บอกเล่าเรื่องความชอบ ที่มีผลต่อการสอบAdmission

เกริ่นก่อนว่า ที่จะทำการพิมพ์และเล่าต่อไปนี้ น่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อย

ต่อ 1.ผู้ที่เรียนอยู่มัธยมปลาย 2.สนใจในวิชาทางสังคมศาสตร์

ใจจริงก็ไม่อยากให้คนเดาอายุได้หรอกครับ เพียงแต่อยากเล่าประสบการณ์เฉยๆ

ถ้าใครที่ขี้เกียจอ่านยาว + ไม่ใช่ 2 ข้อข้างบน + ไม่มีความสนใจในการสอบ
ขอให้ข้ามไปได้

------------------------------

บอกก่อนว่าแรงจูงใจที่ทำให้ผมถนัด ในวิชาทางสังคมศาสตร์ เชื่อไม่เชื่อ
ก็ขอบอกว่า มีอิทธิพลจากนิยายจีนเนี่ยกว่า 80%

เพราะว่าอะไรครับ? เพราะนิยายจีนเป็นนิยายไม่กี่ชาติในโลกที่ภูมิใจ
ในประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ รัฐศาสตร์ การสงคราม การเดินทาง
การประดิษฐ์คิดค้นของตนมาก

และเรื่องเหล่านี้ ถ้าเป็นนักเขียนชั้นยอด มักจะถ่ายทอดสิ่งที่บอกข้างต้น
สอดแทรกไว้ไม่น้อย.. เอาง่ายๆนะครับ แค่ 3 ก๊กเรื่องเดียว มีความรู้ที่
เป็นทางสังคมศาสตร์อะไรบ้าง ผมจะจำแนกคร่าวๆให้ดูเอง

ประวัติศาสตร์ > สามก๊กเป็นเรื่องราวตอนปลายฮั่น และคาบเกี่ยวกับราชวงศ์
จิ้น

ภูมิศาสตร์ > สามก๊ก คุณก็ย่อมทราบดีว่าที่ตั้งของจ๊กก๊กอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ของจีน วุยก๊กทางตอนกลาง+บนของจีน รวมถึง ส่านซี และเสฉวนตอนบน
ง่อก๊กอยู่ทางแถบเจียงหนาน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน

รัฐศาสตร์ > ทราบการปกครองว่า มีลักษณะเป็น การรวมอำนาจและกระจายอำนาจ (แบบหนังสือเรียนรัฐศาสตร์ไทยนี่แหละครับ) รวมอำนาจไว้ที่ฮ่องเต้ อำมาตย์ เจ้าพระยา(เทียบกับจีนก็ คือ ตำแหน่ง "กง")และกระจายอำนาจ
ไปที่ผู้สำเร็จราชการประจำมณฑล และหัวเมือง > ไปที่เจ้าเมือง > นายอำเภอ >กำนัล และอีกมากมาย

การสงคราม > ได้เห็นกลยุทธของขงเบ้ง บังทอง สุมาอี้ มากมายนับไม่ถ้วน

การประดิษฐ์คิดค้น > ในยุคสามก๊ก เช่น เริ่มมีอาหารที่ชื่อว่าหมั่นโถว

อันนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นครับที่ยกตัวอย่าง สำหรับคนที่คลั่งใคล้ประวัติศาสตร์อย่างผม

ต่อกระทู้ถัดไปละกันครับ

ต่อเลยนะครับ

เมื่อผมพูดถึงข้างบนแล้ว จะเกิดคำถามว่า อย่างเก่งก็ครอบคลุมในจีน

แล้วคุณจะตรัสรู้มาตอบคำถามของสังคมศาสตร์อีกมากมายก่ายกองได้ยังไง

เอาเป็นว่าผมจะอธิบายในส่วนนี้ก่อนนะครับ

คือ ถ้าคุณที่รักชอบการศึกษาเรื่องวิชาทางแขนงนี้ คุณจะหาความสิ้นสุดของความคิดไม่ได้!!!

ถ้าเราไม่รู้จริง!!! ผมอ่านไปเกิดคำถามตลอด ฮั่นมันตอนไหน?เทียบกับไทยหลังพ่อขุนป่าววะ?

จีนมันใหญ่เท่าไหน ติดต่อพรมแดนอะไรบ้าง? ศาสนาในจีนล่ะ? ผมก็เริ่มจากจุดนี้หละครับ

พอเราศึกษาจีนไปเรื่อยๆ ก็ต่อยอดไปเกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ไม่นานก็จะเข้าใจที่มาที่ไป ของประเทศในเอเชียแทบทั้งสิ้น

ต่อมาก็ความรู้ทางแนวทางอื่นๆเช่น ยุโรป แอฟริกา อเมริกาเหนือ+ใต้ ออสเตรเลียมันจะตามมาเอง

เรียกได้ว่าตัวจุดประกายของผมก็คือความสงสัยจากนิยายนี่แหละครับ

ถ้าเจาะจงเรื่อง Admission สังคม คนส่วนใหญ่มักจะทิ้ง ไม่ก็กามั่ว

แต่ถ้าคนไหน ริจะเรียน รัฐศาสตร์ พวกบริหารรัฐกิจ พวกนิติศาสตร์

คุณไม่มีวันหนีสังคมได้แน่ๆ

ผมเป็นหนึ่งในคนไม่กี่คน ที่มาทางสายนี้คือเน้นทำสังคมให้ได้มากๆ

สิ่งที่จุดประกายให้เกิดความรักชอบในสังคมศาสตร์มันอยู่ใน

เรื่องความรู้รอบตัว นั่นแปลว่าถ้าคุณเข้าใจจริงๆ ก็ไม่มีวันจะต้องไปนั่งจำ

ช่วงก่อนสอบผมจำได้ทุกอารยธรรมบนโลก ทุกเหตุการณ์สำคัญ ทราบทั้งๆที่ไม่ได้อ่านมากเท่าไหร่

อันนี้จะใช้ได้ผลต่อคนที่ขวนขวายความรู้แขนงนี้นะครับ สำหรับทางสายอื่นคงใช้แนวทางที่แตกต่างกัน

เมื่อตอนสอบเสร็จมา ผมทำข้อสอบย้อนหลัง 3 ปี O-Net/A-Net 49 50 51 ผมได้70+ ทั้งโอและเอครับ

พอมาปี 52(สอบจริง) ก็ได้ โอ 76 เอ 70 ถือว่าโอเคครับ (เต็ม100ทั้งหมด)

พูดมาซะยาวผมสรุปให้ฟังง่ายๆว่า อย่ามองเป็นเรื่องเล่นๆว่า

นิยายเป็นเรื่องไร้สาระ หรือไม่ส่งเสริมอะไร

แต่ถ้าเราจับจุดได้และเกิดข้อสงสัยที่เกี่ยวโยงกับ"~ความเป็นจริง"

เราก็จะเข้าใจในประวัติศาสตร์ครับ เข้าใจในหลักการของสิ่งต่างๆ

ถึงตอนนี้ผมจะเสียดายที่ไม่ได้เรียนทางสายสังคมซึ่งทำคะแนนได้ดี

(ผมคะแนน +จาก รัฐศาสตร์ จุฬา นิติ จุฬา อย่างละ 500 กับ200)

ตัดสินใจเรียนทางวิศวะ แต่ก็ยังศึกษาเรื่องทางนี้ต่อไปครับ

----------------------

ปล.อ่านดูเป็นประสบการณ์ เล่นๆนะครับ

ความชอบส่วนตัว กับ ความเป็นจริงมันต้องแยกออกจากกันครับ ผมเองก็ชอบวิชาสังคม แต่ก็ไม่เคยคิดจะเรียนคณะสังคมคับ คิดจะเลือกวิศวะเหมือนกันฮะ

ท่าน ฤทธานุภาพ พี่ผมแค่ปีเดียวเอง ก็หลงนึกไปว่าอายุ30 - 40

ข้าน้อย แอดไม่ติด

แต่เรียนราชภัฎธนบุรี ปี 1 นิติศาสตร์