เข้าระบบอัตโนมัติ

มารู้จักสวรรค์ และ พรหมโลกกัน


เทพสุรา
#1   เทพสุรา    [ 19-09-2010 - 05:54:57 ]

สวรรค์ หรือ เทวโลก คือภพภูมิอันเป็นที่อยู่ของเทวดา เป็นโลกที่อยู่อาศัยของกายละเอียด เป็นภพภูมิอันมีแต่ความสุข สมบูรณ์ด้วยทิพยสมบัติต่างๆ ซึ่งมีอยู่ 6 ชั้น ผู้ที่จะไปจุติบนสวรรค์ได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่ประกอบบุญกุศลอันดีงาม

พรหมโลก นั้นเป็นภพภูมิที่อยู่ของผู้ที่เจริญสมาธิจนได้ ฌาณ ซึ่งมีอยู่อีก 20 ชั้น


สวรรค์ หรือ เทวโลก มี 6 ชั้น ซึ่งเรียกว่า ฉกามาพจร มีดังนี้

1. จาตุมหาราชิกา มีท้าวมหาราชทั้ง 4 เป็นผู้ปกครอง คือ
-1. ท้าวธตรฐ ปกครองเทวดา 3 พวก ได้แก่ คนธรรพ์ วิทยาธร กุมภัณฑ์
-2. ท้าววิรุฬหก ปกครองพวกครุฑ
-3. ท้าววิรูปักษ์ ปกครองพวกนาค
-4. ท้าวเวสสุวรรณ ปกครองพวกยักษ์

2. ดาวดึงส์ มีพระอินทร์ เป็นผู้ปกครอง
3. ยามา มีท้าวสุยามเทวราช เป็นผู้ปกครอง
4. ดุสิต มีท้าวสันดุสิตเทวราช เป็นผู้ปกครอง
5. นิมมานรดี มีท้าวสุนิมมิตเทวราช เป็นผู้ปกครอง
6. ปรนิมมิตวสวัตดี มีท้าวปรนิมมิตวสวัตตีมาราธิราช เป็นผู้ปกครอง

พรหมโลกมีทั้งหมด 20 ชั้น แบ่งเป็น รูปพรหม 16 ชั้น และ อรูปพรหม 4 ชั้น



เทพสุรา
#2   เทพสุรา    [ 19-09-2010 - 06:05:05 ]



ท้าวจตุกลาลทั้ง 4 ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นที่1 จาตูม



เทพสุรา
#3   เทพสุรา    [ 19-09-2010 - 06:19:12 ]

ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นที่2
พระอินทร์ คือ เทวดาผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ กายสีเขียว มีพระเนตรถึงพันดวง ใช้วัชระ(สายฟ้า) เป็นอาวุธ มีช้างเอราวัณเป็นพาหนะ พระองค์มีมเหสี 4 องค์ คือ สุจิตรา สุธรรมา สุนันทา และสุชาดา
พระอินทร์เป็นผู้ดูแลทุกข์สุขของมนุษยโลก ยามใดที่มีเรื่องเดือดร้อนขึ้นบนโลกมนุษย์ อาสนะของพระองค์ที่เคยอ่อนนุ่มก็จะแข็งกระด้าง หรือบางครั้งก็ร้อนจนไม่สามารถประทับอยู่ได้ พระอินทร์มีชื่อเรียกอย่างอื่น เช่น ท้าวสหัสนัยน์ ท้าวโกสีย์ ท้าวสักกะ เทวราช อมรินทร์ ศักรินทร์ มัฆวาน เพชรปาณี เป็นต้น



เทพสุรา
#4   เทพสุรา    [ 19-09-2010 - 06:39:26 ]

ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นที่3พระสยามเทวธิราช หรือเรียกว่า พระสุยามะ หรือ ท้าวสุยามะเทวราช ผู้มีอายุยืนถึง 2,000 ปีทิพย์
เป็นผู้ปกครองสวรรค์ชั้นยามา




เทพสุรา
#5   เทพสุรา    [ 19-09-2010 - 06:48:19 ]

สวรรค์ชั้นที่ 4 ตุสิตาเทวภูมิ

เทวภูมิ อันดับที่ ๔ นี้ เป็นแดนสุขาวดี ที่สถิตย์อยู่ แห่งปวงเทพเจ้าชาวฟ้าทั้งหลาย
ผู้มีความยินดีและ ความแช่มชื่นอยู่เป็นนิตย์ โดยมีเทพเจ้าผู้มเหศักดิ์
ทรงนามว่า สมเด็จท้าวสันดุสิตเทวาธิราช ทรงเป็น อธิบดี
จึงมีนามว่า ตุสิตาเทวภูมิ

สมเด็จพระศรีอริยเมตไตรย พระโพธิสัตว์
ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือเป็นที่รู้จักกันในหมู่พุทธบริษัทว่า
จักได้ ตรัสเป็นพระพุทธเจ้า ในอนาคตอันตรกัปที่ ๑๓ แห่ง ภัทรกัปนี้
พระองค์ก็สถิตอยู่ ณ สรวงสวรรค์ชั้นนี้




เทพสุรา
#6   เทพสุรา    [ 19-09-2010 - 06:57:11 ]

สวรรค์ชั้นที่5 นิมมานรดีเทวภูมิเทวภูมินี้
เป็นที่สถิตของปวงเทพเจ้า ผู้มีความยินดีเพลิดเพลินในกามคุณารมณ์
ที่เนรมิตขึ้นตามความพอใจของตนเอง โดยมีเทพเจ้ามเหศักดิ์ ทรงนามว่า สมเด็จท่านท้าวสุนิมมิตเทวาธิราช
ทรงเป็นอธิบดีผู้ปกครอง จึงได้ชื่อว่า นิมมานรดีภูมิ คือ ภูมิเป็นที่อยู่แห่งทวยเทพ
อันมีสมเด็จพระนิมมิตเทวาธิราช ทรงเป็นอธิบดี

ภายในเทพนคร มีปราสาทเงิน ปราสาททอง และปราสาทแก้ว ทั้งมีกำแพงแก้ว กำแพงทอง อันเป็นของทิพย์
เป็นวิมานที่อยู่ของเหล่าเทวดา



เทพสุรา
#7   เทพสุรา    [ 19-09-2010 - 07:02:28 ]

สวรรค์ชั้นที่ 6 ปรนิมมิตวสวัตตีเทวภูมิ
สวรรค์ชั้นสูงสุดของแดนสุขาวดี ตั้งอยู่ในอากาศ ห่างจากนิมมานรดี 42,000 โยชน์
เทวดาในชั้นปรนิมมิตวสวัตตีภูมินี้ ทั้งที่เป็นเทพบุตรและเทพธิดา เวลาใดที่ปรารถนาจะเสวยในกามคุณ
ก็มีเทวดาที่รู้ใจเนรมิตให้ เมื่อได้เสวยกามคุณสมความปรารถนาแล้ว สิ่งที่เนรมิตมาก็จะสิ้นไป
เทวดาชั้นปรนิตมิตวสวัตตีจึงไม่มีคู่ครองประจำเหมือนเทวดาในสวรรค์ชั้นอื่น ๆ

วิมาน ทิพยสมบัติ และร่างกาย ของเทวภูมิชั้นนี้มีความสวยงามประณีต มากกว่าเทวดาในชั้นนิมมานรดี
มีอายุยาวกว่าประมาณ 4 เท่า ถือว่าเป็นยอดภูมิ คือ ภูมิที่สูงสุดของเทวดาในเทวภูมิ 6

เทวภูมิชั้นนี้ เป็นที่สถิตอยู่ของเหล่าเทพยดาจำพวกมารทั้งหลาย โดยมีสมเด็จพระปรนิมมิตเทวราช และ
[
สมเด็จพระปรนิมมิตวสวัตตีมาราธิราช ทรงเป็นอธิบดี จึงได้ชื่อว่า ปรนิมมิตวสวัตตีภูมิ คือ
ภูมิที่อยู่แห่งทวยเทพ

อำนาจปกครองมิได้อยู่แต่เฉพาะเทวดาที่อยู่ในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตีภูมิเท่านั้น
แต่ยังมีอำนาจปกครองทั่วไปถึงสวรรค์ชั้นต่ำลงอีก 5 ชั้นด้วย คือ จาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต
นิมมานรดี และมีการปกครองที่แตกต่างจากเทวภูมิอื่น คือแบ่งเป็น 2 แดน อยู่กันฝ่ายละแดน
มีเขตแดนกั้นในระหว่างกลาง ต่างฝ่ายต่างอยู่ หากมีกิจจำเป็นจึงจะไปมาหาสู่แก่กัน

แดนเทพยดา มีสมเด็จพระปรนิมมิตเทวราช ทรงเป็นพระเทวาธิราชปกครอง

แดนมาร มีท้าวปรนิมมิตวสวัตตีมาราธิราช ปกครอง

เมื่อเทียบเวลาระหว่างมนุษย์ กับ สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตีภูมิแล้ว 1,600 ปีในมนุษย์ เท่ากับ 1
วันในสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวาวัตตี





บุปผาพิรุณโปรยปราย
#8   บุปผาพิรุณโปรยปราย    [ 19-09-2010 - 12:54:12 ]

จำได้ว่าพระพุทธเจ้าไปโปรดพระมารดาบนสวรรค์ชั้นที่5

ถ้าพระศรีอริยเมตรไตรอยู่ชั้นที่4ก็แสดงว่ายังอยู่ต่ำกว่าพระมารดาของพระพุทธเจ้า

นี่ข้อมูลมันถูกต้องหรือเปล่าค๊ะนี่ ผู้ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าอยู่แค่ชั้น4เหรอ

ค๊ะ


ขณะนี้ดิฉันกำลังตอบด้วยtalking dictค่ะ



เทพสุรา
#9   เทพสุรา    [ 19-09-2010 - 18:36:47 ]

ขอโทษนะครับคุณบุปผาราตรี สงสัยความจำคุณบุปผาราตรีคงจะนานมากแล้วตามที่ผมได้ศึกษามา แต่ยังไม่แตกฉานมากนัก พระนางสิริมาหามายาทรงประทับอยู่
สวรรค์ชั้นที่4ครับ ชื่อดุสิต ไม่ใช่ที่5นิมมานรดี

ข้อมูลของผมไม่ผิดแน่นอน พระพุทธเจ้าสรงโปรดพระมารดาที่ชั้นดาวดึงไม่ใช่
นิมมานรดี

หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบ จากที่ผมเคยเรียนมา ก็ไม่มีประวัติของพระมารดา จนกระทั่งมาศึกษาพระไตรปิฏกถึงทราบ
ผมขอแบ่งปันสิ่งที่ผมรู้มาให้ทราบกันครับ


" พระนางสิริมายา " ท่านเป็นเทพบุตรบนสวรรค์

แต่ท่านทำบุญแล้วอธิษฐานของให้เป็น " พระมารดาของพระพุทธเจ้าในภัทรกัป " นี้น่ะครับ

สรุปก็คือ ท่านจะเป็นพุทธมารของพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ด้วยกันครับ ..

องค์ต่อไปก็คือ " พระศรีอาริยเมตไตรย " ท่านก็จะลงมาเกิดเป็นผู้หญิง เป็นพุทธมารดาครับผม

( ไม่แปลกหรอกนะครับเป็นเทพบุตร แต่อยากเป็นพุทธมารดาน่ะ ความปรารถนาท่านก็สุดยอด )

พุทธมารดาของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ในภัททกัลป์ มี ดังนี้

คือ

1. พุทธมารดา ของ พระพุทธเจ้า กกุสันธะ คือ พระนางสุนันทาเทวี

2. พุทธมารดา ของ พระพุทธเจ้า โกนาคมานะ คือ พระนางยโสธาราเทวี

3. พุทธมารดา ของ พระพุทธเจ้า กัสสปะ คือ พระนางยศวดีเทวี

4. พุทธมารดา ของ พระพุทธเจ้า โคตมะ คือ พระนางสิริมหามายาเทวี

5. พุทธมารดา ของ พระพุทธเจ้า เมตไตยยะ คือ พระนางพรหมวดี

พระนางสิริมหามายาได้สร้างบารมีและอธิษฐานมาเพื่อมาเป็นพระพุทธมารดา ดังนั้นเมื่อความปรารถนาได้เสร็จสมบูรณ์แล้วก็กลับไปรอเพื่อมาเกิดเป็นพุทธมารดาของพระพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป ซึ่งเป็นองค์สุดท้ายในภัทรกัปนี้ คือพระศรีอารยเมตไตรสัมมาสัมพุทธเจ้า การที่พระนางสิริมหามายาต้องสิ้นพระชนม์เร็ว ก็เพราะว่าพระครรภ์ที่เป็นที่รองรับกายเนื้อของมหาบุรุษผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นไม่สมควรที่จะให้ผู้หนึ่งผู้ใดที่บารมียังไม่เต็มเปี่ยมมาใช้ร่วมด้วย ดังเช่นในวันที่พระองค์ประสูติได้ทรงกล่าว อสภิวาจาว่า "เราเป็นผู้ที่เลิศที่สุด เราเป็นผู้ที่ประเสริฐที่สุด ผู้อื่นที่ประเสริฐยิ่งกว่าเรานั้นไม่มี ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา" ก็หมายความว่าเมื่อพระองค์ประสูติแล้ว ได้ทรงตรวจดูทั่วทั้งจักรวาลนี้ไม่พบเลยว่าจะมีผู้ใดที่มีบารมีมากเกินกว่าพระองค์ เพราะบารมีของพระองค์เต็มเปี่ยมแล้วนั่นเอง เพราะได้สร้างบารมีมาอย่างยาวนานถึง ๒๐ อสงไขยกับอีกแสนมหากัป จึงจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า



และท่านอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต ไม่ใช่ดาวดึง แต่เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ ท่านไปที่ดาวดึง เพื่อให้เทวดาทุกชั้นสามารถเข้าเฝ้าได้ เพราะชั้นดาวดึง เป็นสวรรค์ขั้นที่ 2 ที่ชาวจาตุฯก็สามารถขึ้นมา เพื่อฟังพระธรรมได้ ส่วนเทวดาชั้นอื่นๆที่สูงขึ้นไป ก็ลงมาได้ ดังนั้นเทพบุตรพุทธมารดา จึงลงมาจากชั้นดุสิต เพื่อฟังพระธรรมที่ชั้นดาวดึง และสำเร็จเป็นพระอริยบุคคล ขั้นโสดาบัน



มารโลหิต
#10   มารโลหิต    [ 19-09-2010 - 23:17:42 ]

หค.ที่7

คุณบุปผาพิรุณโปรยปาย มั่ว ครับ

ที่ผมเรียนมาพระพุทธเจ้าทรงโปรดพระพุทธมารดาที่ชั้นดาวดึงต่างหาก ชั้นที่2ครับ
ไม่ใช่ชั้นที่5 และที่ประทับ ของพระนางสิริมหามายา อยู่ที่ชั้นดุสิตชั้นที่4 ครับ
เพราะว่าชั้นดาวดึง เหลาเทวดาชั้นจตุมก็จะเข้ามาฟังธรรมได้
พระพุทธเจ้าจึงเลือกที่จะแสดงธรรมที่ชั้นที่2เพราะเหลาเทวดาชั้นที่1จะได้เข้าเฝ้าฟังธรรมได้ครับผม

จบประเด่นดังกล่าว



มารโลหิต
#11   มารโลหิต    [ 19-09-2010 - 23:33:37 ]

เอ่อท่านพี่เทพสุราพอจะรู้เรื่องพระอินทร์ กับพระวิษณุกรรม มั้ยครับ
พอดีผมเรียนเทคนิคอยากรู้เรื่องของพระวิษณุ นะครับ หรือมีใครพอมีความรู้บอกผมที



เทพสุรา
#12   เทพสุรา    [ 19-09-2010 - 23:52:44 ]

พระอินทร์ผู้เป็นใหญ่แห่งสรวงสวรรค์



พระอินทร์เป็นตำแหน่งของพระราชาแห่งเทพทั้งปวง ในสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตำแหน่งนี้จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน ไปตามผลแห่งบุญกรรมที่ได้กระทำไว้ พระอินทร์องค์ใดสิ้นบุญ ก็จะมีองค์ใหม่ขึ้นมาแทนที่ กล่าวได้ว่า พระอินทร์นั้นมีหลายองค์ แต่ละองค์ก็มีอายุขัยเป็นไปตามบุญกุศลที่ตนได้กระทำมา

อดีตชาติของพระอินทร์

ณ หมู่บ้านมจลคาม แคว้นมคธ มีมาณพคนหนึ่งชื่อว่า มฆมาณพ มีใจใฝ่ให้ทาน รักษาศีลอยู่เสมอ ทั้งยังชอบแผ้วทาง ทำงานสาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น ปรับพื้นที่ให้เรียบเสมอกัน สร้างศาลา ปลูกต้นไม้ ขุดสระน้ำ ทำถนนหนทาง ทำสะพาน จัดทำจัดหาตุ่มน้ำ และสิ่งทั้งหลายเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวม มีปกติชอบความสะอาดเรียบร้อย ต้องการให้ท้องถิ่นดูสะอาดน่ารื่นรมย์

คิดดี คิดถูก คิดเป็น นำมาซึ่งความสุข

ขณะที่มฆมาณพทำงานในหมู่บ้าน ก็ใช้เท้าเกลี่ยฝุ่นในที่ซึ่งยืนอยู่ให้เรียบ คนอื่นเข้ามาแย่งที่ก็ไม่โกรธ กลับถอยไปทำที่อื่นให้เรียบต่อ แต่ก็ยังมีคนมายึดที่ที่เกลี่ยเรียบไว้แล้วนั้นอีก ถึงกระนั้นมฆมาณพก็ไม่โกรธ กลับเห็นว่าคนทั้งปวงมีความสุขด้วยการกระทำของตน ฉะนั้นกรรมนี้ ย่อมส่งผลกลับมาเป็นบุญที่ให้สุขแก่ตนแน่

มฆมาณพก็ยิ่งมีจิตขะมักเขม้น ตั้งใจที่จะทำพื้นที่ให้เป็นที่น่ารื่นรมย์มากยิ่งๆ ขึ้น จึงใช้จอบขุดปรับพื้นที่ให้เรียบเป็นลานให้แก่คนทั้งหลาย ทั้งยังเอาใจใส่ให้ไฟให้น้ำในเวลาที่ต้องการและได้แผ้วถางสร้างทางสำหรับคนทั้งหลาย

ต่อมามีชายหนุ่มอีกหลายคนได้เห็นก็มีใจนิยมมาสมัคร เป็นสหายร่วมกันทำทางเพิ่มขึ้น จนมีจำนวนนับได้ ๓๓ คน ทั้งหมดช่วยกันขุดถมทำถนนยาวออกไป จนถึงประมาณโยชน์หนึ่งบ้างสองโยชน์บ้าง

เมื่อประพฤติธรรม ย่อมไม่หวั่นภัยใด ๆ

ฝ่ายนายบ้านเห็นว่าคนเหล่านั้นประกอบการงานที่ไม่เหมาะสม ไม่สมควร จึงเรียกว่าสอบถามและสั่งให้เลิก แต่มฆมาณพและสหายกลับกล่าวว่า พวกตนทำทางสวรรค์ จึงไม่ฟังคำห้ามของนายบ้าน พากันทำประโยชน์ต่อไป นายบ้านโกรธและไปทูลฟ้องพระราชาว่า มีโจรคุมกันมาเป็นพวก พระราชามิได้พิจารณาไต่สวน หลงเชื่อมีรับสั่งให้จับมฆมาณพและสหายมา แล้วปล่อยช้างให้เหยียบเสียให้ตายทั้งหมด

ฝ่ายมฆมาณพเห็นเช่นนั้นก็ได้ให้โอวาทแก่สหายทั้งหลาย ไม่ให้โกรธผู้ใดและให้แผ่เมตตาจิตไปยังพระราชา นายบ้าน ช้างและตนเอง ให้เสมอเท่ากัน ชายหนุ่มทั้งหมดได้ปฏิบัติตาม ช้างไม่สามารถเข้าใกล้ด้วยอำนาจเมตตา

พระราชาเห็นดังนั้นจึงรับสั่งให้ใช้เสื่อลำแพนปูปิดคนเหล่านั้นเสีย แล้วปล่อยให้ช้างเหยียบอีก แต่ช้างกลับถอยไป พระราชารับสั่งให้นำคนเหล่านั้นมาเข้าเฝ้า แล้วตรัสสอบถาม เมื่อทรงทราบความจริง ก็ทรงโสมนัสและทรงแต่งตั้งมฆมาณพให้เป็นนายบ้านแทนนายบ้านคนเดิม ซึ่งตอนนี้ถูกลงโทษให้เป็นทาส

บุญเท่านั้น ที่เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย

สหายทั้ง ๓๓ คน นอกจากจะได้พ้นโทษออกมา ยังได้รับพระราชทานกำลังสนับสนุน ก็ยิ่งเห็นอานิสงส์ของบุญ มีใจผ่องใสคิดทำบุญให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก ได้สร้างศาลาเป็นที่พักของมหาชนเป็นถาวรวัตถุที่หนทางใหญ่สี่แพร่ง

ศาลานั้นได้แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน คือ ส่วนหนึ่งเป็นที่อยู่ที่พักสำหรับคนทั่วไป ส่วนหนึ่งสำหรับคนเข็ญใจ ส่วนหนึ่งสำหรับคนป่วย ทั้ง ๓๓ คนได้ปูลาดแผ่นอาสนะไว้ทั้ง ๓๓ ที่ โดยตกลงกันไว้ว่า ถ้าอาคันตุกะเข้าไปพักบนแผ่นอาสนะของผู้ใด ก็ให้เป็นภาระของผู้นั้นจะรับรองเลี้ยงดู มฆมาณพยังได้ปลูกต้นทองหลาง (โกวิฬาระ) ไว้ต้นหนึ่งในที่ไม่ไกลจากศาลา ภายใต้ต้นทองหลางได้วางแผ่นหินไว้ด้วย

มฆมาณพและสหายบำเพ็ญสาธารณกุศลเช่นนี้ตลอดชีวิต เรียกว่า บำเพ็ญวัตตบท ๗ ประการ ครั้นสิ้นอายุได้บังเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์





เทพสุรา
#13   เทพสุรา    [ 19-09-2010 - 23:56:12 ]

ผมก็จบเทคนิคมาเหมือนกัน ลูกพระวิษณุเหมือนกัน

พระวิษณุกรรม เป็นสิ่งบ่งบอกถึงสัญลักษณ์แห่งสถาบันการศึกษาด้านวิชาชีพ นักศึกษาด้านวิชาชีพต่างก็ยกย่องนับถือองค์พระวิษณุกรรมในฐานะเทพ ผู้เป็นบิดาในเชิงช่าง



ประวัติ พระวิษณุกรรม
ประวัติพระวิษณุกรรมไม่แน่ชัดนักตำนานหนึ่งว่าเป็นโอรสของ"ภูวน"อีกตำนานหนึ่งว่าเป็นโอรสของ"ประภาส" ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะวสุเทพบริวารของพระอินทร์วสุเทพนี้มี๘องค์คือธร(ดิน)อาป(น้ำ)อนิล(ลม)อนล(ไฟ)โสม(เดือน)ธรุระ
(ดาวเหนือ) ปรัตยุษ(รุ่ง) และประภาส(แสงสว่าง)

เรื่องราวของพระวิษณุกรรมมักจะเกี่ยวข้องกับพระอินทร์อยู่เสมอด้วยพระวิษณุกรรมเป็นเทพบริวารฝ่ายช่างของ
พระอินทร์ดังปรากฏในคัมภีร์อรรถกถาธรรมบทว่าเมื่ออดีตภพพระอินทร์เกิดเป็นมนุษย์มีนามว่า"มาฆมาณพ"อาศัยอยู่ที่
ตำบลจุลคามแคว้นมคธมาฆมาณพได้ดำเนินชีวิตไปในทางบุญกุศลตลอดเริ่มด้วยการแผ้วถางทางเดินซึ่งในขณะที่สร้าง
ได้มีบุรุษมาไต่ถามถึงความประสงค์เรื่อยๆ มาฆมาณพ ตอบว่าสร้างทางไปสวรรค์บุรุษนั้นๆ ก็มาร่วมด้วยจนมีจำนวนได้
๓๓คนต่อมาบุรุษทั้ง๓๓คนนั้นได้พากันไปสร้างศาลาที่ทางใหญ่สี่แพร่ง ด้วยความมุ่งหมายเพื่อสร้างทางไปสวรรค์ต่อ
ไป ในการสร้างศาลานี้มาฆมาณพพร้อมด้วยบุรุษทั้ง๓๓คนได้ไปเชิญนายช่างไม้ที่มีความสามารถผู้หนึ่งมาเป็นนายงาน
นายช่างไม้ผู้นี้ได้แสดงความสามารถเป็นที่ประจักษ์ในที่สุดศาลานั้นก็สำเร็จลุล่วงเป็นประโยชน์แก่ผู้สัญจรไปมาด้วยการ
กระทำของมาฆมาณพซึ่งเป็นผู้กำกับการนายช่างไม้เป็นนายก่อสร้างและบุรุษทั้ง ๓๓ คนเป็นคนงาน ด้วยอานิสงส์ของกุศลดังกล่าวเมื่อ
มาฆมาณพและเหล่าบุรุษทั้งหลายถึงแก่กรรมก็ได้ไปบังเกิดเป็นเทพยาดาในสรวงสวรรค์ทั้งหมด

มาฆมานพไปเกิดเป็นสมเด็จอมรินทราชาธิราช(พระอินทร์)แห่งดาวดึงส์ภิภพเป็นใหญ่กว่าเทพยดาในสองชั้นฟ้า
นายช่างไม้ไปเกิดเป็นพระวิษณุกรรมนายช่างศิลปะแห่งเทวโลกรับใช้องค์สมเด็จ บุรุษทั้ง ๓๓ คนนั้นก็บังเกิดเป็นเทพยดาองค์อื่นๆ ตามลำดับ
พระวิษณุกรรมมีหน้าที่คอยรับใช้พระอินทร์ เมื่อพระอินทร์ใคร่จะสร้างเทวาลัย สถานที่หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็มีหน้าที่รับภาระสนองจัดสร้าง

ลักษณะของพระวิษณุกรรมจะมีกายสีเขียวมีพระโลหิตเป็นสีเลือดหมูโพกพระเศียรด้วยผ้าขาวทรงจำศีลและถือหาง
นกยูงเป็นเครื่องมือเพื่อโบกปัดกวาดสิ่งที่ก่อสร้างขึ้นอย่างไรก็ตามมักพบรูปปั้นรูปหล่อหรือรูปเขียนของพระองค์ทรงถือผึ่งด้วยพระหัตถ์ขวา
และทรงถือดิ่งด้วยพระหัตถ์ซ้ายนั้นคงเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อแสดงให้มีความหมายตรงกับหน้าที่ของพระองค์ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือว่าเป็น
บรมครู แห่งศิลปะการช่างเพราะผึ่งกับดิ่งนั้นเป็นเครื่องมือของช่างไม้ หรือคงเพื่อต้องการให้ตรงกับกำเนิดเดิมของพระวิษณุกรรมซึ่งเป็น
นายช่างไม้สร้างศาลาดังกล่าวแล้วก็เป็นได้

พระวิษณุกรรม เป็นสิ่งบ่งบอกถึงสัญลักษณ์แห่งสถาบันการศึกษาด้านวิชาชีพ นักศึกษาด้านวิชาชีพต่างก็ยกย่องนับถือองค์พระวิษณุกรรมในฐานะเทพ ผู้เป็นบิดาในเชิงช่าง
คำว่า "วิษณุ" หมายถึง พระนารายณ์หรือภาคหนึ่งของพระองค์ มีชื่อเรียกได้หลายชื่อด้วยกัน เช่น
พระวิษณุกรรม วิสสุกรรม เวชสุกรรม เพชฉลูกรรม ตามความเชื่อในลัทธิพราหมณ์จะนับถือพระวิษณุกรรมว่า
เป็นเทพผู้มีความรู้ ความสามารถในเชิงช่างฝีมือทุกประเภทเราจะพบว่าวรรณคดีหลายเรื่อง กล่าวถึงความ
สามารถด้านนี้ของพระองค์ เช่น ในมหาเวชสันดรชาดก กล่าวถึงความสามารถด้านนี้ของพระองค์ เมื่อพระเวชสันดรได้พาพระนางมัทรีและสองกุมารมาถึงเขาวงกตนั้น พระวิษณุกรรมได้สร้างอาศรมถวายเพื่อใช้เป็นที่พักบำเพ็ญศีล
ภาวนา
ในสถาบันการศึกษาที่สอนวิชาช่างทุกแห่งจะพบว่า มีรูปปั้นของพระวิษณุกรรมไว้บูชาตามความเชื่อของ
ลัทธิพราหมณ์เคียงคู่กับพระพุทธรูปของชาวพุทธเสมอมา แต่จะมีท่าทางที่ต่างกันอยู่ 2 ท่า คือท่านั่งจะเป็นรูปองค์
พระวิษณุประทับนั่งบนแท่น มือขวาถือดอกบัวหรือลูกดิ่ง ส่วนท่ายืนมือขวาถือไม้เมตรหรือไม้วา มือซ้ายถือลูกดิ่ง
และไม้ฉาก ท่านคงสงสัยถึงที่มาขององค์พระวิษณุกรรมทั้ง 2 ท่านี้ ก็พอขยายความได้ว่า หากสถาบันใดเปิดสอน
วิชาชีพช่างก่อสร้าง ก็มักอยู่ในท่ายืนมือถือลูกดิ่งและไม้เมตรหรือไม้วาอันเป็นเครื่องมือของช่างก่อสร้างมาแต่สมัย
โบราณซึ่งช่างทั้งหลายทราบดีว่าเป็นเครื่องมือสำหรับวัดระยะ วัดความเที่ยงตรง
แต่สิ่งที่นอกเหนือไปจากนั้นยังแฝงไปด้วยปรัชญาในการดำเนินชีวิต คือความแม่นยำ เที่ยงตรง ไม่เอนเอียงในทางปฏิบัติ ซึ่งเป็นที่มาของช่างที่ดี คือความมีคุณธรรมประจำใจ หากเปิดสอนวิชาชีพสาขาอื่นๆ ที่ไม่ใช่ช่างก่อสร้างอยู่ด้วย ก็มักจะใช้ท่านั่ง เข้าใจว่าผู้สร้างคงจะชี้ให้เห็นเด่นชัดถึงสถาบันผู้ผลิตช่างก่อสร้าง อันเป็นช่างเก่าแก่มีมาแต่ก่อนแล้ว



ผีเสื้อน้อย
#14   ผีเสื้อน้อย    [ 20-09-2010 - 01:08:58 ]

สวัสดีพี่ชายทั้ง2
พี่มารโลหิตอยู่ขอนแก่นฝนตกป่าว ไม่เห็น ออนเอมเลย

พี่เราไปทางธรรมสะแล้ว ชื่อเทพสรา แต่เข้าทางธรรมสะงั้น
ไกล้จะสอบแล้ว ที่ ไปละ



เชี้ยหยาวหวน
#15   เชี้ยหยาวหวน    [ 20-09-2010 - 08:56:49 ]

เป็นไงกันบ้างสบายดีกันหรือเปล่า
ทุกท่าน นึกว่าไม่หายใจแล้ว
ข้าแม่ทัพใหญ่ เตรียมการลบพร้อมแล้ว
จะยกเข้าวัง ยึดบันลังฮ่องเต้ แล้วสถาปนาตัวเองแทน
ทุปท่านจะไปกับข้าหรือเปล่า เดี๋ยวข้าจะแต่งตั้ง ใหเป็น ขุนนาง นะ ไปไม่



มารโลหิต
#16   มารโลหิต    [ 21-09-2010 - 02:52:49 ]

อืมๆ...ได้ๆๆ

ท่านเทพไปไหนละเนี่ยะ สงสัยหมกมุ่นในพระไตรแน่ๆ



มารโลหิต
#17   มารโลหิต    [ 21-09-2010 - 02:54:21 ]

ลืมสวัสดี น้องสาว

และเซี้ยหวาวหวนเพื่อนบุปผาราตรี555



บุปผาพิรุณโปรยปราย
#18   บุปผาพิรุณโปรยปราย    [ 21-09-2010 - 05:16:49 ]

สอบวันที่24นี้แล้วค่ะทุกท่าน

ทุกท่านโปรดเป็นกำลังใจให้ดิฉันด้วยนะค๊ะ

และขอขอบคุณคุณเชี้ยหยาวหวนกับคุณแม่เฒ่าเทียนซัวเพื่อนรักของดิฉันมาก

ที่ได้ส่งกำลังใจด้วยอีเมล์ถึงอีเมล์ต่อดิฉันค่ะ



บุปผาพิรุณโปรยปราย
#19   บุปผาพิรุณโปรยปราย    [ 21-09-2010 - 05:18:29 ]

ขณะนี้ดิฉันกำลังดื่มน้ำทับทิมตราไบรทตี้อยู่ค่ะ

อ่านหนังสือจนจำได้ว่าอะไรอยู่หน้าไหนแล้วล่ะค่ะ

สำเร็จถึงขั้นสุดท้ายพอดี อิอิ



เทพสุรา
#20   เทพสุรา    [ 21-09-2010 - 05:52:56 ]

เหรอสมองความจำกลับมาเข้าที่แล้วหละสิ...555+

ขอให้ได้สอบหละกันครับ....คุณด๋อย



ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube