เข้าระบบอัตโนมัติ

พระราชประวัติจักรพรรดินีบูเช็คเทียน ฮ่องเต้หญิงผู้ยิ่งใหญ่อง์เดียวในประวัติศาสตร์จีน


  • 1
  • 2
มหาราช
#1   มหาราช    [ 05-02-2009 - 18:14:52 ]




ผู้หญิง เป็นเพศที่มักถูกกำหนดให้อยู่เบื้องหลังเสมอ แม้ว่าในประวัติศาสตร์จะปรากฏ ชื่อผู้หญิงหลายคน ที่เป็นผู้ชี้นิ้วกำหนดชะตาผู้ชายด้วยวิธีแยบยลนุ่มนวล อย่าง เนเฟอร์ตีติ ที่กำอำนาจจากสามี ไว้ในมือ จนได้ครองตำแหน่ง สูงที่สุดของฝ่ายใน คือเป็นราชินีของอียิปต์ เช่นเดียวกับพระนางฮัทเซปซุทแห่งอียิปต์ที่ก้าวขึ้นเป็น ฟาโรห์ ได้สำเร็จ

นางบูเช็คเทียน เป็นหญิงที่ประวัติศาสตร์จีนต้องจารึกไว้ ในความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ...มโหด อย่างผู้ชายอกสามศอกยังต้องถอย เพราะนางคือผู้ที่ก้าวขึ้นมาเป็นฮ่องเต้สตรีองค์แรกและองค์เดียวของจีน

นางเกิดมาในสมัยที่ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้าผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง ไม่มีสิทธิ์มีเสียงแต่บูเช็คเทียนกลับตาลปัตรมานำหน้า ทั้งยังหาความสำราญให้ตัวเองแบบที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าทำ ผู้คนก็เลยพูดถึงพระนางในแง่ลบ ว่าเป็นคนเลวร้ายมักมากในกามคุณมักใหญ่ใฝ่สูง อำมหิตโหดร้าย ฆ่าคนยังกับผักปลา แต่นางกลับปกครองแผ่นดินที่กว้างใหญ่และพลเมืองมากที่สุดในโลกได้อย่างไม่น่าเชื่อ

บูเช็คเทียนเกิดมาจากครอบครัวธรรมดา พ่อของนางเป็นพ่อค้าธรรมดาๆ ภายหลังรับราชการอยู่หัวเมืองรอบนอกส่วนมารดาก็เป็นหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา นามเดิมก่อนที่นางจะได้เข้าไปอยู่ในพระราช สำนักคือ บูเหม่ยเหนียงแปลว่า โฉมงามเลอเสน่ห์ สมัยที่ยังเป็นเด็กมารดามักจับนางแต่งกายด้วยเสื้อผ้าของเด็กชายจนใครๆ ที่พบเห็นนึกว่าเป็นเด็กผู้ชาย มีเรื่องเล่าว่ามีโหรใหญ่คนหนึ่งชื่อหยวนเทียนกังมา เห็นเข้า นึกว่าหนูน้อยน่ารักคน นี้เป็นเด็กชายจึงออกปากทักว่า เด็กคนนี้ถ้าหากเป็นหญิงล่ะก็ ต่อไปจะได้เป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินจีนเป็นแน่ ยิ่งกว่านั้นเมื่อเข้าวังไปแล้ว โหราศาสตร์แห่งราชสำนักยังพยากรณ์สำทับอีกว่า ต่อไปสตรีแซ่อู่จะมีอำนาจขึ้นล้มราชวงศ์ถัง

ด้วยอายุเพียง 14 ปี กิตติศัพท์ความงามของนางก็ลือลั้นไปทั่ว จนรู้ไปถึงพระกรรณพระเจ้าถังไทจง ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งราชวงศ์ถัง พระองค์จึงทรงมีดำรัสตรัสสั่งให้นำนางเข้าวังมาถวายตัวเป็นนางสนมในราชสำนักและด้วย ความงามกับเสน่ห์อันเย้ายวน นางจึงกลายเป็นสนมที่พระเจ้าถังไทจงรักและหลงเป็นยิ่งนัก

ขณะเดียวกันไทจือหรือราชโอรสที่เป็นรัชทายาทผู้มีนามว่า “ หลี่จื้อ “ ก็มีจิตปฏิพัทธ์ต่อบูเช็คเทียนด้วย ความสวยของบูเช็คเทียนจึงเปรียบเสมือนถนนราดยางอย่างดี นำพาตัวเองไปสู่ความโดดเด่นเหนือสนมกำนัลในทั้งปวง ว่ากันว่า

องค์ไทจือนั้นสนิทเสน่หาในตัวนางมากๆทั้งที่มีมเหสีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่อาจทำอะไรนอกลู่นอกทางได้นอกจากเฝ้ารอคอยเวลาที่ จะได้ชื่นชมตัวนางเท่านั้น

แต่แล้วไทจือก็ไม่ต้องทรงรอนาน เมื่อพระเจ้าถังไทจงผู้เป็นพระราชบิดาสิ้นพระชนม์ลง พระองค์ได้ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้สืบต่อราชบัลลังก์ ความสนิทเสน่หาในตัวบูเช็คเทียนที่ตรา อยู่ในดวงหทัยของพระองค์เพิ่มมากขึ้นเป็นเงา และเมื่อพิษสวาทกำเริบหนัก พระองค์ก็อาจหาญสึกบูเช็คเทียนซึ่งจำ ต้องโกนหัวเข้าวัดบวชตามโบราณราชประเพณี มาเป็นสนมเอกของพระองค์สมความปรารถนา

บูเช็คเทียนได้เข้าวังอีกครั้ง และรั้งตำแหน่งใหญ่กว่าเดิม นางเริ่มคิดกำเริบในใจว่าไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นข้าบาท

บริจาริกาเท่านั้น หากจะต้องยิ่งใหญ่กว่าใครในราชสำนักฝ่ายในและหนทางที่จำไปสู่อำนาจได้นั้นต้องอาศัยความแยบบลและรอบคอบ นางจึงใช้ความฉลาดวางหมากเดินแต้ม โดยเหยียบย่ำลงบนเลือดเนื้อและชีวิตของผู้คนมากมาย ไม่เว้นแม้แต่เลือดเนื้อเชื้อไข ลูกในไส้ของตนเอง !

ในตอนแรก บูเช็คเทียนค่อยๆ ดำเนินการตามเป้าหมายอย่างนิ่มนวล รวบอำนาจฝ่ายในไว้ในมือ โดยแผนการของนางนั้นเรียกได้ว่าต้องลงทุนมหาศาลและต้องใช้ความ...มโหดจนใครก็นึกไม่ถึง นั่นคือ นางลงทุนบีบคอธิดาน้อยองค์เดียวของตนเองจนตายคามือ และป้ายความผิดให้กับฮองเฮา ! มันเป็นหมาก ที่บูเช็คเทียนมอง ไว้ทะลุปรุโปร่งเกาจงฮ่องเต้เชื่อสนิท ทรงพิโรธโกรธเกรี้ยวและทรงสั่งถอดถอน พระนางออกจากตำแหน่งทันที ก่อนจะนำไป คุมขังไว้ในตำหนักเย็นอันเป็นเสมือนคุกดีๆ นี่เอง

บูเช็คเทียนคิดว่าคงจะพบทางสว่างที่จะได้ขึ้นตำแหน่งใหญ่แทนฮองเฮา แต่ก็ยังได้รับการคัดค้านจากขุนนาง

ผู้ใหญ่ นางแค้นใจแต่ก็ไม่ว่าอะไร ค่อยๆ กระเถิบก้าวไปข้างหน้าด้วยตัวเอง โดยการคบหาบัณฑิตจอหงวนรุ่น ใหม่เสมอทำให้รอบรู้กว้างขวาง มีสายตากว้างไกล

ความพยายามของนางในการขึ้นสู่ตำแหน่งสูงก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อเสนาบดีฝ่ายกลาโหมให้ความสนับสนุนทำให้

พระเจ้าถังเกาจงสามารถแต่งตั้งนางขึ้นเป็นฮองเฮา โดยไม่หวั่นไหวต่อคำทัดทานของเสนาบดีคนใดอีกนับว่า ได้ก้าวขึ้นมาถึงจุดสุดยอดของอำนาจฝ่ายในอย่างที่นางต้องการได้สำเร็จ

แต่ว่าเส้นทางสู่อำนาจวาสนาของนางมิใช่จะสิ้นลงตรงนี้ หากทอดยาวไปถึงบัลลังก์ฮ่องเต้เลยทีเดียว พระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้พระสวามี แม้จะอยู่ในวัยหนุ่มแน่นแต่ทรงอ่อนแอประชวรจนพระวรกายซูบซีดลงเป็นลำดับ ไม่ช้าก็ทรงเห็นราชการเป็นงานหนัก เมื่อพระองค์ทรงท้อแท้พระนางบูเช็คเทียนจึงเข้ามากำกับราชการถวายอยู่หลังพระวิสูตร (ม่าน) ในขณะที่ประทับบัลลังก์มังกรว่าราชการในท้องพระโรง นางมีความรู้เรื่องในการปกครองไม่เหมือนผู้ชายจนมีความเห็นว่าน่าจะกระทำการคัดเลือกข้าราชการด้วยการสอบ แทนที่จะใช้ “ เส้น “ ฮ่องเต้ก็ทรงเห็นด้วย ต่อมาฐานของบูเช็คเทียนซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถสอบผ่านเข้ามาเป็นขุนนางได้ จึงทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว

นางวางหมากไว้อย่างเป็นระบบ และนางก็กลายเป็นผู้มีอำนาจสามารถสั่งงานแทนฮ่องเต้หมดทุกเรื่อง ด้วย

เหตุผลนี่ฮ่องเต้ทรงเกรงในความเด็ดขาดของนางที่สามารถว่าราชการแทนพระองค์และประสบความสำเร็จทุกครั้ง

ในเวลาต่อมาไม่ว่าบูเช็คเทียนจะสั่งอะไรก็ไม่มีใครกล้าไปขัดขวาง ไม่อย่างนั้นจะมีชีวิตอยู่ในโลกได้ไม่นาน ขุนนางที่กระด้างกระเดื่องล้มตายลงไปมาก เพราะคำสั่งของพระนางไม่ว่าทาง ตรงหรือทางอ้อม หนึ่งในจำนวนคนที่ต้องตายเพราะขวางหูขวางตาฮองเฮานี้ยังรวมไปถึงพี่น้องของนางเองด้วย สาเหตุเพราะพี่สาวของนางบังอาจเข้ามาเป็นสนมอีกคนหนึ่งของฮ่องเต้ ซึ่งบูเช็คเทียนถือว่าเป็นการทรยศอย่างที่ให้อภัยไม่ได้ พี่สาวผู้นั้นมีความสุขกับฮ่องเต้ได้ไม่นานก็ต้องตายกระทันหันด้วยสาเหตุอาหารเป็นพิษ ทั้งฮ่องเต้และทุกคนในวังรู้ดีว่าเป็นฝีมือ ของบูเช็คเทียนแต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ ยิ่งไปกว่านั้นพระนางยังมีอำนาจในมืออย่างเต็มที่ พระนางเริ่มกำจัดขุนนางตงฉินหลายคน ทรงวางยาเจ้าชายรัชทายาทอีกด้วย

บ้านเมืองเริ่มไม่สงบสุข โดยเฉพาะซิกังบุตรของซิเตงซันผู้เคยมีบทบาทในราชสำนักอย่างมาก มีความเคียดแค้นการกระทำของพระนางจนก่อการกระด้างกระเดื่อง พระนางรับสั่งให้จับตัวมาประหารทันที พระเจ้าถังเกาจงก็ช่วยอะไรไม่ได้ในที่สุดพระเจ้าถังเกาจงฮ่องเต้ก็สิ้นพระชนม์ ราชโอรสของพระเจ้าถังเกาจง ผู้เป็นไทจือขึ้นครองราชบัลลังก์มังกรต่อ ทรงพระนามว่า “ พระเจ้าถังจงจงฮ่องเต้ “ บูเช็คเทียนเปลี่ยนฐานะจากมเหสี-ฮองเฮา เป็นพระราชชนนีฮองไทเฮา แต่ก็ทรงอำนาจเหมือนเดิม ไม่ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะทำอะไร เป็นต้องได้รับความเห็นชอบ จากฮองไทเฮาก่อนเสมอ

หนทางอำนาจนั้นย่อมโรยด้วยขวากหนามเป็นธรรมดา พระนางต้องผจญกับการต่อต้านจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยมากมาย แต่พระนางก็ปราบได้ด้วยความเข้มแข็ง ต่อมาพระนางก็ได้ลงมือโค่นอำนาจฮ่องเต้ซึ่งเป็นโอรสของพระนาง เองแล้วสถาปนาขึ้นเป็นฮ่องเต้สตรีคนแรก (องค์เดียว) ของจีน เปลี่ยนราชวงศ์ใหม่เป็นราชวงศ์โจว ปีนั้นพระนางอายุถึง 64 ชันษาแล้ว

บุคคลิกที่ขัดแย้งของพระนางบูเช็คเทียนนอกจากความ...มหาญไม่แพ้ชายแล้ว อีกด้านหนึ่งนางกลับเป็นคน ที่มีความละเอียดอ่อนละเมียดละไมมากพอที่จะเขียนกลอนได้อย่างไพเราะ พระนางแต่งกวีได้หลายบทตั้งแต่สถาปนาตัวเองเป็นฮ่องเต้ มีทั้งบทความรัฐศาสตร์ ปรัชญาโอวาท

พระนางยังเป็นคนที่คิดวิธีเร่งดอกไม้บานได้ มีเรื่องเล่าว่าพระนางดำรัสสั่ง ให้นางกำนัลออกไปบังคับดอกไม้ให้บาน วันรุ่งขึ้นดอกไม้ก็บาน ด้วยวิธีที่ง่ายนิดเดียวคือ ต้มน้ำร้อนให้เดือด แล้วนำไปตั้งไว้ในราชอุทยานทุกหนทุกแห่ง

ไอน้ำเป็นตัวช่วยเร่งให้ดอกไม้แย้มกลีบบานได้ทุกดอก ถือเป็นความเฉลียวฉลาดของพระนางที่ยากจะหาใครมาเทียบรัศมีได้

เรื่องราวของฮ่องเต้สตรีคนนี้ตื่นเต้นกว่านิยายเสียอีก นอกเหนือจากความ...มโหดผิด ผู้หญิงของพระนางแล้วต้องถือว่าพระนางสมควรจะได้รับการยกย่อง ว่าเป็นหญิง ที่สามารถที่บริหารบ้านเมืองได้ในทุกๆ ทางไม่เว้นแม้แต่ด้านศึกสงคราม ในบั้นปลายชีวิตของพระนางบูเช็คเทียนทรงพระชันษายืนยาวถึง 80 ปี แต่ก็ยังไม่ยอมมอบอำนาจให้ใคร จนโอรสองค์ที่เคยเป็นฮ่องเต้ถังจงจงต้องกราบทูลขอบัลลังก์คืนโดยมีเสนาบดีสนับสนุน บูเช็คเทียนจึงทรงคืนบัลลังก์ให้แล้ว เสด็จไปประทับนอกเมืองก่อนจะสิ้นพระชนม์ลงด้วยโรคชราเมื่อพระชนม์มายุ 81 ปี

ปัจจุบันสุสานของพระนางนับเป็นสุสานที่สวยงามมาก ตั้งอยู่เคียงคู่กับที่ฝังพระศพของถังเกาจงฮ่องเต้ ซึ่งพระนางได้สั่งให้จารึกแผ่นศิลาสรรเสริญเกียรติคุณไว้ด้านหน้า แต่แปลกที่แผ่นศิลาของพระนางกลับ ว่างเปล่าเพราะพระนางสั่งไว้ว่าไม่ต้องการให้จารึกอะไรไว้ทั้งสิ้น


เป็นฮ่องเต้หญิงที่ถึงแม้จะโหดร้าย แต่บ้านเมืองยุคพระนางก็สงบสุข และมั่งคั่ง รุ่งเรือง

มีกลอนบทหนึ่งซึ่งแต่งไว้ให้แก่ฮ่องเต้หญิงพระองค์นี้ ได้มีการแปลเป็นไทยได้ความว่า

นับเป็นบุญ ช่วยหนุนนำ หรือกรรมซัด

สวรรค์จัด ให้กำเนิด เกิดใต้ฟ้า

ฤๅนรก บีฑาคน ดลเธอมา

ลงเป็นข้า ในพระองค์ ถังไท่จง

เป็นสตรี ถือดีมา กว่าหญิงอื่น

กล้าหยัดยืน ฝืนชะตา ที่ฟ้าส่ง

ขอลิขิต ขีดเส้นทาง อย่างทะนง

เป็นนางหงส์ คงเคียงคู่ หมู่มังกร

ใครกำหนด กดสตรี มิแจ้งเกิด

บุรุษเลิศ ประเสริฐล้ำ นำหน้าก่อน

ส่วนนารี สิอยู่หลัง ดังขั้นตอน

คือคำสอน กลอนโบราณ สานสืบมา

เปลี่ยนแนวคิด ขีดเส้นใต้ ให้คำใหม่

ขอก้าวไกล ไปเป็นหนึ่ง ซึ่งเหนือหล้า

เป็นฮ่องเต้ ยอดหญิงเหล็ก เสกบัญชา

ฤทธิ์เทียมฟ้า นางพญา บูเช็กเทียน





มหาราช
#2   มหาราช    [ 05-02-2009 - 18:20:21 ]




ถังไท่จงฮ่องเต้ มหาราชผู้ยิ่งใหญ่แห่งต้าถัง

ไหนๆก็ลงแล้ว ขอลงถังไท่จงฮ่องเต้เลยละกัน


สมเด็จพระจักรพรรดิถังไท่จง(Emperor Tang Taizong)(1170-1186) จักรพรรดิองค์ที่สองแห่งราชวงศ์ถังของประเทศจีน(ราว 1,600 ปี)ได้ยึดถือหลักคำสอนเรื่องนี้ของบรมครูขงจื่อในการ ปกครองประเทศจีน และทำให้ประเทศจีนในยุคที่พระองค์ทรงปกครองรุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์ 5 เป็นประเทศมหาอำนาจของโลกในยุดสมัยของพระองค์ราชวงศ์ถังนั้นยิ่งใหญ่มากมายนั้นเลยก็ว่าได้

แม้ว่าพระองค์ทรงมีพระราชอำนาจสูงสุด สามารถตัดสินพระทัยสั่งการใด ๆ ก็ได้ พระองค์ก็ทรงมิได้ปฏิบัติเช่นนั้น พระองค์จะไต่ถามความเห็นของเหล่าเสนาบดี และที่ปรึกษาของพระองค์ก่อนที่จะตัดสินพระทัยเสมอ โดยเฉพาะที่ปรึกษาท่านหนึ่งซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาของพี่ชายพระองค์ที่เป็นรัชทายาท และได้แนะนำให้พี่ชายของพระองค์ วางแผนสังหารพระองค์ เนื่องจากที่ปรึกษาท่านนี้มองเห็นว่า พระองค์จะเป็นภัยก่อการขบถยึดราชบัลลังก์ของพี่ชาย เนื่องจากถังไท่จงเหนือชั้นกว่า จึงวางแผนซ้อนแผน แทนที่พระองค์จะถูกสังหาร พี่ชายของพระองค์กลับถูกปลิดพระชนม์ชีพแทน แต่ถังไท่จงรับสั่งมิให้ทหารของพระองค์ทำร้ายที่ปรึกษาผู้นั้น นอกจากไม่ทำร้ายแล้ว พระองค์ยังทรงแต่งตั้งเขาขึ้นเป็นประธานที่ปรึกษา เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระราชบิดาอีก ด้วยเหตุผลก็คือ พระองค์ท่านจะได้มีที่ปรึกษาอย่างน้อยหนึ่งท่านที่คิดแตกต่าง หรือไม่เหมือนกับที่พระองค์คิด กล้าคัดค้านพระองค์อย่างตรงไปตรงมาโดยไม่เกรงกลัว หรือหวาดหวั่นต่อพระราชอำนาจ

จักรพรรดิถังไท่จงได้รับการยกย่องจากนักประวัติศาสตร์ให้เป็นมหาจักรพรรดิของจีนเพราะพระองค์แตกต่างจากจักรพรรดิทั้งปวง กล่าวคือ ไม่ว่าเชื้อพระวงศ์ก็ดี หรือเสนาบดีก็ดี หรือที่ปรึกษาก็ดีไปแอบนินทา ให้ร้ายพระองค์ลับหลัง พระองค์ก็จะทรงลงพระอาญา เพราะถือว่า พระองค์ทรงให้โอกาสวิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผย และถูกต้องแล้วบุคคลเหล่านี้กลับไม่ทำ หรือไม่ใช้โอกาสดังกล่าว กลับมาแอบทำลับหลังพระองค์ จึงต้องถูกลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนผู้ที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ หรือคัดค้านพระองค์ต่อหน้าพระพักตร์อย่างชนิดตรงไปตรงมา อย่างเช่น อดีตที่ปรึกษาของพระเชษฐาขององค์จักรพรรดิถังไท่จงก็ทรงปูนบำเหน็จรางวัลให้เพื่อให้บรรดาเหล่าขุนนาง หรือข้าราชบริพารมีความกล้าที่จะใช้โอกาสดังกล่าวคัดค้านพระองค์ด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช่ไปแอบทำข้างหลัง

นอกจากนั้นพระองค์ก็ทรงปลอมเป็นสามัญชนไปกับประธานที่ปรึกษาออกตระเวนเยี่ยมประชาชนของพระองค์ และตรวจงานการปฏิบัติราชการของ เหล่าข้าราชบริพารเป็นประจำทุกปี เพื่อจะได้ทรงทราบว่า บรรดารายงานของข้าราชการที่ส่งไปให้พระองค์ทรงอ่านที่เมืองหลวงนั้นมีความถูกต้อง สอดคล้องกับความเป็นจริงมากเพียงใด ไม่ใช่ทรงอยู่แต่ในวังหลวงพึ่งพารายงานจากข้าราชการอย่างเดียว บางครั้ง หากพระองค์ประชวร พระองค์ก็จะทรงส่งประธานที่ปรึกษาของพระองค์ออกทำงานแทนพระองค์ จักรพรรดิถังไท่จงถือว่าประชาชนมีความสำคัญกว่าพระองค์ และพระราชวงศ์ เวลาพระองค์จะตัดสินพระทัยทำอะไร ก็มักจะมองไปที่ผลประโยชน์ของประชาชนก่อนเสมอ

ก่อนที่จะขึ้นครองราชย์นั้น พระองค์ทรงมีพระนามว่า "หลี ซื่อ หมิน" ประสูติเมื่อ ค.ศ.599(พ.ศ. 1142) โดยทรงเป็นพระราชโอรสองค์รองของจักรพรรดิถังเกาจู่ฮ่องเต้(หลี่หยวน)ต่อมาช่วงค.ศ.620-627 โอรสทั้ง 3 เกิดแย่งชิงอำนาจกันแต่ก็เป็น โอรสองค์รององค์ชายหลี่ซื่อหมินที่ได้ชัยชนะและบังคับให้พระราชบิดาตั้งพระองค์เป็นไท่จื้อ(รัชทายาท)ต่อมาในปีค.ศ.627้(พ.ศ. 1170)จักรพรรดิถังเกาจู่ประกาศสละราชสมบัติและรัชทายาทหลี่ซื่อหมินชันษา28พรรษาขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิถังไท่จง ทรงพระปรีชาสามารถทุกด้าน

ช่วงปลายรัชกาลได้เชิญซินแสชื่อหยวนเทียนกัง มาทำนายพระลักษณะขององค์ชายใหญ่ องค์ชาย4(หลี่ไช่)และองค์ชายเล็ก(หลี่จื้อ)ปรากฏว่าหยวนเทียนกังได้ทำนายว่าองค์ชายเล็กจะได้ครองราชย์ ถังไท่จงจึงทรงตั้งองค์ชายเล็กเป็นรัชทายาทแทนองค์ชายใหญ่เมื่อถังไท่จงสวรรคตลงเมื่อปีค.ศ.643(พ.ศ. 1186)ขณะพระชนม์ 44 พรรษา องค์รัชทายาทหลี่จื้อจึงขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิถังเกาจง




มหาราช
#3   มหาราช    [ 05-02-2009 - 18:29:32 ]




สมเด็จพระจักรพรรดิเกาจง (643-683,1186-1226)จักรพรรดิองค์ที่3แห่งราชวงศ์ถังประสูติเมื่อปีค.ศ.628(พ.ศ. 1171)มีพระนามเดิมว่าหลี่จื้อเป็นพระราชโอรสองค์เล็กในจักรพรรดิถังไท่จงช่วง ปลายรัชกาลถังไท่จงพระราชบิดาทรงเลือกองค์ชายหลี่จื้อเป็นรัชทายาทแทนองค์ชายใหญ่พระเชษฐาที่กระทำผิดเมื่อพระราชบิดาสวรรคตลงพระองค์จึงขึ้นครองราชย์แทนขณะพระชนม์เพียง15พรรษาในช่วงต้นรัชกาลของพระองค์ มีการแย่งชิงอำนาจในวังหลังระหว่างฮองเฮาหวังและพระสนมเซียวแต่ภายหลังทั้งสองถูกจัดการโดยฮองเฮาอู่เจ๋อเทียนและฮองเฮาองึค์นี้ได้ช่วยพระราชสวามี บริหารราชการแผ่นดินจนสงบสุขจนยุคของ2พระองค์นี้ได้รับฉายาว่ามังกรคู่แต่ได้มีผู้เคียดเแค้นฮองเฮาอู่ที่มาบริหารราชการแผ่นดินแทนผู้ชายมีทั้งขุนนางข้ารชการชาวบ้านฯลฯ ในปีที่40ในรัชกาลถังเกาจงมิสามารถบริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้ฮองเฮาอู่จึงทรงบริหารราชการแผ่นดินแต่เพียงผู้เดียวและสถาปนาหลี่เสียนที่รัชทายาทขึ้นเป็นจักรพรรดิถังจงจง ทรงสวรรคตงฃลงในปีค.ศ.683(พ.ศ.1226)ขณะพระชนม์ได้55พรรษา



สมเด็จพระจักรพรรดิถังจงจง (683-684,1226-1227)จักรพรรดิองค์ที่4แห่งราชวงศ์ถังมีพระนามเดิมว่าหลี่เสียนประสูติเมื่อปีค.ศ.656(พ.ศ. 1199)เป็นพระราชโอรสองค์ที่3ในจักรพรรดิถังเกาจง กับพระนางอู่เจ๋อเทียนทรงเป็นองค์รัชทายาทเมื่อพระราชบิดาทรงประชวรหนักจนมิสามารถว่าราชการได้พระราชมารดาของพระองค์จึงกุมอำนาจแต่เพียงผู้เดียวและตั้งพระองค์ ขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ใหมในปีค.ศ.683(พ.ศ. 1226่)ขณะพระชนม์ได้27พรรษาแต่ครองราชย์ได้1ปีก็ถูกพระมารดาปลดออกและตั้งให้เป็นหลูหลิงหวังและทรงตั้งหลี่ตั๋นพระราชอนุชาของถังจงจงขึ้นเป็นถังรุ่ยจง

สมเด็จพระจักรพรรดิรุ่ยจง (684-684,1227-1227)จักรพรรดิองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์ถัง พระนามเดิมว่า หลี่ตั๋นประสูติเมื่อปีค.ศ.662(พ.ศ. 1205) เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 4 ของจักรพรรดิถังเกาจง กับพระนางอู่เจ๋อเทียน เมื่อจักรพรรดิถังจงจงพระเชษฐาถูกพระราชมารดาปลดออกจากราชสมบัติ (พระองค์เอง)จึงขึ้นครองราชย์แทนแต่ครองราชย์ได้ไม่ถึงปีก็ถูกปลด เมื่อค.ศ.684(พ.ศ. 1227)

ต่อมาได้กลับ มาทรงราชย์อีกครั้ง หลังจากองค์ชายหลี่หลงจี๋ พระโอรสที่องค์หญิงไท่ผิงสนับสนุน สังหารเหวยฮองเฮา กับพวก แต่ถังรุ่ยจงทรงครองราชย์ได้เพียง 2 ปี ก็สละราชสมบัติให้องค์ชายขึ้นทรงราชย์เป็นจักรพรรดิถังเสวียนจง





amphol007
#4   amphol007    [ 05-02-2009 - 18:32:27 ]

โดยเฉพาะที่ปรึกษาท่านหนึ่งซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาของพี่ชายพระองค์ที่เป็นรัชทายาท
น่าจะเป็นเว่ยเจิง อิอิ




ขบอคุณมากนะครับ ท่านมหาราช




มหาราช
#5   มหาราช    [ 05-02-2009 - 18:41:54 ]

หามิได้




สมเด็จพระจักรพรรดิถังเสวียนจง (712-744,1255-1287) จักรพรรดิองค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ถัง เป็นโอรสในจักรพรรดิถังรุ่ยจง มีพระนามเดิมว่า หลี่หลงจี๋

เมื่อสิ้นรัชกาลจักรพรรดิถังจงจง ซึ่งเป็นพระปิตุลาแล้ว เหวยฮองเฮาเข้ายึดอำนาจ ส่วนหลี่หลงจี๋ที่องค์หญิงไท่ผิงสนับสนุน ได้เข้ากวาดล้างพรรคพวกของนางแล้วเชิญพระราชบิดาขึ้นทรงราชย์อีกครั้ง แต่ทรงราชย์ได้ 2 ปีก็สละราชสมบัติ แล้วเชิญหลี่หลงจี๋ขึ้นทรงราชย์

เมื่อทรงราชย์เป็นจักรพรรดิถังเสวียนจง พระราชภารกิจแรกคือกวาดล้างองค์หญิงไท่ผิงและพวก ตลอด 32 ปีในรัชสมัย ทรงปฏิรูปการปกครองกวาดล้างขุนนางกังฉิน

ในปี ค.ศ. 744 (พ.ศ. 1187) ทรงรับสนมหยางกุ้ยเฟย (หยางอวี๋หวน) เข้ามาในวัง ก็ทรงละเลยพระราชภารกิจ หลงใหลแต่นางหยางกุ้ยเฟย บ้านเมืองจึงเริ่มอ่อนแอลง ภายหลังบ้านเมืองยำแย่ยิ่งกว่าเก่า ญาติพี่น้องของกุ้ยเฟยได้เป็นเสนาบดี และใช้อำนาจบาตรใหญ่ทำให้นายทหารโกรธแค้น บุกเข้ายึดพระราชวัง ถังเสวียนจง กับกุ้ยเฟยหนีลงใต้ ส่วนนายทหาร เหล่านั้นตามมาทัน และบังคับให้ถังเสวียนจงประหารหยางกุ้ยเฟยและสนับสนุนหลี่เฮิงให้ขึ้นเป็นจักรพรรดิถังซู่จงทรงสวรรคตลงในปีค.ศ.762(พ.ศ.1305) ขณะพระชนม์ได้77พรรษา




มหาราช
#6   มหาราช    [ 05-02-2009 - 18:46:14 ]





หยางกุ้ยเฟย

มวลผกาละอายนาง

หยางกุ้ยเฟย (อังกฤษ: Yang Guifei จีน: 楊貴妃) พระนามเดิมคือ หยางอี้หวน (อังกฤษ: Yang Yuhuan จีน: 楊玉環) เกิด 1 มิถุนายน ค.ศ. 719 สิ้นพระชนม์ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 756 เป็นหนึ่งในสี่หญิงงามแห่งแผ่นดินจีน

กล่าวกันว่า หยางกุ้ยเฟยทรงเป็นสตรีที่มีความงามเป็นเลิศ ใช้ชนม์ชีพในรัชสมัยราชวงศ์ถัง ได้รับฉายานามว่า "มวลผกาละอายนาง" (จีน: 羞花 พินอิน: xiū huā) ซึ่งหมายถึง "ความงามที่ทำให้แม้แต่มวลหมู่ดอกไม้ยังต้องละอาย" (a face that would make all flowers feel shameful)

หยางกุ้ยเฟยเป็นพระสนมเอกในจักรพรรดิถังเสวียนจง ของราชวงศ์ถัง อิทธิพลของหยางกุ้ยเฟยทำให้ญาติของพระนางขึ้นมามีบทบาทในราชสำนัก ในภายหลังเกิดการกบฎ ฮ่องเต้ถังเสวียนจงได้มีพระบรมราชโองการให้พระนางสำเร็จโทษโดยแขวนพระศอสิ้นพระชนม์ชีพระหว่างการหลบหนี




amphol007
#7   amphol007    [ 05-02-2009 - 18:47:49 ]

ท่านรู้ใจผมจริงๆๆๆผมกำลังหาพอดี



มหาราช
#8   มหาราช    [ 05-02-2009 - 18:48:55 ]

สมเด็จพระจักรพรรดิซู่จง (744-762,1287-1305)จักรพรรดิองค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์ถัง มีพระนามเดิมว่าองค์ชายหลี่เฮิงประสูติเมื่อปีค.ศ.711(พ.ศ.1254)

จักรพรรดิถังซู่จง ขึ้นครองราชย์แทนจักรพรรดิถังเสวียนจง พระราชบิดาที่ถูกเหล่านายทหารและขุนนางข้าราชการโค่นราชบัลลังก์ ในรัชกาลนี้มีกบฏอันลู่ซัน และขันทีคนสำคัญคือหลี่ฝู่กั่ว งานราชกิจต่าง ๆ ต้องผ่านหลี่ฝู่กั่ว

ในปี ค.ศ. 762 (พ.ศ. 1305) หลี่ฝู่กั่วได้ปลงพระชนม์ฮองเฮาจางของถังซู่จง หลังจากนั้นได้ไม่นานถังซู่จงก็สวรรคตลงขณพระชนม์ได้51พรรษา หลังจากทรงครองราชย์ได้ 18 ปี หลี่ฝู่กั่วได้ยกองค์รัชทายาทหลี่อวี่ขึ้นทรงราชย์เป็นจักรพรรดิถังไต้จง

สมเด็จพระจักรพรรดิถังไต้จง (ค.ศ. 762-779, 1305-1322) จักรพรรดิองค์ที่ 10 แห่งราชวงศ์ถัง มีพระนามเดิมว่าองค์รัชทายาทหลี่อวี่ประสูติเมื่อปีค.ศ.726(พ.ศ. 1269)จักรพรรดิถังไต้จงเป็นพระราชโอรสในจักรพรรดิถังซู่จงทรงขึ้นครองราชย์ในปีค.ศ.762(พ.ศ. 1305) เป็นจักรพรรดิที่อ่อนแอและไร้อำนาจ เพราะอำนาจทั้งหมดอยู่ในกำมือของขันทีหลี่ฝูกั่วจักรพรรดิถังไต้จงทรงสวรรคตลงในปี ค.ศ. 779 (พ.ศ. 1322) ครองราชย์ได้ 17 ปี ขณะพระชนม์ได้53พรรษา







vมังกรหลับv
#9   vมังกรหลับv    [ 06-02-2009 - 20:42:08 ]






amphol007
#10   amphol007    [ 06-02-2009 - 23:19:21 ]

หากนำทองแดงมาส่องเป็นกระจก ก็จะสามารถจัดแจงเครื่องแต่งกายให้เป็นระเบียบได้
หากนำอดีตมาส่องเป็นกระจก ก็จะรับรู้ได้ถึงความรุ่งเรืองและล่มสลายของยุคสมัย
หากนำคนมาส่องเป็นกระจก ก็จะทราบถึงความสำเร็จและความผิดพลาด
ข้ามักจะใช้กระจกสามบานนี้เพื่อป้องกันความผิดพลาดของข้า
วันนี้เมื่อเว่ยเจิงตายไป ข้าก็เหมือนขาดกระจกไปบานหนึ่ง



amphol007
#11   amphol007    [ 07-02-2009 - 00:05:56 ]

สิบผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์จีน จากอดีตสู่ปัจจุบัน

1. ดุ๊กโจว เป็นผู้ปกครองในอุดมคติของลัทธิขงจื๊อ

2. ขงจื๊อ ปรัชญาเมธีที่ยิ่งใหญ่ของจีนในยุค 500 ปีก่อนคริสตศักราช
ลัทธิขงจื๊อยังฝักรากลึกอยู่ในจิตวิญญาณของคนจีนจนถึงทุกวันนี้
ด้วยคำสอนหลักคือ การปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด

3. จิ๋นซีฮ่องเต้ จอมจักรพรรดิของจีนผู้รวบรวมแผ่นดินจีนเป็นปึกแผ่นพร้อมกับต่อเชื่อม กำแพงเมืองจีน เพื่อปกป้องอาณาจักรจีน ทำให้ กำแพงเมืองจีน กลายเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก

4. ขงเบ้ง เสนาธิการผู้ปราดเปรื่องในการสงครามในยุคสามก๊ก จนได้รับฉายาว่า "ผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร"

5. จูซี เป็นผู้ฟื้นฟูลัทธิขงจื๊อซึ่งตำราคำสอนได้ถูกเผาทำลายในสมัยราชวงศ์ฉิน การฟื้นฟูทำให้รองรับการปกครองในสมัยราชวงศ์ถังและหมิง ซึ่งมีอิทธิพลต่อปรัชญาและการศึกษาของจีนจนถึงปัจจุบัน

6. เฉียนหลง เป็นจักรพรรดิมหาราชองค์สุดท้ายของประวัติศาสตร์จีน ทรงเป็นทั้งนักปฏิรูป นักรบ และกวี ทรงต้อนรับคณะทูตของอังกฤษที่เดินทางมาเป็นคณะแรก

7. ซูสีไทเฮา ทรงยึดอำนาจการปกครองจากจักรพรรดิซึ่งเป็นลูกและหลานของตนเอง ครองอำนาจจนกระทั่งอาณาจักรเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

8. ซุนยัดเซน เป็นผู้นำในการโค่นล้มระบบสมบูรณาญาสิทธิราชและเป็นผู้ก่อตั้งพรรคก๊กมินตั๋ง


9. เหมาเจ๋อตุง ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผู้นำในการสถาปนาระบอบสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้รับความเคารพนับถือจากชาวจีนอย่างสูงจนถึงปัจจุบัน

10. เติ้งเสี่ยวผิง ผู้นำในการปฏิรูประบบเศรษฐกิจจีน จากระบบวางแผนส่วนกลางมาเป็นระบบเศรษฐกิจตลาดแบบสังคมนิยม เป็นรากฐานให้ประเทศจีนเติบโตก้าวหน้าทางเศรษฐกิจมาจนถึงปัจจุบัน






มหาราช
#12   มหาราช    [ 07-02-2009 - 13:00:37 ]

แล้ว

ถังไท่จง

ฮั่นอู่ตี้

คังซี

ฮ่องเต้ 3 องค์นี้ล่ะ

คังซีน่าจะมีนะ เพราะยิ่งใหญ่กว่าเฉียนหลงหน่อยนึง



amphol007
#13   amphol007    [ 07-02-2009 - 14:25:54 ]

ครับผม



amphol007
#14   amphol007    [ 07-02-2009 - 15:01:26 ]

.....



amphol007
#15   amphol007    [ 07-02-2009 - 15:10:11 ]

กำลังหัดลงรูป *-*



amphol007
#16   amphol007    [ 07-02-2009 - 15:12:14 ]




ขุนเขายามราตรี
#17   ขุนเขายามราตรี    [ 10-02-2009 - 20:45:24 ]

ขอบคุณข้อมูลดีๆจากทุกท่านด้วย ข้าน้อยได้รับความรู้เพิ่มขึ้นมากจริงๆ ข้าน้อยขอคารวะ



vมังกรหลับv
#18   vมังกรหลับv    [ 10-02-2009 - 23:14:21 ]

ดูบูเช็คเทียนที่เล่น อยู่ผ่านทางช่อง tpbs มันกว่าเยอะเลยฮะ ความสนุกของเรื่องบูเช็คเทียน คือ ก่อนที่นางจะก้าวขึ้นมาเป็นฮองเฮานี่แหละคับ ส่วนที่ฉายทางช่องmodern nine นั้นตอนเป็นฮองเฮาไปแล้ว แล้วบูเช็คเทียนค่อนข้างจะใจดีมากเกินความจริงด้วย ดูแล้วไม่มันคับ บูเช็คเทียนจริงๆบุคลิกแท้จริงต้องเป็นคนร่าเริง และมีความอดทนสูงคับ เหมือนที่ช่อง tpbs เอามาฉายนั้นแหละ



amphol007
#19   amphol007    [ 10-02-2009 - 23:30:01 ]

ผมก็ดู เหมือนกัน



mimi
#20   mimi    [ 18-03-2009 - 01:18:09 ]

เอ่อ คือ ดูบูเช็คเทียนทางช่อง tpbs น่ะค่ะ

ตามเรื่อง เห็นพี่สาวของนางฆ่าตัวตายโดยใช้มีดนี่คะ

แต่ข้อมูลข้างต้นบอกว่า อาหารเป็นพิษ

แล้วตกลงเรื่องจริงคืออันไหนคะ? เชื่ออันไหนดี?

ขอบคุณค่ะ



  • 1
  • 2
ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube