาลเวลามาช้านาน แต่เมืองโบราณแห่งนี้ก็ยังคงอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวจะเห็นประตูเมืองทั้งด้านใต้และด้านเหนือที่มีสถาปัตยกรรมสอดรับกัน ตามสองฟากของถนนสายเก่าแก่มีบ้านโบราณปลูกสร้างไว้อย่างกระจัดกระจาย มีถนนสายเก่าแก่ที่ตัดผ่านตัวเมืองโบราณสายหนึ่งซึ่งทุกวันนี้ได้กลายเป็นถนนย่านการค้าที่เจริญคึกคัก ตามสองข้างถนนเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ มีพ่อค้าชาวชนชาติไป๋ที่แต่งชุดประจำชนชาติกำลังค้าขายสิ้นค้าพื้นเมืองต่างๆ เช่น หินอ่อน
ต้าหลี่ ผ้าพื้นเมืองและเครื่องเงิน เป็นต้น

สิ่งที่น่าเอ่ยถึงคือ ภายในเมืองโบราณแห่งนี้ยังมีถนนเล็กๆสายหนึ่งจากทางทิศตะวันออกไปสู่ทางทิศตะวันตก ตามสองฟากของถนนสายนี้เต็มไปด้วยภัตตาคารอาหารจีนและอาหารตะวันตก ร้านกาแฟและร้านน้ำชาที่ประกอบการโดยชาวต่างชาติ ถนนสายนี้จึงขึ้นชื่อว่า "ถนนสายต่างชาติ" ถนนสายนี้มีกลิ่นอายอายของทั้งความเก่าแก่และความทันสมัยผสมผสานกันจึงสามารถดึงดูดชาวต่างประเทศจำนวนมากให้หลั่งใหลกันไปท่องเที่ยวตามถนนสายนี้ไม่ขาดสาย นับเป็นทัศนียภาพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตน

หลังจากท่องเที่ยวเมืองโบราณแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถม้าเดินทางไปยังเจดีย์สามองค์ในวัด "ฉงเซิ่ง" เจดีย์นี้ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเมืองโบราณต้าหลี่ไปทางทิศเหนือประมาณ ๑ กิโลเมตร บริเวณด้านหลังของเจดีย์เป็นภูเขาชังซานที่สูงสง่างาม และด้านหน้าเป็นทะเลสาบเอ๋อไห่ที่สวยงามกว้างใหญ่

เจดีย์สามองค์นี้มีสีขาวทั้งหมด สร้างขึ้นเมื่อกว่า ๑๐๐๐ ปีที่แล้ว เจดีย์องค์หลักมีชื่อว่าเจดีย์ "เชียนหลินถ่า" สูงประมาณ ๗๐ เมตร มี ๑๖ ชั้น ตามบริเวณสองข้างของเจดีย์องค์หลักมีเจดีย์ขนาดเล็กสร้างอยู่เคียงกันด้านละแห่ง เจดีย์สามองค์นี้มีรูปทรงที่สอดรับกลมกลืนกัน มีความสวยงามเป็นยิ่งนัก

ทะเลสาบเอ๋อไห่ซึ่งอยู่ด้านหน้าของเจดีย์สามองค์นั้นเป็นทะเลสาบน้ำจืดบนที่ราบสูง จึงได้สมญานามว่า "ไข่มุกบนที่ราบสูง" น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ใสสะอาดจนสามารถมองเห็นถึงทัศนียภาพใต้น้ำ และมักจะมีหมอกควันลอยขึ้นเหนือทะเลสาบอันกว้างใหญ่นี้ ทำให้ทิวทัศน์ตามบริเวณทะเลสาบสวยงามยิ่งนัก

เมื่อเที่ยวเจดีย์สามองค์และทะเลสาบเอ๋อไห่แล้ว นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารรถประจำทางประมาณ ๒๐ นาทีก็จะไปถึงบ่อน้ำพุ "หูเตี๋ย" หรือบ่อน้ำพุ "ผีเสื้อ" ที่มีชื่อเสียง น้ำในบ่อน้ำพุใสสะอาดยิ่ง มีต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่ริมบ่อน้ำพุ ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมทุกปี จะมีผีเสื้อเป็นจำนวนมากชวนกันบินไปเกาะอยู่บนต้นไม้ต้นนี้ มีสีสันหลากหลาย สวยงามยิ่งนักนับเป็นความงามอันแปลกตาอีกอย่างของบ่อน้ำพุผีเสื้อ




มีตำนานที่น่าประทับใจเกี่ยวกับบ่อน้ำพุผีเสื้อ เล่ากันว่า ในสมัยดึกดำบรรพ์ มีสาวงามคนหนึ่งใช้ชีวิตอยู่ในเขตเชิงเขาชังซาน สาวคนนี้ชื่อ "เสียกู" เธอมีคู่รักคนหนึ่งชื่อ "เหวินหลัง" ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กและสนิทสนมรักใคร่กัน จนอยู่มาวันหนึ่ง มีคหบดีในท้องถิ่นคนหนึ่งเห็นสาวงามเสียกูแล้วเกิดความรักใคร่ จึงคิดจะแย่งมาเป็นของตนเองเมื่อทราบเรื่องเข้า หนุ่มเหวินหลังจึงได้พาสาวเสียกูหนีไปถึงบ่อน้ำพุผีเสื้อคหบดีคนนั้นได้เกณฑ์คนให้ตามล่าหนุ่มสาวทั้งสองมาถึงบริเวณบ่อน้ำพุแห่งนั้น หนุ่มสาวคู่นี้เมื่อหมดหนทางที่จะหนีต่อไปได้จึงได้พร้อมใจกันกระโดดลงสู่บ่อน้ำพุทั้งคู่ หลังจากมีพายุและฝนกระหน่ำหนักสักครู่ บริเวณเหนือน้ำพุได้ปรากฏรุ้งสายหนึ่งสีสดใสและมีผีเสื้อสองตัวบินเคียงกันออกจากบ่อน้ำพุแห่งนั้น ต่อมา เพื่อระลึกถึงคู่รักคู่นี้ คนท้องถิ่นจึงเรียกบ่อน้ำพุแห่งนี้ว่า "บ่อน้ำพุผีเสื้อ"





เมืองต้าหลี่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนานซึ่งเป็นมณฑลชายแดนทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เป็นเขตชุมชนของชนชาติไป๋ซึ่งเป็นชนชาติส่วนน้อยชนชาติหนึ่งของจีน ประมาณเดือนมีนาคมของทุกปี เขตภาคเหนือส่วนใหญ่ของจีนยังคงมีอากาศหนาวอยู่ แต่ที่เมืองต้าหลี่ได้ย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว ท้องฟ้าปลอดโปร่ง อุณหภูมิกำลังสบายไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป ดอกไม้นานาพันธุ์กำลังบานสะพรั่ง จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดี

เมื่อไปถึงเมืองต้าหลี่ นักท่องเที่ยวมักจะ้เลือกไปเที่ยวชมเมืองโบราณต้าหลี่ก่อนอื่นใด เมืองโบราณต้าหลี่สร้างขึ้นเมื่อกว่า ๑๐๐๐ ปีก่อนโน้น ถึงแม้ได้ผ่านกาลเวลามาช้านาน แต่เมืองโบราณแห่งนี้ก็ยังคงอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวจะเห็นประตูเมืองทั้งด้่านใต้และ้ด้านเหนือที่มีสถาปัตยกรรมสอดรับกัน ตามสองฟากของถนนสายเก่าแก่มีบ้านโบราณปลูกสร้างไว้อย่างกระจัดกระจาย มีถนนสายเก่าแก่ที่ตัดผ่านตัวเมืองโบราณสายหนึ่งซึ่งทุกวันนี้ได้กลายเป็นถนนย่านการค้าที่เจริญคึกคัก ตามสองข้างถนนเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ มีพ่อค้าชาวชนชาติไป๋ที่แต่งชุดประจำชนชาติกำลังค้าขายสิ้นค้าพื้นเมืองต่างๆ เช่น หินอ่อนต้าหลี่ ผ้าพื้นเมืองและเครื่องเงิน เป็นต้น




สิ่งที่น่าเอ่ยถึงคือ ภายในเมืองโบราณแห่งนี้ยังมีถนนเล็กๆสายหนึ่งจากทางทิศตะวันออกไปสู่ทางทิศตะวันตก ตามสองฟากของถนนสายนี้เต็มไปด้วยภัตตาคารอาหารจีนและอาหารตะวันตก ร้านกาแฟและร้านน้ำชาที่ประกอบการโดยชาวต่างชาติ ถนนสายนี้จึงขึ้นชื่อว่า "ถนนสายต่างชาติ"ถนนสายนี้มีกลิ่้นอายของทั้งความเก่าแก่และความทันสมัยผสมผสานกันจึงสามารถดึงดูดชาวต่างประเทศจำนวนมากให้หลั่งใหลกันไปท่องเที่ยวตามถนนสายนี้ไม่ขาดสาย นับเป็นทัศนียภาพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตน

หลังจากท่องเที่ยวเมืองโบราณแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถม้าเดินทางไปยังเจดีย์สามองค์ในวัด "ฉงเซิ่ง" เจดีย์นี้ตั้งอยู่ห่างจา่กเมืองโบราณต้าหลี่ไปทางทิศเหนือประมาณ ๑ กิโลเมตร บริเวณด้านหลังของเจดีย์เป็นภูเขาชังซานที่สูงสง่างาม และด้านหน้าเป็นทะเลสาบเอ๋็อไห่ที่สวยงามกว้างใหญ่

เจดีย์สามองค์นี้มีสีขาวทั้งหมด สร้างขึ้นเมื่อกว่า ๑๐๐๐ ปีที่แล้ว เจดีย์องค์หลักมีชื่อว่าเจดีย์ "เชียนหลินถ่า" สูงประมาณ ๗๐ เมตร มี ๑๖ ชั้น ตามบริเวณสองข้างของเจดีย์องค์หลักมีเจดีย์ขนาดเล็กสร้างอยู่เคียงกันด้านละแห่ง เจดีย์สามองค์นี้มีรูปทรงที่สอดรับกลมกลืนกัน มีความสวยงามเป็นยิ่งนัก





ทะเลสาบเอ๋็อไห่ซึ่งอยู่ด้านหน้าของเจดีย์สามองค์นั้นเป็นทะเลสาบน้ำจืดบนที่ราบสูง จึงได้สมญานามว่า "ไข่มุกบนที่ราบสูง" น้ำในทะเลสาบแห่งนี้ใสสะอาดจนสามารถมองเห็นถึงทัศนียภาพใต้น้ำ และมักจะมีหมอกควันลอยขึ้นเหนือทะเลสาบอันกว้างใหญ่นี้ ทำให้ทิวทัศน์ตามบริเวณทะเลสาบสวยงามยิ่งนัก

เมื่อเที่ยวเจดีย์สามองค์และทะเลสาบเอ๋อไห่แล้ว นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารรถประจำทางประมาณ ๒๐ นาทีก็จะไปถึงบ่อน้ำพุ "หูเตี๋ย"หรือบ่อน้ำพุ "ผีเสื้อ"ที่มีชื่อเสียง น้ำในบ่อน้ำพุใสสะอาดยิ่ง มีต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่ริมบ่อน้ำพุ ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมทุกปี จะมีผีเสื้อเป็นจำนวนมากชวนกันบินไปเกาะอยู่บนต้นไม้ต้นนี้ มีสีสันหลากหลาย สวยงามยิ่งนักนับเป็นความงามอันแปลกตาอีกอย่างของบ่อน้ำพุผีเสื้อ

มีตำนานที่น่าประทับใจเกี่ยวกับบ่อน้ำพุผีเสื้อ เล่ากันว่า ในสมัยดึกดำบรรพ์ มีสาวงามคนหนึ่งใช้ชีวิตอยู่ในเขตเชิงเขาชังซาน สาวคนนี้ชื่อ "เสียกู" เธอมีคู่รักคนหนึ่งชื่อ "เหวินหลัง" ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็กและสนิทสนมรักใคร่กัน จนอยู่มาวันหนึ่ง มีคหบดีในท้องถิ่นคนหนึ่งเห็นสาวงามเสียกูแล้่วเกิดความรักใคร่ จึงคิดจะแย่งมาเป็นของตนเองเมื่อทราบเรื่องเข้า หนุ่มเหวินหลังจึงได้พาสาวเสียกูหนีไปถึงบ่อน้ำพุผีเสื้อคหบดีคนนั้นได้เกณฑ์คนให้ตามล่าหนุ่มสาวทั้งสองมาถึงบริเวณบ่อน้ำพุแห่งนั้น หนุ่มสาวคู่นี้เมื่อหมดหนทางที่จะหนีต่อไปได้จึงได้พร้อมใจกันกระโดดลงสู่บ่อน้ำพุทั้งคู่ หลังจากมีพายุและฝนกระหน่ำหนักสักครู่ บริเวณเหนือน้ำพุได้ปรากฏรุ้งสายหนึ่งสีสดใสและมีผีเสื้อสองตัวบินเคียงกันออกจากบ่อน้ำพุแห่งนั้น ต่อมา เพื่อระลึกถึงคู่รักคู่นี้ คนท้องถิ่นจึงเรียกบ่อน้ำพุแห่งนี้ว่า "บ่อน้ำพุผีเสื้อ"




อิตเต็งไต้ซือ
#2   อิตเต็งไต้ซือ    [ 04-05-2008 - 21:45:34 ]



เชินโยมทุกท่านที่มานต้าหลี่ ตามสบาย

ข้อห้าม

ห้ามใช้กำลังตัดสินปัญหานที่เเห่งนี้
ห้ามมีปากเสียง
เครารพซึ่งกันเเละกัน
ที่เเห่งนี้ไม่มีนักเลง
ควรทำตามอย่างเครารพ มิได้บังคับเเต่ ควรมี ความคิด

รับหาประวัตเมืองต่างๆของจีน

อตมาพึ่งเดินทางมาจาก สถานที่เเห่งหนึ่งที่เรียกว่า หอวายุ






สยบทั่วเเผ่นดิน
#3   สยบทั่วเเผ่นดิน    [ 04-05-2008 - 23:33:17 ]

ขอขอบคุณ ไต๊ซือ ที่ชี้แนะ



มังกรหยก2
#4   มังกรหยก2    [ 05-05-2008 - 00:03:08 ]

ขอบคุนไต้ซือ ที่หามาไห้เปิดหูเปิดตา



มังกรหยก2
#5   มังกรหยก2    [ 05-05-2008 - 00:06:32 ]

เกิดมาข้ายังไม่เคยไปบ่อน้ำพุร้อนเลย อยากไปจริงๆ



ผู้เฒ่าลื้ลับ
#6   ผู้เฒ่าลื้ลับ    [ 05-05-2008 - 00:12:42 ]

ไฮ้นั่นมีพระสงฆ์ด้วยเรอะน่ะ



ผู้เฒ่าลื้ลับ
#7   ผู้เฒ่าลื้ลับ    [ 05-05-2008 - 00:13:17 ]

เอ้อว่าแต่พวกเจ้ามีอะไรกินบ้างไหมล่ะ



อิตเต็งไต้ซือ
#8   อิตเต็งไต้ซือ    [ 05-05-2008 - 00:31:20 ]

ไต้ซือลี้ลับ ท่านเป็นผู้ทรงศิล เเต่ท่านมีภรรยาได้รึ....



ผู้เฒ่าลื้ลับ
#9   ผู้เฒ่าลื้ลับ    [ 05-05-2008 - 00:46:14 ]

เอ้อเมื่อก่อนข้าเป็นพ่อครัวที่วัดเส้าหลินแต่ข้าศึกตั้งนานแล้วล่ะตาเฒ่าเอ้ย



อิตเต็งไต้ซือ
#10   อิตเต็งไต้ซือ    [ 05-05-2008 - 00:47:51 ]

งั้นเองรึ อืม เเล้ว โยมได้อาไรจากการ เป็นบรรพชิดบ้างละ



มือกระบี่ไร้นาม
#12   มือกระบี่ไร้นาม    [ 05-05-2008 - 09:53:27 ]

รู้สึกอยากไปบ้างแล้ว



คุณชายต้วน
#13   คุณชายต้วน    [ 05-05-2008 - 10:12:30 ]

เมืองที่ยังคงกลิ่นอายของเมืองโบราณอยู่

น่าสนใจมาก



ยายเฒ่าเร้นลับ
#14   ยายเฒ่าเร้นลับ    [ 05-05-2008 - 16:34:22 ]

ข้าไม่เคยได้ไปหรอกข้าอยู่แถบชิงไห่



ยายเฒ่าเร้นลับ
#15   ยายเฒ่าเร้นลับ    [ 05-05-2008 - 16:34:51 ]

อ้าวนั่นมันตาเฒ่าไม่ใช่เรอะน่ะ



เทพธิดาหยก
#16   เทพธิดาหยก    [ 06-05-2008 - 13:16:33 ]

น่าไปดีเหมือนกันเเต่ว่าเมืองต้าหลี่มีน้ำพุร้อนตั้งเเต่เมื่อไหร่นี่

ข้าน้อยเคยไปหนนึงเเต่ไม่เห็นมีน้ำพุเลยนี่



อิตเต็งไต้ซือ
#17   อิตเต็งไต้ซือ    [ 07-05-2008 - 19:28:04 ]

*ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ

ถ้าจะพูดถึงวิชาดรรชนีในนิยากำลังภายในแล้ว ดรรชนีเอกสุริยันและดรรชนีกระบี่ 6 สาย (หรือเพลงกระบี่ 6 ชีพจร) วิชาประจำตระกูลของสกุลต้วนแห่งต้าหลี่คงจะเป็นวิชาแรกๆ ที่หลายคนนึกถึงเพราะวิชาดรรชนีมักจะไม่ค่อยปรากฏเป็นวิชาที่โดดเด่นในนิยายกำลังภายในทั่วไปมากนัก แต่กับสองวิชานี้กลับโดดเด่นอาจเป็นพระความดังของตัวนิยายที่ถูกสร้างเป็นทั้งหนัง

ในมังกรหยกอิดเต็งไต้ซือใช้ดรรชนีเอกสุริยันนับเป็น 1 ใน 5 สุดยอดฝีมือแห่งยุคใน 8 เทพอสูรมังกรฟ้าต้วนอื้อ อ๋องน้อยแห่งต้าหลี่ก็สำเร็จดรรชนีกระบี่ 6 สายครบทุกท่า

เคล็ดของการใช้วิชาดรรชนีก็เหมือนกับวิชาอื่นทั่วไปนั่นคือการเดินพลังมาสู่ปลายนิ้ว(แต่ก่อนจะมาถึงปลายนิ้วแน่นอนว่าวิถีการลมปราณย่อมแตกต่างกันออกไป) สิ่งที่ทำให้วิชาดรรชน์แตกต่างคือความพลิกแพลงของกระบวนท่า ความรวดเร็ว และคุณสมบัติพิเศษของวิชาดรรชนีนั่นคือความเรียวเล็ก แหลมคม (ประหนึ่งกระบี่)

เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าดรรชนีกระบี่ 6 สายนั้นเหนือกว่าดรรชนีเอกสุริยันไม่ว่าจะเป็นในด้านของพลังทำลายหรือความเปลี่ยนแปลงของกระบวนท่า เมื่อเราดูจากประวัติศาสตร์ที่อิงอยู่ในนิยายทั้งสองเรื่องจะพบว่า 8 เทพอสูรมังกรฟ้านั้นเกิดก่อนมังกรหยก เพราะฉะนั้นเราจึงสังเกตได้ว่าในมังกรหยกนั้นมีแต่ดรรชนีเอกสุริยันไม่มีเพลงกระบี่ 6 สาย คิดเล่นๆ ว่าอาจเป็นเพราะ

คัมภีร์กระบี่ 6 สายถูกทำลายไปตั้งแต่ครั้งจิวม้อจื้อบุกวัดมังกรฟ้า ตอนนั้นมีเพียงคุณชายต้วนเท่านั้นที่ฝึกสำเร็จครบทั้ง 6 ท่า (ไม่นับบรรดาอดีตฮ่องเต้ที่บวชเป็นหลวงจีนในวัดที่แยกกันฝึกคนละท่า)
คุณชายต้วนไม่ชอบวรยุทธ์และการต่อสู้ (ที่เก่งมาได้เพราะบังเอิญและจำใจล้วนๆ) และด้วยความที่ตัวเองไม่ชอบก็เลยไม่ได้เอาไปสอนลูกหลานต่อ (เพราะตัวเองรู้เคล็ดวิชาครบชุดอยู่คนเดียว) เมื่อต้วนอื้อไม่สอนต่อ วิชานี้เลยหายสาปสูญไป
ดรรชนีกระบี่ 6 สายคงฝึกยากน่าดู เพราะคนในสกุลต้วนเองจะฝึกดรรชนีเอกสุริยันให้ถึงระดับสุดยอดก็ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว ตอนจิวม้อจื้อมาบุกวัดมังกรฟ้าบรรดาหลวงจีนยังต้องแยกกันฝึกกระบี่ 6 สายกันคนละท่าเลย มีแต่คุณชายต้วนนั่นแหละ แค่มองคัมภีร์ผ่านๆ ฟังเคล็ดการฝึกครั้งเดียวฝึกสำเร็จมัน 6 ท่า(คนมันจะเก่งนี่หว่า) เพราะฉะนั้นวิชานี้จะไม่มีสืบทอดต่อก็อาจเป็นเพราะลูกหลานฝึกมันไม่สำเร็จนั่นเอง
คิดเล่นๆ นะคับอย่าไปจริงจัง เพราะรู้กันอยู่แล้วว่า 8 เทพฯแต่งทีหลังมังกรหยก อ.กิมย้งเองอาจไม่ได้ตั้งใจให้มันเกี่ยวข้องกันด้วยซ้ำ


เท่าที่ผมเคยเห็นดรรชนีเอกสุริยันยิงออกจากนิ้วชี้เท่านั้น(ถ้าผมผิดต้องขออภัย) ในขณะที่ดรรชนีกระบี่ 6 สายยิงออกจากนิ้วแต่ละนิ้วที่ต่างกัน


กระบี่จงเหิง - ยิงออกจากนิ้วกลาง
กระบี่กวนเหิง - นิ้วนาง
กระบี่ซางหยาง - นิ้วชี้
กระบี่เส้าเจ๋อ - นิ้วก้อยกับนิ้วโป้งรวมกัน
กระบี่เส้าเหิง - นิ้วก้อย
กระบี่เส้าชาง - นิ้วโป้ง

ไม่รู้ ว่าจะเป็นเเยย นี้ รึเปล่า หามาจากเวป อกทีนึง ครับ



๐คุณชายไร้เงา๐
#18   ๐คุณชายไร้เงา๐    [ 07-05-2008 - 19:31:13 ]

เข้าเมืองต้าหลี่...ต้องหลี่ตาตาม ด้วยนะ..ขอรับ



อิตเต็งไต้ซือ
#19   อิตเต็งไต้ซือ    [ 07-05-2008 - 19:34:12 ]

ดรรชนีเอกสุริยัน

ดรรชนีเอกสุริยันของอิดเต็งไต้ซือ เป็นยอดวิชาดรรชนีประจำตระกูลต้วน พลังดรรชนีร้อนราวกับดวงอาทิตย์ อานุภาพรุนแรง แต่ก็สามารถใช้รักษาอาการบาดเจ็บภายในได้อย่างดี ภายหลังมีการดัดแปลงเป็นยอดวิชาดรรชนีกระบี่ที่ชื่อว่า กระบี่หกชีพจร ที่มาของดรรชนีสุริยันไม่แน่นอนบ้างก็ว่าเป็นวิชาประจำตระกูลต้วน บ้างก็ว่าเฮ้งเตงเอี้ยงแห่งช้วนจินเป็นผู้คิดค้นแล้วถ่ายทอดให้ ราชันย์ทักษิณ ในภายหลัง พลังคางคกของอาวเอี๊ยงฮงแพ้ทางกับดรรชนีสุริยันมาก กล่าวกันว่ามีเพียงยอดวิชานิ้วดีดของมารบูรพาเท่านั้นที่ทรงอานุภาพเทียบเท่ากับดรรชนีเอกสุริยัน

กระบี่6ชีพจร

ดรรชนีกระบี่หกชีพจร หรือเพลงกระบี่หกสาย เป็นยอดวิชาดรรชนีของสกุลต้วนแห่งต้าหลี่ นับเป็นยอดวิชาอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน อานุภาพร้ายกาจ รุนแรง ดรรชนีหกชีพจรเป็นวิชาที่ดัดแปลงมาจากดรรชนีสุริยัน ยิงพลังจากนิ้วทั้งหกออกไปเป็นปราณกระบี่ได้หกสายมีชื่อเรียกต่างกัน ผู้ฝึกวิชานี้ต้องมีพลังลมปราณสูงส่ง จึงยากต่อการฝึกพร้อมกันทั้งหกกระบี่ ทำให้น้อยคนนักที่จะสำเร็จวิชานี้ แม้แต่หลวงจีนแห่งวัดมังกรฟ้าที่มีพลังวัตรสูงยังต้องแบ่งกันฝึกคนละกระบี่ เมื่อประสานพร้อมกันจึงจะทรงอานุภาพ ต้วนอี้เป็นคนสุดท้ายที่สำเร็จวิชานี้ เพราะคัมภีร์ถูกผู้อาวุโสโกวย้งแห่งวัดมังกรฟ้าเผาทำลายเพื่อไม่ให้จิวม่อจื้อแย่งชิงไป ดังนั้นกระบี่หกชีพจรจึงสาบสูญไปในยุคของแปดเทพอสูรมังกรฟ้า เหลือเพียงดรรชนีเอกสุริยันที่สืบทอดมาจนถึงยุคมังกรหยก หรือยุคของราชันย์ทักษิณ ต้วนตี่เฮง นั่นเอง




ลี้ม๊กโชว้สุสานโบราณ
#20   ลี้ม๊กโชว้สุสานโบราณ    [ 07-05-2008 - 20:21:37 ]

ท่านไต้สือ ช่วย หาประวัติ ศาลไตฟง หน่อยจิ ที่เปาบุ้นจิ้น อยู๋ ปัจจุบัน เปนอย่างไง บ้างคับ



  • 1
  • 2
ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube