ฝากกลอนเพราะๆให้อ่านเล่นคับ
มีกลอนบทหนึ่งซึ่งแต่งไว้ให้แก่ฮ่องเต้หญิงพระองค์นี้ ได้มีการแปลเป็นไทยได้ความว่า
นับเป็นบุญ ช่วยหนุนนำ หรือกรรมซัด
สวรรค์จัด ให้กำเนิด เกิดใต้ฟ้า
ฤานรก บีฑาคน ดลเธอมา
ลงเป็นข้า ในพระองค์ ถังไท่จง
เป็นสตรี ถือดีมา กว่าหญิงอื่น
กล้าหยัดยืน ฝืนชะตา ที่ฟ้าส่ง
ขอลิขิต ขีดเส้นทาง อย่างทะนง
เป็นนางหงส์ คงเคียงคู่ หมู่มังกร
ใครกำหนด กดสตรี มิแจ้งเกิด
บุรุษเลิศ ประเสริฐล้ำ นำหน้าก่อน
ส่วนนารี สิอยู่หลัง ดังขั้นตอน
คือคำสอน กลอนโบราณ สานสืบมา
เปลี่ยนแนวคิด ขีดเส้นใต้ ให้คำใหม่
ขอก้าวไกล ไปเป็นหนึ่ง ซึ่งเหนือหล้า
เป็นฮ่องเต้ ยอดหญิงเหล็ก เสกบัญชา
ฤทธิ์เทียมฟ้า นางพญา บูเช็กเทียน
ใคร่ขอถาม ว่าท่านคิดว่า ระหว่าง บูเช็คเทียน กับ ซูสีไทเฮา ใครชั่วช้าอำมหิตกว่ากัน
|
vมังกรหลับv |
#21 vมังกรหลับv [ 06-08-2007 - 19:46:56 ] |
|
fhasatumton | |
![]() |
คือ อย่างนี้ครับ บูเช็คเทียน น่ะ ผมรู้มาไม่มาก แต่ แม่ผมบอกว่า อาม่า ผมอ่ะ (ในที่นี้ หมายถึง แม่ของแม่) บอกว่า หญิงโฉดชั่ว อย่าไปดูเลย สงสัย ตอนนั้น คงฉายทางโทรทัศน์อยู่ ผมก็ไม่รู้ว่า ชั่วยังไง สงสัย ว่า ชั่ว ตรงที่ ฆ่าลูกตัวเอง มั้งครับ |
vมังกรหลับv |
#23 vมังกรหลับv [ 06-08-2007 - 20:03:05 ] |
|
แปลว่า อาม่าคุณ ยังรู้จักบูเช็คเทียนไม่ดีพอคับ คำของผู้ใหญ่คนโบร่ำโบราณต้องฝังหูไว้หูคับ เรื่องเล่าจากอากงอาม่าผมก็มีมากคับ แต่พอไปอ่านจริงๆแล้วจะรู้ได้เลยว่า 80เปอร์เซ็นต์ของเรื่องที่เล่าต่อๆกันมานี้ถูกบิดเบือน อย่างเรื่องเล่าหลายๆเรื่องของจีนไงที่เล่าต่อๆกันมาเป็นร้อยปี บางเรื่องตัวละครเป็นเพียงคนธรรมดากับถูกบิดเบือนไปว่าเป็นเทพเหาะเหินเดินอากาศได้ ก็มีถมเถไป ชีวิตผมไม่เคยเชื่อสิ่งที่ได้รู้มานั้น100เปอร์เซ็นต์นะ นอกจากสิ่งนั้นผมจะเป็นคนทำมันเองกับมือผมจึงจะเชื่อได้ แต่ก็ไม่เต็ม100อีกหนะแหละ ภาษิตจีนโบราณว่าไว้ว่า ตำรายาลอกสามครั้งกินแล้วตาย นะคำนี้ใช้ได้ดีนะ |
vมังกรหลับv |
#24 vมังกรหลับv [ 06-08-2007 - 20:04:11 ] |
|
เรื่องของบูเช็คเทียนเป็นเรื่องแลกๆที่ผมได้อ่านจากการศึกษาประวัติศาสตร์อย่างจริงๆจังๆคับ แต่ก็รู้ความจริงประมาณ 50 เปอร์เซ็นเท่านั้นละมั้ง |
fhasatumton | |
![]() |
สมมุติว่า ซูสีไทเฮา ไม่ได้ขึ้นครองอำนาจ แล้ว ถงจื้อฮ่องเต้ กับ กวงสูฮ่องเต้ ได้ปกครองบ้านเมืองเอง จะเป็นยังไง และคิดว่า ลูกของถงจื้อฮ่องเต้ อาจจะได้ลืมตาดูโลก จากที่ผมอ่านเรื่อง ซูสีไทเฮา สตรีผู้สร้างตำนานสะท้านราชวงศ์จีน อ่านมาจากในห้องสมุด เห็นว่า ฮ่องเต้สององค์นี้ เก่งกาจไม่น้อย โดยเฉพาะ กวงสูฮ่องเต้ ทรงเป็น กหษัตริย์ที่ทันสมัย ถ้าไม่มีซูสีไทเฮา คิดว่า ประเทศจีน อาจจะมี ระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ก็เป็นได้ หรือ ทุกท่านเห็นว่ายังไง ช่วยตอบด้วย |
จอมยุทธ์มังกรน้อย |
#26 จอมยุทธ์มังกรน้อย [ 15-08-2007 - 18:15:56 ] |
|
ผมว่าเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ที่ประเทศจีนจะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย เพราะประเทศจีนมีประชากรเป็นพันๆล้านๆคน ถ้าปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยประเทศคงจะวุ่ยวายมากๆเลย คิดดูขนาดประเทศไทยมีประชากรแค่ 63 ล้านคน ประท้วงทีหนึ่งก็มีคนเป็นแสนคนมากที่สุด คือ ตอน 14ตุลา แล้วยังจันถ้าประท้วงทีหนึ่งก็คงเป็นล้านคนแน่ๆ ก็เหมือนก่อนที่จะเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ก็ได้มีการประท้วงกันที่จัตุรัสอะไรผมก็จําชื่อไม่ได้ แต่รู้ว่าเป็นล้านคน ผลที่ออกมาประชาชนที่ไปประท้วงตายเป็นเบือเพราะถูกทหารยิง ![]() |
vมังกรหลับv |
#27 vมังกรหลับv [ 15-08-2007 - 20:31:19 ] |
|
ถูกแล้วประเทศใหญ่ เขาต้องใช้ระบอบคอมิมวนิสต์อ่าแหละ เรื่องซูสีผมก็เคยอ่านมา ถึงกวงสูจะมีหัวสมัยใหม่ชื่อชอบประเพณีนิยมแบบตะวันตก แต่ถ้าคิดเลยเทิดไปถึงเปลี่ยนการปกครองของจีนที่มีกษัตริย์เป็นสมมุติเทพที่ยาวนานกว่า 4000 ปี + ของจีน คงมีข้าราชการราชสำนักไม่น้อยที่ต้องค้านอย่างหัวชนฝ่าโดยที่ไม่คิดกลัวว่าหัวจะแตกหรือจะไม่มีหัว ซึ่งการที่ต่างชาติเข้ามาล่าอาณานิคใกมีข้อดีมากนะคับ คือนำความเจริญมาให้ สมมุติว่า ถ้าตอนนั้นจีนไม่ได้ถูกต่างชาติยึด และยังคงความเป็นมังกรกายสิทธิ์มาถึงทุกวันนี้ท่านว่าจะเป็นอย่างไรลองคิดดูเถิดคับ จีนคงจะเป็นประเทศที่ปิดประเทศไม่สนใจกับประเทศเพื่อนบ้านบริหารราชการแผ่นดินของเขาแต่ในประเทศ จากประเทศที่เรียกตัวเองว่าเป็นศูนย์กลางของโลก และ เรียกคนรอบนอกว่าคนเถื่อนไม่นานจีนจะต้องกลายเป็นประเทศที่ถูกเรียกว่าคนเถื่อนไปเอง |
vมังกรหลับv |
#28 vมังกรหลับv [ 15-08-2007 - 22:25:14 ] |
|
ซูสีไทเฮา พยายามจะเอาอย่างบูเช็คเทียนอะมั้งคับ บูเช็คเทียนนี่เป็นยอดนักปกครองคนนึงเลยทีเดียวหละ แม้แต่นักประวัติศาสตร์ที่มีอคติกับนางยังบันทึกว่านางปกครองและบริหารประเทศได้ดี |
จอมยุทธ์มังกรน้อย |
#29 จอมยุทธ์มังกรน้อย [ 16-08-2007 - 13:43:14 ] |
|
ใช้ครับ ชูสีไทเฮา พยายามทําเอาอย่างบูเช็คเทียน อยากเป็นนักปกครองหญิงที่เก่งเหมือนบูเช็คเทียน แต่ในทางตรงกันข้ามนางกลับทําให้ราชวงศชิงล่มสลายและโดนชาวต่างชาติมายึดดินแดนจีนไป อันเนื่องมาจาก ตอนนั้นนางได้แอบสนับสนุนกลุ่มกบฏบ็อคเซอร์ หรือพูดง่ายพวกกลุ่มกบฏที่เป็นนักมวยจีน ที่ออกมาต่อต้านชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศจีน ซึ่งตอนหลังฝ่ายกบฏก็เป็นฝ่ายแพ้ พระนางชูสีไทเฮาก็ได้หนีไป ผมคิดว่าการตัดสินใจของนางเป็นการทําให้ราชวงศ์ชิงและราชวงศ์สุดท้ายของจีนที่มีอายุ 260 ปี ต้องล่สลายไป แต่ถ้านางใช้วิธีแบบ รัชกาลที่ 5 ของเรานะ ผมว่า จีนก็อาจจะปกครองแบบกษัตริย์อยู่ก็ได้ ![]() |
แมมมอส | |
![]() |
ซูสีไทเฮา (ภาษาจีน: 慈禧太后; พินอิน: Cíxǐ Tàihòu ฉือสี่ไท่โฮ่ว) (29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1835 – 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1908) หรือรู้จักกันในประเทศจีนว่า ไทเฮาฝ่ายตะวันตก (西太后) และพระนามแต่งตั้งว่า เสี้ยวชินเซียนฮองเฮา (孝欽顯皇后) พระนางทรงเป็นผู้นำที่ทรงอำนาจและอยู่เบื้องราชสำนักจีนในสมัยราชวงศ์ชิง พระนางทรงอยู่ในอำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1861 จนสิ้นพระชนม์ใน ค.ศ. 1908 นักประวัติศาสตร์พิจารณาแล้วว่าพระนางทรงตัดสินพระทัยอย่างดีที่สุดแล้วที่จะจัดการกับภาวะยากลำบากต่างๆ ในยุคนั้น แต่ด้วยความคิดอนุรักษ์นิยมของพระนางและชาติตะวันตกที่เข้ามามีอิทธิพลเหนือแผ่นดินจีนมากเรื่อยๆ ทำให้ราชสำนักและประเทศจีนในครั้งนั้นด้อยเรื่องเทคโนโลยีจนถูกต่างชาติครอบงำในที่สุด นางเกิดในรัชสมัยของจักรพรรดิเต้ากวง (道光) โดยเป็นบุตรขุนนางทหารเล็ก ๆ ผู้หนึ่ง เดิมชื่อ เยโฮนาลา เข้าถวายตัวในวังเมื่ออายุได้ 17 ปี ใน 3 ปีแรก นางไม่ได้พบกับพระจักรพรรดิเลย แต่นางใช้ความสามารถในทางร้องรำ จนทำให้ได้พบปะกับจักรพรรดิจนได้ในที่สุดด้วยชั้นเชิงและความทะเยอทะยานของนาง ซูสีไทเฮาได้เป็นมเหสีในจักรพรรดิเสียงเฟิง (咸丰皇帝)หลังจากจักรพรรดิเสียนเฟิงสวรรคตในค.ศ. 1861 พระนางและฉืออันไทเฮา (慈安太后) ก็ได้ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนจักรพรรดิองค์น้อยนามถงจื้อ (同治皇帝) ผู้เป็นพระโอรสของจักรพรรดิเสียนเฟิงในฐานะฮองเฮาหรือพระราชชนนี ภายใต้การชักนำของพระอนุชาของจักรพรรดิเสียนเฟิง ไทเฮาทั้ง 2 ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จนถึงค.ศ. 1873 เมื่อจักรพรรดิถงจื้อทรงมีพระชนมายุที่สามารถขึ้นมีพระราชอำนาจได้ 2 ปีต่อมา จักรพรรดิถงจื้อผู้ยังทรงพระเยาว์สวรรคต ซูสีไทเฮาฝ่าฝืนกฏการสืบสันตติวงศ์โดยนำหลายชายนาม กวางซวี (光绪皇帝) อายุเพียง 3 ขวบ ขึ้นมาเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป ไทเฮาทั้ง 2 พระองค์ก็ยังคงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระจักรพรรดิเช่นเดิม จนเมื่อฉืออันไทเฮาสิ้นพระชนม์ในค.ศ. 1881 ซูสีไทเฮาจึงได้ขึ้นมีอำนาจเต็มเหนือแผ่นดินจีน เมื่อจักรพรรดิกวางซวีผู้เป็นหลานของพระนางถึงพระชนมายุที่สามารถขึ้นมีพระราชอำนาจได้ พระนางก็วางมือจากการบริหารราชสำนัก ถึงกระนั้นก็ยังส่งสายลับของพระนางเข้าไปเป็นเครือข่ายในราชสำนักอยู่ดี หลังจากที่จีนแพ้สงครามกับญี่ปุ่น (ค.ศ. 1894-ค.ศ. 1895) จักรพรรดิกวางซวีก็ทรงเริ่มการปฏิรูปประเทศในหลายๆ ด้าน ซึ่งรู้จักกันในนาม "การปฏิรูปร้อยวัน" ส่งผลให้ซูสีไทเฮาทรงร่วมมือกับกองกำลังทหารซึ่งมีความคิดอนุรักษ์นิยมเช่นเดียวกับพระนางเข้ายึดพระราชอำนาจ และขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการอีกครั้ง นอกจากนั้น ยังทรงจับจักรพรรดิไปคุมขังในพระที่นั่งกลางทะเลสาบทางตะวันตกของนครต้องห้ามอีกด้วย ในปีต่อมา ซูสีไทเฮาได้หนุนหลังกลุ่มจลาจลหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่ต่อต้านการปฏิรูปและต่อต้านชาวต่างชาติ ต่อมา กองกำลังทหารต่างชาติได้บุกเข้าพระราชวังต้องห้ามและยึดกรุงปักกิ่งไว้ได้ ทำให้ซูสีไทเฮาต้องยอมรับข้อตกลงสงบศึก และพระนางทำการปฏิรูปประเทศจีนตามข้อตกลงทั้งที่พระนางเคยขัดขวางจักรพรรดิไว้ พระนางดำรงพระราชอำนาจซึ่งลดลงเรื่อยๆ จนสิ้นพระชนม์ในค.ศ. 1908 จักรพรรดิกวางซวีสวรรคตก่อนพระนางซูสีไทเฮาเพียง 1 วัน มีรายงานว่าเป็นเพราะพระนางมีพระบัญชาให้วางยาปลงพระชนม์พระจักรพรรดิ มีผู้กล่าวไว้ว่า พระราชอำนาจของพระนางซูสีไทเฮามีเทียบเท่ากับสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียในสมัยเดียวกัน อย่างไรก็ตาม นอกจากด้านการเมืองแล้ว พระนางทรงสร้างคุณประโยชน์ให้เป็นที่จดจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านศิลปะ เช่น งิ้ว และยังทรงก่อตั้ง สวนสัตววิทยาปักกิ่งในค.ศ. 1906 ซึ่งต่อมาสวนสัตววิทยาแห่งนี้เป็นสถาบันแรกที่ขยายพันธุ์หมีแพนด้าสำเร็จ สำหรับชาวไทย อาจจะคุ้นเคยกับพระนางซูสีไทเฮาจากภาพยนตร์เรื่อง ซูสีไทเฮา และ จักรพรรดิโลกไม่ลืม (The Last Emperor) เมื่อนานมาแล้ว ที่แสดงภาพลักษณ์ของพระนางว่าเป็นผู้หญิงผู้ทรงอิทธิพลสูงสุดคนหนึ่งของประวัติศาสตร์จีน พระนางซูสีสวรรคตเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2451(ค.ศ. 1908) |
แมมมอส | |
![]() |
พระราชวังต้องห้ามล่มสลายแล้ว ณ ราชวงศ์ชิง จบบทบาทหญิงผู้ทรงอำนาจสูสีไทเฮา ![]() ![]() ![]() ![]() |
แมมมอส | |
![]() |
บูเช็คเทียน ผู้หญิง เป็นเพศที่มักถูกกำหนดให้อยู่เบื้องหลังเสมอ แม้ว่าในประวัติศาสตร์จะปรากฏ ชื่อผู้หญิงหลายคน ที่เป็นผู้ชี้นิ้วกำหนดชะตาผู้ชายด้วยวิธีแยบยลนุ่มนวล อย่าง เนเฟอร์ตีติ ที่กำอำนาจจากสามี ไว้ในมือ จนได้ครองตำแหน่ง สูงที่สุดของฝ่ายใน คือเป็นราชินีของอียิปต์ เช่นเดียวกับพระนางฮัทเซปซุทแห่งอียิปต์ที่ก้าวขึ้นเป็น ฟาโรห์ ได้สำเร็จ นางบูเช็คเทียน เป็นหญิงที่ประวัติศาสตร์จีนต้องจารึกไว้ ในความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ...มโหด อย่างผู้ชายอกสามศอกยังต้องถอย เพราะนางคือผู้ที่ก้าวขึ้นมาเป็นฮ่องเต้สตรีองค์แรกและองค์เดียวของจีน นางเกิดมาในสมัยที่ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้าผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง ไม่มีสิทธิ์มีเสียงแต่บูเช็คเทียนกลับตาลปัตรมานำหน้า ทั้งยังหาความสำราญให้ตัวเองแบบที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าทำ ผู้คนก็เลยพูดถึงพระนางในแง่ลบ ว่าเป็นคนเลวร้ายมักมากในกามคุณมักใหญ่ใฝ่สูง อำมหิตโหดร้าย ฆ่าคนยังกับผักปลา แต่นางกลับปกครองแผ่นดินที่กว้างใหญ่และพลเมืองมากที่สุดในโลกได้อย่างไม่น่าเชื่อ บูเช็คเทียนเกิดมาจากครอบครัวธรรมดา พ่อของนางเป็นพ่อค้าธรรมดาๆ ภายหลังรับราชการอยู่หัวเมืองรอบนอกส่วนมารดาก็เป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา นามเดิมก่อนที่นางจะได้เข้าไปอยู่ในพระราช สำนักคือ บูเหม่ยเหนียงแปลว่า โฉมงามเลอเสน่ห์ สมัยที่ยังเป็นเด็กมารดามักจับนางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าของเด็กชายจนใครๆ ที่พบเห็นนึกว่าเป็นเด็กผู้ชาย มีเรื่องเล่าว่ามีโหรใหญ่คนหนึ่งชื่อหยวนเทียนกังมา เห็นเข้า นึกว่าหนูน้อยน่ารักคน นี้เป็นเด็กชายจึงออกปากทักว่า เด็กคนนี้ถ้าหากเป็นหญิงล่ะก็ ต่อไปจะได้เป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินจีนเป็นแน่ ยิ่งกว่านั้นเมื่อเข้าวังไปแล้ว โหราศาสตร์แห่งราชสำนักยังพยากรณ์สำทับอีกว่า ต่อไปสตรีแซ่อู่จะมีอำนาจขึ้นล้มราชวงศ์ถัง ด้วยอายุเพียง 14 ปี กิตติศัพท์ความงามของนางก็ลือลั้นไปทั่ว จนรู้ไปถึงพระกรรณพระเจ้าถังไทจง ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ถัง พระองค์จึงทรงมีดำรัสตรัสสั่งให้นำนางเข้าวังมาถวายตัวเป็นนางสนมในราชสำนักและด้วย ความงามกับเสน่ห์อันเย้ายวน นางจึงกลายเป็นสนมที่พระเจ้าถังไทจงรักและหลงเป็นยิ่งนัก ขณะเดียวกันไทจือหรือราชโอรสที่เป็นรัชทายาทผู้มีนามว่า “ หลี่จื้อ “ ก็มีจิตปฏิพัทธ์ต่อบูเช็คเทียนด้วย ความสวยของบูเช็คเทียนจึงเปรียบเสมือนถนนราดยางอย่างดี นำพาตัวเองไปสู่ความโดดเด่นเหนือสนมกำนัลในทั้งปวง ว่ากันว่า องค์ไทจือนั้นสนิทเสน่หาในตัวนางมากๆทั้งที่มีมเหสีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่อาจทำอะไรนอกลู่นอกทางได้นอกจากเฝ้ารอคอยเวลาที่ จะได้ชื่นชมตัวนางเท่านั้น แต่แล้วไทจือก็ไม่ต้องทรงรอนาน เมื่อพระเจ้าถังไทจงผู้เป็นพระราชบิดาสิ้นพระชนม์ลง พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้สืบต่อราชบัลลังก์ ความสนิทเสน่หาในตัวบูเช็คเทียนที่ตรา อยู่ในดวงหทัยของพระองค์เพิ่มมากขึ้นเป็นเงา และเมื่อพิษสวาทกำเริบหนัก พระองค์ก็อาจหาญสึกบูเช็คเทียนซึ่งจำ ต้องโกนหัวเข้าวัดบวชตามโบราณราชประเพณี มาเป็นสนมเอกของพระองค์สมความปรารถนา บูเช็คเทียนได้เข้าวังอีกครั้ง และรั้งตำแหน่งใหญ่กว่าเดิม นางเริ่มคิดกำเริบในใจว่าไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นข้าบาท บริจาริกาเท่านั้น หากจะต้องยิ่งใหญ่กว่าใครในราชสำนักฝ่ายในและหนทางที่จำไปสู่อำนาจได้นั้นต้องอาศัยความแยบบลและรอบคอบ นางจึงใช้ความฉลาดวางหมากเดินแต้ม โดยเหยียบย่ำลงบนเลือดเนื้อและชีวิตของผู้คนมากมาย ไม่เว้นแม้แต่เลือดเนื้อเชื้อไข ลูกในไส้ของตนเอง ! ในตอนแรก บูเช็คเทียนค่อยๆ ดำเนินการตามเป้าหมายอย่างนิ่มนวล รวบอำนาจฝ่ายในไว้ในมือ โดยแผนการของนางนั้นเรียกได้ว่าต้องลงทุนมหาศาลและต้องใช้ความ...มโหดจนใครก็นึกไม่ถึง นั่นคือ นางลงทุนบีบคอธิดาน้อยองค์เดียวของตนเองจนตายคามือ และป้ายความผิดให้กับฮองเฮา ! มันเป็นหมาก ที่บูเช็คเทียนมอง ไว้ทะลุปรุโปร่งเกาจงฮ่องเต้เชื่อสนิท ทรงพิโรธโกรธเกรี้ยวและทรงสั่งถอดถอน พระนางออกจากตำแหน่งทันที ก่อนจะนำไป คุมขังไว้ในตำหนักเย็นอันเป็นเสมือนคุกดีๆ นี่เอง บูเช็คเทียนคิดว่าคงจะพบทางสว่างที่จะได้ขึ้นตำแหน่งใหญ่แทนฮองเฮา แต่ก็ยังได้รับการคัดค้านจากขุนนาง ผู้ใหญ่ นางแค้นใจแต่ก็ไม่ว่าอะไร ค่อยๆ กระเถิบก้าวไปข้างหน้าด้วยตัวเอง โดยการคบหาบัณฑิตจอหงวนรุ่น ใหม่เสมอทำให้รอบรู้กว้างขวาง มีสายตากว้างไกล ความพยายามของนางในการขึ้นสู่ตำแหน่งสูงก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อเสนาบดีฝ่ายกลาโหมให้ความสนับสนุนทำให้ พระเจ้าถังเกาจงสามารถแต่งตั้งนางขึ้นเป็นฮองเฮา โดยไม่หวั่นไหวต่อคำทัดทานของเสนาบดีคนใดอีกนับว่า ได้ก้าวขึ้นมาถึงจุดสุดยอดของอำนาจฝ่ายในอย่างที่นางต้องการได้สำเร็จ แต่ว่าเส้นทางสู่อำนาจวาสนาของนางมิใช่จะสิ้นลงตรงนี้ หากทอดยาวไปถึงบัลลังก์ฮ่องเต้เลยทีเดียว พระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้พระสวามี แม้จะอยู่ในวัยหนุ่มแน่นแต่ทรงอ่อนแอประชวรจนพระวรกายซูบซีดลงเป็นลำดับ ไม่ช้าก็ทรงเห็นราชการเป็นงานหนัก เมื่อพระองค์ทรงท้อแท้พระนางบูเช็คเทียนจึงเข้ามากำกับราชการถวายอยู่หลังพระวิสูตร (ม่าน) ในขณะที่ประทับบัลลังก์มังกรว่าราชการในท้องพระโรง นางมีความรู้เรื่องในการปกครองไม่เหมือนผู้ชายจนมีความเห็นว่าน่าจะกระทำการคัดเลือกข้าราชการด้วยการสอบ แทนที่จะใช้ “ เส้น “ ฮ่องเต้ก็ทรงเห็นด้วย ต่อมาฐานของบูเช็คเทียนซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถสอบผ่านเข้ามาเป็นขุนนางได้ จึงทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว นางวางหมากไว้อย่างเป็นระบบ และนางก็กลายเป็นผู้มีอำนาจสามารถสั่งงานแทนฮ่องเต้หมดทุกเรื่อง ด้วย เหตุผลนี่ฮ่องเต้ทรงเกรงในความเด็ดขาดของนางที่สามารถว่าราชการแทนพระองค์และประสบความสำเร็จทุกครั้ง ในเวลาต่อมาไม่ว่าบูเช็คเทียนจะสั่งอะไรก็ไม่มีใครกล้าไปขัดขวาง ไม่อย่างนั้นจะมีชีวิตอยู่ในโลกได้ไม่นาน ขุนนางที่กระด้างกระเดื่องล้มตายลงไปมาก เพราะคำสั่งของพระนางไม่ว่าทาง ตรงหรือทางอ้อม หนึ่งในจำนวนคนที่ต้องตายเพราะขวางหูขวางตาฮองเฮานี้ยังรวมไปถึงพี่น้องของนางเองด้วย สาเหตุเพราะพี่สาวของนางบังอาจเข้ามาเป็นสนมอีกคนหนึ่งของฮ่องเต้ ซึ่งบูเช็คเทียนถือว่าเป็นการทรยศอย่างที่ให้อภัยไม่ได้ พี่สาวผู้นั้นมีความสุขกับฮ่องเต้ได้ไม่นานก็ต้องตายกระทันหันด้วยสาเหตุอาหารเป็นพิษ ทั้งฮ่องเต้และทุกคนในวังรู้ดีว่าเป็นฝีมือ ของบูเช็คเทียนแต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ ยิ่งไปกว่านั้นพระนางยังมีอำนาจในมืออย่างเต็มที่ พระนางเริ่มกำจัดขุนนางตงฉินหลายคน ทรงวางยาเจ้าชายรัชทายาทอีกด้วย บ้านเมืองเริ่มไม่สงบสุข โดยเฉพาะซิกังบุตรของซิเตงซันผู้เคยมีบทบาทในราชสำนักอย่างมาก มีความเคียดแค้นการกระทำของพระนางจนก่อการกระด้างกระเดื่อง พระนางรับสั่งให้จับตัวมาประหารทันที พระเจ้าถังเกาจงก็ช่วยอะไรไม่ได้ในที่สุดพระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้ก็สิ้นพระชนม์ ราชโอรสของพระเจ้าถังเกาจง ผู้เป็นไทจือขึ้นครองราชบัลลังก์มังกรต่อ ทรงพระนามว่า “ พระเจ้าถังจงจงฮ่องเต้ “ บูเช็คเทียนเปลี่ยนฐานะจากมเหสี-ฮองเฮา เป็นพระราชชนนีฮองไทเฮา แต่ก็ทรงอำนาจเหมือนเดิม ไม่ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะทำอะไร เป็นต้องได้รับความเห็นชอบ จากฮองไทเฮาก่อนเสมอ หนทางอำนาจนั้นย่อมโรยด้วยขวากหนามเป็นธรรมดา พระนางต้องผจญกับการต่อต้านจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมากมาย แต่พระนางก็ปราบได้ด้วยความเข้มแข็ง ต่อมาพระนางก็ได้ลงมือโค่นอำนาจฮ่องเต้ซึ่งเป็นโอรสของพระนาง เองแล้วสถาปนาขึ้นเป็นฮ่องเต้สตรีคนแรก (องค์เดียว) ของจีน เปลี่ยนราชวงศ์ใหม่เป็นราชวงศ์โจว ปีนั้นพระนางอายุถึง 64 ชันษาแล้ว บุคคลิกที่ขัดแย้งของพระนางบูเช็คเทียนนอกจากความ...มหาญไม่แพ้ชายแล้ว อีกด้านหนึ่งนางกลับเป็นคน ที่มีความละเอียดอ่อนละเมียดละไมมากพอที่จะเขียนกลอนได้อย่างไพเราะ พระนางแต่งกวีได้หลายบทตั้งแต่สถาปนาตัวเองเป็นฮ่องเต้ มีทั้งบทความรัฐศาสตร์ ปรัชญาโอวาท พระนางยังเป็นคนที่คิดวิธีเร่งดอกไม้บานได้ มีเรื่องเล่าว่าพระนางดำรัสสั่ง ให้นางกำนัลออกไปบังคับดอกไม้ให้บาน วันรุ่งขึ้นดอกไม้ก็บาน ด้วยวิธีที่ง่ายนิดเดียวคือ ต้มน้ำร้อนให้เดือด แล้วนำไปตั้งไว้ในราชอุทยานทุกหนทุกแห่ง ไอน้ำเป็นตัวช่วยเร่งให้ดอกไม้แย้มกลีบบานได้ทุกดอก ถือเป็นความเฉลียวฉลาดของพระนางที่ยากจะหาใครมาเทียบรัศมีได้ เรื่องราวของฮ่องเต้สตรีคนนี้ตื่นเต้นกว่านิยายเสียอีก นอกเหนือจากความ...มโหดผิด ผู้หญิงของพระนางแล้วต้องถือว่าพระนางสมควรจะได้รับการยกย่อง ว่าเป็นหญิง ที่สามารถที่บริหารบ้านเมืองได้ในทุกๆ ทางไม่เว้นแม้แต่ด้านศึกสงคราม ในบั้นปลายชีวิตของพระนางบูเช็คเทียนทรงพระชันษายืนยาวถึง 80 ปี แต่ก็ยังไม่ยอมมอบอำนาจให้ใคร จนโอรสองค์ที่เคยเป็นฮ่องเต้ถังจงจงต้องกราบทูลขอบัลลังก์คืนโดยมีเสนาบดีสนับสนุน บูเช็คเทียนจึงทรงคืนบัลลังก์ให้แล้ว เสด็จไปประทับนอกเมืองก่อนจะสิ้นพระชนม์ลงด้วยโรคชราเมื่อพระชนม์มายุ 81 ปี ปัจจุบันสุสานของพระนางนับเป็นสุสานที่สวยงามมาก ตั้งอยู่เคียงคู่กับที่ฝังพระศพของถังเกาจงฮ่องเต้ ซึ่งพระนางได้สั่งให้จารึกแผ่นศิลาสรรเสริญเกียรติคุณไว้ด้านหน้า แต่แปลกที่แผ่นศิลาของพระนางกลับ ว่างเปล่าเพราะพระนางสั่งไว้ว่าไม่ต้องการให้จารึกอะไรไว้ทั้งสิ้น |
fhasatumton | |
![]() |
ข้าพเจ้า อยากรู้ เรื่องราว ของ หญิงเหนือมังกรอีกมาก ได้โปรด ช่วยบอกด้วย |
fhasatumton | |
![]() |
เฮ้อ...โลกนี้ช่างกว้างใหญ่นัก |
o เทพกระบี่ o |
#37 o เทพกระบี่ o [ 07-09-2007 - 09:11:02 ] |
|
ข้าน้อยว่าต้องเป็นพระนางบูเช็คเทียน เป็นเเน่ นางสังหารลูกของตนเพื่อให้ตนเองได้ขึ้นครองราช |
|