การผ่อนคลายและพลังลมปราณ หลักการเบื้องต้นของไท้เก็กนั้น เราควรจะทำความเข้าใจ กับคำว่าพลังลมปราณ (ชี่) เสียก่อน เนื่องจากพลังลมปราณสำคัญมากในไท้เก็ก ความสำคัญของคำนี้พอๆ กับความยากที่จะอธิบายความหมายของมันของมันทีเดียว "ชี่" ในความหมายปกติแปลว่า อากาศ แต่ความหมายจริงๆ ที่แฝงอยู่นั้นลึกซึ้งมากนัก W.T.Chan ได้ตั้งข้อสังเกตว่า พลังลมปราณเป็นปรากฏการณ์ของพลังทางกายและจิต ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับเลือดและการหายใจ ถ้าเทียบกับความหมายที่เรารู้จักกันนั้นตรงกับคำว่า "พลังภายใน"

อาจารย์เจิ้งมั่นชิง มุ่งเน้นว่าจิตใจและพลังลมปราณ เป็นสิ่งจำเป็นเบื้องต้นอันสำคัญของมวยไท้เก็ก เพราะถ้าปราศจากสองอย่างนี้เสียแล้ว ไท้เก็กก็หาเหมาะสมกับสมญาที่ว่า "สุดยอดแห่งความสุดยอด" ไม่
ผู้ฝึกใหม่ๆ ควรเรื่มต้นฝึกฝน โดยทำร่างกายให้ผ่อนคลายอย่างที่สุด เพื่อให้พลังลมปราณเคลื่อนไหวสะดวก ทั้งในกระดูกและกล้ามเนื้อ เมื่อสำเร็จภารกิจเบื้องต้นนี่แล้วขั้นต่อไปคือ ผ่อนคลายส่วนอกและทำให้พลังลมปราณหยุดอยู่ที่จุดศูนย์กลางกายหรือระดับสะดือ จากนั้ันเราจะรู้สึกว่า จุดศูนย์กลางกายของเรา เกิดการสั่งสมพลังลมปราณขึ้น และจากจุดนี้จะหมุนเวียนกระจาย ไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายในยามที่ต้องการ การผนึกพลังนี้ดุจดังกระแสลมจากทั่วทุกสารทิศหลอมรวมเป็นพายุหมุนที่ทรงพลังมหาศาล หรือดุจหนึ่งสายน้ำจากธารน้อยๆ ค่อยๆ ไหลรวมก่อเกิดคลื่นมหึมาในมหาสมุทร ทั้งคลื่นยักษ์และมหาพายุ ก่อกำเนิดมาจากภาวะแห่งความนุ่มนวลอ่อนไหว แล้วกลายเป็นศักดานุภาพอันยิ่งใหญ่ ดังการฝึกฝนจิตใจให้มีสมาธิมั่นคง สร้างพลังลมปราณให้รวมกัน แล้วบังคับขับเคลื่อนไปตามส่วนต่างๆ ตามใจปรารถนา
ผู้ฝึกหัดต้องฝึกออกกำลังกระดูกไขสันหลัง เพื่อพลังลมปราณแผ่ผ่านกระดูกสันหลังสู่ศีรษะได้สะดวก ซึ่งกระทำโดยให้ตั้งศีรษะตรง คล้ายมีสิ่งคอยยึดเหนี่ยวไว้ให้ติดกับเพดาน ทำให้ศีรษะยึดกับกระดูกสันหลังอย่างดี เคลื่อนไหวไปมาด้วยกัน และประสานร่วมกับอวัยวะทุกส่วน ทำให้กระดูกสันหลังและอวัยวะภายในรวมทั้งสมองแข็งแรงสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้จึงควรพยายามฝึกปรือ กำหนดลมปราณไว้เป็นนิสัย ซึ่งสามารถทำได้แม้ยามทำงาน หรือยามพักผ่อน หรือขึ้นรถ ลงเรือ เดินเท้า การสร้างนิสัยแห่งการฝึกพลังลมปราณนี้ ต้องใช้ความเพียรพอสมควร แล้วผลที่ได้จะล้ำค่า ไม่ต้องสิ้นเปลืองเหมือนไปหาหมอ เพื่อหาซื้อยาบำรุงมากิน
การผนึกพลังลมปราณที่มั่นคงแน่นเหนียว จะเดินพลังลมปราณสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายนี้เรียกว่า การเคลื่อนไหวจากแรงผลักดัน ในระหว่างฝึกฝน แขน ขา และร่างกายส่วนอื่นๆ จะสะสมพลังลมปราณที่แทรกซึมเข้ามา ส่งเสริมให้กระดูกแข็งเหมือนเหล็กกล้า แข็งแกร่งคงทน ซึ่งพูดได้ว่าเมื่อฝึกมาถึงระดับนี้แล้ว เป็นการฝึกถึงระดับสูงของศิลปะไท้เก็กแล้ว
จิงไม่จิงไม่รู้นะครับ เเต่ว่างๆก็ลองทำตามดู อาจจะดีก็ได้
