พระโพธิ์ธรรม ปรมาจารย์ตั๊กม้อ
|
หลี่ชิวสุ่ย |
#23 หลี่ชิวสุ่ย [ 27-12-2008 - 02:08:43 ] |
|
อืม ![]() |
song hasoon |
#24 song hasoon [ 09-07-2016 - 21:05:35 ] |
|
คนแสดงออกเสมอซึ่งความไร้ตัวตน จึงคือพุทธะพระเจ้าอยู่เองอยู่แล้ว .โครงสร้างอะตอมของนีลล์บอร์ อะตอมซึ่งมีนิวเคลียสตรงกลางและมีอิเล็กตรอนเคลื่อนที่รอบๆเสมอ อะตอม ณ จุดอิเล็กตรอนอยู่ล่าสุด ก็มีคุณลักษณะไม่เหมือนกับ ณ จุดอิเล็กตรอนอยู่ก่อนหน้านี้ หรือทุกการวิ่งวนคุณลักษณะอะตอมและทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงตลอด สื่อถึงการไม่มีตัวตนหรือมีก็ชั่วครู่สั้นมากๆ แสดงออกซึ่งไตรลักษณ์ อิทัปปัจจยตา จิตเดิมแท้(เว่ยหล่าง) ทุกสิ่งปรากฏได้เนื่องจากความไม่มีตัวตนเปลี่ยนหรือว่าง .ร่างคน มีระบบอวัยวะ อวัยวะ เนื้อเยื่อ เซล โมเลกุล เส้นประสาทรับรู้/สั่งการ เล็กสุดคืออะตอมทั้งหลาย ด้วยคุณลักษณะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ปรากฏการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย การย่อยสลาย ร่างกายตายอยู่ทุกขณะที่ผ่านมา หากว่ามีตัวตนในสรรพสิ่ง กริยานี้.พัฒนา เสริม สร้าง ก่อ สลาย รักษา ไป มา ล้าง. ย่อมสร้างตัวตนใหม่ไปเรื่อยที่ไม่ใช่ตัวตนเดิม.....และนั่นคือความไม่มีตัวตนหรือเปลี่ยนหรือว่าง .จิตใจมีร่างกายเป็นตัวรับรู้ตัวคิดจำคำนวณและตัวแสดง ความรู้สึกนึกคิด เปลี่ยนแปลงเสมอ มีทั้ง โกรธ ขัดเคือง ชัง ชอบ เศร้า รัก ฯ เปลี่ยนทุกครั้งที่ทวารต่างๆสัมผัสสรรพสิ่งรวมทั้งความจำ ความทรงจำ คือสิ่งที่หลงเหลือแห่งอดีต เป็นลูกหลานของสิ่งที่ไม่มีตัวตน ซึ่งก็ไม่มีตัวตนเช่นกัน ถึงแม้ว่าการปรากฏจะเคยเกิดขึ้น แต่ ณ ที่นี่เดี๋ยวนี้หามีไม่ เป็นสิ่งหลอกล่อ เป็นมายา เป็นครูชั้นดี สลายได้รู้ทันได้ด้วยเห็นตามความเป็นจริง การปรุงแต่งการรับรู้ กายและใจ ผ่านสิ่งใดก็หมายว่าปัจจุบัน แม้ว่าแท้จริงแล้วทุกสิ่งคืออดีตแห่งอดีต .สรรพสิ่ง ร่างกาย จิตใจ เปลี่ยนแปลงเป็นนิจ เปลี่ยนอยู่เสมอ เปลี่ยนตลอดเวลา ...เปลี่ยนเปลี่ยนเปลี่ยนเปลี่ยนเปลี่ยนเปลี่ยนเปลี่ยน...มีแต่การเปลี่ยนเท่านั้น เป็นอยู่อย่างนั้น เป็นของบริสุทธิดั้งเดิมไม่อยู่ภายใต้อำนาจของอะไร เป็นของบริสุทธิ์อย่างบริสุทธิ์แท้จริง เป็นอิสระไม่อยู่ภายใต้อำนาจความต้องเป็นอยู่หรือภายใต้ความดับสูญอย่างอิสระแท้จริง เป็นสิ่งที่มีความสมบูรณ์อยู่ในตัวมันเองอย่างสมบูรณ์แท้จริง เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการเปลี่ยนแปลงอย่างนอกเหนือแท้จริง อันคือ สภาวะถาวร อมตะ อนันต์ นิรันดร ว่าง เหมือนมีแต่ไม่มีตัว พระพุทธเจ้า พระเจ้า |
song hasoon |
#25 song hasoon [ 09-07-2016 - 21:09:53 ] |
|
. |
โดม พันไม้เลื้อย |
#26 โดม พันไม้เลื้อย [ 10-07-2016 - 12:35:31 ] |
|
ท่านคือแสงสว่างจริงๆ จอมยุทธเจ้าอินทรีย์ |
ก๊อปเขามา | |
![]() |
Cr ; สามัญชน จนและโง่ สัจจะธรรมกว้าง ภาษาแคบ ความรู้จึงมีข้อจำกัดในการอธิบายบางเรื่อง ปุถุชนและปัญญาชนล้วนอ้างอิงความรู้เหมือนเด็กแก่แดด แต่ไม่รู้แจ้งในทุกข์ ความทุกข์คือคัมภีร์ไร้อักษร ความรู้ปิดกั้นการเรียนรู้ ความคิดปิดกั้นการรับฟัง ความรู้ทำให้ใจไม่เป็นสุข หลงอยู่กับโลกความคิด หาศานติสุขภายในใจตนไม่ได้ ความรู้ทำให้คนชอบเปรียบเทียบ ใครเก่งกว่า สวยกว่า รวยกว่า ดีกว่า ความรู้ทำให้ไม่รู้จักพอ คิดว่ายังมีสิ่งที่ดียิ่งกว่าที่ตนมี ได้แล้วยังอยากได้ไม่สิ้นสุด ความรู้สร้างความขัดแย้งโต้เถียงเอาชนะกัน หาเหตุผลเข้าข้างความคิดตน ในยุทธภพจึงมีผู้งมงายในคัมภีร์และสุดยอดอาวุธ แต่ไม่เรียนรู้ใจตัวเอง Cr ; สอบตกเพราะอกหัก เพราะความรู้ทำให้มนุษย์ตกต่ำแบ่งแยกขัดแย้งกัน ฝ่ายการเมืองทั่วโลกบางยุคสมัยจึงเปลี่ยนคัมภีร์แต่ละศาสนาให้เป็นความรู้ 1.พุทธเถรวาท มาจากคัมภีร์บาลี สำหรับปุถุชนที่สามารถบรรลุธรรมในชาตินี้ เรียนรู้ผ่านความคิดและปฏิบัติจากผู้บรรลุธรรมหรือคัมภีร์ เพื่อการเห็นแจ้งในไตรลักษณ์จนดับสิ้นการเวียนว่ายตายเกิดในใจตน กิจสำเร็จในชาตินี้ไม่มีสิ่งใดให้บรรลุอีก ไม่มีจิตที่เป็นอมตะเมื่อถึงนิพพานแล้ว 2.พุทธมหายาน มาจากคัมภีร์สันสกฤต สำหรับธรรมาจารย์ผู้ได้รับการถ่ายทอดจากจิตสู่จิตเป็นโพธิสัตว์ ยังไม่ยอมนิพพานด้วยมีปณิธานฉุดช่วยปุถุชนที่ไม่อาจบรรลุธรรมในชาตินี้ให้รับธรรมะ ชี้นำจิตที่เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏได้พบพุทธะ จิตเป็นอมตะตายแล้วไปเกิดใหม่ตามผลกรรมที่ทำไว้ 3.พุทธวัชรยาน มาจากคัมภีร์ธิเบต สำหรับผู้ที่ก้าวพ้นความเป็นปุถุชนแล้วเห็นว่า ร่างกาย ความคิด จิตและการรู้ตัว คือกายทั้ง 4 ที่ประกอบกัน ยากในการเผยแผ่จึงเอาสวรรค์ล่อบ้าง เรื่องเพศบ้าง เรื่องมนตร์คาถาบ้าง ให้เกิดความเชื่อก่อน มีการสอนด้วยถ้อยคำสัญลักษณ์ที่เหนือเหตุผลและนอกคอก Cr ; Osho ภาษาบาลีเป็นภาษาที่พระพุทธเจ้าทรงใช้เทศนา พระองค์คุ้นเคยกับภาษาสันสกฤตอย่างดีเยี่ยม ในฐานะเจ้าชาย ทรงได้รับการศึกษาทางวรรณคดีขั้นสูงสุดของยุคนั้น ทว่าเมื่อทรงเริ่มเทศนา พระองค์ไม่เคยใช้ภาษาสันสกฤตเลย เพราะสันสกฤตเป็นภาษาของปัญญาชน ของพราหมณ์ แต่ไม่ใช่ของปวงชน มันไม่ใช่ภาษาที่มีชีวิต แต่ภาษาบาลีเป็นภาษาของมหาชน ด้วยการใช้แบบคนสามัญ ไม่คำนึงถึงไวยากรณ์ มีการเปลี่ยนเสียง เปลี่ยนสำเนียง ถ้อยคำเป็นแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ในด้านหนึ่งถือเป็นภาษาของคนที่ไม่รู้ประสีประสาและไร้เดียงสา.. วิปัสสนาเป็นคำบาลี มีความหมายตามตัวอักษรดั้งเดิมว่า “มอง” โดยมีความหมายเปรียบเปรยว่า “เฝ้าดู สังเกต” พระพุทธเจ้าเลือกวิธีภาวนาที่อาจเรียกได้ว่าเป็นการภาวนาขั้นพื้นฐาน สมาธิภาวนาทั้งหมดก็คือการเฝ้าสังเกตในรูปแบบต่างๆ การสังเกตการปรากฏในสมาธิภาวนาทุกรูปแบบ ถือเป็นพื้นฐานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พระพุทธเจ้าขจัดสิ่งปลีกย่อยอื่นๆ ออก แล้วรักษาไว้เฉพาะพื้นฐานสำคัญ นั่นก็คือการสังเกต.. Cr ; หลวงพ่อปราโมชสอนเรื่องการดูจิต คำว่า “จิตตานุปัสนนา” เนี่ย โดยคำศัพท์มันนะ คือคำว่า “จิต” คำว่า “อนุ” คำว่า “ปัสสนา” ปัสสนาคือการเห็น อนุแปลว่าตาม ตามเห็นเนืองๆซึ่งจิต เพราะฉะนั้นจิตโกรธขึ้นมา รู้ว่าจิตโกรธ ไม่ใช่ให้ไปรอดูนะว่าต่อไปนี้จิตชนิดไหนจะเกิดขึ้น ถ้าไปอ่านสติปัฏฐานให้ดีท่านจะสอนไว้ชัดๆเลยนะ ท่านบอกว่า ภิกษุทั้งหลาย เมื่อจิตมีราคะ ให้รู้ว่ามีราคะ.. กฎข้อที่ ๑ อย่าไปอยากดู จิตมีราคะ ให้รู้ว่ามีราคะ จิตมีโทสะ ให้รู้ว่ามีโทสะ จิตหลงไปใจลอยไป รู้ว่าใจลอยไป ไม่ห้ามนะ แต่ใจลอยไปรู้ว่าใจลอยไป ให้สภาวะเกิดก่อนแล้วตามรู้ กฎข้อที่ ๒ ระวังอย่าให้ถลำลงไปจ้อง ถ้าเห็นความโกรธผุดขึ้นมานะ ให้ดูสบายๆนะ ดูแล้วเหมือนจะเห็นว่าคนอื่นโกรธไม่ใช่เราโกรธนะ ดูห่างๆ เหมืนดูละตรทีวีไม่ต้องอินกับมัน กฎข้อที่ ๓ อย่าเข้าไปแทรกแซง เช่นความโกรธเกิดขึ้น รู้ว่าจิตมันโกรธ อย่าไปห้ามมัน ไม่ต้องห้ามมัน ความโกรธก็จะแสดงไตรลักษณ์ให้ดู เกิดได้ก็ดับได้เหมือนกัน ความโลภเกิดขึ้นก็อย่าไปว่ามันนะ ก็จะเห็นว่าความโลภเกิดขึ้นแล้วก็ดับเองได้ ความสุขความทุกข์มันก็ดับของมันเอง สิ่งทั้งหลายมีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้ เราจะเห็นอย่างนี้เนืองๆ วันหนึ่งก็ถึงมรรคผลนิพพานได้เอง |
ก๊อปเขามา | |
![]() |
ความรู้ปิดกั้นการเรียนรู้ ความคิดปิดกั้นการรับฟัง |
ก๊อปเขามา | |
![]() |
เพราะความรู้ทำให้มนุษย์ตกต่ำแบ่งแยกขัดแย้งกัน ฝ่ายการเมืองทั่วโลกบางยุคสมัยจึงเปลี่ยนคัมภีร์แต่ละศาสนาให้เป็นความรู้ |
zhangsanfeng |
#30 zhangsanfeng [ 03-02-2019 - 21:32:10 ] |
|
ถึงหลายๆท่าน ผู้ก่อตั้งเส้าหลินไม่ใช่ท่านตั๊กม๊อ แต่เป็น พระภัทรเถระนะครับ |
|