บางคนอาจจะรู้ความหมายของชื่อ "เอี้ยก้วย" และ "เหล่งนึ่ง" มาแล้ว แต่เนื่องจากเห็นว่า Website นี้เป็นเวบรวมเรื่อง มังกรหยกเอาไว้ บทความนี้จึงน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านท่านอื่นๆ ต่อไป หากเกิดมีการสร้างหนังอีก หรืออาจเกิดมีกระแสให้ความสนใจในมังกรหยก 2ขึ้นมาอีกครั้ง
ในเรื่องมังกรหยก "กิมย้ง" แสดงฝีมือตั้งชื่อตัวละครไว้ครบทุกประเภท
ชื่อเอี้ยก้วยนั้น แสดงฝีมือการตั้งชื่อตัวและชื่อรองผ่านบทบาทของก๊วยเจ๋งดังรายละเอียดว่า
“ก๊วยเจ๋งคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าและบิดาของทารกนี้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน แต่น่าเสียดายที่ผลบั้นปลายไม่ดี ข้าพเจ้าไม่สามารถแสดงคุณธรรมแห่งมิตรภาพได้เต็มที่ เป็นความคับแค้นในชีวิตจริงๆ แต่หวังว่าเมื่อทารกนี้โตแล้วหากทำความผิดแล้วย่อมปรับปรุงแก้ไขตนเองจึงขอตั้งชื่อหนูน้อยนี้ว่า (เอี้ย) ก้วย (ผิดพลาด) ชื่อรองว่าเก้ยจือ (ปรับปรุงตัว) ขอจงเป็นผู้อุทิศตนเพื่อคุณธรรม”
เมื่อรวมความหมายของชื่อตัวกับชื่อรองแล้วแปลว่า ผู้ทำผิดแล้วปรับปรุงตัว เฉพาะชื่อ ก้วยนั้น หากเอาความหมายตามนัยแห่งชื่อรองด้วยก็หมายความว่า สำนึกผิด
ฉะนั้นตัวละครเอกผู้นี้จึงมีชื่อตัวว่า ผู้สำนึกผิด ชื่อรองว่าผู้ปรับปรุงตัว อันเป็นไวพจน์ของกันและกันนั่นเอง
และบทบาทของตัวละครผู้นี้ก็สมดังชื่อแสดงฝีมือการตั้งชื่อตัวละครให้มีความหมายลึกซึ้งสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องเป็นอย่างยิ่ง
เสี่ยวเล้งนึ้ง นั้นแปลกกว่าชื่ออื่นที่ไม่เริ่มด้วยแซ่
คำว่า เซียว แปลว่าเยาว์ น้อย
เล้งเป็นแซ่ นึ้งแปลว่าผู้หญิง
ชื่อนี้ จึงเป็นชื่อบอกเพศและวัยมากกว่าเป็นชื่อตัว
แปลว่า สาวน้อยแซ่เล้ง
หากแปลแซ่ด้วยก็เป็น นางมังกรน้อย
อ้างอิง โดยคุณถาวร สิกขโกศล
ความหมายอันลึกซึ้งของชื่อเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่ง ที่ "กิ้มย้ง" ได้คิดและตั้งไว้
|
เอี้ยทิซิม | |
![]() |
ยังไม่ลึกซึ้ง |
ขอคิดด้วยคน | |
![]() |
ขอนำคำอธิบายเรื่องชื่อตัวละครอื่นๆ มาเติมต่อ ดังที่ค้นหามาได้ มีดังนี้ค่ะ (เพื่อว่าใครจะสนใจที่มาที่ไปของการเริ่มต้นเขียนมังกรหยกของท่านกิมย้ง) ในมังกรหยกภาคแรกสารัตถะของเรื่องค่อนข้างชัดเจนอยู่ที่ความรักชาติ แต่ผู้แต่งมุ่งจะสื่อสารไปยังลูกจีนโพ้นทะเลเป็นสำคัญ จึงสร้างตัวละครเอกคือก๊วยเจ๋งและเอี้ยคังให้เป็นลูกจีนที่ไปเกิดและเติบโตในต่างแดน แล้ววางบทบาทให้เอี้ยคังเป็นตัวร้ายเพราะรักความเป็นแมนจูมากกว่าความเป็นจีน ส่วนก๊วยเจ๋งเป็น ตัวดีเพราะ มีสำนึกในความเป็น จีนสูงการสร้างตัวละคร ลักษณะนี้เท่ากับกิมย้งบอกแก่ลูกจีนโพ้นทะเลทั้งหลายว่า “จงดูก๊วยเจ๋งเป็นตัวอย่าง คือร่วมมือกับแผ่นดินเกิดของตน” ตราบใดที่ยังไม่ขัดผลประโยชน์กับจีน และถ้ามีความขัดแย้งเกิดขึ้นจงคำนึงผลประโยชน์ของจีนเป็นสำคัญ ลูกจีนพึงมีสำนึกในความเป็นคนจีนอยู่เสมอลูกจีนคนใดละเลยหน้าที่ดังกล่าว ก็เป็นคนประเภทเดียวกับเอี้ยคัง โดยที่ชื่อ “เจ๋ง” และ “คัง” นั้นมาจากชื่อศักราช “เจ๋งคัง” อันเป็นปีที่จีนประสบความอัปยศใหญ่หลวง ชื่อทั้งสองนี้จึงส่อนัยความหมายทางการเมืองอย่างชัดเจน เท่ากับเตือนให้ลูกจีนโพ้นทะเลรำลึกถึงความอัปยศของจีนและมีหน้าที่ต้องช่วยลบล้างความอัปยศนั้น ในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ความอัปยศอันยิ่งใหญ่ของจีนคือปี พ.ศ.2444 ซึ่งแปดมหาอำนาจตะวันตกร่วมกันปราบจลาจลบ๊อกเซอร์แล้วบุกเข้ายึดพระราชวังกรุงปักกิ่งซูสีไทเอาและกวางสูฮ่องเต้ เสด็จหนีออกจากพระนคร ห้องสมุดของราชวงศ์แมนจูถูกเผาย่อยยับจนสารานุกรมชุดหยงเล่อต้าเตี่ยนซึ่งเป็นสารานุกรมชุดใหญ่ที่สุดของโลกถูกเพลิงผลาญเหลือเพียง 200 กว่าเล่มจากจำนวนทั้งหมด 12,000 เล่ม คนจีนหลายคนถือว่าเหตุการณ์นี้คือปี “เจ๋งคัง” สมัยใหม่ ภูมิหลังดังกล่าว ประกอบกับ เนื้อเรื่องและ ลักษณะตัวละคร จึงพออนุมานได้ว่า กิมย้งต้องการบอกให้จีนโพ้นทะเลตระหนักในทุกข์ภัยที่เกิดปิตุภูมิของตนกำลังประสบ ไต้กิมก๊กก็ดี มองโกลก็ดีน่าจะเป็นสัญลักษณ์ของมหาอำนาจตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อเมริกา และ รัสเซีย ซึ่งเป็นมิตรแล้วกลับเป็น ศัตรูต่อจีน เช่นเดียวกับมองโกล ก๊วยเจ๋ง จึงเป็น แบบอย่างของลูกจีน ที่กิมย้งปรารถนา นอกเหนือจากเป็นแบบอย่างของลูกจีนที่กิมย้งปราถนานอกเหนือจากเป็นตัวอย่างของวีรบุรุษที่แท้จริงแห่งมนุษย์ชาติดังที่เขากล่าวไว้ ว่าไปแล้ว “สาร” ในเรื่องมังกรหยกภาคแรกนั้นเป็นอันตรายต่อประเทศที่มีจีนและลูกจีนโพ้นทะเลอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก อย่างประเทศอินโดนีเซีย มาเลย์เซียและไทย ดังปรากฏกรณีจลาจลชาวจีนในอินโดนีเซียจน รัฐบาลต้องส่งคนจีนส่วนใหญ่เหล่านั้นกลับแผ่นดินเดิม แม้เราไม่อาจยีนยันได้ว่าเป็นอิทธิพลจากนิยายกำลังภายในเรื่องเยี่ยมนี้ก็ตาม แต่ประเทศไทยนับว่าโชคดีที่คนไทยสามารถผสานสายเลือดและจิตใจคนจีนเข้ากับแผ่นดินไทยได้อย่างแนบแน่น จนลูกหลานจีนในไทยกลายเป็น เอี้ยคัง มากกว่า ก๊วยเจ๋ง ในแง่ความผูกพันกับแผ่นดินเกิดและแผ่นดินเดิมของบรรพบุรุษ เราจึงมีลูกหลานจีนที่เป็นนักปราชญ์ของชาติไทยอย่างพระยาอนุมานราชธน ผู้มีชื่อเดิมว่าหลีกวงหยง ภูมิลำเนาเดิมของบรรพบุรุษอยู่ที่อำเภอฮงสุน จังหวัดแต้จิ๋ว จังเจียวเฮียก (เจิงจาวสี้) วิจารณ์ข้อเด่นด้านนี้ว่า กิมย้งเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์อย่างลึกซึ้ง จึงสร้างตัวละครได้อย่างมีชีวิตชีวา สมเหตุสมผลในเชิงการประพันธ์ ตัวละครแต่ละตัวมีบุคลิกลักษณะชัดเจนแตกต่างกันไปคล้ายคนในชีวิตจริงเป็นโลกแห่งจินตนาการอันสมจริงที่กิมย้งได้สร้างขึ้นให้ผู้อ่านได้ชื่นชมประทับใจและได้คุณค่าสารไปด้วย ในบรรดาวรรณกรรมทั้งหมดของกิมย้งนั้นจังเจียวเฮียกเห็นว่า เรื่องมังกรหยกภาคหนึ่งและภาคสองเป็นเรื่องเอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสร้างตัวละคร ตัวละครในเรื่องมังกรหยกทั้งสองภาคไม่เพียงแต่ละคนมีบุคลิกภาพแจ่มชัดเท่านั้น พิจารณาโดยส่วนรวมแล้วยังเป็นระบบที่สมบูรณ์อีกด้วย เป็นตัวแทนของโลกแห่งบุคลิกภาพและอารมณ์ที่กิมย้งสร้างสรรค์ด้วยความรอบรู้อันไพศาลและจินตนาการอันบรรเจิดของเขาได้เป็นอย่างดี อ้างอิง มาจากคุณถาวร สิกขโกศล |
ขอคิดด้วยคน | |
![]() |
ขอรวบรวมเรื่องชื่อเอี้ยก้วยอีกนิด โดยดึงมาจากบทประพันธ์มังกรหยก2 เพื่อให้เนื้อหาที่ดิฉันมี โดยค้นมาจากการวิเคราะห์ของคุณถาวร สิกขโกศล ครบถ้วนบริบูรณ์ดังนี้ กิมย้งใช้ความขัดแย้งระหว่างชาติเป็นแกนสำคัญเชื่อมเรื่องทั้งสามภาคเข้าด้วยกัน โดยใช้ประวัติศาสตร์เป็นภูมิหลัง ในแต่ละภาพมีความขัดแย้งเฉพาะตอนต่างกันออกไป ความขัดแย้งประจำเรื่องภาคแรกถือเอาความขัดแย้งระหว่างชาติ จีนและมองโกล แต่ในภาคสองความขัดแย้งสำคัญประจำเรื่องกลับไปอยู่ที่ความขัดแย้งระหว่างคนกับจารีตของสังคมหรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างตัวละครฝ่ายธรรมชาตินิยมกับฝ่ายประเพณีนิยม ฝ่ายแรกมีเอี้ยก้วยและเสียวเล้งนึ้งเป็นผู้นำ ฝ่ายหลังมีก๊วยเจ๋งและอึ้งย้งเป็นผู้นำสมัยราชวงศ์ซ้องจารีตประเพณีตามหลักจริยธรรมของลัทธิขงจื๊อมีอิธิพลครอบงำสังคมจีนมากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องความกตัญญูต่อพุพการีและศีลธรรมในเรื่องชู้สาวเข้มงวดกวดขันมาก ฉะนั้นเมื่อเอี้ยก้วยและเสียวเล้งนึ้งบอกว่าจะแต่งงานกัน ทำให้ก๊วยเจ๋งและชาวยุทธจักรทั้งปวงยอมรับไม่ได้ดังเหตุการณ์ตอนเอี้ยก้วยแก้ไขสถานการณ์คับขันของฝ่ายจีนได้ แต่เกิดเรื่องล่วงเกินเตียจี้เก่งอาจารย์เก่าของตนดังนี้ (เข้าเรื่องอธิบายชื่อตัวละคร ตามกระทู้ที่ดิฉันตั้งไว้เสียที) “ก๊วยเจ๋งเห็นทั้งสองฝ่ายจะต่อสู้กันอีกจึงพูดอย่างเคร่งเครียดว่า “เอี้ยก้วย” เจ้าจงหนักแน่นมั่นคงเป็นคนที่ดีงาม อย่าก่อเหตุทำลายชื่อเสียงและชีวิตตนเองชื่อของเจ้าลุงเป็นคนตั้งให้เจ้าเข้าใจ ความหมายของคำว่า “ก้วย” ไหม?” เอี้ยก้วยได้ฟังก็สะท้านใจอย่างแรง พลันระลึกถึงเรื่องในอดีตครั้งเยาว์วัยใจประหวัดถึงความชอกช้ำที่ถูกเหยียดหยามนานับประการและคิดว่า “ไฉนชื่อเราจึงเป็นลุงก๊วยเจ๋งตั้งให้” ก๊วยเจ๋งเมตตาอาทรเอี้ยก้วยอย่างลุกซึ้ง จึงยากที่จะไม่ตั้งความหวังไว้สูงส่งและตำหนิอย่างรุนแรง เมื่อเห็นเอี้ยก้วยได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ต่อหน้าชาวยุทธจักรก็ปลื้มเปรมสุดประมาณ แต่แล้วกลับเกิดเหตุการณ์ที่เอี้ยก้วยกระทำเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่งออกมาจิตใจย่อมทุรนร้อนยิ่งนักเสียงพูดจึงเกรี้ยวกราดดุดัน โดยกล่าวต่อไปว่า มารดาผู้ล่วงลับต้องเคยบอกเจ้าแน่ว่า ชื่อ ก้วย เพียงพยางค์เดียวของเจ้านี้มีคำเรียกเป็นชื่อรองว่าอย่างไร เอี้ยก้วยจำได้ว่า มารดาเคยบอกไว้ แต่เพราะตนยังเยาว์วัยจึงไม่เคยมีคนเรียกชื่อรอง จนตัวเองก็เกือบลืมชื่อนี้ไป เมื่อถูกถามจึงตอบว่า “ชื่อรองว่า เก้ยจือ” ก๊วยเจ๋งกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังว่า “ถูกแล้ว คำนี้มีความหมายว่าอย่างไร” เอี้ยก้วยใคร่ครวญอยู่ไปมาแล้วนึกถึงตำรับตำราที่อึ้งย้งเคยสอนพลางตอบว่า “ลุงปราถนาให้ข้าพเจ้าเมื่อทำผิดแล้วรู้สำนึกผิดคิดแก้ไข” น้ำเสียงของก๊วยเจ๋งอ่อนระโยนลงกล่าวว่า “เอี้ยก้วย คนเราย่อมมีผิดพลาด แต่ผิดแล้วสามารถปรับปรุงแก้ไขตนเองได้ นับเป็นความดีอันยิ่งใหญ่ นี่คือวาทะที่ปราชญ์ท่านกล่าวไว้ เจ้าขาดความเคารพอาจารย์นั่นเป็นความผิดอุกกฤษฏ์โทษ เจ้าจงพินิจใคร่ครวญดูให้ดี” เอี้ยก้วยกล่าวว่า “ถ้าข้าพเจ้าผิดย่อมต้องแก้ไขแต่มันผู้นี้.....” พลางชี้ไปที่เตียจี้เก่งแล้วกล่าวต่อไปว่า “มันตีข้าพเจ้า เหยียดหยามข้าพเจ้าหลอกลวงและชิงชังข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไหนเลยจะยอมรับนับถือมันเป็นอาจารย์ ข้าพเจ้ากับอาหญิง (เสียวเล้งนึ้ง) บริสุทธิ์ผุดผ่องต่อกัน ตีแผ่แก่ฟ้าดินได้ ข้าพเจ้ารักนางเคารพนาง เช่นนี้นับเป็นความผิดด้วยหรือ” เอี้ยก้วยพูดอย่างฉาดฉาน สมบูรณ์ด้วยเหตุผลน้ำเสียงหนักแน่นเชื่อมั่นไหวพริบและปฏิภาณวาจาของก๊วยเจ๋งทาบไม่ติด ไหนเลยจะโต้แย้งเอาชนะได้ แม้ใจจะรู้ว่าการกระทำของเอี้ยก้วยผิด(จารีตสังคม)ยิ่งกว่าผิด แต่ไม่รู้จะอธิบายให้ชัดเจนได้อย่างไร จึงเพียงแต่พูดว่า “เรื่องนี้…เรื่องนี้...เจ้าไม่ถูก...” อึ้งย้งเดินช้าๆเข้ามา พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เอี้ยก้วย ลุงก๊วยเจ๋งหวังดีต่อเจ้า ขอเจ้าจงเข้าใจ” เอี้ยก้วยได้ยินวาจาอ่อนหวานทำให้จิตใจหวั่นไหว ลดเสียงตอบเบาๆว่า “ลุงก๊วยเจ๋งดีต่อข้าพเจ้ามาตลอด ข้าพเจ้าย่อมทราบดี” และขอบตาแดงระเรื่อ น้ำตาเกือบจะรินหลั่งเสียให้ได้ อึ้งย้ง กล่าวต่อไปว่า “ลุงเตือนเจ้าด้วยความหวังดี เจ้าอย่าเข้าใจผิดเป็นอันขาด” เอี้ยก้วยตอบว่า “ใช่ว่าข้าพเจ้าไม่ทราบแต่ข้าพเจ้าทำผิดอะไรเล่า?” สีหน้าอึ้งย้งเครียดลงทันทีถามว่า “เจ้าไม่เข้าใจจริงๆหรือแกล้งเล่นลวดลาย?” เอี้ยก้วยนึกฉุน คิดอยู่ในใจว่า “พวกท่านดีต่อเรา เราก็ตอบสนองท่านด้วยดี แล้วจะเอายังไงกันอีก” แล้วจึงเม้มปากแน่นไม่ตอบคำ อึ้งย้งกล่าวว่าเอาละในเมื่อว่าเจ้าต้องการให้เราบอกตามตรงเราก็จะไม่อ้อมค้อม เมื่อเสียวเล้งนึ้งเป็นอาจารย์ของเจ้าก็อยู่ในฐานะผู้ใหญ่ที่เจ้าพึงเคารพ มิบังควรมีใจเสน่หากันฉันท์หนุ่มสาว” ต่อระเบียบข้อนี้เอี้ยก้วยต่างกับเสียวเล้งนึ้งซึ่งไม่เคยล่วงรู้เลย แต่เอี้ยก้วยไม่ยอมรับ เสียวเล้งนึ้งเพียงเคยสอนวิทยายุทธ์ให้ตนแล้วไฉนจะเป็นภรรยาตนไม่ได้ ตนกับนางยังไม่เคยล่วงละเมิดประเพณีต่อกันแล้วใยแม้กระทั่งก๊วยเจ๋งและอึ้งย้งก็ไม่เชื่อ เมื่อคิดถึงตอนนี้ความคั่งแค้นก็พลุ่งพล่านอัดอก ธาตุแท้ของเอี้ยก้วยนั้นไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดิน แกร่งกร้าวห้าวหาญอย่างยิ่ง เมื่อถูกปรักปรำเช่นนั้นก็ไม่แยแสเรื่องใดๆ พูดเสียงดังว่า “ข้าพเจ้าทำอะไรขัดขวางพวกท่านหรือ? ทำร้ายใครหรือ? แม้อาหญิงเคยสอนวิทยายุทธ์ให้ข้าพเจ้าแต่ข้าพเจ้าก็เจาะจงจะรับนางเป็นภรรยาพวกท่านจะฟันข้าพเจ้าพันดาบหมื่นดาบ ข้าพเจ้าก็ยังต้องการนางเป็นภรรยา” ถ้อยคำดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกแก่ผู้คนรอบด้าน ผู้ได้ยินได้ฟังต่างแตกตื่นสะท้านใจ ผู้คนสมัยราชวงศ์ซ้องงมงายในจารีตประเพณียิ่งนัก ไหนเลยจะเคยได้ยินวาจาฝ่าฝืนขนบแห่งศีลธรรมเช่นนี้ ก๊วยเจ๋งเคารพเทิดทูนอาจารย์ที่สุด ได้ฟังดังนั้นก็โกรธปราดเข้าหายื่นมือคว้าไปที่ทรวงอกเอี้ยก้วยทันที เสียวเล้งนึ้งตกใจอย่างยิ่ง รีบยื่นมือออกไปขัดขวาง แต่พลังฝีมือก๊วยเจ๋งเหนือกว่านางมากนัก ในยามโกรธเช่นนี้ใช้พลังออกไปเต็มที่เพียงกระชากละสะบัดเบาๆ เสียวเล้งนึ้งก็กระเด็นไปไกล จากนั้นยกฝ่ามือขึ้นคว้าจุดเทียนตุ๊กที่อกเอี้ยก้วยไว้แน่นฝ่ามือซ้ายยกสูงตวาดเสียงก้องว่า “ไอ้เดียรฉานน้อยบังอาจกล่าวถ้อยคำอกตัญญูฝ่าฝืนคุณธรรมถึงปานนี้” ความขัดแย้งดังกล่าวเป็นความขัดแย้งที่เข้มข้นสำคัญที่สุด ของมังกรหยกภาคสอง ดังที่กิมย้งเองได้กล่าวไว้ในตอนหนึ่งของบันทึกท้ายเรื่องว่า เรื่องจอมยุทธคู่อินทรีเทพยดานี้มุ่งหมายจะแสดงในตัวเอกเอี้ยก้วยพรรณาให้เห็นความบีบคั้นของจารีตประเพณีที่มีต่อจิตใจและพฤติกรรมมนุษย์แม้จารีตและประเพณีจะมีอายุชั่วระยะหนึ่ง แต่ในขณะที่ดำรงอยู่มีพลังทางสังคมมากนัก ทัศนะว่าครูกับศิษย์ไม่ควรแต่งงานกัน คนปัจจุบันไม่ถือสาใส่ใจแล้ว ทว่าในยุคของก๊วยเจ๋งเอี้ยก๊วยเป็นคัมภีร์แห่งฟ้าจารีตแห่งดินทีเดียว ระเบียบและประเพณีนิยมหยาบอย่างที่พวกเราในยุคปัจจุบันถือเคร่งครัดอีกหลายร้อยปีต่อไปมิใช่ไร้ความหมายในสายตาคนรุ่นหลังอีกหรือ? ระเบียบคุณธรรม แบบแผนแห่งความประพฤติและวัฒนธรรมประเพณีอันเป็นนิติจรรยาทางสังคมเหล่านี้ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่นิสัยและอารมณ์ของมนุษย์ในปัจจุบันแทบจะไม่มีข้อแตกต่าง ข้าพเจ้าตระหนักอยู่เสมอว่า ในนิยายนั้นนิสัยและอารมณ์มนุษย์มีความสำคัญกว่าคุณค่าทางสังคม ฉะนั้นกิมย้งจึงใช้เรื่องมังกรหยกภาคสองแสดงความขัดแย้งของอารมณ์และความต้องการของมนุษย์กับค่านิยมที่สังคมเป็นผู้กำหนดทำให้นิยายกำลังภายในมีความเป็นสากลและสมจริงยิ่งขึ้น ทั้งเป็นสื่อสะท้อนธรรมชาติของมนุษย์และสังคมได้อย่างดียิ่งสมลักษณะของนวนิยายที่ดี ความจริงยังมีการวิเคราะห์อีกยาว แต่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องชื่อตัวละครแล้ว ที่ copy ย่อหน้าอีกหลายต่อหน้า ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับชื่อตัวละครแล้ว แต่ก็เป็นข้อมูลที่เอื้อต่อการอธิบายเหตุผลของเนื้อหาของเรื่องมังกรหยก 2 ซึ่งต้องขออภัยที่ไม่ได้ตัดทิ้ง เพราะบางท่านอาจกำลังอ่านด้วยความสนุกสนาน และสนใจในการอธิบายที่มาที่ไปของเนื้อเรื่องอยู่ค่ะ |
ขอคิดด้วยคน | |
![]() |
ถามคุณเอี้ยทิซิม (ความเห็นที่1) ที่กล่าวว่า อธิบายชื่อตัวละครยังไม่ลึกซึ้ง ถ้าคุณอธิบายได้ดีกว่า ช่วยเข้ามาอธิบายด้วยค่ะ ไม่ได้คิดจะท้าตีท้าต่อยกับคุณนะคะเพื่อว่าคุณจะมีความเห็นที่ดีกว่า แต่คุณทราบไหมคะว่าคุณถาวร สิกขโกศล ผู้อธิบายวิเคราะห์เรื่องชื่อตัวละคร และมังกรหยกภาคต่างๆ รวมถึงนิยายจีนอื่นๆ อีกหลายเรื่องของท่านกิมย้งนี้ ท่านเป็นใคร ขนาดดิฉันยังไม่กล้าอาจเอื้อมกับท่านเลย เพราะประวัติชีวิตของท่าน ณ ปัจจุบัน ดิฉันคงไม่มีวันอาจเอื้อมถึงแน่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ถาวร สิกขโกศล จบการศึกษา ระดับปริญญาตรี ด้านการศึกษาบัณฑิต (กศ.บ.) สาขาภาษาไทย เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร ระดับปริญญาโท ด้านการศึกษามหาบัณฑิต (กศ.ม.) สาขาภาษาและวรรณคดีไทย จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒประสานมิตร ปัจจุบันท่านดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักประธานกรรมการบริหาร บริษัทซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) และเป็นนักวิชาการอิสระ ด้านภาษาจีน จีนศึกษา วัฒนธรรมจีน ให้แก่สถาบันการศึกษา ดังนั้น ดัวยเหตุที่ท่านเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและความสามารถคนหนึ่ง และท่านได้วิเคราะห์วิจารณ์เรื่องมังกรหยกไว้ โดยให้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์กับผู้อ่านมาก ดิฉันจึงอยากนำมา copy รวมไว้ในเวบไซต์นี้ จุกประสงค์ก็เพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาที่มาที่ไปของการแต่งหนังสือของท่านกิมย้งต่อไป |
ชุนเฮง | |
![]() |
ได้ความรู้เพิ่มขึ้นอีกแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดี |
รักเธอเสมอไป | |
![]() |
เลื่อมใสๆท่าน อยากคิดด้วยคน เป็นความรู้เพิ่มเติม |
คห 1 มันเกรียนครับอย | |
![]() |
คห1 เอี้ยทิซิม เป็นพวกเกรียนครับ อย่าไปสนใจเลย คนประเภทนี้ จะอยู่ตามกระทู้คนนี้คนนั้นน่ารักจัง,อยากเป็นแฟนกับดาราคนนี้,ถ้าได้ดาราคนนี้เป็นแฟนจะเป็นยังไง เป็นต้นครับ ขอให้คุณ "ขอคิดด้วยคน" อย่าไปสนใจเลยครับ เท่าที่อ่านจากข้อความ จากความคิดของอาจารย์ ถาวร สิกขโกศล ผมว่า จีน มีวิธีครอบงำและชักจูง วัฒนธรรมและความคิดของ คนประเทศอื่นๆในแถบเอเชีย มาช้านานมากแล้ว เพียงแต่เรารู้สึกไม่ทันเท่านั้นเอง ผมว่าดูแล้วเนียนกว่าที่พวกเกาหลี กำลังทำอยู่ในตอนนี้ซะอีก |
๏ก๊วยเซียง |
#11 ๏ก๊วยเซียง [ 05-05-2009 - 12:40:06 ] |
|
ช่างลึกซึ้งนัก ข้าน้อย ได้ลองอ่านแล้ว ทำให้รู้ความหมาย ใน ชื่อแซ่ตัวละคร ดียิ่งขึ้น |
|