ยุคก่อนประวัติศาสตร์
ได้มีการขุดค้นพบเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำจากหินที่บ่งบอกถึงการตั้งถิ่นฐานบนคาบสม
ุทรเกาหลีซึ่งมีอายุประมาณ 50,000 ปี ทำให้ทราบว่ามีผู้คนอาศัยอยู่บนคาบสมุทรเกาหลีมาตั้งแต่สมัยยุคหินเก่าแล้ว หลังจากนั้นได้มีการค้นพบเครื่องปั้นดินเผาที่ทำจากดินเหนียวปนทราบประเภทไห ซึ่งมีลักษณะลวดลายเป็นแนวยาว โดยนักโบราณคดีได้เรียกเครื่องปั้นดินเผารูปแบบนี้ว่า “เครื่องมือเครื่องใช้ลายฟันหวี” เครื่องปั้นดินเผาแบบนี้นั้น พบมากในบริเวณเอเชียเหนือและแถบไซบีเรีย
นอกจากนี้แล้ว ยังพบเครื่องมือเครื่องใช้อื่นๆ เช่น หัวธนูและมีดที่ทำจากหิน ฉมวกและตาข่ายดักปลา ทำให้ทราบว่า บรรพบุรุษชาวเกาหลีในสมัยก่อนนั้น ตั้งถิ่นฐานอยู่แถบชายทะเล หาเลี้ยงชีพด้วยการจับปลาและล่าสัตว์ จากนั้น ก็ได้มีการขยายการตั้งถิ่นฐานเข้ามาด้านในของคาบสมุทรมากขึ้น ได้มีการริเริ่มทำการเพาะปลูกขึ้นแล้วในสมัยนี้ หลังจากนั้นแล้ว ก็ได้มีการรับเอาเทคโนโลยีการผลิตโละหะสัมฤทธิ์จากจีนมาใช้ทำเป็นอาวุธ
ชาวเกาหลีในขณะนั้น อาศัยอยู่ตามถ้ำ มีการรวมกลุ่มกันครอบครัว และรวมตัวกันเป็นสายตระกูล โดยมีชายที่มีอายุมากที่สุดในสายตระกูลเป็นหัวหน้า เมื่อหัวหน้าตระกูลตัดสินใจอะไร สมาชิกก็ต้องปฏิบัติตาม ยกเว้นการตัดสินใจในเรื่องสำคัญจะมีการปรึกษากันเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน นอกจากหัวหน้าสายตระกูลจะมีหน้าที่ทางด้านการปกครองแล้ว ยังมีหน้าที่ทางศาสนาด้วย ชาวเกาหลีในสมัยนั้นยังมีคติความเชื่อว่ามีวิญญาณในธรรมชาติและจักรวาล (Animism) และหัวหน้าตระกูลได้รับการยอมรับว่าสามารถติดต่อกับวิญญาณเหล่านี้ได้ ดังนั้น หัวหน้าตระกูลจึงต้องประกอบพิธีกรรมบวงสรวงวิญญาณเพื่อป้องกันเหตุร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นกับสายตระกูลของตน
ลักษณะที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งในยุคก่อนประวัติศาสตร์ คือ การห้ามแต่งงานในสายตระกูลเดียวกัน จึงทำให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างสายตระกูล เมื่อความสัมพันธ์กว้างขวางขึ้น จึงเกิดการรวมตัวกันเป็นชนเผ่า มีชื่อว่า ชนเผ่าโชซอนเก่า
ยุคโชซอนเก่า
ในช่วง 300-400 ปีก่อนคริสตกาลนั้น ชนเผ่าโซชอนเก่านั้น มีอิทธิพลอยู่แถบบริเวณลุ่มแม่น้ำเหลียว ซึ่งหัวหน้าตระกูลนั้นได้รับอิทธิพลจากจีนจึงได้สถาปนาตนขึ้นเป็น “กษัตริย์” และตั้งเป็นอาณาจักรโชซอนเก่าขึ้น โดยกษัตริย์ของอาณาจักรโชซอนเก่านั้น สามารถรบชนะรัฐใกล้เคียงในบริเวณลุ่มแม่น้ำเหลียวได้อย่างมากมาย ทำให้อาณาจักรโซซอนสามารถมีอำนาจเหนือบริเวณลุ่มแม่น้ำเหลียวได้ทั้งหมด ต่อมาเมื่ออาณาจักรโชซอนเก่าเริ่มอ่อนแอลง รัฐต่างๆ ก็รวมตัวกันโดยมีรัฐเยนเป็นหัวหน้าเข้าโจมตีอาณาจักรโชซอนเก่า ทำให้อาณาจักรโชซอนเก่าต้องถึงจุดสิ้นสุดลง
การดำรงชีวิตของชนเผ่าโชซอนเก่านั้น มีการพัฒนาจากกการอาศัยอยู่ในถ้ำมาเป็นการสร้างบ้านด้วยไม้ โดยบ้านของชาวเกาหลีนั้น จะมีระบบทำความร้อนโดยการก่อไฟให้ความร้อนอยู่ใต้ถุนบ้าน และระบายควันออกทางปล่องไฟ ซึ่งบ้านแบบนี้ยังสามารถพบเห็นได้ในปัจจุบัน นอกจากนั้นแล้ว มีการรับเทคโนโลยีการใช้เหล็กจากจีน ส่วนประเพณีการฝังศพนั้นในสมัยนี้จะใช้วิธีการขุดหลุมฝังศพหรือไม่ก็ทำเป็นเนินดิน ซึ่งคล้ายกับประเพณีการฝังศพแบบจีนหรือการทำฮวงซุ้ย
ในด้านการปกครองนั้น เมื่อมีการรวมกลุ่มกันมากขึ้น ก็จึงต้องมีข้อกำหนดร่วมกันมาบังคับใช้ในชุมชน โดยมีการจัดทำกฎหมายเกี่ยวกับสมัยโชซอนเก่า เพื่อใช้ในการควบคุมประชาชนในอาณาจักรโชซอนเก่า ซึ่งกฎหมายนี้นั้นจะมีทั้งข้อกระทำผิดและบทลงโทษ เช่น หากขโมยสิ่งของ ก็ต้องไปรับใช้เจ้าของนั้น และต้องชดใช้ด้วยข้าวเปลือกให้แก่เจ้าของสินทรัพย์นั้น แสดงให้เห็นว่า ในสมัยนั้นได้มีทาสเกิดขึ้นแล้ว และมีข้าวเปลือกเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
ต่อมาเมื่อ 109 ปีก่อนคริสตกาล อาณาจักรจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่น ได้ขยายตัวมาทางคาบสมุทรเกาหลี โดยส่งกำลังเขายึดเมืองวังกอม เมืองหลวงของอาณาจักรโชซอนเก่า และรวมดินแดนโชซอนโบราณเข้ากับจีนได้เป็นผลสำเร็จ จากการที่จีนสามารถยึดครองอาณาจักรโชซอนเก่า ทำให้วัฒนธรรมของจีนได้ถูกปลูกฝังในดินแดนแถบนี้เป็นอย่างมาก
ในระหว่างนั้นเอง ได้มีการตั้งอาณาจักรโคกูเรียวขึ้นบริเวณที่ราบลุ่มระหว่างแม่น้ำทงกาและแม่น้ำอัมนก
ซึ่งลักษณะการรวมตัวกันจะคล้ายกับการรวมตัวของชนเผ่าโชซอน คือรวมตัวกันในสายตระกูลหลายตระกูล โดยมีการจัดการปกครองที่มีประสิทธิภาพและมีสภาพสังคมที่ดี ชาวโคกูเรียวนั้นเป็นพวกนักรบที่มีความสามารถสูง ทำให้สามารถโจมตีอาณาจักรข้างเคียงได้อย่างมากมาย เช่น อาณาจักรพูยอและอาณาจักรโอกจอ เป็นต้น
เมื่อถึงสมัยสามก๊ก มีการแย่งชิงอำนาจเกิดขึ้นมากมายในดินแดนประเทศจีนรวมทั้งคาบสมุทรเกาหลีด้วย ทำให้การปกครองดูแลดินแดนทางแถบคาบสมุทรเกาหลีอ่อนกำลังลงจนในที่สุด อาณาจักรโคกูเรียว อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของคาบสมุทรเกาหลี ก็ได้เข้าโจมตีดินแดนของอาณาจักรโชซอนเก่าเป็นผลสำเร็จในปี ค.ศ.313 ทำให้อาณาจักรโคกูเรียวสามารถมีอำนาจอยู่ทางตอนเหนือคาบสมุทรเกาหลีในเวลาต่อมา
เครดิตคุณ เสธ.Codidcyู
ประวัติศาสตร์ของเกาหลีคับ
|
เตียบ่อกี้ |
#1 เตียบ่อกี้ [ 17-02-2008 - 21:13:36 ] |
|
เตียบ่อกี้ |
#2 เตียบ่อกี้ [ 17-02-2008 - 21:15:07 ] |
|
ยุคสามอาณาจักร อาณาจักรโกคูรยอทางภาคเหนือ เผ่าโกคูรยอเริ่มเข้มแข็งมากขึ้นเมื่อราชวงศ์ฮั่นของจีนล่มสลาย และสามารถขยายอำนาจเข้ายึดครองมณฑลนังนังจากจีนได้เมื่อ พ.ศ. 856 อาณาจักรแพกเจชนเผ่าแพกเจซึ่งเป็นเผ่าย่อยของเผ่าพูยอที่อพยพลงใต้ เข้ายึดครองอาณาจักรอื่นรวมทั้งอาณาจักรเดิมของเผ่ามาฮั่น ตังเป็นอาณาจักรเมื่อ พ.ศ. 777 อาณาจักรชิลลาอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรเกาหลี พัฒนาขึ้นจากเผ่าซาโร แต่อาณาจักรนี้ไม่เข้มแข็งมากนักในช่วงแรก ดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับอาณาจักรโกคูรยอตลอด จนกระทั่งหลังสงครามระหว่างอาณาจักรโกคูรยอกับแพกเจ อาณาจักรชิลลาจงเขมแข็งขึ้นเป็นลำดับ จนสามารถยึดครองลุ่มแม่น้ำฮั่นและลุ่มแม่น้ำนักดงจากอาณาจักรแพกเจได้ ในยุคสามอาณาจักรนั้น คาบสมุทรเกาหลีประกอบไปด้วยอาณาจักรต่างๆ คือ อาณาจักรโคกูเรียว อาณาจักรแพกเจ และอาณาจักรซิลลา ซึ่งทั้งสามอาณาจักรนั้น มีลักษณะการเมืองการปกครองที่แตกต่างกันไป อาณาจักรโคกูเรียวนั้น เมื่อมีชัยชนะเหนือจีนแล้ว ทำให้อาณาจักรโคกูเรียวมีอาณาเขตกว้างขวาง เป็นที่หวั่นเกรงของอาณาจักรข้างเคียง ทำให้อาณาจักรถูกรุนรานบ่อยครั้ง ซึ่งครั้งที่ใหญ่ที่สุดคือในปี ค.ศ.342 ซึ่งอาณาจักรโคกูเรียวถูกรัฐเยนของชนเผ่าเสียนเป่ยโจมตีและยึดเมืองหลวงได้สำเร็จ แต่ต่อมาไม่นานอาณาจักรโคกูเรียวก็สามารถยึดดินแดนคืนจากรัฐเยนได้ ทำให้อาณาจักรโคกูเรียวจึงคิดหาวิธีป้องกันโดยการเชื่อมสัมพันธไมตรีกับจีนและได้นำพุทธศาสนาจากเมืองจีนมาเผยแพร่ในอาณาจักรอีกด้วย หลังจากนั้นแล้ว ก็ได้ย้ายเมืองหลวงของอาณาจักรมาอยู่ที่เปียงยาง ในด้านการปกครองของอาณาจักรโคกูเรียวในส่วนกลางนั้น กษัตริย์ทรงแต่งตั้งขุนนางขึ้นมาบริหารประเทศ โดยแบ่งขุนนางออกเป็น 16 ระดับ โดยตำแหน่งของขุนนางในสมัยนี้นั้น ไม่สามารถสืบเชื้อสายในวงศ์ตระกูลได้ การปกครองส่วนภูมิภาคนั้น เนื่องจากอาณาจักรโคกูเรียวมีอาณาเขตกว้างขวาง จึงได้แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 5 เขต โดยกษัตริย์ทรงแต่งตั้งเจ้าเมืองไปปกครองในแต่ละเขต ซึ่งอำนาจหน้าที่ของเจ้าเมืองนั้นได้แก่ การบริหารท้องถิ่น การบัญชาการทหาร และการเก็บภาษีอากรส่งให้ส่วนกลาง โดยอาณาจักรโคกูเรียวนั้นได้มีกฎหมายโดยเน้นในเรื่องการเก็บภาษีเป็นหลักเพื่อนำมาภา ษีเหล่านั้นมาพัฒนาประเทศ ดังนั้น จะเห็นได้ว่า อาณาจักรโคกูเรียวได้พัฒนาในเรื่องการปกครองให้มีระเบียบแบบแผนมากขึ้นจากเดิมอย่างม ากมาย อาณาจักรแพกเจกำเนิดขึ้นทางตอนใต้ของอาณาจักรโคกูเรียว เกิดจากการรวมตัวของชนเผ่าต่างๆ ซึ่งมีระยะเวลาการพัฒนาการเป็นอาณาจักรสั้นกว่าของอาณาจักรโคกูเรียวอย่างมาก ทำให้ระบบการปกครองของอาณาจักรแพกเจในระยะแรกยังไม่เป็นระเบียบเท่าที่ควร แต่ต่อมาได้มีการพัฒนาปรับปรุงรูปแบบการปกครองขึ้น โดยในส่วนกลาง มีการแบ่งตำแหน่งการบริหารออกเป็น 16 ระดับ โดยแบ่งเป็น 3 สาย ซึ่งในสายแรกนั้นจะบริหารในหน้าที่สำคัญๆ ของอาณาจักร เช่น การทหาร การคลัง การปกครอง เป็นต้นซึ่งแต่ละตำแหน่งขุนนางจะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ 3 ปีเท่านั้นเพื่อป้องกันการสร้างอำนาจขึ้นต่อต้านอาณาจักร และการในส่วนภูมิภาคนั้น อาณาจักรแพกเจได้แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 5 เขต ตามทิศต่างๆ คือ เขตภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคกลาง โดยจะมีผู้ว่าการเขตซึ่งเป็นพลเรือนที่ได้รับการแต่งตั้งจากส่วนกลางให้บริหารปกครอง ในแต่ละเขต ส่วนอาณาจักรสุดท้ายคืออาณาจักรซิลลานั้นรูปแบบการปกครองจะคล้ายกับสองอาณาจักรแรก แต่จะแตกต่างจากสองอาณาจักรแรกคือ มีการแบ่งชนชั้นทางสังคม และตำแหน่งทางราชการสามารถสืบตำแหน่งทางสายตระกูลได้ โดยระบบชนชั้นทางสังคมในระยะแรกนั้นแบ่งออกเป็น 8 ระดับ โดยชนชั้นสูง 2 ระดับแรกจะเป็นชนชั้นกษัตริย์และราชวงศ์ ชนชั้นระดับที่ 3 และ 4 เท่านั้นที่สามารถเป็นขุนนางได้ ชนชั้นที่เหลือไม่มีสิทธิที่จะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาได้เลย แต่ต่อมาก็ได้มีการแก้ไขให้ชนชั้นกลางสามารถรับราชการได้ ส่วนการบริหารภูมิภาคนั้น ได้แบ่งการปกครองออกเป็นจังหวัดย่อยๆ มากมาย เพื่อให้สามารถควบคุมประชากรและเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า 2 อาณาจักรแรก ในระยะแรกของสมัยสามอาณาจักรนั้น ประชากรดำรงชีวิตอย่างสงบ ปราศจากสงคราม เนื่องจากประเทศจีนอยู่ในภาวะระส่ำระสาย แต่เมื่อจีนมีการปกครองอย่างมั่นคงในราชวงศ์สุยแล้ว ก็เกิดการแย่งชิงอำนาจกันขึ้นในดินแดน โดยการปกครองของอาณาจักรซิลลานั้นเข้มแข็งขึ้นอย่างมาก เป็นเหตุให้อีกสองอาณาจักรหวาดระแวงว่าจะเกิดสงครามขึ้น จึงได้ทำสัญญาไมตรีร่วมกัน ทำให้อาณาจักรซิลลาต้องแสวงหาพันธมิตรบ้าง จึงได้หันไปเป็นพันธมิตรกับราชวงศ์สุยของจีน ต่อมา ภาวะสงครามก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยจีนบุกเข้าโจมตีอาณาจักรโคกูเรียวทางด้านทิศเหนือ แต่ก็ถูกอาณาจักรโคกูเรียวต้านไว้ได้ หลังจากนั้นไม่นาน ราชวงศ์สุยของจีนก็เสื่อมอำนาจและราชวงศ์ถังก็ก้าวขึ้นมามีอำนาจแทนที่ ต่อมาอาณาจักรโคกูเรียวเข้าโจมตีอาณาจักรซิลลาเพื่อหวังที่จะตัดทางเชื่อมต่อกับระหว่างอาณาจักรซิลลากับจีน เมื่อกษัตริย์ราชวงศ์ถังของจีนเห็นดังนั้น จึงอ้างความเป็นพันธมิตรขอร้องให้อาณาจักรโคกูเรียวถอนกำลังออกจากอาณาจักรซิลลา แต่ได้รับการปฏิเสธทำให้พันธมิตรทั้งสองฝ่ายบาดหมางกันยิ่งขึ้น ต่อมา อาณาจักรซิลลาได้เข้าโจมตีอาณาจักรแพกเจได้สำเร็จ และต่อมาจึงได้ร่วมมือกับจีนตีขนาบอาณาจักรโคกูเรียวโดยจีนเข้ามาทางทิศเหนือ และอาณาจักรซิลลาเข้าโจมตีทางทิศใต้ จนในที่สุด อาณาจักรโคกูเรียวก็ได้ล่มสลายไปในคราวนั้นเอง ภายหลังจากที่อาณาจักรโคกูเรียวที่ถูกตีแตกนั้น ชาวโคกูเรียวได้อพยพขึ้นเหนือไปในเขตแมนจูเรีย และได้ไปตั้งอาณาจักรใหม่ขึ้นชื่อว่า อาณาจักรพัลแฮ ต่อมาก็ได้ขยายดินแดนลงมาในคาบสมุทรเกาหลีมากขึ้น โดยสามารถยึดดินแดนที่เคยเป็นอาณาจักรโคกูเรียวเดิมส่วนมากได้สำเร็จ แต่ต่อมาในศตวรรษที่ 10 ก็ถูกชาวคีตันโจมตี พวกชนชั้นปกครองจึงได้อพยพมาตั้งอาณาจักรใหม่ชื่อว่า อาณาจักรโคเรียว |
เตียบ่อกี้ |
#3 เตียบ่อกี้ [ 17-02-2008 - 21:16:36 ] |
|
อาณาจักรโคเรียว ผู้ก่อตั้ง อาณาจักรโคเรียว วังกอน ซึ่งเคยเป็นนายพลของเจ้าชายผู้ก่อกบฏแห่งซิลลา ได้เลือกบ้านเกิดที่ซองโตปัจจุบันคือเมืองแกซอง เป็นฐานของอาณาจักรของตน โดยประกาศนโยบายที่จะนำดินแดนโคกูเรียวในแมจูเรียที่เสียไปคืน ดังนั้นจึงตั้งชื่ออาณาจักรว่า โคเรียว ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเกาหลีในปัจจุบัน ในตอนเริ่มแรก ราชสำนักโคเรียวรับศาสนาพุทธมาปรับใช้เป็นศาสนาประจำรัฐ ศาสนาพุทธมีความเจริญรุ่งเรืองทำให้เกิดศรัทธาในการสร้างวัดและแกะสลักพระพุทธรูป เช่นเดียวกับการวาดภาพบนแผ่นโลหะหรือแผ่นไม้ แต่วัดและพระสงฆ์มีอำนาจในการปกครองอย่างเหลือล้น ต่อมาในปลายของอาณาจักร ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างขุนนางพลเรือนกับนักรบ และระหว่างผู้นับถือขงจื๊อกับศาสนาพุทธ ทำให้อาณาจักรอ่อนแอ มองโกลซึ่งเริ่มต้นรุกรานในปี ค.ศ.1231 ในที่สุดจึงยึดครองโคเรียวได้ในคริสต์ศตวรรษนี้ อาณาจักรโชซอน ตั้งราชวงศ์คือ นายพลยีซองเก (พระนามเดิมของกษัตริย์แทโจ) ใช้อิทธิพลของบรรดานักปราชญ์ที่นับถือลัทธิขงจื๊อ ล้มล้างราชวงศ์โคเรียว ดังนั้นพระองค์จึงย้ายเมืองหลวงจากแกซองซึ่งอิทธิพลของศาสนาพุทธยังคงมีอยู่อย่างเข้มแข็ง ไปยังกรุงโซล ในปี ค.ศ.1394 ทำให้กรุงโซลเป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของโลก ดังนั้นลัทธิขงจื๊อจึงแทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตของคนเกาหลี กษัตริย์โชซอนปกครองด้วยความเป็นธรรม ด้วยระบบการเมืองที่ทันโลก โดยใช้หลักการตามลัทธิขงจื๊อ การที่จะได้เป็นข้าราชการพลเรือน จำเป็นต้องสอบกวากอ โดยจะต้องสอบความรู้ด้านวรรณกรรมจีนด้วย ลัทธิขงจื๊อเข้ามาเผยแพร่ในเกาหลีประมาณต้นคริสตกาล ซึ่งเกือบจะเป็นเวลาเดียวกับการเริ่มต้นการเขียนด้วยระบบภาษาจีน อย่างไรก็ตาม ลัทธิขงจื๊อยังไม่มีอิทธิพลจนกระทั่งสมัยราชวงศ์โชซอน ลัทธิขงจื๊อจึงเริ่มครอบงำสังคมเกาหลี ลัทธิขงจื๊อได้กำหนดโครงสร้างของสังคมไว้อย่างชัดเจน ค่านิยมในสังคมทั่วไปคือให้เกียรติผู้มีการศึกษาสูง ดูถูกพ่อค้าและช่างอุตสาหกรรม ชนชั้นสูงของสังคมคือ ยังบันหรือขุนนางนักปราชญ์ ผู้มีอำนาจด้านการปกครองทั้งทางทหารและสังคม ชนชั้นถัดมาคือ ชุงอินหรือชนชั้นกลาง ประกอบด้วยผู้มีอาชีพด้านต่างๆ เช่น ข้าราชการตำแหน่งต่างๆ แพทย์ นักกฎหมาย และศิลปิน ชนชั้นล่างคือ ซังมินหรือสามัญชน ซึ่งมีจำนวนมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นพวกชาวนาที่ได้รับที่ดินให้ทำไร่ไถนา พ่อค้าและช่างฝีมือก็อยู่ในชนชั้นนี้ด้วย ชนชั้นล่างสุดคือชอนมิน ได้แก่ ข้าติดที่ดิน คนรับใช้ หรือทาสผู้ซึ่งเกิดในวรรณะต่ำ โดยทั่วไปเชื่อกันว่ายุคทองของราชวงศ์โชซอนอยู่ในรัชสมัยพระเจ้าเซจง(ครองราชย์ ค.ศ.1418-1450) กษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์โชซอน ในรัชกาลของพระองค์ เกาหลีมีความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมและศิลปะอย่างไม่เคยมีมาก่อน |
เตียบ่อกี้ |
#4 เตียบ่อกี้ [ 17-02-2008 - 21:17:09 ] |
|
ยุคการปกครองของเกาหลี ในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 กองทัพญี่ปุ่นซึ่งนำโดยขุนศึกโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ได้เข้ารุกรานอาณาจักรโชซอนตามเส้นทางเดินทัพเพื่อจะไปโจมตีจีน พื้นที่คาบสมุทรส่วนใหญ่ถูกทำลาย สมบัติและเครื่องมือที่มีค่าทางวัฒนธรรมจำนวนหนึ่งถูกปล้น รวมทั้งช่างฝีมือชาวเกาหลี โดยเฉพาะช่างปั้นดินเผาถูกบังคับนำไปญี่ปุ่น ซึ่งช่างปั้นเหล่านั้นได้พัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องเคลือบของญี่ปุ่น(เสริมนิดหน่อย โจมตีหลังจากพระเจ้าจุงจงสวรรคตไปแล้วครับ) ชาวเกาหลีผู้มีใจรักชาติทำการต่อต้าน โดยชาวเกาหลีสามารถตัดเส้นทางลำเลียงของญี่ปุ่นที่เริ่มถอนทัพเนื่องจากการอสัญกรรมของฮิเดโยชิ สงครามจึงสิ้นสุดในปี ค.ศ.1598 ภายหลังจากที่สร้างความหายนะให้กับเกาหลี เกาหลีถูกรุกรานอีกครั้งในปี ค.ศ.1627 และ ค.ศ.1636 โดยชาวแมนจู ซึ่งในที่สุดก็มีชัยชนะเหนือราชวงศ์หมิงของจีนและตั้งราชวงศ์ชิง (ค.ศ.1644-1911) ขึ้น ในช่วงเวลานั้นเกิดขบวนการซิลฮัก ซึ่งเกิดในกลุ่มข้าราชการที่มีจิตใจรักเสรีภาพ มีการรวมกลุ่มแสดงความเคลื่อนไหวเพิ่มขึ้น แล้วหาวิธีสร้างชาติให้เป็นรัฐชาติสมัยใหม่ พวกเขาได้ให้คำแนะนำอย่างจริงจังจังในด้านการเกษตรกรรม อุตสาหกรรมโดยการทำให้ทันสมัย และทำการปฏิรูปการกระจายที่ดิน โชคร้ายที่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ไม่มีอำนาจและรัฐบาลอนุรักษนิยมได้ละเลยความคิดนี้ไป เกาหลียังคงเป็นอาณาจักรแห่งฤๅษี และยืนหยัดที่จะต่อต้านชาวตะวันตก เกี่ยวกับแนวความคิด เทคโนโลยี การทูต และการค้า จนท้ายที่สุด เกาหลีไม่ได้เตรียมตัวที่จะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่เป็นจุดเปลี่ยนของ ประเทศ ดังนั้นเมื่อญี่ปุ่นชนะจีนแล้ว จึงเข้ามามีอิทธิพลในเกาหลี ขณะนั้นญี่ปุ่นเริ่มเป็นมหาอำนาจทางอุตสาหกรรมใหม่ในเอเชีย ได้ทำการผนวกเกาหลีในปี ค.ศ.1905 และยึดครองเกาหลีในฐานะอาณานิคม เมื่อปี ค.ศ.1910 ด้วยเหตุนี้ราชวงศ์โชซอนจึงสิ้นสุดลง ข้าหลวงใหญ่ของญี่ปุ่นที่กรุงโซลสนใจการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ชาวนาและชาวประมงญี่ปุ่นได้รับที่ดินในเกาหลีแบบได้เปล่าหรือในราคาต่ำ ข้าวเป็นจำนวนมากถูกส่งเป็นสินค้าออกไปยังญี่ปุ่น ในขณะที่ชาวเกาหลีอยู่ในภาวะขาดแคลนอาหารอย่างหนัก คุณภาพชีวิตของชาวเกาหลีตกต่ำลงอย่างมาก ทำให้ชาวเกาหลีจำนวนนับแสนถูกบังคับให้ย้ายไปอยู่ในแมนจูเรียหรือญี่ปุ่น |
เตียบ่อกี้ |
#5 เตียบ่อกี้ [ 17-02-2008 - 21:17:42 ] |
|
ยุคการเรียกร้องเอกราชและสงครามเกาหลี การถูกปกครองในฐานะอาณานิคมได้ปลุกเร้าความรู้สึกชาตินิยมในหมู่คนเกาหลี ในวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ.1919 ชาวเกาหลีผู้รักชาติจำนวน 33 คนเดินทางมาที่เจดีย์ปาร์กในกรุงโซล และเรียกร้องอิสรภาพ ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวภายในชาติอย่างกว้างขวาง เพื่อเรียกร้องให้ญี่ปุ่นยุติการปกครองเกาหลีในฐานะอาณานิคม แต่การเคลื่อนไหวเป็นเรื่องเศร้า เนื่องจากถูกปราบโดยกองกำลังญี่ปุ่น ชาวเกาหลีเสียชีวิตจำนวนนับพันคน เหตุการณ์นี้ ต่อมารู้จักกันในนาม ซัมอิล (1 มีนาคม) ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ ถึงแม้ว่าการขับไล่ญี่ปุ่นครั้งนั้นจะล้มเหลว แต่เป็นการรวมพลังทำให้ชาวเกาหลีมีจิตสำนักในเรื่องความเป็นชาติและความรักชาติบ้านเ มือง ซึ่งนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลที่เซี่ยงไฮ้ในประเทศจีน และเพื่อจัดเป็นองค์กรกองทัพเพื่อต่อต้านญี่ปุ่นผู้ล่าอาณานิคมในแมนจูเรีย ญี่ปุ่นสนับสนุนนโยบายผสมกลมกลืนเพื่อให้ชาวเกาหลียอมรับวัฒนธรรมญี่ปุ่น ภาษาญี่ปุ่นถูกนำมาใช้ในโรงเรียนเกาหลี และชาวญี่ปุ่นถูกบังคับให้เปลี่ยนชื่อเป็นแบบญี่ปุ่น แต่ชาวเกาหลียังคงรักษาวัฒนธรรมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาติ ในระหว่างช่วงเวลานี้ สมบัติและเครื่องมือที่มีค่าทางวัฒนธรรมถูกนำไปญี่ปุ่น และบัดนี้ยังไม่ได้รับคืนมา ในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ.1945 ญี่ปุ่นต้องยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายพันธมิตรอย่างไม่มีเงื่อนไขภายในเวลาอันสั้นหลังจากที ่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิถูกทิ้งระเบิดปรมาณู ด้วยเหตุนี้ในที่สุดเกาหลีจึงได้อิสรภาพ ภายหลังจากที่ถูกปกครองในฐานะอาณานิคมมานานถึง 35 ปี ชาวเกาหลีจึงรู้สึกยินดีอย่างเหลือล้น แต่ก็เป็นเพียงชั่วระยะเวลาอันสั้น ความขัดแย้งทางอุดมการณ์เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนถูกแบ่งแยกโดยผู้ปกครองที่เหนือกว่า กองกำลังโซเวียตเข้ามาครอบครองทางเหนือของคาบสมุทร ขณะที่กองกำลังสหรัฐอเมริกาเคลื่อนเข้ามายึดดินแดนตอนใต้ ภายใต้ข้อตกลงในการประชุมที่เมืองปอตสดัม ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1945 ในวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ.1948 มีการเลือกตั้งทั่วไปเฉพาะในเกาหลีใต้ และวันที่ 16 สิงหาคม แดฮันมินกุกหรือประเทศสาธารณรัฐเกาหลี (อาร์โอเค) ได้สถาปนาขึ้นอย่างเป็นทางการโดยมีกรุงโซลเป็นเมืองหลวงและมีซึงมันรีเป็นประธานาธิบ ดี เกือบจะเป็นเวลาเดียวกันกับทางตอนเหนือ คอมมิวนิสต์ได้ตั้งคิมอิลซุงขึ้นเป็นผู้ปกครองอำนาจอย่างสมบูรณ์ ต่อมาในวันที่ 9 กันยายน ค.ศ.1948 โชซอน มินจูจูอึย อินมิน กงฮวากุก หรือประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (ดีพีอาร์เค) ได้ตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในทางเหนือ โดยมีกรุงเปียงยางเป็นเมืองหลวง ในวันที่ 25 มิถุนายน ค.ศ.1950 เกาหลีเหนือ ได้นำกองกำลังเต็มรูปแบบบุกลงมาทางใต้หลังจากที่ประสบความสำเร็จในตอนแรก กองกำลังเกาหลีเหนือถูกผลักดันโดยกองทัพผสมของสหประชาชาติกลับไปถึงแม่น้ำอัมนอกกัง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เข้าแทรกแซงในเหตุการณ์นี้ และในที่สุดเกาหลีถูกแบ่งเป็นสองฝ่ายใกล้เส้นขนานที่ 38 พร้อมกับการเซ็นสัญญาหยุดยิงเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ.1953 ในระยะสามปีของสงคราม ความอุดมสมบูรณ์ของดินในเกาหลีถูกทำลาย และเศรษฐกิจล่มจม ประชาชนจำนวนล้านไร้บ้านอาศัย และต้องพลัดพรากจากครอบครัว ความเสียหาย ความยากลำบากแผ่ไปทั่ว ตลอดเวลาที่เกิดสงคราม ซึ่งชาวเกาหลีเหนือและใต้ต่อสู้กันเอง ทิ้งให้เกิดรอยแผลมาจนถึงปัจจุบัน ภายหลังสงคราม ประเทศต้องเผชิญกับปัญหารุนแรงมากมาย ซึงมันรี มีอำนาจเพิ่มขึ้น และในปลายทศวรรษ 1950 จึงได้ผูกขาดอำนาจทางการเมืองเกาหลีใต้ไว้ได้หมด จึงมีการเดินขบวนประท้วงเกิดขึ้น และในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ.1960 ได้มีขบวนประท้วงซึ่งนำโดยนักศึกษาภายหลังรู้จักกันในนามว่า ซัลกู (19 กันยายน) ในที่สุดเกิดการปฏิวัติขึ้นเพื่อบังคับให้ประธานาธิบดีรีออกจากตำแหน่ง |
มือกระบี่ไร้นาม |
#6 มือกระบี่ไร้นาม [ 18-02-2008 - 16:55:00 ] |
|
เอามาจากไหนบ้างอะครับ |
เตียบ่อกี้ |
#7 เตียบ่อกี้ [ 24-02-2008 - 19:40:09 ] |
|
โชซอนโบราณหรือ โคโชซอน (KOCHOSUN) เป็นอาณาจักรในตำนาน อายุ 3,000 ปี สถาปนาขึ้นโดย กลุ่มชาวจีนที่ถูกเนรเทศ มีผู้นำชื่อ กีเซ (Ki Tse) ชื่อโชซอนมีความหมายว่า “ ดินแดนแห่งยามเช้าที่สงบสุข” (Land of the Morning Calm) . ในอีกนิทานปรัมปรา (Myth) หนึ่งก็เชื่อว่า อาณาจักรโชซอนโบราณ สถาปนาขึ้นโดยปฐกษัตริย์ “ตันกุน” (Dungun) เมื่อประมาณ 4,300 ปี ตันกุนเป็นกษัตริย์ในเทพนิยาย ปกครองแผ่นดินโคโชซอนนานกว่า 1,000 ปี จึงสวรรคต ราชโอรสปกครองต่อแต่ก็มาปราชัยให้กับกีเซ . ในยุคต้นของประวัติศาสตร์หลายชาติ มักเป็นการผสานเรื่องราวของสองหลักฐาน ทั้งจากทางวรรณกรม ที่เป็นตำนานเรื่องเล่า นิทานหรือบันทึก กับหลักฐานทางโบราณคดีเชิงวิทยาศาสตร์ครับ . ร่องรอยทางโบราณคดีบนคาบสมุทรเกาหลีเริ่มต้นที่ประมาณ 50,000 ปีมาแล้ว มีการขุดพบแหล่งฝังศพ สุสานที่มีภาชนะดินเผารูปทรงเฉพาะและเครื่องมือหินประเภทต่าง ๆ กระจัดกระจายไปทั่วภูมิภาค มีร่องรอยการตั้งถิ่นฐานบริเวณริมชายฝั่งทะเลในช่วงแรก ๆ ก่อนจะขยายตัวเข้ามาในภูมิภาคเพื่อทำการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ . กลุ่มคนกลุ่มแรก ๆ ของคาบสมุทรเกาหลีแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ กลุ่มทางเหนือ บริเวณแม่น้ำยาลู (Yalu River) และกลุ่มทางใต้คาบสมุทรครับ . กลุ่มทางเหนือจะมีลักษณะแตกต่างไปจากกลุ่มทางใต้ชัดเจน ทั้งวัฒนธรรม ชาติพันธุ์และภาษา ชนเผ่าทางใต้จะมีลักษณะคล้ายกลุ่มคนทางภาคใต้ของญี่ปุ่น เกาะลูซู ซึ่งเชื่อกันว่าคนกลุ่มนี้อพยพขึ้นมาจากมลายู ในขณะที่คนกลุ่มทางเหนือ มีลักษณะคล้ายคลึงกับคนจีน . ชนเผ่าของคาบสมุทรเกาหลีในยุคประมาณ 10,000 ปีที่แล้ว อาศัยอยู่ตามถ้ำเป็นส่วนใหญ่ รวมกันเป็นกลุ่มครอบครัวและรวมตัวกันเป็นโคตรตระกูลใหญ่ มีคติความเชื่อในเรื่องของอำนาจเหนือธรรมชาติ (Animism) จึงมีลัทธิพ่อมด หมอผี และผู้สื่อสารกับเทพเจ้า . จนเมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว กีเซได้อพยพผู้คนที่ถูกเนรเทศจากราชวงศ์เจา เข้ามาในเขตลุ่มแม่น้ำเหลียว บริเวณทิศเหนือของทะเลเหลือง สถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์และรวบรวมผู้คนชนเผ่าต่าง ๆ ในคาบสมุทรสร้างขึ้นเป็นอาณาจักรโชซอนโบราณ มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองปยองอัน (Phyong An) ตั้งอยู่ในเขตภาคกลางของประเทศเกาหลีในปัจจุบัน ![]() กลุ่มคนชาวจีนราชวงศ์ซาง ที่มาสร้างอาณาจักรโชซอนโบราณ ได้ผสมผสานทางชาติพันธุ์กับพวกชนเผ่าพื้นเมืองทั้งเหนือและใต้เดิม อีกทั้งยังได้นำศิลปะวิทยาการและเทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงความเป็นอยู่ของชนพื้นเม ืองเดิม จากที่เคยอยู่อาศัยในถ้ำ ก็กลายมาเป็นการสร้างบ้านเรือนด้วยไม้และระบบปล่องไฟในฤดูหนาว การเกษตรกรรมทำไร่ทำนา การเลี้ยงตัวไหม การทอผ้า การถลุงเหล็ก และประเพณีการฝังศพแบบเนินดินหรือการทำฮวงซุ้ยแบบเดียวกับชาวจีน . อาณาจักรโคโชซอนมีการจัดระบบการปกครองและสร้างระบบกฎหมายขึ้นเป็นครั้งแรก ๆ ครับ ในระหว่างความรุ่งเรืองอันยาวนานกว่า 900 ปี ก็มีชาวจีนอพยพเข้ามาสู่ดินแดนโชซอนโบราณหลายครั้ง ทั้งในสมัยปลายราชวงศ์เจา จนถึงสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้ และเมื่อราว 2,100 ปี กลุ่มผู้เดินทางเข้ามาใหม่จากราชวงศ์จิ๋น ก็ได้ก่อการรัฐประหาร ขับกษัตริย์เชื่อสายของกีเซออกจากราชบัลลังก์เมืองปยองอัน อาณาจักรโชซอนโบราณจึงเริ่มอ่อนแอลง . ในเวลาเดียวกันก็มีชนเผ่าข้างเคียงที่ไม่ได้ถูกผนวกรวมอยู่ในอาณาจักรโชซอนโบราณ เช่น เผ่าพูยอ อยู่บริเวณแมนจูเรียเหนือ เผ่าโคกูรย เผ่าโอกจอ ทั้งสามเผ่าใหญ่นี้อยู่นอกประเทศเกาหลีในปัจจุบันครับ อีกทั้งยังมี เผ่าทงเย เผ่ามาฮัน ชินฮัน และพยอนฮัน ตั้งอยู่บริเวณทางภาคใต้ของคาบสมุทรเกาหลี เผ่าต่าง ๆ ก็มีแลกเปลี่ยนไปมาหาสู่และค้าขายกัน แต่หลายครั้งก็ทำสงครามระหว่างกัน . กว่า 100 ปี ของสงครามกลางเมืองโคโชซอน แต่ละฝ่ายต่างก็ไปยืมมือชนเผ่าใหญ่ข้างเคียงมาช่วยสู้รบ ฝ่ายกบฏมีชัยสามารถขับไล่ราชวงศ์เก่าให้หนีลงมาทางใต้ จนเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว จักรพรรดิหวู่ตี๋แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ได้ส่งกองทัพเข้าทำลายอาณาจักรโคโชซอนและได้จัดระเบียบการปกครองขึ้นใหม่เป็น 4 มณฑล คือ มณฑลนังนัง ชินบอน อิมดุน และฮยอนโท ซึ่งอยู่ในเขตประเทศจีนและเกาหลีเหนือในปัจจุบัน ชาวฮั่นปกครองมณฑลนังนังอย่างจริงจังได้เพียงมณฑลเดียว ส่วนมณฑลอื่นก็ปกครองตนเองเป็นส่วนใหญ่ อิทธิพลของราชวงศ์ฮั่นได้นำเอาวัฒนธรรมธรรมและเทคโนโลยีเข้ามาสู่ผู้คนในชนเผ่าต่าง ๆ มากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้ง ภาษา ตัวอักษร ศาสนาและการติดต่อค้าขาย ![]() เรื่องราวของจูมง เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ครับ ช่วงเวลาที่อาณาจักรโชซอนโบราณสูญสลายไป และอิทธิพลของราชวงศ์ฮั่นตะวันตกหรือเทียนเฉากำลังลดลง ฮั่นปกครองโชซอนโบราณได้จริง ๆ ก็แค่ประมาณ 50 ปีเท่านั้น เรื่องราวของ “จูมง” หรือพระเจ้าดงเมียงซอง (Dongmyeongseong) ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรโคกูรยอ มีหลักฐานเป็นเพียงตำนาน (Legend)เท่านั้นครับ ส่วนในบทภาพยนตร์เป็นการสร้างเรื่องให้สมบูรณ์ตามวิถีชีวิตของมนุษย์จริง ๆ ที่เป็นไปได้ สวมทับลงไปบนตำนานอีกทีหนึ่ง ตำนานเล่ากันมาว่า จูมง เป็นโฮรสของ แฮโมซู (Haemosu) ซึ่งเป็นบุตรของพระอาทิตย์ กับ ยูฮวา (Yuhwa) ซึ่งเป็นธิดาของเทพแห่งแม่น้ำแห่งเมืองฮาแบ แฮโมซูรักกับยูฮวา แต่เทพแห่งแม่น้ำได้ขัดขวางความรักของพวกเขา แฮโมซูก็ต้องกลับไปยังท้องฟ้าในขณะที่ยูฮวาก็ถูกขับไล่ไปอยู่เมืองอื่น ทำให้เธอได้พบกับ อ๋องกึมวา (Geumwa) กษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งแคว้นพูยอ (Buyeo) ยูวาตั้งครรภ์จากแสงอาทิตย์และคลอดบุตรเป็นไข่ อ๋องกึมวา พยายามทำลายไข่นั้นทุกวิถีทางแต่ไม่สามารถทำได้ และไข่ใบนั้นได้กลายมาเป็นเด็กชาย ผู้ถูกตั้งชื่อว่า “จูมง” อันมีความหมาย "นักยิงธนูผู้สามารถ" (Skilled archer) จูมง แต่งงานกับ ยีโซยา (Ye) และมีโอรสด้วยกันหนึ่งคน นามว่า ยูริ (Yuri) ด้วยความแก่งแย่งชิงดีและความวุ่นวายในการช่วงชิงอำนาจ จูมงจึงได้ตัดสินใจหลบหนีออกจากแคว้นพูยอ และได้มาพบกับพระราชาผู้ครองแคว้นทางใต้ ซึ่งพระองค์ก็ได้ทรงยก โซซอโน (So Seo-no) พระธิดาของพระองค์ให้ เขามีบุตรกับนางถึง 2 คน คือ บิริว (Biryu) และ ออนโจ (Onjo) ในปีที่ 37 ก่อนคริสตศักราช จูมงได้ทำสงครามเอาชนะมณฑลนังนัง จึงสถาปนาแคว้นโกคูรยอ (Goguryeo) ขึ้น การกำเนิดของอาณาจักรโคกรูยอมีลักษณะคล้ายกันกับการรวมตัวของชนเผ่าโคโชซอน คือรวมตัวกันในสายตระกูลหลายตระกูล มีการจัดระเบียบการปกครองที่มีประสิทธิภาพและมีสภาพสังคมที่ดี ผู้คนที่มารวมตัวกันในอาณาจักรโคกูรยอเป็นพวกนักรบที่มีความสามารถและเข้มแข็ง เป็นปัจจัยสำคัญที่ให้อาณาจักรโคกูรยอสามารถขยายอิทธิพลออกไปได้อย่างกว้างขวาง สามารถครอบครองดินแดนเดิมของอาณาจักรโชซอนโบราณ อีกทั้งยังสามารถผนวกแคว้นพูยอและโอกจอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรได้เป็นผลสำเร็จ |
เตียบ่อกี้ |
#8 เตียบ่อกี้ [ 24-02-2008 - 19:41:22 ] |
|
![]() การปกครองอันทรงประสิทธิภาพของอาณาจักรโคกูรยอ เกิดขึ้นจากระบบ "การกระจายอำนาจ" ไปยังกลุ่มโคตรตระกูลต่าง ๆ ที่ร่วมกันก่อตั้งอาณาจักร กษัตริย์จะทรงแต่งตั้งเสนาบดีผู้มีความสามารถขึ้นมาช่วยบริหารราชกิจ โดยแบ่งเสนาบดีออกเป็น 16 ระดับและแยกไปตามกระทรวง แบ่งเขตการปกครองอาณาจักรออกเป็น 5 มณฑลใหญ่ โดยแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการไปปกครองเป็นเจ้าเมืองในแต่ละเขต มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารท้องถิ่น บัญชาการทหาร และการจัดเก็บภาษี ได้อย่างเต็มที่ ในเวลาต่อมา ยีโซยา พระชายาองค์แรกของคิงส์จูมงพร้อมด้วยบุตรชาย ก็ได้หนีออกจากแคว้นพูยอเพื่อมาตามจูมง ยีโซยาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น พระมเหสีเอก ซึ่งก็ทำให้โซซอโนเป็นทุกข์มากและตัดสินใจออกจากแคว้นโกคูรยอไปพร้อมกับบุตรชายทั้งส องในเวลาต่อมา จูมงแต่งตั้งให้ยูริเป็นองค์รัชทายาท ปกครองอาณาจักรโคกูรยอสืบต่อจากพระองค์ กษัตริย์จูมงสวรรคตลงด้วยวัยเพียง 40 พรรษา องค์รัชทายาทได้ถวายพระนาม “พระเจ้าดงเมียงซอง” ให้กับพระราชบิดา . อาณาจักรโกคูรยออันยิ่งใหญ่ที่คิงส์จูมงได้สถาปนาขึ้นไว้ มีกษัตริย์สืบทอดมาถึง 28 พระองค์ ในระยะเวลายาวนานถึง 700 กว่าปี จนในปีพ.ศ. 1070 แคว้นซิลลา (Silla) มหาอำนาจทางตอนใต้ของคาบสมุทร ก็สามารถยึดครองดินแดนภาคใต้ของโคกรูยอไว้ได้ . ถึงปี พ.ศ.1210 อาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่จูมงได้สร้างไว้ก็ถึงแก่กาลอวสาน ในรัชสมัยของกษัตริย์โบจัง (Bojang) เมื่อถูกแคว้นซิลลาร่วมมือกับราชวงศ์ถัง ยกกองทัพเข้าบดขยี้ !!! เครดิตคุณ man5baht |
เตียบ่อกี้ |
#9 เตียบ่อกี้ [ 24-02-2008 - 20:16:17 ] |
|
จากเรื่องราวอาณาจักรโคกูรยอของจูมง ก็จะต่อด้วยเรื่องของ "ซอดองโย สายใยรักสองแผ่นดิน" ซอดองโย (Seo Dong Yo) เป็นประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวในยุคสมัยของ King Mu กับนายช่างประดิษฐ์คิดค้นของแคว้นแพคเจ ในช่วงปลายยุคสามก๊กของคาบสมุทรเกาหลี ที่มีอาณาจักรโคกูรยอ แค้วนชิลลา และแพ๊คเจ เป็นอาณาจักรใหญ่ โดยมีแคว้นคายา (Kaya) เป็นแคว้นเล็ก ๆ แทรกตัวอยู่ทางตอนใต้สุด แคว้นนี้เป็นที่รวมของกลุ่มชนเผ่าต่าง ๆ รวมตัวกันอย่างหลวม ๆ โดยมีสายสัมพันธ์อันดีกับเกาะญี่ปุ่น ![]() อาณาจักรชิลลา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรเกาหลี พัฒนาขึ้นมาจากเผ่าซาโร แต่อาณาจักรนี้ไม่เข้มแข็งมากนักในช่วงแรก ดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับอาณาจักรโคกูรยอมาโดยตลอด จนกระทั่งหลังสงครามระหว่างอาณาจักรโคกูรยอกับอาณาจักรแพกเจ อาณาจักรชิลลาจึงเริ่มเข้มแข็งมากขึ้น จนสามารถยึดครองลุ่มแม่น้ำฮันและลุ่มแม่น้ำนักดงจากอาณาจักรแพกเจ ซึ่งมาจากชนเผ่าพูยอกลุ่มหนึ่งได้ ซอดองโย เป็นเรื่องราวความรักระหว่าง King Mu กับ เจ้าหญิง Sun Hwa แห่งแคว้นชิลลา Silla ชื่อเดิมของ King Mu ก่อนครองแคว้นแพคเจคือ Seo Dong หรือจาง (Jo Hyun Jae) มีชาติกำเนิดเป็นพระโอรสของกษัตริย์ แต่โชคชะตาผลิกผันทำให้เขาเติบโตมาอย่างยากลำบากในกลุ่มชนชั้นต่ำในเมือง Iksan Namji แต่เขาเป็นคนมองโลกในแง่ดี เฉลียวฉลาดและเป็นตัวของตัวเอง เขาเป็นนักคิดชั้นเยี่ยมและรักความยุติธรรม ด้วยซอดอง (Seodong) เป็นเด็กซุกซนเพราะความเฉลียวฉลาด มารดาของเขาจึงตัดสินใจส่งเขาไปอยู่กับนายช่างใหญ่โมราซู (Mokrasu) เพื่อให้ได้รับการอบรมวินัยและการศึกษาศิลปะวิทยาการ อย่างไรก็ตามโซดองมักจะก่อความวุ่นวายในสำนักช่างอยู่เป็นประจำ ซอดองได้มีโอกาสมาพบกับเจ้าหญิงซันวาผู้เลอโฉม ราชธิดาแห่งกษัตริย์อาณาจักรชิลลา ศัตรูบนคาบสมุทรเกาหลี ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงตนเอง ความใฝ่ฝันของซอดอง คือการเป็นช่างนักประดิษฐ์ หลังจากผ่านอุปสรรคนานัปการ เขาจะเป็นผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ ขึ้น ภายหลังซอดองเดินทางกลับมายังราชสำนักแพคเจอีกครั้ง แล้วพบว่าตนเองเป็นเจ้าชาย ทำให้เขาต้องลำบากใจกับบทบาทใหม่ไม่น้อย ซอดองเริ่มเติบโต มีความเข้าใจโลกมากขึ้น เป็นผู้ใหญ่ที่สุขุมรอบคอบ เขาได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหญิงซันวาและซาเต็คคิรู (Sataekgiru) จนได้ครองราชย์ในที่สุด เขาเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ เป็นที่รักของประชาชน มีความเป็นผู้นำสูง และนำพาอาณาจักรแพคเจสู่ความรุ่งเรือง เจ้าหญิงซันวา เป็นธิดาองค์ที่ 3 ของกษัตริย์จินปูรยอง (Jinpyeong) แห่งอาณาจักรชิลลา ความงามของเจ้าหญิงเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว นางได้มีโอกาสรู้จักซอดองมาตั้งแต่เด็ก และตกหลุมรักกันและกันนับแต่นั้นมา เจ้าหญิงเป็นคนเฉลียวฉลาด และชอบกลั่นแกล้งซอดองเมื่อครั้งเยาว์วัย นางรู้สึกผิดต่อซอดองไม่น้อยที่พลาดพลั้งทำให้เขาต้องหนีไป นางเป็นผู้สอนหลักคำสอนขงจื้อแก่ซอดอง ภายหลังเจ้าหญิงซันวามีบทบาทสำคัญในการช่วยซอดองให้ก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์ อย่างไรก็ตามหลังจากการที่นางได้ช่วยเหลือเจ้าชายแห่งแคว้นศัตรูได้ถูกเปิดเผย นางจึงถูกตราหน้าเป็นผู้ทรยศและโดนไล่ออกจากแคว้นชิลลา เจ้าหญิงต้องทนทรมานกับการจากบ้านเกิด แต่นางก็เลือกความรักแท้ที่มีต่อซอดอง ในที่สุดเจ้าหญิงซันวาก็ได้เป็นราชินีของ King Mu และสามารถสานสัมพันธ์ระหว่างแคว้นทั้งสองได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เมื่ออาณาจักรชิลลาเข้มแข็งขึ้น อาณาจักรแพกเจจึงหันไปผูกมิตรกับอาณาจักรโคกูรยอ ส่วนอาณาจักรชิลลาหันไปผูกมิตรกับราชวงศ์สุ่ยและราชวงศ์ถัง กองกำลังผสมระหว่างจีนและชิลลาสามารถเข้ายึดครองแคว้นแพกเจได้เมื่อ พ.ศ. 1203 และสามารถทำลายอาณาจักรโคกูรยอได้ในพ.ศ. 1211 โดยจีนเข้ามาปกครองอาณาจักโคกูรยอในช่วงแรก ต่อมาอาณาจักรชิลลากับราชวงศ์ถังเกิดขัดแย้งกัน อาณาจักรชิลลาจึงเข้ายึดอาณาจักรโคกูรยอจากจีนและเข้าปกครองคาบสมุทรเกาหลีอย่างเด็ด ขาดเมื่อ พ.ศ. 1278 สถาปนาขึ้นเป็น สหอาณาจักรซิลลา (Unified Silla) ส่วนทางตอนเหนือที่เป็นเขตของอาณาจักรโคกูรยอเดิมในแมนจูเรียของประเทศจีนในปัจจุบัน ก็ได้สถาปนาตนเองเป็น อาณาจักรปัลเฮ (ยุคอาณาจักร เหนือ-ใต้) เครดิตคุณ man5baht |
เตียบ่อกี้ |
#10 เตียบ่อกี้ [ 24-02-2008 - 20:29:02 ] |
|
จากเรื่องของ ซอดองโย ก็มาถึงเรื่องของจอมนางแห่งวังหลวง “แดจังกึม” และ "หมอโฮจุน" ครับ ทั้งสองเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหลังจากการล่มสลายของสหอาณาจักรซิลลาประมาณ เกือบ 700 ปี หลังจากยุคสหอาณาจักรชิลลา ที่สามารถครอบครองคาบสมุทรเกาหลีได้อย่างสมบูรณ์ประมาณ 300 ปี ราชสำนักถังก็เสื่อมอำนาจ การควบคุมของจีนที่มีต่ออาณาจักรโคกูรยอเก่าได้ยุติลง ในขณะที่สหอาณาจักรชิลลาก็เกิดการจลาจลและความวุ่นวาย จนถึงปี พ.ศ. 1478 ขุนพลวังเกียน (Wang Kien) แห่งชิลลา ได้ก่อการปฏิวัติโค่นล้มกษัตริย์พระองค์สุดท้าย และประกาศนโยบายที่จะนำดินแดนโคกูรยอในแมจูเรียที่เสียไปคืนให้กับราชวงศ์ถังคืนกลับมา วังเกียนสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์แทโจแห่งอาณาจักรโคเรีย "KOREA" อันเป็นที่มาของชื่อประเทศเกาหลีในปัจจุบัน เมื่อ พ.ศ. 1486 ครับ อาณาจักรโคเรียมีอายุกว่า 450 ปี เจริญรุ่งเรืองสูงสุดในรัชสมัยของพระเจ้ามุนจง เป็นยุคสมัยที่พระพุทธศาสนามีความเจริญรุ่งเรืองอย่างกว้างขวาง มีการทำสงครามกับชาวยิปึ้น(ญี่ปุ่น)และราชวงศ์หงวนของชาวมองโกล ถูกจีนควบคุมในสมัยราชวงศ์หงวน จนเมื่อราชวงศ์หงวนอ่อนแอลง อาณาจักรโคเรียก็ต้องพบกับปัญหาโจรสลัดญี่ปุ่นและการรุกรานของราชวงศ์หมิง และในที่สุดก็ถูกแม่ทัพใหญ่ ลี ซองเก เข้าปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์โคเรียและสถาปนาราชวงศ์ใหม่ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1935 แม่ทัพ ลี ซองเก ได้ใช้อิทธิพลของบรรดานักปราชญ์ที่นับถือลัทธิขงจื๊อ ล้มล้างราชวงศ์โคเรียวที่นับถือศาสนาพุทธ และสถาปนาตนเองขึ้นเป็นพระเจ้าแทโจ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซอน ในยุคสมัยนี้จึงมีการส่งเสริมลัทธิขงจื้อเป็นลัทธิประจำอาณาจักรแทนการส่งเสริมพระพุทธศาสนา พระเจ้าแทจงได้โปรดให้ย้ายเมืองหลวงจากเมืองแกซองซึ่งยังคงมีกลิ่นอายและอิทธิพลของพ ุทธศาสนาอยู่อย่างมากมาย ไปยังเมืองฮันยางหรือกรุงโซล ในปี พ.ศ.1937 (ร่วมสมัยกับกรุงศรีอยุธยา) ในราชวงศ์นี้มีการประดิษฐ์อักษรฮันกึล ขึ้นใช้แทนอักษรจีนเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ. 1986 กษัตริย์ราชวงศ์โชซอนพระองค์ต่อมาปกครองอาณาจักรด้วยความเป็นธรรม ด้วยระบบการปกครองที่มีหลักการตามลัทธิขงจื๊อ การที่จะได้เป็นข้าราชการพลเรือน จำเป็นต้องสอบกวากอ โดยจะต้องสอบความรู้ด้านวรรณกรรมจีนด้วย ลัทธิขงจื๊อได้กำหนดโครงสร้างของสังคมไว้อย่างชัดเจน ค่านิยมในสังคมทั่วไปคือให้เกียรติผู้มีการศึกษาสูง ดูถูกพ่อค้าและช่างอุตสาหกรรม ชนชั้นสูงของสังคมคือ ยังบันหรือขุนนางนักปราชญ์ ผู้มีอำนาจด้านการปกครองทั้งทางทหารและสังคม ชนชั้นถัดมาคือ ชุงอินหรือชนชั้นกลาง ประกอบด้วยผู้มีอาชีพด้านต่างๆ เช่น ข้าราชการตำแหน่งต่างๆ แพทย์ นักกฎหมาย และศิลปิน ชนชั้นล่างคือ ซังมินหรือสามัญชน ซึ่งมีจำนวนมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นพวกชาวนาที่ได้รับที่ดินให้ทำไร่ไถนา พ่อค้าและช่างฝีมือก็อยู่ในชนชั้นนี้ด้วย ชนชั้นล่างสุดคือชอนมิน ได้แก่ ข้าติดที่ดิน คนรับใช้ หรือทาสผู้ซึ่งเกิดในวรรณะต่ำ เรื่องราวของ แดจังกึม เกิดขึ้นในราชวงศ์โชซอนนี้เองครับ ซอจังกึม (서장금) (น้อง ลี ยอง เอสุดสวย) เป็นหมอหลวงคนแรกที่เป็นผู้หญิงในราชวงศ์โชซอน ในปีที่ 18 แห่งรัชสมัยของพระเจ้าจุงจง ที่ครองราชย์ในปี พ.ศ. 2049 – 2087 กษัตริย์องค์ที่ 11 แห่งราชวงศ์โชซอน เธอเป็นบุคคลที่เชื่อว่ามีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ ที่มีการบันทึกเอาไว้ในจดหมายเหตุของราชวงศ์ถึง 7 ครั้ง ระหว่างปี พ.ศ. 2058 – 2087 และเอกสารทางการแพทย์ "บันทึกของข้าราชการแพทย์แห่งโชซอนเกาหลี" ไว้อย่างชัดเจน แต่ก็มีเนื้อหาและหลักฐานอ้างอิงเพียงสั้น ๆ เท่านั้นครับ ![]() ถึงหลักฐานจะยืนยัน ว่า แด จัง กึม เป็นหมอประจำพระองค์คนแรกที่เป็นผู้หญิงของกษัตริย์แห่งโชซอน แต่ก็ยังมีหลักฐานบางชิ้นระบุคำว่า “จัง กึม” อาจเป็นชื่อของ"ตำแหน่ง"หมอหญิง บันทึกราชวงศ์จึงอาจจะบันทึกมาจากเรื่องราวของหมอหญิงตำแหน่ง “จังกึม” หลาย ๆ คนในอดีต ไม่ใช่จังกึมเพียงคนเดียว ซึ่งก็ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่จนถึงทุกวันนี้ คำว่า "แดจังกึม" มาจากคำว่า "แด" (대) แปลว่า ใหญ่, ยิ่งใหญ่ เป็นบรรดาศักดิ์พระราชทานจากกษัตริย์ และ "แดจังกึม" (장금) คือชื่อตัวเอกของเรื่อง ซึ่งมีชื่อเต็มว่าซอ จัง กึม (서장금) รวมแปลว่า “จังกึมผู้ยิ่งใหญ่” เรื่องราวสุดท้ายเกิดขึ้นหลังจาก แดจังกึมเสียชีวิตไปประมาณ 50 ปี ก็จะเป็นเรื่องราวของ “คนดีที่โลกรอ หมอโฮจุน” ที่สร้างจากเรื่องจริงของ หมอชาย "Heo Jun" ที่มีชีวิตอยู่ในช่วง พ.ศ.2089 -2158 ในสามรัชสมัย เริ่มจากพระเจ้าเมียงจง กษัตริย์องค์ที่ 13 พระเจ้าซองโจ กษัตริย์องค์ที่ 14และองค์ชายกวางแฮกุน กษัตริย์องค์ที่ 15 แห่งราชวงศ์โชซอน “โฮจุน” เป็นบุตรของเจ้าเมืองยองชอน แต่เขามีมารดาอยู่ในฐานะไพร่ ซึ่งในสมัยนั้นจัดเป็นพวกชั้น"ชอนมิน" หรือชนชั้นต่ำ ตามความเชื่อในคติของลัทธิขงจื้อที่มีอิทธิพลต่อชาวโชซอนในยุคนั้นเป็นอย่างมาก จึงทำให้เขามีฐานะต่ำต้อยไม่ต่างไปจากมารดา เขาต้องอดทนต่อการปฏิบัติที่ถูกดูถูกเหยียดหยามและการกีดกันชนชั้นวรรณะ จากความกดดันนี้เอง ทำให้เค้าปฏิบัติตัวเป็นนักเลงหัวไม้ ชอบต่อยตี เรื่อยไปจนกระทั่งถึงการค้าของเถื่อน ถูกจับเป็นนักโทษและหนีออกมาได้ จากพ่อค้าของเถื่อน จนมาพบกับ “ยูอึยเท” หมอเทวดาชื่อดังแห่งเมืองซันยอง โฮจุนเกิดความเลื่อมใสในตัวหมอจึงขอฝากตัวเองเป็นศิษย์ ด้วยความขยัน ฉลาดและอดทนต่อสภาพแวดล้อมทั้งผู้คนและวรรณะ เขาจึงสามารถเรียนรู้วิชาแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว และก้าวหน้ามากกว่าคนอื่น ๆ จนเป็นที่อิจฉาและคอยกลั่นแกล้ง หลังจากผ่านความยากลำบากทั้งทางร่างกายและจิตใจมาหลายต่อหลายครั้ง หมอโฮจุนก็สามารถสอบเข้าเป็นหมอหลวงได้สำเร็จ แต่ภายในสำนักหมอหลวงนี้ โฮจุนได้พบกับการขัดขวาง กีดกันและถูกกลั่นแกล้งอยู่ตลอดเวลา ทั้งจากศัตรูเก่าและใหม่ที่เกิดขึ้นจากความอิจฉาริษยา จนกระทั่งโฮจุนได้พิสูจน์ฝีมือโดยการรักษาผู้ป่วยซึ่งเป็นโรคปากบูดเบี้ยวในเชื้อพระ วงศ์ได้เป็นผลสำเร็จ จึงสามารถเอาชนะต่อศัตรูมากมายที่คอยมุ่งร้ายเขาทุกวิถีทาง โฮจุนได้รับการเลื่อนขั้นเป็นหมอหลวงขั้น 7 ต่อมาเรื่องในอดีตที่โฮจุนเคยเป็นนักโทษค้าของเถื่อนถูกเปิดเผย ทำให้เขาได้กลั่นแกล้งให้รับโทษประหารชีวิต แต่ด้วยผลงานทางการแพทย์ ที่สามารถรักษาพระอาการของพระมเหสีและโอรสทั้งสองได้ ทำให้พระราชาได้พระราชทานอภัยโทษให้แก่โฮจุนท่ามกลางการคัดค้านของขุนนางทั้งหลาย ต่อมาไม่นานนัก เกิดสงครามระหว่างโชซอนและญี่ปุ่นขึ้น เพื่อความปลอดภัยของพระราชา จึงได้มีการอพยพผู้คนหนีออกจากวัง ส่วนโฮจุนกลับเป็นห่วงตำราแพทย์จึงตัดสินใจกลับไปนำตำราแพทย์ที่วังหลวงออกมาด้วย ซึ่งทำให้เขาพลัดพรากกับครอบครัว เมื่อตามไปถึงพระราชากลับทรงไม่เข้าใจ ด้วยความเกรงพระอาญาโฮจุนจึงหนีไปและได้ออกตามหาครอบครัวที่พลัดพรากจากกันในช่วงอพยพ ในระหว่างนี้เองศัตรูของหมอโฮจุนได้กลับมาอยู่กับสำนักหมอหลวงแทนเขา และได้ถวายการรักษาองค์ชาย แต่ไม่สามารถรักษาได้จริงเพราะความรู้ไม่ถึงขั้น จึงถูกลงอาญาให้จำคุก ภายหลังพระราชาประชวร จึงจำต้องเรียกตัวหมอโฮจุนกลับมาถวายการรักษา โฮจุนแสร้งทำเป็นแขนเจ็บไม่สามารถฝังเข็มได้ เพื่อเปิดโอกาสให้ศัตรูของเขาฝังเข็มแทน จนกระทั่งสามารถรักษาพระราชาได้สำเร็จ ทำให้ศัตรูพ้นโทษและกลับกลายมาเป็นกัลยาณมิตร ส่วนหมอโฮจุนก็ได้รับความดีความชอบมากมาย และได้เลื่อนขั้นเป็นหมอหลวงขั้นที่หนึ่ง แต่ด้วยความวุ่นวายในการแย่งชิงอำนาจในราชสำนัก ทำให้เขาต้องถูกเนรเทศไปแดนใต้ ระหว่างที่โฮจุนถูกเนรเทศนั้น มีชาวบ้านผู้ที่ได้ยินกิตติศัพท์โฮจุนเข้ามาขอรับการรักษา โฮจุนทนคำรบเร้าของชาวบ้านไม่ได้ จึงออกรักษาชาวบ้านอีกครั้ง โดยขอให้ชาวบ้านปิดเรื่องนี้เป็นความลับพร้อมกันนี้ ศัตรูผู้กลับมาเป็นมิตรก็ได้แอบส่งตำราแพทย์และข้อมูลต่าง ๆ มาให้แก่โฮจุน จนกระทั่งโฮจุนสามารถเขียนตำราแพทย์แผนใหม่ได้เป็นผลสำเร็จ เมื่อองค์ชายกวางแฮกุน พระราชองค์ใหม่ได้ทอดพระเนตรเห็นตำราแพทย์ฉบับนี้ จึงมีพระบรมราชโองการอภัยโทษแก่โฮจุน และมีคำสั่งให้เรียกตัวหมอโฮจุนกลับคืนมาสู่วังหลวง แต่หมอโฮจุนกลับทูลปฏิเสธพระราชา และเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อรักษาชาวบ้านต่อไป ![]() ภายหลังเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ขึ้น หมอโฮจุนตรวจรักษาคนไข้โดยไม่คำนึงถึงชีวิตตัวเอง จนกระทั่งตนเองติดโรคระบาดนั้น แต่เขากลับนำยาทั้งหมดมารักษาคนไข้ จนในที่สุดร่างกายที่อ่อนล้าไม่สามารถทนไหว ในที่สุดหมอโฮจุนก็จบชีวิตลง ราชวงศ์โชซอนในยุค"หมอโฮจุน" ถูกรุกรานโดยกองทัพญี่ปุ่นซึ่งนำโดยขุนศึกโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ บ้านเมืองบนคาบสมุทรเกาลีส่วนใหญ่ถูกปล้นสะดมและทำลาย รวมทั้งผู้คนและช่างฝีมือก็ถูกถูกบังคับ กวาดต้อนกลับไปเป็นทาสที่เกาะญี่ปุ่น ญี่ปุ่นที่เริ่มถอนทัพเนื่องจากการเสียชีวิตของฮิเดโยชิ สงครามบนคาบสมุทรจึงสิ้นสุดในปี พ.ศ. 2141 ภายหลังจากที่สร้างความหายนะให้กับอาณาจักรโชซอนไว้อย่างมากมาย อาณาจักรโชซอนถูกรุกรานอีกครั้งในปี พ.ศ. 2170 และปี พ.ศ. 2179 โดยชาวแมนจูเรีย ซึ่งสามารถเข้ายึดครองภาคกลางของราชวงศ์หมิงและสถาปนาราชวงศ์ชิงขึ้นเป็นครั้งแรกในป ี 2187 จนถึงปี 2437 รัชสมัยของพระเจ้าโกจง กษัตริย์องค์ 26 พระองค์ทรงหันไปฝักใฝ่รัสเซียเพื่อใช้คานอำนาจญี่ปุ่นที่สามารถเอาชนะราชสำนักชิงและ ครอบครองคาบสมุทรเหลียวตงไว้ได้ แต่แล้วในปี 2447 ญี่ปุ่นก็ได้ประกาศสงครามกับรัสเซียและได้เข้าโจมตีขับไล่ทหารรัสเซียออกไปจากดินแดน เกาหลี ในปี 2448 เกาหลีจึงจำต้องกลายมาเป็นประเทศในอารักขาของญี่ปุ่น จนถึงปี 2453 ญี่ปุ่นจึงได้ทำการล้มล้างราชวงศ์โชซอนลงอย่างถาวร โดยควบคุมเชื้อสายราชวงศ์โชซอนทั้งหมดไปไว้ที่ญี่ปุ่น เพื่อเป็นตัวประกันไม่ให้สามารถคืนสู่อำนาจได้อีก และได้ผนวกดินแดนของอาณาจักรโชซอนทั้งหมดเข้าเป็นมณฑลหนึ่งของประเทศ ประวัติศาสตร์ 4 ยุคสมัยจากละครซี่รีย์เกาหลี ที่เริ่มมาตั้งแต่ในสมัยยุคเหล็ก 2,000 ปี ยุคที่ชนเผ่าแห่งอาณาจักรโคกูรยอได้สร้างตำนานของจูมงขึ้น ห่างจากยุคราชวงศ์โชซอนในสมัยหลังของหมอโฮจุนนานกว่า 2,000 ปี เรื่องราวยาวนานนี้ต้องมีมากกว่าความสนุกสนานและตัวละครทั้งตัวดี ตัวร้าย พระเอก และตัวอิจฉา ที่มาประชันบทบาทกันเป็นแน่ เรื่องราวนั้น ส่วนหนึ่งก็คือ"ประวัติศาสตร์"ของคาบสมุทรเกาหลี ที่ผมได้นำมาให้ท่านได้ร่วมสัมผัสย้อนอดีตนี่ไงล่ะครับ อีกส่วนหนึ่งก็คงเป็นเรื่องเครื่องแต่งกาย อาหาร ภาษา วัฒนธรรมและเรื่องราวอินเทรนด์ของเกาหลีอีกมากมาย ที่กำลังกลายมาเป็นจุดขายทางการตลาดเพื่อดึงดูดส่งเสริมการท่องเที่ยวประเทศเกาหลี เห็นผลประสบความสำเร็จได้อย่างสวยงามในปัจจุบัน โดยดูจากยอดนักท่องเที่ยว และความคลั่งใคร้เกาหลีที่เพิ่มขึ้นมากมาย เครดิตคุณ man5baht |
vมังกรหลับv |
#11 vมังกรหลับv [ 25-02-2008 - 12:52:25 ] |
|
ในบรรดาเรื่องที่เคยฉายไปเนี่ย อิมซังอ๊ก อยู่ในสมัยหลังสุดเลยใช่ไหมคับ เรียงตามสมัยได้อย่างนี้รึป่าว จูมง ซอดองโย แดจังกึม บัลลังก์จอมนาง หมอโฮจุน อิมซังอ๊ก ผมเรียงถูกปะเนี่ย |
เตียบ่อกี้ |
#12 เตียบ่อกี้ [ 25-02-2008 - 13:06:45 ] |
|
อิมซังอก ผมว่าอยู่ในช่วงปลายของสมัยโชซอนนะครับ อิมซังอก เกิด 1779-1855 ซึ่งอยู่ในช่วงของ King ชองโจ -- King ซูนโจ -- King ฮอนจง -- King ชอลจล หากพิจารณาเวลาการเกิดของ อิม ซัง อ๊ก แล้ว (ก็ตรงกับช่วงเวลาของกษัตริย์ 4 พระองค์ คือ 1. พระเจ้าชองโจ (Chongjo) ครองราชย์ 1776-1800 2. พระเจ้าซุนโจ (Sunjo) ครองราชย์ 1800-1834 3. พระเจ้าฮอนจง (Honjong) ครองราชย์ 1834-1849 4. พระเจ้าชอลจง (Choljong) ครองราชย์ 1849-1863 นับว่าเป็นช่วงปลายสมัยราชวงศ์โชซอนมากแล้ว เพราะหลังจากนั้นจะเป็นการแย่งชิงราชสมบัติกัน ตลอดจนการมีผู้สำเร็จราชการ และมีกษัตริย์ปกครองอีก 2 พระองค์เท่านั้น ราชวงศ์นี้ก็จะสิ้นสุดลง เมื่อญี่ปุ่นบุกเข้ามาและบังคับให้เกาหลีเป็นเมืองขึ้นของญี่ปุ่น ในปี 191 |
vมังกรหลับv |
#13 vมังกรหลับv [ 25-02-2008 - 13:32:35 ] |
|
ก็ปลายอะฮะ หมายถึงอิมซังอ๊ก อยู่อันดับท้ายใข่ไหม ในบรรดาพวก จูมง ซอดองโย แดจังกึม บัลลังก์จอมนาง ที่เคยฉายมานะ |
เตียบ่อกี้ |
#14 เตียบ่อกี้ [ 25-02-2008 - 13:38:44 ] |
|
ท้ายคับ |
555 |
#15 555 [ 26-02-2008 - 18:04:54 ] |
|
โกคูยอ นั้นที่แข็งแกร่ง ไม่ทราบท่านเตีย รุ้ไหมว่า จีน ได้เอาชนะ โกคูยอ ในภายหลังรึเปล่า อยากรู้นะ |
เตียบ่อกี้ |
#16 เตียบ่อกี้ [ 26-02-2008 - 19:08:21 ] |
|
ปี พ.ศ.1210 อาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่จูมงได้สร้างไว้ก็ถึงแก่กาลอวสาน ในรัชสมัยของกษัตริย์โบจัง (Bojang) เมื่อถูกแคว้นซิลลาร่วมมือกับราชวงศ์ถัง ยกกองทัพเข้าบดขยี้ นะขอรับ ![]() |
เตียบ่อกี้ |
#17 เตียบ่อกี้ [ 26-02-2008 - 19:42:47 ] |
|
ราชอาณาจักร โกคูรยอ เป็น ดินแดน เกาหลีเหนือ โบราณ มีภาษา เป็นของตัวเองด้วย ภาษาโกคูรยอ เป็นภาษาที่เคยใช้พูดในราชอาณาจักรโกคูรยอ (พ.ศ. 506 – 1211) ซึ่งเป็นอาณาจักรหนึ่งในสมัยสามก๊กของเกาหลี หลักฐานเท่าที่มีอยู่เป็นข้อความสั้นๆแสดงความคล้ายคลึงกับภาษาชิลลาและแพกเจซึ่งเป็นภาษาของราชอาณาจักรอีกสองแห่งในสมัยนั้นและได้รับอิทธิพลจากภาษากลุ่มตันกูสิต นักภาษาศาสตร์ชาวเกาหลีเชื่อว่าภาษานี้ใกล้เคียงกับภาษากลุ่มอัลไตอิกที่ใช้นอกเขตราชอาณาจักรทั้งสาม นักภาษาศาสตร์บางกลุ่มจัดให้อยู่ในภาษากลุ่มบูเยโอะเพราะมีคำศัพท์ใกล้เคียงกับภาษาญี่ปุ่นโบราณ คำบางคำในภาษาโกคูรยอยังพบได้ในภาษาเกาหลีโบราณช่วงพ.ศ. 1500 – 1900 แต่ส่วนใหญ่มักถูกแทนที่ด้วยคำจากภาษาชิลลา ตามประวัติศาสตร์ที่แท้จริง ของเพกเจ บรรพบุรุษของเพกเจ ก็คือ ชาวพูยอ ไม่ได้มีส่วนอะไรเกี่ยวข้องกับจูมงหรือซอซอนโนเลย ซึ่งพูยอได้ถูกโกคูรยอยึดได้ แล้วพวกพูยอได้อพยพหนีไปทางใต้แล้วตั้งแคว้นใหม่ขึ้นมา ชื่อ ว่า เพกเจ ส่วนในหนังเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับประวัติศาสตร์ ราชอาณาจักรทั้งสามของเกาหลี เมื่อเป็นเอกราชจากจีน ดินแดนเกาหลีในขณะนั้นแบ่งเป็น 3 อาณาจักรด้วยกันคือ อาณาจักรโกคูรยอทางภาคเหนือ เผ่าโกคูรยอเริ่มเข้มแข็งมากขึ้นเมื่อราชวงศ์ฮั่นของจีนล่มสลาย และสามารถขยายอำนาจเข้ายึดครองมณฑลนังนังจากจีนได้เมื่อ พ.ศ. 856 และ กลายเป็นเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดของ ดินแดน เกาหลีเหนือ โบราณ คงเป็นราชธานี ได้นานกว่า 705 ปี มีกษัตริย์ สืบต่อราชวงศ์ 28 พระองค์ ราชวงค์โกคูรยอ ของจูมงนั้น ผู้ที่เข็มแข็งที่สุดก็คงไม่พ้น จูมง แต่ที่เด่นๆ ก็มีอีก ก็อย่างเช่น ยูริ ลูกของจูมง พอได้ครองราชก็สามารถขยายดินแดนโกคูรยอได้กว้างขวางกว่าจูมง พอมาถึงลูกของยูริได้ครองราชก็สามารถยึดพูยอมารวมไว้ได้ และสามารถยึดมนฑล นังนัง เหนือมลฑล เหลียวตงของฮั่นได้ และสามารถตั้งแคว้นโกคูรยอเป็นอาณาจักรได้สมบูรณ์ ครับ อาณาจักรแพกเจ ชนเผ่าแพกเจซึ่งเป็นเผ่าย่อยของเผ่าพูยอที่อพยพลงใต้ เข้ายึดครองอาณาจักรอื่นรวมทั้งอาณาจักรเดิมของเผ่ามาฮั่น ตังเป็นอาณาจักรเมื่อ พ.ศ. 777 อาณาจักรชิลลา อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของคาบสมุทรเกาหลี พัฒนาขึ้นจากเผ่าซาโร แต่อาณาจักรนี้ไม่เข้มแข็งมากนักในช่วงแรก ดำเนินนโยบายเป็นมิตรกับอาณาจักรโคคูรยอตลอด จนกระทั่งหลังสงครามระหว่างอาณาจักรโกคูรยอกับแพกเจ อาณาจักรชิลลาจึงเขมแข็งขึ้นเป็นลำดับ จนสามารถยึดครองลุ่มแม่น้ำฮั่นและลุ่มแม่น้ำนักดงจากอาณาจักรแพกเจได้ ปัจจุบัน โกคูรยอ คือ ดินแดน เกาหลีเหนือ และคาบสมุทร เหลียวตง ของจีน |
vมังกรหลับv |
#18 vมังกรหลับv [ 26-02-2008 - 20:10:10 ] |
|
ผมว่า กระทู้นี้นะ ความจริงมันควรจะเอาไปตั้งที่หมวด ทั่วไป นะ |
สยบทั่วเเผ่นดิน |
#19 สยบทั่วเเผ่นดิน [ 27-02-2008 - 01:29:49 ] |
|
ตั้งที่นี่น่าจะถูกแล้วนะ ขอรับ ท่านพี่ขงเบ้ง เพราะ เป็น สาระ ความรู้ |
จอมยุทธ์มังกรน้อย |
#20 จอมยุทธ์มังกรน้อย [ 18-04-2008 - 16:31:17 ] |
|
ใครชื่นชอบประวัติศาสตร์เกาหลี อย่าชมหนังเรื่อง ตํานานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์นะครับ อิอิ โฆษณาสะหน่อย เขาจะว่าไหมเนี่ย |
|