เข้าระบบอัตโนมัติ

ทุกท่านมีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับคำทำนาย 22(หรืออาจจะเป็น 21 ) ธันวาคม ค.ศ.2012 (พ.ศ. 2555 ) บ้างครับ


  • 1
เด็กชายไร้นาม
#1   เด็กชายไร้นาม    [ 04-06-2009 - 23:13:24 ]

รายละเอียดคงไม่ต้องอธิบายเพราะอาจมีหลายๆท่านที่ทราบเรื่องนี้แล้ว



lovebenny
#2   lovebenny    [ 05-06-2009 - 14:29:59 ]

เรามะรู้นิ



คุณหญิงอนันต์ทิพย์
#3   คุณหญิงอนันต์ทิพย์    [ 05-06-2009 - 14:51:13 ]

หญิงว่า หญิงทำนายแม่นมากนะ
เดี๋ยวว่างๆ หญิงจะมาเปิดบั้นท้ายดู ด. ดวง



เด็กชายไร้นาม
#4   เด็กชายไร้นาม    [ 05-06-2009 - 20:05:56 ]

เรื่องราวต่อไปนี้เป็นข้อมูลที่มีอยู่จริง โปรดใช้วิจารณญาณของผู้อ่านเองนะจ้ะ


ในวันที่


21


เดือน 12


ปี 2012


โลกจะอวสานจริงหรือ

1.ทางวิทยาศาสตร์ NASA ออกมาบอกว่าสนามแม่เหล็กโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
2.ทางโหราศาสตร์ บ่งบอกว่าจะเกิดการเรียงตัวกันของ โลก กาแล็คซี่ทางช้างเผือก และดวงอาทิตย์
3.ทางโบราณคดี ชาวมายามีปฏิทินถึงเพียงแค่ปี 2012 และระบุวันจุดจบของโลกไว้
4.ทางการทำนาย นอสตราดามุสได้ทำนายไว้กับราศีตีความแล้วสอดคล้องกับทางโหราศาสตร์
5.ทาง UFO ผู้ที่ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้อ้างว่ามนุษย์ต่างดาวได้บอกเค้า(แล้วแต่ความเชื่อ)
6.ทางความคิดผมเอง ศาสนาพุทธและคริส ได้ระบุวันจุดจบไว้แล้วในปี พุทธศักราชและคริสศักราช
คำ ทำนายเรื่องวันสิ้นโลกนี้ มาจากวันในปฏิทินของชาวเผ่ามายัน (ชาวเผ่าโบราณที่อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาตอนกลาง) ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 21 ธันวาคม ปีคศ. 2012
ไม่ว่าจะทางใด ดูจากหลาย ๆ ทางแล้วชี้ไปในปีเดียวกัน ความเชื่อมั่นกับสิ่งที่จะเกิดในปี 2012 นั้นน่าจะมีอะไรเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่ ๆ แต่ที่แน่ ๆ ในปัจจุบันผมมั่นใจว่ามันน่าจะเริ่มเกิดขึ้นแล้ว โดยสังเกตุจากผลกระทบจากภัยธรรมชาตินี่เอง เมื่อกลับมามองดูปี 2012 ก็เลยมานั่งพิจรณาดูเล่น ๆ (การนับเลขฐานสิบจะนับศูนย์ถึงเก้า) ถ้าเราตัดเลขสองออกก็จะได้เลขนับ 0->1->2 เมื่อมาดูเป็นปี พ.ศ. มันเป็นปี 2555 (เลยสวยมาก) ถ้าเราตัดเลขสองออกเช่นกัน จะได้เลข 5 เรียงตัวกัน 3 ตัวผมขอโยงไปเรื่องโหราศาตร์ที่จะมี โลก กาแล็คซี่ และดวงอาทิตย์ ที่จะเกิดการเรียงตัวกัน ผลลัพธ์นั้นคงบอกไม่ได้ อาจเกิดผลกระทบรุนแรงต่อโลกหรืออาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้ เพราะสิ่งที่เราไม่รู้นั้นยังมีอีกมากมายทั้งในอวกาศและจักรวาล

1.ปฏิทินมายัน
ทำไมต้องเชื่อปฏิทินของชาวเผ่ามายัน
เป็น ที่ยอมรับว่าปฏิทินของชาวมายันมีความเที่ยงตรงอย่างมาก เที่ยงตรงกว่าปฏิทินระบบที่เราใช้กันในสากลมากมาย เพราะชาวมายันทำปฏิทินจากระบบดวงดาว โดยปฏิทินนี้ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอะไรเลยถึง 380,000 ปี (ในขณะที่ปฎิทินที่เราใช้ต้องมี Leap Year ทุกๆ 4 ปีเป็นต้น)
จะเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น
คำ ถามนี้เป็นปัญหาโลกแตก (literally speaking) จริงๆ เพราะนอกจากจะเกี่ยวกับเรื่องวันสิ้นโลกแล้ว ยังเป็นคำถามที่ไม่มีใครให้คำตอบที่แน่นอนได้ มีเพียงการคาดเดา การผูกโยงข้อมูลต่างๆ เพื่อทำนายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันสิ้นโลก (ดู http://www.december212012.com/articles.shtml) เหตุการณ์ที่คาดเดากันว่าจะเกิดและเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องมีทั้งเรื่องของ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติบนดวงอาทิตย์ที่จะเกิดผลกระทบยิ่งใหญ่กับระบบสุริยะ จักรวาลและโลกของเรา ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นจนถึงวันที่ 21 ธันวา 2012 การเปลี่ยนขั้วของขั้วโลกเหนือใต้ ฯลฯ
แล้วชาวมายันทำนายไว้ว่าอย่างไร
ชาว มายันไม่ได้เขียนชัดเจนว่า วันที่ 21 ธันวา 2012 จะเป็นวันสิ้นสุดของโลก มีผู้คนจำนวนมากเชื่อว่า มันคือวันที่โลกจะเปลี่ยนแปลงจากยุคหนึ่งเป็นอีกยุคหนึ่ง และเรามีหน้าที่ที่จะต้องเตรียมรับมือกับวันนั้นให้ได้ เพื่อความอยู่รอดจากการเปลี่ยนแปลง และหลังจากวันนั้น โลกของเราจะมีสันติสุขอย่างแท้จริง
ปฏิทินของชาวมายันโดยคร่าว
จาก ปฏิทินของชาวมายัน เรากำลังอยู่ในช่วงปลายของ 1 วันแห่งระบบจักรวาล หรือ End of a Galactic Day ซึ่งระยะเวลา 1 วัน แห่งระบบจักรวาลนั้นยาวนานถึง 25,625 ปี และแบ่งได้เป็น 5 ช่วง ช่วงละ 5,125 ปี และขณะนี้เราอยู่ในช่วงปลายของช่วงที่ 5 แล้ว
ชาวมายันบอกว่า นับจากปี 1999 เราจะมีเวลา 13 ปีที่จะปรับเปลี่ยนทัศนคติและจิตสำนึกของการอยู่บนโลกใบนี้เพื่อที่จะรอดจาก การทำลายล้าง และในขณะเดียวกัน ก็ก้าวสู่เส้นทางที่จิตสำนึกใหม่ปูให้กับการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ตามศาสตร์ของชาวมายัน ทุกๆ 5,125 ปี ดวงอาทิตย์จะเกิดปรากฏการณ์บางอย่างที่สัมพันธ์กับศูนย์กลางทางช้างเผือกอัน กว้างใหญ่ และจากปรากฏการณ์นั้นเอง ดวงอาทิตย์จะได้รับ “ประกายไฟ” (Spark of light) ซึ่งทำให้ดวงอาทิตย์ส่องแสงและส่งผ่านความร้อนรุนแรงมากขึ้น อย่างที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า “Solar Flares” และยังทำให้ขั้วแม่เหล็กของดวงอาทิตย์เปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลต่อมายังโลก เกิดการสับเปลี่ยนขั้วโลก และทำให้เกิดหายนะทางธรรมชาติตามมามากมาย ปรากฏการณ์เหล่านี้ ชาวมายันเชื่อว่าเป็นเพียงกระบวนการทางธรรมชาติกระบวนการหนึ่งที่จะเกิดขึ้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างสม่ำเสมอ เปรียบเหมือนการหายใจของคน และจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลงหรือหยุดไป เหตุการณ์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว 4 ครั้ง (4 รอบแรกของปรากฏการณ์จากดวงอาทิตย์) และจะเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 5 เมื่อครบ 5,125 ปี ซึ่งก็คือวันที่ 21 ธันวาคม 2012 นั่นเอง




2.Planet X NIBIRU
Planet X NIBIRU ที่มีวงโคจรตัดกับวงโคจรของโลกเราจะตัดผ่านมาใกล้โลกอีกครั้ง ดาวดวงนี้จะผ่านมาที่วงโคจรของเราทุกๆ3600 ปี
นั่นอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ทวีปแอตแลนติกหายไป นั่นอาจเป้นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดเรื่องโนฮากับเรือสมัยน้ำท่วมโลก
ดาวดวงนี้จะเข้ามาใกล้โลกเรื่อยๆปี 2009 จะสามารถมองเห็นทางขั้วโลกใต้ด้วยกล้องส่องดาว
ปี 2011 จะสามารถมองเห้นด้วยตาเปล่า ขนาดเท่าดวงจันทร์ของเรา ดาวดวงนี้เป็นสีแดง
ปี 2012 จะเริ่มมีปฏิริยาต่อมวลสภาพอากาศบนโลก เศษหินในอวกาศที่มากับดาวนิบิรุจะตกลงมาบนพื่นโลก เป็นฝนดาวตกอันตรายต่อมวลชีวิตทั้งโลก
วันที่ 21 ธันวาคม 2012 หายนะครั้งยิ่งใหญ่จะเกิดบนพื้นแผ่นดิน อย่างใครไม่เคยคาดคิดมาก่อน
วัน14 กุมภาพันธ์ 2013 วันนั้นเป็นวันที่ โลก +นิบิรุ+ดวงอาทิตย์ โคจรมาอยู่แนวแกนเดียวกัน แกนแม่เหล็กโลกจะเปลี่ยนไป
โลก จะหยุดหมุนรอบตัวเอง 3 วัน แผ่นดินจะแยกตัวเป็นเสี่ยง น้ำทะเลจะเป็นคลื่นมหาอภิสึนามิ ถล่มตามเมืองชายทะเลทุกแห่ง เมื่อแผ่นดินเคลื่อนตัวตามเปลือกโลก ลาวาก็จะถลักขึ้นมาเกิดเป็นภูเขาไฟมากมาย


3.UFOบอก????(แล้วแต่ความเชื่อ)
“อู แรนเดอร์ โอลิเวียร่า” ผู้ซึ่งอ้างว่าเคยได้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวผู้โด่งดังนั้น ก็อ้างว่าเขามีโทรจิตที่เห็นภาพอนาคตจากการบอกเล่าของมนุษย์ต่างดาว ว่าในปี ค.ศ.2012 นั้น จะมีแสงสว่างมากที่สุดในกาแลกซี่และสะท้อนไปยังดาวเคราะห์ที่โคจรรอบตัว สิ่งมีชีวิตและโลกจะปั่นป่วนอย่างยิ่ง

4.หลุมดำ????
ในที่นี้ก์อคือทั้งหลุมดำของแกแล็กซี่ทางช้างเผือกและวหลุมดำพที่อาจเกิดขึ้นเองตามที่มนุษย์สร้างCERN
ในทางศาสนาพุทธ
ถึงอย่างไรก็ยังผู้แย้งว่าพระพุทธเจ้าได้เคยตรัสกับพระอานนท์ไว้
ว่าในพุทศศาสนาจะมีอายุ5000ปีและมันจะเสื่อมลงในตัวของมันเอง


.............................................



นับถอยหลังวันสิ้นโลก2012หลวงปู่สรวงทำนายไว้เเละพระเกจิอีกหลายท่าน

หลวงปู่สรวงเคยบอกว่า โลกมนุษย์จะล่มสลายจะเกิดภัยภิบัติ ครั้งรุนเเรงที่สุด
ท่านบอกว่าเห็นคนนอน กองตายเกลี่ยนกลาดอย่างหน้าเวททนา
ซึ่งตรงกับ คำนายในประเทศอินเดีย เเละพระเกจิผู้มีอภิญญาของไทย
เรื่องเล่าเกี่ยวกับภัยพิบัตินี้ เป็นคำบอกเล่าจาก

พระครูจันทธรรมานุโยค (ลมัย จันทโร)
เจ้าอาวาสวัดโคกตาเขียว อ.สังขละ จ.สุรินทร์

ซึ่งท่านได้เมตตาเล่าให้ทางนิตยสารลานโพธิ์ถึงเรื่องต่างๆ แต่ผมขอยกเรื่องที่ท่านเคยได้ยิน หลวงปู่สรวง พูดถึงเรื่องภัยพิบัติมาดังนี้ (ขออภัยถ้าเคยอ่านแล้ว)

ลป.สรวง พูดถึงภัยพิบัติ

มีประมาณ ปี 2541 ลป.สรวง ท่านแวะมาที่วัดของ หลวงพ่อลมัย ในช่วงเข้าพรรษา และก่อนท่านจะจากไปท่านพูดเป็นภาษาเขมรกับหลวงพ่อลมัยว่า

"พ.ศ. 2550 ถึง 2555 หางนาคกวาดน้ำให้โลกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว กำลังจะกวาดน้ำขึ้นมาล้างโลก จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ คนไม่ดีไม่มีศีลธรรมจะล้มตายมาก ส่วนคนดีมีศีลธรรม จะอยู่รอดปลอดภัยได้"

หลวงพ่อลมัย ได้ถาม หลวงปู่สรวง ว่าถ้าน้ำท่วมมากขนาดนั้นคนดีก็คงไม่รอดเหมือนกันจะให้ทำอย่างไร หลวงปู่สรวงบอก "คาถาเป่าน้ำ" ให้ไม่ท่วมร่างกายแก่หลวงพ่อลมัยว่า

"อุ้ม เกรอะ เกรอะ เกรอะ เตียงตึ๊ก เกรอะ ตึงได อุมสติสวาหะ"

ต่อไปเป็นบทคัดลอกตอนที่ หลวงพ่อลมัย พูดถึงภัยพิบัติตามคำบอกเล่าจาก หลวงปู่สรวง

ถาม (ทีมงานลานโพธิ์) - หลวงปู่สรวง เคยสอนวิชาอะไรให้หลวงพ่อมั้ย ?

ตอบ (หลวงพ่อลมัย) - เคยสอน แต่โยมจะได้มั้ย เคยสอนว่า ต่อไปนะ เผาของหลวงพ่อสามวันสามคืนไม่หมด พวกยา พวกอะไร หลวงพ่อให้ก็รับ เผาโยนใส่กองไฟ ให้อะไรก็รับ แล้วก็เผา ตอนหลวงพ่อมา มีคนมาถวายเสื้อ ถวายทรัพย์ เผาหมด เขาว่ายั่งงี้ ..

ต่อไปนี้ พ.ศ. 2555 คนเก่งอยู่ในเมืองไทย อยู่ที่ไหนก็ตามแต่ มุมไหนก็แล้วแต่ พ่อ - แม่ - ญาติพี่น้อง ไม่ต้องสู้ จะตายหมด น้ำทะเลตีข้างล่างได้ครึ่งโลกแล้ว ไม่ใช่ครึ่งประเทศนะ ครึ่งโลกแล้ว มาบอกให้หยุดนะ ไม่ต้องอยากชนะกันให้ออกไป อย่ามีเวร อย่ามีกรรม

ครั้งที่สองบอกอีก เป็นภาษาเขมรว่า ให้ออกก่อน

"พวกที่ทำลายศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้ออกไปก่อน นางนาคเป่าน้ำน้ำทะเลเต็มไปหมด"

ให้มันไปแต่พวกนี้ ประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ กลับเข้ามาก็ตีท่วมภูเขา มีทั้งดินมีทั้งโคลน

"พวกทำไม่ดีตายหมด" แกว่า...เทวดาตัดสินเอง เจ้ากรรมนายเวรตัดสินเอง หลวงพ่อไม่กลัว(ลป.สรวง) แล้วก็ไม่หนีด้วย หลวงพ่อนี่ในตัวสังขละ ท่านสร้างมาหลายวัดเหมือนกัน ไปอยู่ที่นั่นเขาเอาระเบิดเข้าไป สามปีมอบตัวกันหมด ที่ถนนดินแดงหลวงพ่อก็ไป

ถาม - ที่ หลวงปู่สรวง พูดหมายความว่ายังไง ?

ตอบ - แปลว่า ไม่ต้องกลัว 2555 นางนาคเป่าน้ำ ท่วมทั้งน้ำทั้งดิน ตายวอดวาย คนที่ไม่ดีตายหมด คนดีไม่ตาย

คำเตือนก่อนเกิดภัย

มันมีข้อสันนิษฐานหลายอย่างที่ค่อนข้างมีน้ำหนักมากเลยที่เดียว
ซึ่งในปฏิทินของชาวมายา วันสุดของก็คือ 22 ธ.ค 2555
หรือปี 2012 นั่นเอง
มีคำทำนายน่าสนใจ ลอกมาจาก อินเตอร์เนต เขาบอกว่าเป็นพุทธทำนาย ถอดความจากศิลาจารึก เขตมหาวิหาร ประเทศอินเดีย
สาธุ อรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพระสัพพัญญูรู้แจ้งโลกทั้งในอดีตและใน อนาคต ทรงมีเมตตากรุณาแก่สัตว์โลกเป็นล้นพ้นเมื่อครั้งพระองค์ดำรงพระชนม์อยู่ ได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่า

ดูก่อนอานนท์ เมื่อศาสนาของของตถาคตล่วงเลยไปถึง กึ่งพุทธกาล สัตว์โลกทั้งหลาย ที่เกิดในยุคนั้น จะพบแต่ความลำบาก ทุกชาติ ทุกศาสนา ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลก ที่หมุนไปใกล้ความแตกสลาย แผ่นดิน แผ่นน้ำจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้ รับภัยพิบัติสารพัดทั่วทุกทิศ คนในสมัยนั้นจะมีนิสัยโหด ดุจกำเนิดจากสัตว์ป่า อำมหิตจะรบราฆ่าฟันกันเองถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ ส่วนเวไนยสัตว์ผู้ขวนขวาย ในกุศลตามวจนะของตถาคตก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรงใน พระรัตนตรัยและคุณบิดามารดา เหตุร้ายภัยพิบัติจะเบาบางแต่ก็จะหนีกฎธรรมชาติไม่พ้น เริ่มแต่พุทธศาสนาล่วงเลย ๒,๕๐๐ ปี เป็นต้นไป ไฟจะลุกลามมาทาง ทิศตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม สมชีพรามณ์จะอดอยากยากเข็ญ ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็น เพลิงผลาญ เหล็กกล้า จะทะยานจากน้ำ มหาสมุทธจะชอกซ้ำ สงครามจากทั่วทิศ ศึกจะติดเมือง ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมืองทรงเมือง จะหนีเข้าไพร ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจ จะเรียกแมลงผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ ยักษ์หินที่ถูกสาบเป็นเวลานาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาด โลก ดิน ฟ้าอากาศจะแปรปรวน ตลิ่งจะพัง แผ่นดินจะถล่มเป็นทะเล โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ นักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ
ในระยะนั้นศาสนาของตถาคตจะเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัทไม่อยู่ในศิลธรรม เชื่อคำคนโกง กล่าวคำเท็จ ไม่เคารพรักธรรมนิยม คนประจบสอพลอได้รับความเชื่อถือในสังคม ผู้ที่มีศิลธรรม ประพฤติดี ประพฤติชอบ กลับไม่มีใคร เคารพยำเกรง

พระธรรมจะเริ่มเปล่งรัศมีฉายแสงส่องโลกอีกวาระหนึ่งก็ต่อเมื่อ มีธรรมิกราช โพธิญาณบังเกิดขึ้น อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องต้นตะวันออกของมัชฌิมประเทศ จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคต ให้รุ่งเรืองสืบไปถึง ๕,๐๐๐ พระวัสสา (พระพุทธเจ้าทรงประกาศไว้ว่าพุทธศาสานามีอายุ 5,000ปี)

ดูก่อนอานนท์ เวลานั้นพลโลกเหลือน้อย คำทำนายของตถาคตนี้ ย่อมยังเวไนยสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อ นับว่าเป็นกรรมของสัตว์ ที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมชั่วของตน ผู้ใดปรารถนารอดพ้นจากภัยพิบัติ ให้รักษาศิล ๕ ประการ เจริญเมตตาภารนา ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจสันโดษ รู้จักพอ ไม่โป้ปดคดโกง ไม่หลงมัวเมาอำนาจและลาภยศ ตั้งใจปฏิบัติตน ตามคำสอนของตถาคต ให้มั่นคง จึงจะพ้นอันตรายในกึ่งพุทธกาล

1.ถ้าหากละวางไม่ได้ จะเกิดอาการ “ตายก่อนตาย” (รู้ว่าตนเองจะต้องตายแน่ๆ หรือการตายทั้งเป็น)
2. ยอมรับให้ได้ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องมีสติตลอดเวลา
3. อย่าอยู่นิ่งเฉย เพราะจะทำให้เกิดความกลัวมากขึ้น ควรหากิจกรรมทำ เช่น อ่านหนังสือธรรมะ เพื่อให้จิตเป็นบวก เกิดความอิ่มเอิบ
4. สังเกตธรรมชาติก่อนนาทีวิกฤติจะเกิดขึ้น ก่อนเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ (ระยะ 2 ) จะมีลางบอกเหตุดังนี้
1. ท้องฟ้ามืดมิดผิดปกติ
2. ใบไม้จะพลิกคว่ำพลิกหงายแลดูหดหู่
3. สัตว์ทั้งหลายจะไม่ออกมาปรากฏกายให้เห็น แต่ถ้ามีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้านจะแลเห็นมันวิ่งลุกลี้ลุกลนผิดปกติ หรือบางตัวจะนอนนิ่งมีน้ำตาซึม



แล้วยังมีอีกหลายที่ครีบ อันแรกมีภาพด้วยแต่ไม่ได้เอามา ก็อบมาจากกระทู้เก่าของเว็บนี้ครับ(เฉพาะอันแรกน้า)



เดียวดายแสวงพ่าย
#5   เดียวดายแสวงพ่าย    [ 05-06-2009 - 20:26:43 ]

น่ากลัวแฮะ แต่ไม่น่าเชื่อ อย่างมากโลกก็ร้อนขึ้นซัก1-3องศา



เตียบ่อกี้
#6   เตียบ่อกี้    [ 05-06-2009 - 20:35:51 ]

อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดกลัวไปก็เท่านั้นหากนํ้าท้วมโลกจริงยังไงก็ตายหมดหรือถ้าไม่ตายก็เท่ากับตายทั้งเป็นอยู่ดีนั้นละถึงอยากจะอยู่ต่อก็ไม่รู้จะอยู่ต่อไปทำไมเพราะนํ้าท้วมขนานนั้นมันคงไม่เหลืออะไรให้ควรจะอยู่ต่อแล้วละ



เด็กชายไร้นาม
#7   เด็กชายไร้นาม    [ 05-06-2009 - 22:29:06 ]

...อืม...มันก็ต้องใช้วิจารณญาณด้วยนะครับ แต่ผมก็ไม่เข้าใจที่องค์การนาซ่าเขาประกาศออกมาแล้วแต่ไม่เห็นมีประเทศไหนเตรียมตัวอะไรเลย เพื่อนผมก็เข้าไปในเว็ปขององค์การนาซ่าแล้วก็มีประกาศอยู่
เลยงงมากเลย...ส่วนเรื่องเผ่ามายัน(น่าจะเป็นเผ่ามายา) ถ้าเป็นเผ่าเดียวกันแต่เรียกคนละอย่างนี่ก็ถือว่าน่ากลัวเลยทีเดียว เพราะเผ่ามายาอาจารย์ผมเล่าให้ฟังว่าคนเผ่ามายาเหมือนกับมีใครสั่งให้มาถ่ายทอดอารยธรรมไว้เท่านั้นเอง ก็เพราะว่าคนในสมัยก่อนจะตั้งถิ่นฐานกันบริที่ราบลุ่มแม่น้ำ แต่เผ่ามายาตั้งบริที่ไม่มีแม่น้ำไหลผ่าน (แปลกมั้ยล่ะ) แล้วสิ่งที่น่าแปลกคือ พีระมิดแบบขั้นบันได ซึ่งได้ระบุระบบสุริยะเอาไว้และยังเป็นปฏิทินระบบสุริยคติได้อีกด้วย ส่วนเรื่องการตั้งถิ่นฐานของเผ่ามายานั้นก็อย่างที่บอกเหมือนพวกเขาถูกสั่งให้มาถ่ายทอดอารยธรรมเท่านั้น ไม่มีหลักฐานหรือร่องรอยใดๆเลย ว่าเผ่านี้มาจากที่ไหน ย้ำว่าไม่มีร่องรอยเลย แล้วพอสร้างอารยธรรมเผ่ามายาเสร็จก็หายไปเลย เหลือไว้เพียงอารยธรรมที่แปลกปลาดคือพีระมิดแบบขั้นบันได้หรืออาจจะมีอีก(จำไม่ค่อยได้) แล้วพอหายไปก็ไม่มีหลักฐานอีก แหล่งที่อยู่ก็ไม่มีเลยทั้งในเมืองนอกเมือง ........ แล้วปฏิทินก็ระบุวันสิ้นสุดอยู่ที่ 22 ธันวาคม 2012 พอดี

เดี๋ยวจะลองหาข้อมูลของเผ่ามายามาลงให้อ่านนะครับ



เด็กชายไร้นาม
#8   เด็กชายไร้นาม    [ 05-06-2009 - 22:35:18 ]

อืม...ท่าจะเป็นคนละเผ่ากันนะครับ 2 เผ่านี้



เด็กชายไร้นาม
#9   เด็กชายไร้นาม    [ 05-06-2009 - 22:38:18 ]

ปริศนามายา

ในระหว่างปี พ.ศ. 800-1450 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยุโรปกำลังตกอยู่ในยุคมืดแห่งอวิชชา ในทวีปอเมริกากลาง ที่ปัจจุบันคือ Gualemala Mexico, Honduras, Belize และ El Salvador กำลังเป็นแหล่งอาศัยของชนเผ่ามายา (Maya) ประวัติศาสตร์ได้จารึกว่า ในระยะเวลาดังกล่าว อารยธรรมมายาได้เจริญรุ่งเรืองสุดขีดเช่น ได้สร้างพีระมิดและพระราชวังที่มโหฬารและวิจิตรอลังการมากมาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป 5 ศตวรรษเท่านั้นเอง อารยธรรมมายาก็ถึงแก่กาลอวสาน โดยได้สูญสลายหายไปจากโลก เมื่อผู้คนมายาพากันอพยพเผ่นหนีเมืองของตนอย่างไร้เหตุผลใดๆ หลังจากนั้นป่าก็ได้เข้าครอบคลุมและบดบังอารยสถานต่างๆ ทำให้ไม่มีมนุษย์คนใดได้เห็นอัครสถานเหล่านี้อีกเลย จนกระทั่งปี พ.ศ. 2384 เมื่อ John Lloyd Stephens นักผจญภัยชาวอเมริกัน ได้พบเมือง Copan ในป่าทึบของประเทศ Honduras เราจึงได้รู้จักโลกของชาวมายาอีกครั้งหนึ่ง
ตลอดระยะเวลา 160 ปีที่ผ่านมานี้ นักโบราณคดีได้พบว่า ชนเผ่ามายามีความสามารถทางดาราศาสตร์ จนสามารถทำนายเวลาเกิดสุริยุปราคา และจันทรุปราคาได้ล่วงหน้าเป็นเวลานาน รู้จักทำปฏิทินใช้ รู้จักประดิษฐ์เลขศูนย์ใช้ในวิชาคณิตศาสตร์ รู้จักค้าขายเกลือ หยก และเครื่องปั้นดินเผา ตามปกติชาวมายานับถือเทพเจ้ามาก และมีเทพเจ้ามากมายทั้งสุริยเทพ วสันตเทพ และมรณเทพและเทพเจ้าเหล่านี้ทรงโปรดปรานการเสวยเลือด ดังนั้น เหล่าเชลยศึกสงครามจะถูกชาวมายาฆ่าเพื่อเอาเลือดไปถวายเทพ

สังคมมายามีการแบ่งชั้นวรรณะ โดยมีพระนักบวชอยู่ในวรรณะสูงสุด เพราะเป็นผู้เข้าใจดาราศาสตร์ รู้สถาปัตยกรรมศาสตร์ และรอบรู้ในสรรพวิทยาการ ดังนั้น ชีวิตของพระจึงเป็นชีวิตที่สบาย มีหยก ขนนกปักษาสวรรค์ และหนังสัตว์ในครอบครอง และเวลาเดินทางไปไหนมาไหน จะมีทาสหามเสลี่ยงไป ส่วนชาวบ้านธรรมดานั้นก็จะทำแต่งาน แล้วนำผลิตผลดีๆ ไปถวายแด่กษัตริย์ เมื่ออยู่ในวัยเด็กชาวมายาจะใช้ชื่อหนึ่ง เวลาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะใช้อีกชื่อหนึ่ง และจะเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเมื่อแต่งงาน ดังนั้น ชาวมายาแต่ละคนจะใช้ชื่อมากถึง 3 ชื่อในชีวิต ณ วันนี้ ปริศนาที่ยังไม่มีคำตอบชัดเจนคือ อารยธรรมมายาล่มสลายเพราะเหตุใด

เมื่อ 12 ปีก่อนนี้ A. Demarest แห่งมหาวิทยาลัย Vanderbilt ในสหรัฐอเมริกาได้พบอักษรจารึกบนภาชนะที่ฝังในพีระมิด ซึ่งอ่านว่าความไม่อิ่มเอมในอำนาจรสของบรรดากษัตริย์ ที่ได้สู้รบกันเพื่อแย่งชิงอาณาจักรกัน คือสาเหตุหลักที่ได้ทำลายอาณาจักรมายาวายวอด เพราะเวลาเกิดสงคราม ชาวบ้านที่เคยอาศัยอยู่นอกเมืองต้องหนีข้าศึกอพยพเข้ามาอยู่ในเมือง ทำให้ผลิตผลการเกษตรลดปริมาณเมื่อภาวะทุพภิกขภัยบังเกิด ชาวบ้านก็ได้กรูเข้ายึดพระราชวัง เพื่อยื้อแย่งราชภักษาหารไปบริโภค และนั่นก็คือจุดจบของกษัตริย์ผู้ปกครองอาณาจักรมายา

ณ วันนี้นักโบราณคดียังไม่พออกพอใจกับคำตอบที่ว่า สงครามกลางเมืองทำให้อาณาจักรมายาสลายเท่าใดนัก เพราะเหตุผลอื่นๆ ก็มีน้ำหนักมากเช่นกันเช่น พื้นแผ่นดินซึ่งเป็นที่ตั้งของอาณาจักรมายาเป็นดินแดนที่แสนจะไร้คุณภาพ ทั้งนี้เพราะมีป่าทึบปกคลุมทำให้ฝนตกในอาณาจักรหนักมาก ซึ่งมีผลทำให้ป่ามีสิ่งมีชีวิตหนาแน่นจนเกินไป จนสัตว์ป่าได้เข้ามาคุกคามวิถีชีวิตของชาวเมือง นอกจากนี้การมีฝนตกชุกยังได้ทำให้น้ำฝนไหลชะเนื้อดินที่จะใช้สำหรับทำเกษตรกรรมหลุดไปมาก ชาวบ้านจึงทำเกษตรกรรมได้น้อยลงๆ และนั่นก็หมายความว่าสภาพทางเศรษฐกิจก็ตกต่ำลงๆ และเมื่อเรารู้ว่าการที่มนุษย์จะมีอารยธรรมได้ สภาพทางเศรษฐกิจของมนุษย์จะต้องดีก่อน เพราะมนุษย์จะได้มีเวลาอุทิศตัวสร้างสรรค์ความเจริญด้านบริหาร ศาสนา วัฒนธรรม ศิลปะ และวิทยาศาสตร์ แทนที่จะคิดทำมาหากินเลี้ยงกระเพาะแต่เรื่องเดียว ดังนั้น เมื่อสภาพแวดล้อมไม่ดี ผลที่ติดตามมาคือ ชาวบ้านประสบความยากลำบาก ซึ่งจะส่งผลให้การพัฒนาอารยธรรมมายาเป็นไปได้อย่างยากลำบากมาก

นอกจากเหตุผลนี้แล้ว ชาวมายานั้นตามปกติชอบทำเกษตรกรรมเลื่อนลอย ซึ่งหมายความว่าชาวบ้านนิยมตัดป่าแล้วเผาป่า การทำเกษตรกรรมลักษณะนี้จึงต้องการพื้นที่ทำงานขนาดใหญ่ เกษตรกรแต่ละคนจึงตั้งบ้านเรือนอยู่กันห่างไกล การรวมพลังสร้างสรรค์ใดๆ จึงเป็นไปได้ยาก และเมื่อชาวมายานิยมแบ่งพื้นที่ให้กษัตริย์ปกครอง การต่อสู้แย่งชิงพื้นที่เกษตรกรรมจึงเกิดขึ้นบ่อย ทำให้ประเทศขาดความสามัคคี และนี่อาจเป็นสาเหตุอีกประการหนึ่งและข้อมูลที่น่าประหลาดใจอีกเรื่องหนึ่งคือ ชาวมายาไม่รู้จักใช้ล้อ และไม่รู้จักการถลุงแร่ ซึ่งแสดงว่าชนมายาดำรงชีวิตเหมือนมนุษย์หินที่รู้จักใช้เพียงไม้ กระดูกสัตว์ หินปูนและหินทรายในการสร้างเมืองเท่านั้นเอง ถึงกระนั้นชาวมายาก็ประสบความสำเร็จในการสร้างพีระมิดที่เมือง Tikal ซึ่งสูงถึง 70 เมตร โดยใช้ความรู้คณิตศาสตร์ชั้นสูงที่ตนมี

นักประวัติศาสตร์ด้านอารยธรรมมายา อีกหลายคนได้ให้เหตุผลเกี่ยวกับสาเหตุการล่มสลายของอารยธรรมนี้ว่า อาจเกิดจากความล้มเหลวทางการพาณิชย์ที่มีการเรียกเก็บภาษีจากเกษตรกรรมมากไป หรืออาจจะเกิดจากที่อาณาจักรถูกพายุทอร์นาโดถล่มหรือเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรง ในอาณาจักรซึ่งได้สังหารผู้คนจำนวนนับแสนคน หรืออาจจะเกิดจากโรคร้ายแรงเช่น ทรพิษ หรือกาฬโรคที่ได้ระบาดไปทั่วอาณาจักรมายา ฯลฯ

แต่เหตุผลเหล่านี้มีน้ำหนักน้อยเพราะถ้าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง เราก็จะต้องเห็นเถ้าถ่านและร่องรอยที่อาณาจักรถูกทำลาย รวมทั้งได้เห็นโครงกระดูกของชาวมายาเกลื่อนกลาดด้วย ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานในมือ แต่นักประวัติศาสตร์ก็รู้ว่าความกลัวได้ขับไล่ผู้คนให้หลบหนี และละทิ้งบ้านเมืองของตน แล้วอะไรที่ทำให้ชาวมายาผวากลัว นี่คือปริศนามายาที่ยังไม่มีคำตอบ

ในความพยายามที่จะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดต่างๆ ของชาวมายา นักโบราณคดีได้บุกป่า ฝ่าดงในเม็กซิโกเพื่อค้นหาหลักฐานจากพีระมิด จากวิหารที่ชาวมายาสร้างและ James E. Brady แห่งมหาวิทยาลัย California State ในสหรัฐอเมริกา ได้พบว่า ถ้ำคือศาสนสถานที่สำคัญของชาวมายา เพราะเขาได้พบหลักฐานมากมายในถ้ำที่แสดงให้เห็นว่า ภายในถ้ำที่ไม่ค่อยมีแสงสว่างนัก กษัตริย์มายาและพระนักบวชชาวมายามักทำพิธีกรรมและสวดมนต์เพื่อให้ตนเองครองอำนาจอย่างยั่งยืน

และเมื่อถ้ำในธรรมชาติมีน้อย ชาวมายาจึงได้หันไปขุดถ้ำ เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมเป็นจำนวนมาก จนถ้ำอาจเปรียบเทียบได้กับพีระมิดมายาที่เลื่องชื่อ

และในที่ประชุมของ Society for American Archaeology ที่เมือง Denver ในรัฐ Colorado สหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2545 Brady ได้รายงานว่า

ชาวนามายาที่อยู่ห่างไกลจากเมืองและอยู่ในป่ามักขุดถ้ำตามภูเขา เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และในถ้ำบางถ้ำนั้นชาวมายาจะนำศพของบรรพบุรุษไปฝัง ทั้งนี้เพราะชาวมายาเชื่อว่าน้ำที่ไหลจากภูเขาและออกมาตามถ้ำ คือน้ำจากใจกลางโลกที่สามารถเลี้ยงดูมนุษย์ได้ ดังนั้น การฝังศพของบรรพบุรุษในสถานที่ลึกเช่นนี้ จึงเป็นการไหว้วานให้วิญญาณให้ปกป้องน้ำ เพื่อชาวมายาได้มีใช้ตลอดไปด้วย นอกจากนี้การฝังศพในถ้ำก็เป็นการช่วยให้วิญญาณของผู้ตายได้ติดต่อกับยมเทพในนรก เพื่อขอร้องมิให้ยมเทพบันดาลเหตุร้ายแก่ตน

นอกจากนี้ Brady ยังพบเปลือกหอยมากมายในถ้ำ ทั้งนี้เพราะชาวมายาเชื่อว่าเปลือกหอยคือสัญลักษณ์ของน้ำ การเกิด การตาย และการเจริญพันธุ์และยังพบเครื่องปั้นดินเผาและลูกปัดด้วย ในบางถ้ำมีภาพวาดตามผนังซึ่งแสดงให้เห็นการแต่งกายของชาวมายาสมัยนั้น

มายา ณ วันนี้ โบราณคดีถ้ำของชาวมายา จึงกำลังเป็นวิทยาการอีกด้านหนึ่งของประวัติศาสตร์มายาที่ทำให้เรา ปัจจุบันรู้จิตใจของคนมายา เมื่อ 1,000 ปีก่อน ดีขึ้นครับ




เด็กชายไร้นาม
#10   เด็กชายไร้นาม    [ 05-06-2009 - 22:41:00 ]

เผ่ามายา ที่อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกากลาง

เมื่อกว่า 2000 ปีล่วงมาแล้ว
เป็นชนเผ่าที่มีอารยะธรรมรุ่งเรืองที่สุด

ในบรรดาเผ่าต่างๆร่วมสมัย
วิทยาการต่างๆรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
และเป็นที่น่าแปลกที่อยู่ๆชนเผ่านี้ก็

หายไปจากดินแดนของตน

โดยปราศจากร่องรอย!

คงไว้เพียงซากอารยะธรรม

ที่เป็นหลักฐานในการยึนยันว่ามีชนเผ่านี้อยู่บนโลก ....

http://www.proel.org/alfabetos/maya.html

ชนเผ่ามายา (MAYAS)

ชาวมายา ผู้อาศัยอยู่ในดินแดนยูคาทาน ในเม็กซิโก

และกัวเตมาลาในราวศตวรรษที่ 3-16 ก่อนคริสตกาล

นับเป็นอีกชนชาติหนึ่งที่มีความก้าวหน้าล้ำยุคจนนักวิชาการต่างๆ พากันส่ายหน้าปวดหัวด้วยความแปลกใจเป็นอันมาก

กล่าวคือ ชาวมายามีความเป็นเลิศทางด้านการคำนวณและดาราศาสตร์ สิ่งที่ชาวมายาคิดค้นได้ก็คือ ปฏิทินและการคำนวณบางประการที่ไม่น่าเชื่อว่า ชนเผ่าโบราณอันลึกลับนี้ จะสามารถทำได้

โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์สมัยใหม่อย่าพวกเราเข้าไปช่วยแม้แต่น้อย ปฏิทินของชาวมายาใช้ในระยะวงโคจร 5000 ปี (สงสัยไหมครับว่าทำไมถึงนานขนาดนั้น) และวงโคจรที่ใกล้กับปัจจุบันมากที่สุด จะจบลงในวันที่ 24 ธันวาคม ปี พ.ศ. 2554 ซึ่งตามความเชื่อของชาวมายาก็คือ พระเจ้า ของพวกเขาจะเสด็จกลับลงมายังโลกนี้อีกครั้ง

ชาวมายาดูจะมีความผูกพันคุ้นเคยกับดาวศุกร์เป็นพิเศษ พวกเขาสามารถคำนวณว่า ปีบนดาวศุกร์มีจำนวณ 584 วัน และวันของโลกเรามี 365.2420 วัน ซึ่งตามการคำนวณในปัจจุบันปรากฏว่า มี 365.2422 วัน

นับว่าคลาดเคลื่อนน้อยจนแทบไม่น่าเชื่อ ในเมือง Chichen มีผู้พบหอดูดาวที่ชาวมายาได้สร้างขึ้น นอกจากนี้ชาวมายายังได้คำนวณปฏิทิน ซึ่งสามารถใช้ต่อเนื่องไปในเวลาข้างหน้าถึง 64 ล้านปี

สำหรับเรื่องของวงโคจร การหมุนรอบตัวเอง วันเวลา และแรงกระทำจากดาวศุกร์นั้น นักวิชาการยอมรับว่าเหลือเชื่อมากสำหรับชนเผ่าโบราณพวกนี้ ค่าที่ได้จากการคำนวณน่าจะมาจากอุปกรณ์คำนวณอิเล็คทรอนิคส์ ซึ่งก็ไม่มีหลักฐานปรากฏแต่อย่างใดว่า ชาวมายาสามารถประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาได้

ดังที่กล่าวไปในหน้าที่แล้วว่า ชาวมายามักจะเกี่ยวพันกับดาวศุกร์อยู่เสมอๆ ลองมาดูสูตรคำนวณดาวศุกร์ของชาวมายาสิครับ ว่าสลับซับซ้อนมากขนาดไหน ดาวซอลคิน (ชื่อเรียกดวงจันทร์ของชาวมายา) มี 260 วัน โลกมี 365 วัน ดาวศุกร์มี 584 วัน สามารถจะหารด้วย 73 ได้ 5 ครั้ง ดังนั้นสูตรดังกล่าวจึงเป็นดังนี้

(ดวงจันทร์) 20 X 13 = 260 x 2 x 73 = 37,960
ดวงอาทิตย์) 8 x 13 = 104 x 5 x 73 = 37,960
(ดาวศุกร์) 5 x 13 = 65 x 8 x 73 = 37,960

ดังนั้นดาวทั้งสาม เมื่อคำนวณแล้วจึงได้ผลเป็น 37,960 วัน ซึ่งตำนานของชาวมายากล่าวไว้ว่า จะครบรอบวันซึ่งพระเจ้าจากห้วงเวหาของพวกเขา กลับมาประทับยังตำหนักใหญ่



เซียวเหยา
#11   เซียวเหยา    [ 07-06-2009 - 00:41:09 ]

ไร้สาระครับ

เรื่องโลกแตกน่ะ

ไม่มีทางเป็นไปได้โลกอยู่มานานแสนนานไม่เห็นมันจะเป็นอะไรเลย

แต่ถ้าน้ำท่วมน่ะยังพอมีสิทธ์

พอน้ำถ่วมแล้วก็จะเกิดเกิดน้ำแข็ง

แล้วก็จะเกิดเกาะขึ้นมาแล้วก็แยกเป็นทวีป

แล้วก็มีสิ่งมีชีวิต

แล้วก็น้ำท่วมเพราะน้ำแข็งละลาย

ไปเรื่อยๆครับ




เด็กชายไร้นาม
#12   เด็กชายไร้นาม    [ 07-06-2009 - 10:59:47 ]

...



jianmin
#13   jianmin    [ 07-06-2009 - 19:29:08 ]

พวกท่านเคยได้ยินมาจากคนรอบข้างของท่านหรือไม่ล่ะเรื่องของโนอาผู้หนีน้ำท่วมโลกน่ะ พวกเราควรจะศึกษาไว้ดีกว่าข้าน้อยคิดว่าเช่นนั้นนะ




๐คุณชายไร้เงา๐
#14   ๐คุณชายไร้เงา๐    [ 07-06-2009 - 19:43:27 ]

รู้ไว้ใช่ว่าคับ แต่แทนที่เราจะมานั่งเถียงกันว่ามันจะเกิดหรือไม่เกิด
ผมว่าเอาเวลาในชีวิตประจำวันของเรา มาดูแลรักษาโลกใบนี้กันดีกว่านะ...

คนที่ว่าไร้สาระ แล้วตัวคุณไม่ได้ทำอะไรเพื่อโลกเลย ตัวคุณเองนั่นแหละไร้สาระ...
ส่วนคนที่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริง แล้วนั่งรอรับชะตากรรม ก็เชิญรอต่อไปเถอะ...



oคาระวะทั้งเเผ่นดินo
#15   oคาระวะทั้งเเผ่นดินo    [ 07-06-2009 - 20:19:43 ]

ให้ผมตายไปก่อนละกันอิอิอิ



เซียวเหยา
#16   เซียวเหยา    [ 07-06-2009 - 20:30:49 ]

จะให้ข้าช่วยังไงล่ะ

ในเมื่อคนที่มีกำลังมากกว่าข้ายังไม่ทำเลย

ข้าคนเดียวไม่ไหวหรอก

ข้าดูแลแค่ต้นไม้5ต้นที่บ้านข้าก็เหนื่อยแล้ว

ไหนจะเจอหนอน

ไหนจะต้องใส่ปุ๋ย

ช่วงนี้งดรดน้ำเพราะฝนตก



๐คุณชายไร้เงา๐
#17   ๐คุณชายไร้เงา๐    [ 07-06-2009 - 22:24:10 ]

เหอๆ ไม่ได้ว่านะคับ กล่าวไปลอยๆเผื่อมีคนประเภทนี้มาอ่าน...
แค่ดูแลต้นไม้ที่บ้านก็ถือว่าช่วยแล้วล่ะ...



กระบี่เก้าเดียวดาย
#18   กระบี่เก้าเดียวดาย    [ 08-06-2009 - 13:03:40 ]

โลกร้อนเพราะวิถีโคจรตอนนี้อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ครับ ไม่แปลกเท่าไหร่นะ

แต่เรื่องคำทำนายนี่ ผมไม่ค่อยเชื่อ เพราะบันทึกของชาวมายาแค่บอกว่าพระเจ้าจะมารับเอง มีคนโยงกันมั่วน่ะ
สรุป ผมอยากเห็นนะมนุษย์ต่างดาวที่ชาวมายาบอกว่าเป็นพระเจ้าแล้วจะมารับน่ะ



เตียบ่อกี้
#19   เตียบ่อกี้    [ 08-06-2009 - 15:09:07 ]

ใช่แล้วคับเอาเวลาที่มัวแต่กลัวโลกจะแตกหันมาดูแลโลกดีกว่านะเกิดไรขึ้นอย่างน้อยหนักจะได้กลายเป็นเบามัวแต่กลัวมันก็ไม่มีไรดีขึ้นมาหรอก



เซียวฟาง
#20   เซียวฟาง    [ 08-06-2009 - 18:54:29 ]

จะเกิดอะไรขึ้นก็ช่างมัน ตอนนี้ขออยู่กับชีวิตที่เป็นปัจจุบัน



  • 1
ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube