เข้าระบบอัตโนมัติ

พรรคกระยาจก มาดูเเลธรรมชาติ กันเถอะ


  • 1
อั้งชิกง
#1   อั้งชิกง    [ 03-03-2008 - 14:38:54 ]

ผมได้อ่านเรื่องๆนึง อยากไห้ ทุกท่าน ได้อ่นกัน เลยนำมาฝาก

สายใยธรรมชาติ คือสายใยของชีวิต

"เรื่องสายใยของธรรมชาติ คือ สายใยของชีวิต" เป็นสารคดีขนาดสั้นเชิงโน้มน้าวจิตใจที่กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมสิ่งแวดล้อม
กระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ได้พิมพ์เผยแพร่เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาตินานมาแล้วที่ธรรมชาติสร้างความอุดมสมบูรณ์ขึ้นไว้ให้กับผืนแผ่นดินนี้ ดินทุก ๆ ตารางนิ้วต่างประกอบขึ้นด้วยธาตุอาหารที่ได้จากความชุ่มชื่นภายใต้ร่มเงา
ของป่าไม้ใบไม่แต่ละใบที่ร่วงหล่นจากลำดต้น คือระบบเล็ก ๆ ของธาตุอาหารที่เดขึ้นบนผิวดิน นั่นคือ เมื่อใดที่ใบไม้ร่วมหล่นถึงพื้นดิน มันก็จะผุพังและเน่าเปื่อย
ด้วยความชุ่มชื้นและเล็ก ๆ ที่ช่วยกันย่อยสลายให้ใบไม้นั้นกลายเป็นธาตุอาหารสะสมอยู่ในดิน ละดินก็จะสะสมธาตุอาหารให้ตัวเองตลอดเวลาตราบเท่าที่มีป่าไม้
มีน้ำเป็นสายใยธรรมชาติเกื้อหนุนกันและและสิ่งแวดล้อม

ในระบบของธรรมชาตินั้น น้ำจะเกิดได้เพราะมีความชุ่มชื้นของป่าไม้แห่งเทือกขุนเขา ให้กำเนิดต้นน้ำลำธาร และป่าสามารถสร้างระบบความสัมพันธ์อันซับซ้อน ตั้งแต่ไม่เล็กจนถึงไม้ใหญ่ได้ก็ด้วยมีผืนดินสร้างธาตุอาหารไว้ให้ ทั้งป่าไม้ ดิน และน้ำจึงมีความผูกพันที่ต่างให้ซึ่งกันและกัน และต่างไม่อาจอยู่ได้เพียงลำพัง
ในระบบของธรรมชาติ




เมื่อธรรมชาติต่างผูกพันกันไว้ด้วยอันละเอียดอ่อน ความอุดมสมบูรณ์จึงเกิดขึ้นบนพื้นพิภพ ทุกชีวิตที่เกิดขึ้นบนพื้นพิภพ จึงได้รับการโอบอุ้มไว้ให้อยู่อย่างร่มเย็น
เป็นสุขภายใต้ระบบความสัมพันธ์อันซับซ้อนของธรรมชาติมานานแสนนาน ยิ่งความสัมพันธ์มีมากเพียงใดชีวิตยิ่งได้รับความร่มเย็น เป็นสุขมากขึ้นเพียงนั้น ซึ่งความสัมพันธ์อันละเอียดอ่อนของธรรมชาตินี้มิอาจทำให้แตกสลายได้ เพราะการแตกสลายนั้นตือ หนทางที่จะนำไปสู่ความเสื่อมสูญแห่งระบบความสัมพันธ์
์ของธรรมชาติที่ต้องใช้เวลานับล้านปีกว่าจะสร้างเป็นระบบสายใยระหว่างกันขึ้นมาได้ และเมื่อใดก็ตามที่ธรรมชาติแตกสลาย ชีวิตทุกชีวิตก็มิอาจอยู่ได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมกันขึ้นเป็นระบบของธรรมชาตินั้นคือ ปัจจัยเดียวที่ทำให้สิ่งมีชีวิตอาศํยอยู่บนโลกนี้ได้

การแตกสลายของธรรมชาตินั้น จะเกิดขึ้นหากธรรมชาติถูกรุกรานมากจนเกินกว่าที่ ระบบของธรรมชาติจะฟื้นฟูตัวเองได้ ตัวอย่างก็คือ กว่าที่ไม้แต่ละต้นจะเติบโต
ขึ้นมา เป็นป่ารกทึบได้นั้น ต้องใช้เวลานับพันนับหมื่นปี หากไม้ในป่าแต่ละป่าถูกโค่นเผาถาง ถูกตักฟันทำลายลงอย่างรวเดร็วในเวลาเพียงไม่กี่ปี
หากก็มิอาจฟื้นตัวเองได้ทัน ความชุ่มชื้นที่ป่าไม้เคยสร้างให้กับดิน และแหล่งต้นน้ำลำธารก็สูญสิ้นไปด้วย


ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และมีผลกระทบถึงความสัมพันธ์ของธรรมชาตินั้น เป็นผลที่เกิดจากการพัฒนาการดำรงฃีวิตของมนุษย์ทั้งสิ้น ในเส้นทางวิวัฒนาการ
ทางด้าน การเกษตรกรรมนั้น มนุษย์ได้เข้าไปทำลายระบบความซับซ้อนของธรรมชาติก็เพื่อกอบโกย เอาความอุดมสมบูรณ์ธรรมชาติสร้างขึ้นไว้มาเพื่อประโยชน์
ของมนุษย์เอง นั่นคือมนุษย์ได้เข้าไป เปิดพื้นที่ป่าอันรกทึบเพื่อแปรเปลี่ยนผืนดินให้เป็นท้องทุ่งแห่ง การเพาะปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารโดยอาศัยความอุดมแห่ง
ธาตุอาหารจากผืนดินที่ธรรมชาติสร้างไว้ สร้างความเจริญเติบโตให้แก่พืชพันธุ์ของตนเอง วันเวลาที่ผ่านไป พื้นที่ราบแห่ง การเกษตรกรรมก็กระจาย
กว้างออกไปทุกหนทุกแห่งแทนพื้นที่ป่าที่เคยรกทึบ สัดส่วนของพื้นที่เกษตรกรรมจึงเพิ่มขึ้นพร้อม ๆ กับการลดลงของพื้นที่ป่า

ป่าไม้นั้นคือแหล่งศูนย์รวมความชุ่มชื้นของโลก เมื่อป่าไม้ลดลง ความชุ่มชื้นจะค่อย ๆ สูญสลายไปจากพิภพ ในทำนองเดียวกัน พื้นดินที่ถูกแยกออกมากจากป่า
ให้เป็นท้องทุ่งเกษตรกรรมก็ค่อย ๆ ลดความอุดมสมบูรณ์ของธาตุอาหารในดินไป เพราะต้องนำไปหล่อเลี้ยงพืชพันธุ์ธัญญาหาร จนในที่สุดเหลืออยู่เพียง
ความรกร้างว่างเปล่าที่ช่วยเพิ่มความแห้งแล้งให้แก่โลก

ในขณะที่ระบบความสัมพันธ์ของป่าไม้ ดิน และน้ำถูกรบกวนอย่างรุนแรงนั้น ระบบแห่งจักรวาลก็ถูกรบกวนจากมนุษย์เช่นเดียวกัน ตัวการซึ่งรุกล้ำขึ้นไปทำลาย
ระบบความสัมพันธ์ใน จักรวาลนั้น คือ ระบบความเจริญแห่งการพัฒนาทางอุตสาหกรรม ที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้คิดค้นคว้า เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้แก่โลกนั่นเอง
อากาศบริสุทธิ์ที่ถูกเจือปนด้วยก๊าซพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม และจากยวดยานพาหนะนี้นำไปสู่ภาวะการเกิด การทำลายชั้นโอโซนในบรรยากาศ
และการอบความร้อนในพิภพไม่ให้กระจายขึ้นสู่ห้วงบรรยากาศได้


โลกเป็นดาวดวงเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตอาศํยอยู่ พลังงานต่าง ๆ ซึ่งกระจายอยู่ในสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ การแปรเปลี่ยนรูปของน้ำใน
และการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันของทรัพยากรธรรมชาติ คือ ปัจจัยที่ทำให้มนุษย์มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้ และเกื้อหนุนความร่มเย็นเป็นสุขให้แก่ชีวิตได
้ตราบนานเท่านานที่ระบบนี้ไม่ถูกรบกวนทำลาย



หากวันนี้โลกกำลังถูกเปลี่ยนแปลง ธรรมชาติกำลังเสื่อมสลาย ความร่วมเย็นเป็นสุขของชีวิตกำลังเสื่อมสูญ ชีวิตมิอาจอยู่ได้ในท่ามกลางการแตกสลายของพิภพ

ในวันนี้จึงมีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่จะสามารถฟื้นฟูความสมดุลของธรรมชาติให้แก่พื้นพิภพ ขอได้โปรดพิทักษ์ธรรมชาติไว้เพื่อชีวิตอันยั่งยืนนานบนพื้นพิภพนี้


เขียนโดย นงพงา สุขวนิช



มือกระบี่ไร้นาม
#2   มือกระบี่ไร้นาม    [ 03-03-2008 - 15:10:01 ]

ครับ



วนิพก
#3   วนิพก    [ 03-03-2008 - 16:01:03 ]

ล้ำค่ะยิ่งนัก



สยบทั่วเเผ่นดิน
#4   สยบทั่วเเผ่นดิน    [ 03-03-2008 - 16:06:37 ]

ท่านพ่อพยายาม หาความรู้มาให้ ขอบคุณมาก ขอรับ



สยบทั่วเเผ่นดิน
#5   สยบทั่วเเผ่นดิน    [ 03-03-2008 - 16:18:40 ]



ลำทานไหลริน
ดอกหญ้าพริ้วไหว
สายลมโพยพัด
ธรรมชาติ
กลิ้นของอากาศยามนี้
ช่างบริสุทยิ่งนัก



วนิพก
#6   วนิพก    [ 03-03-2008 - 16:23:22 ]


อันขุนเขากว้างไกลหลังสายฝน
หมอกเคลื่อนตนปกคลุมทั่วพฤกษา
สายธารใสไหลหลั่งกลางพนา
หมู่มวลดอกพฤาษาก็เบ่งบาน



อั้งชิกง
#7   อั้งชิกง    [ 03-03-2008 - 17:39:16 ]



กลอนของ เเม่นาง ชาง ไพรเราะ จิงๆ



  • 1
ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube