เข้าระบบอัตโนมัติ

เล่าประสบการณ์การไปที่ประเทศจีน ครั้งแรกของผม


จอมยุทธ์มังกรน้อย
#1   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 05-06-2009 - 16:07:05 ]

สวัสดีครับทุกคน ขอโทษทุกคนที่ผมหายไปนานนะครับ ถ้าใครยังจําผมได้ก็ขอขอบคุณนะครับ

เนื่องจากผมได้มีโอกาสได้ไปประเทศจีนในโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนระหว่างมหาลัยของผมและมหาลัยต้าลี่เป็นเวลา 1 เดือน จึงทําให้ได้รับประสบการณ์ต่างๆมากมายที่ประเทศจีนไม่มากก็ไม่น้อย ในฐานะผมเป็นสมาชิกของเว็บนี้จึงอยากมาเล่าประสบการณ์การเป็นอยู่ที่ประเทศจีนให้ฟัง เผื่อเป็นประโยชน์ต่อคนที่กําลังจะไปประเทศจีน

ก่อนอื่นผมจะมาเล่าประวัติคร่าวๆของเมืองต้าลี่ก่อน

ต้าหลี่ (大理) เป็นเมืองเอกของ เขตปกครองตนเองชนชาติไป๋ ต้าหลี่ มณฑลยูนนานทางตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่บนที่ราบสูงระหว่างเทือกเขาชางซานทางด้านตะวันตก และทะเลสาบเอ๋อไห่ทางด้านตะวันออก เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชาวไบ๋และชาวอี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ

ต้าหลี่เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรน่านเจ้า ซึ่งเป็นอาณาจักรของชาวไป๋ในราวศตวรรษที่ 8-9 ต่อมาได้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรต้าหลี่ในปี พ.ศ. 1480 - 1796 และยังเป็นศูนย์กลางการเคลื่อนไหวของกลุ่มกบฏชาวจีนมุสลิม (จีนฮ่อ)ระหว่างปี พ.ศ. 2399 - 2406

ต้าหลี่ยังมีชื่อเสียงในฐานะเป็นแหล่งผลิตหินอ่อนหลากหลายชนิด ซึ่งนำไปใช้ในการก่อสร้างและประดับตกแต่งอาคาร

ปัจจุบันนี้ ต้าหลี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งจากในและต่างประเทศ

ต้าหลี่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมที่สุดแห่งหนึ่งของมณฑลยูนนาน โดยมีชื่อเสียงมาจากแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และถนนนานาชาติ ซึ่งมีทั้งอาหารแบบตะวันตก ดนตรีสากล และผู้คนที่พูดภาษาอังกฤษ จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวจีนและชาวต่างประเทศ ภายในเมืองยังมีร้านกาแฟอยู่มากมาย ทำให้มีบรรยากาศเหมือนเมืองในยุโรปอย่างเช่นอัมสเตอร์ดัม






จอมยุทธ์มังกรน้อย
#2   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 05-06-2009 - 18:07:55 ]

วันแรกที่ประเทศจีนของผม

ในโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนครั้งนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค - 4 มิ.ย ผมเดินทางไปประเทศจีนโดยเครืองบินของการบินไทย

วันที่ 7 พ.ค ผมตื่นตั้งแต่ ตี 5 อาบนําแต่งตัวเก็บกระเป๋า จากนั้นก็ออกเดินทางไปสนามบินสุวรรณภุมิ ซึ่งก็เป็นครั้งแรกของชีวิตผมที่ได้ไปสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งผมไปถึงสนามบินประมาณ 9 โมง พอผมไปถึงสนามบินก็รู้สึกตื่นเต้นมากเพราะมันใหญ่โตมากจริงๆ ผู้คนก็เยอะแยะ หลังจากนนั้นผมก็ไปเข้าช่อง เช็ค out เพื่อโหลดกระเป๋าซึ่งผมรู้สึกเป็นกังวลมากเพราะผมรู้มาว่านําหนักของกระเป๋าถ้าเกิน 20 กิโลก็จะโดนปรับเสียเงินเพิ่ม ซึ่งเขาคิดเงินเป็นดอลล่า แต่ผมก็ผ่านไปได้ด้วยดี เพราะตอนชั่งผมนําหนัก 15 กิโล จึงทําให้ผมโล่งใจเป็นอย่างมาก จากนั้นผมและเพื่อนๆอีก 4 คน รวม อาจารย์อีก 1 คน ก็ได้ไปนั่งรอเครื่องบินออก ซึ่งผมจะต้องขึ้นเครื่องประมาณ 10.50 ระหว่างรอทั้งผมและเพื่อนต่างก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะเป็นการเดินทางไปประเทศจีนเป็นครั้งแรกของทุกคน ยกเว้น อาจารย์ พอถึงเวลาขึ้นเครื่องมาถึง ผมก้ได้ไปขึ้นเครื่องซึ่งเวลานั้น ผมใจเต้นอย่างเร็วเพราะเป็นการนั่งเครื่องบินครั้งแรกของผม ซึ่งในระหว่างตอนเครื่องกําลังจะขึ้น ใจผมเต้นอย่างเร็วมากกลังจากนั้นผมก็หลับตาจนขึ้นแล่นเป้นปกติ ผมก็ค่อยๆลืมตา จากนั้นผมก็ค่อยๆเริ่มปรับตัวและชินไปกับการนั่งเครื่องบิน

ในการเดินทางโดยเครื่องบินครั้งนี้ สายการบินของผมบินตั้งแต่กรุงเทพ ไปถึง คุณหมิง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง พอไปถึงคุณหมิง ผมก็ต้องเข้าช่องด่าน ต.ม ซึ่งผมรู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าเขาจะถามผมหรือเปล่า เพราะผมพูดอังกฤษไม่ค่อยเก่ง จีนก็ไม่ค่อยจะได้เลย แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีเพราะเขาก็แค่ดูหน้าตาว่าเหมือนกับ pass sport หรือไม่ ซึ่งในการต่อคิวเข้าช่อง ต.ม นั้น ผมได้รู้จักกับลุงท่านหนึ่งซึ่งเขาเดินทางมากับทัวการท่องเที่ยว ซึ่งผมถามราคาแล้ว ก็ไม่แพงมาก เพราะได้เดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่ คุณหมิง ต้าลี่ ลี่เจียง และ แชงการีล่า เป็นเวลา 7 วัน เขาคิดคนละ 32000 เอง ซึ่งผมคาดไว้ว่าถ้าเป้นกร๊ปนี้อย่างน้อยต้องไม่ตํากว่า 40000 บาท หลังจากตรวจคนเข้าเมืองเสร็จพวกผมก็ไปรอรับกระเป๋า จากนนั้นพวกผมก็เดินทางไปตรงทางออกเพื่อไปหาคนที่มารับพวกเรา จากนนั้นผมก็ได้เจอกับนักเรียนจีนที่มารอรับพวกเราอย่ ก็ได้คุยทักทายกันเล็กน้อย ซึ่งคําแรกที่ผมพูดออกไปคือ หนีห่าว เขาก็ตอบกลับมาว่า หนีห่าว และ พูดว่า welcome to china จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของอาจารย์ผมในการพูดสื่อสารกัน ซึ่งนักเรียนของเขาพูดอังกฤษเก่งมาก หลังจากนนั้นก็พาไปขึ้นรถตู้เล็ก เพื่อพาไปต่อขึ้นรถบัส ในระหว่างนั่งรถตู้นั้น พวกผมต่างก็ตื่นเต้นกันมาก เพราะบรรยากาศภายในเมืองคุณหมิงนั้นแตกต่างจากกรุงเทพหลายอย่าง เช่น อาคารบ้านเรือน ผู้คน รถลา ซึ่งตแกต่างไปจากบ้านเรา ผู้คนก็เยอะแยะมากที่เดิมตามถนนข้างทาง อีกเรื่องที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือ รถของพวกเขาพวงมาลัยจะอยู่ด้านซ้ายมือทุกคัน ซึ่งเป็นรถแบบยุโรป ผมลืมบอกไปผมมาถถึงสนามบินคุณหมิงประมาณ บ่ายโมง พอไปถึงสถานีรถบัส นักเรียนของเขาก็ได้ไปจัดการซื่อตั๋วรสบัสให้ ซึ่งผมก้ถามเขาว่าใช้เวลานานเท่าไร นั่งรถกบัสจากที่นี่ไปเมืองต้าลี่ เขาบอก 5 ชั่วโมง ซึ่งพวกผมต่างก็ตกใจนิดหน่อยเพราะนึกว่า มันคงไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง แต่ก็ไม่รู้สึกผิดหวังอะไร เพราะคิดว่าคงได้ดูวิว ทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่กลับผิดคาด ทางที่เราไปนั้นมีแต่ภูเขา ภูเขา และก็ภูเขา และยังได้วนรอบเขา ซึ่งพวกผมต่างก็รู้สึกมึนหัวกันไปตามๆกันพอผ่านไป 2 ชั่วโมงเขาก็จอดแวะพักที่ปั๊ม เพื่อให้ผุ้โดยสารแวะพักกินข้าว และเข้าห้องนํา ซึ่งพวกผมก็ได้ลงเข้าห้องนํากันทุกคนที่เป็นผู้ชาย ยกเว้นผู้หญิง เพราะห้องนําสกปรกมาก และยังมีแมลงดังนั้น ผมและเพื่อนผู้ชายอีก 2 คน สามารถเข้าห้องนําได้ ก็แค่ ฉี่เท่านั้น มีเพื่อนผมคนหนึ่งเขาบ่นปวดขี่มาตั้งแต่ขึ้นรถ พอมาเห็นห้องนําอาการก็หายไปทันทีเลย ซึ่งกลายเป็นขําที่สุดของวันนั้นของพวกผ หลังจากเข้าห้องนํากันเรียบร้อย เขาก็จะพาไปกินข้าว พอผมเห็นหน้าตากับผมข้าว ต่างก็พูดเป้นเสียงเดียวกันว่า ไม่กิน เพราะเห็นแล้ว ร้านและอาหารดท่างทางจะสกปรกมาก สีก็เป็นสแดงข้น พวกคิดแล้วว่า ถ้ากินกลัวจะท้องเสียในระหว่างนั่งรก ซึ่งเขาบอกว่า รถจะไม่จอดแวะที่ไหนอีกแล้ว จะขับยาวต่อไปถึงเมืองต้าลี่เลย หลังวจากแวะปั๊มเสร็จ พวกเราก้ได้พากันขึ้นรถกันต่อไป ซึ่งเวลานั้นเป็นเวลาเกือบ1 ทุ่ม แต่ฟ้าก็ยังสว่างเหมือน บ่าย 4 โมงของบ้านเราอยู่เลย ถ้าผมได้รูปจากเพื่อนเมื่อไหร่ ผมก็จะเอามาลงให้ดู ซึ่งที่นั้น ฟ้าจะมืดช้ามาก กว่าจะมึดก็ประมาณ 3 ทุ่ม ซึ่งเป็นที่แตกต่างจากบ้านเราอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งรถไปถึงเมืองต้าลี่ประมาณ3 ทุ่มกว่าๆ ซึ่งรถบัสออกจากสถานีประมาณ 4 โมงกว่าๆ พอไปถึงสถานีรสบัสที่เมืองต้าลี่ก็จะมีกลุ่มคนขับแท็กซี่ ต่างก็เข้ามาที่ผมมาพูดภาษาจีนประมาณว่า จะไปไหนต้องการแท็กซี่หรือเปล่า ซึ่งผมรู้สึกอึดอัดมาก เพราะทําไมจะต้องมารุมที่ผมคนเดียว เพื่อนๆผมไม่โดนเลย ซึ่งก้บอกเขาว่พูดจีนไม่ได้ เขาก็ยังมารุมตือผมอีก ผมเลยด่าเขาเป้นภาษาไทยเลยว่า อ้าย ...วย หลังจากพวกเด็กนักเรียนเขาก็เข้ามาช่วยผมพูด ตอนนั้นผมรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก และคิดว่าทําไมคนจีนมันกวน.... จริงๆ หลังจากนนั้นพวกเขาก็พาผมขึ้นรถตู้คันเล็ก นั่งต่อไปมหาลัย อีกประมาณ ครึ่งชั่วโมง ก็ถึงมหาลัย ซึ่งตอนนั้นเวลา 5 ทุ่มแล้ว อากาศก็เย็นมาก เย็นจนพวกผมต่างก็เกือบจะทนไม่ไหว เพราะพึ่งมาถึงวันแรก ร่างกายยังปรับตัวไม่ได้ แต่พอได้เข้าไปในมหาลัยแล้ว ความเหนื่อย ความหนาวก็หายลงไป เพราะมหาลัยเขาใหญ่มาก และสวยมาก ถ้าได้รูปจากเพื่อนจะเอาลงมาให้ดู จากความเหนือ่ย ความหนาว กลายเป้นความตื่นเต้นแทน หลังจากนนั้นรถก็พาไปจอดหน้าหอพักนักเรียนของพวกผม ซึ่งหอพักนักเรียนของเขาจะอยู่ในมหาลัยเลย ซึ่งมีหลายหอพักมาก ไม่ต่ากว่า 10 หอพัก เพราะส่วนใหญ่นักเรียนที่นั้นจะพักอยู่ที่หอพักของโรงเรียนกัน หลังจกานั้นเขาก็พาพวกผมไปเก็บกระเป๋าในห้อง ซึงผมอยู่หอพักที่ 5 ส่วนผู้หญิง จะอยู่หอพัก 6 หลังจากเก็บกระเป๋าเสร็จพวกเขาก็พาพวกผมไปกินอาหารในร้านอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดของมหาลัย ซึ่งเป็นร้านอาหารเดียวที่มีเมนูมีภาษาอังกฤษ ซึ่งผมได้สั่งราดหน้าเนื้อวัวกับข้าว ถ้าได้รูปจะเอาลงมาให้ดู มันจะเป็นนําคล้ายๆราดหน้าของบ้าน้เรา และก็มีเนื้อวัว ซึ่งอร่อยมากๆ และเป็นเมนูอาหารที่อร่อยที่สุดของผมสําหรับที่นั้น แต่ผมก็ยังกินไม่หมด เพราะมันรู้สึกเอียนมาจากรถบัส หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็มีอาจารย์ที่เขาทําหน้าที่ดูแลพวกผมที่นั้น เป็นอาจารย์ผู้หญิง ซึ่งหน้าตาเด็กมากเหมือนอายุ 30 กว่าๆเอง ซึ่งพวกผมมารู้ทีหลังว่าอาจารย์เขา อายุ 50 กว่าแล่ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ตกใจของทุกคน หลังจกานั้นอาจารย์ก็แจกบัตรที่มีเงินอยู่ในบัตร 100 หยวน อาจารย์เขาบอกว่าไว้สําหรับซื่อของ และ กินข้าว ซึ่งที่นั้นจะมีวิธีจ่ายเงิน 2 แบบ คือ จ่ายเงินสด และ ใช้บัตรวางไว้บนเครื่อง และเขาก็จะกดตัวเลขที่เป็นราคาของของสิ่งนั้น เงินในบัตรก็จะหายไปเหลือเท่าที่เรายังไม่ได้ใช้ หลังจากนั้น เขาก็พาพวกผมไปส่งห้อง เพื่อปล่อยให้พวกผมพักผ่อน ซึ่งตอนนั้นหอพักไฟปิดแล้ว ซึ่งระบบหอพักที่นั้นเขาจะบังคับปิดไฟ ถ้าวันจันทร์ ถึง พฤหัส เปิด 6.30 - 23.30 ศุกร์ 6.30 - 24.00 เสาร์ 6.30 - 24.30 อาทิตย์ 6.30 - 24.00 หลังจากนั้นพวกก็เอาอุปกรณ์ทีสําคัญที่สุดของคืนนั้นมาใช้ คือ ไฟฉายและ เทียน ซึ่งถ้าไม่มี 2 อย่างนี้ พวกผมก็คงต้องครํากันมั่วๆมันเลย เพื่อหยิบเสื่อผ้าออกจากกระเป๋า หลังจากเหร็จภารกิจส่วนตัวกันเรียบร้อย พวกผมก็ทิ้งตวบนเตียงและนอนทันที เพราะมันเหนื่อนมาก ซึ่งฝ่ายเขาก็เตรียมหมอน ผ้าห่อไว้เรียนร้อย อยากดจะบอกว่าผ้าห่มของเขาดีมาก ทําจากหนังสัตว์แท้ ห่อมแล้วรู้สึกอบอุ่นมาก จึงทําให้นอนหลับอย่างสบาย ด้วยบรรยากาศที่เย็นสบาย

ขอจบเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ แล้ว วันหลังมาต่อภาคสอง



เด็กหญิงไร้นาม
#3   เด็กหญิงไร้นาม    [ 05-06-2009 - 20:02:57 ]

"""งง

1. มหาลัยตาลี่มีนักเรียนกี่คนค่ะ ครูกี่คนค่ะ

2.มหาลัยตาลี่มีการสอนวิชาภาษาไทยหรือไม่ค่ะ

3.มหาลัยตาหลี่เรียนเกรดระดับใดบ้างค่ะ

4.มหาลัยตาหลี่มีขื่อเด่นด้านใดบ้างค่ะ

5.การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเราเอาอะไรไปแลกค่ะ

6.และเขาให้วัฒนธรรมอะไรกลับมาบ้างค่ะ

ขอบคุณค่ะ



richman
#4   richman    [ 05-06-2009 - 23:01:33 ]

ใช่ ทุนAFSป่าว อะครับ



ยาจกทักษิณ
#5   ยาจกทักษิณ    [ 06-06-2009 - 12:44:42 ]

มันเป็นเยี่ยงนั้นเหรอ



จอมยุทธพันหน้า
#6   จอมยุทธพันหน้า    [ 06-06-2009 - 16:26:17 ]

ครั้งแรกจิงอ่ะ :lo l:



จอมยุทธ์มังกรน้อย
#7   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 06-06-2009 - 18:09:31 ]

ตอบเด็กหญิงไร้นาม

1. ผมไม่แน่ใจครับ นักเรียนมีประมาณ หมื่นคน อาจารย์ก็ประมาณ 300-500 คน

2. ยังไม่มีครับ แต่อนาคตอาจไม่แน่แล้วครับ

3. ก็มี a b c d เหมือนเมืองไทยเรา แต่การที่คนต่างชาติจะไปเรียนที่นั่น เขาบังคับให้เรียนภาษาจีนของเขาก่อน 1 ปี แล้วสอบเลย ถ้าผ่านก็สามารถเลือก คณะได้ตามใจชอบเลยครับ ถ้าไม่ผ่านก็ต้องเรียนใหม่อีก 1 ปี จนกว่าจะสอบผ่าน ค่าเรียนที่นั่นเขาคิดเป็นปีเลย รวมทั่งค่าเรียนและค่าหอพัก ประมาณ 50000 บาท ต่อปี ไม่รวมค่าใช่จ่ายส่วนตัวนะครับ

4. ด้านศิลปะ ดนตรี และ การท่องเที่ยว ครับ เขาจะมีชื่อเสียงมาก

5. คือ การสวัสดี ทักทายกัน การร้องเพลง พวกผมก็แลกเปลี่ยนการร้องเพลง เด๋วทีหลังผมจะมาเล่าต่อครับ

6. การกินอยู่ การเข้าสังคมที่นั่น การร้องเพลง ครับ

เด๋วผมจะมาเล่าต่อภาค สอง วันหลังครับ



vมังกรหลับv
#8   vมังกรหลับv    [ 06-06-2009 - 22:56:58 ]

เป็นโครงการอะไรหรอคับ น่าไปอะ ได้ถ่ายรูปสาวๆจีนที่นั่นติดมามั่งปะคับ เอามาลงให้ดูมั่งจิคับ โรงเรียนที่ไปนี่เป็นรร.นานาชาติใช่ป่าวคับ



จอมยุทธ์มังกรน้อย
#9   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 07-06-2009 - 17:05:50 ]

ภาค 2

หลังจากที่พวกผมได้พักผ่อนกันแล้ว วันรุ่งขึ้น อาจารย์และพวกผมก็ได้ไปเที่ยวกันที่วัดซานถาง หรือวัดเจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นสถาณ์ที่ที่มือชื่อเสียงมากของเมืองต้าลี่ ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง 8 เทพอศูรมังกรฟ้า ก็จะเคยเห็น ซึ่งเป็นฉากที่ ต้วนอี้ได้ฝึกวิชา ดรรชนีเพลงกระบี่ 6 ชีพจร พวกผมได้ไปที่นั้นโดยมีเด็กนักเรียนของเขาพาไป ซึ่งผมจะตื่นเต้นกว่าเพื่อนๆเลย เพราะ ผมใฝ่ฝันอยากจะไปที่นี้มาตั้งนานแล้ว จากการที่ได้ดูหนังเรื่อง 8 เทพอศูรมังกรฟ้า หลังจากได้รู้ว่าจะได้มีโอกาสมาเมืองต้าลี่ ผมจึงคิดในใจเสอมว่าจะต้องมาที่นี้ให้ได้ แต่ขอบอกว่าค่าตั๋วก็ไม่ใช่ถูกนะครับ คนละประมาณ 120 หยวน แต่ถ้าเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา เขาคิดแค่ 10 หยวนเอง ซึ่งชั่งแตกต่างกันเหลือเกิน แต่พวกผมโชคดีที่มีนักเรียนของเขาไปด้วย พวกเขาจึงใช้เงินของมหาลัยออกให้หมดเลย และผมก็มารู้ทีหลังมหาลัยเขาจะพาไปวันเสาร์อยู่แล้ว แต่พวกผมรีบร้อนไปกันเองก่อน ซึ่งเมื่อถึงหน้าวัดแล้ว พวกผมแต่ก็ไปถ่ายรูปกันที่หน้าวัดกันใหญ่เลย ซึ่งผมดูหน้าวัดแล้ว ตอนแรกรู้สึกว่าวัดมันคงไม่ใหญ่มาก แต่พอได้เข้าไปเท่านั้นแหละ ผมถึงก็พูดออกมาว่า Oh my god ทําไมมันชั่งใหญ่และไกลมาก และสวยมากๆอีกด้วย ซึ่งผมถามเขาแล้วแล้ว เขาบอกว่าที่วัดเดินได้ไกลถึง 8 -10 กิโล พวกผมเลยแอบบ่นกันนิดๆว่า เอาละงานนี้คงเหนื่อยกันไม่ใช่น้อย ผสมกับแดดที่ร้อนแรงอย่างมาก ผมลืมบอกไปอย่างหนึ่งว่าที่นั่น ถึงอากาศจะเย็นสบาย แต่แดดก็แรงไม่แพ้บ้านเราเลย พวกผมไปกันก็ดําขึ้นกันเป็นแถวเลย ทั้งเพื่อนและอาจารย์ก็บ่นกันเรื่องนี้ ที่นั้นพวกเขาจึงนิยมซื้อร่มกันคนละอัน ติดตัวไว้ตลอด แต่พวกผมที่เป็นผู้ชายตอนแรกก็ไม่รู้สึกกลัว เพราะอยู่เมืองไทย เจอแดดเมืองไทยจนชินแล้ว แค่แดดเมืองจีนคงไม่เท่าไรหรอก แต่กลับเกินคาด แค่ผ่านไปไม่กี่นาที ผิวหนังของพวกผมก็เผยให้เห็นได้ชัดเลยว่าดําขึ้น จนพวกผมพูดตกลงกันไว้เลยว่า กลับไปมหาลัยคงต้องซื้อร่มกันคนละอันแน่ๆ พอพวกพวกเกินไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณเจดีย์สามองค์ ผมก็รู้สึกตื่นเต้นมากๆ เหมือนกับตัวเองได้เข้ามาอยู่ในหนังจีนเลย และนึกภาพตอนที่ต้วนอี้กําลังฝึกวิชาจากหลวงจีนทั้งหก หลังจากนั้นพวกผมก็ถ่ายรูปกันใหญ่ และได้เดินทางกันต่อซึ่ง ซึ่งพวกเพื่อนๆผมและอาจารย์ต่างก็รู้สึกเหนื่อยกันแล้ว เพราะรู้พวกผมเดินได้มาครึ่งทางแล้ว แต่ผมหลังจากที่ได้เห็นเจดีย์สามองค์แล้ว ความเหนื่อยก็หายไปหมดเลย ถ้าใครเป็นแฟนหนังนิยายจีน ก็คงรู้สึกเหมือนผม ใช่ไหมครับ จากนั้นพวกผมก็เดินทางต่อไปอีก ขอบอกว่าทางนั้นไม่ใช้เดินทางแบบเรียบๆ เหมือนชมวัดพระแก้วบ้านเรา แต่ทางนั้นยิ่งเดินมันจะยิ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนเดินขึ้นภูเขา ความเหนื่อยจึงทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆอีก แต่ผมก็รู้สึกไม่ท้อถอยเพราะอยากจะเดินขึ้นไปให้ถึงจุดสิ้นสุดของวัก เพราะวัดมันช่างสวยจริงๆและใหญ่โตมากเหมือนพระราชวังเลย แต่พวกผมก็เดินไม่ถึงจุดสิ้นสุด เพราะ ทั้งเพื่อนๆผมและอาจารย์ต่างก็รู้สึกเหนื่อยกันอย่างมาก อีกอย่างเด็กของพวกเขาก็เหนื่อยกันแล้ว พวกผมก็เกรงใจพวกเขา จึงได้ตัดสินใจกลับกัน ซึ่งผมแอบรู้สึกเสียดายอยู่ในใจนิดๆ เพราะใจผมยังไม่อยากกลับเลยอยากจะเดินไปถึงที่สุด แต่ก็ต้องกลับ เพราะพวกเพื่อนๆผมต่างก็ไม่ไหวกันแล้ว ผมจึงคิดไว้ว่าถ้ามีโอกาสจะมาอีกสะครั้ง และเดินให้ถึงจุดสูงสุดให้ได้ หลังจากนั้นพวกเด็กนักเรนียนของเขาก็พาพวกผมกลับมหาลัยโดยรถตู้คันเล็ก ทุกต่างก็ทมีสภาพที่เหนื่อยกันอย่างมาก พอกลับถึงมหาลัยพวกผมต่างก็พากันกลับไปพักผ่อนที่ห้องกันอย่างเร็วเลย พอหัวถึงหมอนทุกคนต่างก็หลับกันหมด ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลา 4 โมงเย็นแล้ว

เด๋วจะมาเล่าต่อภาค 3 นะครับ รับรองว่าจะมีเรื่องสนุกๆ ที่ผมจะเล่าให้ฟังอีกเยอะ บายๆ



oคาระวะทั้งเเผ่นดินo
#10   oคาระวะทั้งเเผ่นดินo    [ 07-06-2009 - 19:56:09 ]

เหอะๆหายไปนานเลยนะ



กระบี่เก้าเดียวดาย
#11   กระบี่เก้าเดียวดาย    [ 08-06-2009 - 13:11:39 ]

ขอของฝาก ขอสาวๆ จากมลฑลยูนนานด้วยขอรับ



จอมยุทธ์มังกรน้อย
#12   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 08-06-2009 - 15:17:24 ]

นี่ไงครับ ขอฝากก็คือ เรื่องเล่าของผม



จอมยุทธ์มังกรน้อย
#13   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 08-06-2009 - 15:37:45 ]

วันนี้เอารูปวัดฉางเฉิง มาฝาก หรือวัดเจดีย์สามองค์




จอมยุทธ์มังกรน้อย
#14   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 08-06-2009 - 15:45:02 ]

http://imgsv1.uploadfile.biz/img/692_DSC00372_tn.jpg

http://imgsv1.uploadfile.biz/img/919_DSC00373_tn.jpg



จอมยุทธ์มังกรน้อย
#15   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 08-06-2009 - 15:45:52 ]






เตียบ่อกี๋
#16   เตียบ่อกี๋    [ 08-06-2009 - 16:47:28 ]

^^^^แล้วเมืองนี้กำแพงเมืองจีนผ่าน ปะ



oคาระวะทั้งเเผ่นดินo
#17   oคาระวะทั้งเเผ่นดินo    [ 08-06-2009 - 17:57:23 ]

สายจังคับอยากไปบ้างจัง



กระบี่เก้าเดียวดาย
#18   กระบี่เก้าเดียวดาย    [ 09-06-2009 - 15:49:26 ]

#15 เค้าไปยูนนาน ไม่ใช่แถบทางเหนือ จะไปเจอกำแพงเมืองจีนได้ไง



จอมยุทธ์มังกรน้อย
#19   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 09-06-2009 - 16:21:41 ]

ไม่มีกําแพงจีนครับ มีแต่กําแพงเมืองเก่าของทีนั้น

นี่คือรูปของมหาลัยต้าลี่ ที่ผมไปอยู่






จอมยุทธ์มังกรน้อย
#20   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 09-06-2009 - 16:34:46 ]

มหาลัยต้าเป็นมหาลัยที่จัดว่าสวยงามมากที่สุดในยุนนาน ความใหญ่ ใหญ่เป็นอันดับสามของยุนนาน มหาลัยสร้างเข้าตํารับตําราฮวงจุ้ยเลย
คือ หน้าด้านติดแม่นําเอ๋อไฮ่ ด้านหลังติดภูเขา อากาศของที่นั้นจะเย็นสบายตลอดทั้งปี แม้กระทั้งช่วงที่ผมไปเป็นหน้าร้อนของที่นนั่น แต่อากาศก็ยังเย็นเหมือนหน้าหนาวของบ้านเราเลย พวกผมได้ไปพักที่หอพักของมหาลัยต้าลี่ ซึ่งเป็นหอพักรวม มีแต่นักเรียน เพราะนักเรียนส่วนใหญ่ของที่นั่นก็จะพักกันที่มหาลัย

นี่คือรูปหอพักที่ผมไปพัก







นี่คือ หเองของผม อาจดูโรกไปหน่อยนะ อิอิ







ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube