เชิญถามปัญหาธรรมะ ปรัชญา ศาสนา ได้ที่นี่
ฝ่ามืออัสนีบาต |
#1 ฝ่ามืออัสนีบาต [ 22-04-2009 - 20:07:16 ] |
|
ถามเกี่ยวกับธรรมะ ปรัชญา ศาสนา ได้ที่นี่ |
ชอเฮียงส่วย |
#2 ชอเฮียงส่วย [ 23-07-2009 - 10:29:45 ] |
|
สิ่งใดๆในโลกหล้าล้วนอยู่ด้วยความไม่แน่นอน แต่ความแน่นอนนั้นเล่าคืออะไร? |
อี่น่ำเทียน |
#3 อี่น่ำเทียน [ 23-07-2009 - 16:54:51 ] |
|
ผู้น้อยลึกซึ้งในเคล็ดวิชาสุดยอดของคัมภีร์พระไตรปิฎก คือ อิทัปปัจจยตา หัวใจของพุทธศาสนาว่าด้วยเรื่องของ เหตุและผล แม้นจักเพียงกิ่งก้อยที่ผู้น้อยเข้าถึง .... จากที่เคยเกเร ชีวิตไร้แก่นสาร มันสามารถพลิกชีวิตของผู้น้อยให้กลายเป็นสุภาพชนในยุทธภพได้ .................................................น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก |
อี่น่ำเทียน |
#4 อี่น่ำเทียน [ 23-07-2009 - 17:00:44 ] |
|
" การปฏิบัติธรรมที่แท้จริงคือ การเปิดประตูใจ และเข้าไปอยู่ข้างใน เพื่อทำความเข้าใจในใจของเราเอง........ และจงเข้าใจว่า การปฏิบัติธรรม เป็นเรื่องของการฝึกจิตให้สงบและฉลาด ให้รู้จักหยุดคิดปรุงแต่งเป็นบางเวลา และให้รู้จักทำจิตให้ปล่อยวางอยู่ตลอดเวลา ความทุกข์ก็จะสลายไปทีละเล็กทีละน้อยตามกาลเวลาของมัน.... และจากประสบการณ์ของเราเอง...~ " |
อี่น่ำเทียน |
#5 อี่น่ำเทียน [ 23-07-2009 - 17:05:22 ] |
|
ธรรมะ คือ ธรรมชาติ หนักแน่นเหมือนแผ่นดิน นิ่งสงบเย็นเช่นผืนน้ำ ว่าง.... ดังท้องฟ้า คือ ใจที่สงบสุข ~ |
ชอเฮียงส่วย |
#6 ชอเฮียงส่วย [ 23-07-2009 - 17:23:25 ] |
|
อนิจจังทุกสรรพสิ่งล้วนตั้งอยู่ด้วยความไม่เที่ยงแท้แน่นอนทั้งสิ้น หากแต่ความเที่ยงแท้แน่นอนก็คือความไม่จิรังเคียงกันอยู่ หากเข้าถึงธรรมคือธรรมชาติ จะเข้าใจความเป็นไปของสรรพสิ่ง หากหนักแน่นเช่นแผ่นดิน และสงบเย็นเช่นผืนน้ำจะยอมรับได้ถึงการปรับเปลี่ยนแปลงไปตามสังขาร หากว่างดุจท้องนภาจะยอมรับการบังเกิดด้วยความเป็นไปของสรรพสิ่งได้อย่างไร้ประมาณ |
ฝ่ามืออัสนีบาต |
#7 ฝ่ามืออัสนีบาต [ 23-07-2009 - 22:21:29 ] |
|
อนัตตา ไม่มีชั่ว ไม่มีดี ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ แต่ข้าพเจ้าคิดว่ายังมีวิภวตัณหาในความเป็นอนัตตา ซึ่งอาจจะเป็นความคิดที่อาจจะผิดก็ได้ เชิญทุกท่านชี้แนะด้วยครับ |
นินจาโคงะ |
#8 นินจาโคงะ [ 24-07-2009 - 12:50:26 ] |
|
ธรรมะมีอยู่แล้วในธรรมชาติ ที่พระพุทธเจ้าค้นพบก็คือ ความเป็นจริงของธรรมชาตินี่หละ |
เดียวดายแสวงพ่าย |
#9 เดียวดายแสวงพ่าย [ 24-07-2009 - 19:04:53 ] |
|
การทำไม่ได้ไม่ใช่สิ่งน่าอาย แต่การปล่อยให้ทำไม่ได้ต่อไปเป็นสิ่งน่าอาย |
minmin |
#10 minmin [ 24-07-2009 - 20:00:40 ] |
|
อนิจจัง ............. ทุกขัง............อนัตตา......... เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป สรรพสิ่งไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ไม่จีรังยั่งยืน ล้วนเป็นทุกข์ ตั้งอยู่ทนอยู่ไม่ได้ ต้องมีการเปลี่ยนแปลง แล้วก็เสื่อมสลายแตกดับไปในที่สุด ........... |
vมังกรหลับv |
#11 vมังกรหลับv [ 25-07-2009 - 09:31:10 ] |
|
ทำบุญเพื่อหวังได้บุญ กับ เล่นไพ่ที่หวังได้เงิน มันต่างกันยังไง เมื่อทั้ง2อย่างก็หวังผลตอบแทน และเกิดจากกิเลสเหมือนกัน |
shvukamin |
#12 shvukamin [ 25-07-2009 - 16:07:44 ] |
|
การทำบุญเพื่อหวังได้บุญผู้ทำนั้นหวังที่จะให้ความสุขบังเกิดแก่ชีวิตที่จริงแล้วการทำบุญนั้นทำด้วยจิตใจที่ศรัทธา เป็นการแบ่งปันที่ไม่ทำให้ผู้ทำหรือผู้อื่นต้องเดือดร้อนระแหงใจ กับการเล่นการพนันที่ทำให้ตนเองและผู้อื่นนั้นเป็นทุกข์ |
ทูตดอกบัวขาว |
#13 ทูตดอกบัวขาว [ 25-07-2009 - 16:14:59 ] |
|
น้ำหนึ่งหยด มองเห็นธรรมญาณ |
ฝ่ามืออัสนีบาต |
#14 ฝ่ามืออัสนีบาต [ 25-07-2009 - 16:28:03 ] |
|
ตอบพี่มังกรหลับ ทั้งสองอย่างถ้าดูดีๆแล้วไม่ต่างกัน เพราะตั้งอยู่บนความโลภ เหมือนท่านพุทธทาสบอกว่าคนที่ทำบุญแล้วหวังจะได้ขึ้นสวรรค์อะไรแบบนี้ ถือเป็นความโลภ คล้ายกับว่ายอมสละกิเลสเล็ก ไปเอากิเลสใหญ่ |
vมังกรหลับv |
#15 vมังกรหลับv [ 25-07-2009 - 17:41:31 ] |
|
ทำไมพระสงฆ์ถึงต้องโกนผมคับ |
vมังกรหลับv |
#16 vมังกรหลับv [ 25-07-2009 - 17:44:11 ] |
|
พระไทยต้องโกนผม โกนหนวด โกนคิ้ว แล้วตรงนั้น..... มันต้องโกนด้วยรึป่าว |
vมังกรหลับv |
#17 vมังกรหลับv [ 25-07-2009 - 17:49:17 ] |
|
ทำไม พระสงฆ์ถึงต้องห่มผ้าเหลือง ทำไมไม่เป็นสีเขียว สีแดง หรือ สีน้ำเงิน ทำไม พระสงฆ์ถึงไม่ฉันท์อาหารเย็น ทำไม พระสงฆ์ถึงไม่ใส่รองเท้า ทำไม ห้องน้ำสำหรับพระสงฆ์ไม่มีโถฉี่ แปลว่า พระสงฆ์ห้ามยื่นฉี่อย่างนั้นหรือป่าว ทำไม ทำไม ทำไม ..... |
ฝ่ามืออัสนีบาต |
#18 ฝ่ามืออัสนีบาต [ 25-07-2009 - 18:43:12 ] |
|
ตอบพี่มังกรหลับครับ 1.พระต้องโกนผมเพื่อจะได้สะดวกในการดำรงอยู่ในเพศสมณะ กล่าวคือหากพระไม่โกนผม ก็จะไม่สะดวกในการฏิบัติธรรม เพราะจะมาห่วงแต่เรื่องผมเผ้า 2.ต้องท้าวความไปถึงเรื่องนิกายด้วยอะครับ เพราะนิกายธรรมยุติจะห่มผ้าสีกรัก คือสีแดงฝาดๆอะครับ คงเคยเห็นนะครับ แต่ถ้าเป็นมหานิกายจะห่มผ้าสีเหลืองออกส้มๆ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าจะห่มผ้าสีอะไรก้ไม่สำคัญ ขอเพียงมีศีล สมาธิ ปัญญา ครบถ้วน ก็นับว่าพอแล้ว แต่โดยส่วนตัวคิดว่าที่ห่มผ้าเหลืองก็เพราะสีเหลืองเมื่อมองแล้วเป็นสีที่สว่าง และสงบในตัวเอง จึงเหมาะแก่สมณเพศ 3.ที่ไม่ฉันอาหารเย็นเพราะเป็นเรื่องที่บัญญัติไว้ในพระธรรมวินัยครับ แต่ผมคิดว่าพระสงฆ์ต้องเป็นผู้อยุ่อย่างสมถะ เรียบง่าย จึงควรฉันอาหารแต่พอควร และเอาเวลาไปปฏิบัติธรรมดีกว่า 4.ที่ไม่ใส่รองเท้าก็เพราะเป็นเรื่องที่บัญญัติไว้ตั้งแต่สมัยพุทธกาล เพราะเป็นการฝึกความอดทนของพระ แต่ผมคิดว่ากาลเวลาผ่านไปก็น่าจะเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม โดยเฉพาะเวลาหน้าฝนแล้วท่านออกไปบิณฑบาต ต้องลุยน้ำแฉะๆก็อาจทำให้ได้รับเชื้อโรคได้ แล้วถ้าหากจะบอกว่าการใส่รองเท้าคือการฝึกความอดทนเพื่อข่มกิเลส แล้วพระที่ไปเดินซื้อมือถือ ยิ่งจะไม่เกิดกิเลสได้ง่ายหรือ มันก็น่าคิด 5ที่พระไม่ยืนฉี่เพราะว่าเป็นเสขิยวัตรข้อนึงครับ เพราะท่านเป็นพระ ต้องสำรวมกิริยาในทุกอิริยาบถ และไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะยืนฉี่ เพราะท่านเป็นผู้ทรงศีล ถ้าจะปฏิบัติเหมือนคนทั่วไป ก็ดูจะกระไรอยู่ |
๐คุณชายไร้เงา๐ |
#20 ๐คุณชายไร้เงา๐ [ 25-07-2009 - 23:26:33 ] |
|
มีข้อสงสัยอยากจะถามน่ะคับ ถ้าใครมีข้อมูลก็ช่วยตอบหน่อย ปุจฉา ศาสนาพุทธกล่าวไว้ว่าเมื่อมนุษย์นั้นตายไปต้องลงไปรับกรรมในนรก แล้วบางทีก็มีคนบางคนกล่าวอ้างว่าตนนั้น ได้พบยมบาลบ้างล่ะ ได้เห็นนรก มาแล้วบ้างล่ะ บ้างก็บอกว่าจำได้ชาติที่แล้วของตนได้ แต่ทำไมในต่างประเทศ หรือกับผู้ที่นับถือศาสนาอื่น ทำไมถึงไม่มีการบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ไว้เลย แล้วถึงจะมีแต่การบอกเล่าถึงลักษณะของยมฑูตหรือยมบาลกลับไม่เหมือนกัน แล้วก็อีกเช่นกันในศาสนาคริสต์มีคนกล่าวว่าตนนั้นได้สัมผัสถึงพระจิตของพระเจ้า หรือได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้า แต่ทำไมผู้ที่เป็นศาสนาอื่นกลับไม่รู้สึกถึงเลย... ไม่ได้เจตนาจะลบหลู่ศาสนาใดๆนะคับ ที่ถามเพียงเพราะความสงสัยเท่านั้น... |