เข้าระบบอัตโนมัติ

ใครรู้ตอนจบแฮรี่มั่งคับ


teenowy
#21   teenowy    [ 10-01-2008 - 16:51:34 ]

ไม่ตายค่ะ แต่ไม่เข้าใจ ทำม ต้องแต่งงานกับ จินนี่



มหาราช
#22   มหาราช    [ 10-01-2008 - 16:53:58 ]

นั่นสิ

อยากให้แต่งงานกับเฮอร์ไมโอนี่

สงสัย เจเค จะชอบสีแดง

ลองคิดดูสิ

เจมส์ แต่งงาน กับ ลิลลี่ ซึ่งก็มีผมสีแดง

ตระกูลวีสลีย์ ผมสีแดง

แฮร์รี่ แต่งงานกับ จินนี่ ก็ยังหัวแดงอีก



loveaum
#23   loveaum    [ 10-01-2008 - 19:40:01 ]

อยากให้แฮร์รี่แต่งงานกับเฮอร์ไมโอนี่มากกว่าแต่งกับจินนี่อีกอ่ะชอบเฮอร์ไมโอนี่ชอบเฮอร์ไมโอนี่มากถึงมากถึงมากๆๆๆๆๆๆ



จอมยุทธ์มังกรน้อย
#24   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 11-01-2008 - 16:27:54 ]

สําหรับแฟนๆ เฮอร์โมโอนี่ ครับ
















จอมยุทธ์มังกรน้อย
#25   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 11-01-2008 - 16:30:30 ]

พรุ่งนี้ จะเอา รูป โชแชง มาฝาก จัดให้รูปหนึ่งก่อน




วนิพก
#26   วนิพก    [ 11-01-2008 - 17:11:44 ]

รวบเดียวจบเลยนะคะพิมพ์ไว้นานและ
บทที่ 1-7
บททที่ 1
กล่าวถึงโวลเดอมอร์ กำลังวางแผนประชุมอยู่กับพวก Death Eaters ค่ะ สเนปบอกที่ประชุมว่าแฮร์รี่จะออกเดินทางวันไหน มีบางส่วนยังไม่เชื่อสเนปแล้วก็เถียงกัน .. คุยเรื่อง Ministry of Magic .. โวลดี้ต้องการไม้กายสิทธิ์ของคนอื่นและเขาต้องการฆ่าแฮร์รี่เอง โวลดี้เลยจะเอาไม้ของลูเซียส ซึ่งลูเซียสก็ขัดไม่ได้ โวลดี้เลยกระแนะกระแหน่ลูเซียสแทน ไป ๆ มา ๆ คนอื่นก็ช่วยกันแขวะเรื่องครอบครัวมัลฟอยค่ะ ยกข่าวเรื่องท็องก์ (มีศักดิ์เป็นหลานของเบลลาทริกซ์ ลูเซียสกับนาซิสซ่าร์) ที่ไปแต่งงานกับลูปินที่เป็นหมาป่า เลยโดนหัวเราะเยาะค่ะ .. จากนั้น โวลดี้ก็เปิดเผยแขกในที่ประชุึม เป็นอาจารย์ในโรงเรียนสอนเกี่ยวกับมักเกิ้ล ชื่อว่า Charity Burbage .. แล้วก็ฆ่าเธอค่ะ

Note : - เดรโกนั่งอยู่ด้วยค่ะ เข่าอ่อนตกเก้าอี้ตอนโวลดี้ฆ่าอาจารย์ Burbage ค่ะ
- พวกฝั่งโวลดี้เป็นพวกคลั่งเลือดบริสุทธิ์ การแต่งงานหรือคบหามักเกิ้ลเป็นเรื่องน่ารังเกียจ
- โวลดี้เอาไม้ของคนอื่น คาดว่า (บีจังคิดเองนะ) เพราะเขาต้องเป็นคนฆ่าแฮร์รี่ และไม้กายสิทธิ์ของทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน ฆ่ากันไม่ได้ เลยต้องยืมของคนอื่นค่ะ

โวลยืมไม้กายสิทธิ์ของมัลฟอยคนพ่อค่ะ จะเอาไปฆ่าแฮรี่ บอกว่าลูเซียสไม่ต้องใช้อีกแล้ว

โวลฆ่าอาจารย์ที่สอนวิชามักเกิลในฮอกวอต์ที่เป็นผู้หญิงค่ะ เรียกเธออกมาในฐานะนักโทษ ไม่ใช่เพราะเธอสอนวิชามักเกิลอย่างเดียว แต่ว่าเธอเพิ่งให้สัมภาษณ์ลงเดลี่พรอเฟตว่ามักเกิลกับพ่อมดแม่มดก็เป็นคนเหมือนๆกัน

พอฆ่าเสร็จก็ไปหาอาหารเย็นทานต่อเฉยเลย

บทที่สองแฮรี่เหลืออีก 4 วันครบอายุ 17 ปีค่ะ
บท 2

กล่าวถึงแฮร์รี่ที่ยังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ดูข้าวของเก่า ๆ และคิดถึงดัมเบิลดอร์ .. มีคอลัมม์ในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับดัมเบิลดอร์ ประมาณดัมเบิลดอร์ในความทรงจำน่ะค่ะ .. เขียนโดย Elphias Doge ที่เป็นนักเรียนรุ่นเดียวกัน มาเข้าเรียนที่โรงเรียนพร้อม ๆ กัน ตอนนั้นพ่อของดัมเบิลดอร์เพิ่งถูกจับฐานทำร้ายมักเกิ้ล ถูกขังที่อัซคาบัน ทำให้ดัมเบิลดอร์ถูกมองว่าเป็นพวกเกลียดมักเกิ้ลไปด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่เช่นนั้น เขาเป็นคนฉลาดที่สุดในโรงเรียน มีเพื่อนเป็นคนมีชื่อเสียงหลายคน ได้รางวัลมากมาย ..

สามปีหลังจากพวกเขาได้เรียนที่โรงเรียน น้องชายของดัมเบิลดอร์ชื่อ Aberforth ได้มาเข้าเรียน ซึ่งเหมือนว่าเป็นพี่น้องที่ไม่ค่อยจะเหมือนกัน และดูไม่ค่อยเป็นมิตรกันเท่าไหร่ .. หลังเรียนจบ Elphias กับดัมเบิลดอร์ตั้งใจจะออกท่องเที่ยวด้วยกัน แต่เกิดเรื่องขึ้นคือแม่ของดัมเบิลดอร์ตาย และหลังจากนั้นอีกปี น้องสาวของดัมเบิลดอร์ก็ตาย พี่น้องห่างกันมากยิ่งขึ้น .. Elphias กล่าวยกย่องดัมเบิลดอร์ว่าได้ทำประโยชน์ต่อสังคมของพ่อมดแม่มดมาก ๆ แล้วก็ได้พูดถึงการประลองเวทย์ของดัมเบิลดอร์กับ Grindelwald

แล้วก็มีข่าว Interview ริต้า สคีเตอร์ ที่กำลังจะออกหนังสือประวัติชีวิตของดัมเบิลดอร์ .. ซึ่งแฮร์รี่อ่านสัมภาษณ์เสร็จก็เขวี้ยงหนังสือพิมพ์ทิ้งทันที

บทที่3

สองหน้าแรกอ่านไม่รู้เรื่อง เพราะภาพมัวมาก

รู้แต่ว่าคิงส์ลีย์ที่ดูแลนายกฯ มักเกิลและอีกสองคนจะมารับพวกเดิสลีย์ไปจากบ้านไปอยู่ในที่ปลอดภัย ก่อนถึงวันที่แฮรี่จะอายุครบ 17 ปี ซึ่งวันนั้นก็คงจะมีการใช้เวทย์มนต์ และอาจมีลูกน้องโวลมาที่บ้านนี้


ตอนแรก ที่แฮรี่แจ้งข่าวนี้กับพวกเดิสลีย์ นายเดิสลี่ย์ไม่เชื่อ บอกว่าเป็นแผนของแฮรี่ที่ต้องการยึดบ้านเลขที่ 4 พริเวทไดรว์ แต่ดัดลี่ย์ในที่สุก็พูดขึ้นว่า "พ่อ ผมจะไปกับพวกออเดอร์พวกนั้น"

แฮรี่"นี่เป็นครั้งแรกที่นายพูดได้อย่างมีเหตุผลเลยนะ ดัดลี่ย์" แฮรี่รู้ว่าถ้าลูกชายพวกเขาบอกว่าไป พ่อแม่ก็จะไปด้วย

ซึ่งก็เป็นจริง พวกดัดลี่ย์ตกลงจะไปกับพ่อมดและแม่มดที่มารับ ตอนแรกจะให้ขับรถไปก่อนโดยลุงเวอนอนเป็นคนขับ จากนั้นก็ทำการหายตัวไปกับคณะที่มารับ

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วและมีผู้มารับ 3 คนรออยู่ที่บ้าน

ดัดลี่ย์ก็ยังไม่ออกไปดัดลี่ย์พูดว่า
แล้วเขาไปที่ไหนล่ะ" เขาหมายถึงแฮรี่

ลุงเวอนอน "ก็ไปกับคนพวกนั้น อย่างที่บอกไงเล่า รีบๆเข้า"
คนที่มารับชื่อ เฮททีเซีย โจนส์ได้ยินลุงพูดอย่างไม่เคารพก็โกรธ แล้วพูดว่าคนที่นี่เขาไม่รู้หรือว่าแฮรี่สำคุญขนาดไหน แฮรี่ก็บอกว่า "ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมชินแล้ว เขาเห็นผมเป็นแค่ ตัวกินที่ (waste of space) เท่านั้นเอง"

ดัดลี่ย์ "ฉันไม่คิดว่านายเป็นแค่ watse of space"
ดัดลี่ย์ในที่สุดก็พึมพัมว่าว่า "นายเป็นคนช่วยชีวิตฉัน"

แฮรี่นึกขึ้นได้ว่าถ้วยชาที่วางอยู่หน้าห้องเขาน่าจะเป็นน้ำใจจากดัดลี่ย์นั่นเอง

ก่อนจากกันดัดลี่ย์เดินมาจับมือกับแฮรี่ แฮรี่พูดว่า "ระวังตัวด้วยล่ะ บิ๊กดี"
ป้าเพ็ตทูเนียเองก็ร้องไห้ และทำท่าเหมือนจะพูดอะไรกับแฮรี่ แต่ก็ไม่ได้พูด

แล้วทุกคนก็จากไป

ลืมชื่อบทที่ 3 การจากไปของเดิสลี่ย์
ตามคุณ Suomi เล่าเลยค่ะ
ต้องให้พวก Dursleys จะไปอยู่ที่ปลอดภัย จะได้ไม่ถูกพวกโวลดี้จับไปทรมานเพื่อให้บอกที่ซ่อนแฮร์รี่ค่ะ แล้วนั่นอาจคือครั้งสุดท้ายที่แฮร์รี่จะได้พบพวก Dursleys อีกค่ะ แอบซึ้งเล็กน้อยเพราะอย่างน้อย ดัดลีย์ก็เหมือนจะจำได้ว่าแฮร์รี่เคยช่วยชีวิตไว้ค่ะ

บทที่ 4 The Seven Potters
พวก Dursleys ไปแล้ว แฮร์รี่ระลึกความหลังกับบ้านหลังนี้ขณะหนึ่งก่อนจะมีคนมารับ แผนคือให้เพื่อน ๆ ดื่มน้ำยาสรรพรสเป็นแฮร์รี่และแยกกันไปแต่ละที่ แล้วค่อยใช้กุญแจนำทางมายังบ้านโพรงกระต่ายค่ะ แฮร์รี่ไปกับแฮกริดโดยมอเตอร์ไซด์คันเดิมที่เคยใช้มาส่งแฮร์รี่ที่บ้านนี่ล่ะ สองคนนี้เดินทางไปที่บ้านพ่อแม่ของท็องก์แล้วใช้กุญแจนำทางไปบ้านโพรงกระต่าย .. มันดันกัสปลอมเป็นแฮร์รี่ไปกับมูดดี้ .. อาเธอร์ไปกับเฟร็ดที่ปลอมเป็นแฮร์รี่ .. ลูปินไปกับจอร์จที่ปลอมเป็นแฮร์รี่ .. บิลไปกับเฟลอร์ที่ปลอมเป็นแฮร์รี่ .. เฮอร์ไมโอนี่ปลอมเป็นแฮร์รี่ไปกับคิงสลีย์ .. รอนปลอมเป็นแฮร์รี่ไปกับท๊องก์ ทั้งหมดไปโดยไม้กวาด หรือ Thestral

ทันทีที่แยกกันไปทุกคนก็ถูกโจมตีจากผู้เสพความตายค่ะ .. ทั้งหนีทั้งสู้วุ่นวายน่าดู แฮร์รี่กำลังสาปให้ผู้เสพความตายตัวแข็ง เขาหันไปเห็น Stan แฮร์รี่เลยใช้คาถาปลดอาวุธแทน สเตนเลยตะโกนบอกคนอื่นว่านี่คือแฮร์รี่ตัวจริง ผู้เสพความตายที่ล้อมอยู่หายไปพักหนึ่ง .. ก่อนจะกลับมาใหม่พร้อมกับโวลเดอมอร์ ที่พยายามจะฆ่าแฮร์รี่ ทันทีที่จะถูกคำสาป ไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่ก็ เอ่อ เรียกไงดีล่ะ act of its own ทำตามใจตัวเอง โดยที่แฮร์รี่ไม่ได้ สั่งหรือโบกไม้น่ะค่ะ .. ไม้ของลูเซียสที่โวลเดอมอร์เอามาใช้ระเบิด โวลเดอมอร์ถอยทัพไป แฮร์รี่กับแฮกริดตกลงที่บ่อน้ำ ตรงบ้านพ่อแม่ท็องก์พอดีค่ะ
อ่านแบบสแกนน่ะ ถูกบ้างผิดบ้าง
สรุปว่าสเนปถูกโวลเดอมอร์ฆ่าเนื่องจากโวลเดอมอร์ต้องการใช้ Elder
Wand ไม้กายสิทธิ์ที่ไปเอามามาจากหลุมฝังศพของดัมเบิลดอร์ แต่โว
ลเดอมอร์ไม่สามารถใช้ elder wand ได้ เพื่อที่จะได้สิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ
ไม้กายสิทธิ์จึงฆ่าสเนปโดยใช้ให้นากินีฝังเขี้ยวพิษลงบนต้นคอ (เพราะสเนปเป็นคนฆ่าเจ้าของไม้กายสิทธิ์คนก่อนหน้าซึ่งก็คือดัมเบิลดอร์)

บทที่ 5 Fallen Warrior
แฮร์รี่กับแฮกริดมายังบ้านพ่อแม่ของท๊องก์อย่าง (ค่อนข้างจะ) ปลอดภัย คุยกันพักหนึ่ง แฮร์รี่ก็เข้าใจว่าทำไมโวลดี้ถึงถอยไป เพราะว่ามอเตอร์ไซด์พุ่มเข้ามาในเขตคาถาคุ้มครองของทางภาคีพอดีค่ะ แฮร์รี่เกือบจะพุ่งไปหาแม่ของท๊องก์เพราะเธอคล้ายกับเบลลาทริกซ์มาก

แฮร์รี่กับแฮกริดใช้กุญแจนำทางกลับไปที่บ้านโพรงกระต่ายเป็นคู่แรก ซึ่งตามที่นัดกัน พวกเขาต้องกลับเป็นคู่ที่สาม ทำให้มอลลี่กับจินนี่เป็นห่วงคนอื่น ๆ มาก .. ไม่นาน ลูปินกับจอร์จก็กลับมา โดยที่จอร์จบาดเจ็บสาหัสเจียนตาย โดนสเนปทำร้ายที่ศีรษะ หูขาดไปหนึ่งข้าง .. เฮอร์ไมโอนี่กับคิงสลีย์ เฟร็ดกับอาเธอร์ รอนกับท๊องค์ บิลกับเฟลอร์ กลับมาอย่างปลอดดภัย .. บิลเล่าว่า กลุ่มเขากับมูดดี้บินอยู่ใกล้ ๆ กัน ทันทีที่โวลเดอเมอร์โจมตี มันดันกัสตื่นตกใจ และหายตัวไป คำสาปของโวลดี้เลยโดนมูดดี้เข้าเต็ม ๆ ที่หน้า กระแทกเขาจนตกจากไม้กวาด และตามที่บิลคาดการณ์ตามที่เขาเห็น มูดดี้น่าจะเสียชีวิตแล้ว

พวกเขาปรึกษากันว่าแผนรั่วได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่รัดกุมและมีการเปลี่ยนกำหนดการเดินทางของแฮร์รี่ใหม่ แต่โวลดี้ก็ยังรู้อยู่ดี แฮร์รี่บอกว่าเขาเชื่อใจทุกคนในที่นั่น จนลูปินเอ่ยปากเตือนว่าเขาเหมือนเจมส์ในเรื่องการเชื่อใจเพื่อน ๆ (แต่ก็ถูกปีเตอร์หักหลังในที่สุด) แฮร์รี่พูดเรื่องไม้กายสิทธิ์ของเขาที่ร่ายเวทย์เองโดยที่เขาไม่ได้ทำ แต่เหมือนไม่มีใครเชื่อ ทำให้แฮร์รี่คิดถึงดัมเบิลดอร์มาก ๆ ว่าเขาคงต้องยอมฟังและแนะนำอะไรดี ๆ ให้ได้ ..

แฮร์รี่เจ็บแผลเป็น แล้วเขาก็เห็นภาพในศีรษะ โวลเดอมอร์กำลังทำร้ายโอลิแวนเดอร์ เรื่องไม้กายสิทธิ์ เพราะคิดว่าโอลิแวนเดอร์โกหกตนเองให้แฮร์รี่รอด เรื่องที่เขาต้องใช้ไม้กายสิทธิ์คนอื่นแทนไม้ของโวลดี้เอง
บท 6 .. Ghoul in pajamas

อีกไม่กี่วันแฮร์รี่จะครบสิบเจ็ด มีเรื่องให้พวกเขาต้องคิดกันเยอะ ทั้งเรื่องงานแต่งของบิลกับเฟลอร์ พวกเขาต้องจัดบ้านเล็ก ๆ ต้อนรับแขกและครอบครัวเฟลอร์ การย้ายภาคีจากบ้านซีเรียสมาที่นี่ยิ่งทำให้สถานที่คับแคบขึ้นไปอีก แล้วยังมีเรื่อง Horcruxes และที่ว่าทั้งสามจะเลิกเรียนไปหา Horcruxes ซึ่งแน่นอนมอลลี่ไม่เห็นด้วย ผิดกับอาเธอร์และพี่น้องคนอื่น

ทั้งสามคุยกันเรื่องมูดดี้ ซึ่งรอนยังแอบหวังว่ามูดดี้อาจจะยังไม่ตายเพราะไม่มีใครพบศพ เฮอร์ไมโอนี่นั่งเลือกหนังสือที่จะเอาไปด้วยในการเดินทางหา Horcruxes ซึ่งแฮร์รี่ก็ยังไม่อยากให้เพื่อน ๆ ต้องมาเสี่ยงชีวิตไปกับเขา เฮอร์ไมโอนี่บอกทั้งน้ำตาว่าเธอถึงขนาดเปลี่ยนความทรงจำพ่อแม่ว่าไม่เคยมีลูกสาว เพื่อให้โวลเดอมอร์ติดตามยากขึ้น ส่วนรอนก็ให้ Ghoul ในบ้านใส่ชุดนอนของเขา หลอกคนอื่นว่าตัวเองป่วยหนักไปเรียนไม่ได้

เฮอร์ไมโอนี่บอกว่าเธอกำลังค้นคว้าเรื่อง Horcruxes ที่เธอเคยหาอ่านในห้องสมุดแล้วไม่เจออะไรเลย หลังจากงานศพดัมเบิลดอร์ เธอนั่งเก็บของในหอหญิง แล้วนึกขึ้นได้เลยลองเสกแอ๊กซิโอดู แล้วหนังสือก็ลอยมาหาเธอจากห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ .. มันเป็นหนังสือ ความลับของศาสตร์มืดที่สุด เป็นหนังสือที่เต็มไปด้วยเรื่องชั่วร้าย มีวิธีสร้าง Horcruxes การรวมวิญญาณและการทำลาย Horcruxes ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก เธอบอกว่าการทำลายต้องทำให้มันเสียหายเกิดกว่าที่จะใช้เวทมนต์ซ่อมแซมได้ เหมือนไดอารี่ของริดเดิ้ลที่จินนี่เอาไปทิ้งชักโครกกลับไม่เป็นไร แต่แฮร์รี่ใช้เขี้ยวบาซิลิซแทง (พิษบาซิลิซรักษาได้ด้วยน้ำตานกฟินิกซ์ซึ่งเป็นแรร์ไอเทม) ไดอารี่ก็หมดสภาพ
บท 7 - The Will of Albus Dumbledore

รอนบอกว่าแฮร์รี่นอนละเมอพูดแต่ชื่อ Gregorovitch ซึ่งพวกเขาก็สงสัยกันว่านี่คือชื่ออะไร แต่ข้อสงสัยก็ถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นแทนเพราะแฮร์รี่อายุครบสิบเจ็ดปีบริบูรณ์แล้ว นั่นหมายถึงแฮร์รี่บรรลุนิติภาวะในโลกพ่อมดและใช้คาถาได้แ้ล้ว (โดยไม่ถูกจับ) แฮร์รี่ได้รับของขวัญวันเกิด .. จินนี่เรียกแฮร์รี่ไปคุยด้วยตามลำพัง บอกว่าเธอนึกไม่ออกว่าจะให้อะไรแฮร์รี่ เลยคิดว่าจะมอบสิ่งที่ทำให้เขาระลึกถึงเธอ พวกเขาจูบกัน กำลังหวานซึ้ง อยู่ ๆ รอนก็เปิดประตูพรวดเข้ามา .. รอนบ่น ๆ ใส่แฮร์รี่ว่าเขาไม่ควรให้ความหวังจินนี่ ซึ่งแฮร์รี่ก็เข้าใจว่าตัวเขาเองอนาคตไม่แน่นอน และบอกว่าจะไม่ถือโอกาสกับจินนี่อีก

คืนนั้นมีจัดงานวันเกิดแฮร์รี่กัน ระหว่างที่ทุกคนกำลังสนุกสนานอยู่ Rufus Scrimgeour รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนต์ ก็โผล่มา เรียกแฮร์รี่ รอน เฮอร์ไมโอนี่เข้าไปคุยเป็นการส่วนตัว ซึ่งก็คือเรื่องพินัยกรรมของดัมเบิลดอร์ ที่ได้มอบของบางอย่างให้พวกเขา .. แฮร์รี่เลยตั้งข้อสงสัยว่า ดัมเบิลดอร์ตายไปตั้งหนึ่งเดือนแล้ว ทำไมเพิ่งเอามาให้ เฮอร์ไมโอนี่บอกว่าทางกระทรวงคงสงสัยว่าของ ๆ ดัมเบิลดอร์จะมีศาสตร์มืด กระทรวงเลยเก็บไปตรวจสอบ

ดัมเบิลดอร์มอบ Deluminator ให้รอน .. หนังสือนิทาน Tale of Beedle, the Bard ส่่วนของแฮร์รี่ คือลูกสนิทช์ของการแข่งขันครั้งแรกของแฮร์รี่ .. ลูกสนิทช์เป็นของวิเศษที่จดจำสัมผัสของคนที่แตะต้องมันได้คนแรก และเก็บซ่อนข้อความความลับได้ ซึ่ง Scrimgeour แน่ใจว่าในนี้ดัมเบิลดอร์ต้องซ่อนอะไรไว้ให้แฮร์รี่แน่ ๆ .. แต่พอแฮร์รี่ถือลูกสนิทช์ไว้ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ Scrimgeour หัวเสียมาก .. ของอีกอย่างที่ดัมเบิลดอร์ให้แฮร์รี่คือดาบของก๊อดดริก กริฟฟินดอร์ ซึ่ง Scrimgeour อ้างว่าดาบเป็นสมบัติอันทรงค่าทางประวัติศาสตร์ เลยไม่ยอมมอบให้แฮร์รี่ ซึ่งพวกเขาสามคนก็เถียงสู้ขาดใจ จน Scrimgeour โกรธจัดยกไม้กายสิทธิ์จิ้มไปที่อกแฮร์รี่จนเสื้อเป็นรู เสียงเอะอะทำให้อาเธอร์กับมอลลี่รีบวิ่งเข้ามาดู Scrimgeour เลยถอยกลับไป

ทั้งสามตรวจสอบของที่ดัมเบิลดอร์เหลือไว้ให้ และพยายามเชื่อมโยงกันว่าจะมีความลับอะไรซ่อนอยู่ .. แฮร์รี่นึกได้ว่าลูกสนิทช์ลูกนี้ ในการแข่งครั้งนั้น เขาไม่ได้ใช้มือจับมัน แต่กลืนมันไว้ต่างหาก ในลูกสนิทช์มีประโยคซ่อนไว้ว่า I open at the close. ซึ่งพวกเขาก็ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร

เฮอร์ไมโอนี่บอกว่า เธอไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้มาก่อน รอนตกใจมากเพราะนี่คือหนังสือนิทานที่เด็กในโลกเวทมนต์ทุกคนรู้จัก แม้แต่เขาเองที่ไม่ชอบอ่านหนังสือยังรู้จักเลย เฮอร์ไมโอนี่ก็เถียงกลับว่าเธอเกิดในโลกของมักเกิ้ล ทำให้เธอฉุดคิดขึ้นมาได้ว่า ทำไมดัมเบิลดอร์ถึงอยากให้เธออ่านหนังสือเล่มนี้
บทที่ 8 - The Wedding

ในงานแต่งงานของบิลกับเฟลอร์ แฮร์รี่ดื่มน้ำยาสรรพรสปลอมตัวเป็นญาติคนหนึ่งของพวกวีสลีย์ ชื่อแบร์รี่ วีสลีย์ (แต่จริง ๆ แล้วใช้ผมจากเด็กหนุ่มมักเกิ้ลผมแดงแถวบ้าน) ทุกคนออกมารับแขกที่มางานแต่ง ซึ่งก็มีเพื่อน ๆ และคนรู้จักมากมาย .. ลูน่ากับพ่อ ชื่อว่า Xenophilius ที่ท่าทางแปลกพอ ๆ กัน .. Auntie Muriel คุณป้าปากร้ายของพวกวีสลีย์ และวิคเตอร์ ครัม ที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง และรอนหึงจนลมออกหู .. พิธีแต่งงานราบรื่น ระหว่างที่รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ออกไปเต้นรำกัน ครัมพูดคุยกับแฮร์รี่ (ที่เขาไม่รู้ว่าคือแฮร์รี่เพราะปลอมตัวอยู่) บอกถึงความผิดปกติของพ่อลูน่าที่เขาสังเหตเห็น เพราะพ่อของลูน่าใส่สร้อยที่มีสัญลักษณ์ของ Grindelvald พ่อมดชั่วร้ายที่ดัมเบิลดอร์เคยประลองกัน แฮร์รี่จึงแก้ตัวให้ลูน่ากับพ่อ พวกนี้เป็นคนแปลก ๆ สนใจสิ่งของแปลก ๆ แบบนี้ ซึ่งครัมดูไม่ค่อยเชื่อ แล้วแฮร์รี่ก็นึกได้ Gregorovitch เป็นคนทำไม้กายสิทธิ์ของครัม ซึ่งเขาเลิกขายไปหลายปีแล้ว ของครัมเป็นไม้สุดท้ายที่เขาขายให้ ทำให้แฮร์รี่นึกเอะใจว่า Gregorovitch หายไปเพราะโวลเดอมอร์หรือเปล่า เขาจะรู้อะไรมากกว่าโอลิเวนเดอร์หรือเปล่า

ในงาน แฮร์รี่พบกับ Elphias Doge ที่เขียนคอลัมม์เกี่ยวกับดัมเบิลดอร์ แฮร์รี่แสดงตัวกับ Elphias และพูดคุยกัน Elphias ไม่พอใจเรื่องหนังสือของริต้า สคีเตอร์ ซึ่งแฮร์รี่ถามเขาว่าสมัยก่อน ดัมเบิลดอร์เคยยุ่งเกี่ยวกับศาสตร์มืดหรือเปล่า Elpias ปฏิเสธ และยืนยันแฮร์รี่ว่าอย่าสั่นคลอนความทรงจำดี ๆ เกี่ยวกับดัมเบิลดอร์ พวกเขากำลังคุยเรื่องริต้าอยู่ ป้า Muriel ก็เข้ามาร่วมวงด้วย บอกว่าเธอชื่นชมและรอคอยหนังสือของริต้าอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งเธอหลุดปากออกมาว่าน้องสาวของดัมเบิลดอร์ Ariana เป็น Squib และดัมเบิลดอร์กักเธอไว้ในบ้านตลอดเวลา และแม่ของเขาเป็นผู้หญิงที่น่ากลัว หยิ่งผยองและกดขี่ข่มเหง ไม่ยอมให้ลูกสาวที่แม้จะเป็น Squib ไปเข้าโรงเรียนมักเกิ้ลเด็ดขาด Elphias เถียงว่า Ariana ป่วยหนักจนไม่สามารถออกไปไหนได้ ป้า Muriel ก็เถียงกลับว่าป่วยหนักแต่กลับไม่เคยไปรักษาตัวที่ St. Mango เลยสักครั้ง และขุดคุ้ยเรื่องที่ว่าแม่ของเขาอาจฆ่าลูกสาวตัวเองก็ได้ถ้าเธอไม่ตายไปซะก่อน หรือไม่ก็ Ariana ต้องการอิสระมากจนฆ่าแม่ตัวเองก็ได้ ซึ่งทำให้ Elphias โกรธจัด .. ป้า Muriel ยังเล่าต่อด้วยว่าเธอแอบฟังแม่กับ Bathilda Bagshot คุยกันว่าในงานศพของ Ariana น้องชายของดัมเบิลดอร์กล่าวโทษดัมเบิลดอร์ว่าเป็นเพราะเขา น้องถึงตายและชกดัมเบิลดอร์ซึ่งเขาก็ไม่ได้ขัดขืนหรือป้องกันเลยแม้แต่นิดเดียวซึ่งแปลกมากเพราะเขาสามารถจัดการ Aberforth ได้อย่างสบาย ๆ และเธอก็แน่ใจว่าริต้าได้ข้อมูลมาจาก Bathilda ซึ่ง Bathilda เป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของดัมเบิลดอร์ อาศัยอยู่ที่ก๊อดดริก ฮาโลว์เหมือนกับดัมเบิลดอร์

สิ่งที่แฮร์รี่ได้รู้ทำให้เขาตกใจมาก ทั้งเรื่องอดีตของดัมเบิลดอร์ที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน และที่น่าตกใจที่สุดคือ ดัมเบิลดอร์เคยอยู่ในเมืองเดียวกับพ่อและแม่ของแฮร์รี่ และเขาไม่เคยพูดหรือบอกเรื่องนี้กับแฮร์รี่เลยสักครั้งเดียว

แต่เขานั่งคิดได้ครู่เดียวเท่านั้น .. เมื่อผู้พิทักษ์ของคิงสลีย์ปรากฏตัวเพื่อส่งข่าวว่า "กระทรวงถูกยึด Scrimgeour เสียชีวิต พวกมันกำลังมา"

บทที่ 9 - A Place to Hide

ในงานแต่งงานโกลาหลมาก ๆ เมื่อทราบข่าวร้าย เฮอร์ไมโอนี่พาแฮร์รี่กับรอนไปยังถนนในเมืองมักเกิ้ล เพราะคิดว่าปลอดภัยจากพวกผู้เสพความตาย เฮอร์ไมโอนี่เตรียมของพร้อมมาในกระเป๋า ซึ่งมีหนังสือ เสื้อผ้าไว้เปลี่ยนและผ้าคลุมล่องหน (พวกเขายังอยู่ในชุดงานปาร์ตี้) เธอให้แฮร์รี่อยู่ใต้ผ้าคลุมล่องหนและพาพวกเขาไปนั่งพักในบาร์เก่า ๆ แห่งหนึ่งเพื่อปรึกษากันว่าจะซ่อนกันที่ไหนดี ในบาร์นั้น แฮร์รี่ที่ล่องหนอยู่เหลือบเห็นแขกในร้านยกไม้กายสิทธิ์จะทำร้ายรอน พวกเขาจึงต่อสู้กันจนผ้าคลุมหล่นไป แต่ก็จับผู้เสพความตายสองคนไว้ได้ พวกเขาเคลียร์พื้นที่ เปลี่ยนความทรงจำคนในนั้นใหม่ และปรึกษากันว่าจะไปไหนดี แฮร์รี่ยืนยันจะกลับไปที่บ้านเก่าซีเรียส แม้เพื่อน ๆ จะไม่เห็นด้วย แต่ก็ไป

ในบ้าน มีคำสาปของพวกภาคีใช้เพื่อดักสเนป พวกเขาปรึกษากันว่าทำไมผู้เสพความตายตามแฮร์รี่มาเจอได้ยังไง แล้วสงสัยว่าร่องรอยติดตามตัวของแฮร์รี่อาจจะยังอยู่ (เอ่อ มันคือ Trace ที่จับพวกอายุต่ำกว่า 17 แล้วใช้คาถาน่ะค่ะ มันผิดกฏหมาย และถ้ามันยังอยู่แฮร์รี่ใช้คาถาเมื่อไหร่ พวกโวลดี้ที่ยึดกระทรวงได้แล้วจะรู้ทันทีว่าแฮร์รี่อยู่ไหน) ระหว่างที่ปรึกษากันอยู่ แฮร์รี่ก็ปวดแผลเป็นและรู้สึกถึงความโกรธของโวลดี้ ที่ลูกน้องปล่อยให้แฮร์รี่หนีไปได้อีก

Note : - ระหว่างเดินบนถนน มีคนวี้ดวิ้วเฮอร์ไมโอนี่ด้วยค่ะ
- เฮอร์ไมโอนี่สั่งคาปูชิโน่มาสองแก้ว (แฮร์รี่อดเพราะล่องหนอยู่ สั่งสามแก้วมันดูแปลก ๆ เพราะนั่งแค่สองคน)
- รอนเกลียดคาปูชิโน่

บทที่ 10 - Kreacher"s tale

แฮร์รี่ตื่นแต่เช้า ยังคงสับสนและว้าวุ่นใจอยู่โดยเฉพาะเรื่องของดัมเบิลดอร์ เขาเดินเรื่อยเปี่อยไปในห้องนอนเก่าของซีเรียส และไปเจอจดหมายเก่าที่ลิลลี่เขียนมาหาซีเรียส เล่าถึงแฮร์รี่สมัยเด็ก ๆ ที่ชอบของขวัญ (ไม้กวาดของเล่น) ของซีเรียสมาก ๆ เล่าว่า ดัมเบิลดอร์ยังไม่ได้คืนผ้าคลุมล่องหนของเจมส์ วอร์มเทลที่มาเยี่ยมเมื่ออาทิตย์ก่อนก็ดูเศร้า ๆ ไป ... Bathilda มาเยี่ยมบ่อย ๆ และรู้สึกจะเอ็นดูแฮร์รี่มาก และได้เล่าเรื่องของดัมเบิลดอร์ให้ฟัง ... จดหมายขาดหายไปเท่านั้น แฮร์รี่พยายามหาส่วนที่เหลือของจดหมายต่อแต่ไม่พบ เนื้อความในจดหมายยิ่งทำให้แฮร์รี่สงสัยหนักขึ้นและอยากจะไปที่ก๊อกดริด ฮาโล่ว์ แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่าผู้เสพความตายต้องไปดักรอแฮร์รี่ที่แถวหลุมศพพ่อแม่ของเขาแน่ ๆ

ระหว่างที่กำลังจะลงไปหาอะไรกิน แฮร์รี่เห็นสัญลักษณ์หน้าห้องที่เขาไม่เคยสังเกตมาก่อน และเห็นชื่อ Regulas Arcturus Black และนึกถึงล๊อกเก็ต R.A.B. ขึ้นมาได้ จึงเข้าไปสำรวจห้องของเรกูลัส ซึ่งเก็บข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับโวลดี้เต็มไปหมด .. เรกูลัสเป็นน้องชายของซีเรียส แต่ต่างจากซีเรียสมาก ๆ อยู่บ้านสลิธีริน เคยเป็นผู้เสพความตาย แต่เมื่อพยายามถอนตัว ก็เลยถูกสังหาร .. เฮอร์ไมโอนี่เลยตั้งข้อสังเกตว่าถ้าเขาเป็นผู้เสพความตาย ได้ใกล้ชิดโวลเดอมอร์ แต่กลับอยากเลิกเพราะอาจจะหมดความเชื่อถือ เขาคงต้องการจะโค่นล้มโวลเดอมอร์แน่ ๆ พวกเขาพยายามหาล็อกเก็ตในห้องแต่ไม่พบ เฮอร์ไมโอนี่เลยนึกถึงตู้เสื้อผ้าที่ใครพยายามเปิด มันจะพ่นขยะใส่ และนึกถึงครีเชอร์

แฮร์รี่เรียกครีเชอร์ออกมา ถามเรื่องล็อกเก็ตและเรกูลัส ครีเชอร์บอกว่าล๊อกเก็ตถูกมันดันกัสเอาไปแล้ว ครีเชอร์เล่าถึงเรกูลัสว่าเป็นคนที่ดีต่อครีเชอร์มาก ผิดกับซีเรียส และครีเชอร์ดีใจและยินดีรับใช้เรกูลัสมาก เมื่อเรกูลัสอายุสิบหกและเข้าร่วมกับโวลดี้ ครีเชอร์ก็ถูกเรียกไปรับใช้โวลดี้ด้วย โวลดี้พาครีเชอร์ไปที่ถ้ำแห่งนั้น และให้ครีเชอร์ดื่มน้ำยาในอ่าง เป็นการทดสอบว่าน้ำยาใช้ได้หรือเปล่า จากนั้นโวลดี้ก็ทิ้งครีเชอร์ไว้ในถ้ำ ครีเชอร์ทรมาน คลานมาดื่มน้ำที่ทะเลสาปแล้วก็ถูกพวกปีศาจดึงลงไปในน้ำ แต่ครีเชอร์รอดมาได้เพราะเรกูลัสเรียกครีเชอร์กลับไปพอดี .. .. จุดนี้แฮร์รี่สงสัยว่าทำไมครีเชอร์ถึงกลับไปได้ เฮอร์ไมโอนี่กับรอนเลยบอกว่าเวทมนต์ของเอลฟ์ไม่เหมือนกับของพ่อมด คำสั่งของเจ้านายคืออันดับหนึ่ง และเอลฟ์สามารถหายตัวได้แม้แต่ในฮอกวอกต์ หลังจากนั้น เรกูลัสขอให้ครีเชอร์พาเขาไปที่ถ้ำ ที่อ่างนั้น ... แต่เรกูลัสไม่ได้ให้ครีเชอร์ดื่มน้ำยานั่น เขาเป็นคนดื่มเอง สั่งครีเชอร์สลับล็อกเก็ตและทำลายมันทิ้ง และสุดท้ายเรกูลัสก็ถูกพวกอินเฟอรี่ดึงไปในทะเลสาป ครีเชอร์กลับมา พยายามทำลายล็อกเก็ตแต่ไม่สำเร็จ นายหญิงก็เสียใจมากที่เรกูลัสหายตัวไป ครีเชอร์ก็ทำโทษตัวเองที่ทำตามคำสั่งไม่ได้ บอกนายหญิงไม่ได้เช่นกันเพราะเรกูลัสห้ามไม่ให้ครีเชอร์บอกเรื่องนี้กับใคร

แฮร์รี่ไม่เข้าใจครีเชอร์ว่าทำไมยังช่วยบอกข่าวให้พวกโวลดี้อีก ทั้ง ๆ โวลดี้เองเคยปล่อยให้มันตาย และเรกูลัสนายของมันพยายามจะล้มล้างโวลดี้ แต่ครีเชอร์กลับทรยศซีเรียส ส่งข่าวให้นาร์ซิสซ่ากับเบลลาทริกซ์ไปบอกโวลดี้อีก เฮอร์ไมโอนี่เลยอธิบายว่าเอลฟ์ประจำบ้านเหมือนเป็นทาสรับใช้ที่ถูกข่มเหงมาตลอด มันจะดีกับพ่อมดที่ใจดีกับมันมาก ๆ เท่านั้น ซึ่งก็คือนายหญิงแบล็คและเรกูลัส ผิดกับซีเรียสทีทำไม่ดีต่อครีเชอร์มาก มันจึงมองนาร์ซิสซ่ากับเบลลาทริกซ์ดีกว่าซีเรียส และนี่คือผลตอบแทนของการกระทำไม่ดีต่อเอลฟ์ประจำบ้าน

เมื่อเข้าใจแล้ว แฮร์รี่จึงสั่งให้ครีเชอร์ติดตามมันดันกัส และค้นหาว่าล็อกเก็ตอยู่ไหน เพราะมันสำคัญมากต่อเรกูลัส และเพื่อไม่ให้เขาตายอย่างไร้ค่า แล้วแฮร์รี่ก็มอบล็อกเก็ตอันที่เรกูลัสทำปลอมเอาไว้ ให้กับครีเชอร์ และบอกมันว่า นี่เป็นของเรกูลัส มอบให้กับมันตอบแทบความภักดีที่มันมีให้ ซึ่งทำให้ครีเชอร์ซาบซึ้งใจมาก ๆ ก่อนมันจากไป มันโค้งคำนับแฮร์รี่กับรอนถึงสองครั้ง ทำเสียงตลก ๆ ใส่เฮอร์ไมโอนี่ ก่อนจะคำนับอย่างนับถือแล้วก็หายตัวไป

Note : - เป็นการย่อความที่ยาวมาก รู้สึกว่ามันสำคัญไปหมดเลย ละไว้แล้วเดี๋ยวอ่านกันไม่รู้เรื่อง
- ในห้องซีเรียสมีรูปรถมอเตอร์ไซค์ด้วย แฮร์รี่คิดว่าพ่อทูนตัวของตัวเองเจ๋งโคตร ๆ .. อ้อ มีรูปสาวสวยมักเกิ้ลใส่บิกินี่ด้วยค่ะ อิอิ
บท 13 The Muggle-born Registration Commission

อัมบริดจ์เข้ามาในลิฟท์พร้อมกับรัฐมนตรีแล้วทักทายเฮอไมโอนี ทำให้รูว่าเธอปลอมเป็นคนที่ต้องทำงานในศาลจดทะเบียนพวก Muggleborn พร้อมกับอัมบริด แฮรีจึงเหลือตัวคนเดียวที่ว่างไปค้นห้องทำงานอัมบริดจ์ ซึ่งอยู่ชั้นเดียวกับรัฐมนตรี พอออกจากลิฟท์มาพร้อมกันรัฐมนตรีก็ถามว่ามาทำไมชั้นนี้ เพราะไม่ใช่ แผนกของ Runcorn แฮรีก็โมเมไปว่าจะมาคุยกับ Mr.Weasley แต่ลงผิดชั้น รัฐมนตรีก็ไม่ว่าอะไร พอลับตาแฮรีก็เอา invisibility cloack มาพรางตัวแล้วเดินหาห้องอัมบริดจ์ หน้าห้องเจอพนักงานกำลังคัดลอกหนังสือของอัมบริดจ์ 2 คน คนนึงกำลังจะบ่นก็ถูกอีกคนห้ามไว้ พนักงานคนแรกเลยของขึ้นที่เพื่อนกลัวเกินเหตุ บอกว่านอกจากตาวิเศษแล้วยังมีหูวิเศษอีกเหรอถึงไม่ให้บ่น แฮรีได้ยินก็เหลือบไปเห็นตาวิเศษของ Mad-Eye ติดอยู่ที่ประตูห้องทำงานอัมบริดจ์ แฮรีจะเข้าไปค้นห้องก็ต้องไม่ทำให้พนักงานหน้าห้องรู้ตอนเปิดประตู เลยเอาระเบิดมาสร้างความวุ่นวายหน้าห้อง ระหว่างชุลมุนก็แอบเปิดประตูเข้าไปในห้อง เข้ามาถึงก็ฉกตา Mad-Eye ซึ่งอัมบริดจ์เอาไว้ใช้แอบดูพนักงงานหน้าห้องทำงานจากในห้อง แล้วใช้คาถา accio เรียก locket แต่ไม่มีอะไรมาจึงเริ่มค้นห้องด้วยตัวเอง ค้นไปค้นมาเจอแฟ้มของ Arther Weasley ให้รายละเอียดว่าเป็นครอบครัว pureblood ซึ่งกำลังถูกจับตาเพราะเคยให้ "Undesirable No.1" มาอยู่ด้วย

หลังจากค้นจนทั่วแน่ใจว่าไม่เจอแน่ รัฐมนตรีก็เข้ามาในห้อง แฮรีรีบคลุมผ้าแล้วแอบออกไประหว่างรัฐมนตรีทิ้งโน้ตไว้ให้อัมบริดจ์ ตอนนี้แฮรีคิดว่าไม่เจอ locket ในกระทรวงแน่ๆจึงจะถอยทัพ โดยลงลิฟท์ไปหาเฮอไมโอนีซึ่งตอนนี้อยู่ในศาล บังเอิญว่ารอนเข้ามาพอดีเพราะไม่สามารถแก้ฝนตกได้เลยต้องไปตามคนอื่นมาทำแทน พ่อรอนก็เข้ามาด้วยแล้วมีปากเสียงกับแฮรีนิดหน่อย เพราะ Runcorn ที่แฮรีสวมรอยอยู่เป็นคนที่ทำเรื่องตรวจสอบพ่อมดที่ปลอมว่าตระกูลตัวเองเป็น pureblood แล้วเกิดไม่พอใจพ่อมดที่กระทรวงคนนึงเลยยัดข้อหาให้ไปนอนเล่นใน azkaban ทำให้พ่อรอนไม่พอใจ หลังจากแยกกันไป แฮรีสวมผ้าคลุมแล้วเดินหาศาล ระหว่างทางเจอ dementor กับพวก Muggleborn ที่กำลังรอขึ้นศาล พอประตูศาลเปิด Mary Cattemole ภรรยาของคนที่รอนสวมรอยก็ถึงคิวถูกเรียกเข้าไป แฮรีแอบตามเข้าไป พบว่าในศาลมี dementor อยู่เต็ม ส่วนคนสอบสวนก็คืออัมบริดจ์ พร้อมด้วย Yaxley (ซึ่งเป็น Death Eater) และ เฮอไมโอนี อัมบริดใช้ Patronus แมวเหมียวกันออรา dementor ไว้ระหว่างสอบสวนจึงไม่หดหู่พร้อมกับคนที่ถูกสอบ แฮรีค่อยๆปีนขึ้นไปหาเฮอไมโอนีแล้วกระซิบบอกแผน ขณะที่อัมบริดกำลังเมามันกับการสอบสวน แฮรีแอบเห็น locket อยู่กับอัมบริด เฮอไมโอนีก็แกล้งชมไปว่าสวยดี อัมบริดเลยโม้ให้ฟังว่าเป็น locket ตระกูลเธอ ซึ่งเป็นญาติกับตระกูล pureblood แฮรีได้ยินก็ฉุนขาดที่เอา locket ที่ริบมาจาก mundungus มาใช้แอบอ้าง pureblood ของตัวเอง เลยเสก stupefy ใส่ทั้งอิมบริดและ Yaxley แล้วรีบเก็บ Horcrux คืน เสก Patronus พา Mrs.Cattermole พร้อมกับ Muggleborn คนอื่นที่รอยู่หน้าศาลฝ่าฝูง dementor เพื่อหนีออกจากกระทรวง รอนเข้ามารวมด้วยแล้วบอกว่ากระทรวงรู้แล้วว่ามีคนบุกรุกเพราะเจอรูที่เคยเป็นลูกตา Mad-Eye หน้าห้องอัมบริด พอมาถึงชั้นเตาผิงก็เจอคนในกระทรวงกำลังปิดเตา แฮรีบอกให้หยุดโดยขู่จะยัดข้อหาแบบเดียวกับที่ทำกับพ่อมดคนก่อน แต่ยังไม่ทันได้หนี Yaxley ขึนลิฟตามมาทัน ทั้งสามรีบเข้าไปในเตา โดยมี Mrs.Cattermole ติดมาด้วย เพราะนึกว่ารอนเป็นสามีตัวจริง รอนจึงบอกความจริงไปว่าไม่ใช่สามี แฮรีเห็น Yaxley โผล่ตามออกมาจากเตาก็รีบจับแขนรอนกับเฮอไมโอนีแล้วพาหายตัวกลับไป Grimmald Place แต่ยังไม่ทันได้เข้าบ้านก็วูบไปซะก่อน

บท 13 จบแค่นี้ครับ ที่วูบไปอีกทีก็คือเฮอไมโอนีถูก Yaxley จับตัวไว้ ทำให้ Yaxley หายตัวมาโผล่ที่ Grimmald Place ด้วย เฮอไมโอนีรู้ว่า Yaxley ติดมาด้วยก็รีบสลัดหลุดแล้วพารอนกับแฮรีหายตัวไปโผล่ในป่าแทน การที่ Yaxley ติดมา Grimmald Place ก็คือฝ่า Fidelius Charm เข้ามาได้ ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อ Secret Keeper เป็นคนบอกเท่านั้น ในเมื่อดัมเบิลดอร์ตายไปแล้วพวกเขาที่เหลือจึงกลายเป็น Secret Keeper แทน แล้วการให้ Yaxley มาเห็น Grimmald Place ก็คือการบอกความลับให้นั่นเอง ดังนั้น Grimmald Place จะไม่ถูกซ่อนไว้อีกแล้ว ทั้งสามคนจังไม่สามารถกลับไปอยู่ได้อีก


จากคุณ : Trekker [ 20 ก.ค. 50 0216 ]
บทที่ 14 "หัวขโมย"

แฮรี่รู้สึกตัวขึ้นมากลางป่า เฮอไมโอนี่กำลังปฐมพยาบาลรอนที่สลบอยู่ เฮอไมโอนี่บอกว่าพวกเขาอยู่ในป่าที่เคยใช้จัดงานควิชดิชเวิร์ลคัพ เฮอไมโอนี่เอาน้ำยาจากในเป้หยดใส่รอน ไม่นานรอนก็ฟื้นขึ้นมา ทั้งสามคนซักถามกันว่าเกิดอะไรขึ้น เฮอไมโอนี่โทษว่าเป็นความผิดของเธอที่ปล่อยให้ Yaxley จับตัวเธอได้จนทำให้บ้านที่กริมโมเพรทถูกเปิดเผย แต่แฮรี่แก้ว่าเป็นความผิดของเขาเองต่างหากที่แอบหยิบตาของแมดอายมาทำให้พวกที่กระทรวงรู้ว่ามีคนบุกรุก พวกเขาตัดสินใจค้างคืนที่ป่านี้ เฮอไมโอนี่เสกคาถาป้องกันนับสิบคาถาไปรอบๆบริเวณ จากนั้นจึงเอาเต้นท์จากในเป้มากางเพื่อใช้เป็นที่พักชั่วคราว เฮอไมโอนี่เอาล๊อกเก็ตที่ฉกจากอัมบริดมาได้ออกมาเวียนกันดู มันยังไม่บุบสลาย

ทั้งสามคนพยายามเปิดล๊อกเก็ตแต่ไม่สำเร็จไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม แฮรี่ตัดสินใจเก็บล๊อกเก็ตไว้ก่อนแล้วค่อยหาวิธีทำลายทีหลัง แฮรี่กับเฮอไมโอนี่ใช้ผ้าคลุมล่องหนออกไปสำรวจรอบๆและเก็บเห็ดมากินประทังหิว รอนต้องนอนพักอยู่ในเต็นท์เพราะยังไม่หายดี ทุกอย่างดูเงียบสงบดีมาก ทั้งสองคนกลับเข้า



วนิพก
#27   วนิพก    [ 11-01-2008 - 17:13:28 ]

จากคุณ : Trekker [ 20 ก.ค. 50 0216 ]
บทที่ 14 "หัวขโมย"

แฮรี่รู้สึกตัวขึ้นมากลางป่า เฮอไมโอนี่กำลังปฐมพยาบาลรอนที่สลบอยู่ เฮอไมโอนี่บอกว่าพวกเขาอยู่ในป่าที่เคยใช้จัดงานควิชดิชเวิร์ลคัพ เฮอไมโอนี่เอาน้ำยาจากในเป้หยดใส่รอน ไม่นานรอนก็ฟื้นขึ้นมา ทั้งสามคนซักถามกันว่าเกิดอะไรขึ้น เฮอไมโอนี่โทษว่าเป็นความผิดของเธอที่ปล่อยให้ Yaxley จับตัวเธอได้จนทำให้บ้านที่กริมโมเพรทถูกเปิดเผย แต่แฮรี่แก้ว่าเป็นความผิดของเขาเองต่างหากที่แอบหยิบตาของแมดอายมาทำให้พวกที่กระทรวงรู้ว่ามีคนบุกรุก พวกเขาตัดสินใจค้างคืนที่ป่านี้ เฮอไมโอนี่เสกคาถาป้องกันนับสิบคาถาไปรอบๆบริเวณ จากนั้นจึงเอาเต้นท์จากในเป้มากางเพื่อใช้เป็นที่พักชั่วคราว เฮอไมโอนี่เอาล๊อกเก็ตที่ฉกจากอัมบริดมาได้ออกมาเวียนกันดู มันยังไม่บุบสลาย

ทั้งสามคนพยายามเปิดล๊อกเก็ตแต่ไม่สำเร็จไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม แฮรี่ตัดสินใจเก็บล๊อกเก็ตไว้ก่อนแล้วค่อยหาวิธีทำลายทีหลัง แฮรี่กับเฮอไมโอนี่ใช้ผ้าคลุมล่องหนออกไปสำรวจรอบๆและเก็บเห็ดมากินประทังหิว รอนต้องนอนพักอยู่ในเต็นท์เพราะยังไม่หายดี ทุกอย่างดูเงียบสงบดีมาก ทั้งสองคนกลับเข้ามานอนพักกันในเต็นท์ แฮรี่นึดเป็นห่วงครีเชอร์ว่าจะเป็นยังไงบ้าง จะถูกจับได้หรือถูกทรมานให้บอกความลับหรือไม่ ครีเชอร์จะขายเขาหรือเปล่า แล้วแฮรี่ก็เจ็บแผลเป็นขึ้นมา เขาเห็น Gregorovitch ถูกจับแขวนไว้กลางอากาศ มีเสียงโวลเดอร์มอร์สั่งให้ Gregorovitch เอาของบางอย่างมาให้ แต่ Gregorovitch บอกว่าของถูกขโมยไปนานแล้ว โวลเดอมอร์ใช้คาถาอ่านความทรงจำของ Gregorovitch จึงได้เห็นว่ามีคนร้ายบุกเข้ามาขโมยของในบ้านของ Gregorovitch เป็นชายหนุ่มผมทองคนหนึ่ง Gregorovitch รู้ตัวแต่คนร้ายหลบหนีไปได้พร้อมของบางอย่าง

โวลเดอร์มอร์ถามว่าคนร้ายเป็นใคร แต่ Gregorovitch ไม่รู้ โวลเดอร์มอร์จึงลงมือทรมาน Gregorovitchเฮอไมโอนี่ได้ยินแฮรี่ร้องละเมอโวยวายจึงเรียกแฮรี่ให้ตื่นขึ้นมา เธอไม่พอใจที่รู้ว่าแฮรี่ยังเห็นภาพโวลเดอร์มอร์อยู่ แฮรี่เล่าเรื่องที่เห็นให้รอนฟัง เขาคิดว่า Gregorovitch คงถูกฆ่าตายแล้ว และของที่โวลเดอร์มอร์ต้องการต้องเป็นของสำคัญ แฮรี่คิดว่าเขาเคยเห็นขโมยคนนั้นมาก่อนแต่ยังนึกไม่ออกว่าเป็นใคร รอนเสนอความคิดว่าเป็นไปได้มั้ยว่าโวลเดอร์มอร์กำลังหาของมาทำ Horcrux อีกอันนึง แต่แฮรี่คิดว่าไม่ใช่ เพราะจากตำราที่เฮอไมโอนี่ค้นคว้า โวลเดอร์มอร์น่าจะแบ่งวิญญาณเพื่อทำ Horcrux จนถึงขีดจำกัดแล้ว

แฮรี่คิดว่าโวลเดอร์มอร์น่าจะกำลังพยายามหาทางแก้ไขข้อจำกัดของ wand ที่จะไม่ทำร้ายพี่น้องกันเองมากกว่าโดยการไปหาข้อมูลจากคนทำ wand แล้วก็ฆ่าทิ้ง แต่โวลเดอร์มอร์กลับไม่ถามถึงวิธีทำสุดยอด wand ที่แท้แล้วโวลเดอร์มอร์กำลัง

พยายามทำอะไรอยู่กันแน่ คราวนี้เป้าหมายการไล่ล่าคนต่อไปของโวลเดอร์มอร์ก็คือหัวขโมยหนุ่มผมทองคนนั้น

บทที่ 15 - The Goblin"s Revenge

พวกเขาต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ เปลี่ยนที่พักไปเรื่อย ๆ และหาอาหารทำกินเอง ซึ่งอัตคัดมาก ๆ แฮร์รี่ไม่สามารถเสกคาถาผู้พิทักษ์ที่เขาเชี่ยวชาญที่สุดได้ เฮอร์ไมโอนี่ตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเพราะล๊อกเก็ต เพื่อแฮร์รี่ถอดออก เขาก็รู้สึกโล่งขึ้น พวกเขาเลยสลับกันสวมล็อกเก็ต พวกเขาปรึกษากันว่า Horcruxes ที่เหลือจะไปอยู่ที่ไหนได้บ้าง ซึ่งก็นึกกันไม่ออก และสภาพจิตใจของพวกเขาก็ย่ำแย่มาก โดยเฉพาะเวลาที่ใส่ล็อกเก็ตและรอนก็เริ่มหงุดหงิด และเป็นห่วงที่บ้านมาก ๆ จนพาลทะเลาะในเรื่องอาหารการกินที่เฮอร์ไมโอนี่จะไม่ค่อยถนัดระหว่างที่เถียงกัน พวกเขาได้ยินเสียง จึงใช้ Extendable Ears (หูที่ฟังเสียงไกล ๆ ได้ของเฟร็ดจอร์จน่ะค่ะ) แอบฟัง พบว่าเป็นพวกก๊อบลินและชายสามคนที่กำลังหลบหนีกระทรวงอยู่ในนั่ง

พักกินอาหารกันแถว ๆ นั้น สามคนคือเท็ด (พ่อของท๊องก์) ดีน โธมัส และ เดิร์ก ทั้งสามเป็นคนที่เกิดจากมักเกิ้ล และไม่ยอมไปลงทะเบียน .. พวกก๊อบลินบอกว่าพวกเขาไม่ยุ่งหรือเข้าข้างใดเพราะเป็นเรื่องสงครามของพ่อมด แต่ Gringott ก็ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของก๊อบลินแต่เพียงผู้เดียวอีกแล้ว พวกมันไม่ชอบผู้ใต้คำสั่งพ่อมด ก็เลยถือโอกาสแก้แค้นพวกพ่อมด ก๊อบลินเล่าข่าวเรื่องจินนี่และเพื่อน ๆ พยายามขโมยดาบกริฟฟินดอร์จากห้องทำงานของสเนป (ห้องอาจารย์ใหญ่นั่นล่ะค่ะ) สเนปเลยเห็นว่าที่โรงเรียนไม่ปลอดภัย เลยเอาฝากไว้ที่ Gringott .. ดาบนั้นพวกก๊อบลินเป็นคนสร้างขึ้น ก๊อบลินได้รู้ทันทีว่าดาบเป็นของปลอม แต่พวกมันก็ไม่ได้พูดอะไร แก้แค้นพวกพ่อมดให้คิดว่าพวกเขามีดาบของจริงอยู่

หลังจากนั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็เอารูปของ Phineas Nigellus Black ออกมาจากกระเป๋า (มหัศจรรย์) และสอบถามเขาเรื่องจินนี่กับดาบ .. จินนี่ เนวิลล์และลูน่าถูกทำโทษให้ไปทำงานให้แฮกริดในป่าต้องห้าม ส่วนเรื่องดาบ ซึ่งเขาบอกว่า ครั้งสุดท้ายที่เห็นดาบถูกเอาออกไป (ไม่นับที่จินนี่ขโมย) คือเมื่อดัมเบิลดอร์หยิบดาบไปทำลายแหวน ... นั่นทำให้แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ตกใจและตื่นเต้นมากที่ทราบว่าดาบสามารถทำลาย Horcruxes ได้ และพวกเขาพยายามนึกว่าดาบเล่มจริงตอนนี้อยู่ที่ไหน

แต่ในตอนนั้น รอน ที่ใส่ล็อกเก็ตและจิตใจห่อเ...่ยวมาก กลับไม่สนใจความตื่นเต้นของพวกเขา และพูดจากระแนะกระแหน๋ ทำให้แฮร์รี่เหลืออด เพราะเขาเองก็เห็นรอนกับเฮอร์ไมโอนี่ซุบซิบกันและเงียบเสียงทันทีที่เขาเข้าไปหาเหมือนกัน พวกเขาทะเลาะกันจนเฮอร์ไมโอนี่เสกโล่ห์ขึ้นกันพวกเขาออกจากกัน รอนถอดล็อกเก็ตออก และถามเฮอร์ไมโอนี่ ว่าจะอยู่หรือเปล่า เฮอร์ไมโอนี่บอกอย่างตะกุกตะกักว่าเธอจะอยู่ พวกเขาต้องอยู่ช่วยแฮร์รี่ รอนกลับบอกว่า เธอเลือกแฮร์รี่ แล้วก็เดินออกจากเต็นท์และหายตัวไปท่ามกลางพายุ

Note : - Phineas Nigellus Black เคยเป็นอาจารย์ใหญ่และเป็นคนตระกูลแบล็ค มีรูปของเขาสองที่ ทั้งที่ฮอกวอกต์และบ้านของซีเรียส .. เฮอร์ไมโอนี่เก็บรูปที่บ้านของซีเรียสใส่กระเป๋าไว้ตั้งแต่ บทที่ 11 เพราะกลัวว่าถ้า Phineas กลับมายังรูปที่บ้านซีเรียส แล้วเห็นพวกเขา Phineas จะเอาไปบอกสเนปค่ะ

- รูปภาพในฮอกวอกส์สามารถติดต่อกันได้ แต่เดินทางออกจากปราสาทไม่ได้เว้นแต่จะมีรูปของตัวเองที่อื่น และไม่สามารถพาคนอื่นไปที่รูปของตัวเองข้างนอกไม่ได้



วนิพก
#28   วนิพก    [ 11-01-2008 - 17:14:03 ]

บทที่ 16 - Godric"s Hollow

รอนจากไปแล้ว แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ยังคงเดินทางต่อไปด้วยกัน แฮร์รี่พยายามไม่พูดถึงรอนเพื่อไม่ให้เฮอร์ไมโอนี่คิดมาก แต่เขารู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่ยังคงเศร้าซึมอยู่ แฮร์รี่ครุ่นคิดว่าดาบจะไปอยู่ที่ไหน และคิดถึงดัมเบิลดอร์ นึกโกรธที่เขาไม่เคยถามอะไรดัมเบิลดอร์เลย ความคิดย้อนกลับไปที่ Godric"s Hollow และเขาปรึกษาเฮอร์ไมโอนี่ว่าเขาอยากกลับไปที่นั่น ใจจริงคือเขาอยากกลับไปยังหลุมศพของพ่อแม่ คราวนี้เฮอร์ไมโอนี่เห็นด้วย และยกเรื่องดาบมาพูดว่า ก๊อกดริก กริฟฟินดอร์เองก็เกิดที่นี่ และยกหนังสือ History of Magic เขียนโดย Bathilda Bagshot ขึ้นมายืนยัน และบอกว่าพ่อแม่หลายคนเคยอาศัยอยู่ที่นี่ แฮร์รี่เชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกันกับ Godric"s Hollow ทั้งดาบของก๊อกดริก กริฟฟินดอร์ ครอบครัวของเขา Bathilda Bagshot ที่อาศัยอยู่ที่นั้น และครอบครัวของดัมเบิลดอร์

พวกเขาฝึกหายตัวใต้ผ้าคลุมล่องหน และปลอมตัวเป็นมักเกิ้ลไปยัง Godric"s Hollow เวลานั้นเป็นช่วงคริสตมาสพอดี ซึ่งทำให้แฮร์รี่คิดถึงตัวเอง ว่าถ้าไม่มีโวลดี้ เขาชีวิตที่เป็นสุข ... ที่ Godric"s Hollow มีอนุสรณ์สถานสงครามอยู่ พอแฮร์รี่เดินผ่าน มันก็เปลี่ยนเป็นรูปปั้นคนสามคน คือพ่อแม่ และตัวเขา ... พวกเขาเดินเข้าไปในส่วนที่ฝังศพ และพบป้ายหลุมศพของคนที่นามสกุลคุ้นเคยมาก ๆ เช่น Abbott .. หลุมศพของแม่และน้องสาวดัมเบิลดอร์มีคำจารึกว่า "Where your treasure is, there will be your heart also." และหลุมศพของเจมส์กับลิลลี่ จารึกไว้ว่า "The last enemy that shall be destroyed to death." ซึ่งแฮร์รี่ก็ยังไม่แน่ใจว่าคำจารึกพวกนี้หมายถึงอะไร และเขานึกโกรธที่ไม่ได้ติดดอกไม้หรือเอาอะไรมาเคารพหลุมศพพ่อแม่ตัวเองเลย เฮอร์ไมโอนี่เสกพวงหรีดคริสตมาสดอกกุหลาบออกมาให้แฮร์รี่ วางบนหลุมศพ .. ทั้งสองเดินออกจากตรงนั้นเงียบ ๆ แฮร์รี่โอบไหล่เฮอร์ไมโอนี่ และเธอก็โอบเอวเขา และเดินจากไป

Note : - ช่วงที่กำลังคิด ๆ กันอยู่ เฮอร์ไมโอนี่อ่านหนังสือนิทานที่ดัมเบิลดอร์ให้ไว้ และพบสัญลักษณ์ของ Grindelvald ในหนังสือ

- Grindelvald คือพ่อมดชั่วร้ายที่เคยประลองกับดัมเบิลดอร์ คนเดียวกับที่ครัมสังเกตเห็นพ่อของลูน่าห้อยสัญลักษณ์นี้
บทที่ 17 There


"แฮรี่ หยุดก่อน"
"มีอะไรผิดปกติหรือ" พวกเขาเพิ่งเดินมาถึงหลุมฝังศพของพวกสกุลแอบบ๊อทคนหนึ่ง
"มีใครบางคนอยู่ที่นั่น ชั้นบอกได้เลยว่าใครบางคนกำลังดูเราอยู่ อยู่บนแท่นที่นั่น"
พวกเขายืนนิ่งกันอยู่ จับมือกันและกัน มองไปในความมืดของสนามหญ้าที่เป็นหลุมฝังศพ แฮรี่ไม่เห็นอะไรผิดปกติ
"เธอแน่ใจหรือ"
"ชั้นเห็นบางอย่างเคลื่อนไหว สาบานได้ ชั้นเห็นจริงๆ"
เธอปล่อยมือจากเขาเพื่อให้มีมือว่างที่จะใช้ไม้กายสิทธิได้
"แต่พวกเราก็ดูเหมือนพวกมักเกิ้ลไม่ใช่หรือ" แฮรี่ถาม
"อ้อ พวกมักเกิ้ลที่เพิ่งวางดอกไม้บนหลุมศพของพ่อแม่ของเธออย่างนั้นนะหรือ ชั้นแน่ใจว่ามีใครอยู่ตรงนั้น"
แฮรี่คิดถึงหนังสือประวัติศาสตร์เวทมนต์ที่กล่าวว่าสนามหญ้าที่เป็นหลุมฝังศพเป็นสถานที่ค่อนข้างน่ากลัวและหลอกหลอน ถ้าหากเพียงแต่ว่า...แต่ในนาทีนั้นเขาได้ยินเสียงใบไม้กรอบแกรบ และเห็นร่องรอยของหิมะบนแท่นที่เฮอร์ไมโอนี่พูดถึง แน่นอนว่าผีไม่สามารถที่จะทำให้หิมะเคลื่อนที่หรือมีร่องรอยได้
"ก็แค่แมว" แฮรี่พูด "หรืออาจจะเป็นนก ถ้ามันเป็นพวกผู้เสพความตาย เราคงตายไปแล้ว แต่ออกไปจากนี่กันเถอะ เราใช้ผ้าคลุมล่องหนได้ "
พวกเขาเหลือบมองกลับไปทางที่จะออกจากสนามหญ้า แฮรี่ไม่ได้รู้สึกสบายใจเหมือนกับที่เค้าได้แสดงออกให้เฮอร์ไมโอนี่เห็น

เขารู้สึกดีใจที่กลับมาที่ประตูและทางเดินเท้าพวกเขาคลุมผ้าคลุมล่องหน เมื่อพวกเขากลับมาที่ผับ ผับดูเหมือนหนาแน่นกว่าก่อนหน้านี้ มีเสียงร้องเพลงเหมือนที่พวกเขาเคยได้ยินที่โบสถ์ แฮรี่คิดจะกลับไปนั่งที่ผับ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไร เฮอร์ไมโอนี่ก็ดึงเขาไปอีกทางหนึ่งที่ตรงข้ามกับทางที่พวกเขาเข้ามา พวกเขาเดินกันมาเรื่อยๆ แฮรี่บอกไม่ได้ว่ากระท่อมหลังสุดท้ายจะสิ้นสุดลงเมื่อไร พวกเขาเดินกันอย่างเร็วที่สุดที่จะทำได้ ผ่านหน้าต่างที่มีแสงไฟวับแวม มีต้นคริสมาสต์มองเห็นเป็นเงาๆ ในความมืด

"เราจะหาบ้านของบาทิลด้าเจอได้อย่างไร"เฮอร์ไมโอนี่ถามและเหลียวหลังไปมอง
"แฮรี่ เธอคิดว่างัยหือ แฮรี่"
หล่อนกระตุกแขนเขา แต่แฮรี่ไม่ได้สนใจ เขามองฝ่าความมืดไปยังบ้านหลังสุดท้ายของแถวนั้น เขาเร่งความเร็วขึ้นและลากเฮอร์ไมโอนี่ไปกับเขา หล่อนลื่นเล็กน้อยบนน้ำแข็ง
"แฮรี่ "
"มอง... มองดูซิ เฮอร์ไมโอนี่."
"ชั้นไม่เห็น . . . โอ้"
พวกเขาเห็นมัน รั้วต้นไม้สูงขึ้นนับตั้งแต่ 16ปีหลังจากที่แฮกริดเอาแฮรี่ไป กระท่อมส่วนใหญ่ยังคงอยู่แต่ถูกปกคลุมด้วยเถาไอวี่และหิมะ.แต่ทางขวาของชั้นบนสุดถูกระเบิดออกไป แฮรี่แน่ใจเลยทีเดียวว่านี่เกิดจากไฟที่เกิดจากคำสาบ เขาและเฮอร์ไมโอนี่ยืนอยู่ที่ประตู และมองไปที่กระท่อม
"น่าประหลาดใจว่าทำไมไม่มีใครคิดจะซ่อมมันเนี่ย" เฮอร์ไมโอนี่กระซิบ
"บางทีพวกเขาอาจจะซ่อมมันไม่ได้ แฮรี่ตอบ "เพราะมันพังเนื่องจากคำสาบด้านมืด จึงไม่สามารถซ่อมได้”
แฮรี่ปล่อยมือจากผ้าคลุมล่องหน และเดินไปที่ประตู ไม่ได้คิดจะเปิดมันออก แต่ก็ทาบมือลงกับส่วนหนึ่งของบ้าน
"เธอไม่ได้คิดจะเข้าไปข้างในใช่ไหม มันมองดูไม่ปลอดภัยเลย มันอาจจะ ...แฮรี่..ดูซิ"

ดูเหมือนว่ามือเขาที่ทาบบนประตูเป็นตัวทำให้เกิดขึ้น มีเครื่องหมายแผ่นป้ายผุดขึ้นตรงพื้นหน้าพวกเขา ผ่านกลุ่มต้นไม้ตรงนั้น มันดูประหลาด อักษรสีทองบนแผ่นไม้เขียนไว้ว่า ที่จุดนี้ คืนวันที่ 31 ตุลาคม 1981 ลิลลี่และเจมส์เสียชีวิต ลูกชายของพวกเขา เด็กชายคนเดียวที่เหลืออยู่จากคำสาบ Killing Curse. บ้านหลังนี้พวกมักเกิ้ลไม่สามารถมองเห็นได้ มันเก็บไว้ในสถานะที่เหมือนกับตอนมันถูกทำลาย มันเป็นเหมือนอนุสาวรีสำหรับพวกพอตเตอร์ เพื่อเตือนให้ระลุกถึงความรุนแรงที่ได้เกิดขึ้นกับครอบครัวเขา และรอบๆ ก็มีคำพูดอื่นๆ ที่เขียนโดยพ่อมดหรือแม่มดที่มายังที่แห่งนี้ ที่ซึ่งเด็กชายที่รอดชีวิตได้หนีไป บางคนได้เซ็นชื่อไว้ด้วย บางคนก็ได้ทิ้งข้อความไว้ ส่วนใหญ่จะเป็นข้อความในลักษณะที่คล้ายๆกันคือ ขอให้แฮรี่โชคดีไม่ว่าแฮรี่จะอยู่ที่ใดก็ตาม ถ้าเธอได้อ่านนี่ แฮรี่ รู้ไว้ว่าพวกเราอยู่ข้างเธอ ขอให้แฮรี่อายุยืน หรืออะไรทำนองนั้น

"พวกเขาไม่ควรเขียนอะไรไว้อย่างนี้" เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างขุ่นเคือง
แต่แฮรี่ก็ไม่ได้หันไปมองเธอ
"มันดูดี ชั้นดีใจที่พวกเขาทำ ชั้น.."

*****จากนี้ไปอย่างย่อค่ะ ละเอียดไม่ไหว *****
หลังจากนั้นก็มีผู้หญิงเดินมาหาพวกเขา หล่อนเป็นแม่มดแน่นอน พวกเขาสงสัยว่าหล่อนจะเป็นบาทิลด้า พวกเขาถามว่าหล่อนคือบาทิลด้ามั้ย หล่อนไม่ตอบ หล่อนเปิดประตู และทำท่าทางให้พวกเขาตามหล่อนเข้าไป พวกเขาตามไปโดยคิดว่าหล่อนเป็นบาทิลด้า ภายในบ้านแฮรี่เห็นรูปถ่ายชายผมทอง เขาจึงพยายามถามหล่อนเกี่ยวกับชายผมทองคนที่ขโมยของในร้าน แต่หล่อนไม่ตอบอะไร หล่อนทำท่าทางต้องการให้ขึ้นไปชั้นบน

เมื่อพวกเขาจะตามหล่อนขึ้นไปข้างบน หล่อนก็ไม่ยอมให้เฮอร์ไมโอนี่ขึ้นไป หล่อนต้องการให้แฮรี่ขึ้นไปเพียงคนเดียว บาทิลด้านำแฮรี่ไปชั้นบน และที่นั่นในห้องแฮรี่ใช้ไม้กายสิทธิ์จุดไฟ และสอบถามหล่อนว่า ดัมเบิลดอร์ฝากอะไรไว้ให้เค้ามั้ย แต่หล่อนไม่สนใจ

หล่อนถามว่าเขาคือแฮรี่มั้ย แฮรี่บอกว่าใช่(สังเกตว่าก่อนหน้านี้หล่อนไม่พูดอะไรเลย ไม่ว่าพวกแฮรี่จะถามว่าหล่อนใช่บาทิลด้ามั้ย หรือ ใครคือขโมยคนนั้น) เมื่อหล่อนแน่ในว่าคือแฮรี่ หล่อนทำปากขมุบขมิบปากพึมพำ แฮรี่ได้ยินประมาณว่า รั้งตัวไว้ เขาถามซ้ำว่าดัมเบิลดอร์ฝากอะไรไว้ให้เค้ามั้ย หล่อนชี้ไปที่มุมห้องและบอกว่า There (นี่มาของชื่อบทที่ 17 นี้งัย) แค่ละลายตาชั่ววินาทีหล่อนก็กลายเป็นงูเข้ามาทำร้ายแฮรี่ เฮอร์ไมโอนี่เข้ามาจังหวะที่กำลังชุลมุนกันอยู่และพยายามช่วยเขา งูนากินีปล่อยเขา มีงูเต็มห้อง มีเสียงระเบิด พวกเขาต่อสู้ พวกเขารู้ว่าลอร์ดโวลเดอมอร์กำลังมา เฮอร์ไมโอนี่พาแฮรี่หายตัวออกมา แต่ตัวเขารู้สึกเหมือนเขาเป็นลอร์ดโวลเดอร์มอร์ที่รู้สึกคลั่งแค้นในนาทีสุดท้ายที่แฮรี่หนีไปได้

แฮรี่มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อพวกเขาอยู่ในเต้นท์ แฮรี่ฝันเกี่ยวกับเรื่องราววันที่พ่อกับแม่ของเขาพยายามพาเขาหนี ช่วยเขา และร้องขอชีวิตของแฮรี่จากลอร์ดโวลเดอร์มอร์ และในที่สุดโดนลอร์ดโวลเดอมอร์ฆ่า เขาตื่นมา เฮอร์ไมโอนี่กำลังดูแลเขา บอกว่าพวกเขาหนีออกมาได้ชั่วโมงกว่าแล้ว ตอนนี้ใกล้รุ่งแล้วเฮอร์ไมโอนี่เล่าเกี่ยวกับที่แฮรีเป็นตอนเขาละเมอว่าเขาครางและออกเสียงเหมือนเป็นลอร์ดโวลเดอมอร์ และอีกทีที่ร้องไห้ทำตัวเหมือนเด็ก(เป็นช่วงที่เค้าฝันถึงพ่อกับแม่ถูกฆ่า)

เฮอร์ไมโอนี่บอกว่าหล่อนเอาฮอร์ครักมาจากตัวแฮรี่ไม่ได้ มันติดกับหน้าอกเค้า มันทำให้เค้ามีรอยตรงหน้าอก(ฮอร์ครักร้อนและมีปฏิกริยาเมื่อตอนเจอบาทิลด้า และเจองูในห้องนั้น) แฮร์รี่โดนงูฉกที่แขนด้วยแต่ไม่เป็นไรมาก แฮรี่ขอโทษที่เค้าพา

เฮอร์ไมโอนี่ไปที่นั่นและทำให้พวกเขาโดนทำร้าย เฮอร์ไมโอนี่บอกว่าเป็นเพราะหล่อนอยากไป หล่อนถามแฮรี่ว่าเกิดอะไรขึ้น

หลังจากที่พวกเขาขึ้นไปข้างบนหล่อนให้งูซ่อนอยู่หรือ แฮรี่บอกว่าไม่ใช่ จริงๆ แล้วงูคือหล่อน หล่อนคืองู เฮอร์ไมโอนี่ตกใจ อะไรนะ แฮรี่บอกว่าบาทิลด้าจะต้องตายแล้วแน่ๆ แล้วลอร์ดโวลเดอร์มอร์ก็ทิ้งงูไว้ในตัวหล่อน เพื่อรอแฮรี่ ซึ่งลอร์ดโวลเดอร์มอร์รู้แน่ว่าแฮรี่จะต้องกลับมาที่นี่เฮอร์ไมโอนี่ตกใจที่มีเวทมนต์อย่างนั้นด้วย แฮรี่บอกว่าก็อย่างที่ลูปินบอกว่าเวทมนต์ทำได้ในสิ่งที่เรานึกไม่ถึง บาทิลด้าไม่ต้องการพูดอะไรเมื่อพวกเราซักถามหล่อนทีแรก หล่อนแค่พยักหน้าหรือผงกหัวหรือส่ายหัว ก็เพราะมันเป็นพาเซลเม้า ซึ่งถ้าพูดแฮรี่ก็ต้องรู้ว่าเป็น Parseltongue, ตอนนั้นแฮรี่บอกว่าเขาไม่ได้นึกถึง แต่เขาเข้าใจที่หล่อนพูด เมื่อขึ้นไปข้างบน หล่อนส่งข่าวไปยังคนที่ก็รู้ว่าใครว่าแฮรี่อยู่ที่นั่น คนที่คุณรู้ว่าใครบอกให้รั้งตัวเขาไว้ที่นั่นและลอร์ดโวลเดอร์มอร์กำลังมา เขาบอกเฮอร์ไมโอนี่ว่างูออกมาจากส่วนที่เคยเป็นคอของบาทิลด้า ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่บอกว่าเธอไม่ต้องการรู้รายะเอียดขนาดนั้น แฮรี่เลยเล่าแค่บาทิลด้าเปลี่ยนเป็นงูและโจมตีเขา

แน่นอนว่าไม่ได้ต้องการจะฆ่าเขา แค่รั้งตัวเขาไว้จนคนที่คุณรู้ว่าใครมาถึง เฮอร์ไมโอนี่บอกให้แฮรี่หยุดเล่าและพักผ่อน แฮรี่ถามถึงไม้กายสิทธิ์ของเขา(ซึ่งเขาจำได้ว่ามันหล่นตอนเขากำลังสู้กับงู)เฮอร์ไมโอนี่ดึงไม้กายสิทธิ์จากใต้เตียงส่งให้แฮรี่ มันดูเหมือนเกือบจะแยกเป็นสองเสี่ยง (โดนแฮรี่เหยียบตอนสู้กับงู)เฮอร์ไมโอนี่ขอโทษที่มันหัก แฮรี่ขอให้หล่อนซ่อมให้เขา เขาทดลองใช้และพบว่าไม้กายสิทธิมีบางสิ่งผิดปกติ ไม่ทำงานอย่างที่เขาสั่ง

เฮอร์ไมโอนี่ขอโทษ เธอบอกว่าเป็นเพราะเธอใช้คาถา Blasting Curse(ทำให้ระเบิด) ในตอนชุลมุน ทำให้มีการสะท้อนของคาถาทุกทิศทางแฮรี่บอกไม่เป็นไร มันเป็นอุบัติเหตุ และคงหาทางซ่อมได้ เฮอร์ไมโอนี่ร้องให้และขอโทษ และเล่าถึงคราวที่รอนทำไม้กายสิทธิหัก มันซ่อมไม่ได้ และรอนก็ต้องซื้ออันใหม่

แฮรี่นึกถีงโอลิเวนเดอร์ที่ถูกลอร์ดโวลเดอร์มอร์จับตัวไป และนึกท้อใจว่าเค้าจะหาไม้กายสิทธิ์ให้ตัวเองด้วยตัวเองได้อย่างไรเขาเอ่ยปากขอยืมไม้กายสิทธิของเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก็ส่งให้ด้วยน้ำตานองหน้า(เพราะเสียใจที่ทำให้ไม้แฮรี่พัง มีแซว) เขาปล่อยให้เธอนั่งเงียบๆบนเตียงเขาไม่ใช่เพราะเสียดายไม้ ตัวเขาคิดเพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรถึงไปจากเฮอร์ไมโอนี่ตรงนี้ได้(desiring nothing more than to get away from her)



วนิพก
#29   วนิพก    [ 11-01-2008 - 17:14:30 ]

บทที่ 18 The Life and Lies of Albus Dumbledore

แฮรี่กำลังรู้สึกอ่อนแอและเสียใจที่ไม้กายสิทธิ์ของเขาพัง เพราะไม้นี้พิเศษกว่าไม้อื่นๆ และเขาไม่คิดว่าเฮอไมนี่จะเข้าใจ เขาเสียการคุ้มครองระหว่างไม้กายสิทธิ์ทั้งสองไปแล้ว (น่าจะหมายถึงการที่ไม้ของเขาและโวลดี้ทำอะไรกันไม่ได้) และรู้ตัวว่าเขาหวังพึ่งพามันมากแค่ไหน

แฮรี่เก็บไม้กายสิทธิ์ที่เหลือใส่กระเป๋า และแตะโดนลูกสนิชที่ดัมเบิลดอร์ให้มา เขารู้สึกอยากหยิบมันโยนทิ้ง ของไร้ค่าที่ดัมเบิลดอร์ทิ้งไว้ให้ แฮรี่รู้สึกโกรธดัมเบิลดอร์มาก เขาค่อนข้างมั่นใจว่า Godric’s Hollow มีคำตอบที่ต้องการ และเขาต้องกลับมาที่นี่ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของความลับของดัมเบิลดอร์ แต่ไม่มีอะไรเลย เขาไม่มีดาบ ไม่มีไม้กายสิทธิ์ เขาทิ้งรูปหัวขโมย (ผมทอง) คนนั้นไว้ โวลดี้คงได้ข้อมูลทุกอย่างและหาตัวหัวขโมยคนนั้นได้แน่

เฮอร์ไมนี่ตามออกมาจากเตนท์เอาชามาให้และบอกว่าเธอรู้ว่าหัวขโมยคนนั้นคือใคร แล้วหยิบหนังสือ The Life and Lies of Albus Dumbledore ออกมา หนังสือเล่มนี้อยู่ในห้องนั่งเล่นของบาทิลด้า แฮรี่เปิดหารูปหัวขโมยในหนังสือในเจอ ใต้รูปเขียนว่า Albus Dumbledore ไม่นานหลังมารดาตายและเพื่อนของเขา Gellert Grindelwald แฮรี่พยายามเปิดหาข้อมูลเกี่ยวกับ Grindelwald เพิ่มและเจอบท The Greater Good (ไม่กล้าแปลอ่ะ กลัวผิด) พูดถึงตอนดัมเบิลดอร์ตอนอายุ 18 ปี จบการศึกษาอย่างภาคภูมิ ได้เป็นทั้ง Head Boy, Prefect, Prefect, Winner of the Barnabus Finkley Prize for Exceptional Spell-Casting, British Youth Representative to the Wizengamot, Gold Medal-Winner for Ground-Breaking Contribution to the International Alchemical Conference in Cairo จากนั้นดัมเบิลดอร์จะออกเดินทางไปกับ Elphias Doge ทั้งสองพักที่ร้านหม้อใหญ่รั่วกำลังเตรียมตัวเดินทางไปกรีซ ก่อนจะได้รับจดหมายจากนกฮูกเรื่องการตายของแม่ของดัมเบิลดอร์ ทำให้ดัมเบิลดอร์ยกเลิกการเดินทาง และกลับไป Godric"s Hollow เพื่อ "ดูแล" น้องชายและน้องสาว (ตรงนี้หนังสือเน้นมา) ดูเหมือนว่าดัมเบิลดอร์จะกลับไปขังน้องสาวตัวเอง Ariana ต่อ

ขณะที่คนอื่นเข้าใจว่าป่วยหนัก(ตรงส่วนของบาทิลด้ายากอ่ะ ขอข้ามนะคะ ใครแปลออกช่วยเสริมด้วยค่ะ)

บาทิลด้าถูกให้ดื่มสัจจะเซรุ่มเพราะเธอเป็นคนเดียวที่รู้ความลับของดัมเบิลดอร์ ทั้งเรื่องที่เขาเกลียดศาสตร์มืด ทัศนคติต่อมักเกิ้ล และครอบครัว

จากนั้นกล่าวถึง Grindelwald ว่าเป็นพ่อมดศาสตร์มืดอันดับต้นๆ รองจากโวลดี้ เคยศึกษาที่ Durmstrang ก่อนจะโดนไล่ออกเพราะการทดลองบางอย่าง จากนั้นมีข่าวว่าเขาออกเดินทางไปเรื่อยๆ ก่อนจะกลับไปเยี่ยมบาทิลด้า (เป็นญาติกัน) ที่ Godric"s Hollow และสนิทกับดัมเบิลดอร์บาทิลด้ายืนยันว่าทั้งสองสนิทกันมาก และส่งจดหมายหากันบ่อยๆ แม้ตอนกลางคืน (มีใจความจดหมายที่เกี่ยวกับ The Greater Good แต่แปลไม่ออกอ่ะ T-T ช่วยที)
บทที่ 18 – The Life and Lies of Albus Dumbledore

แฮรี่ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ได้เผชิญมาที่ก็อดดริก ฮอลโลว์ และรู้สึกโกรธดัมเบิลดอร์อย่างมากที่ไม่ได้บอกอะไรให้พวกเขารู้ พวกเขาไปที่นั่นเพราะคิดว่าจะได้คำตอบที่ตนต้องการรวมถึงเรื่องดาบ แต่กลับต้องไปเผชิญหน้ากับกับดักของโวลเดอมอร์และต้องหนีเอาชีวิตรอดและไม้กายสิทธิ์ของเขายังมาหักเสียอีก กลายเป็นว่าฝ่ายของโวลเดอมอร์ได้ข้อมูลที่เขาต้องการ จากนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็เข้ามาขัดจังหวะความคิดของเขา (ด้วยชาร้อนๆสองแก้ว)และบอกว่ามีอะไรบางอย่างให้ดูที่น่าจะเกี่ยวกับผู้ชายในรูปที่แฮรี่ต้องการรู้ว่าเขาคือใคร และหยิบหนังสือ The Life and Lies of Albus Dumbledore ซึ่งมีลายมือของรีต้า สกีตเตอร์ อยู่ด้วย เป็นข้อความขอบคุณให้กับ Batilda Bagshot ที่ให้ข้อมูลในการทำหนังสือเล่มนี้

แฮรี่หวังว่าเขาจะได้พบข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับดัมเบิลดอร์ที่เขาไม่เคยรู้และที่ดัมเบิลดอร์ไม่เคยบอก เขาจึงเริ่มเปิดหนังสืออ่านไปพร้อมกับเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งในนั้นเขียนไว้ว่ากรินเดอวัลคือเพื่อนของดัมเบิลดอร์ และกล่าวถึงเกียรติยศต่างๆที่ดัมเบิลดอร์ได้รับหลังจบการศึกษาจากฮอกวอร์ตและเขามีแผนจะไปเดินทางท่องเที่ยวกับ Elphias “Dogbreath” Doge แต่ต้องกลับมาที่ก๊อดดริก ฮอลโลว์เพราะต้องดูแลน้องๆของเขา จากนั้นในหนังสือก็ลงบทสัมภาษณ์และเรื่องราวที่เกี่ยวกับครอบครัวของดัมเบิลดอร์ (แน่นอนว่าตามสไตล์ของริต้า สกี้ตเตอร์) และตามด้วยเรื่องราวของ Gallert Grinderwald ว่าเป็นหลานที่ Batilda Bagshot รับเลี้ยงและได้กลายเป็นพ่อมดศาสตร์มืดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคก่อนหน้าโวลด์เดอมอร์ (ลงรายละเอียดค่อนข้างเยอะขอไม่แปลนะคะ แม้ว่าอาจจะสำคัญในภายหลังน่ะนะ ถ้ามีใครมาแปลลงไว้ต่อก็ดี) และกล่าวถึงการตายของ Arina Dumbledore น้องสาวที่เป็นสควิบของดัมเบิลดอร์ว่ามีอะไรที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองคนหรือไม่ มีคำที่เกี่ยวข้องอย่างเช่น ‘For the Greater Good’ จากนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็รีบย้ำกับแฮรี่ว่ามันเป็นหนังสือที่เขียนโดยริต้า สกีตเตอร์และย้ำว่าความสนิทสนมของดัมเบิลดอร์และกรินเดอวัลอาจนำไปสู่หนทางในการสร้างพลังอำนาจต่างๆของกรินเดอวัลก็จริง

แต่ตอนนั้นพวกเขาก็ยังเป็นเด็กหนุ่ม และดัมเบิลดอร์ก็เพิ่งจะสูญเสียพ่อแม่
แต่แฮรี่กลับรู้สึกโกรธอย่างมากและทุ่มเถียงกับเฮอร์ไมโอนี่อย่างรุนแรงเรื่องที่เขารู้สึกว่าดัมเบิลดอร์ละเลยน้องๆของตนเอง สุดท้ายเฮอร์ไมโอนี่ทนไม่ไหวจึงบอกว่าที่แฮรี่รู้สึกโกรธแค้นอย่างมากอาจเป็นเพราะเขาคิดว่าทำไมดัมเบิลดอร์จึงไม่บอกเรื่องเหล่านี้ให้เขารู้ด้วยตนเอง เฮอร์ไมโอนี่ย้ำว่าดัมเบิลดอร์รักและห่วงใยแฮรี่อย่างแน่นอน แต่แฮรี่ไม่เชื่อและบอกว่าดัมเบิลดอร์ทิ้งให้เขาอยู่กับเรื่องราวที่เป็นอันตรายและยุ่งเหยิงมากมายโดยไม่บอกอะไรเขาเลย แต่กลับบอกหลายเรื่องกับกรินเดอวัล แฮรี่บอกให้เฮอร์ไมโอนี่กลับเข้าเต้นท์ไปอยู่ในที่อุ่นๆ เฮอร์ไมโอนี่หันหลังเดินกลับไปและยกมือแตะที่หลังศีรษะแฮรี่อย่างแผ่วเบา

แฮรี่หลับตาลงแวบหนึ่งและภาวนาให้สิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่คิดเป็นจริง ที่ว่าดัมเบิลดอร์
บทที่ 19 - The Silver Doe

พักพลังพวกเขาเหมือนได้ยินเสียงแปลก ๆ ด้านนอก พวกเขาเลยย้ายที่พักโดยการหายตัวใต้ผ้าคลุมล่องหน ครั้งนี้ พวกเขาไปที่ Forest of Dean ที่เฮอร์ไมโอนี่เคยมาตั้งแคมป์กับพ่อแม่ ... รอบด้านคลุมด้วยหิมะ และเงียบสงบ แฮร์รี่ครุ่นคิดเรื่องดัมเบิลดอร์

เรื่องที่เกิดขึ้นที่ Godric"s Hollow และท้ายที่สุด เขาเป็นห่วงและคิดถึงจินนี่มาก ๆ ทันใดนั้น เขาก็เห็นแสงสีเงิน ที่ประหลาดมาก เขาเคยเดินออกไปนอกเขตที่พัก แสงสีเงินนั่นคือผู้พิทักษ์ที่เป็นร่างกวางสาวสีเงินที่งดงามมาก ๆ มันวิ่งหนี แฮร์รี่ตามมันไปจนถึงสระน้ำแข็ง แฮร์รี่รู้สึกเหมือนมีคนวิ่งตามมา แล้วเขาก็เห็นดาบของกริฟฟินดอร์อยู่ใต้สระนั่น

แฮร์รี่มองรอบ ๆ คิดว่าถ้าเป็นผู้เสพความตายตามมา เขาคงถูกทำร้ายแล้ว เขาคิดถึงดัมเบิลดอร์ แปลกใจว่าทำไมดาบมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วเขาก็ทำลายน้ำแข็ง ถอดเสื้อผ้า วางของต่าง ๆ ไว้ แล้วกระโดดลงไปเอาดาบในสระ ... น้ำในนั้นเย็นเฉียบ และสร้างความลำบากให้แฮร์รี่มาก เมื่อเขาเข้าใกล้ดาบ สร้อยคอล็อกเก็ตที่ใส่อยู่ก็รัดคอแฮร์รี่จนหายใจไม่ออก เขาคิดว่าเขาต้องตายแล้วแน่ ๆ แต่ทันใดนั้น ก็มีคนมาช่วย เหมือนกับครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่มาช่วยเขาจากงูขึ้นมาจากน้ำ แฮร์รี่เห็นรอนเปียกโชกไปทั้งตัว มือหนึ่งถือดาบกริฟฟินดอร์ อีกมือถือ Horcruxes ที่สร้อยขาดแล้ว แฮร์รี่ทั้งตกใจ ดีใจและแปลกใจที่เห็นรอนที่นี่ รอนบอกว่าเขาไม่ได้เป็นคนเสกกวางสีเงินนั้นเพราะคิดว่าเป็นผู้พิทักษ์ของแฮร์รี่ ซึ่งแฮร์รี่ก็แย้งว่าผู้พิทักษ์ของตัวเองคือกวางตัวผู้ (Stag) แต่ก่อนที่พูดถึงความสงสัยอื่น แฮร์รี่เรียกรอนมา และขอให้เขาเป็นคนทำลาย Horcruxes ด้วยดาบ เพราะรอนเป็นเขาเอาดาบขึ้นมา และแฮร์รี่คิดว่ามันควรจะเป็นรอน แม้รอนจะดึงดันว่าเขาไม่เหมาะ แต่สุดท้าย รอนก็ยอม .. แฮร์รี่เปิดล๊อกเก็ตด้วยภาษาพาร์เซล ร่างของทอม ริดเดิ้ลก็ปรากฏขึ้น พูดจาถากถางว่ารอนเป็นแค่คนที่อยู่ข้าง ๆ แฮร์รี่เท่านั้น ไม่มีใครสนใจรอน แล้วก็ปลอมเป็นแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่และดูถูก เยาะเย้ยรอนแถมยังจูบกันต่อหน้ารอนด้วย ทำให้รอนเจ็บปวดมาก รอนเงื้อดาบอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ฟันร่างนั้นเสียที จนทอมสร้างภาพต่าง ๆ นานา ๆ ที่ทำร้ายจิตใจรอนมากขึ้น แต่ทุกท้าย รอนก็ฟันร่างทอม ริดเดิ้ลได้

พวกเขากลับมาหาเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งทั้งดีใจ ทั้งโกรธที่รอนไม่ยอมกลับมาเสียที แล้วรอนก็บอกว่าเขาตามเพื่อน ๆ เจอเพราะ Deluminator ที่ดัมเบิลดอร์ให้มา เขาเล่าว่าที่กลับมาเลยไม่ได้เพราะตอนนั้นที่โกรธและหายตัวไป รอนไปเจอกับพวก Snatchers เป็นกลุ่มที่ไล่ตามจับพวกที่เกิดจากมักเกิ้ลและพวกทรยศแล้วไปเอารางวัลจากกระทรวง รอนบอกพวกนั้นว่าเขาคือ Stan ภายหลังก็หนีออกมาได้ แล้วเขาก็มีไม้กายสิทธิ์สำรองด้วย

Note : - เฮอร์ไมโอนี่เป็นผู้หญิงที่น่ากลัวมากค่ะ ...
- แฮร์รี่บอกรอนว่า เขาคิดกับเฮอร์ไมโอนี่เหมือนพี่น้องและแน่ใจ

ว่าเฮอร์ไมโอนี่ก็คิดเหมือนกัน
- เผื่อมีใครยังไม่รู้ ... แฮร์รี่มีค่าหัว หนึ่งพันเกลเลียน ค่ะ
- จบบทนี้ พวกเขายังไม่รู้ว่าใครเสกผู้พิทักษ์มานำทางค่ะ



วนิพก
#30   วนิพก    [ 11-01-2008 - 17:14:49 ]

บทที่ 20 - Xenophilius Lovegood

แม้เฮอร์ไมโอนี่ยังดูงอน ๆ อยู่บ้าง แต่แฮร์รี่ก็รู้สึกดีมากกว่าเดิมเยอะที่พวกเขาทั้งสามกลับมาอยู่ด้วยกันอีก พวกเขาปรึกษากันว่าจะเอาไงต่อ รอนที่ได้อยู่ข้างนอกมาสักพักเอาข่าวมาอัพเดทเพื่อน ๆ เขาไม่ได้กลับไปที่บ้านโพรงกระต่าย แต่ไปอยู่ที่บ้านของบิลกับเฟลอรืแทน แล้วรอนก็บอกว่า ที่พวกกระทรวงและผู้เสพความตายตามพวกเขาเจอได้ก็เพราะพวกเขาเอ่ยชื่อ โวลเดอมอร์ ดังนั้น พวกเขาจึงต้องหยุดเรียกชื่อนั้นและตอนนี้บิลเองก็กำลังหลบหนีอยู่เหมือนกัน .. พวกเขาคุยกันเรื่องผู้พิทักษ์กวางสาว ซึ่งก็ยังสรุปไม่ได้ว่าใครเป็นคนเสก

แฮร์รี่พยายามฝึกใช้ไม้กายสิทธิ์อันใหม่ แต่ก็พบว่ามันมีพลังน้อยกว่าไม้ของตัวเอง ... เฮอร์ไมโอนี่เดินมาหาแฮร์รี่ และบอกว่าเธอต้องการไปพบ Xenophilius Lovegood พ่อของลูน่า และชี้ให้แฮร์รี่ดูในหนังสือประวัติดัมเบิลดอร์ที่ริต้า สคีเตอร์เขียนขึ้น มันมีลายเซ็นต์ของดัมเบิลดอร์ในจดหมายที่เขียนถึง Grindelwald ซึ่งตัว A ในลายเซ็นต์นั้นถูกแทนตัวสัญลักษณ์เล็ก ๆ ที่เหมือนกับสัญลักษณ์ที่พวกเขาเจอในหนังสือนิทานที่ดัมเบิลดอร์ให้เธอ

เฮอร์ไมโอนี่สงสัยเกี่ยวกับสัญลักษณ์นี้ซึ่งโผล่มาหลายครั้งแล้ว ทั้งในหนังสือ หลุมศพหนึ่งใน Godric"s Hollow และเหมือนพ่อของลูน่าจะมีข้อมูลเรื่องสัญลักษณ์นี้พวกเขาเดินทางไปที่บ้านลูน่า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านโพรงกระต่าย

... Xenophilius ต้อนรับพวกเขาอย่างไม่เต็มใจ แฮร์รี่ขอให้เขาช่วย ซึ่งเขาก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี เลยออกไปตามลูน่า ในบ้านนั้นมีแต่ของเวทมนต์ที่แปลกและอันตรายมาก ๆ เมื่อ Xenophilius กลับมา บอกว่าเดี๋ยวลูน่าจะตามมา แฮร์รี่ก็ถามเขาเรื่องสัญลักษณ์ที่ Xenophilius ห้อยอยู่ แต่ Xenophilius เลิกคิ้ว และถามกลับว่า แฮร์รี่กำลังหมายถึงสัญลักษณ์ของ Deathly Hallows อยู่เหรอ

............

- รู้แล้วค่ะ ว่าสเนปเป็นคนเสกผู้พิทักษ์ค่ะ (บทหลัง ๆ ค่ะ ตอนที่แฮร์รี่ดูความทรงจำของสเนปใน Pensive)
- ที่บอกว่าเฮอร์ไมโอนี่น่ากลัว แบบที่พี่ Domingo อธิบายเลยค่ะ ..... ก็ตอนที่เฮอไมโอนี่เห็นรอนนะครับ เธอแสดงท่าทางโกรธมากออกมา แบบว่าแทบจะฆ่ารอนทิ้งเลยแหละ โทษฐานที่รอนทิ้งเธอไปตั้งหลายอาทิตย์ จนแฮรี่ต้องเสกคาถาเกราะป้องกันออกมากั้นระหว่างทั้งสองคนไว้ และรอนก็ต้องเมื่อยปากอธิบายตั้งนานกว่าแฮอไมโอนี่จะอารมณ์เย็นลงได้ ....
บทที่ 21 - The Tale of the Three Brothers #1

เมื่อ Xenophilius พูดถึง Deathly Hallows พวกของแฮร์รี่ก็งุนงงและไม่เข้าใจ จน Xenophilius พูดถึงนิทานเรื่อง The Tale of the Three Brothers ซึ่งรอนกับเฮอร์ไมโอนี่รู้จัก แต่แฮร์รี่ไม่รู้จัก มันเป็นนิทานของพวกพ่อมด และเฮอร์ไมโอนี่ก็หยิบหนังสือที่ดัมเบิลดอร์ให้ออกมา มันคืนเล่มต้นฉบับนิทานของ Beedle the Bard และเล่าให้คนในที่นั้นฟัง

..... ครั้งหนึ่งมีพี่น้องสามคน เดินทางท่องเที่ยวผ่านแม่น้ำสายหนึ่งที่เชี่ยวมาก พวกเขาจึงโบกไม้กายสิทธิ์ สร้างสะพานขึ้นเพื่อเดินข้าม เดธที่เฝ้าอยู่โกรธมากเพราะสามพี่น้องไม่หลงกล นักเดินทางส่วนใหญ่มักจะจมน้ำตายตรงนั้น แต่เดธก็เจ้าเล่ห์พอ จึงบอกว่าเขายินดีจะมอบของขวัญให้สามพี่น้อง

.... คนโต มีนิสัยชอบใช้กำลัง ขอไม้กายสิทธิ์ ที่จะชนะในทุก ๆ การดวลต่อสู้ ไม้กายสิทธิ์ที่คู่ควรกับพ่อมนที่เอาชนะความตาย เดธไปยัง Elder Tree และสร้างไม้กายสิทธิ์จากกิ่งไม้ และมอบให้คนโต

.... คนกลาง เป็นคนที่จองหอง ขอพลังที่จะเรียกคนตายให้ฟื้นคืน เดธจึงหยิบศิลาตรงริมน้ำ มอบให้กับคนรอง

.... คนเล็ก เป็นคนถ่อมตนแต่ฉลาดที่สุด ขอสิ่งที่จะทำให้เขาไปไหนมาไหนได้โดยที่เดธติดตามเขาไปไม่ได้ ซึ่งเดธ โดยไม่เต็มใจนัก มอบเสื้อคลุมล่องหนให้

.... สามพี่น้องเดินทางต่อ ชื่นชมของขวัญที่ได้รับ และแยกย้ายจากกันไปตามจุดหมายของแต่ละคน

.... คนโตเดินทางไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เอาชนะพ่อมดคนอื่นด้วย Elder Wand และโอ้อวดว่าถึงไม้กายสิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุดที่เขาได้มาจากเดธ คืนนั้น พ่อมดคนหนึ่งขโมย Elder Wand ไปขณะที่คนโตกำลังหลับและฆ่าเขาเสีย ... เดธได้ครอบครองคนโตแล้ว

.... คนรองกลับไปที่บ้านและลองใช้ศิลาเรียกคนตาย ซึ่งกลายเป็นหญิงสาวที่เขารักและจะแต่งงานด้วย แต่กลับเสียชีวิตลงก่อนวัยอันควร นางเศร้า หนาว และเจ็บปวดที่ต้องจากเขาไป แต่นางก็อยู่ในโลกนี้ไม่ได้ และก็ทรมาน คนรองเสียสติด้วยความโหยหา และฆ่าตัวตายตามนางไปเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกัน ... เดธได้ครอบครองคนรองแล้ว

.... เดธตามหาคนเล็กอยู่นานหลายปี แต่ก็ไม่พบ นานวันเข้า คนเล็กแก่ชราลง จึงออกจากผ้าคลุมล่องหน มอบต่อให้ลูกชายของเขา คนเล็กทักทายเดธราวกับเพื่อนเก่า และจากไปกับเดธด้วยความยินดี และเท่าเทียมกัน

Xenophilius บอกว่า ทั้งสามนี่คือ Deathly Hallows .. Elder Wand, Resurrection Stone และเสื้อคลุมล่องหน ซึ่งผู้ครองสิ่งสามอย่างนี้จะ *master of Death*+
ทที่ 21 - The Tale of the Three Brothers #2


Xenophilius เชื่อว่าทั้งสามสิ่งมีอยู่จริง แต่เขาไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน หรือหนึ่งในของสามอย่าง ผ้าคลุมล่องหน นั้นอยู่กับพวกแฮร์รี่ในห้องเดียวกันนี้เอง พวกเขาคุยเรื่อง Elder Wand ซึ่ง Xenophilius บอกว่าเป็นสิ่งที่ยังพอติดตามได้บ้าง เพราะไม้กายสิทธิ์ต้องผ่านจากคนหนึ่งสู่คนหนึ่งหากเขาเป็นผู้ครองไม้นั่นจริง แต่ตอนนี้ Xenophilius เองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไม้นั่นไปอยู่ที่ไหนแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ถาม Xenophilius เกี่ยวกับครอบครัว Peverells ซึ่งเป็นชื่อหนึ่งบนหลุมศพที่ Godric"s Hallow ...

Xenophilius บอกว่า สามพี่น้อง Peverells คือคนที่ได้ครอบครอง Hallows ทั้งสาม ซึ่งก็คือสามพี่น้อง Antioch, Cadmus และ Ignotus และเป็นคนเดียวกับสามพี่น้องในนิทานที่ได้ครอบครอง Hallows จริง ๆ

Xenophilius ที่มองนอกหน้าต่างตลอดเวลา ขอตัวลงไปเตรียมอาหารให้ แฮร์รี่ปรึกษาเรื่องที่เพิ่งรู้นี้กับเพื่อน ๆ ซึ่งรอนดูไม่ค่อยเชื่อ เพราะเขาได้ยินนิทานเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ ผิดกับเฮอร์ไมโอนี่และแฮร์รี่ที่อยู่กับมักเกิ้ล เลยมีความเชื่อที่ต่างกันเรื่องการมองว่าของขวัญชิ้นไหนดีที่สุด ซึ่งทั้งสามคนก็เลือกของต่างกัน เฮอร์ไมโอนี่เลือกผ้าคลุม รอนเลือกไม้กายสิทธิ์ แฮร์รี่เลือกศิลา .. แฮร์รี่ให้เหตุผลว่า เขาอาจทำให้พ่อแม่ ซีเรียส หรือดัมเบิลดอร์กลับมาได้ แม้เขาก็รู้ว่าในนิทาน คนที่ตายไปไม่อยากจะกลับมา เฮอร์ไมโอนี่บอกว่า Beedle the Bard น่าจะได้ไอเดียจากศิลาอาถรรพณ์มาเขียนนิทาน ระหว่างที่พูดคุยกัน แฮร์รี่เกิดเอะใจ จึงเดินขึ้นข้างบน และเข้าไปในห้องลูน่า และพบว่าเป็นห้องที่ทิ้งร้างมาสักพัก เขาจึงรู้ว่าลูน่าไม่ได้อยู่ที่นี่สักระยะแล้ว จึงไปถาม Xenophilius ซึ่ง Xenophilius ยอมรับว่า เขาบอกทางกระทรวงแล้วแฮร์รี่อยู่ที่นี่ และที่ต้องทำแบบนี้เพราะพวกผู้เสพความตายจับตัวลูน่าเอาไว้ Xenophilius พยายามจะเสกคาถาจับพวกแฮร์รี่แต่พวกเขาหลบได้ และสะท้อนคาถากลับจนระเบิด Xenophilius ตกบันไดวนลงมาข้างล่าง และพวกผู้เสพความตายก็มาถึงที่บ้านพวกผู้เสพความตายไม่ได้รีบร้อนนัก เพราะคิดว่า Xenophilius โกหกอีก และบอกให้ Xenophilius ขึ้นไปจับแฮร์รี่ลงมา เฮอร์ไมโอนี่วางแผน ให้รอนอยู่ใต้ผ้าคลุมล่องหน เสกคาถาใส่ Xenophilius และทำลายพื้นจนเป็นโพรง พวกเขาหล่นลงไปทับผู้เสพความตายที่อยู่ข้างล่าง และหายไปหนีไปหลังจากที่ผู้เสพความตายเห็นหน้าแฮร์รี่แล้ว

Note : - ตอนคุยกัน มีการพูดถึง Deathstick กับ The Wand of Destiny ซึ่งเป็นชื่อไม้กายสิทธิ์ที่ศาสตราจารย์บินส์เคยพูดถึงในวิชาประวัติศาสตร์เวทมนตร์
- - เฮอร์ไมโอนี่ให้รอนซ่อนในผ้าคลุม เพราะพวกเขาหลอกทางโรงเรียนและกระทรวงว่ารอนนอนป่วยอยู่ที่บ้าน จึงให้พวกผู้เสพความตายเห็นรอนไม่ได้



วนิพก
#31   วนิพก    [ 11-01-2008 - 17:15:10 ]

บท 22 The Deathly Hallows

ทั้งสามหนีมาได้ เฮอร์อธิบายว่า ต้องการให้ deatheater เห็นแฮรี่ก่อนหนีมาเพื่อจะได้รู้ว่า Xeno ไม่ได้โกหก และที่ให้รอนใส่ผ้าคลุมล่องหนเพราะจริงๆ แล้วเขาควรจะป่วยหนักอยู่บ้าน ไม่ใช่มาอยู่กับแฮรี่แบบนี้ ถ้าพวก Deatheater เห็นจะต้องทำร้ายครอบครัวรอนแน่ (ฉลาดมากๆ เฮอร์มี่) จากนั้นทั้งสามก็ถกเถียงกันเรื่อง Deathly Hallow ต่อว่ามีจริงไม่จริง รอนกับแฮรี่เริ่มเอียงไปทางจริง โดนรอนเปรียบเทียบกับ Chamber of Secret ที่เคยเชื่อกันว่าเป็นเพียงตำนาน แต่เฮอร์ยังคงไม่เชื่อ

จากนั้นทั้งสามคุยกันเรื่องครอบครัว Peverell ที่ Xeno บอกว่าเกี่ยวข้องกับ Deathly Hallow โดยตรง และเฮอร์เห็นหลุมศพของ3พี่น้อง Peverell ที่ Godric"s Hollow (Xeno บอกว่าเป็น 3 พี่น้องในเรื่อง Tales of 3 Brothers) แล้วแฮรี่ก็นึกขึ้นได้ว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน จาก Marvolo Gaunt ว่าเขาสืบเชื้อสายมาจากตระกูล Peverell (ป้าเจเล่นแนวนี้อีกแล้วอ่ะ จำไม่ได้นะเนี่ย) และแหวนที่เป็น Horcrux ก็มีตราตระกูล Peverell และคิดว่าตราตระกูล Peverell คือสัญลักษณ์ของ Deathly Hallow นั่นเอง แฮรี่คิดว่าหินบนแหวนของมาโวโลคือ Resurrection Stone ในนิทาน แล้วแฮรี่ก็นึกถึงคำพูดของ Xeno ที่ว่าคนที่รวบรวมของ 3 อย่างได้จะเป็น Master of Death และข้อความบนหลุมศพพ่อแม่แฮรี่ที่ว่า The last enemy that shall be destroyed is death แฮรี่นึกถึงตัวเองที่ครอบครอง Hallow ทั้งสามสู้กับโวลดี้และHorcrux (กลายเป็นเรื่องอะไรไปแล้วเนี่ย -*-)

แฮรี่คิดว่าผ้าคลุมของตนเองคือผ้าคลุมล่องหนของน้องคนสุดท้องในนิทาน และตัวเองสืบเชื้อสายมาจากน้องคนสุดท้อง และอยู่ๆ แฮรี่คิดว่าแหวน Horcrux นั้นซ่อนอยู่ในลูกสนิชที่ดัมเบิลดอร์ให้มา (ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอยู่ๆ คิดได้ไง) ตอนนี้เขาได้ Hallow มาสองอย่างแล้ว เหลืออย่างสุดท้าย Edler Wand แล้วแฮรี่ก็รู้ในที่สุดว่า โวลดี้ตามหา Elder Wand ถึงได้จับโอลิแวนเดอร์และ Gregorovitch ไป
แต่แฮรี่คิดว่าโวลดี้น่าจะไม่เคยได้ยินนิทานเรื่องนี้มาก่อนและไม่รู้จัก Deathly Hallow ดังนั้นโวลดี้อาจจะตามหา Elder Wand เพียงเพราะได้ยินเรื่องไม้กายสิทธิ์ที่มีอำนาจมากกว่าไม้ทั่วไป แต่ไม่รู้ว่ามันคือ Elder Wand ที่เอาชนะได้ทั้งหมด
เฮอร์ไม่เชื่อและคิดว่าแฮรี่คิดไปเอง ส่วนรอนคิดว่าน่าจะทำตามที่ดัมเบิลดอร์บอกคือทำลาย Horcrux ทั้งหมดซะ

ทั้งสามออกเดินทางตามหา Horcrux ไปตามสถานที่ต่างๆ ที่โวลดี้เคยไป
บท 22 The Deathly Hallows

ทั้งสามหนีมาได้ เฮอร์อธิบายว่า ต้องการให้ deatheater เห็นแฮรี่ก่อนหนีมาเพื่อจะได้รู้ว่า Xeno ไม่ได้โกหก และที่ให้รอนใส่ผ้าคลุมล่องหนเพราะจริงๆ แล้วเขาควรจะป่วยหนักอยู่บ้าน ไม่ใช่มาอยู่กับแฮรี่แบบนี้ ถ้าพวก Deatheater เห็นจะต้องทำร้ายครอบครัวรอนแน่ (ฉลาดมากๆ เฮอร์มี่) จากนั้นทั้งสามก็ถกเถียงกันเรื่อง Deathly Hallow ต่อว่ามีจริงไม่จริง รอนกับแฮรี่เริ่มเอียงไปทางจริง โดนรอนเปรียบเทียบกับ Chamber of Secret ที่เคยเชื่อกันว่าเป็นเพียงตำนาน แต่เฮอร์ยังคงไม่เชื่อ

จากนั้นทั้งสามคุยกันเรื่องครอบครัว Peverell ที่ Xeno บอกว่าเกี่ยวข้องกับ Deathly Hallow โดยตรง และเฮอร์เห็นหลุมศพของ3พี่น้อง Peverell ที่ Godric"s Hollow (Xeno บอกว่าเป็น 3 พี่น้องในเรื่อง Tales of 3 Brothers) แล้วแฮรี่ก็นึกขึ้นได้ว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน จาก Marvolo Gaunt ว่าเขาสืบเชื้อสายมาจากตระกูล Peverell (ป้าเจเล่นแนวนี้อีกแล้วอ่ะ จำไม่ได้นะเนี่ย) และแหวนที่เป็น Horcrux ก็มีตราตระกูล Peverell และคิดว่าตราตระกูล Peverell คือสัญลักษณ์ของ Deathly Hallow นั่นเอง แฮรี่คิดว่าหินบนแหวนของมาโวโลคือ Resurrection Stone ในนิทาน แล้วแฮรี่ก็นึกถึงคำพูดของ Xeno ที่ว่าคนที่รวบรวมของ 3 อย่างได้จะเป็น Master of Death และข้อความบนหลุมศพพ่อแม่แฮรี่ที่ว่า The last enemy that shall be destroyed is death แฮรี่นึกถึงตัวเองที่ครอบครอง Hallow ทั้งสามสู้กับโวลดี้และHorcrux (กลายเป็นเรื่องอะไรไปแล้วเนี่ย -*-)

แฮรี่คิดว่าผ้าคลุมของตนเองคือผ้าคลุมล่องหนของน้องคนสุดท้องในนิทาน และตัวเองสืบเชื้อสายมาจากน้องคนสุดท้อง และอยู่ๆ แฮรี่คิดว่าแหวน Horcrux นั้นซ่อนอยู่ในลูกสนิชที่ดัมเบิลดอร์ให้มา (ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอยู่ๆ คิดได้ไง) ตอนนี้เขาได้ Hallow มาสองอย่างแล้ว เหลืออย่างสุดท้าย Edler Wand แล้วแฮรี่ก็รู้ในที่สุดว่า โวลดี้ตามหา Elder Wand ถึงได้จับโอลิแวนเดอร์และ Gregorovitch ไป
แต่แฮรี่คิดว่าโวลดี้น่าจะไม่เคยได้ยินนิทานเรื่องนี้มาก่อนและไม่รู้จัก Deathly Hallow ดังนั้นโวลดี้อาจจะตามหา Elder Wand เพียงเพราะได้ยินเรื่องไม้กายสิทธิ์ที่มีอำนาจมากกว่าไม้ทั่วไป แต่ไม่รู้ว่ามันคือ Elder Wand ที่เอาชนะได้ทั้งหมด
เฮอร์ไม่เชื่อและคิดว่าแฮรี่คิดไปเอง ส่วนรอนคิดว่าน่าจะทำตามที่ดัมเบิลดอร์บอกคือทำลาย Horcrux ทั้งหมดซะ

ทั้งสามออกเดินทางตามหา Horcrux ไปตามสถานที่ต่างๆ ที่โวลดี้เคยไป
บทที่ 22 (ต่อ)
แฮรี่คิดว่าผ้าคลุมของตนเองคือผ้าคลุมล่องหนของน้องคนสุดท้องในนิทาน และตัวเองสืบเชื้อสายมาจากน้องคนสุดท้อง และอยู่ๆ แฮรี่คิดว่าแหวน Horcrux นั้นซ่อนอยู่ในลูกสนิชที่ดัมเบิลดอร์ให้มา (ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอยู่ๆ คิดได้ไง) ตอนนี้เขาได้ Hallow มาสองอย่างแล้ว เหลืออย่างสุดท้าย Edler Wand แล้วแฮรี่ก็รู้ในที่สุดว่า โวลดี้ตามหา Elder Wand ถึงได้จับโอลิแวนเดอร์และ Gregorovitch ไป

แต่แฮรี่คิดว่าโวลดี้น่าจะไม่เคยได้ยินนิทานเรื่องนี้มาก่อนและไม่รู้จัก Deathly Hallow ดังนั้นโวลดี้อาจจะตามหา Elder Wand เพียงเพราะได้ยินเรื่องไม้กายสิทธิ์ที่มีอำนาจมากกว่าไม้ทั่วไป แต่ไม่รู้ว่ามันคือ Elder Wand ที่เอาชนะได้ทั้งหมด
เฮอร์ไม่เชื่อและคิดว่าแฮรี่คิดไปเอง ส่วนรอนคิดว่าน่าจะทำตามที่ดัมเบิลดอร์บอกคือทำลาย Horcrux ทั้งหมดซะ

ทั้งสามออกเดินทางตามหา Horcrux ไปตามสถานที่ต่างๆ ที่โวลดี้เคยไป และมีคุยกันถึงรายการวิทยุ Potterwatch ที่รายงานตามความจริงโดยไม่สนโวลดี้ รอนอยากให้แฮรี่ได้ฟังเลยพยายามหาจนเจอในที่สุด Lee Jordan กำลังรายงานข่าวการตายของ Ted Tonks และ Dirk Cresswell แต่ Dean Thomas หนีไปได้ และมีครอบครัวมักเกิ้ลตาย 5 คน และท้ายสุด พบศพของ Bathilda Bagshot ที่ Godric"s Hollow จากนั้นเป็นเสียงรายงานของ Kingsley, Lupin คั่นด้วยข่าว Xeno ถูกจำคุก และ Hagrid เกือบถูกจับแต่หนีไปได้ จากนั้นเป็นเสียง Fred พูดถึงข่าวลือว่ามีคนเห็นโวลดี้ออกนอกประเทศ แฮรี่คิดว่าโวลดี้ออกตามหา Elder Wand แต่รอนกับเฮอร์ไม่เชื่อเลยทะเลาะกันและแฮรี่ก็พูดชื่อโวลดี้ออกมา ทันใดนั้น ก็มีเสียงคนข้างนอกบอกให้ยกมือขึ้นแล้วเดินออกมา
ในที่สุดรอนก็หาทางเปิดวิทยุได้ มีสถานีพิเศษที่จัดรายการสนับสนุนแฮรี่เป็นการลับ สถานีต้องย้ายที่จัดไปเรื่อยๆเพื่อความปลอดภัย ลี จอแดนเป็นคนจัดรายการ มีคิงลี่กับลูปินเป็นแขกประจำ ทั้งหมดใช้ชื่อปลอม มีการรายงานข่าวเรื่องเทฌด พ่อของท๊องก์กับเดิกและก๊อบลินชื่อ Gornuk ถูกฆ่าตาย ส่วนดีนและกริบฮุกหนีไปได้ และยังรายงานว่าครอบครัวมักเกิ้ลครอบครัวหนึ่งถูกผู้เสพความตายฆ่า และยังรายงานการพบศพบาทิลด้า แบ็กชอตที่ก๊อดดริก ฮอลโลด้วย ทั้งสามคนพยายามพูดให้กำลังใจฝ่ายที่ต่อต้านและบอกว่าแฮรี่ต้องยังไม่ตาย เพราะแฮรี่คือความหวังสุดท้ายของทั้งหมด หากแฮรี่ตายพวกผู้เสพความตายต้องประโคมข่าวนี้แน่นอน จากนั้นก็มีเฟรดมารับเชิญเล่าเรื่องตลกนิดหน่อยก่อนจะปิดรายการไป ทั้งสามคนรู้สึกดีขึ้น แฮรี่เผลอเรียกชื่อโวลเดอร์มอร์ตรงๆออกมา ทันใดนั้นเต็นท์ก็ถูกล้อม
บทที่ 23 มันโคตร



วนิพก
#32   วนิพก    [ 11-01-2008 - 17:15:42 ]

Chapter 23 Malfoy Manor

พวกล่าค่าหัวล้อมเต็นท์ของทั้ง 3 คน เสกคาถาใส่เข้าไปในเต็นท์ ทั้ง 3 คนโดนคาถากันเข้าไปเต็มๆ แฮรี่โดนคาถาเข้าเต็มหน้า ทั้ง 3 คนโดนจับได้ เกรแบ็คเป็นหัวหน้าพวกล่าค่าหัว พวกนี้รู้ที่อยู่ของทั้ง 3 คนเพราะแฮรี่เผลอเรียกชื่อโวลเดอร์มอร์ มีการลงคาถาใส่ชื่อนี้ ใครเรียกชื่อโวลเดอร์มอร์โดยตรงจะถูกระบุที่อยู่ได้และถูกจับกุมข้อหาต่อต้านและถูกสอบสวน

เกรแบ็คถามชื่อทั้ง 3 คน เกรแบ็คจำแฮรี่ไม่ได้เพราะแฮรี่โดนคาถาที่หน้าทำให้มีแผลและมีเลือด(มั้ง)กลบหน้าจนมองไม่ออก แฮรี่อ้าวว่าตัวเองชื่อเวอนอน ดัดลี่ รอนบอกว่าเขาชื่อบาร์ดี้ วีสลี่ที่เป็นญาติห่าง เฮอไมโอนี่บอกว่าเธอชื่อเพเนโลเป้ เคลียร์วอร์เตอร์ ทั้งสามคนอ้างว่าหนีโรงเรียนมา แต่ในราชชื่อนักเรียนไม่มีชื่อเวอนอน ดัดลี่ แฮรี่โดนซักเขาจึงอ้างว่าอยู่บ้านสลิเธอลิน และเนื่องจากแฮรี่เคยแอบเข้าไปในห้องนั่งเล่นของสลิเธอลินตอนปี 2 ทำให้เขาบรรยายภาพได้ถูก แฮรี่ยังอ้างว่ามีพ่อทำงานที่กระทรวง ปรากฏว่ามีคนนามสกุลดัดลี่ทำงานที่กระทรวงจริงๆ เกรแบ็คเกือบหลงเชื่อ แต่มีคนในกลุ่มหยิบเดลี่พรอเฟ็ตออกมา ในนั้นมีภาพเฮอไมโอนี่อยู่ในประกาศจับ เกรแบ็คจึงรู้ว่าพวกเขาโกหก และเวอนอน ดัดลี่จะต้องเป็นแฮรี่ พอตเตอร์ แต่ไม่มีใครแน่ใจ เต็นท์ถูกค้นอย่างละเอียดและดาบกริฟฟินดอร์ถูกยึดไปได้ เกรแบ็คสั่งให้พานักโทษทั้งหมดซึ่งรวมถึงดีน โทมัสและกริบฮุกที่ถูกจับได้ก่อนแล้วไปที่บ้านมัลฟอยล์ที่ถูกใช้เป็นฐานบัญชาการ เดรโกกับลูเซียสที่เคยเจอพวกแฮรี่มาก่อนถูกตามมาระบุตัวแฮรี่ แต่ไม่มีใครกล้าชี้ชัดเพราะหน้าแฮรี่ตอนนี้เยินมาก แต่พวกเขาจำเฮอไมโอนี่กับรอนได้ ยังไม่มีใครกล้าตามตัวโวลเดอร์มอร์มาเพราะถ้าเกิดความผิดพลาดอาจได้รับโทษได้ แฮรี่เริ่มเจ็บแผลเป็นอีกครั้ง โวลเดอร์มอร์ไปพบใครคนนึงเพื่อตามหาของที่แฮรี่เชื่อว่าคือ wand ในตำนาน เบราทริกซ์เข้ามาในห้อง เธอเห็นดาบของกริฟฟินดอร์ที่เกรแบ็คถืออยู่ เธอตกใจมากเพราะเธอได้รับคำสั่งให้ไปดูและกริงกอตและตอนนี้ดาบน่าจะเก็บอยู่ที่นั่น เบราทริกซ์แย่งดาบมาจากเกรแบ็คและโวยวายถามว่าดาบนี่มาได้ยังไง พวกแฮรี่ไม่ตอบ เบราทริกซ์ยืนกรานว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องสอบสวนก่อนจะรายงานโวลเดอร์มอร์ได้ เธอสั่งให้เอานักโทษไปขังที่ห้องใต้ดินยกเว้นเฮอไมโอนี่ รอนพยายามขวางแต่ไม่สำเร็จ

ที่ห้องใต้ดิน แฮรี่ได้เจอลูน่ากับโอลิแวนเดอร์ที่ถูกขังมาก่อน เฮอไมโอนี่ถูกเบราทริกซ์ทรมานให้บอกว่าได้ดาบมาได้ยังไง พวกเขาแอบเข้าไปในกริงกอตได้ยังไง และขโมยอะไรไปอีกบ้าง เฮอไมโอนี่บอกว่าเจอดาบโดยบังเอิญและดาบอันนี้เป็นของปลอม เบราทริกซ์ให้พาตัวกริบฮุกมาดูดาบ ดาบของจริงสร้างโดยก๊อบลิน กริบฮุกต้องดูออก เดรโกมาที่ห้องขังพาตัวกริบฮุกไป แฮรี่แอบกระซิขอร้องให้กริบฮุกโกหก แฮรี่ใช่กระจกสองทางเรียกตัวด๊อบบี้มาช่วย แฮรี่ให้ด๊อบบี้พาลูน่า โอลิแวนเดอร์ และดีนหายตัวหนีไปก่อนค่อยกลัมารับเขากับรอน แต่เสียงหายตัวของเอลฟ์ดังมากจนลูเซียสได้ยิน ลูเซียสสั่งให้หางหนอนลงไปตวจดูห้องใต้ดิน แฮรี่กับรอนรอจังหวะที่หางหนอนเข้ามาในห้องขัง รอนริบ wand ของหางหนอนได้ แฮรี่เอามือปิดปากหางหนอนไม่ให้ส่งเสียง หางหนอนบีบคอแฮรี่ แฮรี่ทวงบุญคุณเรื่องที่เขาเคยช่วยหางหนอน หางหนอนจึงปล่อยมือจากแฮรี่ ทันใดนั้นมือปลอมของหางหนอนที่โวลเดอร์มอร์เสกให้กลับบีบคอตัวเอง แฮรี่กับรอนพยายามช่วยแต่ไม่สำเร็จ หางหนอนตาย(ซะงั้นแหละ)

ที่ด้านบน กริบฮุกบอกเบราทริกซ์ว่าดาบที่ยึดได้เป็นของปลอม เบราทริกซ์จึงใช้รอยแผลที่แขนเรียกตัวโวลเดอร์มอร์ โวลเดอร์มอร์กำลังทรมานชายแก่คนหนึ่งให้บอกว่าของอยู่ที่ไหนแต่ไม่สำเร็จ โวลเดอร์มอร์จึงฆ่าชายแก่นั่น รอนวิ่งขึ้นไปด้านบน ใช้คาถาปลดอาวุธ แฮรี่ที่ตามมายึด wand ของเบราทริกซ์ได้ เบราทริกซ์ใช้มีดขู่จะฆ่าเฮอไมโอนี่ รอนยอมวางอาวุธ ทันใดนั้นโคนไฟเพดานตกลงมาด้วยฝีมือด๊อบบี้ แฮรี่เสกคาถาใส่เกรแบ็ค โวลดอร์มอร์ใกล้จะกลับมาแล้ว แฮรี่สั่งให้บ๊อบบี้รีบพาทุกคนหนี กริบฮุกหยิบดาบได้ด้วย เบราทริกซ์ปามีดใส่ก่อนที่ทุกคนจะหายตัวไป เมื่อไปถึงที่หมาย แฮรี่พบว่าด๊อบบี้โดนมีดปักกลางอก ด๊อบบี้ตายในวงแขนของแฮรี่

บทที่24 ครับ

หลังจาก Dobby ตาย ทุกคนก็วิ่งออกมาหาแฮรี่ โดยที่รอนมาเฮอไมโอนี่เข้าไปพักข้างใน ส่วน Deanกับ nFleur ก็พาGriphook ที่บาดเจ็บไปรักษา

แฮรี่บอกว่าเขาต้องการฝังศพDobby ให้เหมาะสม และปฏิเสธที่จะใช้เวทย์มนตร์เสกหลุมฝังศพ แฮรี่ให้ทุกคนเข้าไปข้างในแล้วเริ่มต้นขุดหลุมด้วยตัวเองคนเดียว ถึงแม้แผลเป็นจะปวดแปลบ แต่แฮรี่ก็เรียนรู้ที่จะควบคุมความเจ็บปวดไว้ (เจอมาหนักนี่เนอะ) ขุดไปก็คิดไป Hallows / Horcruxes / Hallows / Horcruxes แล้วแฮรี่ก็คิดได้ว่า ตอนนี้ Vold อยู่ที่ไหน และนึกถึงหางหนอนที่ถูกฆ่า

สักพัก รอน กับ ดีนก็ออกมาช่วยขุดด้วย พอขุดเสร็จ รอนก็ถอดรองเท้าตัวเองสวมให้ Dobby ส่วนดีนก็เสกย์หมวกให้Harry เอาไปสวมหัวDobby แล้วทุกคนก็ออกมาข้างนอก เฮอร์ไมโอนี่ยังอาการไม่ดี ตัวซีดหนาวสั่น ส่วนลูน่าก็ปิดตาให้ศพของDobby

แฮรี่วางศพของDobby ลงในหลุม ลูน่าบอกว่าทุกคนควรจะพูดอะไรซักหน่อย โดยเธอเป็นคนเริ่มก่อน เธอกล่าวขอบคุณDobby ที่ช่วยชีวิตขจองเธอไว้ และมันไม่ยุติธรรมเลยที่Dobbyจะต้องมาตายทั้งๆที่เป็นคนดีและกล้าหาญ คนอื่นรวมทั้งแฮรี่พูดอะไรไม่ออกนอกจากคำขอบคุณหรือคำลาก่อน หลังจากนั้นพอทุกคนกลับเข้าไปข้างใน แฮรี่ก็ขอเวลาอยู่กับหลุมศพคนเดียวสักพัก

แฮรี่ล้วงเข้าไปในกระเป๋า จับไม้กายสิทธิ์ทั้งสอง แล้วเลือกอันที่สั้นกว่า เขาเสกคาถาใส่หินก้อนใหญ่ๆแถวนั้นเพื่อทำป้ายหลุมฝังศพในDobby “HERE LIES DOBBY, A FREE ELF.”

พอแฮรี่เข้ามาด้านใน Bill ก็บอกว่าได้ย้ายทุกคนจาก Burrow ไปMuriel เรียบร้อยแล้ว เพราะพวก Death Eater รู้ว่า รอนอยู่กับแฮรี่ และครอบคัว Weasley จะตกเป็นเป้าหมายได้ และก็บอกว่าจะย้าย Olivander กับ Griphook ที่บาดเจ็บไปที่ Muriel ด้วย แต่แฮรี่สวนว่า เขาต้องคุยกับสองคนนั่นเป็นการส่วนตัว (ท่าทีแฮรี่ตอนนี้เปลี่ยนไปเลยครับ เข้มโหดทีเดียว) แฮรี่ขอตัวไปล้างมือที่เปลื้อนโคลน ระหว่างที่ล้างแฮรี่ก็คืดไปถึงว่าใครเป็นคนส่งDobby มาช่วย แล้วก็นึกไปถึงประโยคของDumbledore “จะมีความช่วยเหลือที่ฮอกวอร์ตเสมอเมื่อมีคนต้องการ (ภาษาไทยแปลแบบนี้รึเปล่าหว่า)”

(ย่อหน้าต่อไป อยากแปลเต็มๆช่วงครับ เพราะมันคมมากๆ)

........Harry understood and yet did not understand. His instinct was telling him one thing, his brain quite another. The Dumbledore in Harry’s head smiled, surveying Harry over the tips of his fingers, pressed together as if in prayer.
แฮรี่เข้าใจแต่ก็ยังไม่เข้าใจ สัญชาติญาณบอกเขาอย่างหนึ่ง แต่สมองก็บอกเขาอีกอย่าง ภาพของDumbledoreในหัวของแฮรี่กำลังยิ้ม มือประสานกันคล้ายกับกำลังสวดภาวนา
You gave Ron the Deluminator…You understood him…You gave him a way back…
คุณให้Deluminator กับรอน ...... คุณเข้าใจรอน ......คุณให้ทางออกกับเขา

And you understood Wormtail too…You knew there was a bit of regret there, somewhere
และคุณก็เข้าใจหางหนอน ... คุณรู้ว่าเขายังมีความสำนึกผิดซ่อนอยู่ในใจ

… And if you knew them…What did you know about me, Dumbledore? Am I meant to know but not to seek? Did you know how hard I’d feel that? Is that why you made it this difficult? So I’d have time to work that out?
.....ถ้าคุณเข้าใจพวกเขา แล้วผมล่ะ ดัมเบิลดอร์...ผมควรจะได้รู้แต่ห้ามค้นหาอย่างนั้นหรือ ..... คุณรู้ไหมว่ามันหนักหนาเหลือเกิน.... เพราะเหตุนี้เหรอ คุณถึงทำให้มันยากนัก เพื่อจะให้ผมใช้เวลาในการค้นหามัน
(แปลไม่ได้เรื่องเลยตรู แนะนำให้อ่านภาษาอังกฤษครับ ชอบๆๆ)

หลังจากคุ่นคิดอยู่สักพัก แฮรี่ก็ขอคุยกับ Olivander และ Griphook ...Fluer คัดค้านยและบอกว่าพวกเขายังเจ็บหนักอยู่ แต่แฮรี่บอกว่า ไม่มีเวลาแล้วบิลถามว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆแฮรี่ก็โผล่มาพร้อมศพของเอล์ฟ กับ ก๊อบลินที่บาดเจ็บ แฮรี่บอกว่า เขาบอกไม่ได้ และยังบอกอีกว่า บิลก็เป็นสมาชิกของ Order และรู้ว่า Dumbledore ฝากภารกิจไว้ให้ตัวเขา (อย่าถาม ว่างั้นเถอะ) บิลก็เลยถามว่า จะคุยกับใครก่อน คนขายไม้ หรือ ก๊อบลิน

แฮรี่ลังเลว่าจะเอาเรื่องไหนก่อนดี Hallows หรือ Horcruxes ....และก็ตัดสินใจเลือก.....Griphook แฮรี่ขอให้ รอนกับเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปด้วย

Griphook บอกว่าแฮรี่เป็นพ่อมดที่แปลกดูจากที่แฮรี่ทำหลุมฝังศพให้กับ Dobby ซึ่งเป็นเอล์ฟประจำบ้าน แล้วก็มีการถกเถียงเล็กน้อยระหว่างรอนกับ griphook เรื่อง “wand carrier” (ปัญหาระหว่างพวกพ่อมดที่ไม่ยอมให้ goblin ซึ่งสามารถให้เวทย์ได้อยู่แล้ว ถือครองไมกายสิทธิ์ เพราะจะทำให้มีอำนาจยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนรอนเถียงว่า goblin ก็ไม่บอกความลับของการหลอมดลหะกับพวกพ่อมดเหมือนกัน) แล้วก้เข้าสู่หัวข้อหลักที่คุยกับ Griphook ก็คือ แฮรี่บอกว่าจะบุกเข้าปล้นกริงกอร์ต. ... และจะบุกห้องเซฟของตระกูล Lestranges..... ถึง griphook จะบอกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่แฮรี่ก็บอกว่า ก็วันที่ แฮรี่ไปกริงกอร์ตวันแรกไง ที่มีคนบุกเข้าไปสำเร็จ Griphook ก็ปฏิเสธว่านั่นมันห้องเปล่าๆ แต่ของ Lestranges มันต้องแน่นหนาแน่ๆ แล้วยังถามว่า จะเข้าไปทำอะไร เพราะดาบของกริฟฟินดอร์ในห้องนนั้นมันก็ของปลอม (ของจริงอยู่นี่) แฮรี่บอกว่าในห้องมันมันมีอย่างอื่นอีกนอกจากดาบ...griphook บอกว่าความลับลูกค้าเปิดเผยไม่ได้ (แน่ะ เล่นตัวอีก) แฮรี่ขอให้griphook ช่วยพวกเขาในการที่จะบุกเข้าไปในเซฟ ซึ่ง griphook บอกว่าขอคิดดูก่อน.....

พอgriphook ออกมา แฮรี่ก็บอกรอนว่า ตอนที่แฮรี่โกหก เบลลาทริกซ์ว่าบุกห้องเซฟมาแล้ว เบาลาทริกซ์เหมือนกลัวอะไรบางอย่างจับจิต ซึ่งแฮรี่เดาว่าสิ่งของอีกสิ่งที่ซ่อนอยู่ในห้องเซฟก็คือ Horcrux อีกชิ้นหนึ่ง ถึงทำให้ เบลลาทริกซ์ออกอาการเมื่อได้ยินว่าโดนบุกเซฟ

รอนสงสัยเพราะนึกว่า Horcrux จะถูกซ่อนในที่ที่Voldermort เคยไป แล้วก็ถามว่า Voldermort เคยไปกริงกอร์ตเหรอ แฮรี่บอกว่า ตอนเด็ก Voldermort ยากจน น่าจะเป็นปมที่ทำให้อิจฉาพวกที่มีกุญแจเซฟที่กริงกอร์ต จึงเป็นไปได้ว่าความเก็บกดนี้จะทำให้โวลดี้เอาของไปซ่อนที่กริงกอร์ต

ต่อมาก็เป็นคิวของโอลิแวนเดอร์ ...โอลิแวนเดอร์กล่าวขอบคุณแฮรี่ที่ช่วยเขาออกจากการโดนทรมานอย่างหนัก... แฮรี่บอกไม่เป็นไร แล้วก็ส่งไม้กายสิทธิ์ที่หักครึ่งของเขาให้โอลิแวนเดอร์ซึ่งโอลิแวนเดอร์ก็บอกว่า ถ้าเสียหายขนาดนี้คงจะซ่อมไม่ได้แล้ว แฮรี่เลยเอาไม้อีก 2 อันในกระเป๋าให้โอลแวนเดอร์ดู ซึ่งโอลิแวนเดอร์ก็บอกได้ทันทีว่าเป็นของ เบลลาทริกซ์ กับของเดรโก มัลฟอย ...แฮรี่เลยถามว่า แล้วไม้นี่เค้าจะใช้ได้อย่างปลอดภัยมั้ย โอลิแวนเดอร์บอกว่า อาจจะ เพราะถ้าไม้กายสิทธิ์ถูกเอาชนะมาอย่างถูกต้องมันจะรับใช้นายใหม่ได้เต็มที่ รอนก็เอาไม้ของเพตติกรูให้โอลิแวนเดอร์ดู และถามว่าเขาควรจะใช้ไม้อันนี้รึเปล่า โอลิแวนเดอร์บอกว่าได้เ ถ้าเธอเป็นคนเอาชนะมา

แฮรี่เลยถามว่า กฏนี้ใช้ได้กับไม้ทุกอันรึเปล่า โอลิแวนเดอร์บอกว่า น่าจะ และบอกว่าศาสตร์ของไม้กายสิทธิ์มันซับซ้อนมาก แฮรี่เลยถามต่อว่า แล้วจำเป็นจะต้องฆ่าเจ้าของคนเดิมรึเปล่า เพื่อที่จะชิงไม้มา โอลิแวนเดอร์ปฏิเสธว่าคงจะไม้ต้องถึงขนาดฆ่าก็ได้ แฮรี่เลยยกเรื่องเล่าของไม้ที่ส่งต่อกันระหว่างฆาตกร ซึ่งโวลเดอมอร์ตกำลังต้องการไม้นี้อยู่...โอลิแวนเดอร์ตกใจมากว่าแฮรี่รู้เรื่องนี้ได้ยังไง แฮรี่ยังบอกอีกว่า เขารู้ว่า โอลิแวนเดอร์บอกให้โวลเดอมอร์ตใช้ไม้ของคนอื่นแทน เพราะไม้ของทั้งสองเป็นพี่น้องกัน ซึ่งทำให้โอลิแวนเดอร์ยิ่งซีดเข้าไปใหญ่ แต่แฮรี่ไม่ได้ว่าอะไร แล้วเล่าเรื่องที่ ไม้ของแฮรี่เสกคาถาโดยที่แฮรี่ไม่ได้ร่าย.. โอลิแวนเดอร์บอกว่าประหลาดมากและไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน

แฮรี่เลยวกกลับมาที่เรื่องไม้ elder wand หรือ Deathstick หรือ Wand of Destiny (นึกว่า Pick of Destiny ซะอีกแหน่ะ)

โอลิแวนเดอร์เลยว่าว่า โวลเดอมอร์ตนั้นพอใจกับไม้ของตัวเองมาก จนกระทั่งพบว่า ระหว่างไม้ของแฮรี่กับตัวเองมันเชื่อมกัน เลยต้องการหาไม้ใหม่ แฮรี่เลยบอกว่า อีกไม่นานเดี๋ยวโวลเดอมอร์ตก็จะรู้ว่าไม้ของเขาหักไปแล้ว แต่เฮอร์ไม่เห็นด้วย และบอกว่าเขายังไม่รู้ และจะหลอกให้เป็นแบบนั้น แต่แฮรี่บอกว่า ร่องรอยที่บ้าน Malfoy จะทำให้ โวลเดอมอร์ตรู้ว่า เขาใช้ไม้อันอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเอง โอลิแวนเดอร์บอกว่า โวลเดอมอร์ตไม่ได้แค่ต้องการไม้ elder wand เพื่อเอาชนะแฮรี่ แต่ยังต้องการจะไร้เทียมทาน (เป็นหนังจีนไปแล้ว)

แฮรี่เลยทักว่า โอลิแวนเดอร์ใช่มั้ยที่บอกโวลเดอมอรืต ว่าไม้อยู่กับ Gregorovicth ซึ่งก็ทำให้ โอลิแวนเดอร์ตกใจ (เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว) ว่าทำไมแฮรี่รู้ (เยอะนัก) โอลแวนเดอร์บอกว่าเขาลือกันว่าอย่างนั้น และบางทีตัวGregorovitch เองที่เป็นคนปล่อยข่าวนี้ แฮรี่เลยถามต่อว่า โอลิแวนเดอร์ รู้อะไรเกี่ยวกับ deathly Hallows บ้าง ซึ่ง โอลิแวนเดอร์เองก็บอกว่าไม่รู้เลยว่าคืออะไร ...การซักถามโอลิแวนเดอร์จบแค่นี้

ทั้งสามคนออกมาที่หลุมศพของDobby ...ซึ่งแฮรี่เริ่มอธิบายทฤษฎีที่เขาคิดให้ รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ฟัง แฮรี่บอกว่า ไม้เคยอยู่กับ Gregorovitch แต่ก็ถูก Grinderwald ขโมยไป ....ซึ่งในขณะนี้แฮรี่ก็สัมผัสได้ว่า โวลเดอมอร์ตมาอยู่ที่ประตูของฮอกวอร์ตแล้ว...!!!

แฮรี่เล่าต่อว่า ...เมื่อGrinder wald ทรงพลังมากขึ้น ก็โดนปราบ..โดยดัมเบิลดอร์.....ซึ่งก็แปลว่าไม้ elder wand อยู่กับดัมเบิลดอร์นี่เอง...และตอนนี้ไม้ก็อยู่ที่ฮอกวอร์ตนี่แหล่ะ.... รอนเลยบอกว่า งั้นก็รีบไปเอาเลยสิ ...แต่แฮรี่บอกว่า สายไปแล้ว...ป่านนี้ โวลเดอมอร์ตน่าจะไปถึงไม้ก่อนแล้ว

“ไม้ที่ไม่มีทางแพ้นะ แฮรี่” รอนครวญคราง
“ฉันไม่ควรจะไปเอาไม้.....ฉันควรจะไปเอาHorcrux…

ฉากตัดมาที่ โวลเดอมอร์ตกับ กับ สเนป โวลเดอมอร์ตสั่งในสเนปไปรอที่ปราสาท ส่วนตัวเองก็ใช้คาถากำลังกาย แล้วบุกหลุมศพของดัมเบิลดอร์ ศพของดัมเบิลดอร์ยังถูกเก็บไว้อย่างดี และนั่นเอง ที่หน้าอกของศพ สิ่งที่มือทั้งสองประสานไว้....elder wand
โวลเดอมอร์ตชิงไม้มาได้แล้ว.....



วนิพก
#33   วนิพก    [ 11-01-2008 - 17:16:21 ]

บทที่ 25 shell cottage

ยังอยู่ที่กระท่อมเปลือก ห อ ย ริมหาดของบิลกับเฟลอร์ แฮร์รี่ซึ่งบอกว่าจะไม่ตามไปชิง Elder Wand กลับรู้สึกสับสนและลังเล นี่เป็นครั้งแรกที่แฮร์รี่เลือกที่จะไม่ลงมือทำอะไรเลย ยิ่งคิดถึงหลุม ศ พ ดัมเบิลดอร์ยิ่งทำให้แฮร์รี่รู้สึกแย่ เหมือนกับว่าดัมเบิลดอร์ทิ้งความนัยอะไรบางอย่างเอาไว้ให้แฮร์รี่ค้นหาคำตอบ แล้ว แต่ตัวเขาเองมองข้าม มั น ไป ทำให้เขาต้องคอยเหลียวหลังหันกลับมามองอย่างลังเลตลอดเวลาว่าทางที่เลือกเดิ นมานี้ถูกต้องแล้วหรือ

แล้วแฮร์รี่ก็ พ า ล นึกโกรธดัมเบิลดอร์ที่ไม่อธิบายอะไรๆ ให้ชัดเจนไว้ก่อน ต า ย บ้างเลย รอนพยายามเปิดประเด็นว่าดัมเบิลดอร์ ต า ย ไปแล้วจริงๆ รึเปล่าใหม่ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ตั้งท่าค้านตกเต็มที่ พอดีเฟลอร์เดินเข้ามาขัดจังหวะ บอกแฮร์รี่ว่ากริปฮุคอยากคุยกับแฮร์รี่เป็นการส่วนตัวในห้อง ด้วยท่าทีที่ไม่ปิดบังเลยว่าเธอไม่ชอบพวกกอบลินอย่างยิ่ง


ทั้ง สามคุยกันว่าจะเชื่อเรื่องที่กริปฮุคบอกว่าดาบนั้นเป็นของข โ มย มาได้รึเปล่า เฮอร์ไมโอนี่เองก็ไม่แน่ใจ เพราะประวัติศาสตร์ของพ่อมดย่อมไม่เขียนเรื่องแย่ๆ ของพ่อมดไว้ เธอเสริมว่าพวกกอบลินเองก็มีเหตุผลที่ดีที่จะ เ ก ลี ย ด ชิ ง ชั ง พวกพ่อมด เพราะในอดีตพวกพ่อมด ก ด ขี่ ข่ ม เ ห ง กอบลินไว้เยอะมาก

ร อนเสนอแผนว่าจะเอาดาบปลอมให้กริปฮุคไป ยิ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่ได้ที ไ ล่ ทันทีว่าพวกพ่อมดก็คิดกันแบบนี้แหละพวกกอบลินถึงไม่ชอบหน้าเอา เงียบไปอีกพักโดยไม่มีใครคิดออกว่าจะเสนอให้อะไรที่มีค่าพอๆ กับดาบที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ในการทำลายฮอร์ครักซ์เหมือนกันดี

ในท ี่สุดแฮร์รี่ก็ตกลงใจว่าเขาจะยอมให้ดาบกริฟฟินดอร์ไปหลังจากที่กริปฮุคช่วยใ ห้พวกเขาบุกเข้าไปได้สำเร็จแล้ว แต่เขาจะไม่บอกกริปฮุคว่าจะให้ดาบ "เมื่อไหร่" เฮอร์ไมโอนี่ไม่ชอบไอเดียนี้ แต่ไม่มีใครคิดอะไรที่ดีกว่านี้ได้ ในที่สุดแฮร์รี่กับกริปฮุคก็จับมือทำข้อตกลงกันเรียบร้อย ท่ามกลางความชื่นมื่นของกริปฮุคแต่เพียงผู้เดียว

จากนั้นกริปฮุคกับท ั้งสามก็หมกตัวกันวางแผนบุก ป ล้ น กริงก็อตส์ชนิดที่แทบไม่โผล่หัวออกมาดูโลกนอกจากเวลาอาหาร กริปฮุคออกตัวว่าเคยเข้าไปในห้องเซฟของตระกูลเลสแตรงค์เพียงแค่ครั้งเดียวเ ท่านั้นตอนที่เอาดาบปลอมไปเก็บไว้ ห้องนั้นเป็นหนึ่งในห้องเซฟที่เก่าแก่ที่สุด อยู่ลึกที่สุด ได้รับการคุ้มกันอย่างดีที่สุด เหมือนอย่างห้องของตระกูลพ่อมดเก่าแก่ทั้งหลาย ซึ่งนี่เป็นอุปสรรคต่อแผนบุกของพวกเขา และอุปสรรคอีกอย่างคือน้ำยาสรรพรสในสต็อกเหลือเพียงแค่สำหรับ 1 คนเท่านั้น

เฮอร์ไมโอนี่แสดงความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่หลังจากพิจารณาแผนที่ทางเดินที่กริปฮุควาดให้ดูแล้วแฮร์รี่ก็บอกว่ามีเท่ านั้นก็เพียงพอ แฮร์รี่ รอนและเฮอร์ไมโอนี่เริ่มรู้สึกไม่ชอบนิสัย ห ย า บ ค า ย ไร้ความปรานีต่อผู้อื่น (โดยเฉพาะชนเผ่าที่ด้อยกว่า) ของกริปฮุค

แ ต่ยังไงก็ต้องทนจนกว่าแผนจะสำเร็จ และจากความที่เฟลอร์ก็ไม่ชอบ ประจวบกับเรื่องต่างๆ มากมาย วันหนึ่งแฮร์รี่จึงเอ่ยขอโทษกับเฟลอร์ที่ทำให้ต้องลำบากขณะที่ทั้งสองอยู่ใ นครัว เฟลอร์บอกไม่เป็นไร เพราะยังไงแฮร์รี่ก็คือคนที่ช่วยชีวิตน้องสาวของเธอไว้ แล้วเปลี่ยนหัวเรื่องคุยว่าเดี๋ยวเย็นนี้คุณโอลิแวนเดอร์ก็จะไปอยู่บ้านเมอเ รียลแทนแล้ว อะไรๆ ก็คงจะยุ่งน้อยลง แฮร์รี่บอกว่าอีกไม่นานพวกเขาก็จะไปด้วยเหมือนกัน เฟลอร์กับบิลจะได้ไม่ลำบาก เฟลอร์ได้ยินก็บอกแฮร์รี่ว่าห้ามไปไหนนะ อยู่ที่นี่แหละจะได้ปลอดภัย เป็นคำพูดที่แฮร์รี่รู้สึกว่าเหมือนแม่ของรอนจริงๆ พอดีจินนี่กับดีนเปียกฝนโชกกลับเข้าบ้านมาพอดี แฮร์รี่จึงฉวยโอกาสหลบลี้หนีหายไปก่อนจะโดนเฟลอร์ซักถามอะไรอีก

คืน นั้นบิลพาคุณโอลิแวนเดอร์ไปส่งบ้านเมอเรียล เฟลอร์จึงฝากเทียร่าประดับเพชรกับมูนสโตนที่ยืมมาใช้ในงานแต่งไปคืนป้าเมอเ รียลของครอบครัววีสลีย์ด้วย กริปฮุคเห็นเทียร่านั้นก็ทักขึ้นว่าเป็นของที่ทำโดยกอบลินสินะ บิลตัดบทว่าและเป็นของที่พ่อมดจ่ายเงินให้แล้ว จากนั้นบิลกับโอลิแวนเดอร์ก็ฝ่าลมแรงออกจากบ้านไป คนอื่นๆ ก็ตั้งโต๊ะกินมื้อเย็นกัน จนบิลกลับมา และบอกว่าทุกคนที่นั่นฝากความคิดถึงมาให้ด้วย

ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกั นอยู่บนโต๊ะอาหาร ก็ได้ยินเสียงเคาะที่ประตู ปรากฏว่าเป็นลูปินโผล่เข้ามาบอกว่าท็องส์คลอดลูกแล้ว เป็นเด็กผู้ชายชื่อเท็ด ได้ยินอย่างนั้นทุกคนจึงเข้ามาแสดงความยินดีกับลูปิน (ยกเว้นกริปฮุค) ลูปินบอกว่าตนกับท็องส์เห็นพ้องต้องกันว่าจะให้แฮร์รี่เป็นพ่อทูนหัวของลูก ชาย แฮร์รี่ได้ยินอย่างนั้นก็รับปากไปอย่างงงๆ เฟลอร์ถามว่าเท็ดหน้าตาเหมือนใคร ลูปินบอกว่าคงเหมือนท็องส์ เพราะสีผมของเท็ดเปลี่ยนได้ด้วย

หลังจากดื่มไวน์ฉลองไปหลายแก้วลูป ินก็ขอตัวกลับ แต่คนที่เหลือในบ้านยังคงฉลองข่าวดีนี้อย่างรื่นเริงกันต่อไป บิลกับแฮร์รี่ช่วยกันเก็บโต๊ะ ขณะที่อยู่ในครัว บิลเปิดประเด็นเรื่องที่แฮร์รี่กำลังวางแผนอะไรอยู่กับกริปฮุค บิลเอ่ยขึ้นว่าตนทำงานกับกอบลินมานานจนรู้จักพวกกอบลิน มีเพื่อนเป็นกอบลิน และเตือนแฮร์รี่ว่าจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการทำสัญญาตกลงอะไรกับกอบลิน โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับสมบัติ เพราะวิธีคิดของพวกกอบลินในเรื่องของความเป็นเจ้าของนั้นแตกต่างจากของพวกพ่ อมด โดยที่พวกกอบลินถือว่า สิ่งของต่างๆ ถือเป็นสิทธิ์ของคนที่สร้างขึ้น วัตถุต่างๆ ที่กอบลินสร้าง ในทัศนะของกอบลิน จึงถือว่าเป็นของกอบลินเสมอ แม้พวกพ่อมดจะจ่ายเงินให้ กอบลินก็จะถือว่านั่นคือการให้เช่าเฉยๆ เมื่อพ่อมดที่เป็นเจ้าของตายสิ่งของก็ควรจะกลับมาเป็นของกอบลินผู้สร้าง ไม่ใช่เป็นของตกทอดเปลี่ยนมือกันไประหว่างพวกพ่อมด ดังนั้นการยกของที่กอบลินสร้างตกทอดให้พ่อมดคนอื่นจึงเป็นการขโมยในสายตาขอ งกอบลิน ในเมื่อแนวคิดเรื่องสิทธิ์แตกต่างจากของพวกพ่อมดเช่นนี้จึงทำให้เกิดความไม ่เข้าใจกันและไม่พอใจขึ้น พวกกอบลินจึงมีความเชื่อกันว่าพวกพ่อมดนั้นไว้ใจไม่ได้ในเรื่องเงินๆ ทองๆบิลกล่าวสรุปว่าจะทำสัญญาอะไรกับกอบลินก็ให้ระวัง แฮร์รี่ก็รับปากว่าจะจำใส่ใจไว้
บทที่ 26 "กริงกอทท์"

ห ลังจากใช้เวลาวางแผนนานหลายวัน ในที่สุดพวกแฮรี่ก็พร้อมบุกกริงกอทท์ คืนก่อนออกเดินทางแฮรี่เอา wand ของเบราทริกซ์ให้เฮอไมโอนี่ ใช้แทนอันของเธอที่หายไป เฮอไมโอนี่ไม่ชอบใจนักเพราะ wand อันนี้เคยใช้ทำเรื่องเลวร้ายมาก และมันยังไม่ยอมรับเธอเต็มที่ เฮอไมโอนี่บ่นที่ลูน่าได้ wand อันใหม่เป็นของขวัญจากโอลิแวนเดอร์ เธอน่าจะได้บ้าง แฮรี่ใช้ wand ของมัลฟอยล์ที่ยึดมาได้ ส่วนรอนใช้ wand ของหางหนอน ตามแผนที่วางไว้ เฮอไมโอนี่จะปลอมเป็นเบราทริกซ์เข้าไปในธนาคารและรอนจะปลอมตัวเป็นนักลงทุนจ ากสแกนดิเนเวียที่เบราทริกซ์ต้องดูแล ส่วนแฮรี่กับกริดฮุกจะซ่อนตัวอยู่ในผู้คลุมล่องหน

เมื่อไปถึงตรอกไดแ อกอน เทรเวอร์เข้ามาทักเบราทริกซ์(เฮอไมโอนี่) เขาสงสัยว่าเบราทริกซ์น่าจะยังถูกขังอยู่ในบ้านมัลฟอยล์เพราะโดนทำโทษที่ปล่ อยให้แฮรี่หนีไป เฮอไมโอนี่บอกว่าดาร์กลอร์ดให้อภัยคนที่จงรักภักดีมากกว่าและมีผลงานมากกว่า เทรเวอร์เดินนำทั้งหมดไปที่กริงกอทท์ ที่หน้าธนาคารมีพ่อมด 2 คนในชุดสีทองถือเครื่องมือพิเศษสำหรับใช้ตรวจหาเวทมนต์เข้ามาตรวจเฮอไมโอนี่ กับรอน แฮรี่เสกคาถา Confundo ใส่เครื่องมือให้การตรวจผิดพลาด เมื่อเข้าไปที่ข้างในเฮอไมโอนี่แจ้งความต้องการเข้าไปในห้องนิรภัยของเบราทร ิกซ์ ก๊อบลินขอดูสิ่งแสดงตัว พวกเขาได้รับคำสั่งให้ระวังตัวปลอม เฮอไมโอนี่ส่ง wand ให้ตรวจ กริดฮุกกลัวว่าจะผิดพลาดจึงให้แฮรี่เสกคาถาสะกดใจใส่ก๊อบลินตัวนั้นกับเทรเว อร์จนผ่านเข้าไปด้านในได้ เพื่อป้องกันความผิดพลาด แฮรี่สั่งให้เทรเวอร์ที่โดนคาถาสะกดใจอยู่ไปซ่อนตัวในที่ลับตา จากนั้นสั่งให้ก๊อบลินชื่อโบ-กรอดนำทางไปห้องนิรภัย พวกเขานั่งรถรางลงไปลึกมาก ลึกกว่าห้องนิรภัยของแฮรี่ พวกเขาผ่านไปในน้ำที่ตกลงมา ทันใดนั้น เฮอไมโอนี่กันรอนก็กลับคืนร่างเดิม น้ำตกมีเวทมนต์ป้องกันการคาถาต่างๆอยู่ เป็นด่านพิเศษที่ป้องกันพวกตัวปลอม เฮอไมโอนี่ได้ยินเสียงคนตามมา เธอเสกคาถาเกราะวิเศษขวางไว้หลังน้ำตก กริดฮุกพาพวกแฮรี่ไปที่ห้องนิรภัย มีมังกรตาบอดเฝ้าอยู่หน้าห้องนิรภัย กริดฮุกเอา Clankers ให้มังกรเพื่อให้มันยอมให้ผ่านทาง แฮรี่สั่งให้โบ-กรอดเปิดประตูห้องนิรภัย ในห้องมีของเก็บอยู่มากมาย พวกเขาค้นอย่างรวดเร็ว หลังจากโดนกับดักไปคนละนิดละหน่อย พวกเขาก็หาถ้วยของฮัพเฟิลพัฟเจอวางอยู่สูงสุดของกองสิ่งของ หลังจากพยายามอย่างยากลำบาก ในที่สุดแฮรี่ก็ได้ถ้วยมา แต่กริดฮุกฉกดาบแล้ววิ่งหนี



วนิพก
#34   วนิพก    [ 11-01-2008 - 17:16:46 ]

บทที่ 27 "ที่ซ่อนสุดท้าย" (version 1/2)

ม ังกรตาบอดพาแฮรี่ รอน เฮอไมโอนี่บินสูงขึ้นเรื่อยๆ แฮรี่รู้สึกดีมาก รอนสั่นเล็กน้อย ส่วนเฮอไมโอนี่ต้องหลับตาร้องครางออกมา มังกรพาทั้งสามบินไปตลอดวัน จนพระอาทิตย์เริ่มตก มังกรร่อนลงที่ทะเลสาบแห่งหนึ่ง ทั้งสามคนโดดจากหลังมังกรลงไปในะเลสาบ หลังจากขึ้นฝั่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ รอนบอกว่ามองในแง่ดี เราได้ฮอครักซ์มา มองในแง่ร้าย เราเสียดาบไป แล้วรอนก็พูดขึ้นว่า"เขา"ต้องรู้แน่ เพราะเราเราเพิ่งบุกทลายกริงกอทท์มาหมาดๆ ทั้งสามมองหน้ากันจากนั้นก็เริ่มหัวเราะกันออกมา ทั้งสามหัวเราะไม่หยุดจนแฮรี่รู้สึกปวดท้อง เฮอไมโอนี่ถามว่าจะทำยังไงต่อไป แฮรี่นอนลงกับพื้น แผลเป็นเริ่มร้อนขึ้นมาอีก เขาเห็นภาพก๊อบลินหลายตนไปพบดาร์กลอร์ดเพื่อแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้น พอรู้ว่าพวกแฮรี่บุกเข้าไปขโมยถ้วยทองใบเล็กๆออกมา โวลเดอร์มอร์รู้สึกโกรธและกลังจนรู้สึกได้ เขาฆ่าก๊อบลินทั้งหมดทิ้งเพื่อระบายโทสะ เขาสงสัยว่าแฮรี่รู้ความลับได้ยังไง ฮอครักซ์อันอื่นยังปลอดภัยดีหรือไม่ ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกเลยว่าฮอครักซ์เป็นอันตราย เขาต้องไปตรวจดูฮอครักซ์ที่เก็บไว้ตามที่ต่างๆว่ายังปลอดภัยดีหรือไม่ สมุดบันทึกถูกทำลายไปแล้ว แหวนที่อยู่ที่บ้านตระกูลกอนท์น่าจะเสี่ยงที่สุด ล๊อกเก็ทที่ทะเลสาบรองลงมา ต่อไปคือของที่ซ่อนอยู่ในฮอกวอตท์ ส่วนนากินี่อยู่กับเขาคงปลอดภัยที่สุด แล้วโวลเดอร์มอร์ก็ออกเดินทางไปบ้านตระกูลกอนด์

แฮรี่ลืมตาขึ้นมา รอนกับเฮอไมโอนี่จ้องมองด้วยความเป็นห่วง พวกเขารู้ว่าแฮรี่กำลังแอบดูดาร์กลอร์ด เฮรี่เล่าสิ่งที่ได้เห็นให้ทั้งสองคนฟัง เขาบอกว่าฮอครักซ์ชิ้นสุดท้ายอยู่ในฮอกวอตท์แต่เขาไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน พวกเขาต้องรีบไปที่ฮกวอตท์ก่อนที่โวลเดอร์มอร์จะไปที่นันเพื่อเปลี่ยนที่ซ่อ นของ ตอนนี้มืดแล้วทั้งสามคนใช้ผ้าคลุมล่องหนจากนั้นก็หายตัวไปที่ฮอกมี้ด
บทที่ 27 The Final Hiding Place (version 2/2)


ห ลังจากที่ ทั้งสามคนหนีออกมาจาก กริงกอร์ตด้วยมังกร ...ทั้งสามบนมังกรก็บินขึ้นไปเหนือlondon และสูงขึ้นไปเรื่อยๆ โดยมังกรนั้นก็มองไม่เห็นเลยไม่รู้ว่าจะไปไหน บินไปไม่รู้ทิศรู้ทาง พวก 3สหาย ก็ยิ่งทรมานขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเมื่อยทั้งหนาว

สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ทั้งสามก็ตัดสินใจ กระโดดลงในทะเลสาบตอนที่มังกรบินต่ำลง (เพื่อไปหาน้ำกิน)

ทั้งสามคลานขึ้นมาจากทะเลสาบ (โคลนเยอะน่ะ) แบบหมดสภาพ แล้วก็เอา ถ้วนของฮัพเฟิลพัฟ ออกมาดู

ข่าวดี - ได้Horcruxมาแล้ว. .....ข่าวร้าย - เสียดาบไปแล้ว

อ ย่างไรก็ตามการทีได้ Horcrux มาก็ทำให้ทั้งสามสามารถหัวเราะออกมาได้ ทั้งสามเริ่มถกกันว่า Voldermort จะรู้รึยังว่าถ้วยหาย และพวกเขากำลังตามล่า Horcrux อยู่ รอนบอกว่า บางทีพวกที่ธนาคารอาจจะกลัวแล้วก็ไม่กล้าบอกความจริงVoldermortก็ได้...ทันใ ดนั้น Harry ก็วูบ (อีกแล้วครับท่าน)

แฮรี่วูบเข้ามาในหัว Voldermort อีกครั้ง (เล่มนี้ Harry มาหัวVoldy บ่อยมาก)
ซ ึ่งVoldermort ที่มาถึงกริงกอร์ตก็หัวเสียอย่างแรง ถามว่ามีคนบุกรุกได้ยังไง ...พวกgoblinบอกว่า มีimposter (ตัวปลอม) เข้ามาหลอก ซึ่งVoldermort โกรธมาก และพอgoblin บอกว่า เป็นแฮรี่และสหาย Voldermort ก็ถามทันทีว่า พวกเค้าได้อะไรไปบ้าง......พวกgoblinบอกว่าสิ่งที่พวกแฮรี่ได้ไป เป็นถ้วยเล็กๆสีทอง...ได้ยินเท่านั้นแหล่ะ Voldermort เลยคลั่ง แล้วใช้ eldar wand ฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า ...ขนาดBelatrix กับ Lucius ยังต้องเอาคนอื่นไปเป็นเกราะป้องกันแล้วหนีออกไปทางประตู

ถึงตอนนี้ Voldermort ก็เริ่มparanoid อย่างแรง ว่าเจ้าพวกเด็กเมื่อวานซืนไปรู้ความลับเรื่อง Horcrux ได้ยังไง (กว่าจะสงสัย โดนทำลายไปกี่อันแล้วล่ะนี่).. หรือว่า Dumbledore จะอยู่เบื้องหลังเรื่องพวกนี้ ....Voldermort สงสัยว่า ถ้า Horcrux อันไหน ถูกทำลายลง ตัวเขาเองก็น่าจะรู้สึกได้สิ....ถึงแม้ตอนที่ Diary ถูกทำลาย เขาจะไม่รู้ก็เถอะ แต่นั่นก็น่าจะเป็นเพราะว่าตอนนั้น Voldermort ยังไม่มีร่างอยู่ทำให้ ไม่รู้สึกถึงdiary ที่ถูกทำลาย....Voldermortเริ่มไม่แน่ใจในข้อนี้แต่ก็ยังมั่นใจว่า Horcruxน่าจะยังอยู่ครบ...คิดถึงตรงนี้ Voldermort เลยตัดสินใจจะไปเช็คที่ตั้งของ Horcrux ทีละอันเลยว่ายังอยู่ดีรึเปล่า ซึ่งนั่นก็คือ ที่ทะเลสาบ(ล๊อกเก็ต), the shack (แหวน), และที่สุดท้าย..... Hogwarts!!!

Voldermortคิดว่ายังไง กับ the shack ก็ไม่น่าจะมีใครรู้ได้ เพราะไม่น่าจะมีใครรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพวก Gaunt....
ส่วนที่ทะเลสาบก็ไม่น่าจะมีใครทะลวงแนวป้องกันไปได้
และที่ Hogwarts ซึ่ง Voldermortมั่นใจว่าเป็นที่ที่ secure สุด
สุดท้ายก็คือนากินี ที่เขาจะปล่อยให้ไปไกลตัวไม่ได้อีกแล้ว

แล้วVoldermort ควรจะไปเช็คที่ไหนก่อนล่ะ
Dumblemore รู้ชื่อกลางของเขา เพราะฉะนั้น อาจจะเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง Voldermort กับ Guantได้ เพราะฉะนั้น Voldermortจึงตัดสินใจไปเช็คที่ Gaunt ก่อนเป็นแห่งแรก ส่วนที่ทะเลสาบยังไง Voldermort ก็มั่นใจว่าแนวป้องกันปลอดภัย ส่วนที่ Hogwarts ก็จะเตือนสเนปให้ระวังพวกเด็กๆบุกเข้าไป .....คิดได้แบบนั้น Voldermort ก็ใช้ภาษางูเรียกนากินีมาหา แล้วก็เริ่มเดินทางทันที.....

ตัดกลับมา ที่แฮรี่...ซึ่งฟื้นจากภวังค์โดยมีเพื่อนทั้งสองเคียงข้าง แฮรี่เล่าให้ทั้งคู่ฟังว่า Voldermort รู้แล้วว่าพวกเค้ากำลังตามหา Horcrux และยังรู้อีกว่า ชิ้นสุดท้าย ซ่อนที่ Hogwarts... และสุดท้ายก็คือ Voldermort กำลังกลัว!!! (น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ Harry สามารถเข้าไปในหัวของ Voldermort ได้สะดวกโยธิน)

แฮรี่จึงตัดสินใจว่ าจะไปที่ Hogwarts เลย ก่อนที่ Voldermortจะรู้ว่าพวกเขาทำลายแหวนกับล๊อกเก็ตไปแล้ว และจะไปย้ายที่อยู่ของชิ้นสุดท้ายที่ Hogwarts เสียก่อน ....ทั้งสามคลุมผ้าคุลมล่องหน และเร่งเดินทางไป ฮอกมี้ดทันที
บทที่ 28 - The Missing Mirror
พวกเขามายัง Hogsmeade และทันทีที่เขามาถึง อากาศแถวนั้นก็แปลกไป ผู้เสพความตายวิ่งกรูออกมาจากร้านไม้กวาดสามอัน ราวกับรู้ว่าพวกเขามาถึงแล้วทั้ง ๆ ที่อยู่ใต้ผ้าคลุมล่องหน พวกมันพยายามให้คาถาเรียกผ้าคลุมเพราะรู้ว่าพวกเขาต้องหายตัวอยู่แน่ ๆ แต่ไม่คาถาใช้ไม่ได้ผลกับผ้าคลุม พวกแฮร์รี่พยายามจะหายตัวหนี แต่ก็ไม่ได้ผล พวกผู้เสพความตายจึงเรียก Dementor มา แฮร์รี่เลยเสกผู้พิทักษ์ไล่ Dementor ไป ตามแผนของพวกมัน ซึ่งก็รีบวิ่งลงมายังแถว ๆ ที่แฮร์รี่เพิ่งเสกคาถา แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงหนึ่งเรียกพวกแฮร์รี่ให้เข้าไปในประตู ๆ หนึ่ง และไล่ขึ้นไปข้างบน เงียบ ๆ แฮร์รี่เพิ่งรู้ว่านี่คือโรงแรม Hog"s Head พวกเขารีบขึ้นไปข้างบน และเฝ้ามองจากหน้าต่างชั้นบน เห็นเจ้าของโรงแรมกำลังเถียงกับพวกผู้เสพความตายอยู่ แฮร์รี่ถึงรู้ว่าตอนนี้ที่นี่มีเคอร์ฟิวอยู่ เจ้าของโรงแรมบอกว่าผู้พิทักษ์ที่พวกนั้นเห็นเจ้าของโรงแรมนั้นคือ Aberforth น้องชายของดัมเบิลดอร์ แฮร์รี่รู้ว่า Aberforth เป็นคนส่งด๊อบบี้ไปช่วยพวกเขา และเห็นกระจกอีกส่วนของซีเรียสใต้รูปภาพหญิงสาว แฮร์รี่บอกว่าพวกเขาต้องการเข้าไปในฮอกวอกต์ แต่ Aberforth บอกให้เลิกคิดและให้พวกแฮร์รี่ไปไกล ๆ จากที่นี่
คือผู้พิทักษ์ในร่างแพะของเขาเอง
เขาเล่าเรื่องของดัมเบิลดอร์ในสมัยก่อน ชี้ให้ดูรูปภาพหญิงสาวซึ่งก็คือ Ariana น้องสาวของพวกเขา Aberforth เล่าว่าเมื่อ Ariana อายุหกขวบ เธอยังเด็กและควบคุมพลังไม่ได้ เธอถูกเด็กหนุ่มมักเกิ้ลสามคนทำร้าย เพราะเขาเคยเห็นเธอใช้เวทมนต์ แล้วเธอก็ควบคุมมันไม่ได้อีก เธอเลยไม่ใช้พลังและมันทำให้เธอคลั่ง พลังระเบิดออกมาเมื่อเธอไม่สามารถควบคุมได้ พ่อของพวกเขาไปจัดการเด็กหนุ่มสามคนนั้น จนถูกจับและเอาไปขังที่อัซคาบัน พ่อเขาไม่เคยพูดเลยว่าเพราะอะไร เขาไม่อยากให้ทางกระทรวงรู้ ไม่งั้นลูกสาวจะต้องถูกจับขังใน St. Mango และถูกประกาศว่าเป็นบุคคลอันตรายต่อความมั่นคง เพราะเธอควบคุมพลังไม่ได้ แม่และ Aberforth คอยดูแลเธอ โดนเฉพาะ Aberforth ที่เธอไว้ใจและรักมากที่สุด แต่ดัมเบิลดอร์ส่วนมากจะเก็บตัวในห้อง อ่านหนังสือและเขียนจดหมายหาคนที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ Aberforth ไม่อยู่ แล้วเธอก็คุมพลังไม่ได้ แม่ก็เอาไม่อยู่จนแม่ตาย ดัมเบิลดอร์เลยต้องหยุดการเดินทางท่องเที่ยวกับ Elphias Doge มาดูแลบ้านในฐานะหัวหน้าครอบครัว
Aberforth ต้องการเลิกเรียน กลับมาดูแลน้อง แต่ดัมเบิลดอร์ไม่ยอม เขาดูแลเธอไม่ให้ระเบิดบ้านพัง จนกระทั่ง Grindelwald เข้ามาพูดคุยกับดัมเบิลดอร์ในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งระเบียบของสังคมพ่อมด เรื่อง Hallows และทุกสิ่งที่พวกเขาสนใจ ท้ายที่สุด พวกเขาทั้งสามทะเลาะกันเรื่องของ Ariana ... Grindelwald ใช้คำสาปกรีดแทงใส่ Aberforth และดัมเบิลดอร์พยายามหยุด และพวกเขาก็สู้กัน ซึ่งทำให้ Ariana ทนไม่ได้ จนระเบิดพลังออกมา Aberforth บอกว่าเธอเพียงต้องการจะช่วยแต่เธอเพียงไม่รู้ว่าเธอกำลังอะไรอยู่ เขาไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนทำ รู้อีกทีเธอก็ตายแล้ว Grindelwald หนีไป ดัมเบิลดอร์เป็นอิสระตลอดกาล
แต่แฮร์รี่แย้งว่าดัมเบิลดอร์ไม่เคยมีอิสระเลย และเล่าว่าถึงคำพูดตอนที่ดัมเบิลดอร์ดื่มน้ำยาในคืนที่เขาตาย ว่าดัมเบิลดอร์คงยังระลึกถึงตอนที่เขาเห็น Grindelwald กำลังทำร้ายน้อง ๆ อยู่ และแฮร์รี่ก็บอกว่าเขาจะไม่หยุด จนกว่าจะล้มโวลเดอมอร์ได้ ... Aberforth เดินไปยังรูปภาพ Ariana บอกว่าเธอรู้ว่าต้องทำยังไง .. หญิงสาวในภาพหันหลังและเดินจากไป ซึ่งไม่เหมือนภาพอื่น ๆ เวลาเดินทางไปยังกรอบรูปอันอื่น .. มันเหมือนเป็นอุโมงค์ยาวมืด ๆ .. Aberforth บอกว่าทุกทางมียามเฝ้าแล้ว มีเพียงทางนี้ทางเดียว สักพัก Ariana ก็กลับมา พร้อมกับพาเนวิลล์มาด้วย รูปภาพเปิดออก และเนวิลล์ก็กระโดดออกมาอย่างดีใจสุดขีดที่ได้พบพวกแฮร์รี่อีกครั้ง



วนิพก
#35   วนิพก    [ 11-01-2008 - 17:17:11 ]

บทที่ 29 - The Lost Diadem

ระหว่างที่เนวิลล์พาพวกเขาเดินผ่านอุโมงค์หลังภาพ เขาก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังว่าที๋โรงเรียนเปลี่ยนไปมากยิ่งกว่าตอนที่อัมบริดจ์มาคุมเสียอีก Amycus Carrows สอนวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ซึ่งกลายเป็นสอนวิชาการใช้ศาสตร์มืดจริง ๆ โดยให้ฝึกคาถากรีดแทง เอาไว้ทำโทษคนอื่น ส่วน Alecto Carrows สอนมักเกิ้ลศึกษาก็เอาแต่ว่ามักเกิ้ลเป็นดั่งสัตว์โง่เง่าและสกปรก ซึ่งเนวิลล์ก็ถูกพวกนั้นทำโทษบ่อย ๆ จนมีแผลเต็มไปหมด มีนักเรียนบางส่วนต่อต้านเขา ซึ่งเมื่อจินนี่ไม่ได้กลับมาหลังคริสมาส เนวิลล์ก็เหมือนกลายเป็นหัวหน้ากลุ่มไป และถูกพวกพี่น้อง Carrows จับตามองตลอด จนไม่นานมานี้ พวกนั้นถึงไปลงที่คุณยายของเนวิลล์ แต่พวกนั้นคาดไม่ถึงว่าแม่มดแก่ ๆ จะมีพิษสงอะไรมากมาย แต่คุณยายของเนวิลล์เล่นงานผู้เสพความตายคนหนึ่งเข้า St. Mungo จนป่านนี้ยังไม่หายเจ็บเลย คุณยายกำลังหลบหนีอยู่ และส่งจดหมายมาหาเนวิลล์ชื่นชมเขาว่าสมเป็นลูกของพ่อแม่ และเธอภูมิใจในตัวเนวิลล์มาก

เนวิลล์พาแฮร์รี่ทะลุไปยังอีกด้านของรูปภาพ นั่นคือ Room of Requirements ที่มีเพื่อน ๆ รออยู่หลายคน ซึ่งลูน่า ดีน จินนี่ เฟร็ดจอร์จ ลี และโชตามมาสมทบอีก พวกเขาทุกคนต้องการจะช่วยแฮร์รี่ แต่แฮร์รี่ยังคงไม่แน่ใจและยังไม่ยอมบอกว่าเขากลับมาที่นี่เพื่อหา Horcruxes รอนกับเฮอร์ไมโอนี่เห็นด้วยที่จะให้เพื่อน ๆ ช่วย แม้จะไม่ได้บอกคนอื่นว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงคืออะไร แฮร์รี่จึงบอกเพื่อน ๆ ว่า เขามาที่นี่เพื่อหาของสิ่งหนึ่งที่จะช่วยทำลายโวลเดอมอร์ และอาจอยู่ในส่วนที่พักของเรเวนคลอ มันคืออะไรสักอย่างที่มีนกอินทรีของเรเวนคลอ ซึ่งลูน่าก็ให้ความเห็นว่า มันคือ Lost Diadem ของเรเวนคลอ .. โช แชงบอกว่ามันสูญหายไปนานแล้ว แต่ถ้าเขาอยากเห็นว่า Diadem เป็นยังไง เธอจะพาไปดูที่รูปปั้นในห้องนั่งเล่นของเรเวนคลอ ... จินนี่เสนอให้ลูน่าเป็นคนพาแฮร์รี่ไปแทน

ใต้ผ้าคลุมล่องหน แฮร์รี่เปิดแผนที่และขึ้นไปยังห้องนั่งเล่นเรเวนคลอ และเห็นรูปปั้นกับ Diadem ที่เป็นรัดเกล้าหินอ่อน มีคำจารึกเล็ก ๆ สลักอยู่ แฮร์รี่เลยออกจากผ้าคลุม และปีนขึ้นไปอ่าน ได้ความว่า "Wit beyoud measure is man"s greatest treasure." ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียง จนตกใจหล่นลงมากับพื้น และพบ Amycus Carrows ยืนค้ำหัวอยู่ และกดนิ้วไปยังรอยตรามารบนแขน

Note : - บทนี้เนวิลล์เจ๋งค่ะ ลุกเถียงอาจารย์บ่อย ๆ จนโดนทำโทษ แต่ที่เจ๋งกว่าคือคุณยายเนวิลล์ค่ะ
- ไมเคิล คอร์เนอร์ถูกทำโทษหนักเพราะช่วยนักเรียนที่ถูกล่ามเอาไว้

- ไปนอนได้แล้วนะคะ บทนี้คือบทสุดท้ายของวันนี้ค่า อิอิ
บทที่ 30 The Sacking of Severus Snape

ในจังหวะที่ Alecto สัมผัสตรามาร บนตัวเธอนั่งเอง แฮรี่ก็วูบ ...Voldermort รู้แล้วว่า แฮรี่อยู่ที่ Hogwart

พอแฮรี่ได้สติฟื้นขึ้นมา ก็เป็น Luna ทีเด็ด Stun Alecto ลงในนอนเรียบร้อย.. ซึ่งเสียงกระแทกไปปลุกให้ เด็กๆในหอเรเวนคลอ ตื่นขึ้นมาหมดเลยครับ แล้วก็ลงมาดูสภาพAlecto มีเด็กปีหนึ่งคนนึงมาแตะๆแล้วบอกว่า "ตายแล้วมั้ง"

ซักพัก ก็มีเสียงเคาะประตูหอดังลั่น Amycus มาครับ ...เคาะประตูใหญ่เลย ตะโกนถามAlectoว่า ได้ตัวแฮรี่แล้วเหรอ ระหว่างที่จะโกนอยู่นั้น ป้าแมกกอนนากัลมาถึงแล้วครับ ป้าถาม Amycus ว่ามาทำไมดึกๆดื่นๆ Amycus บอกให้ไปตาม Flitwick มาเปิดประตูให้...แมกกอนนากัลเลยย้อนว่า อ้าวก็น้องสาวอยู่ในนั้นแล้วก็ให้ข้างในเปิดให้สิ (ฮา)... แต่สุดท้ายแมกกอนนากัลก็ตอบคำถามเปิดประตูใน Amucus เข้าครับ

Amycus เข้ามาเห็นAlecto นอนแป้บอยู่ก็โวยวายใหญ่ว่าใครฆ่าน้อง ..แมกกอนนากัลสวนว่า แค่สลบเอง ...Amycus บอกว่า เดี๋ยวพอ Dark lord มาที่นี่ ไม่เห็น Potter จะซวยหมู่ เพราะเมื่อครู่ Amycus รู้สึกได้ว่าตรามารร้อนขึ้นมา ซึ่งdark lord เป็นคนส่งทั้งสองคนมาที่นี่ และบอกว่า Potter อาจมาที่หอเรเวนคลอให้มาดักจับ แต่ตอนนี้ไม่มีpotter จะทำไงดี...Amycus ไอเดียบรรเจิด บอกว่าให้โทษเด็กเรเวนคลอว่ารุมทำร้าย Alecto และบังคับให้แมกกอนนากัลเออออห่อหมก ด้วย แต่แมกกอนนากัลปฏิเสธไม่เอาด้วยด้วยจรรยาบรรณครู (อันนี้เติมเองครับ)
Amycus เลยเกิดheat น้ำลายใส่หน้าแมกกอนนากัลซะ....แฮรี่เห็นแล้วโกรธจัด เลยออกจากผ้าคลุมล่องหน แล้วก็

"Crucio..." แฮรี่ใช้คาถากรีดแทงเล่นงาน Amycus ครับ (โหดใช่เล่น) แล้วยังบอกอีกว่า เขาเข้าใจคำของBellatrix ที่ว่า จะเสกคาถาแนวนี้ต้องตั้งใจแบบนั้นจริงๆแล้ว...

แมกกอนนากัลเห็นแฮรี่ก็ตกใจ และถามว่ามาทำอะไรที่นี่ แฮรี่บอกว่าVoldermort กำลังมา และถามว่าอาจารย์เคยเห็น diadem รึเปล่า ...ซึ่งตอนนี้แฮรี่พูดชื่อ Voldermort เต็มแล้ว เพราะรู้ว่ายังไง Voldermortก็รู้แล้วว่าเขาอยู่ที่นี่ ไม่มีความจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงคำต้องห้ามอีกต่อไป ทั้งคู่ตกลงว่าจะอพยพพวกเด็กๆให้หนีไปให้หมด และเริ่มมาตรการป้องกันฮอกวอร์ต โดย แมกกอนนากัลเสกย์ Pratonas เป็นแมวสีเงินสามตัว เพื่อไปเตือนอาจารย์อีกสามบ้าน

ระหว่างทางนั้น เอง Snape ก็ปรากฏตัวขึ้นครับ ต่อปากต่อคำกันพอหอมปากหอมคอก็ดวลกับแมกกอนนากัล (ฉากดวลเก๋ามากครับ) แฮรี่ที่หลบใต้ผ้าคลุมล่องหนนั้นพยายามจะแอบช่วย(ลอบกัด)หลายครั้ง แต่ก็ต้องคอยกันลูน่าจากลูกหลงอยู่ตลอด

แต่แป้บๆ.... Filtwick กับ Sprout ก็มาครับ....แล้วธรรมะก็ได้เวลารุมกินโต๊ะ...สเนปเลยหนีครับ แล้วก็ไล่ล่ากันไปตามห้องเรียน (เป็นหนังคงมันส์พะยะค่ะ) จนสุดท้ายสเนปก็กระโดดทะลุหน้าต่างแปลงร่างหนีไปได้

แมกกอนนากัลเล่าเรื่องให้อาจารย์อีกสองคนฟังว่า Voldermort กำลังมา และให้แต่ละคนเตรียมมาตรการป้องกันและอพยพเด็กของตัวเอง Flitwick เสกย์คาถากำแพงลมกั้นฮอกวอร์ตไว้ ส่วนแมกกอนนากัลกผละไปกริฟฟินดอร์ ดดยระหว่างทางผ่านพวก Slytherine ซึ่ง Slughorn ออกมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น

"ถึงเวลาที่ Slytherine ต้องเลือกข้างแล้ว ว่าภักดีอยู่กับใคร" แมกกอนนากัลบอก แล้วป้าก็ร่ายมนตร์ Piertotum Locomator! ปลุกรูปปั้นในปราสาท ขึ้นมาช่วยรบ (เท่ห์ซ้า)

ส่วนด้านแฮรี่กับลูน่าก็กลับไปหาพวกเพื่อนๆ ระหว่างทางมีคนเห็น แฮรี่ก็หือหากันใหญ่ พอถึงห้องก็พบว่า พวก Order มากันครบทีมเลยครับ Fred บอกว่า เรียกทั้งหมดมาช่วยกันรบ Percy ก็มาด้วย Mrs. Weasley ดีใจมากและสวมกอดลูชาย(ซึ้งง่า) ฝาแฝดมีแซวเล็กน้อย ส่วนด้านลูปินก็เอารูปลูกชายมาอวดใหญ่เลย

Ginny ก็อยู่ด้วย แต่ถูกแม่ปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วมเพราะเพิ่ง 16 เท่านั้นเอง แต่ท้ายที่สุดแล้ว Mr. Weasley ก็บอกว่าให้ลูกสาวอยู่ก็ได้ แต่ให้รอเฉยๆไม่ต้องไปสู้

แฮรี่สังเกตเห็นรอนกับเฮอร์ไมโอนี่หายไป เลยสงสัย จินนี่บอกว่า ทั้งคู่เอ่ยถึงห้องน้ำ แฮรี่ เลยไปดูห้องน้ำ แต่จังหวะนั้นเอง ...วูบอีกแล้ว.... เรือของ Voldermort มาถึงแล้วครับ....
บทที่ 31

ที่ฮอกวอตส์ ศาสตราจารย์มักกอนนากัลและภาคีนกฟีนิกซ์ยืนอยู่ที่แท่นอาจารย์ใหญ่ และสั่งให้พรีเฟคของแต่ละบ้านอพยพนักเรียนของบ้านตัวเองออกไปจากฮอกวอตส์ทันทีภายใต้การดูแลของมาดามพอมฟรีย์และฟลินซ์ เออร์นี่ถามว่า แล้วถ้าต้องการจะอยู่และต่อสู้ต้องทำอย่างไร มักกอนนากัลอนุญาตให้อยู่ได้กรณีที่อายุถึงเกณฑ์ มีนักเรียนถามถึงเสนป มักกอนนากัลบอกว่าเสนปจากไป โดยไม่ได้บอกใคร ระหว่างนั้นแฮรี่พยายามมองหารอนและเฮอร์ไมโอนี่ที่โต๊ะกริฟฟินดอร์ แต่ยังหาไม่เจอ มักกอนนากัลพยายามเร่งให้นักเรียนรีบออกไป แต่คำพูดของศ.มักกอนนากัลก็ถูกขัดจังหวะโดยเสียงปริศนาเสียงหนึ่ง เสียงสูง เยือกเย็น และชัดเจน
...ฉันรู้ว่าพวกเธอทุกคนพร้อมจะสู้ แต่ความพยายามของพวกเธอนั้นไร้ประโยชน์ ฉันนับถืออาจารย์ในฮอกวอตส์
...ส่งแฮรี่ พอตเตอร์มาแล้วทุกคนจะปลอดภัย
...พวกเธอมีเวลาถึงเที่ยงคืนเท่านั้น...

หลังโวลเดอร์มอร์ดพูดจบ แพนซี่ พาร์กินสัน กรีดร้องให้ทุกคนจับแฮรี่ส่งไป แต่เด็กบ้านกริฟฟินดอร์ ฮัฟเฟิลพัพ และเรเวนคลอ ยืนขึ้นปกป้องแฮรี่ มักกอนนากัลสั่งให้แพนซี่ออกไป และตามด้วยพวกสไลธีริน มักกอนนากัลสั่งให้บ้านอื่นๆออกไปด้วย แต่เด็กปีสูงๆบ้านเรเวนคลอ เด็กฮัฟเฟิลพัพหลายคน และกว่าครึ่งหนึ่งของเด็กกริฟฟินดอร์ยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้

แฮรี่พยายามถามหาเฮอร์กับรอน นายวิสลีย์เริ่มกังวลถึงสองคนนั้น แต่ความสนใจก็ถูกดึงไป เมื่อคิงสลีย์ขึ้นมาประกาศว่าเหลือเวลาครึ่งชั่วโมง และแบ่งนักเรียนสามกลุ่มให้ไปกับ มักกอนนากัล สเปราต์ และฟลิตวิก ไปประจำการที่สามหอคอยที่สูงที่สุด ส่วนคิงสลีย์ อาเธอร์ ลูปิน เฟรด จอร์จ จะไปที่สนาม มักกอนนากัลป์เตือนแฮรี่ให้รีบหาของที่แฮรี่ตั้งใจจะหา แฮรี่พยายามมุ่งคิดถึงฮอร์ครักซ์ แต่ก็อดคิดถึงรอนและเฮอร์ไม่ได้เพราะโดยปกติแล้วสองคนนั้นจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ

แฮรี่เดาว่า โวลจะต้องคิดว่าแฮรี่จะต้องไปที่หอคอยของบ้านเรเวนคลอ เพราะโวลให้อะเลคโตมาเฝ้าไว้ ซึ่งมีเหตุผลที่เป็นไปได้ข้อเดียวคือ โวลกลัวว่าแฮรี่จะรู้ถึงฮอร์ครักที่มีความเชื่อมโยงกับเรเวนคลอ
แฮรี่หลับตาและนึกถึงของที่หายไปของบ้านเรเวนคลอ และนึกถึงมงกุฎที่หายสาบสูญไป เป็นไปได้หรือไม่ที่มงกุฏจะเป็นฮอร์ครักซ์
แล้วแฮรี่ก็นึกถึงบางเรื่องขึ้นมาได้ เลยไปถามนิคถึงผีประจำบ้านของเรเวนคลอ ซึ่งก็คือ the grey lady เมื่อแฮรี่เห็นก็จำได้ว่า เคยเจอ the grey lady เสมอๆที่ทางเดินในปราสาท เพียงแต่ไม่เคยพูดด้วย แฮรี่ถามถึงมงกุฎที่สาบสูญ แต่ the grey lady ปฏิเสธว่าคงช่วยอะไรแฮรี่ไม่ได้ มีนักเรียนมากมายหลายต่อหลายรุ่นตามหามันมาตลอด แฮรี่ขอร้องและบอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับโวลเดอร์มอร์ต

The grey lady บอกว่าเธอคือลูกสาวของเรเวนคลอ ผู้ก่อตั้งบ้านเรเวนคลอ และเธอเป็นคนขโมยมงกุฎนั้นจากแม่ของเธอเพราะคิดว่าจะทำให้เก่งกว่าแม่ และหนีไป
เรเวนคลอไม่ยอมรับว่ามงกุฎหายไป แต่แสร้งทำว่าอยู่กับตัวเองมาตลอด ปิงบังแม้กระทั่งผู้ก่อตั้งฮอกวอตส์คนอื่นๆ
ต่อมาเรเวนคลอป่วย และอยากจะพบลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย จึงส่งผู้ชายคนหนึ่งที่เธอเชื่อว่าจะตั้งใจตามหา เพราะชายคนนี้หลงรักลูกสาวเธอมานาน ผู้ชายคนนั้นคือ บารอนเลือด !!!
เมื่อตามมาจนพบ แต่เธอปฏิเสธที่จะกลับไป ด้วยความโมโหชั่ววูบ บารอนเลยแทงเธอตาย แต่เมื่อได้สติเขาก็เสียใจ และใช้มีดนั้นฆ่าตัวตายตาม ส่วนมงกุฎนั้นถูกซ่อนอยู่ในป่าที่เธอตาย ที่แอลเบเนีย
แฮรี่ถามว่าเธอได้บอกเรื่องนี้ใครบ้างหรือเปล่า เธอจำได้ว่าเคยบอกเด็กหนุ่มคนหนึ่ง แฮรี่เดาได้ว่าคือทอม ริดเดิ้ล ซึ่งน่าจะไปค้นหาตั้งแต่จบจากเรียน และป่าในแอลเบเนียนี้เองที่ริดเดิลซ่อนตัวอยู่ในช่วงสิบปีที่สูญเสีญอำนาจ แต่เวลานั้น มงกุฎที่กลายเป็นฮอร์ครักซ์ไม่น่าจะอยู่ที่ป่าอีกต่อไปแล้ว แต่กลับสู่บ้านของมัน ซึ่งก็คือ ฮอกวอตส์!! ...และน่าจะมีเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น คือวันที่โวลกลับมาสมัครเป็นอาจารย์สอนป้องกันตัวจากศาสตร์มืด มงกุฏจึงน่าจะถูกซ่อนแถวๆห้องทำงานของดัมบิลดอร์

เหลือเวลาเพียงห้านาทีก่อนถึงเที่ยงคืน แฮรี่มั่นใจว่าตอนนี้เขารู้แล้วว่าฮอครักซ์อันสุดท้ายคืออะไร แต่ปัญหาคือ มันอยู่ที่ไหนกันเล่า ในเมื่อมันไม่เคยถูกค้นพบแม้ว่านักเรียนหลายรุ่นจะค้นหามาตลอด แสดงว่ามันไม่ได้ซ่อนอยู่ในหอคอยของเรเวนคลอ แฮรี่เดินคิดจนมาเจอแฮกริด และกอร์ป ในที่สุดก็ถึงเวลาเที่ยงคืน แฮรี่เห็นแสงจากด้านนอก เป็นสัญญาณที่บอกว่าการต่อสู้เริ่มขึ้นแล้ว แฮกริดเล่าว่าได้ยินเสียงโวลตอนอยู่ในถ้ำ เลยมาช่วย และถามถึงรอนกับเฮอร์
แฮรี่ตอบว่าไม่รู้ และชวนแฮกริดออกไปค้นหาแถวทางเดินห้องพักอาจารย์ แฮรี่มองเห็นรูปปั้นสัตว์ประหลาดหน้าห้องอาจารย์แล้วนึกถึงรูปปั้นเรเวนคลอที่บ้านเลิฟกูด และที่หอคอย และในที่สุดก็นึกออกว่ามงกุฎของเรเวนคลออยู่ที่ไหน
แฮรี่วิ่งต่อไป ผ่านเฟรด ดีน เนวิลล์ (ที่กำลังไปช่วยเมนเดรก) และคนอื่นๆ และเจอกับรอนและเฮอร์ เฮอร์เล่าว่าทั้งสองคนเข้าไปในห้องแห่งความลับ โดนรอนเคยฟังแฮรี่และเลียนเสียงพาเซลเมาท์ได้ ทั้งสองคนใช้เขี้ยวของบาสิลิสทำลายถ้วยของฮัฟเฟิลพัพที่เป็นฮอครักซ์ไปแล้ว

แฮรี่บอกว่าตนเองรู้แล้วว่าฮอร์ครักสุดท้ายอยูที่ไหน เป็นที่ๆนักเรียนใช้ซ่อนของมานานนับศตวรรษ แฮรี่รู้เพราะเคยเอาหนังสือปรุงยาไปซ่อนที่นั่น
ที่ทางเดินหน้าห้องต้องประสงค์ แฮรี่ เฮอร์ รอน เจอ จินนี่ ทองก์ และย่าของเนวิลล์ แฮรี่อยากให้จินนี่กลับไป แต่ขณะที่เถียงกันรอนก็นึกได้ว่าควรไปปล่อยเอลฟ์ประจำบ้านให้หนีไปด้วย พอได้ยินแบบนี้เฮอร์เลยวิ่งเข้าไปจูบรอน (ที่ปากซะด้วย โอ้ว)
แฮรี่เตือนแบบเกรงใจว่าเราต้องหาฮอครักซ์กันต่อ และท่องในใจว่าต้องการห้องที่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกซ่อนอยู่ ประตูบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
แฮรี่ และหาเจอรูปปั้นที่สวมมงกุฏเก่าๆหมองๆที่แฮรี่นำมาทำสัญลักษณ์เพื่อซ่อนหนังสือปรุงยา แฮรี่หยิบมงกุฎขึ้นมา แต่มีคนสามคนปรากฏตัวข้างหลัง คือ แครบ กอยน์ และมัลฟอย ซึ่งบอกว่าจะมาจับแฮรี่เพราะต้องการรางวัลจากโวล รอนได้ยินเสียงจึงเข้ามาตามแฮรี่ แครปอยากเสกคาถาแต่มัลฟอยห้ามเพราะกลัวทำมงกุฎพัง มัลฟอยเดาว่ามงกุฎน่าจะสำคัญเพราะแฮรี่มาเอา แต่แครปบอกว่า มัลฟอยไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่งคนอื่นอีกแล้ว เฮอร์โผล่ออกมาพอดี แครปเลยเสกอะวาดา เคดาฟรา ใส่เพราะเป็นเลือดสีโคลน แต่แฮรี่เสกคาถางุนงงใส่แครป แครปเลยเซไปชนมัลฟอยและทำไม้กายสิทธิ์หล่น ทั้งหมดต่อสู้กัน แครปเสกคำสาปที่แฮรี่ไม่รู้จักมาก่อน เกิดไฟไหม้ กอยน์หมดสติ แฮรี่ไปช่วยมัลฟอยเอากอยน์ออกมา

แฮรี่สังเกตว่าของที่เกี่ยวข้องกับเวทย์มนตร์ถูกไฟนี้เผาไปได้ แฮรี่พามัลฟอยออกมาเจอกอยน์ รอน เฮอร์ และรู้ว่าแครปตายแล้ว มงกุฎในมือแฮรี่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เฮอร์บอกว่าไฟนี้คือ fiendfyre สามารถทำลายฮอครักซ์ได้ เท่ากับว่าตอนนี้ภารกิจของพวกเขาเหลือเพียงงูนากินี...

แต่แล้วพวกเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนและต่อสู้ ผู้เสพความตายบุกเข้าฮอกวอตส์ได้แล้ว เฟรดและเพอร์ซี่กำลังต่อสู้ ทั้งสามคนเข้าไปช่วย ผู้เสพความตายคนนึงทำผ้าคลุมหลุดออก และปรากฏว่าเป็น รมต.กระทรวงเวทย์มนตร์ เพอร์ซี่เลยบอกว่างั้นลาออกเลยละกัน เฟรดเหมือนจะดีใจและแปลกใจหน่อยๆที่เพอร์ซี่ยิงมุขตลกๆกะเค้าด้วย เฟรดกำลังแซวเพอร์ซี่ก่อนเสียงจะขาดหายไป

No no no! someone was shouting. No! Fred! No!
And Percy was shaking his brother, and Ron was kneeling beside them, and Fred"s eyes stared without seeing, the ghost of his last laugh still etched upon his face.

เฮอร์และแฮรี่ได้แต่เพียงยืนมอง ทั้งสองคนเศร้ามากๆ แฮรี่รู้สึกเหมือนว่าโลกนี้มืดลงไป และกลัว...อย่างที่ไม่เคยกลัวมาก่อนในชีวิต



วนิพก
#36   วนิพก    [ 11-01-2008 - 17:17:38 ]

บทที่ 32 The Elder Wand

ทุกคนไม่เชื่อว่าเฟรดจะตายแล้ว แต่คำสาบยังล่องลอยอยุ่ในอากาศ แฮรีกับรอน ดึงแขนเฮอร์ ให้หมอบลงกับพื้น
เพอร์ซี่ ยังคงคุกเข่าอยุ่ข้างศพของเฟรด แฮรีพยายามดึงเขาออกมา ตอนนั้นเองที่เฮอร์ ร้องกรี๊ด แฮรี่หันไปดู แมงมุมยักษ์ (คาดว่ามาจากป่าต้องห้าม) ก็กรูเข้ามา พวกเขาพยายามหนีตาย

ทันใด เพอซี่ ก็ตะโกนขึ้น " ร็อควูด" (ผู้เสพความตาย) แล้ววิ่งตามไป เฮอร์ ต้องห้ามไม่ให้รอนตามพี่ไป แต่เฮอร์ เตือนสติว่า พวกเขามีภาระกิจต้องฆ่านากินี ฮอร์ครุก ชิ้นสุดท้าย พวกเขาต้องตามหาเวอร์ดี้ ให้เจอ ถึงแฮรี่จะเข้าใจความรู้สึกของรอน ตัวเขาเองก็เป็นห่วงครอบครัววีสลีย์ โดยเฉพาะจินนี่

รอนเร่งให้แฮรี่ เข้าถึงจิตใจของเวอร์ดี้ เพื่อหาที่อยุ่ของเขา มันเป็นเรื่องง่ายๆ เพราะ แผลเป็นของแฮรี เริ่มทรมานเขามาหลายชัว่โมงแล้ว แฮรี่หลับตา และเข้าถึงความคิดของเวอร์ดี้ เขาค้นหาไปเรื่อย จนได้ยินเสียงเรียก

"นายท่าน " เป็น ลูเชียส มัลฟอย นั่งอยุ่ที่มุมมืด ร้องขอชีวิต มัลฟอย
แต่เวอร์ดี้ บอกว่า ถ้ามัลฟอย จะตายก็เพราะไม่ยอมมาอยู่ข้างเวอร์ดี้ เขาอาจอยากเป็นเพื่อนแฮรี่ก็ได้ ลูเชียส พยายามแก้ตัว แต่ไม่สำเร็จ เวอร์ดี้ยังรุ้ด้วยว่า ลูเชียส อยากรีบไปตามหาลูก

เวอร์ดี้ สั้งให้ ไปตามสเนป มา มีงานจะให้ทำ แล้วเวอร์ดี้ก็นั่งรอ

แฮรี่ บอกรอนและเฮอร์ ว่า เวอร์ดี้จะไม่เปิดฉากต่อสู้แต่จะรอให้ แฮรี่ เข้าไปหาเพราะรู้ว่าเขาต้องการ ฮอร์ครุกอันสุดท้ายคือ นากินี

แฮรี่จะไปคนเดี่ยวแต่ที้งสองคนไม่ยอม มีผู้เสพความตายสองคนโผล่เข้ามา อาจารย์ แมกกอนากับ เข้ามาช่วย

ทั้งสามวิ่งมาใต้ผ้าคลุมล่องหน เจอ มัลฟอย ทำเนียนใส่หน้ากากผู้เสพความตาย ตะโกนบอกผุ้เสพความตายว่า อยู่ข้างเวอร์ดี้ รอนโกรธจัด ต่อยไปทีนึง ด่าว่า พวกเขาช่วยชีวิตไว้ แต่มัลฟอยกลับทำตัวเป็นนกสองหัว

พวกเขา รีบเดินทางไปหาเวอร์ดี้ ระหว่างทางเจอพวกนักเรียนวิ่งหนี ออกมา เพราะแมงมุมยักษ์ ผู้เสพความตายจะฆ่าแต่แฮกริดมาขวาง พวกแฮรี่ ช่วยแฮกริดออกมาได้ แต่ก็มาเจอ ดีเมนทอร์ เป็นร้อย ทุกคนเสกคาถาคุ้มครอง

มีลูน่า เออร์นี่ ซีมัส มาช่วย

พวกเขาไปที่เพิงโหยหวน แต่แฮรี่เริ่มสงสัยว่าอาจะเป็นกับดักของเวอร์ดี้ พวกเขาเลยใช้ผ้าคลุมล่องหน แล้วเดินไปตามาทาง จนสุด ก็พบเวอร์ดี้กำลังคุยกับสเนป

เวอร์ดี้ เชื่อว่าแผนการณ์กำลังใกล้จะสำเร็จ สเนป ขอเป้นคนเอาตัวแฮรี่ มาให้เอง แฮรีจ้องที่นากินี พยายามเล็งไม่ให้พลาด

เวอร์ดี้ บอกว่า Elder Wand ไม่ work สมราคาคุย สเนปขออีกครั้ง ให้เขาเป็นคนไปจับแฮรี่ แต่เวอร์ บอกว่าแฮรี่ จะมาหาเขาเองแน่นอน เวอร์ดี้รำพึงว่า ถ้าแฮรี่ มา จะเกิดอะไรขึ้น เพราะที่ผ่านมา ไม้ของเขาไม่สามารถทำอันตรายแฮรี่ได้ แล้วเขาก็คิดได้ ว่าเพราะ เขาไม่ใช้เจ้านายตัวจริง ของไม้

เป็นสเนป ที่ฆ่าดัมเบิลดอร์ ดั้งนั้น ตายซะเถอะสเนป แล้ว ก็ฆ่าสเนปเลย (โห ง่ายๆ งี้นะ)

พอเวอร์ดี้เดินออกไป แฮรีก็ออกจากผ้าคลุม เดินมาหาสเนป มีของเหลวสีเงิน ไหลออกมาจากปาก หู ของสเนป เขาสั่งให้แฮรี่ หยิบมัน แฮรี่กับเฮอร์ ช่วยกันหยิบ คำพูดสุดท้ายของป๋าเนป "มองฉันซิ" แล้วก็หมดลมหายใจไป
chapter33
The Prince"s Tale

แฮรี่ยังคงนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆสเนป ทันใดนั้นเองก็มีเสียงของโวลเดอมอร์ดังขึ้นมา โวลเดอร์มอร์ประกาศให้ทุกคนยอมแพ้ซะ เพราะสู้ต่อไปก็เสียเปล่า ถ้าทุกคนยอมแพ้เขาจะไม่ทำอะไรและสั่งให้กองกำลังของเขาล่าถอย และโวลเดอมอร์ก็ประกาศถึงแฮรี่โดยตรงว่าแฮรี่จะทำให้เพื่อนของเขาต้องมาตายแทน และโวลดี้ขอให้แฮรี่ยอมแพ้ซะ แล้วออกมามอบตัวกับเขาซะเขาจะรอที่ป่าต้องห้าม และจะให้เวลา1ชั่วโมง หากเลยเวลานี้ไปแล้วแฮรี่ไม่ออกมา ทุกคนตายหยังเขียด
รอนบอกแฮรี่ว่าอย่าไปฟังโวลเอดร์มอร์ เฮอมี่บอกให้รีบกลับไปที่ปราสาท เพราะถ้าโวลดี้ไปที่ป่าต้องห้าม พวกเขาจำเป็นที่จะต้องวางแผนกันใหม่
แฮรี่คว้าผ้าคลุมล่องหนมา และจ้องมองดูไปที่ศพของสเนป เขาไม่รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรกับสเนป แต่เขาช็อคกับการตายของสเนป และสาเหตุที่สเนปต้องตาย
แฮรี่ รอน เฮอไมโอนี่ เข้ามาในปราสาท ซึ่งเงียบผิดปกติ พวกเขาเจอกลุ่มผู้รอดชีวิตที่ห้องโถงใหญ่ มาดามพรอมฟรีย์กำลังรักษาคนเจ็บอยู่ มีศพนอนเรียงเป็นแถวอยู่กลางห้องโถง ศพของเฟรดถูกล้อมรอบไปด้วยคนในครอบครัวของเขา ศพของลูปินและท็องอยู่ถัดไปจากศพของเฟรด แฮรี่รู้สึกผิด เขาคิดวาถ้าเขายอมมอบตัวแต่แรก ทุกคน คงไม่ต้องมาตายแบบนี้
แฮรี่รีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่ เขาพบว่ารูปภาพทั้งหมดได้หายไปแล้ว แฮรี่สังเกตุเห็นเพนซีฟ แฮรี่จึงเข้าไปดูเพนซีฟ แล้วก็พบความทรงจำที่เป็นเรื่องราวของ สเนปกับลิลลี่แม่ของเขาเอง เขาเห็นแม่กับป้าของเขากำลังเล่นชิงช้า โดยมีเด็กชายร่างผอมเกร็งกำลังเฝ้ามองอยู่ แฮรี่เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เด็กชาย สเเนปดูน่าจะมีอายุไม่เกิน9-10ขวบ
ต่อไปนี้ขอย่อแบบรวบๆแหล่ว
ลิลลี่เผลอใช้เวทย์มนต์ออกมา ทูนีย์(ป้าเพตทูเนีย ลิลลี่เรียกว่าทูนีย์อะ) เลยเตือนลิลลี่ว่าแม่สั่งห้ามไว้นะ สเนปเห็นเข้าพอดีเลยเดินมาบอกว่าลิลลี่เป็นแม่มด ทูนีย์บอกสเนปว่าไร้สาระ สเนปเรียกทูนีย์ว่ามักเกิลแบบดูถูก แล้วก็เล่าเรื่องของโลกพ่อมดแม่มดให้ลิลลี่ฟัง ว่าลิลลี่จะได้ไปเรียนที่โรงเรียนเวทย์มนตร์ จะมีคนมาอธิบายกับครอบครัวลิลลี่เอง ฉากตัดมาที่ชานชาลาที่9เศษ3ส่วน4ยกกำลัง2 บทพูดตอนนี้สรุปได้ประมานว่า ทูนีย์ก็อยากไปเรียนที่เดียวกับลิลลี่ด้วย เลยเขียนจดหมายถึงอาจารย์ใหญ่ขอร้องให้เขารับเธอเข้าเรียนด้วย แต่เขาไม่รับ ทูนีย์เลยมาวีนเอากับลิลลี่ ว่าลิลลี่เป็นคนบ้า และกำลังจะเรียนที่โรงเรียนสำหรับคนบ้า ลิลลี่โมโหเลยเอาเรื่องจดหมายขึ้นมาพูด ทูนีย์เลยโกรธหาว่าลิลลี่กับสเนปแอบรื้อค้นเรื่องส่วนตัวของตน
ลิลลี่ขึ่นรถไฟไปเรียนกับสเนปแล้วก็คุยเกี่ยวกับบ้านที่ตนจะได้ไปอยู่ แล้วก็เจอเจมกับซิเรียสบนรถไฟคุยเรื่องบ้านเหมือนกัน เมื่อถึงโรงเรียน ลิลลี่ได้ไปอยู่บ้านกริฟฟินดอร์ และสเนปต้องไปอยู่สลิธีริน แต่พวกเขายังคงความเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่(สเนปมันเป็นไข่ย้อยรึไงเนี่ย- -") เมื่อเวลาผ่านไป ลิลลี่เริ่มไม่ชอบพวกเพื่อนๆบ้านสลิธีรินของสเนป สเนปก็ไม่สบอารมณ์กับเจมส์และซีเรียส เพื่อนๆบ้านเดียวกับลิลลี่ และเริ่มสงสัยเรื่องลูปิน



ฉากในเพนซีฟตัดกลับตอนที่แฮรี่เคยดูมาแล้ว คือตอนที่เจมส์จับสเนปห้อยหัวลง แล้วสเนปเรียกลิลลี่ว่ายัยเลือดสีโคลน ฉากตัดมาที่ตอนกลางคืน สเนปขอโทษลิลลี่และบอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ ลิลลี่บอกว่าเธอไม่สนใจคำขอโทษของเขา เธอต่อว่าสเนปเรื่องที่เขาและกลุ่มเพื่อนๆทำตัวมุ่งหวังที่จะเป็นผู้เสพความตาย ลิลลี่บอกว่าสเนปได้ตัสินใจแล้วที่จะเลือกข้างของคนที่คุณก็รู้ว่าใคร ลิลลี่ก็ได้ตัดสินใจแล้ว ประมานว่าเราขาดกันแค่นี้นะไข่ย้อย
ฉากตัดมาที่สเนปกำลังเฝ้ารอใครบางคนอย่างหวาดผวาโดยในมือกำไม่กายสิทธิ์แน่น และทันใดนั้นเองก็มีลำแสงเหมือนฟ้าผ่าปรากฎขึ้น สเนปเข่าอ่อนและทำไม่กายสิทธิ์หลุดมือ ดัมเบิลดอร์น่ะเอง สเนปร้องขอชีวิตต่อดัมเบิลดอร์ แต่ดัมเบิลดอร์บอกว่าเขาไม่ได้มาด้วยความตั้งใจที่จะฆ่าสเนป สเนปก็ได้เล่าว่าเขาได้เล่าคำพยากรณ์ที่ได้ยิน(คำพยากรณ์ของทรีลอว์นีย์ที่ดัมเบิลดอร์เป็นคนได้ฟังในเล่ม5)ให้กับโวลดี้ฟังทั้งหมด ทำให้โวลดี้คิดว่าคำพยากรณ์นั้นหมายถึงลิลลี่อีแวนส์ ดัมเบิลดอร์จึงรู้ถึงความรู้สึกของสเนปที่มีต่อลิลลี่ ดัมเบิลดอร์เลยถามสเนปว่าถ้าลิลลี่สำคัญต่อเขาขนาดนี้ ทำไมเขาไม่ขอให้โวลดี้ปล่อยเธอไปล่ะ สเนปบอกดัมเบิลดอร์ว่าเขาขอแล้ว ดัมเบิลดอร์เลยด่าสเนปว่าน่าขยะแขยง สเนปไม่แคร์เลยว่าจะเกิดอะไรกับสามีและลูกของเธอ สเนปจึงขอร้องให้ดัมเบิลดอร์พาลิลลี่และครอบครัว(ไอ้ครอบครัวนี่ก็ไม่ค่อยเต็มใจจะเอ่ยหรอก)ไปซ่อน ดัมเบิลดอร์ถามว่าสเนปมีอะไรมาแลกเปลี่ยนกับคำขอนี้ สเนปบอกว่าเขายินดีจะให้และทำทุกอย่าง (โถไอ้ไข่ย้อย แกมาบอกอะไรเอาป่านนี้)
ฉากตัดมาที่ห้องทำงานของดัมเบิลดอร์ สเนปอยู่ในห้องนั้นด้วย สเนปกล่าวโทษดัมเบิลดอร์ ว่าไหนเขาสัญญาว่าจะพาลิลลี่ไปซ่อนในที่ปลอดภัยไง ดัมเบิลดอร์จึงตอบไปว่า ลิลลี่กับเจมส์ไว้ใจคนผิด แบบเดียวกับที่สเนปไว้ใจโวลเดอมอร์น่ะแหละ เขาถามสเนปว่าคิดจริงๆหรือว่าโวลเดอร์มอร์จะยอมปล่อยลิลลี่ ดัมเบิลดอร์เล่าต่อไปว่า ลูกชายของลิลลี่รอด และเขาได้ตาของแม่มา ดวงตาที่สเนปรู้จักดี สเนปทนฟังไม่ด้าย เขารู้สึกอยากตาย ดัมเบิลดอร์กล่อมสเนปว่าตายไปแล้วก็ไม่ได้อะไร ถ้าเขารักลิลลี่จริง ต้องช่วยลิลลี่ปกป้องลูกของเธอ
ฉากตัดมาสมัยแฮรี่เข้าเรียนปี1สเนปมีอคติต่อแฮรี่ หาว่าแฮรี่เย่อหยิ่งยะโสอวดดีแบบเจมส์ แต่ดัมเบิลดอร์ยืนยันว่าแฮรี่เป็นเด็กที่อ่อนโยน และบอกให้สเนปคอยจับตาดูควีเรลล์ไว้
ฉากตัดมาที่ตอนในเล่ม4 สเนปรายงานดัมเบิลดอร์ว่าตรามารของคาคารอฟเข้มขึ้นทุกทีๆ
ฉากตัดมาที่ห้องทำงานของดัมเบิลดอร์อีกครั้ง สเนปกำลังพูดกับดัลเบิลดอร์เกี่ยวกับแหวนของมาโวโลกอนท์ (ช่วงต่อไปนี้ไม่แน่ใจนะคะ) ด้วยคำสาปของแหวนนี้จะทำให้ดัมเบิลดอร์อ่อนแอลง และคงมีเวลาเหลือไม่ถึง1ปี แล้วก็พูดถึงแผนการของโวลดี้ที่จะให้มัยฝอยมาสังหารดัมเบิลดอร์เพื่อเป็นการลงโทษลูเชียส และโวลดี้มั่นใจว่ามันฝอยจะทำไม่สำเร็จ และตั้งใจที่จะให้สเนปเป็นคนปิดฉาก และดัมเบิลดอร์ขอให้สเนปสัญญาว่าจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องนักเรียน สเนปพยักหน้ารับ ดัมเบิลดอร์ต้องการจะช่วยมันฝอย จึงวางแผนที่จะให้สเนปฆ่าตน(ตรงนี้เดาถูกกันหลายคนเลยนะเนี่ย) สเนปจึงถามว่าถ้าดัมเบิลดอร์ไม่กลัวความตาย ก็แล้วทำไมไม่ให้มันฝอยฆ่าเขาไปเลยล่ะ ดัมเบิลดอร์ต้องการที่จะปกป้องจิตใจของมันฝอย ไม่ให้เสียหายไปมากกว่านี้ สเนปจึงเกิดอาการน้อยเนื้อต่ำใจ ดถามดัมเบิลดอร์กลับไปว่า แล้วใจผมละคร้าบเพ่ ดัมเบิลดอร์เลยตอบไปว่าถือว่าช่วยคนแก่เต๊อะ สเนปก็ประมานว่า เออทำก็ได้วะ
ฉากตัดมาที่สเนปคุยกับดัมเบิลดอร์ ดัมเบิลดอร์พยายามกล่อมให้สเนปเห็นว่าแฮรี่อ่อนโยนเหมือนแม่มากกว่ากวนติงเหมือนพ่อ สเนปถามดัมเบิลดอร์ต่อว่าดัมเบิลดอร์ไปแอบงุบงิบคุยอะไรกับแฮรี่2ต่อ2 ดัมเบิลดอร์จึงตอบว่าเขาไปให้ข้อมูลที่แฮรี่ควรรู้ก่อนที่จะสายเกินไป สเนปจึงงอนดัมเบิลดอร์ หาว่าดัมเบิลดอร์เชื่อใจแฮรี่แต่ไม่เชื่อใจเขา ดัมเบิลดอร์จึงตอบไปว่า เขาไม่อาจบอกความลับทั้งหมดแก่(ตะกร้าหน้าจะหมายถึงคนแหละ)คนเพียงคนเดียวได้(ประมานข้อมูลควรจะกระจายๆกันไป) โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ทำงานใกล้ชิดโวลดี้แบบสเนป สเนปจึงโต้กลับว่า แล้วทีกับแฮรี่ที่มีจิตเชื่อมต่อกับโวลดี้โดยตรงล่ะฟระ ดัมเบิลดอร์จึงตอบไปว่า โวลดี้เคยได้รับบทเรียนเกี่ยวกับการพยายามที่จะเข้าถึงจิตใจแฮรี่มาแล้วเมื่อเร็วๆนี้ และเขาคงไม่พยายามเข้าถึงจิตของแฮรี่ด้วยวิธีนั้นอีก
ตัดมาที่ห้องทำงานของดัมเบิลดอร์อีกครั้ง ดัมเบิลดอร์เตือนสเนปว่า แฮรี่ต้องไม่รู้อะไรเลยจนกว่าจะถึงช่วงสุดท้ายของแผนการณ์นี้หลังจากที่เขาตาย จนกว่าช่วงเวลาที่โวลดี้กังวลเกี่ยวกับชีวิตของนากินีและพยายามเก็บมันไว้ใกล้ตัวมาถึง ช่วงเวลานั้นจะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะบอกแฮรี่ว่าในคืนที่ลิลลี่ตายและวิญญาณของโวลเดอมอร์แตกกระจายเป็นชิ้นๆ วิญญาณส่วนหนึ่งของเขาได้เข้ามาอยู่ในสิ่งมีชีวิตเดียวภายในบ้าน ซึ่งนั่นก็คือแฮรี่ ประมานว่าถ้าแฮรี่ไม่ตาย โวลดี้ก็ไม่ตาย(ทายถูกกันอีกละ)
เริ่มง่วงเอาแบบย่อๆแล้วนะคะ
สเนปรู้สึกว่าเหมือนตัวเองถูกดัมเบิลดอร์หลอกใช้ให้ช่วยแฮรี่เพื่อลิลลี่ แต่เปล่าเลย ดัมเบิลดอร์รักษาชีวิตของแฮรี่ไว้ เพื่อที่จะใช้ความตายของแฮรี่ให้ถูกเวลา ไม่ต่างอะไรกับเลี้ยงหมูเพื่อรอเวลาเชือด แล้วฉากหลังจากนี้สเนปก็เสก ผู้พิทักษ์ออกมาเป็นกวางตัวเมียสีเงิน ดัมเบิลดอร์ถามว่าผู้พิทักษ์ของเขาเป็นแบบนี้มาตลอดหรือ สเนปตอบว่า มันเป็นแบบนี้เสมอมอและจะตลอดไป( กริ๊กริ้วไอ้ตลอดไปนี่เติมเองค่ะ เหอๆๆ)
ฉากตัดมาที่ดัมเบิลดอร์กำลังเตี๊ยมแผนการกับสเนป ที่ใช้น้ำยาสรรพรสปลอมหลายๆคนเป็นแฮรี่แล้วใช้เป็นเหยื่อล่อ โดยให้สเนปสะกดมันดังกัสให้ไปเสนอแผนนี้ต่อภาคีอีกที
ฉากต่อมาสเนปอยู่ในห้องนอนเก่าของซีเรียสกำลังอ่านจดหมายเก่าๆของลิลลี่น้ำตาไหลพรากๆ ในหน้าที่2มีข้อความว่า (อันนี้แหนมยังงงๆว่าหมายถึงอารัย ยังไงก็เอามาทั้งข้อความเลยละะกันค่ะ)
could ever have been friends with Gellert Grindelwald. I think her mind going personally
lots of love
Lily
สเนปเก็บรูปภาพของลิลลี่ที่กำลังยิ้มแย้มไว้(แต่ฉีกรูปเจมส์ที่อยู่ข้างๆออกไปแล้ว)
ฉากตัดมาที่ห้องอาจารย์ใหญ่ ฟีนีแอสไนเจลลัสเข้ามารายงานเขาว่า พวกเลือดสีโคลนมาตั้งค่ายอยู่ที่forrest of deanแล้ว สเปนโต้กลับไปว่าอย่าใช้คำนั้น(คำว่าเลือดสีโคลน) ฟีนีแอสรายงานต่อ ว่าเขาได้ยินนังเด็กเกรนเจอร์นั่นเอ่ยถึงสถานที่ตอนที่เธอเปิดกระเป๋า(รูปฟีนีแอสที่พวกแฮรี่พกมาด้วย) รูปภาพดัมเบิลดอร์ในห้องอาจารย์ใหญ่เตือนสเนปไม่ให้ลืมมอบดาบของกริฟฟินดอร์ให้แฮรี่ และต้องระวังไม่ให้แฮรี่รู้ว่าใครเป็นคนมอบให้ เพราะดัมเบิลดอร์อาจจะอ่านใจแฮรี่เจอเรื่องพวกนี้ได้ แล้วสเนปก็ออกจากห้องไป
แฮรี่เงยหน้าขึ้นมาจากเพนซีฟ จบ(กันห้วนๆดื้อๆแบบนี้ล่ะค่าตอนนี้)
บทที่ 34

ในที่สุดความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับสเนป ก็กระจ่าง แฮรี่ได้รู้ว่า สเนป เสี่ยงตายเพื่อช่วยดัมเบิลดอร์ และตัวเขา ด้วยชีวิต

ดัมเบิลดอร์ฝากความหวังไว้ที่เขา เด็กชายคนหนึ่ง หวังว่าเขาจะทำลายฮอร์ครุกทุกชิ้น แต่แฮรี่ ก็โง่เองเพราะฮอร์ครุกไม่ได้ผูกพันแค่เวอร์ดี้ แต่ยังรวมถึงตัวเขาด้วย แฮรี่ จะต้องเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อทำลาย ฮอร์ครุกทุกชิ้น เขาอิจฉาพ่อแม่และ ทุกคนที่ตายอย่างง่ายดาย

แต่ดัมเบิลดอร์ ก็คาดหวัดมากเกินไป เพราะ นากินียังมีชีวิตอยุ่ ถึงแม้แฮรี่ตายไปแล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่ง ที่จะทำให้เวอร์ดี้ ยังอยู่ในโลกนี้ได้ หลังจากเขาตาย ใครจะฆ่ามันได้ เป็น รอน เฮอร์ นี่เองสาเหตุที่ ดัมเบิลดอร์ ต้องการให้ ทั้งสองอยู่เคียงข้างเขา เพื่อทำภารกิจให้เสร็จสิ้น

แฮรี่ตัดสินใจเด็ดขาด เขากลับมาที่ฮอลใหญ่ เจอเนวิล และฝากให้เนวิล บอกรอน หรือ เฮอร์ ให้ฆ่า นากินี



วนิพก
#37   วนิพก    [ 11-01-2008 - 17:18:25 ]

บทที่ 34 ต่อ ค่ะ ไม่หลับไม่นอนละ

เนวิลรับปาก และบอกว่า ทุกคนพร้อมจะสู้ แฮรี่ ทำหน้าเศร้า คลุมผ้าคลุม แล้วเดินจากมา จนมาเจอจินนี่กำลังปลอบ เพื่อนอยู่ แฮรีอยากตะโกนบอกให้จินนี้รู้ว่าเขาอยู่ใกล้ๆ อยากให้เธอห้ามเขา พาเขากลับบ้าน แต่ฮอกวอต คือบ้านของเขา ที่แห่งเดียวที่เขา และ เวอร์ดี้ และสเนป นับเป็นบ้าน แฮรี่เดินจากมาก

ผ่านมาถึงกระท่อมของแฮกริด แฮรี่คิดถึงวันเก่า ๆ ทีรอนเคยอ๊วก ตัวทาก เฮอร์ ช่วยดูแลนอเบิรท (เหมือนลาไปตายจริง)

สุดท้ายแฮรี่ ก็เปิดลูกสนิชลูกแรกออก ทายซิ ใช่แล้ว เป็นยาชุบชีวิต ในที่สุด แฮรี่ก็ ได้ Death Master ครบสามแล้ว

ในทีสุดแฮรี่ก็เข้า ยานี้ไม่ใช่เพื่อพาคนที่ตายแล้วกลับมา แต่เพื่อพามาเจอต่างหาก แล้วก็รวมญาติ เจอทุกคนที่ตาย ไป พ่อแม่ ลูปิน ทุกคนยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว ลูปิน ถามว่าเขาตายยังไง แฮรีบอกตายหลังจากได้ลูกชาย

จะมีแฮรี่คนเดียวที่เห็นพวกเขา เหมือนมาเสริมพลังให้แฮรี่ แฮรี่ เดินมาเจอ โดโรฮอฟ กับ ยักซี ที่เหมือนจะรู้สึกถึง ผ้าคลุม แต่ผ่านไป พวกเขาขี่ อาราก็อก กลับมาแจ้งข่าวกับเวอรดีว่าตามแฮรี่ไม่เจอ

แต่เวอร์ดี้มั่นใจว่ายังไง แฮรี่ก็ต้องมา

แล้วแฮรี่ก็ทิ้งผ้าคลุม ปรากฏตัวขึ้นกลางวง ทุกคนตกใจ แฮรี่รู้ว่าเวอร์ดี้ ต้องเสกคาถาป้องกันนากินีไว้ ถ้าเขาชีไม้ไปที่มันต้องโดนขัดขวางแน่

ทันใดนั้น แฮกริดก็เข้ามาห้าม แต่โดน ผุ้เสพความตายสะกัดไว้

แฮรี่เผชิญหน้ากับ เวอร์ดี้

แฮรี พอตเตอร์ เด็กชายผู้รอดชีวิต เวอร์ดี้เรียกเขา

ทุกอย่างหยุดนิ่ง

แฮรี นึกถึงจีนนี้ สายตา ของเธอ ริมฝีปากของเธอยามที่พวกเขา

แฮรี่ต้องตัดสินใจ ณ เดี๋ยวนั้น ก่อนที่ความกลัว จะครอบงำเขาเสียก่อน เขาเห็นปากขยับ และ แสงสีเขียวพุ่งออกมา ก่อนที่ทุกอย่างจะ เลือนหายไป

จากคุณ : kwanmanee - [ 21 ก.ค. 50 0331 ]

บทที่ 35 โอ๊ย บีบหัวใจอ่ะ

แฮรี่นอนคว่ำหน้า เขาแน่ใจว่าอยู่คนเดียวแน่ๆ ไม่แน่ใจว่านี่ยังเป็นตัวเขารึเปล่า จนครู่ใหญ่แฮรี่ ก็เริ่มได้สติ ว่าเขาเปลือยอยุ่ (ว๊าว) เขาเริ่มเช็คว่ามองเห็นไหม ขยับได้ แฮรี่ลุกขึ้น เริ่มเขินที่ตัวเองโป๊ มองไปรอบ ๆ คาดว่าจะอยู่ในห้องต้องประสงค์ เผอิญเจอเสื้อคลุมก็เลยหยิบมาใส่

แฮรีพยายามหาทางกลับไปที่ห้องโถงใหญ่ เสียงที่เหมือนเด็กร้อง ตั้งแต่เขาเริ่มได้สติ มาจาก เด็กเปลือยคน หนึ่งที่เดินเข้ามาหาเขา นันคือ ดัมเบิลดอร์

แฮรี่ คิดว่าตัวเองตายไปแล้ว เพราะเขาไม่ได้ป้องกันตัว แต่ยอมให้เวอร์ดี้ ฆ่าเขา

ดัมเบิลดอร์บอกว่า เมื่อเวอร์ดี้ ฆ่า แฮรี่ ทำให้ส่วนนึงของเวอร์ดี้ที่อยู่ในตัวแฮรี่ ถูกทำลายไป เพราะ เมือ่เวอร์ดี้กลับมามีร่างใหม่ (เล่มสี่) ต้องใช้เลือดของแฮรี่ ทำให้ เวทย์มนต์ ที่แม่แฮรี่ทำไว้ เข้าไปอยู่ในตัว เวอร์ดี้ ด้วย และ ในคืนที่เวอร์ดี้โดนเวทย์มนต์ ก็ทำให้แฮรี่กลายเป็นฮอร์ครุกที่ เจ็ด โดยไม่รู้ตัว

แฮรี่ ถามว่า ดัมเบิลดอร์ รุ้มาตลอดหรือ แต่ป๋าบอกว่าเดาเอา

ในที่สุดดัมเบิลดอร์ก็เล่าให้แฮรี่ฟัง เรื่องที่ผ่านมา ทั้งเรื่อง แม่ น้องชายน้องสาว ที่ อาเบอร์ฟาท เล่าให้ฟัง เป็นเรื่องจริง ดัมเบิลดอร์ สนใจใฝ่รู้มาก จนละเลย หน้าที่และความรับผิดชอบต่อ ครอบครัว ยิ่งมา เป็นเพื่อน กับ Gringenwald ที่บ้าเรื่อง Deaht Hallow ทำให้ทั้งสองเฝ้าตามหา ของทั้งสามชิ้น และเรื่องราวของสามพี่น้องก็จริง

จนเมื่อน้องสาวดัมเบิลดอร์ ตายยิ่งทำให้ ดัมเบิลดอร์ อยากรวบรวมมากขึ้นเพื่อพา แม่และน้องสาวกลับมา
บทที่ 35 ต่อ

ดัมเบิลดอร์ บอกว่า ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะสมที่จะครอบครอง HALLOW สำหรับ ตัวเขาเป็นเจ้าของได้ เพียง Elder Wan แต่แฮรี่ มีความเหมาะสม เพราะ เกี่ยวข้องกับความตาย ทั้งเป็นฮอร์ครุก และ สืบต่อ ผ้าคลุม ทางสายเลือด อีกทั้ง ต้องฟื้นคืนชีพ (มาฆ่าเวอร์ดี้ไง)

ดัมเบิลดอร์คาดว่า เวอร์ดี้รู้แค่ ไม้จะทำให้ เขาเพิ่งพลังอำนาจ ทำให้เวอร์ดี้ตามล่าแต่ ไม้ แต่ไม่รุ้วัตถุประสงค์ที่แท้จริง ทำให้ ดัม วางแผน ให้เวอร์ดี้ เอาไม้ไป โดยไม่รู้ว่า เขาวางแผน ให้ สเนป ต่างหากที่เป็นเจ้าของไม้ที่แท้จริง เพื่อกำจัด เวอร์ดี้ แต่ไม่สำเร็จ

สุดท้าย ดัมเบิลดอร์ บอกให้แฮรี่รู้ว่า สามารถเลือกที่จะกลับไป หรืออยู่ ตายกับป๋าที่นี่ก็ได้ ความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว
บทที่ 36

แฮรี่ กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงในที่สุด ทั้งตัวของเขาปวดร้าวไปหมดเขาหวังจะได้ยินเสียงโห้ร้อง สำหรับความตายของเขา

เบลลาทริกซื เรียก เวอร์ดี้ ด้วยความเป็นห่วง และ เสน่หา ผุ้เสพความตายล้อม เวอร์ดี้เป้นวงกลม เหมือนมีอะไรผิดปกติ กับเขาหลังจากใช้คำสาปสั่งตาย กับแฮรี่ เบลลาทริกซืจะเข้าไปประคอง แต่โดนปฏิเสธ

เวอร์ดี้สั่งให้ใครบางคนเข้าไปดูว่า แฮรี่ ตายรึเปล่า ปรากฏว่าเป็น แม่ของมัลฟอย ที่เข้ามากระซิบถามว่า ลูกชายยังมีชีวิตอยู่ แฮรี่ตอบว่าใช่ แม่มัลฟอย ตะโกนว่า แฮรี่ ตายแล้ว ทุกคนโห่ร้อง ดีใจ

เวอร์ดี้ ประกาศให้เตรียมตัวบุก ฮอกวอต แฮกริดที่โดนคาถาสะกดใจ มาอุ้มแฮรี่ไปด้วย

ระหว่าวทาง เวอร์ดี้ ตะโกนว่า แฮรี่ตายขณะหลบหนี เอาตัวรอด สงครามจบแล้ว พวกเขาเป็นฝ่ายชนะ ให้ทุกคนยอมแพ้ซะ

รอน เฮอร์ จินนี้ ตกใจที่เห็นแฮรี่ตาย ทันใดนั้น ก็มีใครคน นึงเขาทำร้าย เวอร์ดี้

เนวิล นั่นเอง เขาตะโกน ว่า งั้นก็ช่วยแสดงให้ดูหน่อยซิ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ยังจะสู้ต่อ เบลลาทริกซื้เย้ยหยัน เรื่องพ่อแม่เนวิล

แต่เนวิลยังยืนยันว่ายังมี กองทัพของดัมเบิลดอร์ ที่จะสู้อยุ่

เวอร์ดี้ ประกาศว่าจะทำลายฮอกวอต ให้สิ้นซาก แล้วก็สาป เนวิล ให้แข็ง

กอร์ป วิ่งตะโกนหาแฮกริด ทำให้ทุกคนหันเหความสนใจ เนวิล เลบคลายมนสะกด หลุดออกมาได้

และฉวยโอกาส ตัดหัวนากินี ขาด


เวอร์ดี้ช็อค อ้าปากค้าง ไม่รู้ตัวว่า แฮรี่ แอบมาอยู้ใต้ผ้าคลุมล่องหน เสกคาถาป้องกัน เนวิลเอาไว้ แฮกริด รุ้ตัวว่าแอรี่ หายไป ก็ตะโกนหา

ทุกอย่างก็เกิดโกลาหลขึ้นทันที ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าตะลุมบอนกัน

แฮรี่ ออกจากผ้าคลุม มาเผชิญหน้ากับ เวอร์ดี้ ขอท้าดวลกัน

แฮรี่ด่าๆๆๆๆ จน เวอร์ดี้ จิตตก ว่าไม่เคยมีความรัก ไม่เคยแคณื ใคร หรืออะไร และทีสำคัญ เขาไม่ยิ่งใหญ่กว่าดัมเบิลดอร์

และ สเนป ไม่ภักดี กับเวอร์ดี้ เพราะ เวอร์ ดี้ จะฆ่า คนที่เขารัก คือลิลี่ ทำให้สเนป หันไป ขอเป็นพวกดัมเบิลดอร์ และ เป้นสปาย ให้ มาตลอด
บทที่ 36 – The Flaw in The Paln
(ไม่ค่อยชอบบทสุดท้ายต่อจากนี้เลยค่ะ ช่วยแปลบทนี้ดีกว่า) .. ขอแก้สิ่งที่หายไปและที่ผิดค่ะ

แฮรี่รู้สึกตัวว่าเขากลับมาอยู่ในป่าอีกครั้ง และคาดว่าจะได้ยินเสียงพวกผู้เสพความตายตะโกนอย่างยินดีในการตายของเขาแต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้าหนึ่งก้าวมาอย่างเร่งรีบและเรียกชื่อโวลเดอมอร์ เสียงนั้นคือเบลลาทริกซ์นั่นเอง แฮรี่รู้ว่าไม้กายสิทธิ์ของตัวเองยังอยู่ดีใต้เสื้อคลุมของเขาและมั่นใจว่าผ้าคลุมล่องหนต้องอยู่ที่ไหนซักแห่งใกล้ๆกันนี้
แฮรี่แอบเปิดตาขึ้นนิดหนึ่ง เขาเห็นโวลเดอมอร์พูดกับเบลลาทริกซ์ว่า "จะต้องทำแน่”พวกผู้เสพความตายต่างเข้ามารุมล้อมโวลเดอมอร์และแฮรี่เห็นโวลเดอมอร์ทรุดลงไปอยู่ที่พื้น เกิดอะไรบางอย่างขึ้นเมื่อตอนที่เขาเสกคำสาปพิฆาต? ทั้งเขาและโวลเดอมอร์ต่างก็ล้มลงทั้งคู่และตอนนี้ก็ได้ฟื้นขึ้นมาทั้งคู่หรือ? เบลลาทริซ์ถามว่าแฮรี่ตายหรือยัง โวลเดอมอร์จึงสั่งให้ใครคนหนึ่งเข้าไปตรวจดู แฮรี่พบว่าเขาถูกสัมผัสด้วยมือที่นิ่มนวลของผู้หญิงและหล่อนสัมผัสได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นของเขา แต่หล่อนกลับกระซิบถามด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เดรโกยังมีชีวิตอยู่ไหม เขาอยู่ที่ปราสาทหรือเปล่า” และแฮรี่ตอบเบาๆว่า “อยู่” ผู้หญิงคนนั้นคือนาร์ซิสซานั่นเอง และนาร์ซิสซาได้ลุกขึ้นตอบกับทุกคนว่า “เขาตายแล้ว” พวกผู้เสพความตายพากันดีใจยกใหญ่ และเอาร่างของแฮรี่โยนขึ้นๆลงๆ จากนั้นโวลเดอมอร์ก็ให้ทุกคนมุ่งหน้าไปยังปราสาทโดยให้แฮกริดเป็นคนแบกแฮรี่ไป โวลเดอมอร์บอกกับทุกคนที่ปราสาทว่าแฮรี่ตายแล้ว ตายโดยการวิ่งหนีเอาชีวิตรอด ทุกคนมองร่างที่นิ่งไม่ไหวติงของแฮรี่ที่ตอนนี้นอนอยู่ที่พื้น แฮรี่ได้ยินเสียงตะโกนอย่างไม่เชื่อและเสียงร้องไห้ของรอน เฮอร์ไมโอนี่และจินนี่ท่ามกลางเสียงของคนอื่นๆด้วย
โวลเดอมอร์บอกให้ทุกคนเงียบแล้วบอกว่าแฮรี่ตายยังงัยอีกครั้ง ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั่นเองก็มีใครบางคนแหวกวงล้อมของคนอื่นๆในปราสาทออกมาประจันหน้ากับเขา เบลลาทริกซ์เป็นคนบอกว่านั่นคือเนวิล ลองบอตท่อม ลูกชายของ Aurors โวลเดอมอร์จึงบอกว่าเขาจำได้แล้ว และพูดกับเนวิลว่าเขาคือพวกเลือดบริสุทธิ์ไม่ใช่หรือและเกลี้ยกล่อมให้เนวิลมาเป็นผู้เสพความตาย แต่เนวิลยืนหยัดในทางตรงข้ามและพูดคำว่า กองทัพของดัมเบิลดอร์ ซึ่งทำให้ทุกคนส่งเสียงขึ้นมาอย่างมีกำลังใจอีกครั้ง โวลเดอมอร์บอกว่าในเมื่อนี่คือทางเลือกของเนวิล เขาก็จะกลับไปใช้วิธีเดิมของเขา โวลเดอมอร์ขยับไม้หมวกคัดสรรปรากฏขึ้นมา และบอกว่าจะไม่มีบ้านอื่นเว้นแต่สลิธีริน เขาขยับไม้ไปที่เนวิล เนวิลถูกสะกดนิ่ง โวลเดอมอร์วางหมวกลงบนศีรษะของเนวิล พวกผู้เสพความตายขยับไม้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในฮอกวอร์ต โวลเดอมอร์พูดว่าเนวิลจะเป็นตัวอย่างว่าคนที่ต่อต้านเขาจะเป็นเช่นไร โวลเดอมอร์ขยับไม้ ไฟลุกท่วมหมวกและเนวิล เกิดเสียงกรีดร้องไปทั่ว
แฮรี่ตัดสินใจว่าเขาทนไม่ได้แล้ว
จากนั้นมีหลายสิ่งเกิดขึ้นพร้อมกัน
เกิดเสียงคนหลายร้อย เหมือนอยู่ในสงคราม กอร์ปถูกยักษ์ของโวลเดอร์มอร์โจมตี เกิดความโกลาหนไปทั่ว แฮรี่เอาผ้าคลุมล่องหนออกมาคลุมตัวเองไว้และแทบจะพร้อมๆกันนั้น เขาเห็นเนวิลขยับตัว เนวิลทำลายคำสาปของโวลเดอมอร์ได้ หมวกคัดสรรตกลงจากศีรษะของเนวิลและแฮรี่เห็นเขาถืออะไรบางอย่างที่มีสีเงินและมีทับทิมสีแดงติดอยู่ ไม่มีใครสามารถได้ยินเสียงของดาบท่ามกลางการต่อสู้อย่างโกลาหน เพียงขยับตัวครั้งเดียว เนวิลก็ใช้ดาบของก็อดดริก กริฟฟินดอร์ฟันหัวของงูนากินีขาดลอยกระเด็นไปในอากาศ โวลเดอมอร์ส่งเสียงกรีดร้องอย่างโกรธแค้นแต่ไม่มีใครได้ยิน แฮรี่เสกคาถาโล่ป้องกันระหว่างเนวิลกับโวลเดอมอร์
แฮกริดสังเกตว่าศพของแฮรี่หายไป และตะโกนเรียกชื่อแฮรี่ เกิดความโกลาหนขึ้นมาอีกครั้ง เซนทอร์เข้าโจมตีพวกผู้เสพความตาย บัคบีคกับกอร์ปสู้กับพวกยักษ์ แฮรี่เห็นว่าการต่อสู้ค่อยๆเคลื่อนเข้าไปทางโถงทางเข้า แฮรี่ตามเข้าไปและพยายามมองหาโวลเดอมอร์และเห็นเขากำลังมุ่งหน้าไปทางห้องโถงใหญ่ กำลังเสกคาถาและสั่งการพวกลูกน้องคนอื่นๆของเขาที่ตามเข้ามา แฮรี่เสกคาถาโล่ห์ป้องกัน เชมัส ฟินิกันและฮันนา แอบบอต เพิ่งจะผ่านเขาเข้าไป แฮรี่เห็นชาลี วีสลีย์ ฮอเรซ สลักฮอร์น พวกครอบครัวและเพื่อนๆของนักเรียนฮอกวอร์ต พวกเจ้าของร้านและคนที่อาศัยอยู่ในฮอกส์มีด และเขาเห็นเอลฟ์ประจำบ้านปรากฏขึ้นที่ทางเข้าห้องโถง ในนั้นมีเอลฟ์ตัวหนึ่งสวมล็อกเก็ตของเรกูลัส แบล็ค ครีเชอร์นั่นเอง มันร้องตะโกนให้สู้ ในนามของเรกูรัส นายของมัน
แฮรี่ตามเข้าไปในห้องโถงใหญ่และพบว่าโวลเดอมอร์อยู่ตรงศูนย์กลางของการต่อสู้ แฮรี่พยายามเข้าไปให้ถึง มีคนเข้ามาสมทบมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นจอร์จและลี จอร์ดันสู้อยู่กับ Yaxley โดโลฮอฟกำลังเพลี่ยงพล้ำฟลิตวิก แมคแนร์ถูกแฮกริดโยนข้ามห้องโถง รอนกับเนวิลช่วยกันเอาชนะเกรย์แบ็ก ลูเซียสกับนาร์ซิสซาไม่ต่อสู้กับใครแต่วิ่งร้องเรียกหาลูกชายของพวกเขา
ตอนนี้โวลเดอมอร์รับมือกับ มักกอนนากัล สลักซ์ฮอร์นและคิงสลีย์ เบลลาทริกซ์สู้อยู่กับเฮอร์ไมโอนี่ ลูน่า จินนี่ เขาเห็นคำสาปพิฆาตพลาดจากจินนี่ไปนิดเดียวเท่านั้น เขาจึงตัดสินใจหันไปทางเบลลาทริกซ์ก่อน แต่นางวีสลีย์เข้ามาแทนทั้งสามคนและสู้กับเบลลาทริกซ์อย่างดุเดือด และเริ่มมีเด็กคนอื่นๆออกมาช่วย เธอบอกให้พวกเขาถอยไป นางวีสลีย์ฆ่าเบลลาทริกซ์ได้ โวลเดอมอร์กรีดร้อง และโกรธยิ่งกว่าเดิม สามคนที่สู้อยู่กับโวลเดอมอร์เริ่มล้าแล้วและถอยออกมา โวลเดอมอร์หันไม้กายสิทธิ์มาทางนางวีสลีย์ แฮรี่เสกคาถา “โพรเทโก้!” เกิดโล่ขึ้นระหว่างห้องโถงคั่นกลางเอาไว้ แฮรี่เอาผ้าคลุมออก เกิดเสียงตะโกนอย่างดีใจที่รู้ว่าแฮรี่ยังไม่ตาย โวลเดอมอร์กับแฮรี่ประจันหน้ากันอยู่กลางวงกลมที่ล้อมรอบโดยคนที่เหลือ เขาตะโกนบอกทุกคนว่าอย่าเข้ามาและเขาต้องทำมันพียงคนเดียวเท่านั้น
(ตรงนี้ขอสรุป อาจทำให้ขาดอรรถรสไปบ้าง) โวลเดอมอร์ยังคิดว่าเขาสามารถเอาชนะแฮรี่ได้ เพราะเขามี Elder wand แต่แฮรี่ก็ค่อยๆเผยความลับที่โวลเดอมอร์ไม่รู้ เรื่องการตายของดัมเบิลดอร์ เรื่องที่สเนปเป็นสายให้ดัมเบิลดอร์ เรื่องแม่ของเขากับสเนป และบอกว่าโวลเดอมอร์กำลังจะทำผิดอีกครั้งหากยืนยันจะสู้กับเขา ตอนนี้เขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่ตายได้เท่านั้น และเนื่องจากการตายของดัมเบิลดอร์ซึ่งเป็นเจ้าของ Elder Wand เป็นการตายอย่างสมัครใจโดยให้สเนปเป็นคนทำ ดังนั้นสเนปไม่ใช่คนที่เป็นเจ้าของไม้คนต่อมา แต่เป็นเดรโก มัลฟอย! เพราะเดรโกใช้คาถากับดัมเบิลดอร์เป็นคนสุดท้ายก่อนสเนปและเขาทำสำเร็จ แม้จะไม่ได้เป็นคนฆ่าก็ตาม แฮรี่ย้ำกับโวลเดอมอร์ว่าเขารู้จากโอลิแวนเดอร์แล้วไม่ใช่หรือว่าไม้ต่างหากที่เลือกผู้ใช้ (บางครั้งแฮรี่เรียกโวลเดอมอร์ว่า ทอม และ ริดเดิ้ล ด้วย)
โวลเดอมอร์ช็อกแต่รีบพูดว่าถึงยังงัยเขาก็สามารถเอาชนะแฮรี่ได้ด้วยความสามารถของเขาเองโดยไม่ต้องอาศัยพลังอำนาจจากไม้ แต่แฮรี่บอกว่าโวลเดอมอร์คิดผิดแล้ว เพราะไม้อันที่เขาถืออยู่คือไม้ของเดรโก ซึ่งเขาเอาชนะมาได้ ถึงตอนนี้แฮรี่รู้สึกได้ว่าสายตาของทุกคนในห้องโถงจับจ้องมาที่เขา แฮรี่พูดต่อว่า โวลเดอมอร์คิดหรือไม่ว่าคราวนี้ไม้ที่เขาถือจะรู้ไหมว่าที่กำลังเผชิญหน้าอยู่คือคนที่เอาชนะเจ้านายเก่าของมันได้ และตอนนี้แฮรี่คือนายใหม่ของ Elder Wand! ทั้งสองคนตะโกนพร้อมกัน "อวาดา เคดฟรา” “เอ๊กซ์เปลลิอามัส”
เกิดระเบิดลูกใหญ่และ Elder Wand ปลิวไปในอากาศ แฮรี่กระโดดคว้าไว้ได้ ทอม ริดเดิ้ลปลิวไป นิ่งสนิท ตายด้วยคาถาของตนเองที่สะท้อนกลับ …..

(ตรงนี้ก็ขอสรุปคร่าวๆ) ทุกคนต่างโห่ร้องอย่างดีใจ รอนกับเฮอร์ไมโอนี่เข้ามากอดแฮรี่ รวมทั้งคนอื่นๆที่ต่างก็รุมล้อมเข้ามา พวกผู้เสพความตายที่เหลือถ้าไม่หนีไปก็โดนจับ (ตอนนี้คิงสลีย์รักษาการแทนในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนต์ ) พวกเขายกร่างของทอม ริดเดิ้ล เข้ามารวมกับผู้เสียชีวิตคนอื่นๆ มีลูปิน ท็องส์ เฟร็ด คอลิน และคนอื่นๆอีกราว 50 คน ทุกคนรวมทั้งเซนทอร์ กอร์ป พวกผี นั่งรวมกันโดยไม่แยกบ้าน แฮรี่คว้าผ้าคลุมล่องหนมาสวม เขามองไปที่จินนี่ซึ่งอยู่กับนางวีสลีย์ แล้วเดินไปสะกิดรอนกับเฮอร์ไมโอนี่ให้ออกไปข้างนอกด้วยกัน
พวกเขาขึ้นไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่ และพูดคุยกับรูปภาพอาจารย์ใหญ่คนก่อนๆรวมถึงดัมเบิลดอร์ด้วย สุดท้ายแฮรี่ตัดสินใจจะไม่เก็บ Elder Wand ไว้ เขาเสกคาถา “รีแพโร” กับไม้เดิมของตัวเองที่อยู่ในสภาพ “ซ่อมไม่ได้อีกแล้ว” แต่มันทำได้ ไม้กายสิทธิ์ของแฮรี่กลับมาดีเหมือนเดิม และเขาบอกว่าจะเอา Elder Wand ไปเก็บไว้ที่เดิม แฮรี่ถามดัมเบิลดอร์ว่าหากเขาตายตามธรรมชาติ (ไม่ใช่ด้วยการฆ่าเพื่อเอาไม้) เหมือน Ignotus พลังอำนาจของไม้ก็จะหายไปเองใช่หรือไม่ ดัมเบิลดอร์พยักหน้า พวกเขายิ้มให้กัน
มาต่อบท EPILOGUE NINETEEN YEAR LATER ให้คับ (หากผิดพลาดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้านะคับ ปะกิตไม่ได้แข็งแรงเท่าไหร่)

19 ปีต่อมา เป็นเรื่องตอนที่แฮรี่กับจินนี่กำลังจะไปส่งลูกๆขึ้นรถไฟไปฮอกวอร์ต แฮรี่กับจินนี่มีลูกด้วยกัน 3 คน คนโตชื่อเจมส์ คนรองชื่ออัลบัส เซเวอรัส คนเล็กชื่อลิลี่
โดยปีนี้เป็นปีแรกที่คนรองจะได้ไปเรียนที่ฮอกวอร์ต ระหว่างทางเจมส์กับอัลบัสก้อมีเถียงกันนิดหน่อย เพราะเจมส์ดันไปบอกว่าอัลบัสอาจจะได้อยู่สลิธิรินก้อได้
แต่อัลบัสไม่ต้องการอยู่สลิธิริน จนจินนี่ต้องห้ามเจมส์ไม่ให้แหย่น้อง เมื่อครอบครัวพอตเตอร์ทั้ง 5 เดินทางมาถึงสถานี เจมส์ที่เป็นคนโตก้อวิ่งผ่านกำแพงไปยังชานชาลาเป็นคนแรก
พอเจมส์ไปแล้ว อัลบัสก้อถามแฮรี่กับจินนี่ว่าจะเขียนจดหมายหาเค้าใช่มั้ย จินนี่จึงตอบว่า "ทุกวันถ้าลูกต้องการ" แต่อัลบัสก้อยังไม่เชื่อเถียงแม่ว่า "คนส่วนใหญ่ได้รับจดหมายจากบ้านแค่เดือนละครั้ง" แต่จินนี่ก้อบอกไปว่า ปีที่แล้วเธอเขียนหาเจมส์(พี่เอ๋ง)สัปดาห์ละ 3 ครั้ง จากนั้นทุกคนก้อวิ่งผ่านกำแพงไป ที่ชานชาลาครอบครัวพอตเตอร์ทั้ง 4 คน(เจมส์วิ่งหายไปไหนไม่รุ - -") ได้พบกับ รอน นู๋เฮอร์ และลูกๆ 2 คน ชื่อ Roses กับ Hugo พอเจอกันปุ๊บรอนก้อบ่นกับแฮรี่เรื่องใบขับขี่ของมักเกิ้ล รอนบ่นว่า "เจ๊เฮอร์(ไม่นู๋แล้ว) ไม่เชื่อว่ารอนจะสอบใบขับขี่ผ่านโดยที่ไม่ได้ใช้เวทย์ช่วย" เจ๊เฮอร์แอบได้ยินก้อเลยรีบบอกว่า "ป่าวนะ ชั้นเชื่อเทอต่างหาก" แล้วรอนก้อแอบกระซิบบอกแฮรี่ว่า "จิงๆแล้วตูใช้ว่ะ" แล้วพ่อๆก้อช่วยกันยกของขึ้นรถไฟ ระหว่างนั้นลูกๆก้อคุยกันว่าตัวเองจะได้อยู่บ้านไหนตอนเข้าฮอกวอร์ตแล้ว รอนเลยบอกลูกๆว่า "ถ้าลูกไม่ได้อยู่กริฟฟินดอร์ เราจะตัดลูกออกจากกองมรดก" เจ๊เฮอร์กับจินนี่เลยพร้อมใจกันเบรกรอน แล้วบอกลูกๆว่า "พ่อมันพูดเล่นน่ะลูก"
ซักพักก้อเห็นมัลฟอยยืนอยู่กับภรรยาและลูกชาย (มีบรรยายตัวลูกชายไว้ว่าลอกแบบมาจากมัลฟอยได้เหมือนพอๆกับที่ อัลบัสลอกแบบมาจากแฮรี่) พอมัลฟอยหันมาเห็นกลุ่มของแฮรี่

เฮียแกก้อพยักหน้าให้ยึกนึงแล้วหันกลับไปคืน (คงความหยิ่งไว้อย่างเต็มเปี่ยมจิงๆไอ้หมอนี่) รอนสั่ง Rosie ว่าต้องสอบชนะ Scopius(ชื่อลูกชายมัลฟอย) ให้ได้ทุกครั้งไป แล้วก้อ

ขอบคุณพระเจ้าที่ลูกคนนี้ได้สมองแม่มา (รู้ตัวด้วยนะนี่) เจ๊เฮอร์เลยดุรอนว่าอย่ายุให้เด็กๆเป็นศัตรูกันตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าเรียนสิ รอนก้อเลย "ขอโต๊ดก๊าบ" แต่ก้อยังไม่วายเสี้ยมลูกสาว

ว่า "อย่าไปเป็นมิตรกับหมอนั่นนัก(ลูกมัลฟอย) ปู่ของลูกจะไม่อภัยให้ลูกแน่ๆถ้าลูกแต่งงานกับพวกเลือดบริสุทธิ์ "(555+)

จากนั้นเจมส์ก้อกลับมาอีกครั้ง แล้วก้อบอกว่าเจอ Teddy (ลูกของลูปิน) ***ช่วงนี้อ่านไม่ค่อยเข้าใจอ่ะคับ ฝากเซียนปะกิตช่วยทีนะคับ ***
เข้าใจว่าเจมส์ไปเห็นเทดดี้กำลังจูบกับใครซักคนอยู่ ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเจมส์ แล้วบอกว่าถ้าเขาแต่งงานกันก้อจะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน รู้สึกว่าเจมส์จะกระตือรือร้นมากที่จะ

ชวนเทดดี้มาอยู่ด้วย แล้วก้อยอมแชร์ห้องกับอัลและเทดดี้ แต่แฮรี่ก้อเบรคว่า "เขาจะยอมให้เจมส์กับอัลอยู่ห้องเดียวกันก้อต่อเมื่อเขาต้องการให้บ้านแตกนั่นแหละ" จากนั้นจินนี่ก้อ

ฝากความคิดถึงไปถึงเนวิลล์ที่ตอนนี้เป็นอาจารย์สอนวิชาสมุนไพรที่ฮอกวอร์ต จากนั้นพ่อแม่ลูก ก้อกอดจูบร่ำลากัน แฮรี่ก้อสั่งเสียกะอัลบัสว่า อย่าลืมนัดที่แฮกริดชวนไปดื่มชาศุกร์หน้า

อย่าไปวุ่นวายกับพีพฟ์(ผีจอมกวน) อย่าไปสู้กับใครโดยที่ยังไม่ได้เรียนรู้วิธีการสู้ อัลบัสที่ยังกังวลเรื่องบ้าน ก้อกระซิบถามแฮรี่ว่า "จะเป็นยังไงถ้าผมได้อยู่สริธิริน" แฮรี่ก้อย่อตัวลง

บอกกับอัลบัสโดยที่มีจินนี่แอบได้ยินว่า "อัลบัส เซเวอรัส ชื่อของลูกถูกตั้งขึ้นมาจากชื่อของอาจารย์ใหญ่ 2 คนของฮอกวอร์ต หนึ่งในนั้นเป็นพวกสริธิริน และเขาคนนั้นก้อเป็นผู้ชาย

ที่มีความกล้าหาญที่สุดที่พ่อเคยรู้จัก ถ้าเป็นอย่างนั้นสริธิรินก้อจะได้นักเรียนที่ยอดเยี่ยมเพิ่มอีกคน มันก้อไม่เห็นเป็นอะไร แต่ถ้าลูกต้องการ ลูกเลือกเองได้ว่าจะอยู่กริฟฟินดอร์ หมวกคัดสรรจะเอาวิถีทางที่ตัวลูกเลือกไปพิจารณาด้วย"
"จริงเหรอคับพ่อ" อัลบัสถามอย่างมีความหวัง "มันทำแบบนี้กับพ่อน่ะ" แฮรี่ว่า จากนั้นลูกๆก้อขึ้นรถไฟ ก่อนที่รถไฟจะออกนั้น

อัลบัสกับโรส ชะเง้อมองออกมานอกหน้าต่าง แล้วสังเกตเห็นว่ามีคนจ้องมาทางพวกเขามากมาย ก้อเลยออกปากถาม รอนเลยได้ปล่อยมุขสุดท้าย(กลัวแปลแล้วไม่ฮา) "ก้อแบบว่าคนมันดังอ่ะนะ" ("Don"t let it worry you," said Ron. "It"s me, I"m extremely famous.) เด็กๆได้ยินเข้าก้อหัวเราะ แล้วรถไฟก้อค่อยๆเคลื่อนตัว พวกแฮรี่โบกมือลาลูกๆ จนลิบตา
"เขาจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย" จินนี่ถาม แฮรี่เอามือไปจับที่แผลเป็นแล้วคอบจินนี่ว่า "ผมรู้ เขาไม่เป็นไรหรอก" แผลเป็นนั่นไม่ได้ทำให้แฮรี่เจ็บมา 19 ปีแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดี




teenowy
#38   teenowy    [ 11-01-2008 - 17:22:20 ]

รู้เลยเอามาจากไหน แต่ก้อถือว่ามีความพยายามดีนะ



จอมยุทธ์มังกรน้อย
#39   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 12-01-2008 - 12:55:05 ]

วันนี้เอารูปโชแชงมาฝากครับ
















oodloveyou
#40   oodloveyou    [ 14-01-2008 - 19:50:27 ]

อันนี้ข้าน้อยก็ยังรู้ไม่แน่ชัดนักเพราะข้าน้อยดูถึงแค่ภาคีนกไฟแค่นั้นแหละ



ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube