เข้าระบบอัตโนมัติ

เอี้ยก้วย เจ้าชู้แต่ยึดมั่นในรักเดียว

เอี้ยก้วย
           ว่าด้วยเรื่อง ความเจ้าชู้ กับ การยึดมั่นในรักเดียว เป็นบุคลิกของคนที่ตรงข้ามกัน แต่ความตรงข้ามนี้ กิมย้งกลับสามารถนำมาอยู่ในตัวละครตัวเดียวกันได้ ซึ่งนั่นก็คือเอี้ยก้วยนั่นเอง

           พูดถึงเอี้ยก้วยแล้วหลายๆคนจะเทิดทูนในความรักที่มีต่อเซียวเหล่งนึ่งอย่างมั่นคงไมแปรผัน แม้จะผ่านพ้นเวลาไปสิบหกปี แต่รักที่มีก็ยังมั่นคงไม่จืดจาง แต่ในนิสัยจริงๆของเอี้ยก้วยแล้วแฝงความเจ้าชู้กรุ่มกริ่มอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเนื่องจากเอี้ยก้วยเป็นชายหนุ่มที่มีคุณสมบัติครบทุกอย่างที่ทำให้สตรีหลงใหล มีหน้าตาอันหล่อเหล่าคารมคมคาย รู้จักพูดจาพาที ช่างเจรจา นิยมชมชอบในการประทะคารมกันสาวงาม ด้านวรยุทธเมื่อเทียบจากชาวยุทธอายุรุ่นเดียวกันก็หาเป็นสองรองใครไม่ มีคุณธรรมน้ำมิตรชวยเหลือสตรีงามที่ไม่เคยรู้จักอย่างเต็มที่ สร้างบุญคุณไปทั่ว เมื่อมีคุณสมบัติเพียบพร้อมขนาดนี้ ก็ไม่น่าแปลกที่จะมีสาวงามมาหลงรักอยู่มากมาย ไม่ว่าไปที่ไหนก็จะฝากความคะนึงหาไปทั่ว
เจ้าชู้กับอั่งเลงป้อ

           ความเจ้าชู้ของเอี้ยก้วยนี้ เผยให้เห็นตั้งแต่เริ่มเข้าวัยหนุ่ม เมื่อวัยเยาว์เอี้ยก้วยเติบโตมาในสุสานโบราณ หญิงเดียวที่ได้พอเจอคือเซียวเล่งนึ่ง จวบจนอายุสิบแปดมีโอกาสได้ออกมาข้างนอก พานพบสาวคนแรกก็ออกลายเจ้าชู้เลยทีเดียว คนแรกนั้นคืออั่งเลงป้อ ศิษของลี้มกโช้ว

           เมื่อครานั้นอั้งเล่งปอจะลอบเข้าสุสานโบราณ บังเอิญเจอเอี้ยก้วยที่แกล้งทำเป็นคนซื่อบื้อโง่งมไม่รู้ภาษา จึงหลงกลถูกเอี้ยก้วยแอบล่วงเกินโดยไม่รู้ตัว ตามความตอนนี้

เอี้ยก้วยกล่าวว่า 'เมื่อหลายปีก่อนข้าพเจ้าไปใกล้สุสานพบผีชุดขาวนางหนึ่ง จึงวิ่งหนีหกล้มหัวแตก รอยแผลเป็นยังอยู่ท่านดูสิ' กล่าวพลางยื่นหน้าไปให้อั้งเล่งปอลูบคลำดู ระหว่างทางเอี้ยก้วยถูกนางโอบกอด รู้สึกว่านางมีลมหายใจหอมกรุ่น พอแอบอิงชิดใกล้ก็สร้างความปรอดโปร่งสบายยิ่ง ครานี้จึงฉวยโอกาสยื่นศีรษะถึงข้างใบหน้านาง
เล่ม 1 หน้า 347

และยังมีหลอกจับมืออีกด้วย

หลังจากอั้งเล่งปอจูงมื่อเอี้ยก้วยเพื่อเข้าไปสุสานโบราณ เอี้ยก้วยได้สัมผัสถึงมือที่อ่อนนุ่มอบอุ่น อดเพิ่มกำลังที่มือบีบเค้นหลายคราไม่ได้ ดีที่ อั้งเล่งปอเห็นเป็นเด็กโงงมไปรู้ภาษาจึงไม่ได้ถือสาเอาความอันใด
เล่ม 1 หน้า 348

และยิ่งกว่านั้น ตอนที่จะช่วยเล็กบ่อซักจากลี้มกโช้วยังได้แอบห้อมแก้มอั่งเลงปออีก โดยความตอนนี้

เอี้ยก้วยกล่าวว่า 'ข้าพเจ้าไม่มีอาวุธ ต้องไปหยิบยืมมาใช้สอยสักเล่มหนึ่ง' กล่าวพลางขยับกายวูบ พุ่งผ่านข้างกายอั้งเล่งปอไป ยกมือปลดฝักกระบี่ที่ผูกติดกับสายรัดเสื้อผ้าของนางลงมา หอมแก้มนางฟอดหนึ่ง ร้องว่า 'หอมยิ่งนัก'
เล่ม 1 หน้า 549

เจ้าชู้กับเล็กบ่อซัง

           จะเห็นได้ว่า เอี้ยก้วยนี่ เจ้าชู้ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มน้อยเลย และไม่ใช่เจ้าชู้แค่คารม แต่ถึงเนื้อถึงตัวเลยทีเดียว หลังจากนั้น มาถึงคราวเล็กบ่อซังบ้าง สตรีน้อยนางนี้ น่าจะเป็นสาวที่ถูกเอี้ยก้วยล่วงเกินมากที่สุดในจำนวนสาวทั้งหมดที่มาหลงรัก เอี้ยก้วยแรกพบก็พยายามกระเซ้าเย้าแหย่อยู่ตลอดเวลา เพราะชมชอบที่จะได้เห็นใบหน้านางยามขุ่นเคือง คอยติดตามนางมาตลอด และยังแกล้งเรียกนางเป็นภรรยาอีก

           นอกจากนั้นยังมีโอกาสได้เชื่อมต่อกระดูซี่โครง ซึ่งจำเป็นต้องถอดเสื้อนางออก แม้จะด้วยจิตคิดช่วยชีวิตคน แต่ก็อดวาบหวามใจมิได้ เมื่อถึงคราวที่หนีการตามล่าของลี้มกโช้ว เอี้ยก้วยกับเล็กบ่อซังต้องนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ขอตัดช่วงบางส่วนนั้นมาให้ได้อ่านกัน

เอี้ยก้วยนอนเคียงคู่กับเล็กบ่อซังอยู่บนเตียงอย่างปลอดโปร่ง สูดดมกลิ่นกายสาวอันหอมจรุงบนร่างนางสร้างความสุขใจยิ่งนัก รุ่งเช้าพอตื่นขึ้นมา เห็นเล็กบ่อซังหลับอยู่ สองแก้มแดงระเรื่อ ริมฝีปากบางเบาทั่งสองข้างเชิดรั้นขึ้นเล็กน้อย อดหวั่นไหวใจไม่ได้ ครุ่นคิดขึ้น 'หากเราจุมพิตนางเบาๆสักครา นางต้องไม่รู้สึกตัวแน่นอน' ยิ่งพอหวนนึกถึงตอนเชื่อมต่อกระดูกให้ สัมผัสถูกทรวงอกของนาง ยิ่งไม่อาจหักห้ามใจ โน้มหน้าลงหมายจุมพิตริมฝีปากนาง ยังไม่ทันกระทบถูก ก็สูดได้กลิ่นหอมหวาน จิตใจวาบหวามรัญจวน เลือดลมอุ่นละอุพลุ่งขึ้น
เล่ม 1 หน้า 481

           ดีที่นางขณะนางหลับยังรู้สึกเจ็บแผลจากกระดูกหัก จึงขมวดคิดขึ้นเล็กน้อย เอี้ยก้วยจึงชะงัก และได้นึงถึงคำสัตย์สาบานที่ให้ไว้กับเล่งนึ่ง จึกหักห้ามใจเอาไว้ได้

ขอจูบดวงตาของอ้วงง้วนเพี้ย


           มาถึงสาวสวยอีกคนอ้วงง้วนเพี้ย เอี้ยก้วยได้ช่วยเธอไว้ให้สามารถแก้แค้นได้สำเร็จ แต่พอถึงเวลาจริงนางไม่อาจหักใจลงมือได้ อ้วงง้วนเพี้ยได้รับการช่วยเหลืออย่างจริงใจจากชายที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จึงรู้สึกปลาบปลื้มสำนึกในบุญคุณ ตอนแรกเห็นเอี้ยก้วยมีหน้าตาหล่อเหลา พลังฝีมือสูงเยี่ยมก็มีความนิยมชมชอบอยู่แล้ว หลังจากได้ยินเอี้ยก้วยถ่ายทอดบอกชาติกำเนิดยิ่งเพิ่มความเวทนาอีกหลายส่วน เอี้ยก้วยเห็นดวงตานางแล้วนึกถึงเซียวเล่งนึ่งจึงกล่าวว่า 'ขาพเจ้าวิงวอนท่านเรื่องหนึ่ง ขาพเจ้าคิดจูบดวงตาท่าน ท่านวางใจ ข้าพเจ้าเพียงจูบดวงตาของท่านไม่ล่วงเกินส่วนอื่นอันใดของท่าน

           แหม..ช่างกล้า ขอกันตรงๆเลย หนุ่มๆอย่าเผลอเอาวิธีนี้ไปขอจูบสาวสุ่มสี่สุ่มห้านะ อาจเจ็บตัวกลับมาก็ได้ จะทำแบบเอี้ยก้วยได้นั้นนอกจากต้องหล่อแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือคารมอันคมคาย หวานเพราะ กล่อมเกลาจิตใจหญิงสาว ให้เคลิบเคล้มหลงใหล ว่าแล้วก็มาดูลีลาการเกี้ยวสาวของเอี้ยก้วยกัน ฉากนี้เป็นตอนที่ไปหุบเขาสิ้นไมตรี และได้คุยกับ กงซุนเล็กงัก

จีบ กงซุนเล็กงัก




           เอี้ยก้วยเห็นสตีชุดเขียวแย้มยิ้ม จึงกล่าวว่า 'เคยได้ยินผู้คนเล่าถึงผู้ครองแคว้น จุดเพลิงสัญญาณกลั่นแกล้งขุนนาง ทำให้เมืองต้องพินาจเพียงเพื่อแลกกับยิ้มเดียวของโฉมสคราญ แสดงว่ายิ้มเดียวนั้นหายากตั้งแต่โบราณ จวบจนปัจจุบันก็เช่นเดียวกัน'
           สตรีชุดเขียวนั้นได้ยินเอี้ยก้วยหยอกเอินก็อดหัวเราะคิกคักออกมาไม่ได้
           เอี้ยก้วยจึงกล่าวต่ออีกว่า 'ผู้คนล้วนทราบว่ายิ้มเดียวของหญิงงามนั้นยากแสวงหา บอกว่ายิ้มเดียวล่มเมือง ยิ้งสองล่มประเทศ ซึ่งความจริงมีอีกสิ่งที่ยากแสวงหาจากหญิงงาม'
           สตรีชุดเขียวถามว่า 'นั่นเป็นอะไร'
           เอี้ยก้วยตอบว่า 'นั่นคือนามอันไพเราะของนาง ได้เห็นหน้าหญิงงามเป็นบุญวาสนา หวังทราบนามของนางนั้นต้องสะสมกุศลมาแต่บรรพบุรุษถึงสามชาติ'
           สตรีชุดเขียว กล่าวว่า 'ข้าพเจ้ามิใช่หญิงงามอันใด หุบเขานี้ไม่เคยมีใครชมเชยว่าข้าพเจ้างดงาม'
           เอี้ยก้วยทอดถอนใจยาว กล่าวว่า 'มิน่าเล่าถึงเรียกว่าหุบเขาสิ้นไมตรี แต่ข้าพเจ้าว่าน่าจะเรียกว่าหุบเขาตาบอดมากกว่า ท่างดงามถึงเพียงนี้แต่คนที่นี่ไม่ชมเชยท่านไม่เรียกว่าตาบอดได้อย่างไร'
เล่ม 2 หน้า 365

           ปากหวานซะขนาดนี้ เพียงพูดคุยกันครั้งแรก ก็เล่นเอาสาวเจ้าอ่อนระทวย หนุ่มๆ จะจำวิธีไปหลอกถามเบอร์สาวก็ได้นะ เอี้ยก้วยอยู่ในหุบเขาสินไมตรีเพียงสามวัน แต่เพียงแค่นั้นก็มากพอที่จะสร้างความรักในใจของกงซุนเล็กงักจนถึงขนาดยอมตายแทนได้

เทียเอ็ง หญิงสาวที่เอี้ยก้วยเกรงใจ

           อีกสาวที่มาหลงรักเอี้ยก้วยคือเทียเอ็ง เทียเอ็งเป็นสาวที่มาหลงรักเอี้ยก้วยเองโดยที่เอี้ยก้วยไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นหนึ่งในสาวในไม่กี่คนที่เอี้ยก้วยให้ความเกรงใจอยู่บ้าง ไม่กล้ากล่าววาจาสัพยอกล้อเล่นมากนัก อาจเป็นเพราะเทียเอ็งมีบุญคุณเคยช่วยชีวิตเขาไว้ และบุคลิกลักษณะของเทียเอ็งนั้น ดูสุภาพเรียบร้อยน่าเชื่อถือ และเป็นศิษย์ของอึ้งเอี๊ยะซื้อที่เอี้ยก้วยให้ความเคารพเลื่อมใส

เจ้าชู้ใส่ก๊วยพู่โดยไม่ตั้งใจ

           เอี้ยก้วยมีนิสัยชมชอบที่จะสัพยอกหยอกล้อ ทำปากหวานใส่หญิงสาว ความจริงไม่มีอคติคิดบัดสีอันใด ดังนั้นถึงแม้กับสาวที่ไม่ได้คิดอะไรก็จะกล่าววาจาหวานหูออกมาด้วยความเคยชิน กับก๊วยพู้เองก็ยังมีที่ทำให้นางหน้าแดงได้ ดังตอนหนึ่งที่ก๊วยพู้กลัดกลุ้มใจเกี่ยวกับเรื่องของพี่น้องตระกูลบู๊ นางไม่รู้จะเลือกใครดี เอี้ยก้วยเฉลียวฉลาดแถมยังรู้ใจสาวๆ เห็นหน้านางก็เดาความคิดได้ จึงกล่าว

'ข้ารู้ท่านกลัดกลุ่มเรื่องใด สองพี่น้องตระกูลบู๊ล้วนดีต่อท่าน ท่านยากที่จะตัดสินจะเลือกผู้ใดดี' ก๊วยพู้ถูกเอี้ยก้วยเปิดเผยความในใจ ถึงกับหน้าแดงสดใส ทั้งปิติยินดีทั้งลำบากใจ แต่อดไม่ได้ที่จะถามความเห็น จึงกล่าว 'ท่านว่าแซ่บู๊คนพี่ กับแซ่บู๊คนน้องผู้ใดดีกว่า' เอี้ยก้วยด้วยนิสัยเคยชินกับการหยอกสาวๆ จึงตอบไปว่า 'ล้วนไม่ดีทั้งคู่ หากทั้งสองล้วนดีเลิศ ข้าพเจ้ายังจะมีความหวังอีกหรือ'
เล่ม 2 หน้า 72

           เอี้ยก้วยกล่าวไปเช่นนั้นความจริงในใจไม่ได้มีจิตคิดแย่งชิงตัวก๊วยพู้กับสองพี่น้องตระกูลบู้เลย แต่กล่าวไปเพราะติดนิสัยชอบสัพยอกกับหญิงสาวตามภาษาหนุ่มเจ้าเสนห์

           นิสัยเจ้าชูนี้ ตัวเอี้ยก้วยเองก็รู้ตัวดีและอดทอดถอนใจกับนิสัยของตัวเองไม่ได้ มีหลายครั้งที่สำนึกเสียใจกับถ้อยคำหรือสิ่งที่ทำไป กับก๊วยพู้ที่ฟันแขนเอี้ยก้วยขาด ความแคนนี้ใหญ่หลวงตั้งใจจะชำระให้ได้ แต่พอถึงเวลาก็ใจอ่อนไม่สามารถหักใจลงมือได้ ต้องครุ่นคิดในใจ

'เอี้ยก้วยเอยเอี้ยก้วย ใช่เป็นเพราะเจ้ามีนิสัยเจ้าชู้ พอพบเห็นหญิงงามเช่นก๊วยพู้ ก็ลืมเลือนความแค้นที่สูงเทียมฟ้าไปหรือไม่ หากแม้นผู้ที่ฟันแขนของเจ้าเป็นบุรุษ วันนี้เจ้าจะยินยอมอภัยละเว้นเขาหรือ' ครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวันได้แต่สั่นศีรษะฝืนยิ้มกับนิสัยของตัวเอง
เล่ม 3 หน้า 378

           ตามความข้างบนก็คิดว่าน่าเป็นจริงตามนั้น หากผู้ที่ฟันแขนเป็นชาย เอี้ยก้วยไม่มีทางละเว้นแน่ๆ แต่อย่างไรเสียตรงนี้ต้องขอแก้ตัวให้เอี้ยก้วยซักหน่อย ในกรณีนี้อย่าว่าแต่เอี้ยก้วยเลย บุรุษใดในโลกหล้า เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวงาม จิตใจที่จะลงมือด้วยอำมหิตนั้น ย่อมต้องถูกบั่นทอนลงไปบ้างไม่มากก็น้อย ถือเป็นนิสัยธรรมดาทั่วไปของมนุษย์ จะหาว่าเป็นความเจ้าชู้ของเอี้ยก้วยก็คงไม่ถูกทั้งหมด

สำรวมตน เลิกเจ้าชู้

           หลังจากเวลาผ่านพ้นไป เอี้ยก้วยสำนึกถึงเมื่อวัยหนุ่ม เจรจาพาทีและประพฤติปฏิบัติโดยปราศจากข้อห้ามอันใด เพาะสร้างบาปรักมากเกินไป เป็นเหตุให้กงซุนเล็กงักเสียชีวิต เทียเอ็งกับเล็กบ่อซังต้องตรอมใจ จึงสวมใส่หน้ากากอัปลักษณ์ปิดปังโฉมหน้าที่แท้จริง สำรวมตัวเองเคร่งขรึมยิ่งกว่าบัญฑิตคร่ำครึอีก เมื่อเห็นก๊วยเซียงให้ความสนิดสนมก็ระวังตัว มิอาจให้นางพลัดตกไปในบ่วงรักอีกเด็ดขาด หาทางแยกกับนางแต่เนิ่นๆ

           แต่กระนั้น ด้วยเสนห์ที่มีอยู่เปี่ยมล้น แม้อยู่ภายใต้หน้ากากอัปลักษณ์ แววตายังคงเจิดจ้าคุกคามหัวใจสตรี ก๊วยเซียงเพิ่งเริ่มเป็นสาว พอได้ออกจากอ้อมอกพ่อแม่สู่โลกกว้างครั้งแรก ก็พานพบชายซึ่งเพียบพร้อม เป็นวีรบุรุษ มีวีรกรรมที่กล้าหาญ ภายหลังได้เห็นโฉมหน้าอันหล่อเหลา และได้รู้เรื่องราวความรักแท้ยิ่งนิยมเลื่อมใส ถึงกับหลงใหล กลายเป็นอีกสาวที่ต้องตรอมใจกับความรักที่ไม่มีวันเป็นจริง

           ทั้งหมดนี่คือเสนห์ของตัวละครที่กิมย้งสรรสร้างขึ้น ตัวละครแต่ละตัวมีความซับซ้อนในนิสัยและความคิด มีการพัฒนา มีหลายแง่มุมทั้นด้านดีและไม่ดี แม้แต่สิ่งที่ดูจะเหมือนตรงกันข้ามแต่ก็สามารถนำมาอยู่ในตัวละครเดียวกันได้อย่างกลมกลืน

หากต้องการนำข้อมูลออกไป กรุณาให้เครดิตและทำ link กลับมาที่เว็บนี้ด้วยครับ ขอบคุณครับ
https://www.yodyut.com/21/เจ้าชู้แต่ยึดมั่นในรักเดียว


บทความที่เกี่ยวข้อง
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง