นิยายจีนสนุกๆครับ เรื่อง โลกที่ไร้ชื่อ
|
artzmaster |
#1 artzmaster [ 05-12-2007 - 16:41:45 ] |
|
สวัสดีครับ ผมสมาชิกใหม่ ชื่ออาร์ท เป็นแฟนคลับหนังจีนเหมือนกันครับ พอดีอยากแต่งนิยายจีนสักเรื่อง การบรรยายเรื่องของผม เนื้อเรื่องของผม จะเป็นแนวของผมเองนะครับ ลองอ่านกันดูนะครับ ตอนที่ 1 โลกที่ไม่รู้จัก วันนี้เป็นอีกวันที่ผมออกไปซื้อของกลับมาเพื่อทำอาหาร ระหว่างทางกลับบ้าน ผมได้เจอสมุดเล่มหนึ่ง ที่มีรูอากาศขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางเล่ม พอลองแตะดูมันก็....... อ๊า!!!!! ... ที่นี่ที่ไหน...ที่นี่เหมือนโลกที่ผมเคยอยู่ ที่ๆผมอยู่ตอนนี้มีแต่ทะเลทรายแต่มันไม่ได้ราบเรียบอะไรมากมายนักมันสูงๆต่ำๆ แบบว่าอาจทำให้ผมไม่เห็นเส้นทางข้างหน้าได้ว่ามีอะไรอีกนอกจากจะเดินข้ามไป มันร้อนเหลือเกิน ผมจึงเดินต่อไปเรื่อยๆอย่างไร้ทางเลือก จนผมได้พบกำแพงเมืองเมืองหนึ่ง รูปแบบการสร้างคล้ายๆกับกำแพงของประเทศจีนในสมัยสงครามเลยก็ว่าได้ ผมเองก็เห็นเพิงเหมือนกับให้นั่งพักเพื่อหลบแดด ผมคิดว่าผมโชคดีแล้วและคิดจะไปหลบพักใต้เพิงนั่นก่อน แต่ผมคิดผิดอย่างแรง เพราะทิศทางของแดด ทำให้เงาที่ตกทอดจากเพิงนั้นห่างไปพอสมควร ผมจึงมองหาว่าเงาไปตกกระทบตรงไหน ปรากฏว่า เงากระทบตรงกำแพงเมือง ซึ่งผมคงไม่บ้าพอที่ตะกายกำแพง เพื่อร่มเงาของเพิงนี้ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าผมโง่มาก เพราะในเมื่อมีกำแพงเมือง ก็ย่อมต้องมีประตูเมือง ผมเลยเดินเลาะๆกำแพง จนพบประตูเมืองจนได้ ผมนึกถึงหนังจีนโบราณ ที่มีประตูใหญ่ๆ ผมเลยถือวิสาสะเข้าไปทันที ในนั้นมีชาวบ้านอาศัยอยู่มากมาย และมีวิถีชีวิตเหมือนกับประเทศจีนสมัยโบราณ ต่างกันเพียงแค่ว่าพื้นที่เยียบเป็นทรายเท่านั้นเอง โชคดีที่ชาวบ้านพวกนั้นพูดจีนกลางเหมือนผม ผมก็เลยถามเขาไปว่า “น้าๆ ที่นี่ที่ไหนครับ” “นี่คือเมืองซู เจ้ามาจากที่ไหน ไม่ใช่คนของ 3 เมืองใหญ่หรอกเหรอ?” ทีนี้ผมเข้าใจโดยทันทีเพราะว่าผมไม่ได้โง่ ว่าคราวนี้ผมอาจหลุดเข้าไปในมิติอื่นแล้วก็ได้ แต่ผมก็เผื่อใจไว้ก่อน ว่าอาจจะเป็นแค่การถ่ายทำภาพยนตร์เดี่ยวจะถูกมองว่าเป็นคนบ้า ผมมองเห็นทหารอูฐคนหนึ่งผ่านมา ผมขอพบเจ้าเมืองของเมืองนี้ น่าแปลกมาก ที่ทหารคนนั้นพาผมไปหาเจ้าเมืองทันที แล้วผมเองก็แปลกใจมากยิ่งขึ้น เพราะว่าตอนที่ผมเข้าประตูมาก็ไม่มียามคอยเฝ้าสักคน และแล้วผมก็ได้ย่างก้าวเข้ามาในราชวังอันโอ่อ่า คล้ายๆกับราชวังต้องห้าม แต่หลายๆจุดประดับด้วยไข่มุก,อัญมนีจากทะเลและเปลือกหอยสวยๆมากมาย พอผมขึ้นมาชั้นที่ 4 ก็ถึงห้องของเจ้าเมืองซู ทหารคนนั้นเคาะประตู เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นว่า “เข้าใจแล้ว เจ้ากลับไปตรวจตราความสงบสุขต่อเถอะ ส่วนอีกท่านหนึ่งก็เข้ามาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ” ทหารคนนั้นก็เดินกลับลงไปทันที ผมก็เปิดประตูเข้าไปแบบกล้าๆกลัวๆ ผมเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วหันกลับมาพบกับเจ้าเมืองซู เจ้าเมืองคนนี้หน้าตาหล่อเหลา อายุดูแล้วน่าจะประมาณ 40 กว่าๆ น่าจะสูงเกิน 180 ใส่ชุดคลุมฟ้าฝ้ายสีครามโดยที่ตัวผมนั้นใส่เสื้อยืดสีดำกางเกงยีนรองเท้าผ้าใบ “ท่านมาจากเมืองไหนล่ะ จากเมืองชิว หรือเมืองซัน” ผมเห็นเขาใช้ภาษาจีนโบราณแบบในหนังจีนผมเลยตอบไปว่า “ผู้น้อยมาจากเมืองเซี่ยงไฮ้” เจ้าเมืองชิวทำหน้าแปลกใจ ใบหน้าที่เย็นชาของเขาเริ่มยิ้มนิดๆ “ท่านดูตลกดีนะ ท่านไม่ต้องเกรงใจ เราคนกันเอง ข้าไม่ชอบระเบียบแบบที่ยุ่งยาก เชิญตามสบาย” “ข้าแซ่ซู ชื่อคัง” ผมเลยบอกชื่อของผมบ้าง “ข้าแซ่ ชาง ชื่อหลิวฟง” ผมแปลกใจมากเมื่อถูกถามว่า “ท่านดูรูปร่างเล็กก็จริง แต่เท่าที่ดูท่านคงมีวรยุทธ ถ้าไม่รังเกียจลองประมือกันสักครั้งจะได้หรือไม่?” ผมเองก็ฝึกกังฟูมาบ้างได้ยินคนท้าก็รู้สึกสนุก จึงตอบว่า “งั้นข้าก็ขอคำชี้แนะ” ผมบุกด้วยท่าไซด์คิกท่าถนัดของผมทันที ผมเตะอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง ลุงคังก็ยังตั้งรับเหมือนดูเชิง แล้วหาจังหวะสวนกลับอย่างหนักหน่วงจนผมกระเด็นเกือบติดกำแพง ลุงคังนี่ร้ายกาจจริงๆ ท่าทางมวยแข็งคงจะทำอะไรเขาไม่ได้ ผมจึงต้องงัดมวยหวิงชุนออกมาใช้ เราสองคนยืนประจัญหน้ากัน ไม่มีใครคิดจะถอยแม้แต่ก้าวเดียว เราเปิดฉากยืนซดกันอย่างดุเดือด ต่างคนต่างเป็นมวยสายรับทั้งคู่ผมชกหมัดออกไปเขาเบี่ยงแรงออกด้านข้างแล้วตวัดมือกลับมาโต้ตอบ ผมเองก็ป้องกันได้ทันท่วงทีแต่ผมรู้อย่างหนึ่งคือ มวยของจ้าวเมืองร้ายกาจก็จริง แต่เซ็นเตอร์ยังสู้หวิงชุนไม่ได้หมัดหนึ่งที่กำลังจะมุ่งตรงเข้าไปที่หน้าของลุงคัง ก็รู้สึกเหมือนมีลมปราณที่เย็นเฉียบเป็นกำแพงกันหมัดของผมเอาไว้ แล้วผมก้อรู้สึกเหมือนถูกผลักกระเด็นถอยหลังทันที ลุงคังกล่าวทันทีว่า “ท่านออมมือแล้ว” ผมที่ช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่นึกว่าโลกประหลาดนี้จะมีพลังยุทธ์ด้วย ผมเลยตอบไปว่า “วรยุทธของท่านล้ำลึกนัก” ลุงคังรีบพูดทันทีว่า “ท่านชมมากเกินไปแล้ว กระบวนท่าของท่านร้ายกาจกว่าข้านัก เพียงแต่ข้ามีกำลังภายในมากกว่าเท่านั้นเอง ข้าอาจจะฝึกให้ท่าน ถ้าท่านไม่รังเกียจ” ผมน่ะเหรอ จะพลาดโอกาสงามๆเช่นนี้ เพราะผมเองก็รักวิทยายุทธมากๆ ผมคุกเข่าแล้วโขกศีรษะทันที “ศิษย์หลิวฟง คารวะอาจารย์” อาจารย์เรียกคนๆหนึ่งให้ยกน้ำชาออกมา “น้ำชาค่ะ ท่าพ่อ” คราวนี้ผมช็อคหนักยิ่งกว่าโดนซัดด้วยกำลังภายในด้วยซ้ำ ผู้หญิงที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าจัดได้ว่าสวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในชีวิตเลยก็ว่าได้ เธอมีผมยาวดำขลับ แซมสีครามเล็กน้อยเหมือนไฮไลท์ สูงประมาณ 170 ซม. ตาหวานหยาดเยิ้มที่เย็นชา จมูกโด่ง ริมฝีปากเล็ก ผิวขาวนวล อายุราวๆ 18 ปี ผมก็เอาได้ทันทีว่า อาจารย์ต้องอายุเกิน 50 แล้วแน่ๆ เธอกล่าวด้วยเสียงอันหวานว่า “ข้าแซ่ซู ชื่อ อัน” ไม่ทันขาดคำ หนามน้ำแข็งแท่งหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาผมทันที ผมหลบได้อย่างหวุดหวิด น้องคนนี้ทักทายได้รุนแรงชะมัด แต่เฮ้ยยย กำลังภายในทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ ว้าว ผมชักตื่นเต้นซะแล้วสิ “ลูกอัน อย่าเสียมารยาท ไปฝึกวิชากับองครักษ์กัวสิ” “ค่ะ..” ก่อนเธอเดินออกไป ได้หันมายิ้มให้ผมนิดหนึ่ง ถึงจะงามเหมือนนางฟ้า แต่ผมไม่ได้รักใครด้วยภายนอก ผมเลยไม่ได้คิดอะไรด้วยมากนัก “เจ้าต้องเรียกองครักษ์กัวว่า ศิษย์พี่” อาจารย์บอกให้ผมรู้ว่า นอกจากผมแล้ว ท่านเองก็มีลูกศิษย์คนหนึ่งอยู่แล้ว และเป็นราชองครักษ์เสียด้วย อาจารย์ยังบอกต่ออีกว่า “ข้าจะสอนกำลังภายในให้เจ้า แล้วอีกสองวันให้ไปหาประสบการณ์ที่เมืองซัน และเมืองชิว เรา 3 เมือง หากจะรบก็รบกันพอเพลิดเพลิน ไม่มีใครตาย ข้าเองก็ชอบประมือกับจ้าวเมืองอีก 2 คนเช่นกัน” ชอบหรือไม่ชอบบอกด้วยนะครับพี่ๆ ถ้าชอบผมจะพิมพ์ตอน 2 ทันที ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องนี้ไม่มีดอง เพราะผมวางโครงเรื่องจนจบแล้ว ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยคร้าบ |
สยบทั่วเเผ่นดิน |
#2 สยบทั่วเเผ่นดิน [ 05-12-2007 - 17:36:33 ] |
|
จบหรือยัง ขอรับนี่! สมแล้วที่ชื่อ ท่านจ้าวแห่งศิลปะ ........ |
artzmaster |
#3 artzmaster [ 05-12-2007 - 19:30:10 ] |
|
มาแล้วครับตอนที่ 2 แหม เสียงตอบรับน้อยจัง แต่ก็ขอบคุณนะครับ ท่านชมเกินไปแล้ว อิอิอิ ตอนที่ 2 ที่ราบสูง แห่งเมือง ชิว เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นขึ้นมา แล้วคิดว่าฝันอะไรเลอะเทอะ แต่พอมองดูรอบๆตัว ผมอยู่ในห้องที่ตกแต่งด้วยอัญมณีจากทะเล นี่คือห้องหนึ่งในราชวังซู ผมก็รู้ทันทีว่าไม่ได้ฝันไปผมจำเรื่องเมื่อวานได้ลางๆ หลังจากได้พบลูกสาวของอาจารย์แล้ว ก็เริ่มฝึกพลังไอเย็นขั้นพื้นฐานแล้วกินอาหารทะเลที่อาจารย์จัดเลี้ยง แล้วก๊งเหล้าจนผมจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้ จำไม่ได้…ไม่จริง ผมจำได้ทุกอย่าง ทั้งชื่อ แผ่นดินที่ตัวเองเกิด แต่เหตุการณ์ก่อนที่ผมจะหลุดมาในเมืองนี้ ผมจำใครไม่ได้เลยแม้กระทั่งแม่ของผม ช่างเถอะ ไว้ค่อยๆคิดแก้ปัญหาทีหลัง เยือกเย็นเข้าไว้ตอนนี้คงประมาณ 9 โมง ต้องไปฝึกวรยุทธได้แล้ว ผมออกไปที่ชายหาดก็พบกับอาจารย์กับผู้ชายอีกคนหนึ่งผมเองก็พอเดาได้ว่าเป็นใคร เลยทักทายไปว่า “คารวะท่านอาจารย์ และศิษย์พี่กัว” “เจ้าน่ะเหรอ น้องหลิวฟง ดูท่าทางมุ่งมั่น นับถือ นับถือ” “เมื่อวานนี้ อาจารย์ก็สอนวิชาปราณหิมะพื้นฐานแล้ว วันนี้เจ้าก็ขอคำชี้แนะจากพี่กัวก็แล้วกัน อาจารย์มีราชกิจต้องบริหารบ้านเมือง อาจารย์ขอตัว” ท่านอาจารย์ขับปราณหิมะออกมาเป็นประกายรอบๆตัวแล้วทะยานกลับไปที่ห้องของท่าน จริงๆแล้ววิชาปราณหิมะฝึกไม่ยากนัก เพียงแต่เป็นการดึงพลังจากธรรมชาติให้ผ่านตัวเราแล้วปล่อยออกไปพร้อมกับจิตนาการของเรา ทำให้เกิดเป็นพลังมหาศาลได้ ยิ่งจินตนาการสูงขนาดไหนก็ยิ่งใช้น้ำแข็งได้หลายรูปแบบมากขึ้นเท่านั้นพี่กัวฝึกได้ประมาณ 7 ส่วนของอาจารย์แล้ว ผมเองก็น่าจะได้ประมาณ 3 ส่วน แต่จิตนาการของคนสมัยใหม่อย่างผมก็สามารถรับมือศิษย์พี่กัวได้นานพอสมควร พี่กัวใช้เพียงการโจมตีเรียบง่าย เช่นหนามน้ำแข็งแบบที่น้องอันใช้ เพียงแต่ยิงออกทีละเป็นห่าฝน เกราะน้ำแข็งไว้ป้องกันได้ทุกทิศทาง ใบมีดน้ำแข็งใช้ระยะประชิด แต่ด้วยความอัจฉริยะของผมที่ได้ดัดแปลงน้ำแข็งให้เป็นมังกร สามารถควบคุมให้ติดตามไปตามทิศที่ต้องการได้ หรือสเก็ตน้ำแข็งไว้เพิ่มความเร็วในการหลบหลีก อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังแพ้พลังที่เกรี้ยวกราดมากกว่าของศิษย์พี่กัวอยู่ดี นับว่าเป็นการฝึกที่สนุกจริงๆ วันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางไปเมืองชิว ระยะทางก็น่าจะไกลเหมือนเดินทางข้ามประเทศเลยทีเดียว แดดตอนบ่ายบวกกับทะเลทรายที่ร้อนแรง ช่างดูท้าทายยิ่งนัก ผมประหยัดพลังงานของตัวเองโดยการใช้พลังน้อยแต่คุ้มค่าที่สุด ผมใช้ปราณหิมะสร้างแท่งน้ำแข็งเล็กๆฝังบนทราย เพื่อดีดตัว ก้อนต่อก้อน ในที่สุดก็พ้นเขตทะเลทรายมาได้อย่างลากเลือด น้ำที่พกติดตัวมาด้วยก็หมดแล้ว ก็เลยทำได้แค่สร้างก้อนน้ำแข็งด้วยลมปราณหิมะประสานความชื้นในอากาศเป็นก้อนน้ำแข็งอมในปากไปพลางๆ สิ่งที่ผมได้ค้นพบนอกเขตทะเลทรายก็คือ ที่ราบอันกว้างไกล อากาศที่บริสุทธิ์ มีสัตว์ป่าเหมือนกับโลกที่ผมเคยอยู่ ผมเดินทางขึ้นเนินที่คิดว่าสูงมากๆ จนกระทั่งเห็นทหารกองพันหนึ่งกำลังซ้อมจัดรูปขบวนรบอยู่ “ข้ามีชื่อว่าหลิวฟง มาจากเมืองซู ขอพบเจ้าเมืองของท่านได้หรือไม่” หัวหน้ากองพันที่ฝึกทหารอยู่ ก็ตอบว่า “งั้นเชิญทางนี้เลย คนกันเองทั้งนั้น” รู้สึกว่าโลกนี้จะคนกันเองทั้งโลกเลยนะเนี่ยแต่ก็ดีต่อเรา คุยง่าย และแล้วผมก็ได้พบกับเจ้าเมืองชิว ซึ่งอยู่ในถ้ำลึกลงไปชั้นใต้ดินเจ้าเมืองคนนี้ใส่ชุดคล้ายๆพวกมองโกล แต่เป็นอีกแบบนึงที่แปลกตา ร่างกายดูแกร่งเพรียว ผมสั้นและตั้งแถมรากไทรอีกต่างหาก ตอนนี้ผมควรจะหาประสบการณ์ได้แล้ว ผมจึงยิงคำถามไปทันที “ประชาชนของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” เจ้าเมืองชิวถามกลับทันที “เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเมืองของเจ้า แล้วรู้อะไรเกี่ยวกับเมืองของข้าบ้าง” เจ้าเมืองคนนี้พูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา ผมจึงชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบว่า “ก็เมืองที่ข้ามานั้นชาวบ้านอยู่ดีมีความสุข มีอาชีพประมงเป็นส่วนใหญ่เพราะอยู่ติดทะเล บางคนก็หาอัญมณีหรือเปลือกหอยขาย ส่วนเมืองของท่านข้ารู้มาบ้างเล็กน้อย ว่า อยู่บนที่ราบสูง ชาวบ้านส่วนใหญ่ เลี้ยงแพะเลี้ยงแกะเลี้ยงม้า ทำสวนทำไร่ ชีวิตเรียบง่าย แต่ดูแล้วน่าจะมีความสุข” “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตอบได้ดี ตอบได้ดี ประชาชนของข้าอยู่ดีมีสุข ขอบคุณในความเป็นห่วง แต่...” ผมก็เริ่มเอะใจว่าจะมีอะไรซักอย่างเกิดขึ้น แล้วก็เป็นไปตามคาด เจ้าเมืองชิวตวัดนิ้วขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็มีเสียงลมฝ่าอากาศมุ่งมาทางผม ผมไม่รอช้า รีบสร้างแผ่นน้ำแข็งวงกลมสูงประมาณ 1 ฟุต หนาประมาณ 1 เซนติเมตร ขึ้นมาป้องกันข้างหน้าผมทันที ฟึ่บ.... น้ำแข็งของผมขาดเป็นสองท่อนและร่วงลงสู่พื้นทันที เสื้อของผมก็ขาดเป็นรอยเฉียง แต่ยังไม่เข้าเนื้อ ที่เจ้าเมืองชิวจู่โจมเราทันทีเพราะคิดว่าเราต้องมีวิชาของเมืองซูติดตัวมาด้วย “ข้าลงมือรุนแรงไปรึเปล่านะ? เอาล่ะ เรามาดวลกระบวนท่ากันดีกว่า” อ้าวว ท้าดวลลักษณะนี้ก็เสร็จผมสิครับ ถ้าสู้แบบมือเปล่า การต่อสู้ของเจ้าเมืองชิวจะเหมือนแนวซับมิชชั่น ผสมบิดล็อก ผมก็ต่อสู้ได้แบบสะดวกมากขึ้น แต่พอผมตวัดเท้าจะขึ้นหน้ากลับโดนสายลมพัดให้เท้าชี้ฟ้าหน้าทิ่มดินแทนที่จะเตะโดน ให้ตายสิ ผมโดนโกงอีกแล้ว “อ๊ะ ขอโทษๆ เจ้าเป็นคนแรกนะเนี่ยที่ชนะข้าได้ด้วยมือเปล่า ขนาดสองตาแก่ยังแค่พอฟัดพอเหวี่ยงกะข้าเลย” (นายเองก็อายุพอกันไม่ใช่เหรอฟะ)ผมล่ะเซ็งจริงๆ ไม่รู้ว่าเมืองต่อไปจะโดนแบบนี้อีกหรือเปล่า “เกือบลืมไป ข้าแซ่ชิว ชื่อหลาง” ผมก็เลยบอกชื่อไปเช่นกัน “ข้าแซ่ชาง ชื่อหลิวฟง วรยุทธท่านล้ำลึกนัก” ลุงหลางตอบทันทีว่า “นี่ข้าโกงท่านท่านยังไม่โกรธ ท่านช่างใจกว้างเสียจริง เราดื่มนมแพะสดๆกันก่อนดีกว่าแล้วท่านค่อยเดินทางต่อ เรียกข้าว่าพี่หลางก็ได้ไม่ต้องเกรงใจ” แล้วผมก็ได้ยินเสียงน่ารักๆเสียหนึ่งลอยเข้าหู “ท่านพ่อๆ ลูกขอเป็นศิษย์ของพี่หลิวฟงได้ไม๊” ผมเองซึ่งเกือบจะเรียกเจ้าเมืองชิวว่าพี่หลาง ต้องรีบเปลี่ยนคำพูดทันที เพราะว่าลูกสาวของท่านหลางนั้นโดนใจผมมาก มัดผม ท่าทางร่าเริง และที่สำคัญสนใจมวยที่ผมฝึกซะด้วย อย่างนี้ไม่จีบไม่ได้แล้ว แล้วอีกอย่างผมก็ไม่อยากเป็นอาจารย์ของสาวน้อยคนนี้ด้วย เพราะไม่อยากแต่งงานกับลูกศิษย์ตัวเอง อิอิ ผมเลยต้องตอบทั้งสองฝ่ายพร้อมกันว่า “ ผู้อาวุโสหลางกล่าวหนักเกินไปแล้ว ท่านเป็นถึงเจ้าเมือง แล้วก็มีศักดิ์เทียบเท่าอาจารย์ของข้า ข้าจะเรียกท่านว่าพี่ได้อย่างไร ส่วนเรื่องมวยนั้น ข้าสอนให้แก่ลูกของท่านได้ แต่ข้าจะไม่รับเป็นศิษย์เพราะข้ารับศิษย์ผู้ชายเท่านั้น” ผมแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆแบบนั้นแต่ก็ได้ยินอีก 1 เสียงตะโกนมาว่า “งั้นผมขอบกราบคารวะอาจารย์” ผมหันไปมองด้วยอาการงงสุดขีด โอ้วแม่เจ้า ท่านหลางมีลูก 2 คน ผู้ชายคนหนึ่งผู้หญิงคนหนึ่ง “ข้าแซ่ชิว ชื่อเล่ย ส่วนนี่พี่สาวข้า แซ่ชิว ชื่อ ปิน” เจ้าหนุ่มนี่รูปร่างดีทีเดียว คงจะแข็งแรงเหมือนพ่อของเค้า หน้าตาก็ดูซื่อแต่ไม่โง่ แต่ผมรู้สึงโหวงๆเวลามองไปทางน้องปิน ที่ใบหน้าผุดผ่อง ตาคมดุแต่แฝงความอารมณ์ดี ปากอมยิ้มนิดๆ น่าจะสูง 160 กว่าๆ ที่สำคัญก็คือ ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่มีใครสนใจมวยที่ผมฝึกเลย ใครๆก็หาว่าผมบ้า มีเธอคนแรกที่ชอบในสิ่งที่ผมมี ผมจะถ่ายทอดฝีมือให้จนหมดตัวหมดใจเลย เอาล่ะ ยังมีอีก 1 เมืองที่ต้องไป นี่ก็เย็นมากแล้วผมจึงต้องกล่าวลาทันที “อาเล่ย น้องปิน ไม่ต้องเกรงใจ ว่างๆก็ไปฝึกวิชาที่เมืองซูด้วยกันก็ได้ ข้าคงต้องไปแล้ว ท่านอาวุโส ข้าขอลา” ทุกคนมาส่งผมที่หน้าปากถ้ำ เวลามองกลับไปแล้วเห็นน้องปินยิ้มให้ผมก็หวั่นไหวทุกครั้ง อย่างนี้จะมีแรงเดินทางไปถึงเมืองสุดท้ายไม๊เนี่ย ถ้าเสียงตอบรับดีผมจะพิมพ์ตอน 3 มาลงนะครับ แต่อาจจะไม่ได้ภายในพรุ่งนี้ เพราะติดเรียนครับผม |
vมังกรหลับv |
#4 vมังกรหลับv [ 05-12-2007 - 20:58:29 ] |
|
อีกหน่อย บอร์ดนี้คงจะเป็นบอร์ดโพสนิยายไปแล้วนะคับ เนี่ย อืมมม ![]() |
artzmaster |
#5 artzmaster [ 05-12-2007 - 21:03:49 ] |
|
ข้าน้อยเพียงแต่เห็นว่าชาวยุทธในบอร์ดนี้ใจกว้าง ไม่มองโลกแคบๆ มีอารมณ์ขัน สนุกสนานปนสาระ ผมก็เลยกล้าที่จะนำความคิดของตนเองมาเสนอน่ะครับ ^ ^ |
vมังกรหลับv |
#6 vมังกรหลับv [ 05-12-2007 - 21:30:35 ] |
|
อ๋อ อืมมม ![]() |
เทพเกรียนๆ |
#7 เทพเกรียนๆ [ 05-12-2007 - 23:50:21 ] |
|
ท่านพี่ สู้ต่อไปเถิด |
สยบทั่วเเผ่นดิน |
#8 สยบทั่วเเผ่นดิน [ 06-12-2007 - 01:04:56 ] |
|
ท่านราชาศิลปะ มีศิษย์น้อง ด้วยรึขอรับ ....... |
มือกระบี่ไร้นาม |
#9 มือกระบี่ไร้นาม [ 06-12-2007 - 16:20:28 ] |
|
อืม |
artzmaster |
#10 artzmaster [ 08-12-2007 - 21:28:44 ] |
|
มาแล้วครับตอนที่ 3 (จะมีใครอ่านนิยายผมไม๊เนี่ย T T) ตอนที่ 3 ป่ารกชัฏตะวันตก และวัตถุลึกลับ การเดินทางจากเมืองชิวไปเมืองซันนั้นชิวๆมากๆ มีผลไม้ มีลำธาร เสบียงไม่มีขาด ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ผมก็ไม่มีเวลามาก ต้องพบเจ้าเมืองซันให้ได้ก่อนตะวัดตกดิน เพราะจะทำให้หลงทาง ผมทำถนนด้วยน้ำแข็ง กว้างประมาณ 1 คืบ แล้วสไลด์ไปอย่างรวดเร็ว วิชาตัวเบาบวกกับความลื่นของน้ำแข็งทำให้เดินทางได้รวดเร็วเกือบเท่ารถไฟชินกันเซ็นของญี่ปุ่นเลยทีเดียว และแล้ว... ผมก็มาถึงปากทางเข้าป่า ทั้งๆที่ยังสว่างอยู่แท้ๆ แต่ภายในป่าดูมืดเกือบจะมองไม่เห็นอะไร แต่ถ้าจ้องมองเข้าไปลึกๆจะเห็นดวงไฟบนคบเพลิงให้เดินตาม ผมเดินเข้าไปแบบทุลักทุเล แล้วใช้ไอน้ำแข็งสร้างแท่งน้ำแข็งเพื่อให้แสงไฟสะท้อนกับน้ำแข็งให้เห็นอะไรได้ชัดมากขึ้น ผมเดินไปตามคบเพลิงเรื่อยๆ แต่ก็ได้ยินเสียงแปลกๆ เหมือนกับ... ผมไม่ทันจะได้สันนิษฐาน ผมก็ถูกโจมตีจากสัตว์ป่าดุร้าย อย่างงูพิษ และเสือดาว ผมตกใจมาก เลยสร้างน้ำแข็งเป็นลูกบอลกลวงๆครอบตัวเองไว้ แล้ววิ่ง(กลิ้ง)ไปเรื่อยๆ จนชนประตูประตูหนึ่งทะลุเข้าไป ปรากฏว่ามีเมืองอยู่ ผมรีบทลายน้ำแข็งรอบตัวทันทีเพื่อให้มองบรรยากาศโดยรอบได้ชัดเจน ภายในเมืองนี้ช่างสวยงามมากนัก เหมือนกับกำแพงเมืองที่สูงใหญ่ของเมืองนี้ได้แหวกป่ารกชัฎนี้ทำให้แสงลอดผ่านมายังเมืองนี้ เมืองนี่ร่วมรื่นมาก มีทั้งน้ำตก ป่าไม้ มีแปลงสมุนไพรเรียงรายผมเห็นต้นไม้ตนใหญ่อยู่ตรงกลาง ต้นไม้ต้นนี้มีประตูด้วย แต่ไม่ทันจะเปิดประตู ชายหน้าตารอบรู้ได้เดินออกมาจากต้นไม้ต้นนี้ “ท่านคงมาคุยเรื่องการบ้านการเมืองสินะ ... ไม่ต้องห่วง ที่นี่สงบสุข ชาวบ้านทุกคนมีความสุขดี” แล้วอยู่ดีๆชายคนนี้ก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วแล้วมาอยู่ข้างหลังผม ผมโดนลองของอีกแล้วหรือนี่? “ท่านดูแข็งแรงดีนะ ดูแล้วน่าจะขยันฝึกยุทธ์” สำหรับผมการที่ใช้ความเร็วเข้าข่มแบบนี้ถือว่าเป็นการท้าอย่างหนึ่ง ผมเลยลองถามดูว่า “เรามาลองแลกเปลี่ยนฝีมือด้านกระบวนท่ากันดูบ้างไหม” “ข้าว่าไม่เหมาะ ท่านดูท่าทางมั่นใจ ถ้า 2 คนนั้นยังแพ้กระบวนท่าเจ้า ข้าเองก็คงมีชะตากรรมไม่ต่างกัน ข้าไม่ได้ข่มท่านด้วยความเร็ว เพียงแต่จะบอกท่านว่าข้าสามารถทำอะไรได้บ้าง นอกจากนี้ข้ายังสามารถเปลี่ยนชี่ในร่างกลายให้เป็นสายฟ้าได้ด้วย” ผมก็เข้าใจในทันที เลยถามไปว่า “ท่านอยู่แบบนี้ท่านไม่เบื่อเหรอ” “ข้าไม่เบื่อหรอก ตามข้ามาสิ” ผมได้เดินตามเขาเข้ามาในต้นไม้ขนาดยักษ์ ภายในจัดแต่งเหมือนบ้านใหญ่ๆหลังหนึ่ง แต่ทุกอย่างสร้างจากไม้ ผมเดินขึ้นบันไดวนไปเรื่อยๆ ระหว่างทางเดินสวนกับเด็กหนุ่มผู้ชายและผู้หญิงอายุประมาณ 18 วิ่งสวนลงมา ผมก็สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นลูกเจ้าเมืองนี้แน่นอน แต่ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนี้นะ ? ... เมื่อผมเดินขึ้นมาถึงยอดต้นไม้ ก็รู้สึกเหมือนเดินขึ้นมาบนดาดฟ้าของตึก ผมมองเห็นป่ารอบๆที่มองอะไรไม่เห็น แล้วมองเห็นทิวทัศน์ที่งดงามข้างบนนี้มีโต๊ะที่มีหนังสือเรียงราย ท่านผู้นี้ต้องเป็นผู้รู้แน่ๆ “ข้ามีแซ่ว่า ซัน ชื่อ กี ข้าชอบขึ้นมาอ่านหนังสือบนนี้” ผมก็แนะนำตัวบ้าง “ข้าแซ่ชาง ชื่อหลิวฟง” จากนั้นผมก็เหลือบไปเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็น ตรงทิศเมืองซู ผมเห็นวัตถุลึกลับบางอย่างเล็กขนาดนี้ยังเห็น หรือว่าจะเป็น... ผมเข้าใจทันทีว่าทำไมเด็กสองคนนั่นถึงรีบวิ่งเพียงนี้ “ท่านกี เราไปด้วยกันเลย” “แล้วแต่ท่าน” ท่านกีเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อจากไปทันที ส่วนผมเองก็สร้างทางลาดน้ำแข็งกว้าง 1 คืบหน้า 1 นิ้วทอดยาวให้พ้นเขตป่า ในทิศทางของเมืองผม ผมกระโดดลงไปที่แผ่นน้ำแข็งแล้วพุ่งฉิวไปตามทางลาดน้ำแข็งอย่างรวดเร็วได้ผล ผมประหยัดพลังงานได้มาก และไปได้ไกล เมื่อความเร็วจากการลงจากทางลาดหมดลง ผมก็เข้าสู่เขตทะเลทราย ม.ม..ไม่จริง นี่มัน UFO ทำไมถึงมีสิ่งนี้ในโลกนี้ได้ อ๋อ รู้แล้ว หรือว่าเมืองนี้ทั้งหมด แล้วที่เรามาอยู่ที่นี่เป็นฝีมือของเจ้านี่? ผมรีบวิ่งไปที่เมืองซูโดยทันที และได้เห็นเข้าเมืองทั้ง 3 ยืนมอง UFO อยู่ สักพัก ก็มีผู้หนึ่งลงมาจาก UFO นั่น เขาหน้าเหมือนเรามาก แต่สูงกระมาณ 2 เมตร สีผิวเป็นสีฟ้าใส่ชุดค่อนข้างไฮเทค ลงมาถึงคำถามแรกที่เขาถามก็คือ “ข้า..มา..อยู่..ที่..นี่..ได้..อย่าง..ไร” เจ้าเมืองชิวพูดขึ้นมาทันทีว่า “สำเนียงแบบนี้คล้ายๆท่านหลิวฟงเลย นี่สหายท่านหลิวฟงหรือ?” ให้ตายสิ อย่าเอาชั้นไปเทียบกับมนุษย์ต่างดาวนะเฟ้ย ผมเลยถามมนุษย์ต่างดาวคนนั้นว่า “ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร” “ข้า.มา.จาก.ดาว.อัน.ไกล.โพ้น.เห็น.ดาว.ดวง.นี้.น่า.สน.ใจ.เลย.มา.ดู.เรา.ศึก.ษา.ภา.ษา.ของ.พวก.ท่าน.แต่.อยู่.ดี.ดี.เรา.ก็.โผล่.มา.ที่.นี่” นี่อะไรกัน เจ้านี่นอกจากจะไม่ใช่สาเหตุของเหตุการณ์ทั้งหมด แถมยังเป็นผู้เคราะห์ร้ายเช่นเดียวกับเราอีกด้วย ผมเลยถามให้แน่ในว่า “ท่านถูกหนังสือเล่มหนึ่งดูดเข้ามาใช่หรือไม่?” “ใช่.แล้ว” ผมเลยถามว่า “ท่านชื่ออะไร” “ข้า.ชื่อ.ว่า.มิล.เลอร์.เป็น.เจ้า.เมือง.ของ.เมือง.U.F.O.” เจ้าบ้า นั่นไม่ใช่เมืองเฟ้ย นั่นเรียกว่ายานบิน แต่จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ผิด เพราะผมคิดว่า น่าจะมีประชากรมากมายอยู่บนนั้น ผมเลยมองไปทางท่านอาจารย์ อาจารย์บอกว่า “ท่านสามารถอยู่ในเขตทะเลทรายของเราได้ และหาอาหารในเขตทะเลของเราได้ด้วย” “เรา.ขอบ.คุณ.ท่าน.มาก” แล้วเขาก็กลับขึ้นยาน แล้วไปจอดตรงทะเลทราย ทุกคนในเมืองซูมามุงดูกันมาก หลังจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้น ท่านเจ้าเมืองทั้ง 3 ก็คุยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยที่มีลูกชายลูกสาวอยู่ด้วย ซิ่งผมก็แอบมองน้องปินบ้างเล็กน้อยเป็นอาหารตาอาหารใจ เจ้าเมืองชิว(ท่านหลาง)กล่าวว่า “ข้าซ้อมทหารไว้แล้ว คราวนี้พวกท่านแพ้แน่” เจ้าเมืองซู(ท่านอาจารย์) กล่าวว่า “ท่านอย่าดูแคลนพี่กีเกินไป ถึงท่านจะขยันฝึกทหารและจัดขบวนรบได้อย่างเชี่ยวชาญ แต่พี่กีเองก็มีความรู้ด้านกลยุทธมากมาย” เจ้าเมืองซัน(ท่านกี) ก็กล่าวว่า “พี่คังก็กล่าวเกินไป ท่านเองก็เลือกใช้คนได้อย่างแม่นยำและถูกตำแหน่ง ร้ายกาจไม่แพ้กัน” อะไรกัน พวกเขาจะเปิดสงครามกันจริงๆเหรอ แล้วทำไมเขาจึงต้องทำสงครามกันด้วย? เห้อ กระแสซบเซาจัง หรือว่าไม่สนุกหนอ? |
vมังกรหลับv |
#11 vมังกรหลับv [ 08-12-2007 - 21:43:15 ] |
|
ใครอ่านแล้ว บอกผมหน่อยหนุกปะ จะได้อ่านบ้าง ช่วงนี้ผมส่องกระจกดูหัวของผมมันเล็กๆอะคับ เลยต้องประหยัดพ.ท.สมองไว้ |
vมังกรหลับv |
#12 vมังกรหลับv [ 08-12-2007 - 21:43:30 ] |
|
![]() |
โดดเดี่ยวหมื่นลี้ |
#13 โดดเดี่ยวหมื่นลี้ [ 09-12-2007 - 09:06:58 ] |
|
ยังอ่านไม่จบเลย เยอะจัด ![]() |
pumkin |
#14 pumkin [ 13-12-2007 - 21:19:59 ] |
|
ก้หนุกดีอ่ะเวอดีผมชอบ เอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีก |
artzmaster |
#15 artzmaster [ 13-12-2007 - 22:02:03 ] |
|
คร้าบผม เคลียร์งานเสร็จจะจัดให้ทันทีขอรับ ^ ^ (อย่างน้อยก้อมีคนอ่านแฮะ) |
|