พระราชประวัติจักรพรรดินีบูเช็คเทียน ฮ่องเต้หญิงผู้ยิ่งใหญ่อง์เดียวในประวัติศาสตร์จีน

นั่นดิ อันนี้ผมเองก็งง และก็งง อีกหลายๆอย่างที่มันไม่ตรงกับที่อ่าน มากมายเลยคับ

"มวลผกาละอายนาง"

หรือเหม็นกลิ่นเต่ากันแน่ขอรับ

ผมดูทุกวันนางไม่ได้โหดๆๆขนาดนั้นหลอก ชอบเซี้ยเหยาหวน

ถ้าลองอ่านดูแล้วมองอย่างเป็นธรรมคดีฆ่าลูกของตัวเองมันเป็นคดีปริศนาไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ที่ว่าบีบคอลูกสาวตนเองจนตายคามือ นักประวัติศาสตร์คนแรกที่เขียนเรื่องบูเช็คเทียนเขียนหลังจากบูเช็คเทียนตายไปแล้ว300กว่าปี แล้วนักประวัติศาสตร์รู้ได้ยังไงว่าบูเช็คเทียนเป็นคนทำแถมยังรู้อีกบับคอเหมือนกับเห็นมาด้วยตา ผมคิดว่านางเป็นคนที่เก่งเพราะเป็นคนปฏิรูปการเมืองในสมัยนั้น เช่นการให้ทุกคนมีสิทธิ์สอบรับราชการเพราะสมัยนั้นผู้ที่สามารถสอบรับราชการได้มีประมาณ200กว่าแซ่คนธรรมดาไม่มีสิทธิ์ แล้วยังจัดพิธีไหว้เทพยดาที่เขาไท่ซาน ทำให้เมืองประเทศราชต่างยอมรับ แล้วยังเป็นชื่อ ประเทศ ไอนุ แปลว่าทาสผู้ต่ำต้อยเป็น ญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นจึงนับถือบูเช็คเทียนมา และยังที่โค่นอำนาจของลูกนั้น จริงๆเป็นเพียงการลดขั้นให้เป็นไท่จือ แล้วตั้งตนเองเป็นฮ่องเต้แทน และผู้นำที่ทำการ รสช บูเช็คเทียนครั้งนี้(ชื่ออะไรจำไม่ได้)เป็นผู้ที่สอบเข้ารับราชการเมื่อตอนอายุ70 เพราะเป็นสามัญชนธรรมดาจึงไม่มีสิทธิ์เป็นผู้ที่บูเช็คเทียนสัมภาษด้วยพระองค์เอง และเป็นคนที่บูเช็คเทียนสั่งไว้ว่าไม่ให้มีจารึกอะไรบนสุสานของพระนาง ผมคิดว่าพระนางเป็นผู้หญิงที่เก่งมากแต่ทำไมนักเขียนชอบมองเรื่องส่วนตัวมากกว่าเรื่องที่มีคุณค่ามากกว่า

..

สมัยก่อนเขากดขี่ผู้หยิงไม่ใช่เรอะท่านเฮียงส่วย มันคงไม่อยากสาธยายยกเป็นเรื่องว่าคนนี่เป็นฮ่องเต้หยิง เพราะสมัยก่อนมันไม่ให้ผู้หญิงเป็น คนจีนเลยไม่ค่อยอยากยอมรับ




ปล ส่วนเสี่ยตึงนี่มันยอมรับความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติของมันไม่ได้ โกหกตัวมันไม่พอ หลอกลวงชาวบ้าน หน้าบานเป็นตูดหมีควายโกหกชาวบ้านว่าหนักห้าสิบโล เพื่อนผมบบอกมาอย่างฮา มันเป็นอย่างงี้ไงพวกมันเลยทรยศมาบอก ความจริงมันบอกไม่ไห้บอก งั้นไม่บอกละกันใครบอก มันบอกผมไม่ชอบโกหก นี่ท่าทางมันจะเบลอ มันพยายามเอาไขมันออกจากสมองหมู ไม่รู้จะทำไปทำโครตเง่า กลัวผมด่าขึ้นสมอง ก็มันจริงนี่หว่า ป ญ อ มั่กๆ

คห 15 นั่นมันยัยกรงเล็บกระดูกขาวนี่นา

คำว่า .....มโหด .....มหาญ. นี่มันแปลว่าอะไร

ขอยืมบทความไปทำเป็นคลิปเผยแพร่ในแชลแนลนะคะ ขอบคุณมากค่ะ