2คู่พระนาง สุด โรเเมนติก
เซียวเหล่งนึ่ง (จีนตัวเต็ม: 小龍女, จีนตัวย่อ: 小龙女; พินอิน: Xiaolongnü) เซียวเหล่งนึ่ง มีการสะกดเป็นภาษาไทยหลายแบบ บ้างก็ใช้ เซียวเล่งนึ่ง หรือในนิยายของ น.นพรัตน์ สะกดว่า เซียวเล้งนึ่ง ในที่นี้จะขอใช้ เซียวเหล่งนึ่ง เพราะเห็นว่าเป็นแบบที่นิยมกันมากที่สุด ถ้าพูดถึงสาวงามแล้ว ในนิยายกำลังภายในหลากหลายเรื่องราวล้วนมีสตรีสวยงามอยู่มากมาย ตามแต่ผู้ประพันธ์แต่ละคนจะจินตนาการ แต่ถ้าถามถึงสตรีที่งามที่สุดในนิยายกำลังภายใน หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อเซี่ยวเหล่งนึ่งติดอยู่ในอันดับต้นๆด้วยเป็นแน่ กำเนิดของเซียวเหล่งนึ่งนั้นไม่ได้ระบุว่า บิดา มารดาเป็นใครมาจากไหน เซียวเหล่งนึ่งถูกทิ้งไว้ นอกตำหนักเต้งเอี้ยง ของสำนักช้วนจินก่า ตั้งแต่ยังเป็นทารก แต่ตำหนักเต้งเอี้ยงเป็นสถานบันพรต ย่อมไม่สะดวกกับการเลี้ยงดูเด็กทารก บังเอิญสาวใช้ของลิ้มเฉียวเอ็งผ่านมาเห็น ด้วยความเวทนาจึงได้รับอุปการะไว้ นำกลับไปเลี้ยงดูที่สุสานโบราญและรับเป็นศิษย์ถ่ายทอดวิชาให้ สตรีแซ่เล้งมีนามว่ากระไร บุคคลภายนอกย่อมไม่อาจทราบได้ จึงเรียกขานนางเป็น เซียวเหล่งนึ่ง ซึ่งแปลว่า ธิดามังกรน้อย เซียวเหล่งนึ่งปรากฏตัวครั้งแรกให้ผู้อ่านได้ยลโฉม ด้วยฉากในสุสานโบราณ ตอนที่ยายซุนสาวใช้ของนาง นำเอี้ยวก้วยมารักษาอาการพิษจากผึ้งหยก โดยกิมย้งท่านได้บรรยายไว้ว่า นางอยู่ในชุดสีขาวราวแพรเบาบางห่อหุ้มคลุมกาย คล้ายกับเรือนร่างอยู่ท่ามกลางหมอกควัน นอกจากผมเผ้าที่ดำขับ ตลอดทั้งร่างขาวผ่องราวหิมะ วงหน้างามพิลาสล้ำเหนือหญิงใดในโลกหล้า เมื่อเอี้ยก้วยได้เห็นถึงกับรู้สึกว่าสตรีนางนี้สดใสสะคราญ จนไม่อาจจับจ้องมองตรงๆ
ความงามของเซียวเหล่งนึ่ง
เซียวเหล่งนึ่งนั้นมีใบหน้าดูสงบเยือกเย็น บริสุทธิ์ดังหิมะ และเย็นชาราวน้ำแข็ง เอี้ยก้วยเองยังเคยครุ่นคิดว่าสตรีนางนี้ สร้างจากแก้วผลึก หรือว่าเป็นมนุษย์หิมะหรืออย่างไร ที่แท้เป็นคนหรือภูตผี หรือว่าเป็นเทพธิดาสวรรค์กันแน่ มิใช่เพียงแต่เฉพาะกับเอี้ยก้วยเท่านั้น ไม่ว่ากับผู้ใดทุกครั้งที่นางปรากฏกาย ล้วนตรึงสายตาผู้คนให้จับจ้อง กิมย้งได้บรรยายถึงความงามของนางไว้ในหลายฉากหลายตอน ดังเช่นเมื่อครั้งที่เซียวเหล่งนึ่งปรากฏตัวที่งานชุมนุมชาวยุทธ ได้หยุดสายตาของเหล่าชาวยุทธที่มาร่วมงานให้จับจ้องไปที่นาง กิมย้งได้บรรยายในตอนนี้ว่า ชนชาวโลกมักใช้คำ งดงามปานเทพธิดา เปรียบเปรยความงามของอิสตรี แต่ที่แท้เทพธิดางามสะคราญปานใด ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ทราบ แต่พอได้เห็นเซียวเหล่งนึง ในใจผู้คนล้วนประหวัดนึกถึงคำงดงามปานเทพธิดา ซึ่งมีผิวขาวผ่อง รอบกายคล้ายปกคลุมด้วยหมอกบางเบา คล้ายจริงคล้ายมายา หาใช่คนในโลกีย์วิสัยไม่
บุคลิกลักษณะนิสัยของเซียวเหล่งนึ่ง
นอกจากความงามที่เหนือจากมนุษย์ทัวไปแล้ว นางยังมีบุคลิกที่โดดเด่นแปลกพิศดาร เนื่องด้วยนางเติบโตมาในสุสานโบราณ จากการเลี้ยงดูของอาจารย์และยายซุน ผ่านชีวิตราวกับน้ำนิ่งไม่กระเพื่อม ไม่เคยได้ออกมาสู่โลกภายนอก จึงไม่รู้จักขนบธรรมเนียมใดๆ ประกอบกับอาจารย์ให้นางฝึกวิชากำลังภายในตั้งแต่เล็ก สั่งนางขจัดซึ่งอารมณ์ยินดี เดือดดาล โศกเศร้า สุขสันต์ หากเห็นนางหัวเราะหรือร้องให้จะลงโทษ ดังนั้นจึงเพาะสร้างเป็นนิสัยสันโดษเย็นชา ความรู้สึกต่างๆบังเกิดขึ้นในจิตใจก็ผ่านเลยไป ล้วนไม่ผ่านการแสดงออกทางสีหน้า แต่ภายหลัง หลังจากเอี้ยก้วยเข้ามา ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไป นางเริ่มมีจิตใจที่พลุกพล่านในบางครั้ง นิสัยที่เยือกเย็นไร้ความรู้สึกก็ถูกบั่นทอนลง เซียวเหล่งนึ่งเป็นผู้หญิงไร้เดียงสาอ่อนต่อโลก แต่ก็มิใช่คนโง่ บุคลิกที่โดเด่นอีกอย่างของนางคือความใจเย็น มีสมาธิที่แน่วแน่ ทั้งดูสง่าน่าเลื่อมใสและดูน่าทะนุถนอมในเวลาเดียวกัน บุคลิกที่สง่างามของเธอนั้นติดตัวเธออยู่ตลอดเวลา ทั้งเวลาพูดจา เวลาต่อสู้ หรือแม้กระทั่งเวลานอนก็ยังคงดูสวยงามเป็นเอกลักษณ์ โดยนางจะนอนบนเส้นเชือก ซึ่งเริ่มนอนแบบนี้ตั้งแต่เอี้ยก้วยเข้ามาในสุสานโบราณ นางยกเตียงหยกเย็นให้เอี้ยก้วย ตัวเองเลยใช้เส้นเชือกแทนเตียง และก็นอนแบบนี้เรื่อยมา
วรยุทธของเซียวเหล่งนึ่ง
ในด้านวรยุทธ นางก็มีวรยุทธที่ไม่ธรรมดา วิชาของสำนักสุสานโบราณเป็นวิชาของ ลิ้มเฉียวเอ็ง ยอดจอมยุทธหญิงในยุคก่อน มีวิชาที่หลากหลายทั้ง กระบี่ ฝ่ามือ อาวุธลับ และวิชาตัวเบาที่สูงส่งไม่เป็นสองรองใครในยุทธภพ ยังวิชาสุดยอดอย่างอย่างวิชาใน คัมภีร์สุรางคนางค์ใจพิสุทธิ์ (คัมภีร์สาวหยก สตรีหยกก็ว่า) นางยังได้นอนเตียงหยกเย็นตั้งแต่เด็กจนมีพลังภายในสูงส่ง ภายหลังยังคงได้เรียนวิชาสองมือขัดแย้งจากจิวแป๊ะทง ทำให้สามารถใช้วิชากระบี่สุรางคนางค์ใจพิสุทธิ์ ด้วยตัวคนเดียวได้ นับเป็นวิชาที่ไม่มีใครเคยใช้มาก่อน มีความว่องไวสุดเปรียบปราน
อาวุธประจำกาย
สายรัดแพรสีขาว 2 เส้น ส่วนปลายผูกไว้ดวยลูกกลมสีทอง เวลาขยับจะมีเสียงดัง ติกๆ แม้ไม่ดังนัก แต่เวลาใช้ในการต่อสู้สามารถคุกคามจิตใจคนได้ สายรัดนี้คล่องแคล่วปราดเปรียวดุจอสรพิษ สามารถวกอ้อมได้กลางอากาศ บังคับลดเลี้ยวได้ดังใจปรารถนา เป็นอาวุธที่สวยงามและประหลาดยิ่ง ถุงมือถักทอจากเส้นใยทองคำขาวอันเล็กละเอียดและหยุ่นเหนียว เป็นสิ่งที่อาจารย์ของอาจารย์ (ลิ้มเฉียวเอ็ง) ตกทอดทิ้งไว้ แม้อ่อนนุ่มเบาบาง แต่ดาบหรือทวนมากระทบก็ไม่ระคาย เข็มผึ้งหยก เป็นอาวุธลับพิเศษเฉพาะของสำนักสุสานโบราณ โดยเป็นเข็มทองที่เล็กละเอียดดุจขนวัว ประกอบด้วยทองคำหกส่วน ผสมกับเหล็กกล้าสี่ส่วน ที่เหล็กในของผึ้งหยกผ่านการแช่น้ำพิษ แม้นมีขนาดเล็ก แต่เนื่องด้วยทองคำมีน้ำหนักมาก ขณะที่ซัดสามารถออกพุ่งไปได้ไกล
เซียวเหล่งนึ่ง เวอร์ชั้น หลิวอี้เฟย ในปี 2006 เซียวเหล่งนึ่งคนล่าสุด ที่แสดงโดยหลิวอี้เฟยได้สร้างความสนใจไม่น้อย เนื่องจาก กิมย้ง ได้ออกปากว่า หลิวอี้เฟยเป็นเซียวเหล่งนึ่งที่ใกล้เคียงจินตนาการของท่านมากที่สุด ทำให้หลิวอี้เฟยเป็นที่จับตามอง มีเสียงวิภาควิจารณ์ต่างๆมากมาย ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ บ้างว่าเธอดูเด็กเกินไป บ้างว่าความสามารถทางการแสดงยังไม่ถึง บ้างก็ชื่นชมบอกว่าเป็นเซียวเหล่งนึ่งที่หลุดออกมาจากนิยายเลยทีเดียว ถ้าพูดถึงตามบทแล้วหน้าตาหลิวอี้เฟยในช่วงแรกก็ไม่ถือว่าเด็กไป เพราะในช่วงที่เซียวเหล่งนึ่งเปิดฉากออกมา นางอายุได้ 18 ปี ในขนะที่หน้าตายังอยู่ที่ประมาณ 16-17 ซึ่งหน้าตาที่อ่อนวัยของหลิวอี้เฟยก็ค่อนข้างจะตรง แต่ถ้าเปรียบเทียบในแง่ความรู้สึก เธอก็อาจจะดูเด็กไปจริงๆ ในด้านเสื้อผ้าที่ใช้ในภาคนี้มีความหรูหราอลังการ ค่อนข้างจะพิถีพิถัน มีรายละเอียดมาก และได้ออกแบบให้ดูทันสมัย มีกลิ่นอายทางยุโรปเข้ามาผสมอย่างลงตัว ถ้าพูดถึงความสมจริง ออกจะดูหรูหราผิดจากความเป็นจริงไปหน่อย แต่ถ้าพูดถึงความสวยงามแล้วหลายคนก็ให้ความเห็นว่าสวงงามตระการตาดีทีเดียว อีกส่วนหนึ่งที่หลายคนพูดถึงคือฉากต่อสู้ ในเวอร์ชั้นนี้มีการลงทุนสูงเทคนิคการถ่ายทำก็พัฒนาขึ้น เมื่อรวมกับความสามารถของหลิวอี้เฟยในการเต้นบัลเล่ ทำให้ท่วงท่าในการต่อสู้ต่างๆออกมาอ่อนช้อยพริ้วไหวสวยงาม ถือเป็นอีกจุดเด่นของเซียวเหล่งนึ่งภาคนี้ โดยรวมก็ถือเป็นเซียวเหล่งนึ่งอีกเวอร์ชั้นที่น่าดู ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างออกไปจากเวอร์ชั้นก่อนๆ
เอี้ยก้วย (อังกฤษ:Yang Guo ,จีนตัวเต็ม: 楊過; จีนตัวย่อ: 杨过; พินอิน: Yáng Guò) เป็นตัวละครในนิยายกำลังภายใน บทประพันธ์โดย กิมย้ง ที่นำเอาประวัติศาสตร์จีนช่วงหนึ่งซึ่งตรงกับราชวงศ์ซ้องใต้ (หนานซ้อง-น่ำซ้อง) หรือประมาณ พ.ศ. 1669-1822 ซึ่งตรงกับสมัยสุโขทัยของไทย มาผูกปมเข้ากับบทประพันธ์ ให้ชื่อเรื่องตามภาษาจีนว่า จอมยุทธคู่อินทรีเทพยดา(หรือจอมยุทธจ้าวอินทรีย์ หรือจอมยุทธเทพอินทรีย์ แล้วแต่ผู้แปล) ซึ่งกิมย้งผู้ประพันธ์ได้ผูกเรื่องให้เชื่อมโยงต่อจากเรื่องจอมยุทธล่าอินทรีย์ (หรือมังกรหยกภาคหนึ่ง) แต่คนไทยจะรู้จักติดหูเรื่องจอมยุทธคู่อินทรีย์เทพยดา ในชื่อมังกรหยกภาคสอง ทั้งที่ภายในเรื่องไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับมังกรหรือหยก ที่เป็นเช่นนี้มีผู้สัญนิษฐานไว้ว่า อาจเพราะผู้แปลฉบับภาษาไทยท่านแรกๆ เห็นว่า เรื่องนี้เป็นนิยายจีน มังกรเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำชาติ ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกับช้างที่เป็นสัตว์สัญลักษณ์ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของไทย ส่วนหยกเป็นเครื่องประดับที่มีค่าในความรู้สึกนึกคิดของชาวจีน ไม่ต่างกับเพชรในความคิดของชาวยุโรป
เนื้อเรื่องจอมยุทธคู่อินทรีย์เทพยดา
เอี้ยก้วย เป็นบุตรชายของ เอี้ยคัง กับ มกเนี่ยมชื้อ ซึ่งเอี๊ยคังเป็นตัวร้ายจากมังกรหยกภาคหนึ่ง เอี้ยก้วยเกิดมาโดยไม่เคยได้พบเห็นหน้าบิดาของตนเอง โดยบทประพันธ์ได้บรรยายไว้ว่า เมื่อครั้งนั้น มกเนี่ยมชื้อ เสียความบริสุทธิให้แกเอี้ยคังบนยอดเขามือเหล็ก แล้วในที่สุดก็ได้ตั้งท้อง แต่เอี้ยคังก็มาเสียชีวิตซะก่อนที่เอี้ยก้วยจะเกิด จากการซัดฝ่ามือใส่อึ้งย้ง โดยไม่ทราบว่าอึ้งย้งใส่เสื้อเกราะขนเม่นอ่อนอยู่ ซึ่งขณะนั้นมีพิษติดอยู่ด้วย จึงถึงแก่ความตาย เมื่อมกเนี่ยมชื้อคลอดเด็กชาย ก๊วยเจ๋งซึ่งเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเอี้ยคังได้ตั้งชื่อให้ว่า เอี้ยก้วย โดยมีเนื้อความดังนี้
“ก๊วยเจ๋งคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าและบิดาของทารกนี้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน แต่น่าเสียดายที่ผลบั้นปลายชีวิตของเขาไม่ดี ข้าพเจ้าไม่สามารถแสดงคุณธรรมแห่งมิตรภาพได้เต็มที่ เป็นความคับแค้นในชีวิตจริงๆ แต่หวังว่าเมื่อทารกนี้โตขึ้น หากทำความผิดแล้วย่อมปรับปรุงแก้ไขตนเอง จึงขอตั้งชื่อหนูน้อยนี้ว่า "ก้วย"(ผิดพลาด)ชื่อรองว่า "เก้ยจือ"(ปรับปรุงตัว)ขอจงเป็นผู้อุทิศตนเพื่อคุณธรรม”
เมื่อเอี้ยก้วยเริ่มรู้ความ มีหลายครั้งที่เขาพยายามถามมารดาเกี่ยวกับเรื่องราวของเอี้ยคังบิดาตน แต่มกเนี่ยมชื้อไม่เคยตอบและได้แต่ร้องไห้ เอี้ยก้วยวาดฝันว่าบิดาของเขาต้องเป็นยอดวีรบุรุษ แต่อาจจะถูกลอบทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต ทำให้มารดาต้องเลี้ยงดูเขาด้วยอาชีพจับงูขายเพียงลำพังอย่างยากลำบาก
ต่อมามกเนี่ยมชื้อ ก็เสียชีวิตเพราะงูกัด เอี้ยก้วยจึงเหลือตัวคนเดียว ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดด้วยการลักเล็กขโมยน้อย หลายครั้งที่ถูกผู้อื่นเหยียดหยามรุมรังแก ส่งผลให้เขารังเกียจโกรธแค้นผู้คน สิ่งแวดล้อมเช่นนี้ทำให้เขาต้องรู้จักเอาตัวรอด นำความฉลาดของตนมาพลิกสถานการณ์อยู่เสมอ จนใครๆ รู้สึกว่าเอี้ยก้วยเจ้าเล่ห์แสนกล เชื่อมั่นในตนเอง เชื่อใจใครยาก จนคล้ายคนสอนยาก ดื้อด้าน แท้จริงแล้วเอี้ยก้วยทำไปเพื่อป้องกันตัวเอง ซึ่งเป็นผลจากประสบการณ์ที่เคยอยู่อย่างโดดเดี่ยวอย่างยากลำบากมาก่อน เหตุนี้ใครๆ จึงมักกล่าวว่า เอี้ยก้วยมีนิสัยประหลาด เป็นเพราะขัดแย้งกับวัฒนธรรมจีนในขณะนั้นตามความเชื่อของลัทธิขงจื้อ ที่เด็กควรเป็นผู้ว่านอนสอนง่ายกับผู้ใหญ่
ขณะที่ก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้งกำลังเดินทางกลับไปยังเกาะดอกท้อ เพื่อตามหาข่าวคราวของอึ้งเอี๊ยะซือ บังเอิญพบเอี้ยก้วยวัยประมาณ 12 ปี ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาคล้ายเอี้ยคัง เมื่ออึ้งย้งสอบถามทราบว่าเด็กที่ตนพบนั้นเป็นลูกของเอี้ยคัง ก้วยเจ๋งจึงรับไปเลี้ยงดูที่เกาะดอกท้ออยู่ 1 ปีกว่า พร้อมๆ กับก๊วยพู้บุตรสาวคนเดียวผู้เอาแต่ใจ และสองพี่น้องตระกูลบู๊ ซึ่งเป็นศิษย์ของก๊วยเจ๋งและอึ้งย้ง ทั้งนี้เพราะก๊วยเจ๋งรู้สึกผิดต่อเอี้ยคังอยู่ตลอดเวลา ที่ไม่ได้ตักเตือนเอี้ยคังให้กลับใจเป็นคนดีได้
อึ้งย้งไม่ไว้ใจเอี้ยก้วยเนื่องจากเป็นลูกของเอี้ยคังผู้ทรยศบ้านเมืองแถมยังมีนิสัยประหลาด และยังกระล่อน เจ้าเล่ห์เพทุบายคล้ายเอี้ยคังอีกด้วย จึงสอนแต่ปรัชญาเพียงให้อ่านออกเขียนได้ แต่ไม่สอนวรยุทธให้ ต่างกับการดูแลก๊วยพู้และพี่น้องตระกูลบู๊ ทั้งนี้เพราะหวังว่าเอี้ยก้วยจะเป็นคนดีในอนาคต แต่กลับทำให้เอี้ยก้วยรู้สึกขุ่นเคืองใจตามประสาเด็ก คิดว่าอึ้งย้งไม่ชอบตนเอง จึงลำเอียงเช่นนี้
นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก๊วยพู้และพี่น้องตระกูลบู๊มักเล่นรุมรังแกเอี้ยก้วยตามประสาเด็ก ที่ไม่รู้กำลังตนว่าเล่นกันแค่ไหนจึงเรียกว่าแรงเกินไป และไม่คิดว่าเอี้ยก้วยนั้นมีนิสัยจ่องจะเอาคืน ซึ่งเป็นผลจากประสบการณ์ชีวิตที่เลวร้าย การถูกรุมในวันหนึ่งทำให้เอี้ยก้วยถึงขีดสุด เผลอใช้วิชาพลังคางคงทำร้ายสองพี่น้องตระกูลบู๊ (เอี้ยก้วยเคยเรียนวิชาเดินลมปราณมาจากมารดา และวิชาพลังคางคงมาจากอ้าวเอี้ยงฮง ยอดฝีมือฝ่ายอธรรมในอดีต ที่ฝึกวิชาจนกลายเป็นบ้า เนื่องจากธาตุไฟเข้าแทรก เคยรับเอี้ยก้วยเป็นลูกบุญธรรม และสอนวรยุทธให้ในช่วงสั้นๆ ก่อนจะมาพบก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง)
อึ้งย้งซึ่งไม่ไว้ใจเอี้ยก้วยเป็นทุนเดิม เมื่อทราบว่าเขาใช้วิชาพลังคางคงของอ้าวเอี้ยฮงทำร้ายพี่น้องตระกูลบู๊ จึงขอให้ก๊วยเจ๋งส่งเอี้ยก้วยไปอยู่กับสำนักช้วนจิน ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับก๊วยเจ๋งมานาน แล้วก๊วยเจ๋งเองก็เป็นศิษย์ของคูชู่กีเจ้าสำนัก คงช่วยขัดเกลานิสัยของเอี้ยก้วยได้ดีกว่าตน โดยหารู้ไม่ว่า การส่งเอี้ยก้วยไปอยู่กับสำนักช้วนจิน ยิ่งไปตัดรอนการไว้เนื้อเชื่อใจของเอี้ยก้วยต่อผู้อื่นให้ลดลง ทั้งที่เขาพยายามไขว่คว้าใครสักคนมาเป็นที่พึ่งทางใจให้กับชีวิต โดยเฉพาะเมื่อยังเป็นเด็ก ซึ่งก็คือก๊วยเจ๋ง แต่ก๊วยเจ๋งและอึ้งย้งไม่เข้าใจจิตวิทยาในข้อนี้
เอี้ยก้วยวัย 14 ปี ไม่ได้มีชีวิตที่แสนสุขในสำนักช้วนจิน ตามที่ก๊วยเจ๋งเคยบอกเขา เนื่องจากถทั้งอาจารย์และศิษย์พี่ต่างกลั่นแกล้ง ส่วนหนึ่งมาจากนิสัยของเอี้ยก้วยที่ไม่ยอมลงให้ใคร จนอาจารย์ไม่สอนวรยุทธให้ นอกจากเพียงสอนให้ท่องเคล็ดวิชา จนเขาไม่สามารถต่อสู้กับศิษย์คนอื่นๆ ในวันประลองยุทธ เพื่อดูพัฒนาการของศิษย์แต่ละคนที่จัดขึ้นทุกครึ่งปีของสำนักได้ เอี้ยก้วยบาดเจ็บปางตาย จนในที่สุดต้องใช้วิชาพลังคางคกป้องกันตัว แล้วหนีไปยังสำนักสุสานโบราณ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังของสำนักช้วนจิน ขณะนั้นเซียวเหล่งนึ่งวัย 18 ปี เป็นเจ้าสำนัก มียายซุนสาวใช้วัยชราเป็นผู้ดูแล
ยายซุนช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้เอี้ยก้วย เขาซาบซึ้งน้ำใจของยายซุน เริ่มให้ความไว้วางใจคนอีกครั้ง แต่เซียวเหล่งนึ่งถือกฎสำนักเคร่งครัด ที่ไม่รับศิษย์ผู้ชาย จึงให้ส่งเขากลับไป ยายซุนเป็นห่วงเอี้ยก้วยจะโดนทำร้ายอีก จึงไปส่งเขาเพื่อให้แน่ใจ แต่ยายซุนต้องประมือกับพวกนักพรตช้วนจินจนเสียชีวิต ก่อนตายได้ขอให้เซียวเหล่งนึ่งรับดูแลเอี้ยก้วยไปชั่วชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งเดียวและสิ่งสุดท้ายที่ยายซุนขอ เหล่งนึ่งจึงยอมรับเอี้ยก้วยเป็นศิษย์ เอี้ยก้วยเรียกนางว่า "โกวโกว" ซึ่งแปลว่าอาหญิง ไม่ยอมเรียกอาจารย์ โดยให้เหตุผลว่าตนไม่ชอบเตียจี้เก่ง อาจารย์สำนักช้วนจิน จนนำไปฝันละเมอด่าอาจารย์บ่อยๆ ซึ่งอาจาทำให้เหล่งนึ่งได้ยินและเข้าใจผิด
เซียวเหล่งนึ่ง แม้เจะย็นชาเพราะนางได้ฝึกวิชาห้ามกามคุณทั้ง6 และอารมณ์ทั้ง7 ของสำนักตั้งแต่เด็ก นางสละเตียงหยกของตัวเองให้เอี้ยก้วยนอนเพื่อจะเพิ่มพลังลมปราณของเขาในการฝึกวิชา และมักตามใจเอี้ยก้วย เขาจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วนางมีจิตใจดีและอ่อนโยน เอี้ยก้วยฉลาดและหัวไว ตั้งใจเรียนยุทธของสำนักสุสานโบราณ เพราะไม่เคยมีใครสอนยุทธให้อย่างจริงจังมาก่อน และเพื่อไม่ให้ใครมารังแกตนได้อีก อันเป็นปมในใจของเขา เอี้ยก้วยจึงฝึกวรยุทธขั้นพื้นฐานของสำนักอย่างรวดเร็วภายใน 2 ปี
ความผูกพันระหว่างเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งก่อตัวขึ้นโดยไม่มีใครรู้ตัวว่านี่คือ ความรักแบบหนุ่มสาว เพราะเอี้ยก้วยเคารพเหล่งนึ่งในฐานะอาจารย์ แม้เขาจะชอบหยอกเย้านางบ้าง เพราะเดาใจของนางออก แต่เหล่งนึ่งก็ไม่แสดงปฏิกิริยา แม้ 2 ปีต่อมา เอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งจะต้องร่วมกันฝึกวิชาสตรีหยก (ผู้แปลบางท่านเรียกคัมภีร์สาวหยก, คัมภีร์ดรุณี หรือคัมภีร์สุรางคนางค์) ที่ต้องระบายความร้อนจากการเดินลมปราณ จึงไม่สวมเสื้อผ้าขณะฝึก ก็ยังไม่รู้สึกว่าต่างเริ่มมีใจให้กัน
จนวันที่ลี้หมกโช้วศิษย์บุกเข้าสำนัก เพื่อชิงคัมภีร์สตรีหยกของสำนักสุสานโบราณ เอี้ยก้วยห่วงใยเหล่งนึ่งอย่างไม่ห่วงชีวิต ทำให้นางซาบซึ้ง แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกนี้ด้วยกันทั้งคู่ เมื่อนางตัดสินใจปิดประตูพันชั่งปิดตายสุสานโบราณ ไม่ให้ทุกคนเข้าออกอีก ขังทั้งสี่คนเอาไว้ คือ เอี้ยก้วย เซียวเหล่งนึ่ง ลี้หมกโช้ว และอั้งเล้งปอ ซึ่งเป็นศิษย์ของลี้หมกโช้ว แต่เอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งก็พบทางออกอีกทางของสุสานโดยบังเอิญ แต่ลี้หมกโช้วและศิษย์ของนางก็ตามออกมาได้ เอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งสร้างบ้านอยู่ด้วยกันบนเขา โดยตกลงกันว่าหากฝึกวิชาสตรีหยกต่อจนพัฒนาขึ้นหรือสำเร็จแล้ว จะลงจากเขาไปท่องยุทธภพ
วันหนึ่งเอี้ยก้วยได้พบอ้าวเอี้ยงฮงพ่อบุญธรรม หลังจากไม่ได้พบหน้ากันประมาณ 6 ปี อ้าวเอี้ยงฮงประสงค์จะถ่ายทอดวรยุทธ์ให้เอี้ยก้วยต่อ แต่กลัวเหล่งนึ่งจะแอบดูวิชาของตน จึงใช้วิชากลับตาลปัตรแอบสกัดจุดนางไม่ให้นางคลายจุดเองได้ ป้องกันการแอบดู แล้วจึงพาเอี้ยก้วยไปถ่ายทอดวิชาในที่ห่างไกลออกไป ระหว่างนั้นอึ้งจื่อเพ้งนักพรตสำนักช้วนจินที่มีใจต่อเหล่งนึ่งตั้งแต่แรกเห็น ถือโอกาสพรากพรหมจรรย์ของนางโดยใช้ผ้าปิดตาไว้ เหล่งนึ่งคิดว่าเป็นเอี้ยก้วย เพราะที่นั่นไม่มีใครอื่นอีก
เมื่อฝึกวิชาเสร็จ เอี้ยก้วยก็กลับมาเปิดผ้าผูกตาเซียวเหล่งนึ่งออกและช่วยคลายจุดให้นาง เซียวเหล่งนึ่งให้เอี้ยก้วยเลิกเรียกนางว่าอาหญิง เอี้ยก้วยไม่เคยคิดจะหาคำเรียกเป็นอย่างอื่นมาก่อน เพราะไม่มีคำอื่นใดจะให้เกียรตินางเท่าคำนี้แล้ว ยิ่งทำให้เซียวเหล่งนึ่งโกรธ เพราะคิดว่าเขาไม่รับผิดชอบในตัวของนาง จึงยื่นคำขาดว่าเคยคิดจะรับนางเป็นภรรยาหรือไม่ เอี้ยก้วยผู้ไม่รู้เรื่องพาซื่อตอบว่า “ไม่เคย” เขาเคารพนางเสมอมา ยิ่งทำให้นางโกรธจนกระอักเลือดและหนีจากไป
เส้นใยบางๆ เส้นสุดท้ายภายใต้จิตสำนึกของการกลัวถูกทอดทิ้งในวัยเด็กหวนกลับมาเยือน เมื่อเหล่งนึ่งกำลังจากไป โดยสกัดจุดเอี้ยก้วยไว้ หลังจากเขาคลายจุดได้ก็ตั้งใจว่า หากพบนางและนางต้องการให้เขารับนางเป็นภรรยา ก็จะยินดี
เขาได้พบอ้าวเอี้ยงฮงพ่อบุญธรรม ขณะตามหาเหล่งนึ่ง ทำให้เอี้ยก้วยใจชื้นขึ้นมาอีกครั้ง ที่ได้พบคนรู้จัก แต่ระหว่างที่เอี้ยก้วยพบพ่อบุญธรรมนั้น เป็นเวลาที่พ่อบุญธรรมกำลังประลองยุทธกับอั้งชิดกง ต่างคนต่างบอกกระบวนท่าวรยุทธให้เอี้ยก้วยเป็นผู้แสดงฝีมือ ทำให้เอี้ยก้วยได้เรียนรู้ท่าไม้ตีสุนัข ฯลฯ เพิ่มขึ้น สุดท้ายอวุโสทั้งสองก็สิ้นใจพร้อมกัน เพราะเหน็ดเหนื่อยที่ต้องสู้กันข้ามวันข้ามคืนโดยไม่หยุดพัก
เอี้ยก้วยเดินทางมาพบก๊วยเจ๋งอีกครั้งในงานชุมนุมชาวยุทธ์ โดยเล่าว่าตนออกจากสำนักช้วนจินและอยู่อย่างคนเร่ร่อน ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าเขายังมีวรยุทธไม่ถึงขั้น สองพี่น้องตระกูลบู๊ยังคงไม่ชอบเอี้ยก้วยเหมือนเดิม และยิ่งอิจฉาที่ก๊วยเจ๋งให้ความสำคัญกับเอี้ยก้วย รวมถึงก๊วยพู้ ซึ่งสองพี่น้องตระกูลบู๊หลงรักก็ดูจะพอใจในตัวของเอี้ยก้วยด้วย
อึ้งย้งกำลังตั้งครรภ์ จึงมอบตำแหน่งเจ้าสำนักพรรคกระยาจกให้กับลู่อู่คา ร่างกายอึ้งย้งช่วงนี้ไม่ค่อยแข็งแรงนัก เอี้ยก้วยเข้าใช้พลังวัตรช่วยเหลือ อึ้งย้งรู้สึกแปลกใจที่เขามีพลังวัตรสูง แต่ก็ไม่ได้ถามไถ่ เพราะรู้นิสัยของเอี้ยก้วยว่า ถ้าอยากบอกเอี้ยก้วยก็จะบอกเอง
ในงานชุมนุมชาวยุทธ์ มีการเลือกผู้นำยุทธภพคนใหม่ แต่ชาวยุทธชาวมองโกลได้แก่ ราชครูกิมลุ้น(หรือราชครูจักรทอง)ฮวบอ๋องพร้อม ศิษย์ทั้งสอง คือหลวงจีนตะละปาและองค์ชายฮั่วตู เข้ามาป่วนในงานชุมนุม ก๊วยเจ๋งเคยประมือกับศิษย์สองคนนี้แล้ว แต่ไม่เคยพบกับกิมลุ้น อึ้งย้งเสนอวิธีการประลอง โดยให้ประลอง 3 รอบ ให้คนที่เก่งที่สุด สู้กับคนที่เก่งระดับกลาง แล้วคนที่เก่งระดับกลางสู้กับคนที่เก่งน้อยที่สุด แค่นี้ก็จะได้ชนะ 2ใน3 รอบ แต่ผลผิดคาดเมื่อฮั่วตูซึ่งฝีมือด้อยที่สุดในผู้ลงประลองฝ่ายมองโกล กลับใช้วิธีสกปรก ซัดอาวุธลับ ทำให้ชนะไป
ขณะนั้นเอี้ยก้วยได้กลิ่นหอมของเซียวเล่งนึ่งที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กลอยมาแต่ไกล เซียวเหล่งนึ่งปรากฏตัวกลางงานชุมนุมชาวยุทธ เขาและเธอต่างยินดีที่ได้พบกัน จนลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว การประลองยุทธเกือบทำให้เซียวเหล่งนึ่งบาดเจ็บ เอี้ยก้วยจึงโกรธ ใช้วิชาไม้ตีสุนัขและวิชาของสุสานโบราณสู้กับฮั่วตูและหลวงจีนตะละปาจนชนะ เป็นที่ชื่นชมของชาวยุทธ โดยเฉพาะก๊วยเจ๋ง เมื่อใครถามว่าผู้ใดเป็นอาจารย์ของเอี้ยก้วย เขาก็ตอบว่า “เซียวเหล่งนึ่ง” ผู้คนต่างขบขันเพราะคิดว่าเขาพูดเล่น ไม่มีทางที่เด็กสาวที่ดูอ่อนวัยจนดูอายุไล่เลี่ยเอี้ยก้วยจะเป็นอาจารย์ของเอี้ยก้วยได้ แม้แต่อึ้งย้งยังไม่แน่ใจ มีกลุ่มคนที่ทราบเรื่องนี้ดีแค่กลุ่มเดียวคือนักพรตช้วนจินที่มาร่วมงานด้วย
ราชครูกิมลุ้นขอประลองกับเซียวเหล่งนึ่ง เพราะดูว่าสมควรจะได้รับตำแหน่งเจ้ายุทธภพหรือไม่ เซียวเหล่งนึ่งเห็นว่าเป็นการเรียนรู้แลกเปลี่ยนวิชา ไม่ได้คิดถึงเรื่องตำแหน่ง จึงยินดีรับคำท้า นางรับจักรทองของกิมลุ้นได้หลายกระบวนท่า แต่ฝีมือของกิมลุ้นสูงมาก สุดท้ายก๊วยเจ๋งจึงออกหน้าช่วยเหลือ จนกิมลุ้นแพ้ จึงกลับออกไปจากงานด้วยความอับอายและเจ็บแค้น
เซียวเหล่งนึ่งไม่รับตำแหน่งผู้นำชาวยุทธ และบอกว่าเธอเป็นภรรยาเอี้ยก้วย เมื่อก๊วยเจ๋งประกาศยกก๊วยพู้ให้แต่งงานกับเอี้ยก้วย เอี้ยก้วยเองก็เผยว่าเขารักเซียวเหล่งนึ่งและจะแต่งงานกับนาง เหล่าชาวยุทธ์ได้เปลี่ยนท่าทีจากที่เคยยกย่องคนทั้งคู่มาเป็นประณามหยาดเหยียด เพราะขนบประเพณีที่เข้มข้นจากปรัชญาของลัทธิขงจื้อทำให้คนในสมัยนั้นเชื่อว่า ศิษย์กับอาจารย์จะรักและแต่งงานกันไม่ได้ ส่วนก๊วยพู้รู้สึกถูกหักหน้าที่ถูกปฏิเสธ ความรู้สึกชอบพอเอี้ยก้วยเปลี่ยนเป็นความเจ็บใจอยู่ลึกๆ ที่เอี้ยก้วยไม่เอาใจนางเหมือนคนอื่นๆ เตียจี้เก่ง อดีตอาจารย์ของเอี้ยก้วยที่ช้วนจิน ก็เปิดโปงว่าเคยเห็นทั้งสองลอบมีสัมพันธ์กัน(ครั้งที่ฝึกวิชาสตรีหยกร่วมกัน โดยต้องถอดเสื้อผ้า) ทั้งๆ ที่ความจริงทั้งสองไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบชู้สาว เอี้ยก้วยทนฟังไม่ไหว จึงเกิดการต่อสู้กับนักพรตช้วนจิน การออกอาวุธทำให้พบนัยแฝงของเคล็ดวิชาสตรีหยกขั้นสมบูรณ์ได้โดยบังเอิญคือ เอี้ยก้วยใช้วิชากระบี่ช้วนจิน ในขณะที่เซียวเหล่งนึ่งใช้วิชาสตรีหยก เมื่อประสานกระบี่กัน ก็จะมีพลังที่ยากจะต้านทาน แต่ยังไม่ทันสู้กันจนรู้ผลแพ้ชนะ ก้วยเจ๋งก็เข้าห้ามและขอให้เอี้ยก้วยออกไป
เอี้ยก้วยเลิกสนใจคำครหาพาเซียวเหล่งนึ่งออกมาจากงาน แต่ก๊วยพู้ถูกกิมลุ้นจับตัวไป อึ้งย้งที่ตามไปช่วยก็ตกที่นั่งลำบาก ทั้งสองจึงยื่นมือเข้าช่วย อึ้งย้งซาบซึ้งน้ำใจ และเห็นใจทั้งคู่ แต่ก็กลัวว่าอนาคตของเอี้ยก้วยจะหม่นหมอง จึงปรึกษาเซียวเหล่งนึ่ง นางจึงตัดสินใจจากเอี้ยก้วยไป เพื่อไม่ให้เขาถูกชาวยุทธ์รุมประณาม เซียวเหล่งนึ่งเดินทางเร่ร่อนไปเรื่อย เพราะไม่อยากกลับสำนักสุสานโบราณโดยไม่มีเอี้ยก้วย และฝึกยุทธ์อย่างหักโหมเพื่อให้ลืมเอี้ยก้วยจนธาตุไฟเข้าแทรก และสิ้นสติไป รู้สึกตัวอีก ครั้งก็มาอยู่ที่หุบเขาไร้รัก
กงซุนจื้อ เจ้าหุบเขาหลงความงามของเหล่งนึ่งตั้งแต่แรกเห็น ต้องการตัวของนาง จึงทำดีให้นางใจอ่อน ส่วนเหล่งนึ่งเองก็อยากลืมเอี้ยก้วยและมีชีวิตใหม่ จึงตกลงแต่งงานกับกงซุนจื้อ เอี้ยก้วยตามหาเซียวเหล่งนึ่งได้พบกับเหตุการณ์มากมาย เช่น พบกับเล็กบ่อซัง ซึ่งมีดวงตาให้ชวนระลึกถึงเซียวเหล่งนึ่ง เขาขอจูบตานาง ได้พบ เทียเอ็ง ซึ่งได้ช่วยเอี้ยก้วยไว้จาการบาดเจ็บจากการต่อสู้กับกิมลุ้นโดยมีไม่เซียวเหล่งนึ่งอยู่ด้วย
อึ้งเอี๊ยะซือ ภูตบูรพาซึ่งมีนิสัยคล้ายเอี้ยก้วย ได้ช่วยรวมพลังลมปราณจากอาการบาดเจ็บหลังสู้กับกิมลุ้น และสอนวิชาพลังดีดและขลุ่ยหยกให้กับเขาไว้เพื่อป้องกันตัวจากลิ้มหมกโช้ว ทำให้พลังวัตรและวรยุทธของเอี้ยก้วยแข็งแกร่งขึ้นอีก นอกจากนี้เขายังได้พบซาโกว ศิษย์ของอึ้งเอี๊ยะซือผู้สติไม่เต็ม แต่รู้เรื่องราวในอดีตเกี่ยวกับพ่อของเขา เอี้ยก้วยจึงหลอกถามนางจนเขาใจไปว่า การตายของเอี้ยคังพ่อของเขาเกี่ยวข้องกับก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง
เอี้ยก้วยคิดแก้แค้นจึงเข้าร่วมกับกิมลุ้นที่กำลังรวมยอดฝีมือจากที่ต่างๆ ให้กับกุบไลข่าน เพื่อเข้าโจมตีก๊วยเจ๋ง ซึ่งทำหน้าที่รักษาเมืองเซียงเอี้ยงอยู่ ระหว่างนั้นเฒ่าทารกได้เข้าไปป่วนในค่ายมองโกล เอี้ยก้วยและยอดฝีมือจึงตามเฒ่าทารกไปจนมาถึงหุบเขาไร้รัก เอี้ยก้วยจึงได้พบกับเซียวเหล่งนึ่งอีกครั้ง แต่นางกลับทำเป็นไม่รู้จักเขา เพราะต้องการตัดใจ แต่สุดท้ายความรักมีมากกว่าจึงยอมรับ กงซุนจื้อโกรธมากจึงกำจัดเอี้ยก้วยด้วยพิษหนามดอกรัก เซียวเหล่งนึ่งเองก็ถูกหนามดอกรักเช่นกัน
นางยอมแต่งงานกับกงซุนจื้อเพื่อแลกยาถอนพิษรักษาชีวิตเอี้ยก้วย แต่ไม่รู้ว่ากงซุนจื้อมีแผนชั่ว เพราะยาถอนพิษมีเหลือเพียงเม็ดเดียว และหายไปแล้ว กงซุนเล็กงักลูกสาวของกงซุนจื้อแอบช่วยเหลือเอี้ยก้วย จนทั้งคู่ถูกพ่อผลักลงไปก้นเหว เอี้ยก้วยได้พบยาถอนพิษดอกรักในเสื้อของเขาโดยไม่รู้มาก่อนว่าเฒ่าทารกนำมาซ้อนไว้ที่ตัว แต่ก็ไม่ยอมกิน เพราะมีเพียงเม็ดเดียว เขารักษามันไว้ให้เซียวเหล่งนึ่ง ใต้ก้นเหวนั้นเอี้ยก้วยและกงซุนเล็กงักได้พบคิ้วโชยเซียะ ซึ่งเป็นภรรยาของกงซุนจื้อ และเป็นแม่แท้ๆ ของกงซุนเล็กงัก
เอี้ยก้วยช่วยคิ้วโชยเซียะขึ้นจากเหวได้และเข้าขัดขวางพิธีแต่งงาน เอี้ยก้วยให้เซียวเหล่งนึ่งกินยาถอนพิษดอกรัก โดยไม่บอกว่าตัวเขาเองยังไม่ได้กิน ด้วยความช่วยเหลือของคิ้วโชยเซียะ เอี้ยก้วยจึงชนะกงซุนจื้อ แต่เขาก็หนีไปได้ คิ้วโชยเซียะกลับมาปกครองหุบเขาไร้รักอีกครั้ง และต่อรองกับเอี้ยก้วยว่าจะให้ยาถอนพิษถ้ายอมแต่งงานกับกงซุนเล็กงัก เอี้ยก้วยไม่ตกลงโดยกงซุนเล็กงักช่วยพูดด้วยอีกแรง คิ้วโชยเวียะจึงเปลี่ยนข้อเสนอให้ไปฆ่าก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง ซึ่งเคยฆ่าพี่ชายนาง แล้วให้ยาไปกินก่อนครึ่งเม็ด ซึ่งมีผลในการรักษาชีวิตได้ 18 วัน
ตลอดการเดินทาง เอี้ยก้วยเต็มไปด้วยความสับสน ใจหนึ่งคิดอยากรักษาตัวเพื่อมีชีวิตอยู่ร่วมกับเซียวเหล่งนึ่งต่อไป และได้แก้แค้นให้พ่อไปในตัว แต่อีกใจเห็นก๊วยเจ๋งเป็นวีรบุรุษ ช่วยเหลือชาติบ้านเมือง จึงไม่อาจลงมือได้ อึ้งย้งมารู้ความจริงจากเหล่งนึ่ง จึงคิดช่วยเอี้ยก้วยด้วยการยอมมอบศีรษะให้ไปแลกยาถอนพิษ แต่ขอให้นางคลอดลูกก่อน ฝ่ายมองโกลใช้เล่ห์กลให้ชาวยุทะฝ่ายมองโกลเข้ามาบุกจวน(ที่พัก)ของก๊วยเจ๋ง โดยจุดไฟเผา ซึ่งเป็นเวลาที่อึ้งย้งคลอดลูกพอดี จึงฝากลูกสาวชื่อก๊วยเซียงไว้กับเซียวเหล่งนึ่ง ขณะกำลังคลอดแฝดอีกคน
เซียวเหล่งนึ่งคิดเอาเด็กไปแลกยาถอนพิษ แต่ระหว่างทางก็พบกิมลุ้นที่กำลังประมือกับเอี้ยก้วย จึงเข้าไปช่วย ลี้หมกโช้วมาได้จังหวะ คว้าเอาเด็กไป โดยเข้าใจผิดว่าเป็นลูกของเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่ง เอี้ยก้วยตามติดนางไปตลอด โดยอาสาไปหาอาหารและเฝ้ายามให้ เขาจึงได้พบกับอินทรีย์ยักษ์รูปร่างอัปลักษณ์ แต่ทึ่งในพละกำลังของอินทรีย์ขณะปราบงูยักษ์ และฟังเขาพูดเข้าใจ เอี้ยก้วยตามอินทรีย์ไปจนถึงถ้ำที่อยู่ของต๊กโกวคิ้วป้ายซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว และบอกอินทรีย์ยักษ์ว่า ถ้ามีโอกาสจะกลับมาเยี่ยมใหม่
เรื่องวุ่นวายยิ่งขึ้นเมื่อสองพี่น้องตระกูลบู๊ทะเลาะกันเพราะก๊วยพู้ เอี้ยก้วยจึงมาช่วยตัดปัญหาโดยหลอกว่าอึ้งย้งยกก๊วยพู้ให้เขาแล้ว พอดีเซียวเหล่งนึ่งมาแอบได้ยินเข้าก็เสียใจมาก จึงกลับมาที่จวนของก๊วยเจ๋ง เพื่อมอบกระบี่ของตน ซึ่งเป็นกระบี่คู่กันกับของเอี้ยก้วยให้กับก๊วยพู้ เวลานั้นลี้หมกโช้วปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางการปรับความเข้าใจของสองพี่น้องตระกูลบู๊ ทั้งคู่ร่วมกันสู้กับลี้หมกโช้ว ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้แม่ของทั้งสองต้องตาย แต่กลับโดนเข็มพิ