1อยากรุ้เรื่องเวลาของการเชื่อมโยง บทประพันธ์ทั้งหมดของกิมย้งหน่อยครับ
จากเหตกุารณ์สำคัญต่าง
(คำถามนี้คงยากนัก T_T ข้าน้อนใฝ่สูง จะมีผู้รุ้จริงชี้แนะข้าได้หรือไม่)
2ปรมจารย์ ฉางชุน คือไคร อ่ะ เห็นได้ข่าวว่าเป็นปรมจารย์ของช้วงจินก่า แล้ว เฮ้งเต้งเอี้ยง คือคนก่อตั้ง สำนักช้วนจินก่าป่าวอ่ะ
3เก้าอิมมีสองส่วน แล้วส่วนที่อยุ่กับอึ้งเอียะซือกับเฮ้งเต็งเอี้ยง ของไครเหนือกว่าครับและไครที่ฝึกสำเร็จทั้งสองส่วนบ้างครับ แล้วเก้าอิมทวนทิศมันจัดอยุ่ในอันดับต้นๆของวิชาในมังกรหยกหรือป่าวครับ (ชอบดีครับวิชาแปลกแนว)
4พลังเก้าเอี้ยง เด่นทางด้านโจมตีหรือทางการรักษามากกว่ากันครับ
5...... เว้นไว้ก่อนคิดได้มาถามไหม่ อิอิ
ถาม ถาม ถาม !!!
|
Codez | |
![]() |
คิดได้ล่ะ คำถามต่อไปคือ สำหนักเส้าหลินเป็น สำนัก หรือวัดครับ และก่อตั้งเมือใดช่วงไหน เป็นคนชาติไหนครับ ซ่งหรือป่าว ทำไมไม่ช่วยบ้านเมืองทำสงครามช่วงมังกรหยก2 |
... | |
![]() |
จำได้ว่า คนก่อตั้ง เส้าลิน คือ ตั๊กม้อ นะน่าจะเป็นวัดมากกว่าไม่น่าใช่สำนัก |
ฤทธานุภาพ | |
![]() |
1.ไม่กล้าตอบ ถามสูงเกิน 2.เฮ้งเต็งเอี๊ยงผู้ก่อตั้ง แต่ไม่เคยได้ยินชื่อปรมาจารย์เกี่ยวกัยช้วงจิงดังว่า กรุณาอ้างอิงที่มา 3.ตอนอยู่กับเฮ้งเต็งเอี๊ยงฉบับสมบูรณ์ ทำการแบ่งเป็น2ส่วน ส่วนหนึ่งจิวแป๊ะทงโดนอึ๊งเอี๊ยะซือชนะเอาไป (ศพเหล็ก ศพทองแดงก็ขโทยไปฝึก) อีกส่วนเป็นอันที่ก๊วยเจ๋งได้มาแต่ลืมว่าเป็นมาอย่างไร สรุปรวมๆคือผู้ฝึกได้สมบูรณ์อย่างเที่ยงแท้มีก๊วยเจ๋งที่ฝึกครบบวกกับแปลภาษาท้ายบทออกโดยอิดเต็ง (อันนี้ถ้าข้อมูลผิดขออภัยไว้ด้วย) 4.เก้าเอี๊ยงเป็นวิชาที่มีรากฐานเดียวกับเก้าอิมต่างกันตรงที่มีจุดประสงค์ของการใช้ต่างกัน เด่นที่การรับและฟื้นฟู(คือการรักษา) 5.เส้าหลิน(เสี้ยวลิ้มยี่)เป็นวัดที่อยู่ในรูปแบบของสำนัก(ทั้งตามเรื่องจริงและนิยาย) ปรมาจารย์ตั๊กม้อผู้ก่อตั้งเป็นชาวเปอร์เซียหรืออินเดียเนี่ยแหละครับลืม จุดประสงค์แรกคือเผยแผ่ธรรม ศึกษาธรรมเหมือนวัดทั่วไป แต่พอนานวันด้วยสภาพที่เป็นวัดอยู่กลางป่า มีโจรผู้ร่ายและสัตว์ดุร้าย จึงต้องฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรงป้องกันตัว เป็นที่มาของวิชาต่างๆ ระยะเวลาของการก่อตั้งอันนี้ไม่แน่ใจ ที่แน่ใจคืออยู่มาก่อนราชวงศ์ซ่ง เหตุผลที่ไม่ช่วยทำสงคราม 1.ขึ้นอยู่กับเจ้าอาวาส ณ ขณะนั้นว่าคิดเห็นอย่างไร 1.1 ถ้ามีความรักชาติก็จะระดมศิษย์และฆราวาสทำการต่อต้านผู้รุกราน 1.2 ถ้าไม่สนใจทางโลกเลย หรือมีความคิดแบบอื่น ก็จะเข้าทำนอง "ไม่ใช่กิจของสงฆ์" |
Codez | |
![]() |
ขอบคุณ ท่าน ถทธานุภาพที่ช่วยชี้แนะอีกแล้ว ที่มางับ ชิวชู่จี พบ เจงกิสข่าน คำกล่าวอมตะอันกินใจนักรบบนหลังม้าอย่างเขาที่กล่าวกับกษัตริย์และเจ้าเมืองของข้าศึ กผู้ต่อต้านการบุกรุกของเขานั้น มีอยู่ว่า "คนแพ้ต้องตาย เพื่อที่คนชนะจะได้มีความสุข" หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า"ข้ามิได้ฆ่าเจ้าเพราะว่าข้าร้าย หากแต่ที่ข้าทำไปเพื่อที่จะทำให้ข้าได้มีความสุขต่างหาก" ในช่วงการทำลายล้างอย่างหนักของกองทัพมองโกลนั้น เจงกิสข่านได้ฟังคำแนะนำจากบรรดาขุนนางจีนว่าพระองค์ควรจะปกครองจักรวรรดิด้วยหลักธร รมการปกครองจากบรรดาปราชญ์และปัญญาชนหาใช่ด้วยคมดาบของกองทัพเพียงอย่างเดียวไม่ พระองค์จึงยอมรับในคำกราบทูลนั้นพร้อมกับส่งข่าวไปยังเมืองหลวงที่คาราโครัมเพื่อเชิ ญท่านปรมาจารย์ในตำนานที่มีนามกรว่า "ชิวชู่จี" และได้รับสมญานามว่า "ฉางชุน" หากแปลเป็นไทยก็จะได้ว่า "ฤดูใบไม้ผลินิรันดร์" ท่านฉางชุนผู้นี้ที่พำนักอยู่ในสำนักฉวนเจิน ( ชวนจินก่า ) ณ มณฑลซานตง ท่านนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมากในเรื่องความเป็นอมตะและอัจฉริยภาพเป็นหนึ่งในแผ่นดิน จักรพรรดิราชวงศ์จินและจักรพรรดิราชวงศ์ซ่งต่างส่งทูตมาเชิญตัวท่านไปเป็นที่ปรึกษาป ระจำราชสำนัก แต่ท่านก็ปฏิเสธกลับไปทุกครั้ง แต่ด้วยความประสงค์ของท่านฉางชุนนั้นต้องการหยุดความโหดร้ายของกองทัพมองโกลและสร้าง สันติในดินแดนต่างๆ ท่านจึงได้ยินยอมออกเดินทางจากสำนักเดินทางไปพบเจงกิสข่านทันที อะแฮ่มๆ ใครที่เคยอ่านนวนิยายจีนจึงอาจคุ้นๆชื่อของท่านนักพรตผู้นี้ เช่นนั้นแล้วก็อย่าสงสัยเลยครับ เพราะท่านนักพรตชิวชู่จีนี้ก็คือนักพรตจอมยุทธ์ในเรื่อง "มังกรหยกภาคจอมยุทธล่าอินทรี (ปฐมบท)" ของกิมย้งนั่นแหละครับ การเดินทางจากนครซานตงจนถึงเทือกเขาฮินดูกูชในเอเชียกลางช่างลำบากแสนเข็ญกอปรกับต้อ งใช้เวลากว่าปี แต่ระบบม้าเร็วกับความมานะของท่านฉางชุนนั้นทำให้ท่านมาเข้าเฝ้าเจงกิสข่านได้ภายในเ วลาเพียง ๒ เดือนเท่านั้นเอง เมื่อท่านฉางชุนเดินทางมาถึงก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจงกิสข่านและบรรดาขุน ศึกมองโกลที่เชื่อว่าท่านนั้นบรรลุชั้นเซียนเข้าไปแล้ว เจงกิสข่านเชื่อว่าท่านนั้นเป็นอมตะและต้องการเป็นเช่นนั้นบ้าง แต่ทว่าท่านฉางชุนกลับบอกเจงกิสข่านไปว่าท่านหาได้มีอายุยืนยาวนับร้อยปีไม่ ท่านมีอายุ ๘๐ ปีเท่านั้นเอง กอปรกับใช้หลักธรรมดำเนินชีวิตเช่นนี้แล้วจึงทำให้ท่านมีสุขภาพที่ยังคงสมบูรณ์และแข ็งแรงนั่นเอง เมื่อจอมข่านได้ยินเช่นนี้จึงยิ่งเลื่อมใสในตัวท่านเป็นยิ่งนัก ฉะนั้น เจงกิสข่านจึงได้เอ่ยถามถึงหลักการปกครองที่จะสามารถปกครองแผ่นดินอันกว้างใหญ่ที่พระองค์พิชิตมาได้ ท่านฉางชุนจึงได้ทูลตอบไปว่า "การจะสยบสรรพสิ่งในใต้หล้าหาใช่การเข่นฆ่าสรรพชีวิตไม่ จงปกครองแผ่นดินโดยการเคารพวิถีแห่งสวรรค์ แลมีความรักต่อปวงประชาเป็นที่ตั้ง" เจงกิสข่านได้สดับดังนั้นแล้วจึงตรัสถามไปว่าควรทำอย่างไรถึงจะเป็นอมตะได้ ท่างฉางชุนจึงทูลว่า "การมีชีวิตอมตะ จำต้องตัดความทะเยอทะยานและชำระใจให้บริสุทธิ์" คำสอนของท่างฉางชุนได้ขัดกับนโยบายอันโหดอำมหิตของมองโกลอย่างสิ้นเชิง แต่ทว่าด้วยคำสอนเหล่านี้ทำให้จอมข่านผู้พิชิตพระองค์นี้ยอมสยบต่อท่านฉางชุนโดยดุษฎ ี ท่านฉางชุนจึงได้ตำแหน่งราชครูแห่งราชสำนักมองโกล ท่านฉางชุนได้ชี้แนะหลักการปกครองและหลักธรรมต่างๆแก่เจงกิสข่านจึงทำให้มีการปรับแก ้กฎหมายต่างๆที่โหดร้ายออกไปเพื่อให้แผ่นดินที่พิชิตมานั้นจะได้สงบสุขดังคำชี้แนะขอ งท่านฉางชุนผู้นี้นั่นเอง ท่านฉางชุนยังได้พำนักร่วมกับกองทัพมองโกลในเอเชียกลางร่วมปีและยังได้รับความเคารพน ับถือจากบรรดาขุนศึกมองโกลโดยถ้วนหน้า แต่ทว่าท่านกลับตัดสินใจที่จะกลับไปยังสำนักของท่าน เจงกิสข่านพยายามรั้งท่านไว้ทุกวิถีทางแต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนใจท่าได้เลย ดังนั้นในปี ค.ศ. ๑๒๒๓ ท่านจึงเดินทางกลับในที่สุด เราจะเห็นได้ว่าท่านฉางชุนหาได้มอบยาขนานใดแก่เจงกิสข่านแม้แต่ชนิดเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านได้มอบให้เจงกิสข่านและมันได้กลายมาเป็นนโยบายพื้นฐานของจอมข่าน มองโกลองค์ต่อๆมาคือ "ความเมตตา" นั่นเอง ขอขอบคุณคุณอัศวินอโยธยามาณที่นี้ด้วยครับ |
ฤทธานุภาพ | |
![]() |
ตอนแรกก็นึกไม่ออก พออ่านก็ทราบ เพราะฉางชุนคงเป็นนามการยกย่อง ผมเลยไม่ค่อยได้ยินมาก่อน ชิวชู่จีเราอาจไม่คุ้นเพราะออกเสียงแบบหนึ่ง แต่ออกคูชู่กีเราถึงจะคุ้น คู่ชู่จีเป็นศิษย์ของเฮ้งเต็งเอี๊ยงครับ ถ้ารุ่นคู่ชูกีด้วยกันคูชู่กีนับว่าเป็นศิษย์พี่รอง พอมาถึงยุคมังกรหยก 2 ก็กลายเป็นเจ้าสำนักช้วงจิงก่า (คนที่สู้กับเซียวเหล่งนึ่งตอนที่เหินลงมาหายายซุนนั่นหละครับ) บุคคลนี้เป็นตัวสำคัญของเรื่องครับผม เพราะเป็นตัวสร้างเรื่องราวในมังกรหยกออกมาเลยทีเดียว มีปรากฏตั้งแต่มังกรหยก1-2 ที่สำคัญคนๆนี้ก็คืออาจารย์ของเอี้ยคังครับ |
เราเอง | |
![]() |
ขอถามคุณฤทธานุภาพครับ ที่ว่าคัมภีร์เก้าอิมโดนอึ้งเอี๊ยะซือชนะเอาไปนี่หมายความว่ายังไงครับ จิวเเป๊ะทงเคยสู้กับอึ้วเอี๊ยะซือด้วยหรือนี่ |
โอ๋ |
#10 โอ๋ [ 23-08-2007 - 19:10:13 ] |
|
ตอนที่อึ้งเอียซือได้ท่อนล่างเก้าอิมมานั้น ได้มาจากการประลองกันด้วยปัญญามากกว่า คือแม่ของอึ้งย้งนั้นเล่นพนันดีดลูกหินกับจิวแปะทงครับ ใครดีดลงหลุมมากกว่าชนะ แต่อึ้งเอียซือเล่นดีดลูกหินให้ไปทำให้ลูกหินของจิวแปะทงแตกเสียหมด เมื่อไม่มีลูกหินจิวแปะทงเลยแพ้ครับ ก็เลยให้ดูแว่บเดียว แต่ด้วยความที่แม่อึ้งย้งซึ่งตอนนั้นยังตั้งครรภ์อยู่นะ มีความจำเป็นเลิศ ดูรอบเดียวแล้วก็ท่องจำได้หมด โดยไม่ผิดแม้แต่คำเดียว ก็เอาไปเขียนบันทึกต่อนั่นแล ![]() |
โอ๋ |
#11 โอ๋ [ 23-08-2007 - 19:22:24 ] |
|
ส่วนเก้าอิมทวนทิศฉบับอ้าวเอียงฮงมีความล้ำเลิศอยู่มากครับ เพราะทำให้เซียวเหล่งนึ๊งเสียความบริสุทธิ์นั่นไง ซึ่งก่อนหน้าที่จะออกมาจากสุสานโบราณ ทั้งเอี้ยก๊วยกับเซียวเหล่งนึ๊งก็ไปเห็นคำจารึกบนผนังกำแพงในห้องลับ เขียนเก้าอิมจินเกงมา จึงพยายามที่จะคลายจุดที่อ้าวเอียงฮงสกัดจุดแต่ไม่สำเร็จ เพราะอ้าวเอียงฮงใช้เก้าอิมทวนทิศสกัดจุดไงครับ สำหรับเก้าอิมทวนทิศจะทำให้ผู้ฝึกเคลื่อนย้ายจุดสำคัญๆในร่างกายได้ เมื่อครั้งที่พี่น้องบู๊ทั้งสองจะแกล้งเอี้ยก๊วยโดยจะจี้จุดขำ โดยหมายให้เอี้ยก๊วยหัวเราะไม่หยุดหวังให้อับอายคนอื่น เอี้ยก๊วยก็แอบเดินกำลังภายในด้วยเก้าอิมทวนทิศทำให้เอี้ยก๊วยไม่ขำครับ... เพราะแม้จะจี้โดนจุด แต่จุดสำคัญในร่างกายได้เคลื่อนย้ายไปหมดแล้ว ![]() |
|