เข้าระบบอัตโนมัติ

จักรวาลของ กิมย้ง


อึ้งย้ง
#21   อึ้งย้ง    [ 07-05-2008 - 20:31:04 ]

ขอข้อมูลเกี่ยวกับเพลงไม้เท้าตีสุนัขหน่อยค่ะ ไต้ซือ



อิตเต็งไต้ซือ
#22   อิตเต็งไต้ซือ    [ 07-05-2008 - 20:33:31 ]

ไม้เท้าตีสุนัข

ไม้เท้าตีสุนัข หรือ ไม้ตีสุนัข ปรากฏในนิยายกำลังภายในของกิมย้ง เรื่องมังกรหยก เป็นไม้ไผ่สีเขียวหยก เป็นไม้ประจำตัวประมุข เห็นไม้เหมือนเห็นประมุข จึงเป็นตัวแทนของประมุขพรรคยาจก ไม้ตีสุนัขทำจากไม้ไผ่เก้าปล้องสีเขียวที่หายาก มีลักษณะพิเศษ คือ แข็งเหมือนหยก แต่แกร่งดั่งเหล็กกล้า ผู้ได้รับตำแหน่งประมุขทุกรุ่นจะได้รับมอบไม้ตีสุนัข และเคล็ดวิชาเพลงไม้ตีสุนัข (แบ่งออกเป็นเพลงท่า 36 ท่า เคล็ดลับ 12 เคล็ดลับ) ซึ่งจะถ่ายทอดให้กับประมุขเพียงคนเดียว(เอี๊ยก้วยได้รับการถ่ายทอดเพลงท่าจากอั๊งชิดกง และเคล็ดลับจากอึ้งย้งเป็นคนเดียวที่ไม่ได้เป็นประมุขพรรคฯและเป็นคนสุดท้ายที่ฝึกวิชานี้สำเร็จ)เท่านั้น

วิชาไม้ตีสุนัข 36 ท่า เเบ่งออกเป็น 8 ส่วน

1 สกัด
2 ทำลาย
3 พัวพัน
4 กระเเทก
5 หยอก
6 หลอกล่อ
7 ปิดกั้น
8 หมุน



อึ้งย้ง
#23   อึ้งย้ง    [ 07-05-2008 - 20:46:48 ]

ขอบคุณจ้า



มือกระบี่ไร้นาม
#24   มือกระบี่ไร้นาม    [ 07-05-2008 - 20:47:20 ]

ท่านไต้ซือทำเพื่อบอร์ดจริงๆ แต่จะหาคนที่อ่านจนหมดแล้ว คิดว่าน้อยนะ



vมังกรหลับv
#25   vมังกรหลับv    [ 07-05-2008 - 20:48:50 ]

สุดยอดเลยคับ ขอบคุณที่นำมาให้อ่าน



อิตเต็งไต้ซือ
#26   อิตเต็งไต้ซือ    [ 07-05-2008 - 20:49:09 ]

ค่อยๆอ่านไป เดี๋ยวก็หมดเองครับ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวอาตมาจะ นำมาไห้อ่านทุกๆวันครับ



มือกระบี่ไร้นาม
#27   มือกระบี่ไร้นาม    [ 07-05-2008 - 20:49:55 ]

ท่านไต้ซือเอามาจากวิกิพีเดียหรือเปล่าครับ



อิตเต็งไต้ซือ
#28   อิตเต็งไต้ซือ    [ 07-05-2008 - 20:51:10 ]

ใช่ ครับ ท่านเคยเข้าไป บ่างรึไม่ครับ ในนั้นความรู้ทั้งนั้นเลย ครับ อาตมาชอบเข้าไป อยู่บ่อยๆ



มือกระบี่ไร้นาม
#29   มือกระบี่ไร้นาม    [ 07-05-2008 - 20:52:20 ]

เข้าไปเป็นประจำครับ



อิตเต็งไต้ซือ
#30   อิตเต็งไต้ซือ    [ 07-05-2008 - 20:53:46 ]

เจอผู้ที่เข้าประจำเเล้ว ยินดีๆ คาราวะ1จอก อาตมาขอดืมน้ำชาคาราวะท่าน



มือกระบี่ไร้นาม
#31   มือกระบี่ไร้นาม    [ 07-05-2008 - 20:54:55 ]

คารวะครับ



อึ้งย้ง
#32   อึ้งย้ง    [ 07-05-2008 - 20:55:10 ]

ถึงว่าคุ้นๆนะ
เอามาจากวิกิพีเดียหลอ เราเองเคยไปเขียนอยู่ครั้งนึงอะ แต่ก็เข้าไปดูบ่อยเหมือนกันนะ



อิตเต็งไต้ซือ
#33   อิตเต็งไต้ซือ    [ 07-05-2008 - 20:56:15 ]

น.นพรัตน์

น.นพรัตน์ เป็นนามปากกาของนักแปลนิยายจีนชื่อดังสองคน (เป็นพี่น้องกัน) คือ อานนท์ (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นธนทัศน์) ภิรมย์อนุกูล และอำนวย ภิรมย์อนุกูล (ปัจจุบันอานนท์เสียชีวิตแล้ว)

งานแปลชิ้นแรกใช้นามปากกาว่า อ.อภิรมย์ แต่เมื่อแปลสองเรื่องคู่กัน จึงต้องมีนามปากกาที่สอง คือ น.นพรัตน์ ( มีที่มาจากชื่อร้านเพชร) นามปากกาอื่นๆ คือ ไผ่ใบเขียว กับงานแปลชุดโคตรโกง

ผลงานของ น.นพรัตน์ ที่มีชื่อเสียง มีมากมายหลากหลาย จนมาถึงเรื่องล่าสุดคือ จอมคนแผ่นดินเดือด ซึ่งเป็นนิยายที่มีความพิเศษ ก็คือเป็นนิยายแปลลำดับที่ 300 ของ น.นพรัตน์

นอกจากนี้ น.นพรัตน์ยังถือเป็นผู้บุกเบิกการนำนิยายละครมาลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์รายวัน เป็นประจำอย่างต่อเนื่องด้วย โดยเริ่มจากการทำงานกับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ซึ่งในช่วงนั้นหนังสือพิมพ์ถูกจำกัดเสรีภาพในการเสนอข่าว ทำให้หนังสือพิมพ์ต้องหาทางออกโดยมอบหมายให้ น.นพรัตน์ เขียนเรื่องนิยายจีน โดยนำเค้าโครงมาจาก นิยายกำลังภายในทางโทรทัศน์ มาลงเป็นตอนๆ และ ต่อเนื่องมาจนปัจจุบันที่กลายเป็นสูตรสำเร็จของหนังสือพิมพ์รายวันของไทย แทบจะทุกฉบับ ที่ต้องมีการลงตีพิมพ์นิยายจากละครโทรทัศน์

จุดเด่นที่เป็นที่จดจำอย่างหนึ่งของน.นพรัตน์ สำหรับแฟนๆ นิยายกำลังภายในจีน นั้นก็ืคือ ลายเซ็นที่ดูไม่ต่างกับการเขียนลายมือตามปกติ ซึ่ง น.นพรัตน์ มักจะมาแจกลายเซ็น ในงาน สัปดาห์หนังสือแห่งชาติและ งานๆอื่นๆ เป็นประจำทุกปี

ว.ณ เมืองลุง

ว.ณ เมืองลุง เป็นนามปากกาของ ชิน บำรุงพงศ์ (11 กันยายน 2471- 26 กรกฎาคม 2547 ) เป็นนักเขียน และนักแปลหนังสือไทย

ที่มานามปากกา
นามปากกา "ว.ณ เมืองลุง" ว. เป็นชื่อของวิไลสาวคนรักที่พบกันเมื่อท่านไปทำงานที่จังหวัดพัทลุง จึงเกิดเป็นนาม ว.ณ เมืองลุง

ประวัติ

ชิน บำรุงพงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2471ที่อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2547 ที่กรุงเทพมหานคร สิริอายุรวม 77 ปี

การศึกษาจบระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนจีน (สิ่นหมิน)จังหวัดพิษณุโลก มีโอกาสได้เรียนทั้งภาษาไทย และ ภาษาจีน สอบได้ประกาศณียบัตรครู (ป.) เมื่อกระทรวงศึกษาธิการเปิดสอบวิชาครู เมื่อปี พ.ศ. 2494
การทำงานไปเป็นครูที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา 1 ปี แล้วย้ายไปเป็นครูที่โรงเรียนอำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี อีก 1 ปี แล้วย้ายไปสอนที่โรงเรียนศึกษาวัฒนา กรุงเทพมหานคร จนถึงปี พ.ศ. 2504 ลาออกไปทำงานเป็นเสมียนโรงไม้ที่จังหวัดพัทลุง

ผลงานแปล
เริ่มงานเขียนแปลหนังสือกำลังภายในเมื่อปี 2506 นิยายแปลเรื่องแรกคือเรี่อง กระบี่ล้างแค้น สำหรับการแปลในเรื่องต่อมาคือ วีรบุรุษนิรนาม เขาใช้วิธีการพูดใส่เทปให้คนถอดเสียง นับว่าเป็นมิติใหม่ของการแปล นวนิยายกำลังภายในจีนได้รับความนิยมเป็นจำนวนมากจากนักอ่านชาวไทย จึงทำให้ว. ณ เมืองลุงแปลออกมาไม่ต่ำกว่า 300 เรื่อง และเรื่องที่ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำมากที่สุดของว. ณ เมืองลุง คือ ฤทธิ์มีดสั้น งานระยะแรก พิมพ์โดยสำนักพิมพ์เพลินจิตต์ จนกระทั่งสำนักพิมพ์หยุดกิจการ จึงเมอบหมายให้สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น เป็นผู้พิมพ์ต่อมา และยังมีผลงานตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เดลิเมล์วันจันทร์ ไทยรัฐ และเดลินิวส์




มือกระบี่ไร้นาม
#34   มือกระบี่ไร้นาม    [ 07-05-2008 - 20:57:59 ]

แม่นางอึ้งเคยไปเขียนไว้ด้วยหรือครับ เรื่องอะไรนะ



อิตเต็งไต้ซือ
#35   อิตเต็งไต้ซือ    [ 07-05-2008 - 20:58:29 ]

108 ผู้กล้าหาญแห่งเขาเหลียงซาน

108 ผู้กล้าหาญแห่งเขาเหลียงซาน (อังกฤษ: Water Margin, Outlaws of the Marsh, All Men Are Brothers จีน: ซ้องกั๋ง 宋江 หรือ สุยหู่จ้วน 水浒传) เป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีนร่วมกับ สามก๊ก ไซอิ๋ว และความฝันในหอแดง เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่จับความมาจากเหตุการณ์ช่วงปลายราชวงศ์เป่ยซ่ง ราว ค.ศ. 900 ว่าด้วยเรื่องของกบฏชาวนา หรือผู้กล้า 108 คนที่รวมตัวกันปกป้องบ้านเมือง แต่เดิมเป็นเรื่องเล่าปากต่อปาก ต่อมาศิลปินพื้นบ้านนำเรื่องเล่านี้มาผูกเป็นเพลงงิ้ว เรื่องสุยหู่จ้วนมีการประพันธ์ขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกโดย ซือไน่อัน และต่อมาได้รับการขัดเกลาจาก หลอกว้านจง ผู้ประพันธ์นวนิยายสามก๊ก บางแห่งว่าซือไน่อันเป็นอาจารย์ของหลอกว้านจง แต่บางแห่งก็ว่าเป็นคนเดียวกัน ชื่อเรื่อง สุยหู่จ้วน ในภาษาจีนมีความหมายว่า "ลำนำริมฝั่งน้ำ" หมายถึงสถานที่ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวหรือฐานทัพของผู้กล้าทั้งร้อยแปดคน คือริมทะเลสาบเหลียงซานป๋อ

เรื่อง สุยหู่จ้วน มีการแปลเป็นไทยแล้วหลายสำนวน และเรียกชื่อไปต่างๆ กัน เช่น ซ้องกั๋ง หรือ ผู้กล้าหาญแห่งเขาเหลียงซาน สำนวนแปลล่าสุดเป็นของ รัถยา สารธรรม พิมพ์โดยสำนักพิมพ์สุขภาพใจ เมื่อปี พ.ศ. 2546 ใช้ชื่อเรื่องว่า 108 ผู้กล้าเหลียงซันปอ

โครงเรื่อง

เหตุการณ์ในเรื่องเกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่งในช่วงรัชสมัยของพระเจ้าซ่งฮุยจงฮ่องเต้ ช่วงนี้ฮ่องเต้อ่อนแอ และขุนนางกังฉินที่มีอิทธิพลมากจนถึงขั้นฮ่องเต้ต้องเกรงใจนั้น ชื่อ เกาฉิว

ตัวละครทั้ง 108 คนนั้นมีประวัติความเป็นมาแทบจะเหมือนกันหมด คือ ถูกขุนนางกลั่นแกล้ง กดขี่ข่มเหง เป็นต้น ทำให้แต่ละคนลี้ภัยออกจากเมืองของตัวเอง แล้วมารวมตัวกัน ณ เขาเหลียงซาน เพื่อปราบปรามขุนนางชั่ว อันที่จริงแล้ว เหล่าผู้กล้าทั้ง 108 นี้คือเทพยดาจุติลงมาเกิดเพื่อปราบยุคเข็ญ เมื่อพวกเขาได้มาพบกัน ก็สาบานตัวเป็นพี่น้องกัน

ผู้นำคนสำคัญของผู้กล้าเขาเหลียงซาน คือ ซ่งเจียง หรือซ้องกั๋ง ซ่งเจียงนั้นได้รับความยกย่องจากชาวยุทธทั่วหล้าว่า เป็น "ฝนทันใจ" เนื่องจากเป็นคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี และส่งเสริมและให้ความช่วยเหลือชาวยุทธมาตลอดจนได้แต่งตั้งให้เป็นหัวหน้า

เรื่องราวตอนต้น ๆ จะกล่าวถึงที่มาของตัวละครบางตัวที่สำคัญว่า เหตุใดถึงได้เข้ามารวมกลุ่มเขาเหลียงซานได้ เช่น พระหลู่จื้อเซิน ซือจิ้น หวังจิ้น หลี่ขุย ซ่งเจียง เป็นต้น ส่วนกลางเรื่องจนถึงท้ายเรื่องนั้น จะเกี่ยวข้องกับ การที่เหล่าผู้กล้าแห่งเขาเหลียงซานต้องออกไปปราบปรามกบฏกลุ่มต่าง ๆ ทั่วแผ่นดิน ตามราชโองการของฮ่องเต้ (ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นแผนหลอกใช้ของเกาฉิวอีกที) การไปปราบกบฏกลุ่มต่าง ๆ นั้น แสดงถึงการรบโดยขาดการวางแผนอย่างดี จนทำให้สูญเสียผู้กล้าไปมากมายอย่างน่าเสียดาย เพราะผู้กล้าหลายคนเสียชีวิตจากกับดักต่าง ๆ เป็นอันมาก และเป็นการรบที่รบเสียจนแทบไม่ได้หยุดหย่อน ผู้กล้าบางคนทนไม่ไหวแยกตัวออกไปจากกลุ่ม ในท้ายที่สุด ซ่งเจียงก็ปราบกบฏทั่วแผ่นดินได้หมด ฮ่องเต้จึงได้พระราชทานเหล้าให้แก่ซ่งเจียง แต่เกาฉิวได้แอบใส่ยาพิษไปในเหล้าด้วย ทำให้ซ่งเจียงเสียชีวิต จึงทำให้ไม่สามารถรวมตัวผู้กล้าที่รอดชีวิตจากศึกครั้งนี้ได้อีก และเหล่าผู้กล้าที่เหลือก็ถูกเกาฉิวสังหารไปทีละคนจนหมด



อิตเต็งไต้ซือ
#36   อิตเต็งไต้ซือ    [ 07-05-2008 - 20:59:51 ]

สี่สุดยอดวรรณกรรมจีน

สี่สุดยอดวรรณกรรมจีน ประกอบด้วย

สามก๊ก - พ.ศ. 1873 (ค.ศ. 1330)
ซ้องกั๋ง - พ.ศ. 2116 (ค.ศ. 1573)
ไซอิ๋ว - พ.ศ. 2133 (ค.ศ. 1590)
ความฝันในหอแดง - พ.ศ. 2335 (ค.ศ. 1792)

เดี๋ยวจะทยอย นำ เรื่องมาไห้อ่านครับ



มือกระบี่ไร้นาม
#37   มือกระบี่ไร้นาม    [ 07-05-2008 - 20:59:52 ]

ขอความฝันในหอแดงครับ ช่วงนี้กำลังอยากอ่าน



อึ้งย้ง
#38   อึ้งย้ง    [ 07-05-2008 - 21:00:21 ]

เราเคยเขียนกระบี่เย้ยยุทธจักรอะ

ไม่เรียกว่าเขียนอะไปแก้ซะมากกว่าเติมไปพอสมควร



อิตเต็งไต้ซือ
#39   อิตเต็งไต้ซือ    [ 07-05-2008 - 21:00:49 ]

ความฝันในหอแดง

ความรักในหอแดง (อังกฤษ: The Dream of the Red Chamber, จีน: หงโหล่วเมิ่ง) เป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีนร่วมกับสามก๊ก ไซอิ๋ว และซ้องกั๋ง

แต่งโดยเฉาเสี่ยฉิ้น ประมาณปีพ.ศ. 2297 แต่เขาเสียชีวิตก่อนแต่งจบ มีนักประพันธ์มากมายแต่งเรื่องต่อให้จบ ฉบับที่ได้รับการยอมรับคือฉบับของเกาเออ

เป็นเรื่องความรักของหนุ่มสาวในตระกูลเจี้ย ซึ่งเป็นตระกูลชั้นสูงในสมัยราชวงศ์ชิง ตัวเอกคือเจี้ยเป่าอี้และหลินไต้อี้ ซึ่งถูกคนในตระกูลกีดกันเรื่องความรัก นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของตัวละครอื่นๆ ในตระกูลด้วย ความฝันในหอแดงได้สะท้อนจารีตประเพณีและความเป็นอยู่ของชาวจีนในยุคนั้นเป็นอย่างดี

ไซอิ๋ว

ไซอิ๋ว (จีน: 西遊記, 西游记;พินอิน Xī Yóu Jì ซี โอ๋ว จี้;อังกฤษ: Journey to the West, แปลตามตัวว่า การเดินทางสู่แดนตะวันตก) เป็นนิยายคลาสสิคของจีน แต่งขึ้นประมาณปี ค.ศ. 1590 ช่วงราชวงศ์หมิง ประพันธ์โดย อู๋เฉิงเอิน

ไซอิ๋วเป็นเรื่องของการเดินทางไปยังชมพูทวีป (อินเดีย) เพื่ออัญเชิญคัมภีร์พระพุทธศาสนาของหลวงจีนชื่อ พระถังซำจั๋ง โดยมีสัตว์ 3 ตัวเป็นเพื่อนร่วมทาง คือ เห้งเจีย (ลิง) ตือโป๊ยก่าย (หมู) และซัวเจ๋ง (ปีศาจปลา) ซึ่งระหว่างการเดินทางต้องพบกับการขัดขวางของเหล่าปิศาจมากมาย ด้วยเนื้อหาที่เป็นการผจญภัย และมีสัตว์เป็นตัวเอก ทำให้ไซอิ๋วได้รับความนิยมจากหมู่เยาวชนมากที่สุดในวรรณกรรมเอกทั้ง 4 เรื่อง เป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีนร่วมกับสามก๊ก ความฝันในหอแดง และซ้องกั๋ง

ไซอิ๋วถูกแปลเป็นภาษาไทยครั้งแรกก่อน พ.ศ. 2349 มีความยาว 17 เล่มสมุดไทย แต่ตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ. 2417 โดยโรงพิมพ์หมอบรัดเลย์

การ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง ดราก้อนบอล เป็นหนึ่งในงานที่ได้รับอิทธิพลจากไซอิ๋ว


สามก๊ก

สามก๊ก (อังกฤษ: Romance of the Three Kingdoms; จีนตัวเต็ม: 三國演義; จีนตัวย่อ: 三国演义; พินอิน: sān guó yǎn yì) เป็นวรรณกรรมจีนที่แต่งขึ้นประมาณช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 ในสมัยราชวงศ์หยวน โดยนักประพันธ์ชื่อ หลอกว้านจง (Luo Guanzhong) (羅貫中) กล่าวถึงประวัติศาสตร์จีนในยุคสามก๊ก (ค.ศ. 220-280) โดยเริ่มปูที่มาที่ไปตั้งแต่ยุคโจรโพกผ้าเหลือง (ค.ศ.183) เนื้อเรื่องเน้นการชิงอำนาจในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่น ของก๊กต่างๆ อันประกอบด้วยวุยก๊ก (เว่ย 魏) จ๊กก๊ก (ซู่ 蜀) และง่อก๊ก (หวู 吳) จนไปถึงการสถาปนาราชวงศ์จิ้นโดยสุมาเอี๋ยนหลานชายของสุมาอี้ (บุตรชายของสุมาเจียว) กินระยะเวลารวมประมาณ 60 ปี สามก๊กเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวรรณกรรมจีนร่วมกับไซอิ๋ว ซ้องกั๋ง และความฝันในหอแดง บางคนบอกว่าสามก๊กเป็น บทเรียนตำราพิชัยสงครามภาคปฏิบัติ วรรณกรรมชิ้นนี้ยังได้รับการยกย่องจากองค์กรยูเนสโกให้เป็นสุดยอดวรรณกรรมชิ้นหนึ่งของโลกด้วย

ประวัติ
สามก๊กฉบับแรกที่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรคือ จดหมายเหตุสามก๊ก (三國志 หรือ ซานกว๋อจื้อ) ซึ่งเป็นงานเขียนในลักษณะพงศาวดาร ผู้เขียนคือเฉินโซ่ว ข้าราชการอาลักษณ์คนหนึ่งของจ๊กก๊กที่ถูกกวาดต้อนมาวุยก๊กหลังจากพ่ายแพ้ โดยเขียนขึ้นตามบัญชาของจิ้นหวู่ตี้เพื่อเป็นบันทึกประวัติศาสตร์ ต่อมาในช่วงใดช่วงหนึ่งระหว่าง ค.ศ. 1330 - ค.ศ. 1400 หลอกว้านจง ได้นำซานกว๋อจื้อมาแต่งใหม่ในรูปแบบนิยายกึ่งประวัติศาสตร์ โดยเนื้อเรื่องนำมาจากซานกว๋อจื้อบ้างและแต่งเพิ่มเองบ้าง ซึ่งเมื่อเทียบกับซานกว๋อจื้อนั้น พบว่ามาจากซานกว๋อจื้อ ร้อยละ 70 และแต่งเอง ร้อยละ 30 โดยประมาณ

โครงเรื่องสามก๊กคร่าวๆ (ฉบับหลอกว้านจง)

ค.ศ. 168 พระเจ้าเลนเต้ ได้ขึ้นครองราชย์ในแผ่นดินจีน

ค.ศ. 184 ในรัชสมัยของพระเจ้าเลนเต้ (漢靈帝) ทรงครองราชย์อย่างผิดวิธี ทำให้ราชการแผ่นดินรวนเร ราษฎรเดือดร้อนหิวโหยทุกหย่อมหญ้า ต่อมา ราษฎรทนไม่ไหว จึงรวมตัวกันเกิดเป็นกบฏโพกผ้าเหลือง มีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก แม้แต่กองทหารก็ต้านทานไม่ได้ จึงมีประกาศขอความช่วยเหลือไปยังทั่วทุกเมือง

ที่เมืองตุ้นก้วนในปีนั้น เล่าปี่ (劉備), กวนอู (關羽) และเตียวหุย (張飛) ได้มาพบกัน และพบว่าอุดมการณ์แทบทุกอย่างตรงกัน ทั้งสามจึงสาบานเป็นพี่น้องกันในสวนท้อแห่งหนึ่ง โดย เล่าปี่เป็นพี่ใหญ่ กวนอูเป็นคนรอง และเตียวหุยเป็นน้องเล็ก

ทั้งสามถึงแม้นิสัยต่างกัน แต่ก็สมัครสมานสามัคคีกันดี ทั้งสามรวบรวมไพร่พลที่รักชาติได้ราว 500 คนออกปราบโจร โดยเล่าปี่ถนัดการใช้ดาบสองมือ กวนอูถนัดการควงง้าว 82 ชั่ง (ประมาณ 18.04 กิโลกรัม) ปลิดชีพศัตรู และเตียวหุย ถนัดการใช้ทวนปลายงูเลื้อย ทัพของเล่าปี่ รวมรบกับทัพอื่นๆ จนโจรพ่ายแพ้ไป

ค.ศ. 185 เล่าปี่ได้รับรางวัลเป็นตำแหน่งนายอำเภออันห้อกวน แต่ไม่นานก็ต้องย้ายออก เพราะเตียวหุย น้องผู้วู่วามไปเฆี่ยนเจ้าเมือง เพราะไม่พอใจที่เจ้าเมืองมาเรียกเก็บส่วยในอัตราที่สูงเกินไปสำหรับอำเภอนี้

ค.ศ. 189 พระเจ้าเลนเต้เสด็จสวรรคต และทรงมีพระโอรสสองพรองค์ คือ หองจูเปียน พระโอรสองค์โต วัย 13 พรรษา และหองจูเ...ยบ พระโอรสองค์เล็ก วัย 8 พรรษา ในวังหลวงเกิดการแตกแยกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายที่ต้องการให้หองจูเปียนขึ้นเป็นกษัตริย์ ได้แก่ ราชินีโฮ พระมเหสีในพระเจ้าเลนเต้ และนายพลโฮจิ๋น พระเชษฐาของราชินีโฮ

และอีกฝ่ายที่ต้องการให้หองจูเ...ยบเป็นกษัตริย์ ได้แก่ พระพันปีตัง ผู้ที่เกลียดราชินีโฮ เพราะราชินีโฮก็เคยวางยาพิษสังหารพระสนมออง พระสนมของพระเจ้าเลนเต้ และพระมารดาของหองจูเปียน และเหล่าขันทีชั่ว 10 คน ที่จะได้ประโยชน์หากหองจูเ...ยบเป็นกษัตริย์

นายพลโฮจิ๋น ยกหองจูเปียนขึ้นเป็นกษัตริย์ และเริ่มคิดกำจัดเหล่าขันทีทั้ง 10 คนทิ้ง แต่ขันที่รู้ตัวก่อน จึงพยายามหาทางเอาตัวรอด แต่ไม่เป็นผล โฮจิ๋นถึงกับเรียกทัพจากหัวเมืองรอบนอกเข้ามากำจัดเหล่าขันที สุดท้าย พวกขันทีจึงลวงนายพลโฮจิ๋นไปสังหาร และสังหารได้สำเร็จ

โจโฉในวัย 34 ปี ขณะนั้นเป็นนายทหารระดับกลางรับใช้นายพลโฮจิ๋น เมื่อทราบเรื่อง ก็สั่งทหารในบัญชา เผาประตูวัง บุกเข้าไปสังหารขันทีจนหมด ในขณะที่ฮ่องเต้หองจูเปียน และเจ้าชายหองจูเ...ยบ ถูกขันทีอุ้มตัวไว้เพื่อคุ้มครองตัว (ทหารจะได้ไม่ยิงตน เพราะอาจพลาดไปถูกฮ่องเต้หรือเจ้าชาย) แต่ผลสุดท้าย ขันทีคนนั้นวิ่งไปถึงมุมอับ จึงถูกทหารของโจโฉรุมสกรรมจนเสียชีวิต ส่วนฮ่องเต้และเจ้าชายได้รับการคุ้มครองจากทหารของโจโฉออกไปถึงนอกวังหลวงโดยปลอดภัย

แต่ว่า ในขณะนั้น ทัพของแม่ทัพตั๋งโต๊ะ (董卓) ได้เดินทางมาถึงพอดี จึงอัญเชิญฮ่องเต้และพระอนุชาเสด็จกลับตำหนักราชวงศ์พร้อมตน แล้วให้ทหารของโจโฉกลับไปทำงานต่อ แล้วโมเมว่าตนเป็นผู้คุ้มครองฮ่องเต้และพระอนุชาให้ปลอดภัย (แต่คนที่คุ้มครองจริงๆ คือทหารของโจโฉ) แล้วทูลขอความดีความชอบจากราชินีโฮ จนได้เข้ามาบริหารราชการเมืองหลวง

ตั๋งโต๊ะพยายามแสวงหาอำนาจอย่างมิรู้อิ่ม ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อได้พบกับลิโป้ (呂布) ขุนศึกผู้เก่งกาจเรื่องการใช้ทวนมากที่สุดในแผ่นดิน และได้ชวนลิโป้มาร่วมงานด้วยแล้ว ทำให้ไม่มีใครในสภากล้าขัดใจตั๋งโต๊ะ (มิฉะนั้น ลิโป้จะปรี่เข้ามาปลิดชีพขุนนางคนนั้นทันที) ตั๋งโต๊ะกำเริบถึงขั้นเปลี่ยนตัว ปลดฮ่องเต้หองจูเปียน แล้วแต่งตั้งเจ้าชายหองจูเ...ยบขึ้นเป็น พระเจ้า...นเต้ ใน ค.ศ. 189

โจโฉ มีแผนจะกำจัด ตั๋งโต๊ะ แต่แผนถูกลิยู ที่ปรึกษาผู้ชาญฉลาดและลูกเขยตั๋งโต๊ะล่วงรู้เข้า โจโฉจึงรีบออกจากเมืองไปได้ทันอย่างหวุดหวิด และไปที่เมืองตันลิว เมืองเกิดของตน และเริ่มก่อกองทัพปฏิวัติเพื่อล้มล้างตั๋งโต๊ะ มีชาวบ้าน และทัพจากเมืองต่างๆรวมแล้ว 18 เมืองมาร่วมและฝึกฝนกลยุทธ์วิธีต่างๆ โดยมีโจโฉและอ้วนเสี้ยวเป็นแกนนำ และสามพี่น้องแห่งสวนท้อ ก็มาร่วมรบ ในฐานะของทหารเมืองปักเพ้ง ซึ่งมีกองซุนจ้านนำทัพ

ค.ศ. 190 กองทัพ 18 หัวเมืองพร้อมปฏิบัติการ แต่ด้วยความเป็นคนที่เห็นแก่ตัว โลเลไม่เข้มแข็ง หลงคำประจบสอพลอ ละโมบโลภมากของ อ้วนสุด (袁術) เจ้าเมืองลำหยง ผู้ดูแลเสบียงในทัพสิบแปดหัวเมือง อิจฉาตาร้อนไม่อยากให้แม่ทัพคนอื่นๆ ชนะได้หน้า จึงแกล้งไม่ส่งเสบียงให้ หลายทัพที่ไปตีด่านสำคัญด่านต่างๆของตั๋งโต๊ะจึงแพ้กลับมา หนำซ้ำแม่ทัพที่หิวโหยก็ถูกทหารฝ่ายตั๋งโต๊ะปลิดชีพไปทีละคน สถานการณ์ทัพจึงย่ำแย่

ต่อมา กวนอู แม้จะสามารถควบม้าไปสังหารขุนศึกมือดีฝ่ายตั๋งโต๊ะมาได้ และสามพี่น้องแห่งสวนท้อสามารถเล่นงานลิโป้ แม่ทัพใหญ่ฝ่ายตั๋งโต๊ะ จนลิโป้ต้องถอยหนี เป็นข่าวใหญ่ลือลั่นไปทั่วแดน ทำให้ลิยูเกรงว่าจะตั้งรับศัตรูไม่สะดวก จึงเสนอให้ตั๋งโต๊ะย้ายเมืองหลวงจากลกเอี๋ยงไปเตียงฮัน ตั๋งโต๊ะจึงสั่งเผาเมืองหลวงลกเอี๋ยงเพื่อไล่คนออกจากลกเอี๋ยง แล้วไปฆ่าเศรษฐีในลกเอี๋ยง และยึดเอาทรัพย์เศรษฐีมาสร้างเตียงฮัน นับเป็นการการทำที่...มโหดมาก

เมื่อทัพใหญ่รู้ว่าตั๋งโต๊ะเผาเมือง โจโฉสั่งให้ทหารรีบติดตามไป แต่ อ้วนเสี้ยว พี่ของอ้วนสุด ซึ่งนิสัยของพี่น้องคู่นี้ไม่ต่างกัน ก็หาข้ออ้างว่าตอนนี้ทหารเพลียมาก ให้ทัพพักผ่อนก่อน แล้วค่อยไป โจโฉเสียน้ำใจมาก จึงขอแยกกองทัพออกมาติดตามตั๋งโต๊ะไป แต่ก็ถูกลิยูวางกับดักเล่นงานจนยับเยิน แม้ตัวโจโฉก็บาดเจ็บ

ในขณะเดียวกัน ซุนเกี๋ยน (孫堅) ก็ได้พบกับตราหยกแผ่นดิน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ จึงคิดโมเมเก็บไว้เองและตั้งตัวเป็นกษัตริย์ จึงไปอ้างว่าตนป่วย ขอยกทัพกลับ แต่ความล่วงรู้ไปถึงอ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวอิจฉา เมื่อซุนเกี๋ยนออกไปแล้วก็ส่งสารไปเกงจิ๋ว ให้เจ้าเมืองชื่อเล่าเปียว รบชิงตราหยกแผ่นดินคืนมา

ทัพที่เหลือจึงเสียความมั่นใจ เห็นอ้วนเสี้ยวมีทีท่าไม่เอาไหน แถมจะแย่งชิงตราหยกแผ่นดินกับซุนเกี๋ยน แถมผู้นำดีๆ อย่างโจโฉก็ไม่อยู่แล้ว จึงกระจายตังกันออกไปหมด ปิดฉากกองทัพปฏิวัติ ณ บัดนั้น

อ้วนเสี้ยว เมื่อบริหารทัพล้มเหลว ก็คิดยึดเมืองกิจิ๋ว ซึ่งอุดมสมบูรณ์ เหมาะกับการฟื้นฟูกำลังทหารในบัญชา จึงไปหลอกเจ้าเมืองว่าสามพี่น้องแห่งสวนท้อจะมารบชิงกิจิ๋ว จนเจ้าเมืองหลงเชื่อขอความช่วยเหลือจากอ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวจึงเข้าไปยึดเมืองกิจิ๋วได้ แต่ด้วยนิสัยของอ้วนเสี้ยว ทำให้มีทหารรับไม่ได้ ไปสวามิภักดิ์กับคนอื่นอยู่เนืองๆ และหนึ่งในนั้นคือ จูล่ง ซึ่งหนีมาสวามิภักดิ์กับกองซุนจ้าน ซึ่งต่อไปจะมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้

ต่อมา อ้วนเสี้ยวเปิดศึกกับกองซุนจ้าน กองทัพของทั้งคู่แข็งแกร่งมาก จนการรบยืดเยื้อ จนลิยูได้ข่าวการรบ ก็เสนอให้ตั๋งโต๊ะสั่งระงับการรบ เพราะถ้ารบจนฝ่ายใดชนะ ฝ่ายนั้นจะฮึกเหิม และทั้งสองฝ่ายยังมีความคิดที่จะกำจัดตั๋งโต๊ะอยู่บ้าง หากทัพใดชนะ แล้วฮึกเหิมมารบกับทัพตั๋งโต๊ะอีก ตั๋งโต๊ะจะลำบาก ตั๋งโต๊ะจึงใช้อำนาจผู้สำเร็จราชการแทนองค์ฮ่องเต้ส่งสาส์นในนามฮ่องเต้ ให้อ้วนเสี้ยวและกองซุนจ้านเลิกรบกัน อ้วนเสี้ยวและกองซุนจ้านเห็นตราประทับสัญลักษณ์ประจำองค์ฮ่องเต้ จึงเชื่อฟัง เลิกรบกัน

ด้านซุนเกี๋ยน ซึ่งกำลังเป็นใหญ่ในแถบเมืองกังตั๋ง คิดมาล้างแค้นเล่าเปียว ที่เคยมารบชิงตราหยกแผ่นดินเมื่อครั้งที่ตนแยกตัวมาจากทัพ 18 หัวเมือง เล่าเปียวจนตรอก จึงต้องคิดอุบายการศึก โดยใช้ซอกเขาเป็นจุดปฏิบัติการ หมายถ่วงเวลาและตัดกำลังทัพซุนเกี๋ยน แต่ไม่น่าเชื่อว่า ชะตาซุนเกี๋ยนคงถึงฆาต อุบายนี้ ได้สังหารซุนเกี๋ยนลงได้ใน ค.ศ. 191 ขณะอายุ 36 ปี ทำให้ศึกจบลง และ ซุนเซ็ก บุตรชายซุนเกี๋ยนในวัย 16 ปี ได้ครองแดนกังตั๋งต่อจากซุนเกี๋ยน

เมื่อซุนเกี๋ยน หนึ่งในแม่ทัพ 18 หัวเหมืองที่เคยหมายล้มตั๋งโต๊ะตาย ตั๋งโต๊ะจึงดีใจ กำเริบเสิบสานถึงขนาดสร้างเมืองใหม่ “เมย์หวู” ข้างๆเตียงฮัน สร้างสถานที่ และใช้ชีวิตดุจกษัตริย์ และเชิญคนแซ่ตั๋งทั้งประเทศมาอยู่ในเมย์หวู จนขุนนางชื่ออ้องอุ้น (王允) ทนไม่ไหว จึงคิดใช้แผน “สาวงามล่มเมือง” โดยใช้ เตียวเสี้ยน (貂蟬) บุตรสาวบุญธรรมของตน

เมื่อเตียวเสี้ยนทราบแผน ก็ตอบตกลง และเริ่มแผนการ โดยตอนแรกอ้องอุ้นบอกยกเตียวเสี้ยนให้ลิโป้ (โดยไม่ให้ตั๋งโต๊ะรู้) แต่ขอหาฤกษ์ก่อน แล้ววันต่อมา ก็บอกจะยกเตียวเสี้ยนให้ตั๋งโต๊ะ (โดยไม่ให้ลิโป้รู้เช่นกัน) เพื่อให้ทั้งสองหมางใจกัน และเตียวเสี้ยนผู้งดงามก็ใช้มารยายุแยงให้ทั้งคู่แตกคอกัน จนในที่สุด ลิโป้และตั๋งโต๊ะได้ตัดขาดความสัมพันธ์กัน จนเมื่อความแตกแยกมาถึงที่สุด ค.ศ. 192 วันที่ 22 พฤษภาคม ลิโป้ ได้สังหารตั๋งโต๊ะสำเร็จ

เมื่อตั๋งโต๊ะเสียชีวิต เหล่าขุนนางบริวารตั๋งโต๊ะก็ถูกจัดการประหารสิ้น มีเพียงสี่คนที่รอดไปได้ คือ ลิฉุย กุยกี เตียวเจ และหวนเตียว ซึ่งทั้งสี่ได้หวนย้อนกลับมายึดเมืองเตียงฮัน และสังหารอ้องอุ้น และขึ้นครองอำนาจ และลิโป้ ก็ต้องร่อนเร่ออกไปจากเตียงฮัน เหล่าลูกน้องตั๋งโต๊ะได้ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนองค์ฮ่องเต้ และครองเมืองในนิสัยที่ไม่ต่างจากตั๋งโต๊ะ

เมื่อคนที่ครองเมืองทำให้ประชาเดือดร้อน โจรโพกผ้าเหลืองก็กลับมาอาละวาดอีก โจโฉ ซึ่งตอนนี้มีทัพมโหฬารอยู่ในมือ เหล่าลูกน้องตั๋งโต๊ะ ก็ใช้อำนาจผู้สำเร็จราชการแทนฮ่องเต้สั่งให้โจโฉปราบโจรโพกผ้าเหลือง ครั้งนี้โจโฉปราบสำเร็จ และได้รับความดีความชอบมากมาย

โจโฉ เมื่อเป็นใหญ่ ก็คิดรับครอบครัวมาอยู่สบายๆ กับตน แต่ระหว่างทาง เตียวคี ลูกน้องของโตเกี๋ยม เจ้าเมืองชีจิ๋ว ทำนอกเหนือคำสั้งลักลอบออกไปปล้นขบวนครอบครัวโจโฉ และฆ่าครอบครัวโจโฉหมกป่า แล้วเตียวคีก็หนีเข้าป่าไปใน ค.ศ. 193

โจโฉเมื่อรู้ก็โกรธมาก คิดยกทัพไปถล่มเมืองชีจิ๋ว แต่เล่าปี่ก็สงสาร รู้ว่าไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเกี่ยวกับเตียวคีเลย ในค.ศ. 194 เล่าปี่จึงเดินทางไปชีจิ๋ว เพื่อไกล่เกลี่ยกับโจโฉ แต่โตเกี๋ยมเกิดพึงพอใจในตัวเล่าปี่ จึงคิดยกชีจิ๋วให้เล่าปี่ แต่เล่าปี่ปฏิเสธ แต่ขณะนั้น ลิโป้ ซึ่งยังเร่ร่อนอยู่ก็ได้ยกทัพตีกุนจิ๋ว ซึ่งเป็นเมืองของโจโฉ โจโฉจึงต้องยกทัพกลับไปป้องกันเมือง แต่โจโฉก็ได้ทราบเรื่องว่าเล่าปี่คิดปกป้องชีจิ๋ว จึงเริ่มมีความคิดหมางใจกับเล่าปี่ด้วย

ไม่กี่เดือนต่อมา โตเกี๋ยมป่วยหนัก และเรียกเล่าปี่มาพบ และขอร้องให้ครองชีจิ๋วต่อจากตน แล้วสิ้นใจตายลงทันที เล่าปี่ซึ่งปฏิเสธไม่ทันก็ต้องรับตำแหน่งเจ้าเมืองชีจิ๋ว ซึ่งทำให้โจโฉโกรธจัดตัดไมตรีกับเล่าปี่ลง

ค.ศ. 195 ลิโป้แพ้โจโฉ จึงเดินทางมาขอความช่วยเหลือกับเล่าปี่ เล่าปี่จึงได้ส่งลิโป้ไปดูแลเมืองเสียวพ่ายไปก่อน

ค.ศ. 196 มีข่าวลือว่า กลุ่มลูกน้องของตั๋งโต๊ะ คิดปลงพระชนม์ พระเจ้า...นเต้ แล้วเป็นกษัตริย์เสียเอง เหล่าขุ่นนางจึงรีบทูลเชิญพระเจ้า...นเต้เสด็จลี้ภัยออกจากเตียงฮันเป็นการด่วน และส่งสาส์นไปหาโจโฉ ให้รีบมาช่วยค้ำจุนฮ่องเต้

เมื่อฮ่องเต้มีภัย โจโฉหยุดการรบทุกอย่าง ยกทัพมาตีกลุ่มลูกน้องตั๋งโต๊ะจนแพ้ไป แต่ก็ทำให้เตียงฮันเสียหาย และลกเอี๋ยงเมืองหลวงเก่าก็โดนตั๋งโต๊ะเผาราบคาบ โจโฉจึงทูลฮ่องเต้ให้ตั้งเมืองหลวงขึ้นใหม่ที่เมืองฮูโต๋ ทัพโจโฉเดินทางคุ้มกันฮ่องเต้มาถึงฮูโต๋ และโจโฉก็ตั้งตนเป็นมหาอุปราช

หลังจากนั้น โจโฉก็ได้วางแผนพยายามให้ลิโป้และเล่าปี่แตกคอกันหลายแผน แต่ไม่สำเร็จ จนวันหนึ่ง โจโฉได้วางแผนส่งสาส์นในนามกษัตริย์ให้เล่าปี่ไปตีลำหยงของอ้วนสุด เล่าปี่จึงจำต้องยกทัพ โดยเตียวหุยอยู่เฝ้าชีจิ๋ว

แต่นิสัยวู่วามก็ทำให้เตียวหุยเผลอไปทำร้ายนายทหารนายหนึ่ง ทำให้นายทหารน้อยใจหนีไปเข้าพวกลิโป้ พาลิโป้มาบุกยึดชีจิ๋วจนสำเร็จในคืนนั้น แต่ลิโป้ก็ได้ยกเมืองเสียวพ่ายของตนให้เล่าปี่แทน

ปลายค.ศ. 196 ซุนเซ็กได้นำตราหยกแผ่นดินของบิดาไปจำนำทหาร 3,000 นายกับอ้วนสุด และได้เดินทางไปหาเพื่อนสนิทที่เก่งสงครามชื่อ จิวยี่ และด้วยคำแนะนำของจิวยี่ ทำให้ทัพซุนเซ็กสามารถขยายอาณาเขตได้กว้างขวางและรวดเร็ว แต่เมื่อคิดจะไถ่ตราหยกแผ่นดินคืน อ้วนสุดกลับไม่ยอมให้ไถ่คืน

ทางด้านเล่าปี่หลังเสียชีจิ๋วก็ยังไม่คิดจะไปยึดชีจิ๋วคืน สองเมืองอยู่กันอย่างสงบได้สักพัก เตียวหุยก็ส่งทหารไปขโมยม้าของลิโป้มา ทำให้ลิโป้ซึ่งมีนิสัยไม่ซื่อคิดแค้นถึงขั้นทำสงครามแตกหักกับเล่าปี่ เล่าปี่จึงพาน้องทั้งสองออกจากเสียวพ่ายไปพึ่งโจโฉที่เมืองฮูโต๋

โจโฉแม้ไม่อยากรับ แต่ด้วยราษฎรกำลังมองว่าโจโฉเป็นคนดีที่ช่วยฮ่องเต้ หากไม่รับ ภาพลักษณ์จะเสื่อม จึงต้องรับสามพี่น้องเข้าเมือง

ค.ศ. 197 อ้วนสุดใช้ตราหยกแผ่นดินออกประกาศตนเป็นฮ่องเต้ และเตียวสิ้วแห่งอ้วนเซีย และเล่าเปียวแห่งเกงจิ๋วร่วมมือกันคิดบุกฮูโต๋ เมื่อโจโฉทราบก็ตัดสินใจยกกกองทัพไปตีเตียวสิ้วก่อนจนเตียวสิ้วยอมแพ้ และโจโฉก็นำเจ๋าซือ อาสะใภ้ของเตียวสิ้วมาเป็นภรรยาตน แล้วยกทัพไปตีเมืองลำหยงทีหลัง ซึ่งครั้งนี้ ลิโป้ เล่าปี่ และซุนเซ็ก ลืมความแค้นที่มีต่อกันลงชั่วคราว หันมาร่วมมือกันกำจัดอ้วนสุด อ้วนสุดเห็นว่าสู้ไม่ได้แน่ จึงหนีเตลิดไป

ค.ศ. 198 เตียวสิ้ว ซึ่งคิดแค้นในใจที่โจโฉพรากเจ๋าซือไป ซึ่งเป็นการหยามเกียรติอย่างรุนแรง จึงวางแผนฆ่าโจโฉ และเมื่อเริ่มทำตามแผน ทัพโจโฉพ่ายยับ บุตรชาย หลานชาย และภรรยาของโจโฉตาย แต่โจโฉรอดไปได้

ทางด้านลิโป้ เมื่อเล่าปี่เสร็จศึกกับอ้วนสุด ก็เริ่มโจมตีเล่าปี่ แต่ในเมืองชีจิ๋วของลิโป้นั้นมีไส้ศึก ลิโป้ถูกหลอกจนไส้ศึกยึดเมืองชีจิ๋วและเสียวพ่ายได้จากลิโป้ ลิโป้เมื่อรู้ว่าเสียเมืองไป 2 เมือง ก็สั่งทหารยึดเมืองแห้ฝือที่อยู่ใกล้ๆ เป็นที่ตั้งมั่นในการคิดการต่อไป แต่โจโฉก็ยกทัพตามมาล้อมแห้ฝือไว้ ทำให้ลิโป้คิดจะสวามมิภักดิ์กับโจโฉ

แต่ตันก๋ง บริวารคนสำคัญของลิโป้ มีความแค้นกับโจโฉ จึงยุลิโป้ไม่ให้สวามิภักดิ์กับโจโฉ ลิโป้จึงไม่ยอมออกจากแห้ฝือ โจโฉจึงสั่งพังเขื่อนทีอยู่ใกล้ๆ แห้ฝือ ทำให้ระดับแม่น้ำในแห้ฝือสูงขึ้นท่วมบ้านเรือนจนเดือดร้อน ไม่นาน ลิโป้ก็แพ้ ถูกจับตัวส่งโจโฉ

ค.ศ. 199 ลิโป้ถูกประหารชีวิต และโจโฉ ก็นำเล่าปี่ไปเข้าเฝ้าพระเจ้า...นเต้ ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้ว พบว่าเล่าปี่มีศักดิ์เป็นถึงพระเจ้าอาของพระเจ้า...นเต้เลยทีเดียว ทำให้ทราบว่าเล่าปี่มีเชื่อสายราชวงศ์ฮั่นจริงๆ

ด้านโจโฉ เริ่มออกอาการระแวงว่าจะมีลูกน้องของตนที่ไม่ภักดีต่อตน จึงคิดสร้างบารมีเพื่อข่มขวัญ แต่วิธีของโจโฉนั้น ไปข่มบารมีและสร้างความเจ็บช้ำให้แก่พระเจ้า...นเต้ จนถึงกับทรงกรีดนิ้วเขียนราชโองการเลือดให้ตั้งขบวนการล้างโจโฉ ซึ่งมีตังสิน จูฮก จูลัน ตันอิบ โงห้วน ม้าเท้ง และเล่าปี่

ขณะนั้น ทัพของอ้วนสุด ปราบกองซุนจ้านได้ และเตรียมนำตราหยกแผ่นดินไปให้อ้วนเสี้ยว แต่ก็ถูกเล่าปี่ยกทัพไปถล่มแหลก อ้วนสุดเจ็บใจในวาสนาจนกระอักเลือดตาย และเล่าปี่ก็เข้าปกครองเมืองชีจิ๋วไม่ยอมกลับฮูโต๋ ทางโจโฉก็กังวลเรื่องราชโองการเลือดกำจัดตนพอดี จึงตัดสัมพันธ์ทุกอย่างที่ตนเคยมีกับเล่าปี่

ไม่นาน โจโฉก็พบราชโองการเลือดของพระเจ้า...นเต้ และสั่งประหารตังสิน จูฮก จูลัน ตันอิบ โงห้วน เสีย และบุกบ้านตังสินดึงตังกุยฮุย น้องสาวตังสิน ที่เป็นสนมคนโปรดของประเจ้า...นเต้ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ 5 เดือนมาประหารเสียอีก ซ้ำยังประกาศห้ามพระญาติและราชนิกูลเข้าวังก่อนได้รับอนุญาตจากโจโฉ ผู้ใดฝ่าฝืนต้องโทษประหารชีวิต

อ้วนเสี้ยว ได้รับราชโองการจากพระเจ้า...นเต้ ขอร้องให้อ้วนเสี้ยวยกทัพไปปราบโจโฉ โดยมีเล่าปี่และซุนเซ็กร่วมมือ อ้วนเสี้ยวยกทัพมาเตรียมบุกฮูโต๋ของโจโฉ แต่บุตรคนเล็กจู่ๆก็ป่วย และด้วยเหตุผลนี้ อ้วนเสี้ยวขอ “พักรบ”

ค.ศ. 200 เล่าปี่วางแผนปล้มสะดมโจโฉ แต่โจโฉไหวตัวทัน จึงสามารถตั้งรับได้ ซ้ำยังจับกวนอูไปอยู่กับตนได้อีก แต่เมื่อกวนอูรู้ว่าเล่าปี่อยู่ที่ใด ก็ทิ้งจดหมายลาและควบม้าออกจากเมืองฮูโต๋กลับไปคืนดีกับเล่าปี่ และจูล่งที่เคยอยู่กับกองซุนจ้าน ก็มาพบเล่าปี่ และได้ขอร่วมมือกับเล่าปี่

ไม่นานต่อมา ซุนเซ็ก ถูกธนูพิษ ซึ่งการรักษาจะต้องระงับอารมณ์โกรธให้ได้ 100 วัน แต่ซุนเซ็กทำไม่ได้ ขาดใจตายขณะอายุ 25 ปี ทำให้ซุนกวน น้องชายซุนเซ็กในวัย 18 ปี ได้ครองเมืองแทน

ตอนนี้ ทั้งสามฝ่าย มีทัพที่เข้มแข็ง แต่เล่าปี่และซุนกวนรู้ดีว่า ร่วมงานกับอ้วนเสี้ยวแล้วเป็นเช่นไร (จากการตั้งกองทัพปราบตั๋งโต๊ะ) จึงไม่เอาด้วย ยกเลิกสัญญาพันธมิตร อ้วนเสี้ยวประชดชีวิตด้วยการเกณฑ์ทัพจากเมืองในปกครองของตนมา 7 แสนคน บุกฮูโต๋เอง ในขณะที่โจโฉมี 7 หมื่นคน ทำให้อ้วนเสี้ยวย่ามใจ คิดแต่จะใช้กำลังสู้ แต่โจโฉใช้สติปัญญาแอบเผาเสบียงตัดกำลัง และวิธีต่างๆอีก จนชนะอ้วนเสี้ยวได้ อ้วนเสี้ยวถอยกลับกิจิ๋ว และเจ็บใจหนักจนล้มป่วยลง

ค.ศ. 201 เล่าปี่เตรียมตีฮูโต๋จากโจโฉ โจโฉจึงถอยทัพมาฮูโต๋ สู้กับเล่าปี่ แต่ครั้งนี้ เล่าปี่แพ้ แต่หนีไปได้ จึงหนีไปเกงจิ๋ว เพื่อชวนเจ้าเมืองเล่าเปียว ร่วมมือกันทำศึกต่อ

ค.ศ. 202 อ้วนเสี้ยวล้มเหลวในการบริหารทั้งกองทัพและบ้านเมือง ความกังวลหนักทำให้อาการป่วยหนักขึ้นจนเสียชีวิต อ้วนซงบุตรคนเล็ก ได้ขึ้นครองเมืองต่อจากอ้วนเสี้ยว แต่อ้วนถำ บุตรชายคนโตไม่ยอม จึงเกิดศึกพี่น้องขึ้น ทำให้โจโฉ ฉวยโอกาสบุกเข้าเมืองของอ้วนซงและอ้วนถำ

ค.ศ. 203 โจโฉชนะยึดเมืองกิจิ๋วของอ้วนซงได้

ค.ศ. 205 เล่าเปียวแต่งตั้งให้เล่าปี่ไปเป็นเจ้าเมืองซินเอี๋ย

ค.ศ. 207 เล่าเสี้ยน บุตรคนสำคัญของเล่าปี่ถือกำเนิดขึ้น แต่ในขณะนั้น โจโฉ ขยายเขตแดนไปทั่วภาคเหนือของจีนแล้ว เป็นที่ครั่นคร้าม แต่ในปลายปี เล่าปี่ก็ได้ ขงเบ้ง ในวัย 26 ปี เข้าร่วมทัพ ซึ่งขงเบ้งเป็นมันสมองสำคัญของทัพเล่าปี่ต่อไปในภาคหน้า เล่าปี่ปรนนิบัติขงเบ้งราวกับเป็นอาจารย์ ทั้งๆ ที่เล่าปี่มีอายุถึง 46 ปี ทำให้น้องทั้งสองไม่ยอมรับขงเบ้ง

ค.ศ. 208 โจโฉส่งแฮหัวตุ้น แม่ทัพระดับพระกาฬมาตีซินเอี๋ยพร้อมทหาร 100,000 คน แต่ขงเบ้งออกอุบายมหรรศจรรย์ตีแฮหัวตุ้นแพ้ในคืนเดียว ทั้งคู่จึงยอมรับและยกย่องในตัวขงเบ้ง

โจโฉเมื่อทราบเรื่องก็นำทัพ 500,000 คน บุกซินเอี๋ย เล่าจ๋องซึ่งครองเกงจิ๋วกลัวโจโฉจะตีเมืองตนไปด้วย จึงออกมายกเกงจิ๋วให้โจโฉ โจโฉนำทัพที่เมืองของเล่าจ๋องมารวมกับตน ทำให้ทัพโจโฉเพิ่มเป็น 800,000 คน ซึ่งการรบในครั้งต่อไปนี้ จะเป็นการรบที่นำไปสู่ ศึกผาแดง อันยาวนาน และการเกิดศึกผาแดง ถือเป็นจุดแตกหักที่นำแผ่นดินจีนสู่การเป็นสามก๊กโดยสมบูรณ์

เล่าปี่จึงรีบอพยพราษฎรออกจากซินเอี๋ย แล้วขงเบ้งก็ใช้มันสมองวางกับดักตัดกำลังทัพโจโฉเพื่อให้เล่าปี่และราษฎรหนีไปให้ไกล ทางด้านโจโฉเมื่อเสียทีก็รีบนำทัพตามเล่าปี่ไป แต่ด้วยความที่มีราษฎรมาก ทำให้คาราวานของเล่าปี่เดินทางได้ช้า ผิดกับทัพทหารที่ฝึกมาอย่างดีของโจโฉ ที่เดินทางได้รวดเร็วกระชั้นชิด

เล่าปี่ให้กวนอูไปขอความช่วยเหลือจากเมืองกังแฮ แต่กวนอูไปไม่ส่งข่าว เล่าปี่เป็นห่วงจึงให้ขงเบ้งออกไปสืบ แต่ในระหว่างที่ขงเบ้งไม่อยู่ โจโฉก็ตามมาทันเล่าปี่ นำทัพสังหารราษฎรของเล่าปี่ไปกว่าครึ่ง ก่อนที่เล่าปี่และราษฎรที่รอดจะหนีไปได้

ทัพโจโฉยังไม่ลดละ ตามเล่าปี่ต่อไปอีก จนเมื่อเล่าปี่กำลังเข้าตาจนอีกครั้ง กวนอูและขงเบ้ง กลับมาพร้อมทัพใหญ่ช่วยเล่าปี่ไว้ได้ทันเวลา และพาเล่าปี่และราษฎรไปพักที่กังแฮ

หลังจากนั้น ขงเบ้งก็วางกับดักสารพัดที่แต่ละครั้งเล่นงานโจโฉเสียยับเยิน ทั้งการยุยงให้ซุนกวนหมางใจไปรบกับโจโฉบ้าง การวางกับดักโดยใช้ทัพฝ่ายตนเองบ้าง จนกระทั่งทัพ 800,000 คนของโจโฉถูกเล่นงานจนเหลือ 27 คน

ค.ศ. 209 ภรรยาเล่าปี่เสียชีวิต ซุนกวน จึงคิดเอาน้องสาวของตนล่อเล่าปี่มาสังหาร โดยจะอ้างว่าขอเชิญเล่าปี่มาแต่งงานกับน้องสาวของตนที่แคว้นของซุนกวน แต่ขงเบ้ง ก็ออกอุบายตลบหลังจนชนะใจน้องสาวของซุนกวนได้ และเล่าปี่ได้น้องสาวซุนกวนมาเป็นภรรยาจริงๆ และไม่เกิดอันตรายใดๆ ต่อเล่าปี่เลย

ค.ศ. 210 เล่าปี่เดินทางกลับมาครองเมืองเกงจิ๋ว และในปีนั้น ขงเบ้งก็วางอุบายต่างๆ เล่นงาน จิวยี่ ที่เป็นมันสมองของฝ่ายง่อก๊กของซุนกวน จนวันหนึ่ง จิวยี่ถูกยิงโดยธนูพิษ ที่การจะรักษาจะต้องระงับอารมณ์โกรธให้ได้ 100 วัน แต่จิวยี่ก็ถูกอุบายของขงเบ้งยั่วความโกรธอยู่ตลอด จนจิวยี่ทนไม่ไหว เกิดความโกรธขึ้นจนพิษกำเริบขาดใจตายไปด้วยวัย 35 ปี

ค.ศ. 211 บังทอง เพื่อนเก่าของขงเบ้ง ที่มีสติปัญญาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันนัก ได้พบกับขงเบ้งในงานศพจิวยี่ และไม่นาน ขงเบ้งก็เกลี้ยกล่อมให้บังทอง มาทำงานเป็นมันสมองให้เล่าปี่ร่วมกับตนได้สำเร็จ

ต่อมา ซุนกวนคิดจะตียึดเมืองเกงจิ๋วของ เล่าปี่ จึงให้ทหารไปนำตัวน้องสาวของตนซึ่งเป็นภรรยาเล่าปี่มา โดยอ้างว่านาง ง่อก๊กไท่ มารดาของนางป่วยหนัก ซุนกวนได้น้องสาวกลับมา จึงเริ่มเตรียมทัพโจมตีเกงจิ๋ว

ค.ศ. 212 ม้าเท้ง แห่งเมืองเสเหลียง หนึ่งในผู้ต่อต้าน โจโฉ ถูกโจโฉลวงมาสังหารจนจบชีวิตลงด้วยวัย 56 ปี แต่เมื่อ ม้าเฉียว บุตรชายม้าเท้งทราบเรื่อง ก็ยกทัพมาโจมตีโจโฉจนแตกพ่ายไปหลายครั้ง แต่เมื่อโจโฉใช้แผนยุแหย่ให้ทัพม้าเฉียวแตกคอกันกลับได้ผล ม้าเฉียวพลาดท่าถูกโจโฉตีแตกพ่ายไป จนต้องหนีไปเข้ากับเตียวฬ่อ แห่งเมืองฮันต๋ง

ค.ศ. 213 โจโฉ ยกตัวเองจากตำแหน่งมหาอุปราช เป็นตำแหน่งวุยก๋ง (Duke) ซึ่งสูงแทบทัดเทียมฮ่องเต้ และยกทัพมารบกับ ซุนกวน ทำให้ซุนกวนต้องใช้ทัพที่เตรียมมาเพื่อตีเกงจิ๋ว มาสู้กับโจโฉแทน แต่เมื่อถึงฤดูฝน ก็มีน้ำท่วม ทั้งสองฝ่ายก็เลิกรากันไปเอง

ปีเดียวกัน แคว้นหวูของซุนกวนออกอุบายยุแหย่ให้เล่าเจี้ยงและเตียวฬ่อที่อยู่ฝ่ายเล่าปี่นั้นคลางแคลงใจต่อเล่าปี่ จนเล่าเจี้ยงผู้ระแวง ประกาศตนเป็นศัตรูกับเล่าปี่ เล่าปี่โกรธจัดยกทัพเตรียมไปโจมตีเสฉวนที่เล่าเจี้ยงครอบครองอยู่ โดยเมืองเกงจิ๋วมีขงเบ้งดูแล จนยึดปราการสำคัญของเสฉวนได้แทบทั้งหมด และเดินทางต่อเพื่อไปเรื่อยๆ

ค.ศ. 214 บังทองถูกลอบสังหารระหว่างเดินทัพ จบชีวิตลงด้วยวัย 36 ปี ทำให้กองทัพเล่าปี่ขาดสมองสำคัญไป ดังนั้นเมื่อ ขงเบ้ง ทราบ จึงฝาก กวนอู ดูแลเกงจิ๋วแทนตน โดยให้ จูล่ง และ เตียวหุย ยกทัพไปตามคำของตน เมื่อทัพขงเบ้งมาเสริมกับเล่าปี่ กองทัพเล่าปี่ก็มีอานุภาพสูงขึ้น และเมื่อขงเบ้งเกลี้ยกล่อมจน ม้าเฉียว เปลี่ยนมาอยู่ฝ่ายเล่าปี่ได้ ก็ยิ่งเอื้ออำนวยให้เล่าปี่เข้าไปอีก

ค.ศ. 215 เล่าปี่ชนะเล่าเจี้ยงและขึ้นเป็นเจ้าเมืองเสฉวน ต่อมา ทางด้านซุนกวนก็เตรียมทัพไปยึดเกงจิ๋วจากเล่าปี่อีกครั้ง แต่ยังไม่ทันไร โจโฉก็เตรียมยกทัพมาโจมตีซุนกวนอีกครั้ง ทัพที่ซุนกวนเตรียมไว้สู้เล่าปี่ ก็ต้องเปลี่ยนไปใช้สู้กับทัพโจโฉอีกครั้ง

ค.ศ. 216 โจโฉทำท่าต้องการจะยกตัวเองจากตำแหน่งวุยก๋ง เป็นวุยอ๋อง (Prince / King) ซึ่งถือได้ว่าเป็นศักดิ์ที่อยู่สูงมาก จนพระเจ้า...นเต้เริ่มกังวลในตำแหน่งตน จึงเขียนสาส์นไปให้พระมเหสีช่วยกันคิดแผนกำจัดโจโฉที แต่เมื่อโจโจทราบเรื่อง ก็จับพระมเหสีและคนในครอบครัวประหารจนหมด แล้วยกบุตรสาวของตนเป็นมเหสีของพระเจ้า...นเต้แทน ทำให้โจโฉกลายเป็นพ่อตาของพระเจ้า...นเต้ไปในตัว

เมื่อโจโฉมีอำนาจล้นฟ้า ก็จัดการคนที่ไม่เห็นด้วยกับตนจนหมด และเตรียมทัพเพื่อบุกยึดเสฉวน แต่ขงเบ้ง ก็ออกอุบายให้ซุนกวนหลงเชื่อ จนเผลอยกทัพมาตีเมืองของโจโฉ ทำให้โจโฉโกรธ เปลี่ยนเป้าจากเมืองเสฉวนเป็นรบกับซุนกวน จนทั้งสองฝ่ายบอบช้ำหนักจนเลิกราศึกกันไปเอง หลังเสร็จศึก โจโฉก็ได้รับตำแหน่งวุยอ๋อง

ค.ศ. 217 เล่าปี่ยกทัพมาตีเมืองฮันต๋งของโจโฉ โจโฉใช้ขุนศึกหลายคน แต่สติปัญญาของขงเบ้ง ก็เล่นงานโจโฉจนแตกพ่ายไม่เป็นท่าไปหลายครั้งเช่นกัน

ค.ศ. 219 โจโฉแพ้ ยกทัพกลับ ทำให้เล่าปี่ขึ้นครองฮันต๋ง ซึ่งภายหลัง คนรอบข้างต่างพร้อมใจสถาปนาเล่าปี่ เป็นอ๋องแห่งแคว้นฉู่เหมือนโจโฉ โจโฉโกรธจัด จึงยกทัพมาตีเสฉวน และส่งสาส์นไปบอกให้ซุนกวนยกทัพมาตีเกงจิ๋วพร้อมๆ กัน เพื่อให้เล่าปี่ถูกโจมตีพร้อมกันสองด้าน แล้วโอกาสแพ้ของเล่าปี่จะเพิ่มขึ้น

ขงเบ้ง แม้จะวางอุบายต่างๆ ไว้ แต่ด้วยความที่ครั้งนี้ ซุนกวนได้ที่ปรึกษาที่ฉลาดพอใช้มาร่วมงานหลายคน ประกอบกับขุนศึกที่สำคัญของเล่าปี่ อย่าง กวนอู เตียวหุย ต่างเริ่มชรา สังขารเริ่มไม่อำนวย จนผลสุดท้ายต้องเสียเกงจิ๋วไป และกวนอูถูกซุนกวนจับตัว และในปีนั้นเอง กวนอูก็ถูกซุนกวนสั่งประหาร เล่าปี่เสียใจมาก เตรียมทัพเพื่อรอจังหวะเหมาะไปล้างแค้นซุนกวน

ค.ศ. 220 โจโฉป่วยหนัก และเริ่มเกิดอาการประสาทหลอน เห็นวิญ



vมังกรหลับv
#40   vมังกรหลับv    [ 07-05-2008 - 21:01:36 ]

มีเรื่อง ความฝันในหอแดงด้วยหรอ มีแบบเต็มๆเรื่องปะ



ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube