อธิบายความเป็นมา ของมังกรหยก1-3 ของกิมหย้ง แปลโดย น.นพรัตน์

ผมจำชื่อไม่ได้นะ เกี่ยวกับคนที่คิดค้นวิชา เพียงแต่ตระกูลของเข้าถูกสังหารทั้งตะกูล เข้าจึงแค้นไปคิดค้นวิชามา 2 ชนิด เพื่อเพื่อล้างแค้น
1. คัมภัรื เก้าอิมจินเก็ง เป็นวิชาเกี่ยวกับวรยุทธ มีอยู่เก้าวิชา ฝ่ามือสยบมังกรเป็หนึ่งใน 9 ของวิชา
2. คัมภีร์ที่ว่า ด้วยการสงคราม ที่เราเรียกว่า พิชัยสงครามนั้นเอง
แต่เมื่อตนคิดค้น สำเร็จ จะกลับมาแก้แค้นก็สายไป เพราะศัตรู แก่ตายหมดแล้ว จึงทิ้งไว้ แก่ให้ก็ไม่รู้ เท่าที่เห็นฝึกแบบสมบูรณ์ จะเป็น ราชัญย์ทักษิณ
จนมา ถึง มือของ ก่วยเจ๋ง เป็นผู้รักษา ก๋วยเจ๋งหรือลูกก๋วยของเขานี้ละได้ ใช้กระบี่เหล็กดำ ของ เอี๊ยก๋วยนี่ละตีเป็น ดาบข้ามังกร ขึ้นมา เเละ กระบี่อิงฟ้า เเต่กระบี่ฟ้าผมจำวัตถุดิบไม่ได้ เป็นเหตุให้หลายร้อยปี ชาวยุทธ์ ต่างเเย่งชิงกัน แตหารู้ไม่ว่าความจริง พลังอยู่ที่ คัมภัร์ภายในอาวูธทั้ง 2 อย่าง ผู้ที่รู้ความลับจึงเป็นศินย์สำนัก ง้อไบ๊ เพราะ ผู้ก่อตั้งคือ ก๋วยเซียง ต่อมาเมื่อ กระบี่อิงฟ้า และ ดาบปราบมังกร เเตกออก เก้าอิมจินเก็ง ถูกเก็บไว้ที่ เส้าหลิน และ พิชัยสงคราม
เตียบ่อกี้ ได้ให้ แก่ จูกัดเหลียง เพื่อ ปราบทุกข์เข็ญแก่ประชาชน (สมัยนั้นประชาชนอดอยากมาก) และเมื่อจูกัดเหลียง จะรบมีข้อแม้ 1 อย่างคือ ต้องชักธงแดง เพื่อเป็นการที่สำนึกถึงบูญคุณของพี่น้องที่ได้ตายไป เพราะความโง่ของตนเองที่ทำให้ลูกน้องตายไปมาก ตอนอยู่พรรครุ่งเรือง แต่ในทางประวัติศาตร์ การชักธงแดงก็เพื่อแสดงสัญลักษณ์ของตนและความอ่นใจของประชาชน( ประมาณว่าจูกัดเหลียงมาช่วยเราเเล้ว) เป็นที่มาของกองธงแดง ซึ่งจูกัดเหลียงนี้เอง คือ ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ แมนจู
ที่กล่าวมานี้ผิดพลาดประการใดขออภัย โปรดให้คำชี้แนะด้วย

จูกัดเหลียง กะขงเบ้ง นี่คนเดียวกันหรือเปล่าครับ ถ้าคนเดียวกัน อ้าว สมัยของขงเบ้งนี่มันมีมาก่อนยุคมังกรหยกไม่ใช่หรอ งง อะ ถ้าไงใครรู้ช่วยตอบด้วยนะครับ เราความรู้น้อยอะ แต่อยากรู้เจงๆ นะ

จูหยวนจาง(ฮ่องเต้หมิงไท่จู) ครับ ไม่ใช่จูกัดเหลียง(มังกรหลับ) หรอกนะครับ

เอ่อ! จูหยวนจางเป็น ฮ่องเต้ราชวงค์หมิง ไม่ใช่รึครับ ไม่ใช่ ชิงเเมนจู

ไปเรื่อยเลย นี่อะนะแปลดดย นพ. นพรัตน์ จูกัดเหลียงใช่คับคือชื่อจริงของขงเบ้ง คำว่า ขงเบ้งคือนามแฝงอีกที ส่วน จูหยวนจางนั้นก็เป็นฮ่องเต้องศ์แรกของหมิงอน่าง ท่าน อีเต่า บอก

ขอโทษคับเป็นจูหงวนจางจริงๆคับ ขออภัยที่พิมพ์ผิด

ฝ่ามือสยบมังกร เนี่ย มันฝ่ามือเดียวกับฝ่ามือพิชิตมงักรป่าวครับ ถ้าใช่ คุณก็บอกมาผิดที่แล้ว ที่วิชาฝ่ามือสยบมังกรมาจกคัมภีร์เก้าอิม เหตผลที่ชี้ได้ชัดเลยก็คือ ฝ่ามือสยบมังกรเป็นวิชาสายร้อน ส่วนในคัมภีร์เก้าอิมมีแต่วิชาสายเย็นครับ

มีความเป็นไปได้ที่ผมจะผิดคับ แต่เหตุใดจึงคิดว่าเป็นสายเย็นละคับ

โอ้ ท่านจอมยุทธ์มังกรน้อย กล่าวถูกแล้วคับ ผมเขียนผิดอีกแล้ว
ท่านจอมยุทธ์มังกรน้อย เปลี่ยน เป็นจอมยุทธ์มังกรใหญ่ ได้แล้วคับ ล้อเล่น ก็เก่งขนาดนี้
ท่าน อีเต่า ก็ช่างรอบรอบรู้
ท่านมังกรหลับก็ เฉียบคม จิง

นับถือมากคับ จากใจ ขอเป็นศิษย์ เลย ละกาน โปรดรับข้าเป็นศินย์ด้วย นับถือๆ
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยคับ

web นี้มีจอมยุทธ์เก่งหลายท่านจิงๆ

ทั้งสามท่านกล่าวถูกตอมทุกประการ ไรข้อกังขาจิงๆ ข้านับถือยิงนัก

มิกล้า มิกล้า ครับ ผมว่าเรามาเป็นเพื่อดีกว่านะ อย่าให้ถึงต้องมาเป็นศิษย์อาจารย์เลย เอาแค่เพื่อก็พอแล้วรับ

เป็นตำราพิชัยสงครามของ ท่านงักฮุย ที่มีตัวตนอยู่จิงๆ ถึงขนาดว่าอ๋องกิทก๊กยังมาแย่งเลย(แย่งในนิยาย)
......
จุดประสงค์คือ
ก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้งที่ปกป้องเมืองเซียงเอี้ยง ต้านไม่ไหวแล้ว คิดว่าคัมภีร์ สอง เล่มนี้จะสาญสูญจึงทำกระบี่กับดาบแล้วซ่อนไว้ โดยหวังว่าถ้าใครได้ตำราพิชัยสงครามไปแล้ว ทำความเลว ก้จะมีคนที่ได้เก้าอิมมาจัดการไง
.......แต่เพราะไม่มีใครรู้จุดประสงค์ไง ทำให้แย่งกัน ด้วยคำกล่าว ถ้าใครได้2เล่มนี้ จะครองแผ่นดิน

ภากเเรก เพื่อโค่นกิม ก๊วยเจ๋ง อึ่งย้ง ต้อง เดินทางตามหาตำรา อู่มู่

คนที่คิดค้นคำภีร์เก้าอิม คือ อึ้งเซี้ยง ครับ

อู่มู่..ก็คือ งักฮุย..และเยวี่ยอู่มู่ เยวี่ยอู่มู่อี้เหวินเยวี่ยเฟย คือ ตำราพิชัยสงครามของงักฮุย
(งักฮุย) เป็นคนในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ เป็นแม่ทัพที่มีความสามารถทางศึกสงครามและเป็นผู้ที่มีระเบียบวินัยทางทหารอย่างเข้มงวด ดังนั้นกองทัพของเยวี่ยเฟย (งักฮุย) จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นกองทัพที่แม้จะหนาวตายก็จะไม่รื้อบ้าน ยอมอดตายแต่ไม่ปล้มจี้ ตลอดชีวิตของเยวี่ยเฟย (งักฮุย) ทำศึกทั้งหมด 126 ครั้งด้วยกัน และไม่เคยพ่ายแพ้แม้แต่ครั้งเดียว จริงๆ แล้วเยีวี่ยเฟยมิเคยแต่งตำราพิชัยสงครามแม้แต่ครั้งเดียว ส่วนเยวี่ยอู่มู่อี้เหวิน นี้ เป็นเพียงหนังสือที่รวบรวมบทกวีของเค้าเท่านั้น

ระหว่างสงครามต่อต้านการรุกรานของชาวจิน ถึงแม้ว่าเยวี่ยเฟยจะได้รับชัยชนะตลอดมา แต่ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ซ่งใต้กลับไม่มีจิตใจที่คิดจะฟื้นฟูบ้านเมือง แต่อย่างใด ในเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ.1142 พระเจ้าเกาจงได้มีรับสั่งให้ฉินฮุ่ย ซึ่งเป็นเสนาบดีในตอนนั้นไปเจรจาสงบศึกกับชาวจิน แคว้นจินตั้งเงื่อนไขในการเจรจาว่า ต้องมีการประหารชีวิตเยวี่เฟย (งักฮุย) ก่อนจึงจะเริ่มเจรจาได้ ดังนั้น ฉินฮุ่ยจึงใส่ร้ายและทำการจับกุมเยวี่ยเฟยโดยอ้างว่าเยวี่ยเฟยคิดก่อการกบฏ ในที่สุดก็สั่งประหารเยวี่ยเฟย พร้อมกับ เยวี่ยหยุนบุตรชาย และจังเสี้ยนซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของเยวี่ยเฟย ในตอนนั้นเยวี่ยเฟยมีอายุแค่เพียง 39 ปีเท่านั้น

ตรงตามนั้น

ค่ะ โอ้ยเหนื่อย ไปหาข้อมูลมา แต่ก็ทำให้รู้เพิ่มเติมฮิ

อุส่าไปหาข้อมูลมา ชยันจังเลยนะ ท่าน

แจ่มเลยครับ ท่านมังกรน้อยหัวโต

มังกรน้อย(หัวโต) เล้งยี้ สาวกกิมย้งค้า

ม้าเหงื่อโลหิตในตำนาน”

ตามตำนานกล่าวกันว่าม้าพันธุ์ดังกล่าวยามที่ออกวิ่ง บริเวณแผงคอจะมีเหงื่อไหลออกมา เป็นสีแดงสดคล้ายเลือด ในนิยายมังกรหยกของกิมย้ง ม้าเหงื่อโลหิตนี้เป็นม้าป่าที่ก๊วยเจ๋งจับได้ และเป็นม้าคู่ใจของก๊วยเจ๋งและอึ้งย้งม้าเหงื่อโลหิตในตำนาน


ม้าที่จัดว่าเป็นม้าพันธุ์ดีที่สุดพันธุ์หนึ่งของโลก คือ ม้าเหงื่อโลหิต

ที่มา http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9500000113048

ม้าที่จัดว่าเป็นม้าพันธุ์ดีที่สุดพันธุ์หนึ่งของโลก คือ ม้าเหงื่อโลหิต （汗血宝马）ตามตำนานกล่าวกันว่าม้าพันธุ์ดังกล่าวยามที่ออกวิ่ง บริเวณแผงคอจะมีเหงื่อไหลออกมา เป็นสีแดงสดคล้ายเลือด ซึ่งทางจีนนำเข้าม้าพันธุ์นี้จากประเทศเติร์กเมนิสถานจำนวน 3 ตัว แบ่งเป็นตัวผู้ 1 ตัว และตัวเมียสองตัว โดยตัวผู้มีลักษณะสีดำทั้งตัว แต่กลับมีกีบเท้าสีขาว ตัวเมียอีกตัวกลับมีขนสีทอง นับเป็นเอกลักษณ์ของม้าสายพันธุ์นี้

ว่ากันว่าในสมัยจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้เคยส่งทหารไปยังซีอี๋ว์เพื่อออกเสาะแสวงหาม้าเหงื่อโลหิตนี้ และยังมีเรื่องเล่าว่าม้าสายพันธุ์นี้เคยเป็นพาหนะให้กับเจงกิสข่านอีกด้วย



ในนิยายมังกรหยกของกิมย้ง ม้าเหงื่อโลหิตนี้เป็นม้าป่าที่ก๊วยเจ๋งจับได้ และเป็นม้าคู่ใจของก๊วยเจ๋งและอึ้งย้ง

คนทั่วโลกต่างยอมรับว่า ประเทศเติร์กเมนิสถาน (Turkmenistan) เป็นถิ่นกำเนิดของม้าเหงื่อโลหิตหรือม้า Akhaltekin ประเทศเติร์กเมนิสถานจึงเป็นประเทศที่มีฉายาว่า ประเทศแห่งม้า (Country of the horse) ม้าตัวโปรดของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชชื่อ Bucephalus เป็นม้าสายพันธ์ Akhaltekin

ม้าสายพันธ์ Akhaltekin นี้ได้ชื่อว่าเป็นม้าที่เร็ว อดทน ซื่อสัตย์ และ เป็นม้าทะเลทรายจึงทนความร้อนสูงได้ ผ่านการเลือกสรรของชนเผ่าที่มีชีวิตร่อนเร่กลางทะเลทราย และ ผจญการโจมตีของศัตรูที่รุกราน

ปัจจุบันทั่วโลกมีม้าสายพันธุ์นี้จำนวน 3,000 ตัว ในจำนวนดังกล่าว มี 2,000 ตัว อยู่ในประเทศเติร์กเมนิสถาน โดยเติร์กเมนิสถานเตรียมการกำหนดให้ม้าเหงื่อโลหิตเป็นสมบัติของชาติ นอกจากนี้ยังสามารถพบเห็นสัญลักษณ์ของม้าเหงื่อโลหิตได้ในสัญลักษณ์ประจำชาติ และ เหรียญกษาปณ์

ทั้งนี้ ปี 2002 และ 2006 ประธานาธิบดีซาพามูรัท นียาโจฟแห่งเติร์กเมนิสถาน เคยมอบม้าเหงื่อโลหิตให้กับรัฐบาลจีนจำนวน 2 ตัว รวมกับตอนนี้ที่ได้มีการนำเข้ามาอีก 3 ตัว ทำให้ปัจจุบันจีนมีม้าสายพันธุ์นี้จำนวน 5 ตัว

นักวิชาการสมาคมธุรกิจเพาะพันธุ์ม้าของจีน กล่าวว่า ม้าเหงื่อโลหิตมีแหล่งกำเนิดที่เขตโอเอซิส ประเทศเติร์กเมนิสถาน ผ่านการเพาะเลี้ยงมานานนับ 3,000 ปี จนกลายเป็นม้าสายพันธุ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกสายพันธุ์หนึ่ง เนื่องจากม้าเหงื่อโลหิตมีฝีเท้าเร็ว ความอดทนสูง มักจะใช้เป็นพาหนะในการเดินทางระยะไกล และใช้ในพิธีการเดินสวนสนาม ปัจจุบันในระดับสากล มีราคาสูงสุดถึง 10 ล้าน ดอลล่าห์สหรัฐ

เว็บที่เกี่ยวข้อง: http://www.mfa.go.th/web/848.php?id=346

หามาไห้อ่านเล่น เห็นในบอดยังไม่มีครับ