เข้าระบบอัตโนมัติ

คนไทยดูหนังจีนแล้วแตกประเด็นแบบแปลกๆว่าไหมครับ


  • 1
  • 2
จอมยุทธ_หิญ
#1   จอมยุทธ_หิญ    [ 13-08-2015 - 09:25:20 ]

เช่นว่าถ้าไอ้นั่นไอ้นี่มาเจอกันใครเก่งกว่ากัน. ซีจุ๊กับต้วนอี้ใครเก่งกว่ากันฯลฯอะไรทำนองนั้น ไม่รู้ว่าจะสงสัยไปทำไมทั้งๆที่หาคำตอบสุดท้ายไม่ได้เพราะมันอยู่คนละเรื่อง..ผมว่าสาระสำคัญมันอยู่ที่ภาพรวมของตัวละครอุปนิสัยใจคอ..คิดอะไรทำอะไรอย่างไร นั่นสิถึงจะเป็นประเด็นสาระ เช่นซีจุ๊ ในเรื่องที่ว่าเก่งสุดยอดแต่ความเก่งนั้นได้มาอย่างฟลุ๊กๆเพราะการเดินหมากมั่วๆ เรื่องนิสัยใจคอก็ประมาณว่าโง่ซื่อบื้อประมาณนั้น...ก๋วยเจ๋งบทในเรื่องก็ฉลาดสู้อึ้งย้งผู้เป็นเมียไม่ได้เป็นช้างเท้าหลังของเมียแต่ด้วยความวิริยะอุตสาหะถึงได้เป็นสุดยอดฝีมือได้.. ต้วนอี้ก็เก่งในลักษณะหัวดีปัญญาดีแต่ไม่ฝักใฝ่ในวิชายุทธใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ต้วนอี้จะเน้นแก้ปํญหาด้วยปัญญา. เกร็ดของตัวละครพวกนี้แหล่ะครับที่ผู้เขียนเขาต้องการบอก ไอ้เรื่องวิทยายุทธพลังตัวเบาเกินมนุษย์มันเป็นสีสันที่เขาแต่งแต้มให้มันดูสนุก. ก็แค่นั้น อะไรที่เขาละไว้ในฐานที่เข้าใจก็จงอย่าสงสัยอะไรนอกจากนั้น.. อีกเรื่องที่คนมักจะถาม จอมยุทธทำงานอะไร ผมก็งงเหมือนกัน ว่าคนไทยจะสนไปทำไมว่าจอมยุทธทำงานอะไร. กรูจาบ้าตาย



หลี่ชิวสุ่ย
#2   หลี่ชิวสุ่ย    [ 13-08-2015 - 14:09:57 ]

quote : จอมยุทธ_หิญ

เช่นว่าถ้าไอ้นั่นไอ้นี่มาเจอกันใครเก่งกว่ากัน. ซีจุ๊กับต้วนอี้ใครเก่งกว่ากันฯลฯอะไรทำนองนั้น ไม่รู้ว่าจะสงสัยไปทำไมทั้งๆที่หาคำตอบสุดท้ายไม่ได้เพราะมันอยู่คนละเรื่อง..ผมว่าสาระสำคัญมันอยู่ที่ภาพรวมของตัวละครอุปนิสัยใจคอ..คิดอะไรทำอะไรอย่างไร นั่นสิถึงจะเป็นประเด็นสาระ เช่นซีจุ๊ ในเรื่องที่ว่าเก่งสุดยอดแต่ความเก่งนั้นได้มาอย่างฟลุ๊กๆเพราะการเดินหมากมั่วๆ เรื่องนิสัยใจคอก็ประมาณว่าโง่ซื่อบื้อประมาณนั้น...ก๋วยเจ๋งบทในเรื่องก็ฉลาดสู้อึ้งย้งผู้เป็นเมียไม่ได้เป็นช้างเท้าหลังของเมียแต่ด้วยความวิริยะอุตสาหะถึงได้เป็นสุดยอดฝีมือได้.. ต้วนอี้ก็เก่งในลักษณะหัวดีปัญญาดีแต่ไม่ฝักใฝ่ในวิชายุทธใช้ได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ต้วนอี้จะเน้นแก้ปํญหาด้วยปัญญา. เกร็ดของตัวละครพวกนี้แหล่ะครับที่ผู้เขียนเขาต้องการบอก ไอ้เรื่องวิทยายุทธพลังตัวเบาเกินมนุษย์มันเป็นสีสันที่เขาแต่งแต้มให้มันดูสนุก. ก็แค่นั้น อะไรที่เขาละไว้ในฐานที่เข้าใจก็จงอย่าสงสัยอะไรนอกจากนั้น.. อีกเรื่องที่คนมักจะถาม จอมยุทธทำงานอะไร ผมก็งงเหมือนกัน ว่าคนไทยจะสนไปทำไมว่าจอมยุทธทำงานอะไร. กรูจาบ้าตาย


คนเขาไม่ได้แตกประเด็นกันแปลกๆหรอก
ใครจะสงสัยก็เรื่องของคนช่างสงสัยเขาเถอะ ไม่ใช่ว่าไม่สนใจเรื่องอื่น ภาพลักษณ์ เนื้อหา เกร็ดความรู้ สาระต่างๆ คนอ่านเค้าไม่ใช่ไม่รู้นะ เค้าอ่านมาเค้าก็ต้องรู้หมดนั่นแหละ อย่าคิดว่าคุณรู้คุณเข้าใจอยู่คนเดียว อย่าคิดว่าคนอื่นเข้าไม่มีปัญญาจะเข้าใจสิ่งพวกนี้ เรื่องที่น้อยคนจะเอามาถกกันคุยกัน ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ แต่อาจจะเพราะมันไม่สนุกหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้จึงไม่ค่อยมีการคุยกันในเรื่องเหล่านั้น

ประเด็นก็คือ นี่คือบอร์ดนิยายกำลังภายใน นิยายกำลังภายในเป็นวรรณกรรมประเภทให้ความบันเทิง โครงเรื่องอยู่บนยุทธภพ มีวรยุทธต่างๆ มีวีรบุรุษ มีมารร้าย มีการต่อสู้ที่น่าสนใจ มันก็คือนิยายแฟนตาซีชนิดหนึ่งนี่แหละ เนื้อหาอันเป็นสีสันของมันและข้อคิดสาระต่างๆล้วนเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งคนที่อ่านมาจริงๆก็เข้าใจอยู่แล้ว เขามีความคิดเหมือนคุณนั่นแหละ เข้าไม่ใช่คนโง่ไร้ปัญญา คนอ่านเขาไม่ใช่เด็กอายุ12-13ปีหรอก โตๆกันทั้งนั้นแหละ

แล้วพวกคำถามต่างๆมันก็คือส่วนที่ไม่รู้ที่ไม่แน่ใจที่สงสัย ก็เลยเอามาถามไถ่ เอามาแลกเปลี่ยนความเห็นกัน ได้ใช้สมองคิดหาเหตุผล มันก็เป็นบันเทิงอย่างหนึ่ง ก็ตามจุดประสงค์ของบอร์ด และคนส่วนใหญ่เขาคงไม่ได้เข้ามาคุยกันเรื่องซีเรียสเกินไป และก็เพราะมันคือสีสันของวรรณกรรมประเภทนี้ คนย่อมสนใจตรงนี้เป็นธรรมดา ไม่ว่าไทยจีนฝรั่ง บอร์ดนิยายกำลังภายในก็มาแนวนี้ทั้งนั้น
คนเขาสงสัยไม่แปลกและไม่ผิด มันไม่ใช่สิ่งไม่ดี ไม่มีใครมีสิทธิ์ไปบอกใครต่อใครว่าอย่าไปสงสัยอะไร

และถ้าคำถามต่างๆที่คนเขาถามกันมันรบกวนคุณมาก มันทำให้คุณถึงกับจะบ้าตาย คุณก็อย่าไปอ่านมัน อย่าไปยุ่งเกี่ยว ไปไขว่คว้าหาสิ่งที่คุณสบายใจดีกว่า จะมาวนเวียนอยู่ในที่ที่ทำให้คุณไม่สบายใจทำไม



จอมยุทธ_หิญ
#3   จอมยุทธ_หิญ    [ 13-08-2015 - 15:26:30 ]

ก็ไม่ได้ห้ามใครสงสัย แค่บอกว่าสงสัยอะไรที่มันหาคำตอบสุดท้ายไม่ได้ คนนึงบอกคนนั้นเก่งกว่าคนนี้บอกคนนีัเก่งกว่า. แล้วคำตอบอยู่ตรงไหนล่ะ มีใครเหาะเหินเดินอากาศได้เหมือนในหนังรึเปล่าล่ะ..แล้วทำไมอายุสิบสองสิบสามถึงจะอ่านหนังสือแบบนี้ไม่ได้ล่ะ..ตรงกันข้ามการที่จะสงสัยเรื่องใครเก่งกว่ากันเป็นตัวตั้ง มีแต่เด็กๆเท่านั้นแหล่ะที่เขาเขาถามเรื่องแบบนี้ เพราะวิทยายุทธแบบในหนังมันไมีมีจริง ก็เลยงง ถ้าถามเรื่องเดียวกันก็โอเค. แต่พวกถามคนละเรื่อง. มันจะเปรียบกันได้ไง. สรุปแล้วแบทแมนกับไอ้แมงมุมใครเก่งกว่ากันล่ะ มีคำตอบมะ..มาสู้กันได้ไหมล่ะคนละเรื่องเดียวกันน่ะ



จ้า..พ่อคนเก่ง
#4   จ้า..พ่อคนเก่ง    [ 13-08-2015 - 16:16:02 ]    IP: 27.55.32.184

จะเอามาเทียบชีวิตจริงเพื่อ เกี่ยวกันตรงไหนคับ ไม่มีใครเหาะได้หรอก รู้ แต่มันเกี่ยวกันไหม ตรรกะรายอ่ะแย่
ยังมาทำพูดว่าคนที่เถียงกันเป็นเด็ก โธ่ เด็กเอ๋ย

เรื่องของเรื่องคือจะแสดงให้เห็นว่าตัวเก่ง เข้าใจทุกอย่าง ส่วนคนที่เถียงกันนั้นเป็นเด็กไร้สาระ

เอาตามสบายเลยครับ นายไม่ใช่คนแรกที่ออกมาโชว์พาวว์แบบนี้

ขอใช้คำพูดจากอาวุโสท่านนึงในคลับกำลังภายในของเวปพันทิปนะครับ "คิดว่าตัวเองเก่งและฉลาดก็ไปอยู่กับเหล่าคนฉลาดเถอะ ไปคุยเรื่องที่ท่านชอบใจ อย่ามายุ่งกับคนไร้ปัญญาที่นี่เลย"



หลี่ชิวสุ่ย
#5   หลี่ชิวสุ่ย    [ 13-08-2015 - 16:16:16 ]

quote : จอมยุทธ_หิญ

ก็ไม่ได้ห้ามใครสงสัย แค่บอกว่าสงสัยอะไรที่มันหาคำตอบสุดท้ายไม่ได้ คนนึงบอกคนนั้นเก่งกว่าคนนี้บอกคนนีัเก่งกว่า. แล้วคำตอบอยู่ตรงไหนล่ะ มีใครเหาะเหินเดินอากาศได้เหมือนในหนังรึเปล่าล่ะ..แล้วทำไมอายุสิบสองสิบสามถึงจะอ่านหนังสือแบบนี้ไม่ได้ล่ะ..ตรงกันข้ามการที่จะสงสัยเรื่องใครเก่งกว่ากันเป็นตัวตั้ง มีแต่เด็กๆเท่านั้นแหล่ะที่เขาเขาถามเรื่องแบบนี้ เพราะวิทยายุทธแบบในหนังมันไมีมีจริง ก็เลยงง ถ้าถามเรื่องเดียวกันก็โอเค. แต่พวกถามคนละเรื่อง. มันจะเปรียบกันได้ไง. สรุปแล้วแบทแมนกับไอ้แมงมุมใครเก่งกว่ากันล่ะ มีคำตอบมะ..มาสู้กันได้ไหมล่ะคนละเรื่องเดียวกันน่ะ



ไม่ได้ห้ามสงสัยหรอ ก็คุณพูดเองไง
อะไรที่เขาละไว้ในฐานที่เข้าใจก็จงอย่าสงสัยอะไรนอกจากนั้น

ส่วนเรื่องหาคำตอบสุดท้ายไม่ได้ ไม่ใช่คุณคนแรกหรอกที่รู้ ใครๆก็รู้ แต่ก็อยากจะหา พยายามหา อย่างที่บอกไป คุณไม่เข้าใจอีกหรอ ว่ามันอยู่ที่ความบันเทิง ไม่ได้คำตอบแต่อย่างน้อยได้ความบันเทิง ได้ความรู้ ได้แลกเปลี่ยนความคิด ได้เห็นมุมมองคนอื่น เห็นเรื่องที่เราอาจมองข้ามไปในนิยาย

แล้วไร้ประโยชน์มากที่จะมาพูดว่า
มีใครเหาะเหินเดินอากาศได้เหมือนในหนังรึเปล่าล่ะ มันไม่เกี่ยว เป็นตรรกะที่ล้มเหลวมาก

ไม่ได้บอกว่าเด็ก12-13จะอ่านไม่ได้ ตีความดีๆ ตีความเป็นไหม คุณพูดถึงเรื่องการตีความหมายและสาระนิยาย เราก็บอกคนที่อ่านมาจริงๆเค้ามีความคิดพอจะตีความได้ เค้าไม่ใช่เด็ก12-13 ที่จะตีความหมายไม่ได้ ...แค่นี้คุณยังไม่เข้าใจสิ่งที่เราจะสื่อเลย

แล้วถ้าคิดว่าเด็กๆเท่านั้นที่ถามที่คุยเรื่องพวกนี้ก็ผิดแล้ว ด่วนสรุปไปแล้วละ เป็นการสรุปแบบไม่มีเหตุผลด้วย ใช้อีโก้ของคุณเองมาตัดสิน จะบอกให้ว่าหลายคนที่คุยในบอร์ดนี้มานานร่วม10ปีนะ อายุ30กว่าก็มีหลายคน หรือแม้แต่ในพันทิป ยุคเก่าๆคนที่ชอบถกกันเรื่องนี้ก็มีเยอะ อายุ40กว่าๆก็มี ปัจจุบันก็คง50กว่าแล้ว คุณต้องแยกแยะด้วย อย่ามาพูดว่าเขาเป็นเด็กซะหมด

เพราะวิทยายุทธแบบในหนังมันไม่มีจริง มันไม่เกี่ยว จะสื่ออะไร ? -*-
ถ้าจะสื่อว่า มันไม่มีจริง มันไร้สาระ ถ้าอย่างนั้นก็คงไร้สาระมาตั้งแต่คนเขียนแล้ว ที่เขียนเรื่องที่ไม่มีจริงออกมา อย่างนั้นหรอ?

ส่วนเรื่องจะถามเรื่องเดียวกันหรือคนละเรื่องว่าใครเก่งกว่ากัน มันก็เป็นปัญญาของแต่ละคนว่าจะเปรียบเทียบได้ไหม มันพอมีคีย์เวิร์ดบอกอยู่บ้างแล้วเล็กน้อย(โดยเฉพาะผลงานของกิมย้ง มีเยอะ) มันจะไปได้ถึงคำตอบสุดท้ายไหมก็ไม่รู้ แต่มันก็ยังเทียบกันได้ คนละเรื่องกันก็เถอะ ถ้าอ่านแล้วรู้จักสังเกตุ มันจะมีจุดที่นำมาเทียบกันได้เยอะแยะ ต้องให้ยกตัวอย่างไหม?



จอมยุทธ_หิญ
#6   จอมยุทธ_หิญ    [ 13-08-2015 - 16:22:52 ]

คงน้อยกว่าแกมั้ง เพราะแกก็คนนึงล่ะ ที่อ่านเฉยๆไม่ได้ต้องมาแสดงตัวว่ากูก็เก่งว่างั้นเถอะ การตั้งประเด็นก็ไม่ได้หาเรื่องใคร. แต่ไอ้ที่แกพิมมาก็เพื่อมามาโชว์เหมือนกันแหล่ะถ่อยคำก็ใช่ว่าเป็นมิตร ถุยว่ะ



จอมยุทธ_หิญ
#7   จอมยุทธ_หิญ    [ 13-08-2015 - 16:27:45 ]

แต่เอาเถอะจะด่าจะว่าอะไรก็เชิญตามสบาย เพราะตัวหนังสือไม่ทำให้บาดเจ็บได้ อีกอย่างก็ืกุทะเลาะกับคอมพิวเตอร์ไม่เป็น



ฉันขำจริงๆค่ะ
#8   ฉันขำจริงๆค่ะ    [ 13-08-2015 - 20:02:07 ]    IP: 182.52.129.182

แม่เจ้าโว้ยยยยยย

ว่าคนอื่นเป็นเด็ก ถามกันแบบเด็กๆเลยหรอคะ

แหม พ่อผู้ใหญ่ พ่อคนมีความคิด พ่อฉลาดรอบรู้ เก่งเป็นที่สุด พ่อไอคิว280 เก่งจริงจรี๊งงงงงงงงงงง

คนอื่นเค้าคุยกันเรื่องวรยุทธเรื่องใครเก่งกว่า ก็ไปเหมาว่าเขาตีความด้านอื่นไม่ออก ไปว่าเขาเป็นเด็กอีก ว่าเขาตีความแปลกๆ

คุณขาาาาาา คุณคนเก่ง

เอามุมมองของคุณเป็นหลักอย่างเดียวเลยนะค้าาา

ตามสบายนะค้า เอาที่สบายใจเลย







ฉันขำจริงๆค่ะ
#9   ฉันขำจริงๆค่ะ    [ 13-08-2015 - 20:25:56 ]    IP: 182.52.129.182

อ้อ อีกอย่าง เห็นคุณชอบใช้คำว่า ดูหนัง แสดงว่าก็ดูมาใช่ไหมคะ เคยอ่านไหมคะ นิยายอ่ะ ก่อนจมโนไปไกลกว่านี้ เคยอ่านรึยัง
มาลองวัดความรู้นิยายกันหน่อยไหม เห็นชอบพูดถึงต้วนอี ต้วนเจิ้นฉุน วัดเรื่องแปดเทพก็ได้ เอาไหม กล้าวัดกะคนในบอร์ดนี้ไหม

แหม รู้ไกลไปถึงว่าผู้เขียนเขาจะสื่ออะไร
เกร็ดของตัวละครพวกนี้แหล่ะครับที่ผู้เขียนเขาต้องการบอก
555555555

จะบอกให้นะคะว่า นวนิยายพวกนี้ ผู้แต่งเค้าก็ต้องการสร้างความบันเทิง สร้างจินตนาการ ให้แก่ผู้อ่านทั้งนั้นแหละค่ะ
โครงเรื่องคือส่วนสำคัญที่สุด
ความเหนือล้ำต่ำสูงของฝีมือของนักเขียนส่วนมากก็วัดจากการดำเนินเรื่องนี่แหละค่ะ มันคือภาพใหญ่ที่นวนิยายสื่อสารกับผู้อ่าน

นวนิยายกำลังภายในก็มีโครงเรื่องดำเนินอยู่ในยุทธภพ ในยุทธภพก็มีวิชาวรยุทธ มีคนฝึกยุทธ ฉากต่อสู้ฉากบรรยายฝีมือก็เป็นส่วนสำคัญมากของนิยายกำลังภายใน การบรรยายปมต่างๆ การเชื่อมโยงความสัมพันธ์ เหตุการณ์ต่างๆ

และ การดำเนินไปถึงจุดไคลแมกซ์ของเรื่อง ตรงนี้สำคัญที่สุด เป็นจุดโชว์ฝีมือความแยบคายของผู้แต่งเลยทีเดียว

ไม่ใช่จะมาเน้นที่เกร็ดของตัวละคร มันแค่ส่วนประกอบหนึ่งเท่านั้น อย่ามั่วค่ะ

ปล. นี่มันนิยายกำลังภายในค่ะ ไม่ใช่หนังสือแบบเรียนนะคะ ผู้อ่านก็ไม่ได้หวังสาระความรู้เป็นประเด็นหลักอยู่แล้วค่ะ มันเป็นเรื่องรอง



wg_yubin
#10   wg_yubin    [ 13-08-2015 - 23:50:01 ]

เห็นด้วยกะ คห. ข้างบนจ้า

แนวใครแนวมันก็แล้วกัน ใครชอบแนวไหนก็คุยไปแนวนั้น ชอบเรื่องนิสัยตัวละครก็คุยไป ชอบเรื่องวรยุทธก็ถกกันไป อย่าไปวิจารณ์กัน อย่าพูดในเชิงดูถูกกันแบบนี้




เย่ตี่
#11   เย่ตี่    [ 17-08-2015 - 15:30:24 ]

เข้าใจนะครับว่าคุณพยายามจะสื่ออะไร

แต่ก็อย่างที่คุณ ฉันขำจริงๆค่ะ บอกนั่นแหละครับ



ก๊อปเขามา
#12   ก๊อปเขามา    [ 15-03-2018 - 22:12:12 ]    IP: 49.49.241.36

Cr ; สามัญชน จนและโง่
สัจจะธรรมกว้าง ภาษาแคบ ความรู้จึงมีข้อจำกัดในการอธิบายบางเรื่อง
ปุถุชนและปัญญาชนล้วนอ้างอิงความรู้เหมือนเด็กแก่แดด แต่ไม่รู้แจ้งในทุกข์
ความทุกข์คือคัมภีร์ไร้อักษร ความรู้ปิดกั้นการเรียนรู้ ความคิดปิดกั้นการรับฟัง
ความรู้ทำให้ใจไม่เป็นสุข หลงอยู่กับโลกความคิด หาศานติสุขภายในใจตนไม่ได้
ความรู้ทำให้คนชอบเปรียบเทียบ ใครเก่งกว่า สวยกว่า รวยกว่า ดีกว่า
ความรู้ทำให้ไม่รู้จักพอ คิดว่ายังมีสิ่งที่ดียิ่งกว่าที่ตนมี ได้แล้วยังอยากได้ไม่สิ้นสุด
ความรู้สร้างความขัดแย้งโต้เถียงเอาชนะกัน หาเหตุผลเข้าข้างความคิดตน
ในยุทธภพจึงมีผู้งมงายในคัมภีร์และสุดยอดอาวุธ แต่ไม่เรียนรู้ใจตัวเอง

Cr ; สอบตกเพราะอกหัก
เพราะความรู้ทำให้มนุษย์ตกต่ำแบ่งแยกขัดแย้งกัน ฝ่ายการเมืองทั่วโลกบางยุคสมัยจึงเปลี่ยนคัมภีร์แต่ละศาสนาให้เป็นความรู้
1.พุทธเถรวาท มาจากคัมภีร์บาลี สำหรับปุถุชนที่สามารถบรรลุธรรมในชาตินี้ เรียนรู้ผ่านความคิดและปฏิบัติจากผู้บรรลุธรรมหรือคัมภีร์ เพื่อการเห็นแจ้งในไตรลักษณ์จนดับสิ้นการเวียนว่ายตายเกิดในใจตน กิจสำเร็จในชาตินี้ไม่มีสิ่งใดให้บรรลุอีก ไม่มีจิตที่เป็นอมตะเมื่อถึงนิพพานแล้ว
2.พุทธมหายาน มาจากคัมภีร์สันสกฤต สำหรับธรรมาจารย์ผู้ได้รับการถ่ายทอดจากจิตสู่จิตเป็นโพธิสัตว์ ยังไม่ยอมนิพพานด้วยมีปณิธานฉุดช่วยปุถุชนที่ไม่อาจบรรลุธรรมในชาตินี้ให้รับธรรมะ ชี้นำจิตที่เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏได้พบพุทธะ จิตเป็นอมตะตายแล้วไปเกิดใหม่ตามผลกรรมที่ทำไว้
3.พุทธวัชรยาน มาจากคัมภีร์ธิเบต สำหรับผู้ที่ก้าวพ้นความเป็นปุถุชนแล้วเห็นว่า ร่างกาย ความคิด จิตและการรู้ตัว คือกายทั้ง 4 ที่ประกอบกัน ยากในการเผยแผ่จึงเอาสวรรค์ล่อบ้าง เรื่องเพศบ้าง เรื่องมนตร์คาถาบ้าง ให้เกิดความเชื่อก่อน มีการสอนด้วยถ้อยคำสัญลักษณ์ที่เหนือเหตุผลและนอกคอก

Cr ; Osho
ภาษาบาลีเป็นภาษาที่พระพุทธเจ้าทรงใช้เทศนา พระองค์คุ้นเคยกับภาษาสันสกฤตอย่างดีเยี่ยม ในฐานะเจ้าชาย ทรงได้รับการศึกษาทางวรรณคดีขั้นสูงสุดของยุคนั้น ทว่าเมื่อทรงเริ่มเทศนา พระองค์ไม่เคยใช้ภาษาสันสกฤตเลย เพราะสันสกฤตเป็นภาษาของปัญญาชน ของพราหมณ์ แต่ไม่ใช่ของปวงชน มันไม่ใช่ภาษาที่มีชีวิต แต่ภาษาบาลีเป็นภาษาของมหาชน ด้วยการใช้แบบคนสามัญ ไม่คำนึงถึงไวยากรณ์ มีการเปลี่ยนเสียง เปลี่ยนสำเนียง ถ้อยคำเป็นแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ในด้านหนึ่งถือเป็นภาษาของคนที่ไม่รู้ประสีประสาและไร้เดียงสา..
วิปัสสนาเป็นคำบาลี มีความหมายตามตัวอักษรดั้งเดิมว่า “มอง” โดยมีความหมายเปรียบเปรยว่า “เฝ้าดู สังเกต” พระพุทธเจ้าเลือกวิธีภาวนาที่อาจเรียกได้ว่าเป็นการภาวนาขั้นพื้นฐาน สมาธิภาวนาทั้งหมดก็คือการเฝ้าสังเกตในรูปแบบต่างๆ การสังเกตการปรากฏในสมาธิภาวนาทุกรูปแบบ ถือเป็นพื้นฐานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พระพุทธเจ้าขจัดสิ่งปลีกย่อยอื่นๆ ออก แล้วรักษาไว้เฉพาะพื้นฐานสำคัญ นั่นก็คือการสังเกต..

Cr ; หลวงพ่อปราโมชสอนเรื่องการดูจิต
คำว่า “จิตตานุปัสนนา” เนี่ย โดยคำศัพท์มันนะ คือคำว่า “จิต” คำว่า “อนุ” คำว่า “ปัสสนา” ปัสสนาคือการเห็น อนุแปลว่าตาม ตามเห็นเนืองๆซึ่งจิต เพราะฉะนั้นจิตโกรธขึ้นมา รู้ว่าจิตโกรธ ไม่ใช่ให้ไปรอดูนะว่าต่อไปนี้จิตชนิดไหนจะเกิดขึ้น ถ้าไปอ่านสติปัฏฐานให้ดีท่านจะสอนไว้ชัดๆเลยนะ ท่านบอกว่า ภิกษุทั้งหลาย เมื่อจิตมีราคะ ให้รู้ว่ามีราคะ..
กฎข้อที่ ๑ อย่าไปอยากดู จิตมีราคะ ให้รู้ว่ามีราคะ จิตมีโทสะ ให้รู้ว่ามีโทสะ จิตหลงไปใจลอยไป รู้ว่าใจลอยไป ไม่ห้ามนะ แต่ใจลอยไปรู้ว่าใจลอยไป ให้สภาวะเกิดก่อนแล้วตามรู้
กฎข้อที่ ๒ ระวังอย่าให้ถลำลงไปจ้อง ถ้าเห็นความโกรธผุดขึ้นมานะ ให้ดูสบายๆนะ ดูแล้วเหมือนจะเห็นว่าคนอื่นโกรธไม่ใช่เราโกรธนะ ดูห่างๆ เหมืนดูละตรทีวีไม่ต้องอินกับมัน
กฎข้อที่ ๓ อย่าเข้าไปแทรกแซง เช่นความโกรธเกิดขึ้น รู้ว่าจิตมันโกรธ อย่าไปห้ามมัน ไม่ต้องห้ามมัน ความโกรธก็จะแสดงไตรลักษณ์ให้ดู เกิดได้ก็ดับได้เหมือนกัน ความโลภเกิดขึ้นก็อย่าไปว่ามันนะ ก็จะเห็นว่าความโลภเกิดขึ้นแล้วก็ดับเองได้ ความสุขความทุกข์มันก็ดับของมันเอง สิ่งทั้งหลายมีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้ เราจะเห็นอย่างนี้เนืองๆ วันหนึ่งก็ถึงมรรคผลนิพพานได้เอง



ก๊อปเขามา
#13   ก๊อปเขามา    [ 16-03-2018 - 09:31:44 ]    IP: 49.49.236.0

Cr ; สามัญชน จนและโง่
คัมภีร์วิทยายุทธแต่ละสำนักคงเหมือนคัมภีร์แต่ละนิกายของศาสนา มาจากต้นกำเนิดเดียวกันพุทธบ้างเต๋าบ้าง หรือเอามารวมเป็นนิกายเซน
การเปรียบเทียบที่สนุกคือการหาที่มาต้นกำเนิดวิชาที่สุดยอดก่อนจะถ่ายถอดมาจนวิชาเสื่อมถอย ผู้คิดค้นบรรลุได้อย่างไรมันถึงเหนือกว่ากัน อย่างเช่นเพลงกระบี่หัวซานเสื่อมลงแล้วแตกเป็นสองสายคือสายลมปราณกับสายกระบี่ซึ่งห่วยลงแต่ฟงซินหยางสอนเหล่งหูชงกลับใช้ได้เก่ง แม้จะฝึกไม่ถึงขั้นแสดงว่าต๊กโกวคิ้วป้ายย่อมเหนือกว่าฟงซินหยาง แล้วเคล็ดวิชาเก้ากระบี่มันคืออะไร มีอานุภาพอย่างไร้ถีงมีฉายาแสวงพ่าย ถ้าวิเคราะห์โต้เถียงกันเพือเปรียบเทียบกับวิทยายุทธอื่นแล้วชี้ขาดที่ตรงไหน ใครไม่เห็นด้วยก็ช่วยอธิบายกัน



ก๊อปเขามา
#14   ก๊อปเขามา    [ 16-03-2018 - 09:34:43 ]    IP: 49.49.236.0

quote : ก๊อปเขามา

Cr ; สามัญชน จนและโง่
คัมภีร์วิทยายุทธแต่ละสำนักคงเหมือนคัมภีร์แต่ละนิกายของศาสนา มาจากต้นกำเนิดเดียวกันพุทธบ้างเต๋าบ้าง หรือเอามารวมเป็นนิกายเซน การเปรียบเทียบที่สนุกคือการหาที่มาต้นกำเนิดวิชาที่สุดยอดก่อนจะถ่ายถอดมาจนวิชาเสื่อมถอย ผู้คิดค้นบรรลุได้อย่างไรมันถึงเหนือกว่ากัน อย่างเช่นเพลงกระบี่หัวซานเสื่อมลงแล้วแตกเป็นสองสายคือสายลมปราณกับสายกระบี่ซึ่งห่วยลงแต่ฟงซินหยางสอนเหล่งหูชงกลับใช้ได้เก่ง แม้จะฝึกไม่ถึงขั้นแสดงว่าต๊กโกวคิ้วป้ายย่อมเหนือกว่าฟงซินหยาง แล้วเคล็ดวิชาเก้ากระบี่มันคืออะไร มีอานุภาพอย่างไร้ถีงมีฉายาแสวงพ่าย ถ้าวิเคราะห์โต้เถียงกันเพือเปรียบเทียบกับวิทยายุทธอื่นแล้วชี้ขาดที่ตรงไหน ใครไม่เห็นด้วยก็ช่วยอธิบายกัน




ก๊อปเขามา
#15   ก๊อปเขามา    [ 16-03-2018 - 09:47:18 ]    IP: 49.49.236.0

1.พุทธเถรวาท มาจากคัมภีร์บาลี สำหรับปุถุชนที่สามารถบรรลุธรรมในชาตินี้ เรียนรู้ผ่านความคิดและปฏิบัติจากผู้บรรลุธรรมหรือคัมภีร์ เพื่อการเห็นแจ้งในไตรลักษณ์จนดับสิ้นการเวียนว่ายตายเกิดในใจตน กิจสำเร็จในชาตินี้ไม่มีสิ่งใดให้บรรลุอีก ไม่มีจิตที่เป็นอมตะเมื่อถึงนิพพานแล้ว
2.พุทธมหายาน มาจากคัมภีร์สันสกฤต สำหรับธรรมาจารย์ผู้ได้รับการถ่ายทอดจากจิตสู่จิตเป็นโพธิสัตว์ ยังไม่ยอมนิพพานด้วยมีปณิธานฉุดช่วยปุถุชนที่ไม่อาจบรรลุธรรมในชาตินี้ให้รับธรรมะ ชี้นำจิตที่เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏได้พบพุทธะ จิตเป็นอมตะตายแล้วไปเกิดใหม่ตามผลกรรมที่ทำไว้
3.พุทธวัชรยาน มาจากคัมภีร์ธิเบต สำหรับผู้ที่ก้าวพ้นความเป็นปุถุชนแล้วเห็นว่า ร่างกาย ความคิด จิตและการรู้ตัว คือกายทั้ง 4 ที่ประกอบกัน ยากในการเผยแผ่จึงเอาสวรรค์ล่อบ้าง เรื่องเพศบ้าง เรื่องมนตร์คาถาบ้าง ให้เกิดความเชื่อก่อน มีการสอนด้วยถ้อยคำสัญลักษณ์ที่เหนือเหตุผลและนอกคอก
4.พุทธนิกายเซ็น มาจากคัมภีร์จีน (พุทธมหายาน+เต๋า) สำหรับการบรรลุสภาวะธรรมโดยไม่พี่งอรรถธิบายเยิ่นเย้อ กำเนิดในจีนเผยแผ่ผ่านเกาหลีไปรุ่งเรืองที่ญี่ปุ่น ชี้ตรงไปที่ซาโตริเข้าถืงด้วยฌาน เรื่องเล่า และบทกวี มุ่งการก้าวพ้นตรรกะเหตุผลทำให้จิตหลุดพ้นฉับพลันรู้แจ้งทันใด



ก๊อปเขามา
#16   ก๊อปเขามา    [ 17-03-2018 - 10:17:04 ]    IP: 49.49.236.56

ตอนจบของ เดชคัมภีร์เทวดา อิ๋งอิ๋ง บอกเหล่งหูชงว่า "อยากถอนตัวจากยุทธจักรใช่มั้ยมีทางเดียวคือไปญี่ปุ่น" เลยนึกถึงนิกายเซน
หัวซานแยกเป็นสายกระบี่กับลมปราณ ทำให้นึกถึงพุทธมหายานแยกเป็นสองก่อนเกิดนิกายเซนเผยแผ่ผ่านเกาหลีไปรุ่งเรืองที่ญี่ปุ่น



ก๊อปเขามา
#17   ก๊อปเขามา    [ 19-03-2018 - 09:17:41 ]    IP: 49.49.245.253

Cr ; ดังตฤณ

มักมีผู้สงสัยว่าพระอรหันต์ท่านสัมผัสว่าใครเป็นอรหันต์ด้วยกันแบบไหน อันนี้หากกล่าวเป็นขั้นๆ ตามสัมผัสอันเกิดจากกระแสจิตของปุถุชนและอริยบุคคล เรียงลำดับจากต่ำไปหาสูง ก็คงพออนุมานได้ดังนี้

๑) ปุถุชนผู้มีราคะและโทสะกล้าแข็งขนาดยอมผิดศีลได้ ย่อมมองออกว่าใครมีราคะและโทสะกล้าแข็งขนาดยอมผิดศีลได้ กับทั้งเป็นพาลพอจะเหมาว่าคนทั้งโลกก็อาจผิดศีลได้เหมือนตนหากถูกเร้าใจมากพอ

๒) กัลยาณชนผู้มีความดีงาม ย่อมมองออกว่าใครมีความดีงาม แต่จะมองไม่ออกว่าใครบ้างที่ว่างจากความยึดมั่นว่ากายใจเป็นตัวตน

๓) อริยบุคคลชั้นโสดาบันผู้สามารถสัมผัสนิพพานเพราะว่างจากอาการยึดมั่นว่ากายใจเป็นตน ย่อมมองออกว่าใครว่างจากอาการยึดมั่นว่ากายใจเป็นตน แต่ยังไม่อาจรู้ได้ว่าใครบ้างมีราคะ โทสะ โมหะเบาบางลงแล้ว เพราะตนเองยังมีราคะ โทสะ และโมหะได้เท่าเดิม

๕) อริยบุคคลชั้นสกทาคามีผู้มีราคะ โทสะ และโมหะเบาบางลงแล้ว ย่อมมองออกว่าใครมีราคะ โทสะ โมหะเบาบางลงแล้ว แต่ยังไม่อาจรู้ได้ว่าใครบ้างที่สิ้นราคะและโทสะ

๖) อริยบุคคลชั้นอนาคามีผู้หมดความยินดีในกามคุณ และมีใจอันว่างจากการถูกกระทบกระทั่ง ย่อมมองออกว่าใครละกามคุณได้แล้ว และมีใจอันปลอดจากการกระทบกระทั่งแล้ว แต่ยังไม่อาจรู้ได้ว่าใครละความรู้สึกว่าเป็นตนได้เด็ดขาด

๗) อริยบุคคลชั้นอรหันต์ผู้ทรงฌาน มีความสามารถล่วงรู้วาระจิตคนอื่นได้แจ่มแจ้งแทงตลอด ย่อมรู้ได้ว่าจิตอันรู้ตื่นเบิกบานถาวรเช่นตนเป็นอย่างไร กับทั้งมองลงมาเห็นระดับจิตที่ต่ำกว่าตนได้ทะลุปรุโปร่ง แยกแยะถูกว่าใครเป็นปุถุชน เป็นกัลยาณชน หรือเป็นอริยบุคคลชั้นไหนๆ

พระพุทธเจ้าตรัสว่าผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นพระองค์ นี่ถือเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพุทธศาสนา พระอรหันต์ท่านมีประสบการณ์ทางจิตอย่างไรไม่มีใครในระดับจิตต่ำกว่าท่านจะไปล่วงรู้ได้ เรารู้เพียงคำพูดว่าพวกท่านมีจิตที่พรากแล้วจากกายใจ ไม่ยึดแล้วว่ากายใจเป็นตัวตน จึงได้แต่อนุมาน ว่าพวกท่านมองตัวเองด้วยความรู้สึกประมาณเดียวกับที่คุณมองคนอื่น ถ้านี่เป็นมุมมองที่แปลกประหลาดและยากจะจินตนาการ ก็แปลว่าเป็นเรื่องอจินไตย คือคุณ ‘ไม่ควรคิด’ ว่าเป็นอย่างไรเพียงด้วยการอาศัยประสบการณ์สามัญของตนเองครับ



ก๊อปเขามา
#18   ก๊อปเขามา    [ 19-03-2018 - 09:44:57 ]    IP: 49.49.245.253

โคตมะ แปลว่า ทานตะวัน
คัมภีร์ทานตะวัน อาจหมายถึง พระไตรปิฎกของพุทธเถรวาท(คัมภีร์บาลี)
การตอนตน อาจหมายถึง การละจากกาม
กาม แปลว่า สิ่งน่ารักน่าใคร่ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเพศ
พุทธมหายาน(พุทธมหายาน)เผยแผ่จากอินเดียสู่จีน
นิกายทื่แยกออกมาเกิดจากการผสมผสาน พุทธ เต๋า ขงจื้อ ในอัตราส่วนแตกต่างกัน
คัมภีร์ยุทธหากมีต้นกำเนิดจากคัมภีร์ศาสนานิกายต่างๆย่อมบรรลุธรรมในระดับต่างกัน
เช่น โสดาบัน สกคาทามี อนาคามี อรหันต์ พระโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้า เป็นต้น



ก๊อปเขามา
#19   ก๊อปเขามา    [ 19-03-2018 - 09:55:39 ]    IP: 49.49.245.253

พรรคเม้งก่ามาจากศาสนาโซโรอัสเตอร์ของพวกเปอร์เซีย
สำนักสราญรมณ์มาจากลัทธิบูชาไฟต้นกำเนิดศาสนาโบราณต่างๆก่อนเกิดพุทธ (ชาวฮิบรูนำไปอียิปต์ อาหรับ อินเดีย จีน)
แรกเริ่มผสมเต๋ากลายเป็นลัทธิเต๋าแบบไสยศาสตร์เมื่อได้รับพุทธธรรมะจึงตีความคำสอนผิดกลายเป็นวิชามาร



ก๊อปเขามา
#20   ก๊อปเขามา    [ 19-03-2018 - 10:09:31 ]    IP: 49.49.245.253

การพัฒนาการ 3 ระดับของพุทธแบบตันตระ
ระยะที่ 1 มันตรยาน
เกิดขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 9- 10 จากนั้นก็พัฒนาการนำสิ่งใหม่เข้ามาสู่พุทธศาสนามีพิธีกรรมทางไสยศาสตร์เพื่อการบรรลุธรรม โดยนำเอา มันตระ มุทรา มัณฑละ และเทพเจ้าเข้ามาในพุทธศาสนาอย่างไม่เป็นระบบ เช่น การท่องบ่นมนต์ หรือ ธารณีแตกต่างกัน บูชาเทพเจ้า หรือพระโพธิสัตว์องค์ใดก็ได้ แล้วทำเครื่องหมาย มุทรา หรือนิ้วมือให้ถูกต้องก็จะศักดิ์สิทธิ์หรือสำเร็จผลได้
ระยะที่ 2 วัชรยาน
พระพุทธศาสนานิกายนี้ได้พัฒนาคำสอนเป็นระบบตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 12 โดยผสมผสานกับคำสอนเดิมทุกสายกับหลักของพระเจ้า 5 พระองค์ มีอาทิพุทธเจ้า เป็นต้น หลักการปฏิบัติเด่นชัด คือ สหัชญาณ เหมือนกับพุทธนิกายเซนในจีน คือเน้นการปฏิบัติ รู้แจ้งภายใน ถ่ายทอดผ่านคำปริศนาไม่ผูกมัดตัวเองด้วยคำสอนเก่า หรือคำสอนกำจัดแบบตายตัว วัชรยานนี้มีในทิเบต และภูฏานในปัจจุบัน
ระยะที่ 3 กาลจักร หรือ กาฬจักร
หมายถึงวงล้อแห่งเวลา เป็นพัฒนาการยุคสุดท้ายของพุทธศาสนาแบบตันตระ โดยประสานความคิดที่แตกแยกกัน และเน้นโหราศาสตร์ ถือว่ามีศักติประจำพระพุทธเจ้า พระอิศวรปางดุร้าย และพระโพธิสัตว์ปางดุร้ายพร้อมกับมีธรรมบาล หรือยิดัมคุ้มครองรักษา กาฬจักรนี้เคยรุ่งเรืองในอินโดนีเซียมาก่อนศาสนาอิสลามจะมีอิทธิพล
นิกายเชนเหยนหรือมี่จุง
ผู้นำคำสอนนิกายพุทธตันตระเข้าสู่ประเทศจีนคือ ศุกรสิงหะซึ่งเข้าสู่จีนเมื่อ พ.ศ. 1259 ต่อมาได้มีคณาจารย์สำคัญเช่น วัชรโพธิ์ และอโมฆวัชระเข้ามาเผยแพร่คำสอนอีก นิกายนี้ได้รับการส่งเสริมมากเมื่อมองโกลเข้ามามีอำนาจในจีน
จิวมอจือ กับ ราชครูจักรทอง พุทธสายธิเบตตัวละครสมมุติอิงจากประวัติศาสตร์






  • 1
  • 2
ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube