เข้าระบบอัตโนมัติ

เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับหนุ่มคนหนึ่ง


  • 1
ชิงโจว
#1   ชิงโจว    [ 06-11-2012 - 02:43:21 ]

[ เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับหนุ่มคนหนึ่ง ]

เรื่องมันมีอยู่ว่า ... ย้อนกลับไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ตอนที่ผมกำลังหลับอย่างสบายอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันวุ่นวาย อยู่หน้าห้อง เลยเป็นครั้งแรกในรอบ 2 อาทิตย์ ทีมีโอกาสได้เห็นนาฬิกาบอกเลข 08:00 ซักที เอาตาไปแนบที่มองตรงประตูจึงรู้ว่า ห้องว่างที่เยื้องห้องเรามีคนเข้ามาอยู่แล้วซิ

ห้องนั้นเราเคยพยายามเข้าไปขโมยอะไหล่พวก ฝักบัวมาเปลี่ยนกับห้องเรา ตั้งใจว่าวันนี้จะไปเอาบานเกล็ดมา ว้า ไม่ทันซะแล้ว
ช่วงเที่ยง ตอนออกจากห้องก็เห็นประตูห้องนั้นเปิด สงสัยเจ้าของห้องกำลังจัดของอยู่ ... อ๊ะ เป็นอาม่าด้วย เราจะมีอาม่าเป็นเพื่อนแล้ว ... แต่อาม่ามีลูกเล็กด้วย โอยอย่างงี้เด็กร้องโวยวาย เรานอนไม่หลับแน่เลย ... เฮ้ย มีหมาด้วย มีครบเลยเครื่องมือโวยวาย ไปกันใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่ได้อยู่ดูต่อว่า อาม่ามีอะไรเป็นอุปกรณ์เสริมอีก เพราะต้องรีบไป นัดเพื่อนไว้เดี๋ยวโดนเตะ

วันนั้นผมกลับมาดึกเพราะคืนวันเสาร์ ตามประสาคนโสด อยู่ห้องไม่เป็นหรอก ตอนกำลังใขกุญแจเข้าห้อง ก็ได้ยินเสียงเพลงดังมาจากห้องนั้น อืมมม ... อาม่าาาา ฟังเพลงวัยรุ่น -___-"

แล้วชีวิตผมก็ดำเนินต่อไปตามปกติ กลางคืนก็ทำงาน ตื่นตอนเที่ยง ตอนบ่ายก็ออกไปกินข้าว ผมทำงานเป็น Freelance เวลาเลยไม่ตรงกับชาวบ้านเขา บางทีก็นอนกลางวัน กลางคืนทำงาน
เพราะมันสงบดี

ประมาณ 2 อาทิตย์ถัดจากนั้น ช่วงเช้า ผมกำลังนอนอยู่เลยก็มีคนมาเคาะประตู ... พี่ Security นี่เอง ผมจึงเปิดประตูออกไป

พี่ยาม : สวัสดีครับขออนุญาตรบกวนครับ"

ผม : ครับไม่เป็นไรครับ ผมตื่นเช้าอยู่แล้ว ... มีอะไรหรอครับ

พี่ยาม : คือเมื่อคืนมีขโมยเข้ามาขโมยของ ไม่ทราบห้องคุณมีอะไรหายไหมครับ

ผม : อ้าวขโมยมาได้ไง พี่ไม่อยู่เหรอ

พี่ยาม : อยู่ครับ แต่ผมหลับ -___-"

ผม : อ่อ ห้องผมหรอ ไม่มีอะไรหายหรอกครับ (แอบถุ๊ยในใจ)

พี่ยาม : แล้วคุณเห็นอะไรที่ผิดปกติบ้างไหมครับ เมื่อคืนจนถึงวันนี้

กำลังจะบอกว่าพี่นั่นละ มาปลุกผม ผิดปกติที่สุดแล้ว แต่กลัวโดนเตะ เลยไม่ได้บอกไป

ผม : อ่อ ไม่มีครับ

แล้วพี่ Security แกก็ไปเคาะห้องต่อไป แกคงเคาะมาหลายห้องแล้วละท่าทาง ... คราวนี้เป็นห้องอาม่า เออดีมาก !! เดี๋ยวพี่ Security เห็นอาม่าเลี้ยงหมา กฏเค้าห้ามเลี้ยง อาม่าโดนแน่ บาปจังเราแกล้งคนแก่ ด้วยความที่อยากจะเห็นอาม่าโดนจับได้ว่าเลี้ยงหมาผมเลยแกล้งทำโน่นทำนี่ โดยไม่ปิดประตู แล้วพี่ Security แกก็ดำเนินการตามบทที่แกท่องมา

ก๊อก ๆ ๆ

พี่ยาม : สวัสดีครับขออนุญาตรบกวนครับ

อาม่า : ..................

พี่ยาม : สวัสดีครับขออนุญาตรบกวนครับ (ย้ำอีกรอบ)

อาม่า : ซักครู่ค่ะ

ตอนนั่นผมกำลังง่วนกับการแกล้งเก็บโน่นเก็บนี่แต่นึกในใจ อาม่าเสียงหวานจัง

อาม่า : มีอะไรเหรอค่ะ

ประตูห้องอาม่าเปิดออกมาพร้อมเสียง

พี่ยาม : คือเมื่อคืนมีขโมยเข้ามาขโมยของ ไม่ทราบห้องคุณมีอะไรหายไหมครับ

อาม่า : ไม่มีนี่ค๊ะ คุณขึ้นมาก็ดีแล้ว ช่วยบอกช่างให้มาเปลี่ยนฝักบัวหน่อยนะคะ แจ้งไปหลายวันแล้ว รบกวนด้วยนะค๊ะ

อึ้ก !! จุกเบย -__-" นี่พูดกระแทกเราป่าวเนี่ย ... แต่อาม่าเสียงเพราะแฮะ แล้วผมก็เลยออกไปดูเจ้าของเสียง อ้าวไม่ใช่อาม่านี่ ไม่ใช่หมาด้วย ถุ๊ยยยย (หมาพ่องพูดได้ !?) ... ผู้หญิงผมยาว ตัดผมไสลด์ หน้าม้านิดๆ ผิวขาว สูงพอดีๆ โหยยยย เราหลงผิดตั้งนาน อาม่านั่นอาจจะเป็นญาติเธอก็ได้ เธอมองมาทางผมผมก็มองมาทางเธอในใจนึกขอบคุณขโมยคนนั้นมาก ที่ทำให้ผมได้เห็นอะไรดีๆ แบบนี้ตั้งแต่เช้า พรุ่งนี้มาอีกก็ได้นะ แต่ไปขโมยห้องอื่นละกัน เรามองกันซักแว้บนึง แต่ใจผมคิดว่ามันนานมากเลย แล้วก็มีเสียงพูดขัดขึ้นมา

พี่ยาม : แล้วคุณเห็นอะไรที่ผิดปกติบ้างไหมครับ เมื่อคืนจนถึงวันนี้

หญิงสาว : เอ่อ ... อืม ไม่มีค่ะ

เธอหลบตาจากผมแล้วก็ไปคุยกับพี่ Security ต่อแล้วพี่แกก็จากไป ... ก่อนที่จะปิดประตูผมแอบมองหน้าเธออีกครั้ง คือเวลาคนเรามันรุ้สึกดีกับอะไรบางอย่าง โลกมันก็ดูดีไปหมด อาม่าของผม คงอายุไม่เกิน 22 แน่เลย จากที่ไม่เคยสนใจว่าจะมีใครอยู่รอบตัว แต่ตอนนั้นคำถามมากมาย เกิดขึ้น ... เธอเป็นใคร ชื่ออะไร

เฮ้อ ... นี่ถ้าหากว่าพี่ Security ถามผมอีกทีตอนนั้น ผมจะบอกพี่แกไปว่า "ผมมีของหายแล้วครับ เพิ่งหายเมื่อกี้นี่เอง หัวใจครับพี่ หัวใจ" แล้วให้พี่แกจับอาม่าของผมไปซะให้เข็ด โทษฐานขโมย
หัวใจ ;)

หลังจากวันนั้นผมก็พยายามออกนอกห้องเหลือเกิน เมื่อก่อนละเก็บตัว เดี๋ยวนี้ขยันออกไปทิ้งขยะมาก เผื่อเจอหน้าเธอก็ยังดี
จนห้องผมไม่มีขยะเลยซักชิ้น 555+ ความรักทำให้ห้องสะอาดได้ด้วยแฮะ ผมมาเจอเธออีกทีหลังจากนั้นอีก 2 วัน ผมกลับมาจาก
ไปพบลูกค้า กำลังจะเข้าห้อง ตกใจแทบแย่ไม่คิดว่าจะเจอกัน เธอนั่นเอง กำลังจะออกไปข้างนอก อ้าวเธอยังเรียนอยู่เลย คงเรียนมหาลัยใกล้ๆ นี้แน่เลย ... โหยรู้งี้ หากมาช้ากว่านี้ 1 นาที ตรงหัวมุมได้เดินชนกันแบบในหนังแน่ รู้ตัวอีกทีเธอเดินไป ลงลิพท์ซะแล้ว เพ้อนานไปหน่อย -___-"

โอยทำไงละ แย่แล้ว ชื่อเค้ายังไม่รู้ แล้วเค้ายังเรียนอยู่เลย เรามันก็ทำงานแล้วด้วยซิ เธอน่าจะอยู่ซักปี 4 ผมเรียนจบมาแล้ว 2
ปี แสดงว่าเธออ่อนกว่าผม 3 ปีอย่างมาก ทำยังไงจึงจะได้มีโอกาสรู้จักกับเธอละ หากเข้าไปคุยเลยจะหาว่าหัวงูหรือป่าวอะ แต่ไม่มั้ง
หรือเป็นแบบพี่ชายดี แบบเข้าไปติว ... ก็ไม่ได้อีก เธอคงไม่เรียนคณะเดียวกะเราหรอก คณะเราไม่เคยมีหญิงงามแบบนี้ ดูจากสถิตินะครับ 55555 ... คืนนั้นผมนอนคิดแผนตลอดเลย ว่าจะคุยกับเธอได้ไง ตอนนี้อยากเอาฝักบัวไปคืนจัง แถมคนอาบให้ด้วยเลยเอ้า

หลังจากวันนั้นผมก็เจอเธอเรื่อยมา เดินสวนกันบ้าง ขึ้นลิฟท์พร้อมกันบ้าง แต่ผมก็ยังหาโอกาสเหมาะๆ คุยกับเธอไม่ได้ เพราะผมไม่กล้าด้วยล่ะ มันนานเกินไปที่จะแล้วที่จะถามว่า "มาอยู่ใหม่เหรอครับ" เฮ้อ !! -___-"

ตกเย็นวันหนึ่ง วันนี้เป็นวันที่ผมขี้เกียจเลยไม่ทำงาน นั่งเล่นเกมส์ทั้งวัน ตอนเย็นเบื่อๆ เลยลงไปเล่นกะน้องหมาใต้ตึก ... น้องหมาเหล่านี้เป็นหมาจรจัดที่มาเกิดลูกไว้นะครับ พวกนี้ภักดีกับผมทุกตัว เพราะผมจะเอาข้าวที่เหลือมาให้กินประจำ ระหว่างที่เล่นกับน้องหมาอยู่ก็มีรถเข้ามา ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร มองดีๆ อีกที เธอนั่นเอง ... กลับมาจากเรียน แล้วเธอก็เอารถเข้าไปจอดที่จอดรถ แต่เธอไม่ยอมลงจากรถ นั่งฟุบหน้ากะพวงมาลัยอยู่ อ้าวเกิดอะไรขึ้นละ !?

ผมยืนมองด้วยความเป็นห่วง เธอเป็นอะไรหรือป่าว ทำไมนิ่งไปแบบนั้น น้องหมาก็คงสงสัยว่าผมเป็นไรไปหรือป่าว ทำไมยืนมอง
นิ่งแบบนั้น คนมองคน หมามองคน มองด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเหมือนกัน ^^"

ผมไม่รู้ว่าเธอนั่งอยู่อย่างนั้นนานแค่ไหน เพราะผมขึ้นมาก่อน แต่สิ่งหนึ่งที่ผมสงสัยคือ เธอต้องมีปัญหาอะไรแน่ หรือว่าทะเลาะกับแฟนมา หน้าตาแบบนี้เหงาหรือโสดได้ไม่นานหรอก คงมีแฟนแล้วแน่เลย ... ผมคิดไปต่างๆ นาๆ ผมกับเธอห่างกันแค่ผนังกั้น แต่เหมือนกับไกลกันคนละโลก Y____Y

ถัดจากวันนั้นอีกวัน ผมเลยคิดว่ายังไงก็ต้องให้รู้จักกับเธอให้ได้ ก็เลยคิดว่า ... หากลงไปถามป้าที่ดูแลตึกอาจจะรู้อะไรก็ได้ นิดๆ หน่อยๆ ก็เอาว๊ะ

ผมเลยแกล้งลงไปนั่งที่ชั้นล่าง อ่านหนังสือพิมพ์ ซื้อหนมป้ามากิน ป้าแกขายหนมด้วยนะ

ผม : ป้าๆ ตอนนี้มีห้องว่างไหมครับ เพื่อนผมจะมาอยู่ (เอ้อ เริ่มเรื่องได้ดีแฮะเรานี่ ไม่ได้คิดมาก่อนเลยนะ)

ป้า : ไม่มีหรอกหนู ห้องตรงข้ามหนูละ ห้องสุดท้ายแล้ว

ผม : อ้าวห้องตรงข้ามนั่นมีคนมาอยู่แล้วเหรอ

ป้า : ไม่มาบอกป้าก่อน แล้ววันนี้ไม่ทำงานเหรอ หนูน่ะ !?

คิดในใจ โถ่ป้า อย่าพึ่งเปลี่ยนเรื่องดิ !!

ผม : วันนี้ไม่ได้ออกไปครับ ผมทำที่ห้องหน่ะป้า ... แล้วห้องนั้นเค้าซื้อหรือเช่าละป้า (ผมพาป้ากลับเข้าเรื่อง)

ป้า : อ้อ ห้องนั้นเหรอ เค้ามาเช่านะ ... เอ้อ ป้ายังไม่เปลี่ยนฝักบัวให้เค้าเลย ช่างก็ไม่ยอมมาซักที ... แต่เอ้อ ป้าเห็นเขาเมื่อเช้านี้เอง เห็นเดินถือกระเป๋าออกไป ไม่รู้ออกไปไหนเห



ชิงโจว
#2   ชิงโจว    [ 06-11-2012 - 02:44:15 ]

แล้วป้าแกก็เปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย ผมเลยได้ข้อมูลเพิ่มมาอีกนิดหน่อยคือ มาเช่า กับออกไปเมื่อเช้า ... แล้วมันจะช่วยอะไรผมได้ไหมเนี่ย อ้าๆ ยังมีอีกคน พี่ Security อันนี้ผู้ชายอาจเปิดใจได้มากหน่อย หึหึหึ

ผมเลยตรงไปที่ป้อมยาม แต่เอ ไปเฉยๆ ไม่ดีแน่เลย แอบไปซื้อบุหรี่ กะมาติดสินบน ฮ่าๆ

พอซื้อเส็จผมก็แกล้งเดินไปไกล้ๆ แล้วจุดบุหรี่ พี่แกหันมายิ้ม
เลยยื่นให้แกไป เข้าล็อคอีกราย อิ___อิ

พี่ยาม : ไม่ทำงานเหรอครับคุณ วันนี้

ผม : อ่อไม่ละพี่ เออพี่ตกลงจับขโมยได้ปะ !? (ถามโง่ๆ ไปอย่างงั้นแหละ จับได้ก็บ้าแล้ว)

พี่ยาม : อ่อ จับไม่ได้หรอกครับ โจรสมัยนี้จับยาก

ผม : เอ้อพี่ ห้องที่อยุ่เยื้องๆ ห้องผมนะเค้ามาอยู่ใหม่เหรอ

เข้าเรื่องอย่างไม่ปี่ มีขลุ่ย

พี่ยาม : อ๋อห้องนั้นเหรอ ใช่ๆ เพิ่งมาอยู่ ลูกสาวเค้ายังเรียนอยู่เลย ว่าแต่ถามทำไมเหรอคุณ

พี่แกหันมายิ้มมีเลสนัย

ผม : ก็ป่าวนี่ถามดูเฉยๆ (พูดไปไม่สบตา เดี๋ยวจับได้ว่าโกหก)

พี่ยาม : เอ้อ เมื่อวานพี่เห็นผู้หญิงคนที่พักห้องนั้น ด้วยล่ะ ... เห็นนั่งร้องไห้อยู่ในรถหน่ะ ผมจะเข้าไปถามก็ลังเล ไม่รู้เป็นอะไร

ผม : หรอ ... แล้วนานไหมพี่ !?

พี่ยาม : ซัก 30 นาทีได้มั้ง แล้วเค้าก็ขับรถออกไปอีกที เมื่อเช้าก็ออกไปแล้วนี่ หิ้วกระเป๋าใบโตออกไป ฝากให้ผมดูห้องให้ด้วย บอกจะไป ตจว. ซัก 2-3 วันหน่ะ

ไปต่างจังหวัด ร้องไห้ในรถ ... โอ้ย อกหักชัวร์ แบบนี้ไปทะเลชัวร์เลย คนอกหักต้องไปทะเล ว่าแต่เธอไปทะเลที่ไหนน่ะเหรอ ทะเลใกล้ๆ ขับรถไปไม่น่าจะเกิน ชะอำ หัวหิน ระยอง หรือ เสม็ด หากตามไปแล้วเจอกันที่ทะเลนะ โอกาสคุยกันมีแน่ "เอ๊ะคุณครับ เราอยู่ห้องเยื้องๆ กันนี่นา" อูย ... แค่คิดประโยคเริ่มก็สุดแสนจะเนียนแล้ว แล้วเราก็รู้จักกันที่ทะเล 555+ (เพ้อไปใหญ่แล้ว) แต่คงจะหาเจอหรอกนะ แล้วเธอไปจริงหรือเปล่ายังไม่รู้เลย อาจจะกลับบ้านแล้วก็ได้ เฮ้อออออ -__-"

ผมกลับขึ้นมาด้วยใจที่ห่อเหี่ยว เห็นห้องเธอล็อคยิ่งแล้วใหญ่ ถึงแม้จะไม่ได้คุยกัน แต่อย่างน้อยให้รู้ว่าเธอยังอยู่ก็ยังดี เพราะเราห่างกันแค่ไม่เกิน 3 เมตรเอง ... แต่ใครนะ ที่ทำให้เธอร้องไห้ ใจร้ายจริงๆ หากเป็นผมละก็รับรองไม่มีวันหรอก คืนนั้นผมรู้สึกเหงาเป็นพิเศษนั่งทำงานไปแบบเหม่อๆ ใจนึงก็คิดถึงแต่หน้าเธอ อีกใจก็เป็นห่วงเธอ อีกใจก็อยากรู้จักเธอ ผมผ่านคืนนั้นมาอย่างเบลอๆ

เช้าวันที่ 4 ที่เธอหายไป ฝนตกหนักมาก ตกอย่างไม่ลืมหูลืมตาเลย กิจวัตรประจำวันของผมในช่วง 2-3 วันนี้คือ เปิดประตูออกไปดูว่าห้องของเธอยังล๊อคกุญแจอยู่หรือเปล่า วันนี้ก็ยังล็อคอยู่ ไม่ได้รู้ตัวเลย ว่ามีใครที่เธอไม่รู้จักเค้ากำลังคิดถึงเธออยู่นะ ไม่ไกลเลยเยื้องๆ กันนี่ละ เวลาที่เรารอคอยอะไรบางอย่างเนี่ย เหมือนเวลามันนานขึ้นจริงๆ เลย แต่เพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่านวันนี้เลยออกไปทำงานดีกว่า กว่าจะกลับมาก็ค่ำๆ แล้ว แล้วสิ่งที่ผมรออยู่ก็มาซักที เธอกลับมาแล้วห้องเธอไม่ได้ล็อคกุญแจ ...

โอ้วเย้ ดีใจจุงเบยย (เบยพ่อง !!) คืนนั้นผมตั้งใจไว้แล้วว่า เป็นไงเป็นกันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ยังไงต้องหาเรื่องคุยกับเธอให้ได้

รุ่งขึ้นผมกำลังดักรอเหยื่อเหมือนหมาป่าจ้องจับลูกแกะ รอจังหวะที่เธอออกจากห้อง ผมก็จะออกด้วย แล้วตอนอยู่ในลิฟท์นี่ละ ผมจะเริ่มเลย หึหึหึ ไม่ใช่ลวนลามนะ คุยเฉยๆ -____-"

ผมตื่นเช้ามาก แต่งตัวรอ แสตนบายไว้ แต่กว่าจะเริ่มแผนได้ก็เกือบ ชม. จากที่ผมสังเกตทุกวันนี้เธอจะมีเรียนนะครับ เลยแน่ใจว่าเธอต้องออกมาแน่ แล้วพอมีเสียงก๊อกแก๊ก ใช่แล้วเธอออกมาแล้ว ผมทิ้งระยะแป๊บนึงก็ออกตามมา แล้วเราก็ยืนรอลิฟท์พร้อมกัน เป็นการรอที่วิเศษจริงๆ ยืนใกล้ๆ กัน ... คนอะไรหอมจัง ผมนึกในใจ ทำไมไม่คุยวะ คุยสิๆๆๆ แต่ตอนนั้นเหงื่อมันแตกพลักเต็มฝ่ามือแล้ว เหมือนเด็ก 15 เริ่มจีบผู้หญิงเลย ลิฟท์ก็ลงมาเรื่อยๆๆ จะมาถึงชั้นที่ผมรอแล้ว แล้วก็ไม่ได้คุย ลิฟท์มาซะก่อน แต่ยังมีโอกาสในลิฟท์ไง ในลิฟท์เพราะมีเพียงผมและเธอเท่านั้น
ตอนที่ประตูลิฟท์กำลังจะปิดนั่นเอง "รอป้าด้วยหนู" ป้าเมด มาทำไมเนี่ย ไอ้ครั้นเราจะรีบปิดลิฟท์ก็น่าเกลียด ป้าแกไม่ได้มาตัวเปล่านะ แกหิ้วถังน้ำมากับอุปกรณ์ทำความสะอาดสารพัดมาด้วย ตอนแกจะเข้าลิฟท์ทุลักทุเล พอสมควร ผมเลยช่วยแกยกถังน้ำเข้ามา

ป้าเมด : เหนื่อยเหลือเกินวันนี้ ไปทำงานกันเหรอเด็กๆ ?

ผม : ครับ

เธอยิ้มไม่ได้ตอบอะไรเพราะเธอยังไม่ทำงานนี่เองเลยไม่มีสิทธิ์ตอบคำถามนี้

แล้วบรรยากาศที่สดใสของผมก็ดับวูบ อุส่าห์เตรียมตัวแต่เช้าเจอสกัดดาวรุ่งเข้าไปซะนี่ ... ตอนลิฟท์ถึงชั้น G ป้าแกก็เริ่มขนของแกออก ผมก็ช่วยยกถังน้ำ ระหว่างที่กำลังยกนั่นเอง ประตูลิฟท์ก็หนีบ
ผม โอวแม่เจ้า ผมโดนลิฟท์หนีบต่อหน้าสุดที่รักของผม ไอ้เจ็บหน่ะ ไม่เท่าไหร่หรอกแต่อายนี่ซิ เพราะลิฟท์แม่งหนีบหัว Y___Y
เธอคงตกใจเลยรีบกดปุ่มเปิดประตูให้ พร้อมกับประโยคที่ว่า

เธอ : เป็นอะไรหรือเปล่าค๊ะ ?

ผมกำลังจะตอบ ป้าแกก็ถามบ้าง

ป้าเมด : เป็นอะไรไหมหนู

ผม : อ่อ ผมไม่เป็นอะไรครับป้า (คำตอบผมเลยกลายเป็นของป้าเค้าไป)

เธอเลยช่วยอีกแรงยกของให้ป้า น้ำใจเธองดงามยิ่งนัก แล้วเราก็แยกจากกัน ดีใจลึกๆ อย่างน้อยเธอก็คุยกับเราแล้ว

วันนั้นหากคุณบังเอิญอยู่ที่คอนโดเดียวกับผม แล้วเห็นผู้ชายคนนึง พยายามถูกลิฟท์หนีบ ไม่ต้องสงสัยว่าใคร เค้าคือผมเอง 555+

ตอนนี้อะไรๆ ก็กำลังไปได้สวย หากเจอเธออีกครั้งเราก็มีสิทธิ์ยิ้มให้ได้แล้วซิ เธอเห็นหน้าผมคงจำได้ "อ๋อ ไอ้ลิฟท์หนีบนี่เอง" เธออาจคิดในใจแบบนี้ แล้ววันของผมก็มาถึง ในอีก 2 วันถัดมา

คงเป็นจังหวะที่ดีเฮือกสุดท้าย ของคนเบญจเพศอย่างผม
เพราะผมเจอเธอแทบทุกครั้ง ที่ออกจากห้อง แต่ไม่ได้เจอะแบบจังๆ เหมือนเมื่อ 2 วันก่อน ... วันนี้ก็เช่นกันตอนผมกลับจากทำงาน นั่นเอง กำลังเอารถเข้าจอด เธอก็มาด้วยเช่นกัน ผมเห็นเธอ พระเจ้าให้โอกาสผมอีกครั้งแล้ว วันนี้ละ พี่ลิฟท์จะไม่ยอมปล่อยอาม่าไปไหนหรอก ฮ๊า ๆ ๆ !!

วันนี้อารมณ์ปอดแหกของผมหายไปหมดแล้ว ไม่รู้ทำไมทำตัวได้ธรรมชาติมาก อาจเป็นเพราะเธอเริ่มจำหน้าผมได้แล้วมั้ง ตอนลงจากที่ลานจอดรถ ยังไงก็ต้องเดินลงตรงบันใดเดียวกันเพื่อมาที่ชั้น G ผมเลยได้โอกาส หันไปยิ้มให้เธอ แต่เธอทำหน้างงๆ ไม่มีอาการอะไรกลับมา ... ซวยละสิ หรือเธอหยิ่ง แต่สักพัก เธอก็เดินเข้ามาไกล้ๆ ผม ... ผมตอนนั้นเหมือนกำลังประกวดนางงามเลยครับ ผมยิ้มค้างไว้ เพราะไม่รุ้เธอจะเอายังไง ในใจก็นึก "จะเอาไงกับกูว๊าา"

เธอ : อ๋อ พี่นั่นเอง พอดีหนูมองไม่ค่อยชัด

เธอพูดกับผมแล้ว สุดยอดเลยครับ บรรยายความรู้สึกไม่ถูก

ผม : อ่าา เอ่อ ครับๆ พี่เอง (ผมยังยิ้มค้างไว้อยู่)

เธอ : คือวันนี้หนูไม่ได้ใส่คอนแทคนะค่ะ แว่นอยู่ในกระเป๋า

อ้อ มองเราไม่เห็นนี่เอง

ผม : นี่เรียนที่ ตู๊ด ตู๊ด (เซ็นเซอร์) เหรอ ?

เธอ : ใช่คะ

ผม : จริงสิ ผมก็จบจากที่นี่เหมือนกัน

เธอ : พี่รหัสเท่าไหร่คะ แล้วเรียนคณะอะไรหรอ ?

ผม : ผมรหัส ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด จบคณะ ตู๊ด ตู๊ด

เธอ : เหรอคะ เอ๊ะแบบนี้ตอนปี 1 พี่ก็ปี 4 นะสิ ?

จริงด้วยเราเดาไว้ถูกเผง ว่าเธอเป็นรุ่นน้องเรา 3 ปี

ผม : แล้วน้องเรียนคณะอะไรเหรอ ?

เธอ : คณะ ตู๊ด ตู๊ด ค่ะ

แล้วเราก็เดินไปคุยไปสัพเพเหระ จนจะแยกจากกัน เหมือนผมส่งเธอถึงหน้าห้องเลย แต่ป่าวหรอก ห้องเยื้องกันนิ แล้วสิ่งที่ผมลืมสนิทเลยก็คือ ผมไม่ได้แนะนำตัว และไม่ได้ถามชื่อเธอ ก่อนที่เธอกำลังจะปิดประตู ผมเลยรีบออกมาเพื่อถามชื่อเธอ

ผม : โทษที พี่ชื่อพี่นัทนะ จะให้เรียกน้องว่า
เธอ : นัท ( เธอทวนซ้ำ )
ผม : ครับ พี่ชื่อนัท
เธอ : ชื่อนัทค่ะ ... ชื่อเหมือนกัน ^^

แล้วเธอก็ปิดประตู ... โอ๊ะโอ ชื่อเหมือนกัน เป็นเรื่องมหัศจรรย์อีกเรื่องของผมเลยละ คนที่ผมแอบชอบชื่อเดียวกันกับผม !!

คืนนั้นเป็นคืนที่หลับสนิทที่สุดในรอบ อาทิตย์ที่ผ่านมา ....
วันนี้ผมตื่นมาด้วยอารมณ์สดใสอย่าบอกใคร ตื่นเช้ายังไม่ได้ลุกจากเตียง นอนเขิลไปเขิลมาคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแล้ว เฮ้อ ยิ้มไม่หุบจริงๆ อ๊ะ ใช่ๆ ... ลืมไป เช้ามาต้องเช็คก่อนว่าไปไหนหรือเปล่า ห้องไม่ได้ล็อคนี่นา ไม่ไปไหน จริงๆ ด้วยละ ตอนนี้ผมเหมือนพวกโรคจิต ประเภทถ้ำมองไปแล้ว ฮะ ฮะ ฮะ ^^"



ชิงโจว
#3   ชิงโจว    [ 06-11-2012 - 02:44:35 ]

ตอนนี้แผนแรกของผมก็สำเร็จไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็สร้างความสนิทสนมกับเธอ แต่ไอ้ครั้นจะรุกมากๆ ก็ไม่งามต้องทนเฉยๆ ไปก่อนซักระยะถึงแม้ในใจจะบ้าตาย ก็กะว่าหากเจออีกทีอาจจะลองพูดๆ เล่นชวนไปกินข้าวมื้อเย็นอะไรแบบนี้ แต่วันนั้นทั้งวันผมก็ไม่ได้เจอเธอ จนตกเย็นประมาณ 3 ทุ่ม เนื่องจากมีข้าวเหลือนิดหน่อย ผมเลยเอาลงไปให้น้องหมาที่ข้างล่าง น้องหมาก็ระริกระรี้ตามเคย เพราะได้กินข้าวแล้วนี่ ตอนนี้มีทั้งหมด 8 ตัวแล้ว แม่ 2 ลูก 6 ไม่ต้องไปซื้อสวยๆ มาเลี้ยง หมาไทยแท้ๆ แบบนี้ละ ผมว่าน่ารักดี เนื่องจากผมต้องเฝ้าน้องหมากินข้าวหากไม่เฝ้า จะมีพี่หมาใจใหญ่มาแย่งไปกินทุกที ไม่เฝ้าเปล่านะ มีพูดกับน้องหมาด้วย ผมพูดกับมันได้นะ แต่มันเข้าใจหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้ ระหว่างที่กำลังดูน้องหมากินข้าวอยู่นั่นก็มีเสียงดังจากข้างหลัง ...
"แค่นั้นจะอิ่มเหรอค่ะ" เสียงนี้ๆ ชัวร์เลยผมหันไปยิ้ม วันนี้เธออยู่ในชุดกางเกงขาสั้น เสื้อสีขาว น่ารักมากเลย ^__^

ผม : อ้าน้องนัท นั่นเอง

เธอไม่ได้มาตัวเปล่านะ ถือกะละมังใส่ข้าวอันใหญ่มาด้วย แล้วดูกับข้าว ของเธอสิ น่ากินมากเลย อย่าหาว่าผมแย่งหมาเลยนะ มันมีไส้กรอกด้วยละ เป็นข้าวหมาไฮโซจริงๆ หลังจากที่ผมดูอยู่นานก่อนที่จะเริ่มหิว เธอก็เอาไปให้น้องหมา น้องหมาผมจากที่กินของผมอยู่นั้น ด้วยความภักดี มันย้ายไปกินข้างหมาไฮโซของเธอหมดเลย 5555+ ข้าวของผมกลายเป็นข้าวหมาหัวเน่าไปเลย ชิส์ ๆๆๆ

เธอ : พี่นัทเอามาให้มันบ่อยนะ นัทเห็น

เธอเห็น ... เธอเห็นผม แสดงว่าตลอด 2 เดือนเธอเห็นผม !?

ผม : ก็อยู่ตัวคนเดียว ซื้อไรมาทีก็เหลือบ่อยละ

เธอ : ที่บ้านนัทเลี้ยงมากกว่านี้อีก

ผม : บ้านพี่ก็เลี้ยง แต่ช่วงหลังเทรนแมวมาแรง แม่บอกแบบนั้น เลยมีแมวมากกว่าหมา ฮ่าๆ

เธอ : แล้ววันนี้ไม่ทำงานเหรอคะ เนี่ย

ผมเลยถือโอกาสบอกเรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับงานซะยาวเลย

เธอ : แบบนี้พี่นัทก็ว่างเยอะนะซิ !?

ผม : ใช่แล้วละ บางอาทิตย์ก็ไม่ได้ไปไหนเลย ว่างจัด เบื่อๆ เหมือนกัน

เธอ : ดีจัง อยากเรียนจบแล้วอิสระ แบบนี้บ้างจัง

ผมยิ้มไม่ได้พูดอะไรตอบไป ... เรานั่งคุยกันอยู่อีกนานมาก คงราวๆ 30 นาทีได้ วันนี้ทำให้ผมได้รู้อะไรเกี่ยวกับเธอมากขึ้น
รวมถึงการได้ตั้งชื่อหมาด้วยกัน สุขอย่าบอกใครละคุณเอ้ย

ผมแอบมองเธอ ตอนเธอเล่นกับน้องหมา อยู่หลายครั้ง เธอไม่ได้รวบผม ผมยาวของเธอตกลงมา เป็นภาพที่สวยงามจริงๆ ตอนนี้เธอก็ดูมีความสุขดีแล้วเหตุการณ์ที่เธอร้องไห้ในวันนั้นละ ผมยังไม่ลืม แต่ผมคิดว่ายังไม่สมควรที่จะถาม เพราะระยะห่างของผมกับเธอยังมากกว่า 1 เมตรอยู่ดี ...

หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของผมก็เหมือนเดิม คือหากเจอกันก็ได้
คุยกัน ไม่เจอก็คือไม่เจอ ผมพอใจในความสัมพันธ์แบบนี้อยู่ 2 อาทิตย์ แต่ปล่อยไว้อาจเริ่มไม่ดีแล้ว เพราะมีเด็กนักศึกษามาตามจีบเธอ ไอ้เราก็ไม่ชอบใจซักเท่าไหร่หรอก ทำงี้มันหยามรุ่นพี่เกินไป แบบนี้ต้องงัดข้อกันหน่อย มีอยู่วันนึงตอนผมลงมาซื้อของ

เด็กเวร : พี่ๆ พี่รู้จักห้อง ตู๊ด ตู๊ด ป่ะ เค้าชื่ออะไรเหรอ

มันกระตุกหนวดเสือ มันถามผม !!!

ผม : ห้องนั้นเหรอ ไม่รู้ซิ ถามเค้าเองไม่ดีกว่าเหรอ (เรื่องไรจะบอก ชิส์)

เด็กเวร : ผมเคยถามแล้วแต่เค้าไม่บอก ... พี่ ผมเห็นพี่คุยกับเค้านี่

โอ้วโห ... ข้อมูลมันแน่นปึ๊กเลย !!

เด็กเวร : พี่ช่วยผมหน่อยนะ เอานี่พี่ผมซื้อหนมมาฝาก

อ๊ะ มีหนมอย่างงี้ค่อยว่าง่ายหน่อย ถุ๊ยยย อย่าเห็นแก่กิน -___-"

เด็กเวร : ผมมี 2 กล่อง ... อะผมให้พี่ 1 กล่อง อีกกล่องพี่ช่วยเอาไปให้เค้าหน่อยนะ

ผม : แล้วจะให้พี่บอกว่าใครให้ละ เดี๋ยวเค้างง

เด็กเวร : บอกว่าเอกนะครับ เอกที่อยู่คณะ ตู๊ด ตู๊ด ที่เจอกันเมื่อวานซืนนะ เธอคงจำได้ ... อย่าลืมนะพี่ ขอบคุณครับ _^/\^_

คืนนั้นผมเลยได้กินขนมฟรี 2 กล่อง คิดเหรอว่าจะเอาไปให้ ผมไม่ใช่พระเอกนะ ฮ๊า ฮ๊า ฮ๊า !!! (หัวเราะแบบตัวโกงในละคร) แต่รู้สึกผิดเล็กๆ เหมือนกัน ที่ไปกินของเค้า -___-"
แล้วมันใส่ ยาสเน่ห์บ้างหรือเปล่าเนี่ย เดี๋ยวเช้ามาเห็นแต่หน้าไอ้หมอนี่แทนน้องนัทละ ซวยเลย !!

เหตุการณ์ของเด็กเวร ที่มาตามตื้อน้องนัทของผมนั้นก็ดำเนินต่อไป ท่ามกลางความระแวงของผม น้องเอกแกหน้าตาดีในขั้นโคม่าเลยละ คงมีสาวในคอนโทรลเยอะ มีอยู่วันนึงตอนที่ผมกำลังจะออกไปทำงาน พอดีจ๊ะกะน้องนัทที่ชั้นล่าง เห็นเธอรีบๆ ผมก็สงสัย อ๋อ ไอ้เด็กเวร มันตามมาอีกแล้ว หมอนี่ตื้อพยายาม จะมาส่งน้องเค้าที่ห้องนะ เธอเห็นผมเลยเดินเข้ามาทัก

เธอ : พี่นัท กำลังจะไปไหนค๊ะ

เสียงหวานเหมือนเคย

ผม : กำลังจะไปทำงานหน่ะจ๊ะ (หลังๆ ผมออก จ๊ะจ๋า แล้วนะคุณ)

แล้วน้องเอกตัวมารก็เข้ามา

เด็กเวร : นัทรอเอกด้วย ... อ้อ พี่คนนี้นี่เอง

มันสืบจนได้ชื่อมาแล้ว แล้งน้องเอกก็พูดอะไรไปไม่รู้นานมาก น้องนัทคนดีของผมก็ยืนฟัง ไม่พูดอะไร ผมเลยเห็นว่าอย่าไปยุ่งเลย เพราะดูท่าทางเธอคงไม่ชอบหมอนี่เท่าไหร่ ผมเลยเดินออกมา แต่รักษาระยะที่แอบฟังได้ไว้ ลึกๆ ยังห่วงอยู่ ผมเดินมาถึงระยะ
ที่เธอไม่เห็นผม (หลบมุม ๆ)

เธอ : เราบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอย่ามาตามเรา
เด็กเวร : เราแค่อยากมาส่งเธอนะ (ดูๆ มันทำเสียงอ้อน)
เธอ : เราบอกว่าไม่ชอบก็คือไม่ชอบ เข้าใจใหม

ผมไม่เคยเห็นเธอเยือกเย็น มีรังสีอำมหิตมากขนาดนี้มาก่อนเลย ตอนนี้น้องเอกเริ่มหน้าเศร้า แล้วประโยคที่ออก จากปากมันมา ทำให้เรื่องราวที่ผมสงสัยก็เริ่มเชื่อมโยงกัน

เด็กเวร : เราพอจะรู้แล้วล่ะ ว่านัทไม่เคยลืมพี่บอลเลยใช่ไหม ?

เหมือนฟ้าผ่าเลยคุณประโยคนี้ ผมไม่น่ามาดักฟังเลย แล้วน้องเอกก็เดินจากไป พร้อมทิ้งปริศนาไว้ให้ผม เวรจนหยดสุดท้ายจริงๆ

และตั้งแต่วันนั้นมา ผมก็ไม่เห็นน้องเอกอีกเลย คงยอมไปแล้ว แต่ มันชื่อบอล มันชื่อบอล ฮึ่มๆ คนนี้ละพระเอกของเธอ และศัตรูตัวฉกาจของผมตัวจริง

ผมไปทำงาน อีกวันที่เป็นวันไร้สมอง ประชุมไปก็นั่งเป็น สิ่งของ
ที่ไม่มีส่วนร่วมจริงๆ

ผมลืมบอกไปตลอดเวลาที่ผมเจอเธอ ผมมีเพื่อนที่คอยวางแผนและช่วยมาตลอด ไม่รอช้าหลังประชุมเสร็จผมเลยโทรไปหามัน คุยกะมัน เพื่อนผมมันขาเชียร์อยู่แล้ว เลยบอกว่า

เพื่อน : ไม่มีใครไม่มีอดีตหรอก ขนาดเอ็งเอง ยังมีแฟนมาแล้วเลย ขึ้นอยู่กับวันนี้เท่านั้น ว่าเอ็งจะทำให้เค้าลืมไอ้หมอนั่นได้หรือเปล่า



ชิงโจว
#4   ชิงโจว    [ 06-11-2012 - 02:44:59 ]

ฟังเพื่อนพูดทำให้ผมฮึดขึ้นมาอีกครั้ง ... เอาวะ ผมนี่ล่ะ จะมาลบอดีตเอง แล้วตัวโกงก็เริ่มแผนต่อไป ฮ่าาา !!

ก่อนกลับบ้านผมแวะร้านฮาร์ดแวร์ คุณคงเดาออก ผมไปซื้อฝักบัวครับ จะเอาไปให้เธอ เพราะไอ้อันที่ผมแอบเปลี่ยนน้ำมันจะไม่ค่อยแรง เลือกสีที่ผมชอบด้วยละ เมื่อซื้อของพร้อมก็ขับรถกลับมา เปลี่ยนชุดอะไรเรียบร้อยแล้วก็ตรงไปห้องเธอเลย เป็นครั้งแรกที่ผมเคาะประตูห้องเธอ รอซักพักเธอก็มาเปิด

เธอ : พี่นัทมีอะไรค่ะ ?
ผม : คือพี่ซื้อนี่มาให้นะ ...
เธอ : แล้วพี่รู้ได้ไงว่าฝักบัวเสียละ
ผม : ก็เห็นวันนั้นนัทพูดกับยามหน่ะ
เธอ : ค่ะ ... ขอบคุณมากๆ นะคะ ว่าแต่เท่าไหร่หรอค๊ะ ?
ผม : ไม่ต้องหรอกจ้า ขอกันกินมากกว่านี้ ^__^
เธอ : จริงๆ นัทก็ซื้อมาแล้วแต่ทำไม่เป็นหน่ะ ช่างไม่ยอมมาทำให้
ผม : เอ้อ ... คือพี่ทำได้นะ

เธอนิ่งไปแป๊บนึง เหมือนลังเล ใครจะยอมให้ผู้ชายเข้าห้องละ จริงๆ แผนผมในวันนี้คือ เข้าไปดูร่องรอยอดีตเธอนะ เช่นรูปถ่ายเธอกับแฟน อาจมีตั้งไว้ที่เตียง เธอลังเลก่อนบอกว่า ให้ผมรอสักครู่ ซัก 5 นาทีเธอก็กลับมา เปิดประตูบอก

เธอ : จัดห้องแล้วค่ะ เมื่อกี้ไม่เรียบร้อย เชิญค่ะ

สำเร็จ แต่ผู้ต้องสงสัยทำลายหลักฐานซะก่อนหรือเปล่าผมไม่รู้นะ แต่เท่าที่ดู ไม่มีอะไรที่บอกว่าเจ้าของห้องมีแฟนเลย ก็ใจชื้นขึ้นระดับนึง ระหว่างที่ผมกำลังทำฝักบัวให้เธอนั้น เธอก็พยายามมาช่วย แต่ซ่อมฝักบัวนะจ๊ะ ไม่ใช่สร้างบ้าน ทำแป๊บเดียวก็เสร็จ

ผม : เสร็จละ
เธอ : อ้าวพี่นัทเปียกเลย

จริงๆ ไม่เปียกหรอก ผมเอาน้ำมาฉีดตัวเองตะหากละ ก็ผมมันตัวโกงนี่ ฮ๊า ฮ๊า ฮ๊า !!!

ผม : ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวกลับไปเปลี่ยนได้จ้า

เธอยิ้ม แล้วเธอก็เอาน้ำกับขนมมาให้ผมกินเป็นการขอบคุณ ผมอยู่ได้ไม่นานเพราะชักจะหนาว เลยขอตัวกลับก่อน เธอมาส่งผมที่ประตูห้อง ผมก็เดินไปที่ประตูผม ก่อนที่ผมจะปิดประตู

เธอ : ขอบคุณมากๆ นะคะ

ผมยิ้มอย่างมีความสุข

เธอ : เอ้อ พี่นัทเบอร์มือถือเบอร์ไรอะ

ตั้งแต่เจอกันผมไม่เคยขอเบอร์เธอเลย และไม่เคยออกอาการ
ว่าจะจีบเธอ นี่อาจทำให้เธอไว้ใจผมก็ได้ ... และด้วยความเขิลอายของผม " ตู๊ดตู๊ดตู๊ด - ตู๊ดตู๊ดตู๊ด - ตู๊ดตู๊ดตู๊ดตู๊ด " ครับ

เธอ : ขอบคุณค่ะ

แล้วเธอก็ปิดประตูไป ผมยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อีกแป๊บก็กลับมาเปลี่ยนเสื้อ ... บรึ๋ยยย หน๋าววววว ~!

วันนั้นผมเข้านอนเร็วเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน ในใจก็นึกให้เบอร์ไปแล้วก็โทรมาสิ คนดีๆๆๆ แต่ก็ยังเงียบ เอาไปทำสเน่ห์หรือไงฟะ

เหตุการณ์เมื่อวานทำให้จิตใจผมสงบลงได้เยอะ เพราะมองจากเหตุผลแล้ว ตลอดเวลา 3 เดือนที่เรารู้จักกัน ผมไม่เคยเห็นเธอไปกับใคร หากไม่เข้าข้างตัวเอง ผมนี่ละที่ไกล้ชิดเธอที่สุด ผมเลยลืมเรื่องของไอ้หมอนั่นไปสนิท

แล้วก่อนเที่ยงก็มีข้อความ ส่งเข้ามาที่มือถือของผม

"ตื่นได้แล้ว จะนอนไปถึงไหน /อาม่า"

อ้า ... ผมลืมบอกไป หากเราหยอกล้อกัน เราจะเรียกฉายากัน ผมเรียกเธออาม่า เธอเรียกผม พี่ลิฟท์ ซวยโคตรเลยตู

"ตื่นตั้งแต่ไก่โห่ ก่อนหล่อนอีก แล้ววันนี้ไม่ไปไหนเหรอ/พี่ลิฟท์"

เนื่องจากวันนี้วันเสาร์นะครับ เธอคงว่าง ปกติเธอจะกลับบ้านที่เยาวราช วันนี้ไม่กลับ สงสัยไม่ปกติ

"ยังไม่รู้เลย พี่ลิฟท์ละ"

ยังไม่รู้เหมือนบอกเป็นนัยๆ ว่าว่าง อิ____อิ

"หรอ ... น้องนัท งั้นไปดูหนังด้วยกันเป็นไงจ๊ะ"

ผมแหย่เล่นๆ ไปงั้นแหละ แต่เธอเงียบไปเลย ไม่ยอมส่งกลับมา ซวยแล้ว โกรธหรือเปล่า ไม่น่าไปส่งข้อความเกินเลยแบบนั้นเลย เธอเงียบไปเลยครับ ผมละไม่กล้าส่งไปอีกที เริ่มหมดหวังแล้ว

แต่ว่า ฮะ ฮะ ฮะ ^__^

"แต่งตัวเสร็จแล้ว อย่าโอ้เอ้ เร็วๆ/อาม่า"

สำเร็จ เดทแรกของผมและเธอ เราเลยไปกินข้าวดูหนังกัน น้องนัทในชุด เสื้อยืด กางเกงยีนส์ น่ารักมากเลย เฮ้อ ไม่คิด เลยว่าผมจะมีวันนี้ หนังวันนั้นก็สนุกมากเลย โชคดีที่เราสองคนมีรสนิยมดูหนังน่ากลัวๆ คล้ายๆกัน แต่เธอปิดตาตลอดเรื่องแล้วยังจะมาบอกว่าชอบอีก แล้วก็ไปเดินซื้อของซักแป๊บก็กลับกัน

วันนี้ผมขับรถของผมไปกับเธอนะครับ แต่เธอบอกว่าวันนี้ตอนค่ำต้องกลับบ้าน แต่เนื่องจากรถเธออยู่ที่คอนโดผมเลยได้ที

ผม : เอางี้ไหมหละ พี่นัทขับไปก็ส่งได้

เธอ : แล้วพรุ่งนี้นัทจะกลับมายังไงอะ ?

ผม : ก็พรุ่งนี้เดี๋ยวพี่มารับไง (เข้าทางพี่นัทเค้าละครับ อิ___อิ)

เธอ : ไม่ดีกว่า พี่นัทเหนื่อยแย่ ไหนต้องทำงานอีก

ผม : เอ๊ เยาวราชๆๆ อ้อ ขึ้นทางด่วนตรงนี้ (ไอ้คนขับไม่ได้สนใจ

เลย จะไปส่งท่าเดียว เธอก็คงตกกระไดพลอยโจนไปแล้ว เลยไม่ได้ปฏิเสธ

บ้านเธออย่างกะวัง ผมไม่ได้เข้าไปหรอก ส่งแค่ประตูบ้าน อยู่เลย เยาวราชไปหน่อย เรียกไม่ถูก แต่จำทางแม่นเลย

เธอ : ขอบคุณมากค่ะ จะเข้าไปเล่นกะลูกๆก่อนไหม (เธอหมายถึงหมาเธอนะครับ)

ผม : ไม่ดีกว่า ไว้วันหลังดีกว่านะ แล้วพรุ่งนี้จะให้พี่มารับกี่โมง (ผมยังเกรงๆ กับบ้านเธออยู่)

เธอ : อ้อไม่เป็นไรมั้งค่ะ เดี๋ยวให้คนขับรถไปส่งดีกว่า เดี๋ยวไปถึงแล้วจะไปเคาะกวนประสาทนะ ^^

ผม : จ้า ^^

วันนี้กลับห้องมา ห้องเธอล็อคแต่รู้สึกดีพิกล เป็นอีกวันทีชีวิตมีความหมายมาก เธอกลับมาตอนบ่ายแก่ๆ ของอีกวัน วันนั้นฝนตก เธอมาเคาะและบอกว่ากลับมาแล้ว ก่อนกลับเข้าห้องไป หลังจากวันนั้นผมและเธอก็สนิทกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ผมเองก็ไม่กล้าที่จะถามถึงความสัมพันท์ เพราะ กลัวจะเสียเธอไป หากปล่อยแบบนี้อย่างน้อยเธอยังไม่ไปไหน อีกเหตุผลหนึ่งคือ เธอจะรักษาระยะห่างได้ดีมาก ถึงแม้เราจะไปเที่ยวกัน ไปดูหนังฟังเพลง แต่เธอจะพยายามไม่พูดเรื่องความรัก คงมีอยู่ครั้งนึง เธอคงเผลอถามผมว่าเคยมีแฟนไหม แต่คงรู้ตัวเลยเปลี่ยนเรื่องไป

1 เดือนผ่านไปอย่างมีความสุขจริงๆ ก่อนพายุจะมา ทะเลมักนิ่งเสมอ ผมตื่นเช้าอีกวัน เพราะปัญหาเรื่องงานกว่าจะเคลียร์ได้ก็เกือบเที่ยง เธอไปเรียนแล้วก็กลับมาช่วงบ่าย ซื้อขนมมาฝากผมด้วย =)

ช่วงบ่ายนั่งทำงานไปได้สักพัก ก็มีคนมาเคาะห้องอ๊ะ เธอนั่นเอง

เธอ : วันนี้ตอนเย็นพี่นัท ว่างไหมอะ
ผม : ว่างครับ !!

ตอบเสียงดังแบบไม่ต้องคิดเลย ผุ้ชายพายเรือ

เธอ : งั้นออกไปเพื่อนนัทหน่อยนะ

ก็เพราะเสียงออดอ้อนแบบนี้ละ ที่ทำให้ผมไม่เคย ปฏิเสธเธอเลย แล้วประมาณช่วงเย็น ก็ออกไปกัน จุดหมายอยู่ที่สุขุมวิท ซอยตู๊ด ระหว่างทางที่ชับรถไปเธอแผ่รังสีอำมหิตอีกแล้ว หากเปรียบรถเป้นเตาอบ รังสีอำมหิตคือไมโครเวฟ ผมคงหอมกรุ่นน่ากินพอดี ไม่พูดจาเลย หรือเธอจะหลอกผมไปปล้น ก่อนที่จะเตลิดไปกว่านั้นเลยถามไปว่า นี่เราจะไปไหนกัน เธอไม่ตอบแต่ยิ้มๆ นิดๆ อ้อ คงจะพาเราไปทำให้ประหลาดใจแน่นอน ประหลาดใจจริงๆ ครับ ประหลาดใจยิ่งกว่าอะไรเลย

เธอจอดรถหน้าบ้านหลังหนึ่ง ผมว่าบ้านผมหนึ่งหลังเท่ากับห้องครัวบ้านหลังนี้ได้แล้ว เธอก็กดโทรศัพท์

เธอ : อยู่หน้าบ้านแล้ว

แล้วก็วางหูไป อีกซักแป๊บก็มีชายหนุ่มหล่อมากออกมา ผมเห็นปุ๊บจำมันได้ปั๊บ หมอนี่เรียนรุ่นเดียวกับผม มันดังมากสมัยเรียน

เธอ : พี่นัทรออยู่ในรถนะ

เธอลงไป แต่ตอนนั้น ถึงผมจะโง่หรือบ้าก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องออก หากผมจำไม่ผิดหมอนี่ละชื่อบอล ผมทำตัวไม่ถูกจริงๆ ตอนนั้นไอ้หมอนั่นมันมองมาในรถหลายครั้งเหมือนกัน เนื่องจากเสียงเพลงในรถดัง ผมเลยไม่รู้ว่าเค้าสองคนคุยอะไรกัน แต่ก็ดีที่ไม่ได้ยิน ผมอยากจะหนีไปให้ไกลจริงๆ หากทำได้ตอนนั้น แต่จะทิ้งเธอไปก็ไม่ได้ เพราะหลังจากนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งสองคนคุยกันประมาณ 10 นาที แล้วเธอก็ร้องไห้ ยืนนิ่งแล้วร้องไห้ ไอ้หมอนั้นก็มองหน้าผม อยากจะออกไปตั๊นหน้ามันมาก แต่ผมรุ้ตัวดีว่าผมเป็นเพียงคนอื่นไกลของคนทั้งคู่ สักครู่เธอกลับเข้ามาในรถ

เธอ : ไปเถอะ

ผมต้องมาขับรถให้ เพราะหากปล่อยให้เธอขับอาจเป็นอันตรายได้
ระหว่างทางกลับเธอเงียบและไม่พูดอะไรเลย ส่วนผมก็ไม่มีอะไรจะพูดเหมือนกัน ถึงแม้จะมีคำถามมากมายแต่ถามไปก็เท่านั้นผมรู้เพียงว่าหน้าที่สุดท้ายของผมคือพาเธอไปส่งที่คอนโด ประโยคเดียวที่ผมพูดคือ

ผม : อย่าคิดมาก เดี๋ยวก็ต้องเคลียร์กันได้

เธอเงียบ ... ไม่ได้ตอบอะไร พอจอดรถเสร็จแล้ว ผมบอกให้เธอขึ้นไปก่อน ผมจะเอาขนมไปให้น้องหมา แล้วผมก็มานั่งให้ขนมน้องหมา น้องหมาระริกระรี้ได้ไม่นานเหมือนจะรู้ว่า ผมผิดปกติ
ซักพักมันก็มานอนไกล้ผม อีกไม่นานผมก็คงเป็นหมาหัวเน่าเหมือนกับน้องหมาเหล่านี้ ผมไม่รู้ว่าผมนั่งอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ผมไม่มีที่จะไปจริงๆ แล้วซักพักเธอก็ลงมาหาผมอีกครั้ง แล้วมานั่งไกล้ผม

เธอ : ขอบคุณพี่นัทมากนะคะ วันนี้

เสียงเธอแหบ ตาเธอบวม

ผม : ไม่เป็นไรหรอกจ้า ยังไงนัทก็ยังมีพี่ชายคนนี้เสมอนะ

เอ้อ เอาเข้าไป ไม่ได้อยากเป็นพี่ชายเลย ก็เพราะเป็นคนแบบนี้นี่ละ ชีวิตเลยไม่รุ่ง

ผม : เดี๋ยวก็เคลียร์กันได้ อย่าคิดมากนะคนดี

เธอหันมาแล้วยิ้มนิดๆ ก่อนจะเงียบไปอีก แค่ทำให้เธอยิ้มได้ ผมก็ดีใจแล้ว เกือบๆ เที่ยงคืนเธอจึงขึ้นไปนอน เพราะพรุ่งนี้มีเรียน
ส่วนผมนั่งอยู่แป๊บก็ออกไปกินเหล้ากับเพื่อน เหล้าไม่ใช่การแก้ปัญหา แต่บางครั้ง เราก็ต้องการลืมปัญหาแม้มันจะเพียงครึ่งคืนก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันกัดกินจิตใจเราต่อไป

หลังจากนั้น 3 วันผมไม่ได้คุยกับเธอเลยส่วนหนึ่งก็เพราะผมต้องการหลบหน้าเธอ ไม่มีข้อความจากเธอ ก็ในเมื่อเค้า คืนดีกันแล้วผู้ร้ายอย่างผมก็ต้องไปซักที ห้องเยื้องกันจากที่เคย เป็นสวรรค์ ตอนนี้ยิ่งกว่านรกอีก



ชิงโจว
#5   ชิงโจว    [ 06-11-2012 - 02:45:28 ]

เย็นวันนั้นตอนผมกลับมาจากทำงาน ตอนออกจากลิฟท์เพื่อเข้า
ห้องก็เจอเรื่องร้ายๆ ตอกย้ำอีกครั้ง หมอนั่นมาหาเธอที่ห้อง
ยืนคุยกันอยู่หน้าห้อง เนื่องจากผมเดินเลี้ยวเข้ามาเลยไม่รู้ตัวก่อน
ไม่งั้นผมคงไม่เอาตัวเองไปอยู่ที่ตรงนั้นเด็ดขาด
และคนทั้งคู่ก็เห็นผมแล้ว ก็ไม่รู้ทำอย่างไรจะกลับไปก็ไม่ได้
เลยเดินก้มหน้า ไม่ได้มองไปทางทั้งคู่และก็เข้าห้องไป เข้ามาถึง
ห้องก็เปิดเพลงดังๆ เพื่อกลบเสียงที่เราเคยอยากได้ยิน เสียงที่เรา
คิดว่าเป็นเสียงที่เพราะที่สุด ลูกผู้ชายอย่างผมน้ำตาคลอเบ้าก็หนนี้
ละ หลายครั้งที่เพื่อนผู้ชายร้องไห้ ผมไม่เข้าใจหรอกว่าอะไรจะรัก
กันขนาดนั้น วันนี้ผมเข้าใจจริงๆ

ผมเสียใจกับเหตุการณ์ต่อไปอีก 3 วัน เธอก็เงียบหายไป
งานการก็ไม่ได้ทำ พอดีวันนี้นั่งเช็คเมล์ ผมมีเพื่อนสนิทที่อยู่แก๊งเดียวกันแต่ตอนนี้ไปทำธุรกิจอยู่ที่ภูเก็ต เราเมล์คุยกันตลอด
ผมอ่านเมล์ฉบับล่าสุด ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่า ผมควรจะหลบไปไหนดี หันไปมองเป้ใบเก่ง รองเท้าผ้าใบคู่เก่าทุกอย่างพร้อม โทรไปเลื่อนนัดเกี่ยวกับงาน พร้อมฝากความรับผิดชอบให้น้องที่บริษัท โทรไปจองตั๋ว เย็นวันนั้นผมก็ถึงสนามบินภูเก็ตเพื่อนมารับ แต่ผมไม่ได้บอกเพื่อนว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงมา ตั้งใจว่าจะมาพักร้อนซัก 2 อาทิตย์

ผมมาที่นี่ครั้งสุดท้ายเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นมาดำน้ำกันกับเพื่อนในกลุ่ม 5 คน เพื่อนผมคนนึงชื่อหนึ่ง มันติดใจเลยขอเงินพ่อแม่ไปเรียนจนได้ license ดำไปดำมาเลยได้เปิดร้านดำน้ำที่ภูเก็ต เปิดมาได้เกือบปีแล้วทุกอย่างกำลังจะไปได้สวย ตอนที่หนึ่งจะเปิดร้านดำน้ำ เคยชวนผมลงหุ้นด้วยแต่เนื่องจากผมไม่ถนัดและจบทาง IT เลยไม่ได้ทำด้วยกัน แต่วันนี้หุ้นส่วนคนนึงกำลังจะถอนหุ้นไป ทำให้ร้านเกิดปัญหา เพราะต้นทุนเรื่องพวกนี้สูง หากไม่ทันก่อนไฮซีซันนี้ ธุรกิจก็มีปัญหาแน่ หนึ่งเลยชวนผมอีกครั้ง ครั้งนี้ผมเริ่มลังเล เพราะผมชอบทะเล ถึงแม้จะไม่สามารถคาดหวังกับรายได้
แต่ผมคิดว่ามันหล่อเลี้ยงจิตใจได้ดีทีเดียว ผมมาคราวนี้ พอเพื่อนๆ รู้ข่าวก็ตามลงมา อีก 2 คนพวกเราเลยได้ไปดำน้ำกันอีกครั้ง สนุกมาก เสียดายจังที่บัดดี้ที่ดำเป็นเพื่อน หากเป็นเธอ ปลาการ์ตูนที่ว่าสวยยังชิดซ้าย ขนาดดำน้ำยังคิดถึงได้ ตั้งใจว่าจะไม่ คิดถึงแล้วเชียว

อยู่ภูเก็ตได้ 10 วันตกลงกับหนึ่งว่าจะไปเคีลยร์เรื่องที่กรุงเทพแล้วจะให้คำตอบภายใน เดือนนี้พอดีกับที่น้องที่ออฟฟิซโทรมาตามว่างานมีปัญหาผมเลยต้องกลับเร็วกว่ากำหนด 3 วัน ... 11 วันที่ไม่ได้เจอ เธอโทรหาผมหลายครั้ง แต่ผมให้เพื่อนรับแล้วบอกว่า
เจ้าของเบอร์ไม่ได้ชื่อนี้ เธอเลยไม่โทรมาอีกเลย

กลับมาถึงกรุงเทพรู้สึกดีขึ้นกว่าก่อนไป ส่วนหนึ่งเพราะได้
คุยกับเพื่อนด้วย ผมเข้าคอนโดอย่างกับขโมย ไขกุญแจห้อง
ด้วยความเงียบเพราะไม่อยากให้เธอรู้ว่าผมกลับมาแล้ว
ถึงผมกลับมาหรือจากไปมันก็คงไม่สำคัญอีกแล้วสำหรับเธอ

กลับมาถึงก็ต้องออกไปทำงานเลย เธอไม่รู้ตัวผมหลบหน้า
ต่อได้อีก 1 วันแต่ตอนที่ผมกลับมาจากทำงานนี่ซิ
ตอนที่กำลังไขกุญแจนั่นเอง เธอคงรู้ตัวและเปิดประตูออกมา

เธอ : พี่นัท

ผมตกใจ แต่คิดอีกทีเราไม่ได้ทำผิดนี่ ได้ยินแต่ก็ไม่ตอบ มุมานะไขกุญแจต่อไป

เธอ : พี่นัท (เสียงเริ่มเข้มขึ้น)

ผม : อืมม ว่าไง (ตอนนี้รังสีของทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าใส่กัน)

เธอ : ขอคุยด้วยหน่อย

เธอขอเข้ามาคุยที่ห้องของผม ...

ผม : มีอะไรก็ว่ามา (ทำเป็นไม่แคร์)

เธอ : ไปไหนมา !?

สนใจด้วยเหรอ ผมตัดพ้อในใจ

ผม : อ้อ พี่ไปติดต่อธุรกิจมานะ

เธอ : ไปเป็นอาทิตย์เนี่ยนะ

ผม : ก็แวะไปเที่ยวกับเพื่อนนิดหน่อย พอดีรีบๆ ไม่ได้ซื้ออะไรมาฝาก

เธอ : แล้วทำไมไม่ติดต่อมาเลย จะไปก็ไม่บอก

ผม : พอดีมันรีบๆ นะ

ทุกถ้อยของผมเป็นคำพูดประชดทั้งนั้น โดยเฉพาะ ...

ผม : ตอนนี้พี่ตกลงกับเพื่อนได้แล้ว อีกไม่นานพี่คงไม่ได้อยู๋ที่นี่แล้ว เพราะต้องไปช่วยเพื่อนดูแลงานที่ภูเก็ต

โอ้ยถึงแม้จะงอนเธอแต่ผมจะประชดทำไมเนี่ย โกหกด้วย ปากไวไปหน่อย เธอไม่พูดอะไรแล้วงอนไปเลย ผมไม่ได้ตามไปง้อ
เพราะคิดว่าเรื่องราวตอนนี้เป็นแบบนี้ละดีแล้ว ยังไงเรามันก็ส่วนเกินนี่ หลังจากนั้นผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ เจอกันก็คุยนิดๆหน่อยๆ เหมือนไม่สนิทกันเลย เอาข้าวไปให้น้องหมาก็เอาไปให้คนละที น้องหมาคง งงตกลงจะกินของใครดี

แต่ช่วงหลังๆ ผมเริ่มลังเลเหมือนกันว่าจะปล่อยให้เรื่องมันจบแบบนี้เหรอ ผมไม่เคยได้บอกจากปากว่าคิดยังไงกับเธอเลย และไม่เคยถามเธอเลยว่าเรื่องของเธอมัน ลงเอยยังไง เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ผมคิดเองสรุปเองทั้งนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะลงเอยกับไอ้หมอนั่น แต่ผมก็ไม่มีสิทธ์ที่จะไปโกรธเธอ เพราะเธอไม่ได้ทำผิด เธอไม่เคยบอกว่าจะคบกับผม เธออาจคิดว่าผมเป็นพี่ชายคนนึง
ก็ได้ ยิ่งคิด จากที่เคยคิดว่าฝ่ายโน้นผิดกลายเป็นเราเองซะแล้ว

หลังจากที่ปรึกษากับเหล่าบรรดาที่ปรึกษาทั้งหลายแล้ว
ผมจึงตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องพูดกับเธอให้ได้ แต่เธอก็ไม่อยู่ห้อง
ซักที รอมาหลายวันแล้ว โทรไปก็ไม่รับสาย คงยังโกรธอยู่
กะว่าเดี๋ยวดักเจอแล้วค่อยบอกก็ได้ 2 วันก็แล้ว 3 วันก็แล้ว
ผมเริ่มชักระแวงแล้ว แล้วคำตอบก็เฉลย ...

ป้า : หนูๆ ที่บอกว่าเพื่อนหนูจะมาอยู่นะ ตอนนี้ห้องว่างแล้วนะ

เวนกรรม ... ซวยแล้วเรา ไปโกหกเค้าไว้

ผม : เหรอครับ พอดีเพื่อนผมเค้ารอไม่ไหว ได้ที่อื่นไปแล้วละครับ

ป้า : เหรอ แหมพอว่างแล้วไม่เอา ห้องที่ถามวันนั้นพอดี

อะไรนะ ห้องที่ถามวันนั้น ไปกันใหญ่แล้ว !!!!?

ผม : ป้าว่าไงนะ (ผมใจหายวูบ)

ป้า : ห้องนั้นละ ที่รู้จักกับหนุ่มนั่นละ ย้ายออกไปเมื่อวานซืนเอง"

เมื่อวานซืนเธอเลือกเวลาย้ายได้ดี เพราะผมออกไปทำงานเลยไม่รู้ หมดแรงเลยคุณ รีบกดโทรศัพท์หาเธออีกที แต่ก็เหมือนเดิมเธอไม่รับสาย เลยทิ้งข้อความไว้ แต่ก็ไม่โทรกลับอยู่ดี ผมลืมไปสนิทเรื่องนึง เธอเรียนจบแล้ว เธอเรียนจบ 3 ปี ครึ่ง นี่แสดงว่าเธอเรียนจบมาเดือนกว่าแล้วแต่ผมไม่ได้นึกเอะใจเลย อาจเป็นช่วงที่
กำลังงอนก็ได้

ผมกลับขึ้นมา ห้องนั้นไม่ได้ล๊อคกุญแจ คงรอทำความสะอาด ฝักบัวที่ผมเปลี่ยนให้เธอก็ยังอยู่ที่เดิม ห้องมันว่างเปล่ามาก
วันนี้ผมนั่งอยู่ในห้องคนเดียวเหมือนทุกวันแต่สิ่งที่ต่างไปคือ ไม่มีคนมาเคาะกวนประสาท ไม่มีเสียงเรียก "พี่นัท" ไม่มีคนมานั่งเล่นกับน้องหมาอีกแล้ว แล้วก็ไม่รอช้า ผมขับรถไปหาเธอที่บ้านทันที แต่ไม่ได้เข้าไปในบ้านหรอก เพราะมีคนออกมาบอกว่า "คุณนัท ไม่อยู่มีอะไรให้สั่งไว้" คงเป็นเด็กในบ้านเธอ ... ผมถามต่อไปว่าจะกลับเมื่อไหร่ เด็กก็บอกไม่รู้ ผมรุ้ว่าเธออยู่ในบ้าน แต่ไม่ยอมออกมาพบผม ผมเลยฝากไปบอกว่าให้โทรกลับมาหาผมมีเรื่องจะคุย

แต่เธอคงสวมบทใจแข็งแล้ว ไม่มีอะไรติดต่อกลับมาจากเธอเลย
หลังจากนั้นผมก็เพียรโทรหาเธอทุกวัน จนเริ่มท้อใจ เอาวะ เป็นไงเป็นกัน สวมบทโหดบุกบ้านเธออีกครั้ง ให้รู้ดำรู้แดงไปเลย อย่างดีก็แค่โดนข้อหาบุกรุก แต่ได้บอกสิ่งที่อยากบอกเธอก็ถือว่าคุ้ม ด้วยความที่เพื่อนผมเป็นห่วงเลยตามมาด้วยอีกสองคน แต่เอ๊ะไม่ดี เหลือไว้คนแสตนบาย เผื่อประกันตัวดีกว่า

ผมไปถึงบ้านเธอช่วงบ่าย กะว่ายังไงอย่าให้เจอพ่อแม่เธอดีที่สุด อาจเป็นผลต่อการขอลูกสาวในอนาคต คิดไปโน่น แต่แผนการบุกของหน่วยสวาทไม่สำเร็จ เพราะบ้านเธอไม่มีใครอยู่เลย แถมเพื่อนผมยังโดนหมา ในซอยไล่อีกกว่าจะกลับมาขึ้นรถได้แทบแย่

3 อาทิตย์ผมไม่ได้ข่าวคราวเธออีกเลย ... และเพื่อนผมที่ชื่อ หนึ่ง ก็ถามเพื่อจะเอาคำตอบจากผม ผมเลยตอบตกลงไป แต่โชคดีที่หนึ่งบอกว่าให้ผมเป็นนักลงทุนอย่างเดียวเพราะไปทำก็เกะกะ เพราะจะมีเพื่อนในแก๊งอีกคนไปทำเอง ผมเลยยังได้อยู่ที่นี่ต่อ

ถึงวันเปิดร้านใหม่ ฝั่งอันดามันเข้า High Season แล้ว หนึ่งเปลี่ยนชื่อร้าน (ผมอยากบอกชื่อร้านจัง แต่อย่าเลย จะหาว่าเอาเรื่องเล่ามาหากิน) มะรืนนี้เป็นวันกำหนดตัดริบบิ้น ผมเลยต้องลงไปซะหน่อย เนื่องจากช่วงนี้ งานที่ กทม. เริ่มซา ผมเลยมีเวลาว่าง ก่อนไปผมเลยส่งข้อความไปบอกเธอว่าจะไปแล้วนะ ไม่กี่วันกลับ
ก่อนไปอยากเจอ จะรอที่ ตู๊ด ตู๊ด เมื่อก่อนเราจะไปออกกำลังกายที่นี่เป็นประจำ น้องนัทเธอเฮลตี้ ต้องได้เหงื่อทุกวัน ผมรอจนถึง 2 ทุ่ม แต่เธอก็ไม่มาเลยตัดสินใจโทรไปอีกที คราวนี้มีคนรับสาย

ผม : ฮัลโหล ขอสายนัทครับ

... : พี่นัทไม่อยู่นะคะ (คงจะเป็นน้องสาวของเธอ)

ผม : แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอครับ ?

... : ไม่แน่ใจคะ แต่น่าจะประมาณปีหน้า

ผม : ขอโทษนะครับ เค้าไปไหนเหรอ

... : พี่นัทไปเรียนต่อคะ

เย่เข๊ด เหมือนในหนังเลย !! ผมวูบยิ่งกว่าวูบ กลั้นใจถามต่อไปได้ความว่าเธอไปเรียนต่อที่อังกฤษ ผมพยายามขอที่อยู่กับเบอร์โทร
แต่น้องเธอบอกว่าให้ผมทิ้งเบอร์ไว้แล้วจะบอกพี่นัทให้เวลาโทรกลับมาเมืองไทย ...

พฤษภาคม 2545
มรสุมเริ่มเข้าฝั่งอันดามันแล้ว ลูกทัวร์ดำน้ำก็น้อยลง ผมมาอยู่ที่นี่ได้ เกือบอาทิตย์แล้ว วันนี้มีปาร์ตี้ส่งลูกทัวร์กลุ่มนึง เป็นปาร์ตี้เล็กๆ จัดแถวๆ บังกะโลที่ Co กับทางร้าน หลังงานเลิก ผมก็มาเดินเล่นที่ชายหาด วันนี้อากาศดี พระจันทร์เต็มดวง เลยเห็นดาวน้อยกว่าปกติ ฟ้าผืนเดิมก็ยังสวยเหมือนเดิม ทุกครั้งที่มีเวลา ผมจะทำแบบนี้เสมอ ทุกครั้งที่ผมคิดถึงเธอการแหงนดูท้องฟ้า ทำให้ผมสบายใจ เพราะอย่างน้อยเราก็อยู่ ใต้ฟ้าผืนเดียวกัน ห่างกันแค่ซีกโลก แต่ผมก็ไม่เคยหมดหวังที่จะรอเธอกลับมา และปลอบใจตัวเองเสมอว่า ความทุกข์ของผมนั้นเล็กมากเมื่อเทียบกับจักรวาลที่กว้างใหญ่นี้ ขอโอกาสให้ผมอีกครั้ง ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ผมรอแค่จะบอกเธอว่า ผมรักเธอ ผมรอด้วยศรัทธาที่ว่า ในเมื่อโชคชะตาพาเรามาเจอกัน ก็ต้องมีอีกครั้งที่เส้นทางของเราจะต้องมาเจอกันอีก

หลังจากนั้นอีกไม่กี่วันผมก็เดินทางกลับกรุงเทพ เวลาเปลี่ยน ทุกอย่างก็เปลี่ยน ผมไม่ได้อยู่ที่คอนโดเดิมแล้ว เนื่องจากออฟฟิซใหม่ค่อนข้างไกล เลยย้ายออกมาอยู่อีกที่ ส่วนห้องผมก็ให้คนอื่นเช่าต่อ ห้องของเธอก็มีคนมาอยู่ใหม่แล้วเช่นกัน ตอนนี้ที่นั่นเหลือเพียงความทรงจำเท่านั้น

เย็นวันศุกร์ ผมเลิกงานเกือบ 2 ทุ่มเพราะต้องเคลียร์งาน ที่ทำงานเหลือผมเพียงคนเดียว ตอนนี้เพื่อนๆ ผมเริ่มจะไม่ค่อยมีเวลาออกมากินเหล้ากันแล้วเนื่องจากอายุที่มากขึ้น ภาระต่างๆ ก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว บางคนก็แต่งงานไป จะเฮไหนเฮนั่นเหมือนเมื่อก่อนคงไม่ได้ ศุกร์นี้ผมเลยไม่มีที่ไป เรียกว่าไม่มีใครสักคนเลยก็จะดีกว่า หากเธอยังอยู่ไกล้อะไรๆ มันคงดีกว่านี้ วันนี้ผมคิดถึงเธอมาก เลยขับรถไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย ผมมารู้ตัวอีกทีก็อยู่แถวๆ บ้านเธอแล้ว คิดว่าไหนๆ ก็ผ่านมาเลยแวะเข้าไปดีกว่า จอดรถหน้าบ้านเธอ ก็ถามตัวเองเหมือนกันว่าจะมาทำไม เจ้าของบ้านเค้าไม่รู้อยู่ไหน แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว ยังไม่ดึก ไปลองถามๆ ดูก็ไม่เสียหาย ผมเลยกดออด เด็กในบ้านออกมา ผมบอกว่ามาหาคุณนัท เธอบอกว่าคุณนัทไม่อยู่ ยังไม่กลับมา จะเข้ามานั่งก่อนไหม ผมก็เข้าไป หวังเล็กๆว่าหากเจอพ่อแม่หรือใครก็ตาม ผมอาจจะรู้ อะไรของเธอเพิ่มเติมก็ได้ นั่งรออยู่ในห้องรับแขก เด็กเอาน้ำมาให้กิน บอกว่ารอซักแป๊บ ผมนั่งรออยู่ประมาณ 15 นาที ยืนดูรูปโมเน่ต์ที่ติดผนังอยู่ แล้วก็มีเสียงดังมาจากข้างหลัง

เธอ : รอนานไหมคะ !?

เสียงที่ผมคุ้นเคย เสียงที่ผมรอคอย ผมงงมาก !!

เธอ : นัทจำรถได้

เธอยิ้ม ... แว๊บแรกที่เห็น เธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลย อาจดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

เธอ : พี่นัททานไรมาหรือยัง

แต่สำเนียงการพูดอ้อนๆ เหมือนเดิม

ผม : ยังเลย

เธอ : งั้นรอแป้บนะ ออกไปหาอะไรทานกัน เดี๋ยวเอาของไปเก็บก่อน

ผมรอเธออีกประมาณ 15 นาที บวกกับอาการงงๆ เอามือหยิกแก้มตัวเอง เออแฮะ โลกแห่งความจริงนี่นา บทที่จะเจอก็ง่ายเหลือเกิน

เราหาร้านทานกันแถวๆ บ้านเธอ เธอเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังมากมาย ไปเรียนก็คอร์สสั้นๆ และเพิ่งกลับมาเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว ตอนนี้ทำงานให้กับที่บ้านอยู่ เราพูดแลกเปลี่ยนเรื่องราวของกันและกันจนออกจากร้าน



ชิงโจว
#6   ชิงโจว    [ 06-11-2012 - 02:46:08 ]

ระหว่างทางขับรถไปส่งเธอที่บ้าน ผมมีความสุขมาก ความสุขอยู่ข้างๆผมแล้ว และจะไม่มีทางปล่อยให้ความสุขไปไหนอีกแล้ว ผมตัดสินใจบอกสิ่งที่ผมรอที่จะบอกเธอมานาน และแม้ว่าผลลัพธ์จะออกมายังไง

ผม : พี่รักนัทนะ

เธอเงียบไป แล้วยิ้มมาทางผม

วันนี้ผมต้องไปภูเก็ตอีกวัน เพราะมีหุ้นส่วนคนใหม่คือเพื่อนในกลุ่มอีกคน กลายเป็นว่าทั้งร้านมีเรา 4 คนทำงานสบายใจมากเลยนัดไปฉลองกัน ตอนเที่ยงแล้วผมเพิ่งจะขึ้น Taxi มีเมสเสจเข้ามา
"อยู่สนามบินแล้ว อย่าโอ้เอ้ เร็วๆ กระเป๋าหนักนะ/อาม่า"
.
.
.
หากคุณรักใครซักคนในขณะนี้ และยังไม่ได้บอกเค้าให้รู้
อย่าอ้างว่า ไม่มีโอกาส
อย่าอ้างว่า ไม่กล้าพอ
อย่าอ้างว่า กลัวผิดหวัง
อย่าอ้างว่า ยังไม่ถึงเวลา

ความสุขของการได้รักคือการให้คนที่เรารักมีความสุข และการได้บอกรัก .... ♥

วันนี้เป็นวันที่มีความสุขที่สุด ตื่นมาสดใสมาก เพราะอะไรนะเหรอ
ก็เมื่อคืนผมได้บอกสิ่งที่เก็บมาตลอดแล้วนะซิ ถึงแม้จะไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากเธอ แต่รอยยิ้มนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าปฏิเสธหรือรังเกียจแม้แต่น้อย ที่เหลือก็รอเพียงเวลาเท่านั้นที่จะนำคำตอบของเธอมาให้ผม

คืนนั้นเลยตามเพื่อนออกมาฉลอง บอกมีข่าวดีจะบอก หากไม่งั้นพวกมันคง ไม่ออกมา เหล่าที่ปรึกษาทั้งหลายก็มีความสุขกันถ้วนหน้า ไม่รู้สุขเพราะเรื่องผมหรือสุขเพราะได้กินเหล้า

แต่หลังจากนั้นเราแทบไม่ได้เจอกัน เพราะต่างคนก็งานยุ่ง เธอมีงานของเธอ ผมก็มีงานของผม เรียกว่าว่างแทบไม่ตรงกันเลย
ผ่านมา 2 อาทิตย์เราเจอกันครั้งเดียว ไปทานข้าวเย็นกัน และโทรคุยกันก็ไม่กี่ครั้ง จนผมเองก็เริ่มหวั่นๆ ว่าเป็นการปฏิเสธกันทางอ้อมหรือเปล่า

แต่แล้วก็มีเหตุให้ผมต้องมีอันไปภูเก็ตหลายวัน ปกติไปแค่ไม่เกินอาทิตย์ แต่คราวนี้ อาจต้องไปเป็นเดือน ก็เพราะเพื่อนผมอีกคนที่อยู่ร้านมีเหตุจำเป็นต้องไม่อยู่ขึ้นมา งานทางกรุงเทพก็ยุ่ง แต่ครั้นจะไม่ไป เพื่อนคนเดียวก็ไม่ไหว เลยต้องโอนงานให้น้อง
ที่ออฟฟิซทำแทน คืนก่อนไปก็เลยโทรไปบอกน้องนัทคนดีซะหน่อย

ผม : เอ้อ พี่มีเรื่องจะบอก (ตัดบท มาตอนบอกเลยนะ)

เธอ : มีอะไรเหรอ:

ผม : คือพรุ่งนี้ ต้องไปภูเก็ตนะ แต่คราวนี้อาจนานหน่อย ไม่แน่ใจว่าจะ 1 เดือนหรือเปล่า

เสียงอ่อยแล้วก็ขนาดอยู่ไกล้กันยังหาโอกาสเจอเธอยากเลย ไปอยู่โน่นยิ่งแล้วใหญ่

ผม : พรุ่งนี้ว่างไหม ไปส่งหน่อยดิ

เธอ : คงไปไม่ได้ละพี่นัท พรุ่งนี้ติดงานจริงๆ

ผม : งั้นก็ไม่เป็นไร แล้วจะโทรหานะ ฝันดีละกัน

งอนแล้ว ผมงอนแล้ว รีบวางไปเลย คนจะไปหลายวันยังเห็นงานดีกว่าอีก ... โป้งเบย !!

วันเดินทางเลยเซ็งๆ คนที่อยากให้มาก็ไม่มา เลยเอ้อระเหยกว่าจะออกเดินทางได้ก็เกือบเที่ยงแล้วก็มีเมสเสจเข้ามา

"อยู่สนามบินแล้ว อย่าโอ้เอ้ เร็วๆ กระเป๋าหนักมาม่า"
อ่านข้อความก็งง อยู่สนามบินกระเป๋าหนักมาม่า แล้วจะเอามาม่าไปทำไม ยังไม่ทันรู้ว่าใครส่งมา ก็มีมาอีกอันนึง

"อยู่สนามบินแล้ว อย่าโอ้เอ้ เร็วๆ กระเป๋าหนักนะ/อาม่า" อ้อพิมพ์ผิด

เฮ้ย นี่มันๆๆ ผมบอกพี่ Taxi ทันทีว่า "ด่วนเลยพี่ จะขึ้นกี่ทางด่วนก็ไปเลยเพราะกลัวว่าเดี๋ยวจะขึ้นเครื่องไม่ทัน"

เวลาร่ำลาหวานซึ้งจะน้อย แต่พอไปถึงมันไม่ใช่ เธอไม่ได้มาส่ง เธอมาในชุดไปเที่ยว ไอ้ผมนะดีใจมาก แต่ไอ้ครั้นจะวิ่งเข้าไปกอดก็ไม่ได้ แต่ในใจคิดไปแล้วอะ

"กลัวมีคนงอน" ประโยคแรกที่เธอพูด ผมนะยิ้มอย่างเดียว

มาถึงภูเก็ตตอนเย็น เพื่อนมารับ เพื่อนผมเองก็ไม่รู้หรอก
ว่าจะมีเซอร์ไพรซ์ ท่าทางมันตกใจเหมือนกัน หันมายิ้มมีเลสนัยอีก ประมาณว่า "หึหึหึ เที่ยวนี้มันมากับสาว"

เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศแจ่มใสมากเลยจะพาเธอไปดำน้ำซะหน่อย พอดีวันนี้ที่ร้านไม่มีแขกเลย เรือก็เป็นของเรา เพื่อนผมก็อาสาขับเรือให้ วันนี้สิ่งมีชีวิตหลากสีสัน ใต้ทะเลชิดซ้ายไปถนัดตา เพราะเจอสิ่งมีชีวิตขาวหมวยเข้าไป ฮ๊า ฮ๊า ฮ๊า !!

ตกกลางคืนเราก็มีงานเลี้ยงปกติตามประสาคนรักงานเลี้ยง บังกะโลหลังเดิม ทะเลเดิมๆ ฟ้าก็ยังผืนเดิม แต่สิ่งที่แตกต่างไปคือ ไม่ต้องเดินคนเดียวที่ชายหาดอีกแล้ว หลังงานเลิกผมออกมาเดินเล่นกับเธอ

ผม : ดีจังเลยนะคืนนี้

เธอ : ดีอะไรเหรอ

ผม : ก็ดีไง แบบว่า ... ช่างมันเถอะ ดาวสวยดีนะ เคยเห็นดาวตกป่ะ

พูดไม่ออก เลยเปลี่ยนเรื่องถามเธอ

เธอ : เคยเห็นตอนเด็กๆ นานมากแล้ว

เธอตอบพร้อมเงยหน้าแหงนมองฟ้า คืนนี้ดาวเกลื่อนฟ้า สวยจริงๆ

ผม : แล้วถ้าเห็นอีกจะขออะไร

เธอ : ไม่บอก ... บอกของตัวเองมาก่อน (เธอถามผมกลับ)

ผม : ไม่รู้สิ สิ่งที่ขอไปก็สมหวังแล้ว ขอไปอีก เดี๋ยวจะโดนหาว่าโลภ พระเจ้าจะลงโทษ

สิ่งที่ผมขอประจำเวลาที่อยู่ที่นี่ เวลาที่แหงนมองฟ้าก็คือให้ผมได้เจอเธอนั่นละครับ

เธอ : สมมุติพระเจ้าใจดี บอกว่าให้ขอได้อีกข้อละ

ตอนนี้เราทั้งคู่หยุดเดิน มองดูฟ้าทั้งคู่

ผมเงียบ ก่อนที่จะพูดว่า

ผม : งั้น ... ขอให้คนที่เรารักอยู่กับเราตลอดไป

ผมไม่รู้ว่าเราสองคนเงียบไปนานแค่ไหน รู้แต่ว่าเวลานั้น
ผมและเธอต่างก็แหงนมองฟ้าเหมือนต้องการจะหาดาวตกจริงๆ แล้วเธอก็กลบความเงียบนั้น

เธอ : คนที่พี่นัทรักเค้าไม่ไปไหนอีกแล้วละ เค้าก็อยากอยู่ไกล้คนที่เค้ารักเหมือนกัน

ภาพที่สวยที่สุดในคืนนั้น คือภาพคนสองคนเดินจับมือกันไป
ทะเลเป็นที่ๆ ดีที่สุดสำหรับผม แต่ทะเลที่มีเธอเนี่ยมันยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด



ชิงโจว
#7   ชิงโจว    [ 06-11-2012 - 02:46:39 ]

คำตอบของข้อสงสัยต่างๆ มันอาจทำให้เรื่องของ ผมและเธอที่เคยสร้างรอยยิ้มให้กับหลายๆคนหมดไป ... บางทีชีวิตคนก็เหมือนนิยายจริงๆ ครับ ถ้าคุณมองความรักในแง่ดี ก็ขอให้เรื่องของผมจบไว้เท่านั้น อย่าได้อ่านต่อจากนี้เลย ผมเองยังอยากให้เวลาผมหยุดแค่ตอนนั้นและไม่อยากอ่านเรื่องราวต่อไปจากนี้เหมือนกัน
.
.
.
วันที่เธอพาผมไปหาแฟนเก่านั้น ในวันนั้นเธอยังไม่มีความรู้สึกพิเศษอะไรกับผม เธอรู้แต่เพียงว่า เธอคงรู้สึกดีมากกว่าหากมีผมอยู่ข้างๆ ในตอนที่เธอร้องให้ คนทั้งคู่เคยคบกันสมัยเรียน แต่ฝ่ายชายเรียนจบและไปเรียนต่อเมืองนอก และก็ไปมีคนใหม่ ทิ้งเธอไปตอนเธอเรียนปี 3 เธอพยายามทำใจอยู่หลายเดือน ผ่านไปเกือบปีฝ่ายโน้นเรียนจบแล้วกลับมาขอคืนดี เธอเริ่มทำใจได้และปฏิเสธ วันที่เธอพาผมไปหาก็เพื่อบอกว่า เธอไม่ได้คิดอะไรกับฝ่ายโน้นแล้ว แต่ที่ร้องไห้ ก็เพราะความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้กันบางส่วนยังคงอยู่ เธอเริ่มมองเห็นผมหลังจากวันนั้น แต่ไม่แน่ใจว่าใช่ความรักหรือเปล่า และเธอกลัวจะต้องเสียใจอีกครั้ง

ในตอนที่เธอตัดสินใจไปเรียนต่อ ส่วนหนึ่งก็เพราะเธอไม่มั่นใจในตัวเธอเอง และไม่มั่นใจในตัวผม รวมถึงทางบ้านต้องการให้ไป ตอนแรกเธอยืนยันว่าจะไม่ไป แต่พอเธอไปเท่านั้นแหละ เธอก็ไปเลย ถุ๊ยยยย ไม่ใช่ !! ... และรอให้โอกาสผม แต่ผมก็ปล่อยโอกาสนั้นไปอย่างเปล่าประโยชน์ด้วยการหนี เธอตัดสินใจไปเพราะคำพูดของผมที่ไปบอกเธอว่าจะไปอยู่ภูเก็ต

คำตอบทั้งหมดนี้ผมได้มาจากไดอารี่ของเธอ จะมีสักกี่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเราแล้วยังคงติดอยู่ในความทรงจำ จะมีสักกี่ความทรงจำที่ทุกครั้งที่คิดถึงก็ยังให้รอยยิ้มแก่เรา และจะมีสักกี่รอยยิ้มที่จะนำพาน้ำตามาด้วยทุกครั้ง
.
.
.
ปลายเดือนกรกฏาคม
เธอจากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ เนื่องจากเธอประสบอุบัติเหตุ

เธอเคยพูดกับผมว่า หากมีใครสักคนต้องจากไป ผมจะเลือกใคร
ผมตอบว่าผมขอเลือกไปเองดีกว่า เพื่อให้อีกคนได้อยู่ต่อไป
แต่เธอบอกว่า เธอเลือกเป็นฝ่ายอยู่ เพราะคนที่อยู่ต้องทนรับรู้ถึงความเป็นไปทุกอย่าง ต้องทนผ่านวันคืนที่แสนเนิ่นนานเพียงลำพัง

ผมได้ไดอารี่ของเธอในงานวันสุดท้าย น้องเธออยากให้ผมเก็บมันเอาไว้ ในบันทึกมีเรื่องราวของผม มีความฝันของเธอ ประโยคสุดท้ายของเธอคือ

"เสาร์นี้นัดไปเที่ยว ตวจ กัน ต้องรีบเคลียร์งานให้เสร็จ =) "
.
.
.
วันนี้ผมเป็นฝ่ายอยู่ และใช้ชีวิตผ่านวันเวลาเพียงลำพังต่อไป
ผมมั่นใจว่าเธอไม่เคยจากไปไหน ยังคอยเฝ้ามองและให้กำลังใจผมอยู่จากที่ไกลๆ เสมอ ...

♥ โดยเฉพาะตรงนี้ ♥



เชี้ยหยาวหวน
#8   เชี้ยหยาวหวน    [ 12-11-2012 - 22:33:05 ]

คุณเอ้ย เขียนซะยาว ใครจะอ่านเล่า
น่าจะค่อยๆโพส



หลี่ชิวสุ่ย
#9   หลี่ชิวสุ่ย    [ 15-11-2012 - 13:18:19 ]

อ่านแล้วเหนื่อยว่ะ เหนื่อยมากกว่าซึ้ง



เจ้าจอมหยู่
#10   เจ้าจอมหยู่    [ 16-12-2012 - 20:51:14 ]

สั้นๆ น่ะ ดอก..มาเขียนละครเหรอ อิห่าใครจะไปอ่านหมด มรึงบ้าป่ะ



เจ้าจอมหยู่
#11   เจ้าจอมหยู่    [ 18-12-2012 - 16:43:18 ]

เพ้อเจ้อยิ่งนัก อย่างงี้ต้องสั่งโบย โบยให้หำหดเลยมรึงคอยดูดิ



มหาเทพเหยียบเมฆา
#12   มหาเทพเหยียบเมฆา    [ 18-06-2015 - 16:26:26 ]    IP: 1.10.197.144

แอบซึ้งน่าครับ แต่จบแย่จัง



  • 1
ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube