เข้าระบบอัตโนมัติ

อยากรู้ว่าจอมยุทธ์ที่อยู่กับพี่อินทรีย์คือใครหรอครับ


  • 1
  • 2
ศพเหล็ก
#21   ศพเหล็ก    [ 07-09-2009 - 16:02:04 ]

ดีเหมือนกัน กระบี่เก้าเดียวดายข้าลงมือเอง




ฤทธานุภาพ©
#22   ฤทธานุภาพ©    [ 07-09-2009 - 21:12:29 ]

เตียบ่อกี้ฝึกวิชาเคลื่อนย้ายจักรวาล จำเป็นต้องเป็นศิษย์เม้งก่า ????

แต่เค้าโครงตรงส่วนนั้น ไม่ใช่เรื่องดำมืดใช่มั้ยครับ? ทุกคนทราบดีว่า ที่ได้ฝึกเพราะวาสนา และสถานการณ์บังคับ แล้วรายละเอียด กิมย้งถ่ายทอดชัดเจนดี ถูกมั้ยครับ

ก๊วยเจ๋งฝึกวิชาเก้าอิม จำเป็นต้องเป็นศิษย์อึ้งเซียะ ????

ตรงนี้ก็เฉกเช่นลักษณะด้านบน การฝึกของก๊วยเจ๋งเป็นทางเลือกแบบหนึ่ง แต่เหตุการณ์นี้
ก็ไม่ได้แสดงมากพอว่า จะใช้ในกรณีของ 9 กระบี่ได้


ตังฮึงปุ๊กป้ายฝึกวิชาทานตะวัน จำเป็นต้องเป็นศิษย์ขันทีที่เขียน ????

อีกเช่นกันครับ ที่ในนวนิยาย "ไม่ดำมืด" เพราะทุกคนทราบดีว่ามันมีจาริกคำภีร์
และยังดันเป็นคัมภีร์ที่รู้จักทั่วทั้งยุทธภพอีกต่างหาก


ฝึกวิชาอย่างอื่นมาแล้วเอามาปนกับสำนักตัวเอง
ผู้คิดค้นจำเป็นต้องเป็นศิษย์ของสำนักนั้น ????

ไม่มีตรรกะแม้เพียงข้อเดียวของผมนะครับ ที่บ่งบอกเช่นที่ท่านได้กล่าวไว้
ได้โปรดพิจารณาใหม่ ว่าผมจะสื่อว่า 9กระบี่ไม่ใช่วิชาธรรมดา 9กระบี่เป็นวิชาเฉพาะบุคคลนะครับ
ไม่มีคัมภีร์ ไม่มีคนสอนแล้วมันจะสืบทอดได้อย่างไรล่ะท่าน??? ถ้าไม่มีกรณีพิเศษ


ในดาบมังกรหยก สำนักฮั้วซัวที่บุกขึ้นกวนเม้งซัวพร้อมสำนักต่างๆ
ยังบอกเลยว่า มีวิชาที่คิดขึ้นมาใหม่ แล้วจะบอกว่าตั้งมาก่อนบู๊ตึ้ง หรือไงครับ ???

แล้ววิชามีการคิดขึ้นมาใหม่ตลอด เป็นเรื่องแปลกเฉกเช่นใด คำกล่าวนี้ก็ย่อมแปลก
ไม่ต่างกันเช่นนั้นครับ สำนักทุกสำนักไม่เคยหยุดนิ่งการบัญญัติวิชาอยู่แล้วนะครับ


ถ้าต๊กโกวคิ้วป้ายเป็นศิษย์สำนักฮั้วซัวจริง
ทำไมสองผู้เฒ่าแห่งฮั้วซัวถึงไม่ใช้วิชานี้ออกมาสู้ศึกกับเตียบ่อกี้ ????

วิชา 9 กระบี่เดียวดาย ไม่ใช่วิชาแมว3ขานะครับ ที่ใครจะฝึกปรือก็ได้ ถ้าท่านทราบว่า
คำว่า "9กระบี่" ที่แฝงเคล็ด 9 อย่าง ไม่มีกระบวนท่า แต่พลิกแพลงกระบวนท่าตามสถานการณ์
ถ้าคนที่ขาดพรสวรรค์ก็อาจไม่ได้ใช้เสมอไปใช่มั้ยครับ.... แล้ววิชาที่ซ่อนอยู่ภายในสำนักก็
มีมากที่เป็น "วิชาลับสำนัก" "วิชาสุดยอดสำนัก" ถ้าตรรกะของท่านข้อนี้มีเหตุผล วิชาอย่าง
เปลี่ยนเส้นเอ็น ชำระล้างไขกระดูก กรงเล็บอินทรีย์ คงมีเกลื่อนยุทธภพสิครับ แล้วสองผู้เฒ่า
ที่ท่านว่า จำเป็นต้องรู้วิชาตำนานกระบี่แห่งยุคด้วยหรือ ?


เตียบ่อกี้ถึงขนาดทำให้สองผู้เฒ่าควันออกหู
ทำไมทั้งสองคนถึงไม่ใช้ยอดวิชาแขนงนี้ออกมา จัดการไอ้เด็กที่อยู่ตรงหน้า????

ข้อบนตอบคำถามแล้ว

อย่าลืมว่าตอนนั้น ฮั้วซัว ยังไม่ได้แยกเป็นสายกระบี่และสายปราณ
ที่ฮั้วซัวทะเลาะกัน มันก่อนเนื้อเรื่องกระบี่เย้ยยุทรจักรเพียงเล็กน้อย

ท่านคงเข้าใจผิดที่ผมกล่าวไว้ ทางเหตุผลของข้าน้อย กล่าวไว้ว่า ฮั้วซัวแบ่งแยก
หลังก่อตั้งได้ไม่นานครับ ไม่ใช่พึ่งมีภายหลัง


เดี๋ยวต่อส่วนที่เหลือนะครับ



ฤทธานุภาพ©
#23   ฤทธานุภาพ©    [ 07-09-2009 - 21:25:03 ]

อย่าลืมว่าตอนนั้น ฮั้วซัว ยังไม่ได้แยกเป็นสายกระบี่และสายปราณ
ที่ฮั้วซัวทะเลาะกัน มันก่อนเนื้อเรื่องกระบี่เย้ยยุทรจักรเพียงเล็กน้อย

ขอเหตุผลอ้างอิง ข้อสันนิษฐานนี้ครับ ถ้าผมกล่าวผิดจากหนึงสือจริง ผมจะแก้ไขให้
สิ่งที่ผมพูด ผมกล้าคิดเช่นนั้น เพราะมันคือเรื่องดำมืด โปรดเข้าใจข้อนี้ครับ


แล้วอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เหล็งฮู้ชงเคารพอาจารย์จะตาย
การฝึกวิชาของสำนักอื่นๆ เหล็งฮู้ชงจะยอมฝึก ????

ไม่ถือว่าทรยศต่ออาจารย์ ????

แล้วยิ่งเป็นเพลงกระบี่ที่เหนือกว่าอาจารย์
เหล็กฮู้ชงจะฝึกวิชาที่เก่งกว่าวิชาของอาจารย์ตัวเอง ???? มันคิดจะล้างครู ????

ผมว่า ฮวงเช็งเอี้ยงโกหกคำโตกับเหล็งฮู้ชง ต่างหากครับ

ถ้าฮวงเช็งเอี้ยง ไม่โกหก
แล้วบอกว่า เป็นวิชาของสำนักอื่นที่ตัวเองมีวาสนาได้เรียนมา
คิดหรือครับ ว่าเจ้าเหล็งฮู้ชง ผู้บ้าความกตัญญูขนาดนั้น มันจะยอมฝึก ????

เพราะตอนแรกที่มันไปได้วิชาของพรรคมารในถ้ำ มันก็โดนอาจารย์ด่าแล้วรอบ

มันยังจะคิดอยากจะฝึกวิชาของสำนักอื่นอีก ????

คงจะยอมฝึกกับฮวงเช็งเอี้ยงอยู่นะครับ ! ! !


เหตุผลทั้งหมดส่วนนี้ เนื้อเรื่องก็ได้ตอบคำถามชัดเจนดีครับ จะมากจะน้อยอย่างไร
ฟงชินหยางก็คือศิษย์สายกระบี่ของฮั้วซัว เหตุผลที่วิชานี้มาจากข้างนอกท่านอธิบายได้หรือครับ
ว่ามีที่มาอย่างไร การเกริ่นถึงต๊กโกวคิ้วป้าย ก็ทราบกันดีครับ ว่าต๊กโกวอยู่อย่างสันโดษ
คงไม่รับศิษย์แน่ๆ เพราะถ้ารับศิษย์คงไม่ต้องเกิดเนื้อเรื่องแบบในมังกรหยก2ใช่มั้ยครับ
ที่ต้องฝังวิชาตามยถากรรม ให้คนมีบุญสืบทอด ดังนั้นถ้ายึดตามหนังสือแบบไม่ดัดแปลงแม้ส่วนเสี้ยว
ทราบแบบไม่ต้องสงสัยได้ว่า วิชานี้คนเคยฝึกผ่านต๊กโกว มีแค่คนเดียว คือเอี้ยก้วย
และเอี้ยก้วย ไม่รู้เคล็ดวิชาด้วย รู้เพียงสำนึกวิชา และใช้อย่างใจคิด หลังจากฝึกก็เอาดาบไปฝัง
แล้วข้อมูลบางส่วนก็นำไปด้วยซ้ำ ดังนั้นการจะรับศิษย์ผ่านเอี้ยก้วย คงเป็นไปไม่ได้?
แต่ช่องว่าง หรือส่วนดำมืดของนิยาย บอกไว้ว่าต๊กโกวละทิ้งสันโดษก่อนวัยปัจฉิมวัย
แปลว่าช่วงที่ผงาดในยุทธภพ ต้องมีความสัมพันธ์กับบุคคลต่างๆ แล้ววิชามันผ่านมาโผล่อีกที
250-300 ปีให้หลัง??? ถ้าวิชานี้ฝึกผ่านคนที่มีชื่อ ในยุคดาบมังกรหยกทำไมไม่มีวิชานี้??
แปลว่าวิชานี้ต้องเก็บซ่อน และฝึกต่อในยุคฟงชินหยางไงครับ ดังนั้นข้อสันนิษฐานของผม
แม้ไม่มีมูล แต่ก็ไม่ได้ขัดต่อเนื้อเรื่องแต่อย่างใดครับ สิ่งที่มีโอกาสคือศิษย์ฮั้วซัว
แต่ผม ไม่ได้ฟันธงไป แต่สันนิษฐานไว้ว่า "มีโอกาสมาก" ครับ



ฤทธานุภาพ©
#24   ฤทธานุภาพ©    [ 07-09-2009 - 21:42:47 ]

ขอชี้แจงว่า ผมถกเพื่อความรู้ และไม่ได้มีเจตนาขัดแย้ง ในสถานการณ์ใดทั้งสิ้น

เพราะ ในครั้งอดีตผมก็เคยมีเรื่องลักษณะนี้กับคุณขอแจมมาก่อน ดังนั้นจึงไม่ใช่มีเจตนาร้ายใดๆ

ที่เปิดและตอบประเด็น แค่อยากถกความรู้ และแก้ข้อต่างเฉยๆครับ ขอให้คุณเข้าใจด้วย

และถ้าคุณยังเห็นว่ามีเรื่องใดที่ไม่ใคร่ถูก ก็ขอเชิญให้มาลองให้ความเห็นดูครับ

ด้วยความนับถือ



นินจาโคงะ
#25   นินจาโคงะ    [ 08-09-2009 - 10:44:47 ]

กระบี่เก้าเดียวดาย มาถ่ายถ่ายเก้ากระบี่เดียวดายให้ข้าไวๆๆๆ

ปล ข้าเอาเหล้ามาเซ่นแล้ว



กระบี่เก้าเดียวดาย
#26   กระบี่เก้าเดียวดาย    [ 09-09-2009 - 01:34:13 ]

อ้างอิง http://roch.clubdara.com/topic.php?topic=2807&page=12

...........ช่วงเวลานั้น สิบผู้อาวุโสนิกายอสูรบุกสำนักหัวซาน คิดหมายช่วงชิงคัมภีร์ทานตะวัน ตอนนั้นสำนักหัวซาน รวมเป็นห้าสำนักกระบี่ กับ ซงซาน ไท้ซาน เหิงซาน หานซาน สี่สำนักที่เหลือพอทราบข่าวก็รุดมาช่วยเหลือ เกิดการต่อสู้ที่เชิงเขาหัวซาน สิบผู้อาวุโสนิกายอสูรส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บกลับไป แต่งักเซียวและฉั่วจื้อฮง ก็ต่างเสียชีวิตในการต่อสู้ คัมภีร์ทานตะวันฉบับชำรุดบกพร่อง ที่คนทั้งสองเขียนขึ้น ก็ถูกนิกายอสูรช่วงชิงไป งักเซียว และ ฉั่วจื้อฮง แห่งสำนักหัวซาน เขียนคัมภีร์ทานตะวันไม่นาน ก็ถูกสิบผู้อาวุโสนิกายอสูรฆ่าทิ้ง คัมภีร์ทานตะวันฉบับชำรุดบกพร่องนี้ ก็ถูกนิกายอสูรช่วงชิงไป ดังนั้นในสำนักหัวซาน ไม่เคยมีใครได้เรียนรู้วิทยายุทธในคัมภีร์ และก่อนหน้านั้นคนทั้งสองก็ต่างมองคัมภีร์คนละด้าน เน้นลมปราณ เน้นกระบี่ แตกต่างกันไป กลับอธิบายต่อเหล่าศิษย์เป็นเหตุให้สำนักหัวซานแบ่งแยกเป็น ฝ่ายกระบี่และฝ่ายลมปราณ สมควรบอกว่าคัมภีร์เล่มนี้เป็นของอัปมงคล

ลิ้มเอี่ยงโต่ว เป็นทวดของ ลิ้มเพ้งจื่อ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งสำนักคุ้มกันภัยบุญบารมี อาศัย เจ็ดสิบสองท่าเพลงกระบี่ปราบมาร สยบหมู่มิจฉาชีพ ซึ่งแท้จริงแล้ว เค้าคือ โต่วง้วนเซี่ยงซือ ผู้เป็นศิษย์ของ อั้งเฮียะเซี่ยงซือ.............

ความจริงผู้อาวุโสท่านนี้ก่อนออกบวช ใช้แซ่ลิ้ม แต่หลังจากคืนสู่เพศฆราวาส ก็กลับไปใช้แซ่เดิมใหม่ โดยตั้งชื่อให้ตนเองว่า เอี่ยงโต่ว ภายหลังตกแต่งภรรยากำเนิดบุตร ก่อตั้งสำนักคุ้มกันภัยประกอบกิจการระบือลือลั่น ผู้อาวุโสแซ่ลิ้มนี้ ประพฤติเที่ยงธรรม ช่วยผู้ตกทุกข์ได้ยาก แม้ไม่อยู่ในสถาบันสงฆ์ แต่ก็มีพระอยู่ประจำใจ

อ้างอิงจาก นวนิยายกระบี่เย้ยยุทธจักร เล่ม 3 หน้า 467 – 480


ผมจะไม่เอาที่ผมเล่ามาอ้างอิง ผมขออ้างอิงจากของคุณประจิมคลุ้มคลั่งแล้วกันนะครับ ว่าสำนักฮั้วซัวมันแตกกันตอนไหน???

เพราะเดี๋ยวจะหาว่าผมเข้าข้างตัวเองอีก (ซึ่งมันก็เหมือนกันนั่นล่ะ)

1. ทวดของลิ้มเพ้งจือคงแก่มากนะครับ อยู่กันที ถึงเกือบ 200 ปี ทีเดียว
.... ถึงได้อยู่ร่วมรุ่นกับ ต๊กโกวคิ้วป้าย ที่อยู่ในสมัยปลายซ้องเหนือ .... จนถึงราชวงศ์หมิง อย่าลืมว่า กระบี่เย้ยยุทธจักรนั้น มีการปรากฎตัวของโจรสลัดเตี้ย (โจรสลัดญี่ปุ่น) เข้ามาอาละวาดในแผ่นดินไต้เหม็ง ซึ่งอยู่ในช่วงปลายๆ ของราชวงศ์เหม็งแล้ว ใครที่อ่านประวัติศาสตร์มาจะทราบดีกว่า ช่วงไหนบ้าง แล้วช่วงนั้นโปรตุเกสก็ใกล้จะเปิดศึกกับจีนอยู่แล้ว แต่ถูกทัพจีนตีโต้กลับไป (ฉีเคอะถึงได้ สร้างเรื่องให้ตงฟางปุ๊ป้ายแต่งตัวแบบญี่ปุ่น) และเนื่องจากเค้าสันนิษฐานจากเรื่องโจรสลัดนี่เอง ถึงต้องเป็นราชวงศ์เหม็ง เพราะมันมีแต่ยุคนี้เท่านั้น ที่โจรสลัดเตี้ย(โจรสลัดญี่ปุ่น)ปล้นสดมภ์แถวชายทะเลจีน เหล็งฮู้ชงถึงได้กลัวว่าพวกศิษย์น้องหญิงเหิงซานทั้งหลายจะถูกพวกโจรสลัดปล้น แต่พอผู้อาวุโสม้อแห่งหานซานรับเจ้าของเพลงโศกใจสะท้านคนนั้นรับดูแล มันก็เลยไปหยุดพวกชาวยุทธ์ทัน

ดังนั้น ช่วงอายุของราชวงศ์เหม็งก็อยู่ประมาณ 200 กว่าปี และช่วงซ้องใต้ก็ประมาณ 100 กว่าปี และช่วงหยวนอีก 50 กว่าปี (200+100+50 = 350) สมมติว่า กระบี่เย้ยอยู่กลางๆ ยุคแล้วกัน ทวดของลิ้มเพ้งจื้อคงมีอายุเกิน 225 ปีแน่ๆ !! จะเกินมนุษย์ไปแล้วนะครับ ไม่ใช่เตียซำฮงด้วย ขนาดเตียซำฮงยังอยู่แค่ปลายซ้องใต้ (13 ปีก่อนล่มสลาย เพราะเจอเอี้ยก้วยในมังกรหยก ภาค 2) เตียซำฮงยังทันแค่เอี้ยก้วย !!

2. เส้าหลินใต้น่ะ ก่อตั้งในสมัยราชวงศ์ซ้องใต้ หรือหยวนนี่ล่ะ (หากผมจำไม่ผิด)
ซึ่งในเรื่องของมังกรหยก ต๊กโกวจะมีอายุอยู่ในช่วงใกล้เคียงกับกรณีงักฮุย
เส้าหลินใต้ ยังไม่ถอยร่นมาเลยนะครับ ซึ่ง....ทวดของลิ้มเพ้งจือแก่ขนาดนั้น?? เหตุการณ์ฮั้วซัวแตกแยกกันอยู่ในสมัยซ้องเหนือกำลังล่มสลาย??

3. แล้วในกระบี่เย้ยยังบอกอีกว่า ช่วงเวลาที่ทวดของลิ้มเพ้งจืออยู่นั้นประมาณ 80 ปีก่อน (หรือ 50 ปีก่อน) เนื้อเรื่อง ดังนั้น ..... มันจะเป็นราชวงศ์ซ้องหรือเปล่าครับ กรณีที่ฮั้วซัวแตกแยกกันเนี่ย ???










แล้วอีกอย่าง ข้อความในกระบี่เย้ยฯ น่ะ ลอกมาจาก
"กระบี่ใจพิสุทธิ์ ตรงช่วงงั้งตั๊กเพ้งสอนเพลงกระบี่แก่เต็กฮุ้น"

เช็กเชี่ยงฮวดอาจารย์ของเต็กฮุ้นสอนเพลงซิมซู้เกี้ยม(กระบี่ใจพิสุทธิ์)ให้ผิด เพราะต้องการหลอกยี่ซือเฮียของตัวเอง ส่วนงั้งเต็กเพ้งที่เป็นยี่ซือเฮีย(ศิษย์พี่รอง)ของเช็งเชี่ยงฮวดพอเห็นเต็กฮุ้นสู้พวกบ้วนกุ้ยแพ้ ก็เลยเข้ามาหลอกสอนเพลงกระบี่ซิมซู้เกี้ยมที่ถูกต้องให้แก่เต็กฮุ้น เพื่ออาศัยเต็กฮุ้นทำให้บ้วนจิ้นซัวตั่วซือเฮีย(ศิษย์พี่ใหญ่)ของตนกับเช็กเชี่ยงฮวดซาซือตี๋ของตนผิดใจกัน ส่วนตัวเองก็หาโอกาสเข้าไปแย่งชิงซิมซู้เกี้ยมจากเช็กเชี่ยงฮวด
(ขี้เกียจพิมพ์ ไปหาอ่านเอาเอง)

ตรงนี้ ในกระบี่ใจพิสุทธิ์ ศิษย์ของอาจารย์แต่ละคนในสำนัก จะฝึกคนละแบบกัน เป็นเพลงกระบี่คนละอย่าง มีเพียงอาจารย์ทั้งสาม ได้แก่ บ้วนจิ้วซัว(พี่ใหญ่) งั้งตั๊กเพ้ง (พี่รอง) เช็กเชี่ยงฮวด (น้องเล็ก) เท่านั้น ที่รู้จักเพลงกระบี่ที่แท้จริง และถูกต้อง

แม้เพลงกระบี่จะมีชื่อท่าที่คล้ายคลึงกัน แต่ท่าทางของแต่ละอาจารย์ก็จะไม่เหมือนกัน (โดยงั้งตั๊กเพ้งไม่มีศิษย์) กล่าวได้ว่า ทั้งสามอาจารย์นั้น ฝึกกันมาคนละแบบ คนละสำนักกันเลยก็ว่าได้

แต่กระบี่ใจพิสุทธิ์ ไม่ได้อธิบายกระจ่างเท่ากับกระบี่เย้ยยุทธจักร กระบี่เย้ยยุทธจักร ใช้คำพูดของฟงชิงหยางบอกว่า เพลงกระบี่ที่ตัวเองสอนนั้นเป็นของ เพลงกระบี่ฮั้วซัว เพราะเหล็งฮู้ชงจะไม่ยอมฝึกเพลงกระบี่ที่ตัวเองสอนนั่นเอง ฟงชิงหยางถูกโฉลกกับเหล็งฮู้ชงอย่างแรง จนอยากได้เหล็งฮู้ชงสืบทอดวิชาของตัวเองเลยโกหกแบบนั้นไป ผมอ่านตอนแรกผมก็รู้แล้วว่า ฟงชิงหยางโกหก

มันเป็นกรณีเดียวกับที่เต็กฮุ้นจะไม่ยอมฝึกเพลงกระบี่กับงั๊งตั๊กเพ้งครับ!!

แม้แต่อดีตผู้อาวุโสที่เคยอยู่ที่นี่ ผมถามไป เค้าก็บอกว่า มันจะเป็นของฮั้วซัวได้ยังไง คาบเวลาคนละโยชน์กันเลยทีเดียว แถมฟงชิงหยางไปฝึกได้จากที่ไหนก็ไม่รู้ ....!?

ฟงชิงหยางเป็นศิษย์คนเดียวของฮั้วซัวที่ฝึกเพลงกระบี่เก้ากระบี่เดียวดาย เพราะตอนที่เหล็งฮู้ชงสู้กับศิษย์คนอื่นของฮั้วซัวสายกระบี่ มันยังบอกเองเลยว่า (ขอสรุปคำพูดเลยแล้วกัน) สู้ง่ายมาก เหมือนกับศิษย์ฝ่ายกระบี่ไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมาย

ต่ออีก ถ้าเป็นเพลงกระบี่ของฮั้วซัว

4. ทำไมไม่เคยมีคนที่ฉลาดพอฝึกได้ อย่าลืมว่าเหล็งฮู้ชงก็ไม่ได้ฉลาดถึงขนาดฝึกได้ในครั้งเดียว และฟงชิงหยางยังบอกเองเลยว่า กว่าจะเข้าใจเคล็ดทั้งหมดมันนาน แสดงว่าฟงชิงหยางก็ไม่ได้ฉลาดอะไรมากมาย แล้วทำไมถึงไม่มีศิษย์ฮั้วซัวคนไหนฝึกได้

5. แล้วทำไมตอนที่สู้กับพวกพรรคมาร ทำไมศิษย์ฮั้วซัวถึงไม่มีใครใช้ แถมยังใช้เล่ห์หลอกล่อพรรคมารอีก ตอนนั้นสถานการณ์คับขันเอามากๆ วิชาลับอะไรก็คงต้องเอาออกมาให้ให้หมด ทำไมถึงไม่มีใครใช้กระบี่เก้าเดียวดาย

6. จากข้อ 2 ในเมื่อเป็นกรณีคับขัน เมื่อมีคนใช้แล้ว ทำไมถึงไม่เคยมีบันทึกถึงเพลงกระบี่นี้ ในถ้ำของผาสำนึกตน อย่างน้อยพวกพรรคมารก็ต้องเขียนไว้ว่าเคยพบเจอกับเพลงกระบี่นี้มาก่อน (ถึงจะสู้ไม่ได้ ก็คงไม่เขียนไว้ แต่คงจะจำท่าทางได้) แล้วตอนฟงชิงหยางสอนเหล็งฮู้ชง ทำไมเหล็งฮู้ชงที่เคยเห็นถ้ำที่จารึกมาแล้ว ถึงไม่เคยทราบถึงเพลงกระบี่นี้เลย จริงอยู่ที่มันสำคัญที่สำนึก แต่การเคลื่อนไหวของเพลงกระบี่นี้มันก็ยังมี "เคล็ด" อยู่ดี

7. เอี้ยก้วย .... ไม่เคยฝึกครับ ผมโต้แย้งไปหลายรอบแล้ว ว่าเอี้ยก้วยฝึกแต่สำนึกกระบี่จากอินทรีและรอยกระบี่บนโขดหิน ดังนั้นไม่ใช่เอี้ยก้วยที่เป็นคนถ่ายทอดแน่ๆ เพราะเอี้ยก้วยไม่เคยอ่านเคล็ดวิชาจริงๆ สักครับ คุณไปหามาจากไหนว่าเอี้ยก้วยเคยฝึกเคล็ดวิชา

8. เก้าเอี้ยงก็เป็นเคล็ดวิชานะครับ ทำไมเตียบ่อกี้ฝึกได้ ทานตะวันก็เป็นเคล็ดวิชาไม่มีใครสอนเหมือนกัน ทำไมตงฟางปุ๊ป้ายฝึกได้



สรุปคือ ผมสันนิษฐานได้ข้อเดียวว่า

1. ฟงชิงหยางอาจจะพบคัมภีร์ (แต่เอี้ยก้วยหาไม่พบ เพราะไม่กล้ารุกล้ำที่อยู่อาศัยของต๊กโกวคิ้วป้าย) หรือ

2. ฟงชิงหยางได้รับการถ่ายทอดมาจากคนที่ขุดพบอีกที ซึ่งข้อนี้น่าจะเป็นไปได้มากกว่า ในเรื่องยังมีผู้เฒ่าซิหยางไปขุดสุสาน หาบทเพลงกว่านซานหลิน เอามาดัดแปลงเป็นบทเพลงเย้ยยุทธจักรเลย ไม่แปลกเลยครับ

และที่สำคัญคือ ในตำราเล่มนั้นอาจจะบอกถึงวิถีชีวิตของต๊กโกวคิ้วป้ายไว้หมด เหมือนที่อึ้งเซียะบันทึกไว้ในตำราของตัวเอง ไม่อย่างนั้นทำไมเหล่ายอดยุทธถึงรู้ประวัติของอึ้งเซียะ ทั้งๆ ที่อึ้งเซียะตายไปอย่างเป็นปริศนา แถมยังอยู่ในสมัยราชวงศ์ถังอีกต่างหาก แล้วอย่างเอี้ยเต็งที ที่บันทึกเรื่องราวของตัวเองไว้ในห้องลับใต้กวนเม้งซัวอีกนะครับ

3. กรณีที่ฟงชิงหยางไม่ได้โกหก ก็แสดงว่า มีคนในสำนักฮั้วซัวได้ฝึกมา แล้วมาสอนให้แก่ฟงชิงหยาง แต่ข้อนี้ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้มากนัก เพราะตอนที่พรรคมารบุกฮั้วซัว เป็นช่วงที่ฟงชิงหยางเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ออกจากสำนัก แล้วคนที่สอนฟงชิงหยางจะไม่สู้ศึกด้วยหรือไงครับ ????



ฤทธานุภาพ©
#27   ฤทธานุภาพ©    [ 10-09-2009 - 18:17:05 ]

ไม่ข้อไล่เลียงใดๆ แต่ขอแสดงความเห็นเป็นรายๆไปนะครับ

ในข้อที่ 1.) ท่านแสดงเหตุผลถึงช่วงเวลาของ"กระบี่เย้ยฯ" แต่ยังไม่ใช่สาระสำคัญพอที่จะบ่งบอกขัด
เหตุผลในการต่อตั้งหัวซาน??? เรื่องช่วงเวลามิจำเป็นต้องถกครับ เพราะผมมั่นใจดีว่านวนิยายใด
อยู่ในยุคไหน ข้อความที่ท่านยกมาเพียงพอที่จะบอกว่าการแตกแยกของ"สาย"เกิดภายหลัง

ซึ่งผมขอยอมรับความผิดพลาดในการจดจำช่วงเวลาของนวนิยายครับ ที่กล่าวว่าแตกแยกตอนก่อตั้ง
ได้ไม่นาน...

แต่! ไม่ได้มีเหตุผลในส่วนที่ท่านพูด มากพอ ที่จะบอกว่า หัวซานพึ่งตั้งมาตอนหลัง??
ดังนั้นไม่มีเหตุผลหักล้างให้แก่ต้นกำเนิดต๊กโกวคิ้วป้ายนะครับ แล้วทวดแซ่ลิ้มก็ไม่ได้มีส่วนใด
ของนวนิยายที่ท่านยกตัดตอนมาบอกว่า อยู่ในยุคเดียวกับผู้ก่อตั้งหัวซาน???

ในข้อที่ 2.) เป็นการลากดึงสิ่งที่ท่านสรุปขึ้นเอง ในกรณีทวดของลิ้มเพ้งจือ??
มาเชื่อมโยง ซึ่งผมไม่ได้อ้างอิงถึงใช่มั้ยครับ?? โอเค ผมกล่าวไว้ว่าหัวซานอาจแตกแยกตอนแรก
และคาดว่าเหตุผลนี้ น้ำหนักคงต่ำลงไปแล้ว แต่! ก็ไม่ได้หมายความว่าพึ่งก่อตั้งตอนหลัง ใช่มั้ยครับ???
แม้ผมจะสรุปตอนแรกว่าต๊กโกวศิษย์หัวซาน ด้วยความเข้าใจว่าอาจจะคาบเกี่ยวยุคแตกแยกสายแล้ว
แต่ก็ไม่ได้ไม่มีสิทธิ์ใดๆ ที่จะถอนคำพูดเรื่องการเป็นศิษย์หัวซานนะครับ ยังไงก็สิ่งเราๆท่านๆกล่าวกัน
ก็ล้วนเป็นเรื่องการคาดเดาเพิ่มเติมจากเนื้อเรื่องมิใช่หรือ??

ในข้อที่ 3.) ข้อนี้ก็เป็นเหตุผลลากถ่วงมาจากข้อ1 และข้อ2 ดังนั้นถ้าจะตอบคำถาม ขอเรียนว่า ผมไม่เคยอ้างอิงถึงทวดลิ้มเพ้งจือนะครับ เพราะ ทั้งเหตุการณ์ล้วนยุคหมิงหมดสิ้น โปรดอย่ายัดเยียดเหตุผลข้อนี้เพิ่มเติมครับ...

ในข้อที่ 4.) นวนิยายจีนทุกเรื่อง ก็ปูเรื่อง ด้วยความบังเอิญแทบทั้งสิ้น ถ้าท่านต้องมานั่งตอบคำถาม ว่าทำไมเช่นนั้นคงเป็นเรื่องยาก แต่กรณีของฟงชิงหยางปลีกวิเวกมานานพอควร เคล็ดวิชาอาจไม่ใช่วิชาที่เผยแพร่ในที่สาธารณะ จึงไม่เห็นความจำเป็นที่ศิษย์ของฮั้วซัวฝึก ถ้าฝึกจริงก็คงจรรโลงสำนักแต่แรกแล้วครับ ไม่ต้องให้เฒ่าปุ๊ มารอขโมยเคล็ดวิชารัศมีม่วงหรอกครับ

ในข้อที่ 5.) ในข้อนี้ผมข้อเลี่ยงการตอบ เพราะ การอธิบายของผมในตอนต้นครอบคลุมไว้แล้วครับ

ในข้อที่ 6.) ถ้าผมจำไม่ผิดพลาดประการใด คาดว่า ฝ่ายสำนักมารละเลยวิชาเหล่านั้น ด้วยเข้าใจว่าเป็น วิชาด้อยค่า และเชื่อมั่นว่าพรรคต้นมีวิทยายุทธเป็นหนึ่งอยู่แล้วครับ ถ้าท่านเป็นฝ่ายที่มั่นใจในความเป็นใหญ่ ท่านจะฝึกปรือวิชาของผู้แพ้แต่ประการใด?

ในข้อที่ 7.) แม้ผมจะบอกว่าฝึก - -* แต่ผมก็ไม่เคยบอกว่าเอี้ยก้วยรู้เคล็ดวิชาใช่มั้ยครับ การที่เอี้ยก้วยจับดาบ ควงกระบี่ของต๊กโกว มาร่ายรำ แล้วสืบทอดสำนึก (ดังที่ผมอธิบายประกอบไว้ทุกความเห็นแต่แรก) ผมก็เรียกว่าการฝึกฝนอยู่ดีครับ - - เรื่องนี้ท่านไม่ควรใช่มาโต้แย้งเลย เพราะ ข้อนี้ผมระวังการใช้คำแต่แรกครับ

ในข้อที่ 8.) รู้สึกในข้อ 8.) จะเป็นคำถามที่ไร้หลักแหล่ง แต่ผมจะตอบให้ว่าการฝึกฝนวิชามีตัวแปรอะไร ประกอบกันมากมาย พรสวรรค์ วาสนา ความฉลาด ความเข้าใจ พื้นฐานวิชา การชี้แนะ และอื่นๆ ท่านนำไปจาระไนในมุมของท่านต่อ

ขอกล่าวเพิ่มเติมว่าไม่ได้มีเจตนาจะต่อความยาว สาวความยืด และเคารพทุกความเห็นแต่ในสิ่งที่ท่านบอก ก็ไม่ได้ทำลายข้อกล่าวหาเรื่องการก่อตั้งหัวซาน

ถ้าท่านมีข้อมูลตรงประเด็นเรื่องการก่อตั้งจริง ผมจะยอมถอนคำพูดให้แน่ครับ ว่าต๊กโกวมิใช่ศิษย์หัวซานและ ไม่ใคร่ขอเหตุผลทางอ้อม ที่ต้องคาดเดาต่อครับ






สยบทั่วเเผ่นดิน
#28   สยบทั่วเเผ่นดิน    [ 10-09-2009 - 19:41:37 ]

อย่าทะเลาะกัน ...

จะว่าไปลองคิดดูแล้วเรื่องวิชาเกลื่อนยุทธภพ ยุคนี้เป็นแบบนั้นจริงๆ โดยเฉพาะ หมัดไทเก๊กเนี่ย อย่างเด็กชายไร้นาม คนอื่นๆยังฝึกกันเต็มไปหมด สุดยอดวิชาบู๊ตึ้ง แต่ก็ไม่ได้เว่อร์เหมือนในหนัง อย่างพวกฝ่ามือทรายเหล็ก หมัดเมาก็มีจริง พอไปอยู่ในหนังดัดแปลงให้ดูเหมือนเปนอีกอย่าง

ล้างไขกระดูกนี่... ไม่มีทางเพราะเปนวิชาตั้กม้อที่สาปสูญ


จะว่าไปยุคมังกรหยกชุมนุมวิจารณ์กระบี่บนหัวซาน ได้พูดถึงสำนักหัวซานบ้างไหม ขอรับ?



ฤทธานุภาพ©
#29   ฤทธานุภาพ©    [ 10-09-2009 - 20:21:49 ]

ท่านสยบพูดลักษณะนี้ ก็ขอยุติดีกว่าครับ จะกลายเป็นว่าทะเลาะในสิ่งที่ต้องคิดเพิ่มเติมในนวนิยายไป

ขอโทษคุณกระบี่เก้าเดียวดายในโมหะจริตของผมไว้ ณ ที่นี้ และคิดว่าคงไม่ขอกล่าวในเรื่องนี้ต่อดีกว่า

คาดเดาว่าคงจะหาข้อยุติมิได้ ไม่แตกต่างจากเก้าอิม เก้าเอี๊ยงอะไรเยี่ยมกว่ากันเป็นแน่แท้

ยังไงก็สนับสนุนให้กล่าวสิ่งที่เป็นบวกละกันครับ อย่าเล่นแง่ลบต่อเช่นข้าน้อยละกัน ด้วยความนับถือ



กระบี่เก้าเดียวดาย
#30   กระบี่เก้าเดียวดาย    [ 11-09-2009 - 04:51:25 ]

ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ ผมแค่ถกเฉยๆ ไม่เครียด ฮาๆ ขำๆ เท่านั้น

1. ใช่ครับ ผมไม่มีหลักฐานมากพอที่จะบอกว่า ฮั้วซัว ไม่ได้ก่อตั้งในสมัยซ้องเหนือ
แต่.....เท่าที่ปรากฎคือ ฮั้วซัว โผล่มาครั้งแรกในดาบมังกรหยก
ซึ่งอยู่ในสมัยราชวงศ์หยวน ห่างจากซ้องเหนือประมาณ 100 กว่าปี
(ประมาณจริงๆ คือ 150 ปีเป็นอย่างต่ำ)
ดังนั้น ท่านยิ่งไม่มีหลักฐานใดๆ จะกล่าวว่า
ต๊กโกวคิ้วป้ายที่อยู่ในสมัยปลายซ้องเหนือนั้นมีความสัมพันธ์ใดๆ กับฮั้วซัว

แต่ที่ผมยกมากล่าว คือ ท่านบอกในตอนแรกว่า ต๊กโกวคิ้วป้าย เป็นศิษย์ของสายกระบี่
ซึ่งการแตกแยกกันของสองสายนั้นเกิดขึ้นในสมัยไต้เหม็ง คนละช่วงเวลากันเลยนะครับ (อ่านข้อ 3)

2. เช่นนั้นก็ไม่มีเหตุผลใดอธิบาย ว่า ทำไมต๊กโกวคิ้วป้ายถึงเป็นศิษย์ฮั้วซัว? เช่นกันนะครับ
แต่ข้อสันนิษฐานเรื่องฮั้วซัวไม่มีปรากฎในนวนิยายตั้งแต่ แปดเทพอสูรมังกรฟ้า, มังกรหยก 1 และ 2
ก็ยังมีน้ำหนัก เรื่อง ฮั้วซัวยังไม่ได้ตั้งในสมัยซ้องเหนือ-ใต้ มากกว่าอยู่ดีนะครับ

และท่านก็ได้อ้างอิงถึง ....เมื่อท่านอ้างอิงว่า แตกแยกเมื่อก่อตั้ง ในหน้า 1 (อ่านข้อ 3)

3. ผมหักล้างข้อที่บอกว่า ต๊กโกวคิ้วป้ายเป็นศิษย์สายกระบี่ของท่าน ในหน้า 1 ครับ

"จอมยุทธที่ท่านว่าคงหมายถึง ต๊กโกวคิ้วป้าย(มารกระบี่แสวงพ่าย)
ถ้าดูดีๆจะพบว่าเป็นศิษย์สายกระบี่รุ่นปรมาจารย์ของฮั้วซัว แต่ไม่ข้องแวะกับสำนักแล้ว
(ฮั้วซัวมีศิษย์ 2 สาย แตกแยกเมื่อก่อตั้งได้ไม่กี่100ปี ศิษย์สายลมปราณคือ ฝึกปราณก่อน
แล้วค่อยฝึกกระบี่ ศิษย์สายกระบี่ คือฝึกกระบวนท่ากระบี่ก่อน แล้วค่อยฝึกปราณทีหลัง)"


แตกแยกเมื่อก่อตั้ง ???? ข้อนี้ก็ขัดกันเองแล้วล่ะครับ ฮั้วซัวเกิดก่อนการแตกแยกด้วยซ้ำไป
ดังนั้นต๊กโกวคิ้วป้าย ย่อมไม่ใช่ศิษย์ฮั้วซัวสายกระบี่แน่นอน


4. วิชาลับของสำนักไม่มีทางที่ศิษย์ฮั้วซัวบางคนที่ไม่มีตำแหน่งในสำนักจะได้ฝึก ถ้าเป็นวิชาที่ไม่เปิดเผยในที่สาธารณะของสำนัก เช่น วิชาไม้ตีสุนัขของพรรคกระยาจก ซึ่งเป็นวิชาประจำตัวของประมุขพรรค ฟงชิงหยางซึ่งไม่มีตำแหน่งใดๆ ในสำนัก ทำไมถึงได้ฝึกวิชาเก้ากระบี่เดียวดาย ที่เป็นสุดยอดเพลงกระบี่ของสำนัก ? อย่าลืมตรงจุดนี้ไป (ท่านช่วยแสดงหลักฐานว่าฟงชิงหยางมีตำแหน่งในสำนักด้วยครับ)

ถ้าหากเป็นวิชาของฮั้วซัวคนของฮัวซัวย่อมต้องเคยทดลองใช้วิชานี้แล้ว และคงจะเห็นอาณุภาพของวิชานี้ ถึงต้องกำหนดให้เป็นวิชาลับของสำนัก แต่ถ้าฝึกไม่ได้ วิชาพวกนี้ ปรมาจารย์ของฮั้วซัวจะนำมาสอนลูกศืษย์อีกหรือไงครับ แล้วมันจะมีบันทึกของฮั้วซัวได้ยังไง ถ้าเป็นวิชาต้องห้ามเฉพาะตำแหน่ง ก็กลับไปดูที่เหตุผลด้านบนนะครับ

แล้วฟงชิงหยางได้มาจากไหน ?

5. ข้ออ้างด้านบนไม่มีน้ำหนักเลยครับ มาจากข้อสันนิษฐานของท่านเองทั้งสิ้น ไม่มีการอิงหลักฐานใดๆ ด้วย

6. พรรคมารจารึกทุกวิชาที่เคยเห็นนะครับ ขนาดคนที่เข้าไปดูยังตกใจว่ามีวิชาที่สาบสูญไปของสำนักตัวเองตั้งมากมาย ทำไมพรรคมารถึงจะไม่จารึกล่ะครับ

7. การฝึกจะสมบูรณ์ต่อเมื่อมีเคล็ด ผมถือว่า เอี้ยก้วยไม่เคยฝึก เพราะมันยังไม่สมบูรณ์ ข้อนี้ ผมโต้แย้งในข้อความนี้ วิชานี้คนเคยฝึกผ่านต๊กโกว มีแค่คนเดียว คือเอี้ยก้วย และเอี้ยก้วย ไม่รู้เคล็ดวิชาด้วย รู้เพียงสำนึกวิชา และใช้อย่างใจคิด หลังจากฝึกก็เอาดาบไปฝัง แล้วข้อมูลบางส่วนก็นำไปด้วยซ้ำ ดังนั้นการจะรับศิษย์ผ่านเอี้ยก้วย คงเป็นไปไม่ได้? ซึ่งคล้ายมีความนัยในข้อความของท่านว่า ผมจะบอกว่า เอี้ยก้วยส่งผ่านให้ฟงชิงหยาง....ซึ่งไม่ใช่ ผมเลยโต้แย้งออกไป เผื่อเข้าใจผิดเท่านั้น ไม่ใช่การเพิ่มประเด็นแต่ประการใด ข้อนี้ผมขอยุติ เพราะถือว่าท่านทราบแล้ว และผมจะไม่โต้แย้งเรื่องเอี้ยก้วยอีกแล้ว

8. ผมต้องการลากโยงไปที่ เก้ากระบี่เดียวดาย ที่ ฟงชิงหยาง ฝึกนั้น อาจจะมาจากคัมภีร์ก็ได้ ตามสรุปด้านล่าง ไม่ได้ไร้หลักแหล่งครับ อ่านข้างล่างด้วยใช่ไหมครับ?

สรุป คือ ... ผมมีหลักฐานที่มีน้ำหนักมากกว่า ในเรื่อง ไม่เคยปรากฎชื่อของฮั้วซัว ในจักรวาลนวนิยายของกิมย้งในสมัยยุคก่อนปลายราชวงศ์หยวนในดาบมังกรหยก

คำถามของผมจึงต้องการคำตอบเพียงว่า "ท่านมีหลักฐานใดว่า ฮั้วซัว เกิดก่อนบู๊ตึ้ง(ในสมัยราชวงศ์หยวน) ถ้าไม่มีข้อประจักษ์แจ้งในนวนิยายเรื่องใด(ของปู่กิม) หลักฐานเรื่องที่ไม่เคยปรากฎชื่อของฮั้วซัวมาก่อนของผม ก็ยังคงไม่สั่นคลอนไปแต่อย่างใด จนกว่าท่านจะปรากฎหลักฐานในจักรวาลนวนิยายของกิมย้งว่ามีชื่อของฮั้วซัวในแปดเทพอสูรมังกรฟ้า หรือ มังกรหยก 1-2" ....

คำตอบของท่านเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น
ผมไม่นับว่าเป็นเหตุผลใดๆ เพราะขาดหลักฐานที่เป็นเชิงประจักษ์อย่างมาก

ถ้าหากเป็นในชั้นศาล ศาลคงยกฟ้อง หรือตัดสินให้คู่ความที่มีหลักฐานมากกว่าชนะคดีไปแล้วล่ะครับ


แม้ว่าจะเป็นการคาดเดาของท่าน
แต่เรื่องที่ ฟงชิงหยาง โกหก เหล็งฮู้ชง นั้น มีหลักฐาน คือ
ช่วงก่อนการสอนวิชานั้น เหล็งฮู้ชงเข้าไปในถ้ำแล้ว และได้จำภาพวิชาในถ้ำมา
พออาจารย์และอาจารย์แม่ของมันมาลองวิชา เหล็งฮู้ชงก็เลยใช้วิชาในถ้ำออกไป

ดังนั้นมันเลยถูกงักปุ๊กคุ้งแฉ่งครับ เรื่องนี้ปรากฎในนิยายเช่นกัน ประมาณว่า
"วิชาที่เจ้าฝึกไม่ใช่ของฮั้วซัวแต่เป็นวิชาสู้นอกสารบบ"
และห้ามไม่ให้เหล็งฮู้ชงฝึกวิชาอื่นนอกจากของฮั้วซัว
(ไม่มีหนังสือนะครับ แต่ผมจำได้ เพราะอ่านบ่อยแล้ว)

แล้ว ฟงชิงหยาง ที่ ....อยากได้เหล็งฮู้ชงที่นิสัยดีเป็นผู้สืบทอด
มันจะไม่โกหกหรือไง ?

ท่านตอบกลับมาว่า
เหตุผลทั้งหมดส่วนนี้ เนื้อเรื่องก็ได้ตอบคำถามชัดเจนดีครับ จะมากจะน้อยอย่างไร ฟงชินหยางก็คือศิษย์สายกระบี่ของฮั้วซัว เหตุผลที่วิชานี้มาจากข้างนอกท่านอธิบายได้หรือครับ ว่ามีที่มาอย่างไร....

ฟงชิงหยางเป็นศิษย์สายกระบี่เรื่องนั้น ผมไม่เถียง
แต่ผมต้องการคำตอบว่า มันโกหกหรือเปล่า? ซึ่งตรงนี้ต้องดูว่า กระบี่เก้าเดียวดายเป็นของฮั้วซัวจริงหรือไม่ ตามคำกล่าวอ้าง

ผมมีหลักฐานว่า
ก่อนเนื้อเรื่องในจุดนี้เหล็งฮู้ชงโดนงักปุ๊กคุ้งสั่งห้ามไม่ให้ฝึกวิชานอกสำนัก
ซึ่งฟงชิงหยาง อาจโกหกหรือไม่ก็ได้ ---ซึ่งตรงส่วนนี้ ผมคิดว่าโกหก เพราะดูจากพื้นเรื่องที่อ้างอิงมาจากกระบี่ใจพิสุทธิ์แล้ว งั๊กตั๊กเพ้งก็หลอกใช้เต็กฮุ้นเช่นกัน
ผมถึงได้ยกเนื้อเรื่องของกระบี่ใจพิสุทธิ์มาประกอบ

เพราะพฤติการณ์ของสองคนนี้ มันใกล้เคียงกันเพียงแต่ว่า

งั๊งตั๊กเพ้งนั้นหลอกสอนวิชาที่แท้จริงไป
เพื่อทำให้ซือเฮียตี๋ทั้งสองของตนเกิดผิดใจกัน

ส่วนฟงชิงหยางนั้นหลอกสอนให้กับเหล็งฮู้ชง เพราะอยากได้ลูกศิษย์
(ซึ่งผมตัดประเด็นเรื่อง เป็นหรือไม่เป็นออกไปก่อน)
แล้วยังกำชับว่าเป็นวิชาของฮั้วซัวกันไม่ให้งักปุ๊กคุ้งถาม
มันถึงได้เน้นว่าเป็นของฮั้วซัว ทำไมมันถึงเน้นล่ะครับ ?
ถ้าไม่ใช่เพราะมันรู้ว่าไม่ใช่เพลงกระบี่ของฮั้วซัว!

ส่วนท่านเล่า ?
แล้วท่านอธิบายว่า เป็นวิชาของฮั้วซัวนั้น มีหลักฐานใด ?

อย่าลืมว่า ศิษย์ฮั้วซัวที่รับไว้นั้น มีมากมายไม่ใช่แค่คนสองคน ทำไมจึงมีฟงชิงหยางคนเดียวที่มีเพลงกระบี่เก้ากระบี่เดียวดาย ขนาดเส้าหลินยังบอกเลยว่า
"เพลงกระบี่ของผู้เฒ่าฟง มีคนรับถ่ายทอดแล้ว"
โดยไม่ได้บอกว่า เป็นเพลงกระบี่ฮั้วซัว เพราะอะไร ?
ข้อนี้มันขัดกับคำพูดของฟงชิงหยางอยู่นะครับ



ฤทธานุภาพ©
#31   ฤทธานุภาพ©    [ 11-09-2009 - 09:31:04 ]

เหมือนบนถนนมีเส้นทางอยู่ 2 เส้น เส้นแรกเป็นถนนคอนกรีตตัดตรง ไม่มีทางโค้ง
ส่วนอีกเส้นเป็นถนนขรุขระ ที่วิ่งตัดอ้อมผ่านภูเขา และทางทุรกันดาร

เปรียบถนนเส้นแรกเหมือนดั่ง ข้อคิดเห็นที่เป็นไปได้
เปรียบถนนเส้นที่2 เหมือนดั่งข้อคิดเห็นที่ค่อนข้างจะอ้อมค้อม

ทัศนะของผม
ใช้เส้นแรกมาเปรียบเทียบว่า เหตุผลกลใด? ทำไมเก้ากระบี่ถึงไปโผล่ในฮั้วซัว?? จะอ้างอิงว่าไปขุดค้นพบ มันก็เป็นการคาดเดา ที่น้ำหนักไม่ต่างจากผม จริงมั้ยครับ??

ส่วนเรื่องที่คร้านจะอธิบายว่า หาเหตุผลแห่งการก่อตั้งฮั้วซัวมาที่มาไปอย่างไร ผมคงตอบไม่ได้ เพราะ สำนักในจักรวาลกิมย้ง มีอยู่ด้วยกัน 2 สถาน คือสถานแห่งประวัติศาสตร์ และสถานแห่งการรังสรรค์โดยกิมย้งเอง สำนักกระบี่5ขุนเขา รวมถึงง้อไบ๊เป็นสำนักในกลุ่มรังสรรค์ แตกต่างจากเส้าหลิน ที่ผมก็อธิบายเสร็จสรรพไปแต่แรกแล้วว่า ไม่ได้มีชื่อเสียงตอนก่อตั้ง แต่มีหลังก่อตั้งถึง
70-100 ปีหลังการปรับปรุงพัฒนา สังคายนาพระธรรม และปฏิรูปวิทยายุทธแล้ว (ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์)

อย่างเช่นอารามดั้งเดิมของอู่ตัง (บู๊ตึ๊ง) ก็มิได้เริ่มมีตอนที่จางซางฟงมาตั้ง แต่จางซางฟงใช้รากฐานเดิมของอารามพรต ที่มีการฝึกฝนยุทธ มาเนิ่นนาน แต่ขาดซึ่งชื่อเสียง นำมาพัฒนาต่อไป และทำการสถาปนาสำนักบู๊ตึ๊ง

ดังนั้นถนนเส้นแรกของผมใช้เหตุผลเพียง 2 ข้อก็เพียงพอที่จะตีความ (แม้ไม่มากพอที่จะ Proof ในทางศาลหรือคดีความได้ แต่ก็ไม่ได้ถูกหักล้างทิ้งง่ายๆ เช่นเดียวกัน) 1.) บู๊ตึ๊งกล่าวไว้ว่าสำนักกระบี่5ขุนเขามีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมีเอกลักษณ์ทางวิชาของตน 2.) วิชาเช่นเก้ากระบี่เดียวดาย ไม่ใช่วิชาที่คนทั่วไปฝึกฝนได้ คนที่ฝึกต้องมีภูมิปฏิภาณเป็นเลิศ การสืบทอดยังเป็นเงื่อนไขที่ละทิ้งไม่ได้...

ส่วนถนนเส้นที่สองของผม ก็คงเป็นการมานั่งคาดเดา ว่าใครมาเจอเคล็ดวิชานั้นๆ... คนๆนั้นต้องเข้าใจในความสำคัญของเก้ากระบี่เสียด้วย.... และที่สำคัญต้องฝึกจนแตกฉานอีกต่างหาก... มันก็คือเรื่องความบังเอิญ ซ้อนความบังเอิญหลายๆตลบ ถ้าเป็นผม ผมขอเชื่อใน"ความน้ำหนักน้อยๆ" แต่เป็นถนนสายตรงดีกว่า

เพิ่มเติมในส่วนของวิชามันเป็นเรื่องลึกซึ้งนะครับ ก่อนที่กิมย้งจะเขียนนวนิยาย ต้องทำการปูพื้นโครงเรื่องไว้อย่างดีแล้ว ผมเคยอธิบายในบอร์ดนี้เมื่อ 2-3 ปีก่อนแล้วว่า วิชาในสำนักหนึ่งมีมากมาย อาทิ วิชาพื้นฐานสำนัก วิชาขั้น 1..2..3 วิชาลับสำนัก วิชาเฉพาะสำนัก วิชาสุดยอดสำนัก วิชาสาปสูญสำนัก

วิชาพื้นฐานสำนักเช่น วิชาพวกหมัดป่นศิลา ดรรชนีเด็ดบุปผา เคล็ดการโคจรพลังทั่วไป เคล็ดตัวเบา

วิชาขั้น 1..2..3 เป็นวิชาสำนักทั่วไป ที่ต้องต่อยอดจากวิชาเก่าๆ เช่นจะฝึกวิชากรงเล็บอินทรีได้ ต้องแตกฉานวิชาพวกวิชาคว้าจับ18ท่าก่อน

วิชาลับสำนัก คือวิชาที่ถ่ายทอด "เฉพาะบุคคล" ในสำนัก หรือ "ทราบเป็นบุคคล" ในสำนักอาจจะเป็นผู้อาวุโสดั้งเดิม อาวุโสคุมฏก อย่างในกรณีฟงชิงหยางไม่แปลก เพราะ นับตามศักดิ์ ยังสูงกว่าเจ้าสำนักรุ่นปัจจุบันอยู่หลายขั้นครับ

วิชาเฉพาะสำนัก คือวิชาในสำนักที่"แสดงเอกลักษณ์เมื่อยามที่ใช้ออกมาว่าเป็นคำสำนักใด" เช่น ถ้าใช้เพลงกระบี่ดาวเหนือ คุณย่อมทราบว่าเป็นช้วงจิงก่า

วิชาสุดยอดสำนัก คือวิชาที่เป็นที่ทราบกันในสำนักดีแล้ว และฝึกฝนกันเป็นเรื่องยากมาก เช่นเพลงหมัดไท้เก๊ก ไต่บรรไดเมฆ

วิชาพวกวิชาสาปสูญสำนัก เช่นวิชาล้างไขกระดูกของเส้าหลิน เทพกระบี่หกชีพจรของพรรคสราญรมย์ ที่สาบสูญจากยุทธภพแล้ว

ดังนั้นวิชาเก้ากระบี่ในเชิงของฮั้วซัว น่าจะเป็นประเภท วิชาลับสำนักที่ยังเหนือกว่าวิชาสุดยอดสำนัก ถ้าไม่ปรากฏในยุคหมิง คงกลายเป็นวิชาสาปสูญยุทธภพมากกว่าแล้วครับ

ปล. ทั้งมวลที่พิมพ์เป็นคำอธิบายครับ ไม่จำเป็นต้องการคำตอบ ไม่ใช่การProofแก้ต่าง แต่เป็นการแสดงว่าผมคิดในเชิงใด ขอให้เข้าใจในจุดนี้ครับ และกระทู้นี้เชื่อว่า การอ้างอิงเหตุผลต่อไปคงเป็นเรื่องยาก ด้วยความนับถือ




เอี้ยวเหยาซือ
#32   เอี้ยวเหยาซือ    [ 11-09-2009 - 12:58:48 ]

พวกเจ้าเถียงกัน เฒ่าอึ้งได้ตวามรู้



กระบี่เก้าเดียวดาย
#33   กระบี่เก้าเดียวดาย    [ 11-09-2009 - 14:27:00 ]

1.) บู๊ตึ๊งกล่าวไว้ว่าสำนักกระบี่5ขุนเขามีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมีเอกลักษณ์ทางวิชาของตน

แต่บู๊ตึ้งก็ไม่เคยบอกว่า มีอายุมากกว่าสำนักตัวเอง ถูกต้องหรือไม่?

แล้วอีกอย่าง การพูดแบบนี้แสดงว่า สำนักทั้ง 5 นั้น มีประวัติการก่อตั้งใกล้เคียงกับบู๊ตึ้ง เพราะบู๊ตึ้งก็ถือว่าตัวเองมีประวัติยาวนานเหมือนกัน และเป็นคำพูดให้เกียรติอีกฝ่ายเท่านั้น

2.) วิชาเช่นเก้ากระบี่เดียวดาย ไม่ใช่วิชาที่คนทั่วไปฝึกฝนได้ คนที่ฝึกต้องมีภูมิปฏิภาณเป็นเลิศ การสืบทอดยังเป็นเงื่อนไขที่ละทิ้งไม่ได้...

ไม่เกี่ยวกับประเด็น .....!! ประเด็น คือ เก้ากระบี่เดียวดาย เป็นเพลงกระบี่ฮั้วซัวจริงหรือไม่
ไม่เกี่ยวกับลักษณะของผู้ฝึกสักนิด !!

วิชาลับสำนัก คือวิชาที่ถ่ายทอด "เฉพาะบุคคล" ในสำนัก หรือ "ทราบเป็นบุคคล" ในสำนักอาจจะเป็นผู้อาวุโสดั้งเดิม อาวุโสคุมฏก อย่างในกรณีฟงชิงหยางไม่แปลก เพราะ นับตามศักดิ์ ยังสูงกว่าเจ้าสำนักรุ่นปัจจุบันอยู่หลายขั้นครับ

นั่นคือศักดิ์ ไม่ใช่ตำแหน่งนะครับ อย่าลืม แยกให้ถูกด้วย ผู้ที่ฝึกได้ไม่จำเป็นต้องมีศักดิ์สูงกว่า ก็ฝึกได้ ดังนั้นวิชาที่เป็นวิชาลับสำนักจะมอบให้แก่ผู้มีตำแหน่งครับ ไม่ใช่ผู้ที่มีศักดิ์สูงกว่า

เพิ่มเติม ยิ่งวางโครงเรื่องไว้ยิ่งผิดครับ การเขียนไปเลยแล้วแก้ไขทีหลัง ทำได้ง่ายกว่านั้นเยอะ นักเขียนเค้าไม่มานั่งบอกว่า เอ่อ..นี่นะ คือวิชาอันนั้นอันนี้ เค้าคิดไว้แล้วเขียนเลย ต่อมาเรื่องยาวขึ้น เค้าก็จะมานั่งเรียงใหม่อีกรอบ ว่าวิชานั้นเป็นยังไงวิชานี้สังกัดแบบไหน อันนี้คือเรื่องในภายหลังครับ

และ

(แม้ไม่มากพอที่จะ Proof ในทางศาลหรือคดีความได้ แต่ก็ไม่ได้ถูกหักล้างทิ้งง่ายๆ เช่นเดียวกัน)

ขอโทษนะครับ อันนี้ล่ะครับ โดนหลักล้างง่ายๆ มาในศาลหลายต่อหลายคดีแล้ว ถ้าไม่มีมูลศาลก็ยกฟ้อง แถมคู่ความอีกฝ่ายก็ฟ้องคดีกลับในข้อหาฟ้องเท็จอีกต่างหาก และแม้แต่ในทางวิทยาศาตร์ ลักษณะแบบนี้ก็ไม่มีใครยอมรับครับ

อย่าง ทฤษฎีพระเจ้าจากอวกาศ มีใครยอมรับบ้างครับ ?

ท่านเป็นผู้กล่าวอ้างเอง ในทางระบบการยุติธรรมของไทย ผู้กล่าวอ้างต้องนำสืบพยานเพื่อให้ประจักษ์แก่ชั้นศาล

ถ้าในตอนนี้ ผมก็นำสืบแล้วว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่
ฟงชิงหยางจะโกหกเหล็งฮู้ชง ไม่ใช่ไม่มีโอกาสที่จะไม่โกหกเลย




สรุปหลักฐานที่ปรากฎจนถึงตอนนี้

ฝ่ายผม เสนอว่า ไม่ใช่เพลงกระบี่ฮั้วซัว

1. ไม่ปรากฎชื่อสำนักฮั้วซัวในยุคก่อนหน้าดาบมังกรหยก
2. ฟงชิงหยางอาจโกหกเหล็งฮู้ชง เพราะก่อนหน้านั้นงักปุ๊กคุ้งสั่งห้ามเหล็งฮู้ชงไม่ให้ฝึกวิชานอกสำนัก และฟงชิงหยางก็ใช้วิธีกล่าวย้ำ
3. เจ้าอาวาสเส้าหลินพูดว่า "เพลงกระบี่ของผู้อาวุโสฟง มีผู้สืบทอดแล้ว" ไม่ได้บอกว่า "ผู้อาวุโสฟงมีผู้สืบทอดหรือศิษย์แล้ว" เป็นการพูดส่งความนัยว่า เพลงกระบี่ของฟงชิงหยางแตกต่างจากเพลงกระบี่ของฮั้วซัว

ฝ่ายท่าน เสนอว่า เป็นเพลงกระบี่ฮั้วซัว

1. คำพูดของฟงชิงหยางบอกกับ "เป็นเพลงกระบี่ของฮั้วซัว" (ผมโต้แย้งไปแล้วในข้อ 2)
2. บู๊ตึ้งบอกว่า สำนักห้าขุนเขากระบี่มีประวัติยาวนาน (ผมโต้แย้งไปแล้วด้านบน)



ฤทธานุภาพ©
#34   ฤทธานุภาพ©    [ 11-09-2009 - 21:57:03 ]

ผมไม่ทราบว่าสิ่งที่คุณโต้แย้งจะได้อะไรขึ้นมาครับ? ผมถอย2ก้าว คุณก็รุก2ก้าว
เพราะ ประเด็นใน คห.30 ผมชัดเจนดีนะครับว่าไร้เจตนาที่จะสานต่อแล้ว เลยเลี่ยงมาใช้การอธิบายความ ซึ่งไม่มีการหักล้างของเหตุผลเกิดขึ้น แต่เหตุการณ์ยังคงไม่สิ้นสุด โปรดกรุณาเคารพการตัดสินใจของผู้อื่นเช่นกันครับ

เพราะ การแก้ต่างใน ข้อ1.) เราท่านไม่มีสิทธิรู้ว่าจะมากจะน้อยกว่าบู๊ตึ๊ง และผมไม่เคยคิดจะให้ใครเชื่อในสมมติฐานของผมใช่มั้ยครับ? ผมไปบังคับให้ท่านเชื่อหรือ?? อาจจะมีก่อนมีหลัง กิมย้งก็ไม่เคยอธิบาย ดังนั้นในส่วนนี้พูดไปพูดมาไม่จบหรอกครับ 2.) ผมไม่เคยบอกมาแต่คำเดียวเลยว่าเก้ากระบี่เดียวดาย เป็นวิชาของฮั้วซัว ผมเพียงเคยบอกไปว่า ต๊กโกวอาจมีความสัมพันธ์กับฮั้วซัว เลยมีการทิ้งคัมภีร์ไว้ให้ กิมย้งก็กล่าวชัดว่าเก้ากระบี่เดียวดายเป็นการรวบรวมประสบการณ์การท่องยุทธจักรและข้อคิดเห็นในวิชาของต๊กโกวล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวกับว่าเป็นวิชาฮั้วซัวหรือไม่ แต่ที่เน้นย้ำคือ ในภายหลังได้ทำการฝึกโดยคนฮั้วซัว ซึ่งเป็นสิ่งปฏิเสธไม่ได้

ส่วนประโยค"แม้ไม่มากพอที่จะ Proof ในทางศาลหรือคดีความได้ แต่ก็ไม่ได้ถูกหักล้างทิ้งง่ายๆ เช่นเดียวกัน"

ผมว่าผมพูดชัดเจนพอนะครับ ว่าแม้คำพูดของผมเนี่ย จะใช้แก้ต่างทางศาลทางคดีความไม่ได้ เพราะ "มันเป็นข้อสมมติฐาน" แต่ก็"ไม่สามารถหักล้าง" ด้วยข้อเท็จจริงทิ้งได้ เพราะ มันคือ"ช่องว่าง"ของนิยาย

แต่ท่าน..ไปลากโยงกับกระบวนการกฏหมาย ทั้งๆที่ผมกล่าวว่ามันใช้กับทางศาลทางคดีความไม่ได้ Non-Sense ครับ

ดังนั้นถ้ามีการพิมพ์เพิ่มเติม ผมจะไม่ขอตอบคำถามอีกต่อไปนะครับ เพื่อความสะดวกใจทั้ง 2 ฝ่าย และไม่ให้เกิดการบาดหมางทางเหตุผลเกิดขึ้น ด้วยความนับถือเสมอ







กระบี่เก้าเดียวดาย
#35   กระบี่เก้าเดียวดาย    [ 13-09-2009 - 00:19:48 ]

จริงๆ ผมแค่โต้แย้งตรงนี้

"จอมยุทธที่ท่านว่าคงหมายถึง ต๊กโกวคิ้วป้าย(มารกระบี่แสวงพ่าย)
ถ้าดูดีๆจะพบว่าเป็นศิษย์สายกระบี่รุ่นปรมาจารย์ของฮั้วซัว แต่ไม่ข้องแวะกับสำนักแล้ว
(ฮั้วซัวมีศิษย์ 2 สาย แตกแยกเมื่อก่อตั้งได้ไม่กี่100ปี ศิษย์สายลมปราณคือ ฝึกปราณก่อน
แล้วค่อยฝึกกระบี่ ศิษย์สายกระบี่ คือฝึกกระบวนท่ากระบี่ก่อน แล้วค่อยฝึกปราณทีหลัง)"


แค่นั้น แต่มันลามไปประเด็นอื่นๆ ได้ยังไง ผมไม่ทราบ

ส่วนเก้ากระบี่เดียวดาย ช่างมัน จะสันนิษฐานยังไงตามใจครับ

ส่วน คห.30 จะเป็นการถอยได้เช่นไร ในเมื่อ

มันก็เป็นการคาดเดา ที่น้ำหนักไม่ต่างจากผม จริงมั้ยครับ??

ผมก็แค่บอกเหตุผล ว่าทำไมน้ำหนักมันต่างกัน เท่านั้นเอง



yangkueifei
#36   yangkueifei    [ 18-09-2009 - 11:30:19 ]

1.ต๊กโกวคิ้วป้าย อันนี้ต้องดูเรื่อง กระบี่อสูร
2. เอี้ยก้วย อันนี้มังกรหยก 2



9กระบี่ต๊กโก
#37   9กระบี่ต๊กโก    [ 25-09-2009 - 01:02:43 ]



สนุกจังเลยครับได้ความรู้มากมาย
แต่ก็งงนะครับ ทั้งสองท่านมีความเห็นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ทำไมต่างฝ่าย ถึงได้มีข้อมูลมาชี้แจงได้ตลอด

แต่สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เคยเข้าใจ จริงๆด้วย
ขอบคุณมากครับ




เด็กชายไร้นาม
#38   เด็กชายไร้นาม    [ 27-09-2009 - 21:30:03 ]

...



9กระบี่ต๊กโก
#39   9กระบี่ต๊กโก    [ 27-09-2009 - 22:05:30 ]




  • 1
  • 2
ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube