เข้าระบบอัตโนมัติ

พรรคกระยาจก ประวัต ชาวยุท


  • 1
  • 2
ยาจกอุดร
#1   ยาจกอุดร    [ 02-12-2007 - 10:47:47 ]

พรรคกระยาจก เป็นพรรคในนิยายกำลังภายในหลายเรื่องของกิมย้งและโก้วเล้ง โดยสมาชิกพรรคเป็นขอทาน และมีประเพณีในพรรคเป็นพิเศษ พรรคกระยาจกในบางยุคมีสมาชิกมากจนเรียกได้ว่าเป็นพรรคอันดับหนึ่งของแผ่นดิน พรรคกระยาจกปรากฏในเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า และมังกรหยก


ข้าจึงเรียนมาเพื่อทราบ

เฉียวฟงเป็นประมุขพรรคกระยาจก ถูกขนานนามร่วมกับมู่หยงฟู่เป็น"เฉียวฟงเหนือ มู่หยงใต้" นับเป็นจอมยุทธอันดับหนึ่งแห่งยุค มีนิสัยซื่อสัตย์ ยึดมั่นคุณธรรม ทุกเรื่องราวที่กระทำลงไป ไม่ละอายต่อฟ้า และกล้าสู้หน้ากับดิน ชอบดื่มสุราสนทนากับผู้กล้าแห่งยุทธจักร และขึ้นชื่อในฝีมือการร่ำสุราได้ครั้งละมาก ๆ

เฉียวฟงซึ่งเป็นบุตรของเซียวเอี้ยงซัวชาวซิตัน ถูกชาวฮั่นที่เป็นผู้ฆ่าบิดามารดาตัวเองนำมาเลี้ยงจนเติบใหญ่ เฉียวฟงฝึกวรยุทธ์จนกลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในยุทธภพ ประกอบวีรกรรมห้าวหาญสร้างชื่อเสียงให้พรรคกระยาจก จนได้รับเลือกเป็นประมุขพรรคกระยาจก ในที่สุด

แต่เฉียวฟงเป็นตัวละครแห่งโศกนาฏกรรม เมื่อความจริงเรื่องชาติกำเนิดถูกเปิดเผย กระแสความคิดชาตินิยม และการปลุกปั่นวางแผนของผู้อาวุโสในพรรคฯหลายคน ทำให้เฉียวฟงถูกขับออกจากพรรค ถูกใส่ร้ายป้ายสี จนการเป็นศัตรูของคนทั่วยุทธภพ แต่ยังโชคดีที่มีน้องร่วมสาบานที่เป็นยอดฝีมือผู้กล้าอย่างซีจุ๊ และตวนอี้ ภายหลังเฉียวฟงสาบานเป็นพี่น้องกับฮ่องเต้ซิตัน และยุติสงครามระหว่างเหลียวกับซ่งด้วยชีวิตตัวเอง


อึ้งย้งเป็นลูกสาวของมารบูรพาอึ้งเอี๊ยะซือ อาศัยอยู่ในเกาะดอกท้อมาตั้งแต่เด็ก ภายหลังหลบหนีออกมาจากเกาะดอกท้อ โดยสวมเกราะขนเม่นเป็นเครื่องป้องกันตัว และปลอมตัวเป็นบุรุษ ต่อมาได้พบกับก๊วยเจ๋ง ซึ่งได้ต่อสู้ร่วมกันมาจนกลายเป็นความรัก ในภายหลังมีลูกด้วยกัน 3 คน คือ ก๊วยพู้ ก๊วยพั่วลู่ และก๊วยเซียง

อึ้งย้งมีชื่อเสียงในเรื่องความฉลาดและไหวพริบเป็นอย่างมาก เคยหลอกให้อาวเอี๊ยงฮงกินปัสสาวะด้วย นอกจากนี้ยังมีฝีมือในการทำอาหารเป็นที่ยอมรับของอั้งฉิกกง ประมุขพรรคกระยาจก ภายหลังนางได้สืบทอดวิชาไม้เท้าตีสุนัข และรับตำแหน่งประมุขพรรคกระยาจกต่อจากอั้งฉิกกง



ประวัต ของพรรค



ยาจกอุดร
#2   ยาจกอุดร    [ 02-12-2007 - 10:56:18 ]

เกาะดอกท้อ

ตั้งอยูในทะเลบูรพา เจ้าของเกาะมีฉายา มารบูรพา เก่งทั้งบุ๋นบู้แต่มีนิสัยประหลาด บนเกาะเต็มไปด้วยดอกท้อซึ่งเป็นที่มาของชื่อเกาะเรียงรายอย่างซับซ้อน บนเกาะเต็มไปด้วยค่ายกลมากมาย เจ้าเกาะมักไม่ชอบรับแขกเท่าไหร่ นอกจากคนของเกาะดอกท้อแล้วก็ไม่มีใครที่จะรู้เส้นทางบนเกาะเลย

สำนักสุสานโบราณ

สำนักสุสานโบราณ เป็นสถานที่ที่เฮ้งเตงเอี้ยงเจ้าสำนักช้วนจินก่า สร้างขึ้นเพื่อฝึกวิชา ต่อมาลิ้มเฉียวเอ็งเอาชนะเฮ้งเตงเอี้ยง แล้วเข้ามาครอบครองสุสานโบราณไว้ แล้วใช้เป็นสถานที่อยู่อาศัยของตนแทน ต่อมาได้รับลูกศิษย์ไว้หลายคน รวมทั้ง เซียวเหล่งนึ่งและลี้มกโช้วด้วย

วิชาฝ่ามือของสำนัก
คัมภีร์สุรางคนางค์ใจพิสุทธิ์หรือดรุณีสาวหยก , สตรีหยก
วิชาประจำสำนักสุสานโบราณ
เพลงหมัดหญิงงาม

ช้วนจินก่า

เฮ้งเตงเอี้ยง

ท่าปิดประตูใหญ่ (ไต้กวงมึ้งเส็ก) เป็นกระบวนท่าอันสูงส่งของสำนักชวนจินก่า ใช้โดยศิษย์สองคนของสำนักชวนจินก่าในตอนที่ก๊วยเจ๋งจะพาเอี้ยก้วยไปฝาก

เท้านกเป็ดน้ำสัมพันธ์ (อวงเอียเลี่ยงฮ้วงคา) เป็นเพลงเท้าใช้โดยศิษย์สองคนของสำนักชวนจินก่าในตอนที่ก๊วยเจ๋งจะพาเอี้ยก้วยไปฝาก

หยั่งทะเลพิฆาตมังกร (ท้ำไอ้ตู้เล้ง) เป็นวิชากระบี่ ใช้โดนนักพรตสันทัด ตอนสู้กับก๊วยเจ๋ง

สายลบหอบใบไม้ (ขี่ฮวงเซ่าเฮียะ) เป็นวิชากระบี่ใช้โดยนักพรตผอมซูบ ตอนสู้กับก๊วยเจ๋ง

แหวกบุปผาปาดหลิว (ฮุงฮวยฮุกลิ้ว) เป็นวิชากระบี่ ใช้โดนนักพรตสันทัด ตอนสู้กับก๊วยเจ๋ง

ถอนตัวกลางกระแสเชี่ยว (กิบลิ้วย่งถ่อ) เต็กเช้งตกใช้ตอนที่โดนเอี้ยก้วยยกถังอุจาระทุ่มใส่

ลมหอบใบไม้ร่วง (ฮวงเซ่าเลาะเฮียะ) เป็นเพลงเท้า ใช้โดยนักพรตหนุ่มของชวนจินก่าในตอนที่ประลองกับเอี้ยก้วย

เช็ดถูผงธุลี (ไกบั้วติ้งโกว) เป็นเพลงกระบี่ ใช้โดยนักพรตหนุ่มของชวนจินก่าในตอนที่ประลองกับเอี้ยก้วย

ไม่ติดค้างไม่คงเหลือ (บ้อเคี่ยมบ้ออื้อ) ใช้โดยนักพรตหนุ่มของชวนจินก่าในตอนที่ประลองกับเอี้ยก้วย

หัตถ์ประตูพยัคฆ์ (โฮ้วมึ้งชิ่ว) เป้นฝ่ามือที่เต็กเช้งตกใช้ฟาดใส่เอี้ยก้วย ในงานประลอง

สะพานเหล็ก (ทิปังเกี้ย) ฮักไต้ธงใช้ท่านี้ตอนสู้กับเซียวเหล่งนึ่ง

สามห่วงสัมพันธ์ (ซาเลี่ยงฮ้วง) เป็นท่าไม้ตายของสำนักชวนจินก่า เตียจี้เก่งใช้ตอนสู้กับอี่จี้เพ้ง

หนึ่งลมปราณแปลงซำเช็ง (เจ่กคี่ฮ่วยซำเช็ง) เป็นเพลงกระบี่ขั้นสูงล้ำของสำนักชวนจินก่า โถมแทงออกสิบแปดกระบี่ ทุกกระบี่ล้วนแยกจากหนึ่ง* เป็นสอง ขณะแทงออกมีเพียงกระบวนท่าเดียว พอขยับข้อมือท่ากระบี่ก็แยกออกเป็นสอง เอี้ยก้วยใช้ตอนสู้กับ ขอทานชรา

เข็มสะกดสุริยัน (เตี่ยเอี้ยงจำ) เยลู่ฉีใช้ตอนสู้กับ

ดาวใหญ่เตะดารา (ขวยแชถักเต้าสี่) เอี้ยก้วยใช้เพื่อขวางห้าอัปลักษณ์ไม่ให้เข้ามาทำร้ายร่างของอั้งฉิกกง

เหินข้ามภุเขาเทียนซัว (เทียนซัวปวยโต่ว) เป็นวิชาเท้าบทเรียนแรกของวิชาฝีมือสำนักชวรจินก่า เตียจี้เก่งใช้ตอนสู้กับเอี้ยก้วย

ท่วงท่าถอยม้า (ถ่อเบ๊เส็ก) เป็นท่าหลบหลีกกระบวนท่าเหินข้ามภุเขาเทียนซัว

วิชชูม่วงทะลวงเมฆ (จี่เตี๋ยงชวงฮุ้น) เป็นกระบวนท่าลึกล้ำ ฝ่ามือบรรลุถึงกลางคันพลันเปลี่ยนทิศทาง ความจริงฟาดใส่แก้มซ้ายชัดๆ ริมฝ่ามือกลับ* ฟันใส่ก้านคอด้านขวาของศัตรู

ห่านป้าจู่โจมเฉียง (งังเกี้ยเซี้ยเค็ก) เอี้ยก้วยใช้ตอนต่อสู้กับกิมลุ้น

รุ้งขาวพาดผ่านฟ้า (แป๊ะฮ้งเก็งเทียน) เอี้ยก้วยใช้ตอนต่อสู้กับกิมลุ้น

ม้าย่ำบุปผาร่วง (เบ๊ฉกเลาะฮวย) เอี้ยก้วยใช้ตอนสู้กับกงซุนจี้

เมฆขาวพ้นช่องเขา (แป๊ะฮุ้นชุกซิ่ว) เตียจี้เก่งใช้ท่านี้ กระโดดหลบจากการคร่ากุมของศิษย์สำนักชวนจินก่า

มหาทีสู่บูรพา (ไต้กังตังขื่อ) เตียจี้เก่งใช้เพื่อจะปริดชีวิตเฮ้งจี่ทั่ง

เจ็ดดาวร่วมชุมนุม (ฉิกแชจูหวย) เป็นกระบวนท่าที่ ห้านักพรตชวนจินก่าคิดค้นขึ้นเพื่อไว้รับมือเซียวเหล่งนึ่ง



ยาจกอุดร
#3   ยาจกอุดร    [ 02-12-2007 - 10:59:59 ]


จิวแป๊ะทงเป็นศิษย์น้องของกลางอิทธิฤทธิ์เฮ้งเตงเอี้ยง นับเป็นอาจารย์อาของเจ็ดบรรพชิตช้วนจิน นิสัยขี้เล่น เอาแต่สนุกสนานคล้ายเด็กๆ จึงมีฉายา เฒ่าทารก จิวแปะทงสำเร็จวิชาในคัมภีร์เก้าอิมจินเอ็งโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงกลายเป็นยอดฝีมือแห่งยุค สาบานเป็นพี่น้องกับก๊วยเจ๋ง คิดค้นวิชาซ้ายขวาขัดแย้งทำให้สามารถใช้วรยุทธที่แตกต่างกันได้ในเวลาเดียว แม้ว่าเฒ่าทารกจะมีวรยุทธสูงส่งแต่ก็กลัว อึ้งย้ง เป็นที่สุด อีกทั้ง พลังฝีมือ ของจิวแปะทง ยังเหลือกว่า มารบูรพา(อึ้งเอียะซือ) ราชันทักษิณ(อิดเต็งไต้ซือ) อยู่ 3ส่วน และยังได้ ต่อสู้กับเอี้ยก้วย ที่หุบเขาผีเสื้อ โดยมือฝีมือสูสีกันมาก แต่จิวแปะทง ยอม รับว่า ฝ่ามือ สลายวิญญาณของเด็กน้อยเอี้ยก้วย ร้ายกาจนัก และตนขอฝึก แต่ฝึกไม่สำเร็จ เพราะ ฝ่ามือ สลายวิญญาณต้องใช้ความเศร้าใจ อย่างสุดพรรณา


เรื่อง ความสัมพันธิ์ ระหว่าง จิวแปะทง กับ เอ็งโกว มีอยู่ว่า หลังจาก ศึก การชิงจ้าวยุทธภพ 5ปี ที่เขาหัวซัว ซึ่ง เฮ้งเตงเอี๊ยง(กลางเทพยดา)เป็นผู้ชนะ เป็น 1ในยุทธภพ เฮ้งเตงเอี๊ยงกับจิวแปะทง เดินทางไป แค้น ตาหลี้ ซึงมี ต้วนตี้เฮง (อิดเต็งไซซือ)เป็นฮ่องเต้ โดนเฮ้งเตงเอี๊ยงกับต้วนตีเฮงได้แรกเปลียน วิชากัน คือ ดรรชณีเอกสุริยันกับวิชาเทียนฟง โดย เฮ้งเตงเอี๊ยงอ้างเหตุผลว่าต้องการแลกเปลียนวิชากัน แต่ความจริง วิชาทั้ง2 ( ดรรชณีเอกสุริยันกับวิชาเทียนฟง )นี้เป็นวิชาที่ชนะทาง วิชา พลังค้างคกของ พิษประจิม(อ้าวเอ๊ยงฮง ) เฮ้งเตงเอี้ยง อยู่ตัวว่ากำลงจะตาย เลยถ่ายทอด วิชาเทียนฟง เพื่อให้ต้วนตี้เอง กำราบ ความชั่วร้ายของ อ้างเอี๊ยงฮง จังหวะเวลา1เดือนที่2คนเก็บตัวกัน ทำให้จิวแปะทง เบื่อหน่าย จนได้พบกับ เอ็งโกว สนมเอก ของต้วนตี้เฮง และทั้งคู่ได้ ฝึกวิชาด้วยกัน สนิทสนมกัน จนมีความ สัมพันธ์ ชู้สาว เมื่อต้วนตี้เฮ้ง กับเฮงเต็งเอี๊ยง ทราบเรื่อง เฮงเต็งเอี๊ยง ให้ต้วนตี้เฮงตัดสิน ไม่เพียงแต่ต้วนตี้เฮง ไม่ลงโทษเท่านั้น ยังยกสนมเอ็งโกวให้กับจิวแป๊ะทิง แต่จิวแป๊ะทงไม่รับและหนีจากไป ปล่อยให้ เอ็งโกวซึงท้อง อยู่ในวัง เย็น ต่อมาคลอดลูกชาย แต่ก็ถูกชายชุดดำ(ฝ่ามือเหล็กลอยน้ำ คิ้วโช้วยิ้ม ซัดฝ่ามือจนตาย)


เดิมที เอ็งโกว คือ สนมเล้าแห่งราชันย์ทักษิณ เมื่อครั้งที่เฮ้งเต็งเอี้ยงไปต้าหลี่เพื่อถ่ายทอดวรยุทธ์ให้ราชันย์ต้วนตี่เฮง เขาได้ให้จิวแป๊ะทงติดตามไปด้วย ซึ่งในตอนนั้นจิวแป๊ะทงก็แอบไปมีสัมพันธ์กับสนมเล้าเข้าจนมีลูกชายด้วยกันคนหนึ่ง เมื่อราชันย์ต้วนทราบเรื่องก็เมินเฉยกับสนมเล้า จนเกิดเรื่องเมื่อฝ่ามือเหล็กลอยน้ำ คิ้วเชยยิ่ม ปลอมตัวลอบเข้ามาทำร้ายลูกชายของนางกับจิวแป๊ะทงจนบาดเจ็บสาหัส สนมเล้าจึงไปขอให้ต้วนตี่เฮ้งใช้ดรรชนีสุริยันรักษาลูกชายของตน แต่ต้วนตี่เฮ้งปฏิเสธ จนกระทั่งลูกของนางตาย สนมเล้าจึงโกรธเเค้นต้วนตี่เฮง แต่วรยุทธ์สู้ไม่ได้ จึงลั่นวาจาไว้ว่าวันใดที่นางคืนกำไลหยกให้ต้วนตี่เฮง วันนั้นนางจะกลับมาแก้เเค้นให้ลูก แล้วนางก็จากไปเก็บตัวฝึกวิชาอยู่ที่บึงทมิฬ และเปลี่ยนชื่อเป็น "เอ็งโกว" บึงทมิฬเป็นบ่อโคลนที่กว้างลึกมาก ผู้มีวิชาตัวเบาสูงส่งก็ยากที่จะเข้าไป เอ็งโกวอยู่ที่บึงนี้กับจิ้งจอกเก้าหางคู่หนึ่ง ปิดตัวไม่สนใจเรื่องราวภายนอก มีวิชาศรเหมันต์ กับพลังปลาไหล ภายหลังเมื่อทราบความจริงว่าคิ้วเชยยิ่มเป็นคนฆ่าลูกชายตนจึงสาบานจะแก้แค้นให้ได้ ในชีวิตนี้นางตั้งใจอยู่สองอย่างคือ แก้เเค้นให้ลูกชาย และได้พบจิวแป๊ะทงอีกครั้ง


เดิมเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าหลี่ชื่อ ต้วนตี่เฮง หนึ่งในห้ายอดฝีมือที่ประลองยุทธถกกระบี่เขาหัวซาน ฉายาราชันย์ทักษิณ แตกฉานวิชาการแพทย์ มีดรรชนีเอกสุริยัน (อิดเอี๋ยนจี่)ซึ่งเป็นวิชาที่พิษประจิมเกรงมากเพราะสามารถสยบพลังคางคกได้ ซึ่งได้รับการสืบทอดวิชานี้มาจากเฮ้งเตงเอี้ย ซึ่งในกาลนั้นเฮ้งเตงเอี้ยได้พาศิษย์น้อง จิวแปะทงมาด้วย ทำให้เกิดเรื่องราวโกลาหล ภายหลังออกบวชไม่ยุ่งเรื่องทางโลก ภายในใจลึกๆของอิดเต็งไต้ซือนั้นรักสนมเล่ามาก เพียงเพราะผู้ที่ฝุกวิชาดรรชนีเอกสุริยัน จำเป็นจะต้องดำรงตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องกามารมณ์ ซึ่งสาเหตุนี้ก็เป็นสาเหตุเดียวกัน ที่ทำให้ความรักของเฮ้งเตงเอี้ยกับลิ้มเชี่ยวเองเป็นเพียงเรื่องของในใจเท่านั้น ต่อมาอึ้งย้งได้ขอความช่วยเหลือให้ราชันย์ทักษิณรักษาอาการบาดเจ็บที่ได้รับมาจากกิ๊วโชยยิ้ว อันทำให้สูญกำลังไปมาก แต่เมื่อได้ฝึกและเดินพลังตามหลักวิชาเก้าอิมที่ได้รับการแนะนำตามที่ก๊วยเจ๋งแนะนำ จึงคืนพละกำลังได้อย่างรวดเร็วอึ้งย้งเปลี่ยนฉายาให้ใหม่ว่า สมณะทักษิน






ยาจกอุดร
#4   ยาจกอุดร    [ 02-12-2007 - 11:02:13 ]

ประวัต5ยอดฝีมือ

อั้งฉิกกงเป็นหนึ่งในห้ายอดฝีมือที่ประลองยุทธเขาหัวซาน เป็นประมุขพรรคกระยาจก แตกฉานวิชาสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร และเพลงไม้เท้าตีสุนัข รักคุณธรรม ชอบท่องเที่ยว และโปรดปรานอาหารเลิศรส ทำให้ครั้งหนึ่งเคยเสียงานใหญ่เพราะห่วงกิน จึงลงโทษตัวเองต่อหน้าศิษย์พรรคยาจกด้วยการตัดนิ้วชี้ข้างขวาตัวเองเป็นการไถ่โทษ จึงมีอีกฉายาว่า ยาจกเก้าดรรชนี อั้งฉิกกงโปรดฝีมือการทำอาหารของอึ้งย้งเป็นที่สุด จึงรับก๊วยเจ๋งและอึ้งย้งเป็นศิษย์ ถ่ายทอด 18 ผ่ามือพิชิตมังกรให้ก๊วยเจ๋ง และเพลงไม้ตีสุนัขให้อึ้งย้ง ภายหลังถูกพิษประจิมอาวเอี๊ยงฮงลอบทำร้าย จึงมอบตำแหน่งประมุขพรรคยาจกให้อึ้งย้งดูแลแทนบนเกาะร้าง ยาจกอุดรอั้งฉิกกงกับพิษประจิมอาวเอี้ยงฮงเป็นศัตรูกันมาโดยตลอด แต่เมื่อถึงวาระสุดท้ายทั้งสองกลับลืมความแค้นที่มีต่อกัน และจากไปพร้อมกันอย่างสงบ



เป็นหนึ่งในห้ายอดฝีมือที่ประลองยุทธบนเขาหัวซาน เชี่ยวชาญการใช้พิษ และสัตว์มีพิษต่างๆ แตกฉานพลังคางคก และเพลงไม้เท้าอสรพิษ พลังคางคกของอาวเอี๊ยงฮงแพ้ทางกับวรยุทธของเฮ้งเตงเอี้ยงและราชันย์ทักษิณ โดยเฉพาะดรรชนีเอกสุริยัน

อาวเอี๊ยงฮงมีบุตรชายหนึ่งคนชื่ออาวเอี๊ยงเค๊ก หรือ อ้าวเอียงกงจื้อ ซึ่งเกิดกับพี่สะใภ้ ภายหลังอาวเอี๊ยงเค๊กถูกเอี้ยคังฆ่าตาย อาวเอี๊ยงฮง เคยบังคับให้ก๊วยเจ๋งเขียนเคล็ดวิชาในคัมภีร์เก้าอิมจินเอ็งให้ตน แต่ก๊วยเจ๋งเขียนคัมภีร์ปลอมให้ อึ้งย้งจึงใช้อุบายบอกเคล็ดคัมภีร์เก้าอิมแบบทวนทิศให้อาวเอี๊ยงฮงฝึกตามจนอาวเอี๊ยงฮงถูกธาตุไฟแทรกกลายเป็นคนเสียสติ แต่ก็สำเร็จวิชาเก้าอิมแบบทวนทิศกลาย เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในการประลองยุทธเขาหัวซานครั้งที่สอง

ในภายหลังอาวเอี๊ยงฮงรับเอี้ยก่วยเป็นบุตรบุญธรรม ถึงจะชั่วร้ายอย่างไร แต่อ้าวเอียงฮงนับได้ว่ามีคุณธรรมอย่างหนึ่ง คือ เป็นคนไม่ผิดคำพูด เมื่อครั้งที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ศาลเจ้าร้าง รับปากอึ้งย้งว่าจะปล่อยกัวเต็งอัก ก็กระทำตามวาจาสัตย์ อ้าวเอียงฮงในภาคจอมยุทธอินทรีถือเป็นอาจารย์ของเอี้ยก๊วยสอนวิชาคางคก และในที่สุดได้สิ้นใจไปพร้อมกับศัตรูคนสำคัญของตนคือ อั้งชิดกง โดยก่อนตายได้ลืมความแค้นที่มีต่อกันจนหมดสิ้น พร้อมใจกันถ่ายทอดวิชาครั้งสุดท้ายให้กับเอี้ยก๊วย

เดิมเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าหลี่ชื่อ ต้วนตี่เฮง หนึ่งในห้ายอดฝีมือที่ประลองยุทธถกกระบี่เขาหัวซาน ฉายาราชันย์ทักษิณ แตกฉานวิชาการแพทย์ มีดรรชนีเอกสุริยัน (อิดเอี๋ยนจี่)ซึ่งเป็นวิชาที่พิษประจิมเกรงมากเพราะสามารถสยบพลังคางคกได้ ซึ่งได้รับการสืบทอดวิชานี้มาจากเฮ้งเตงเอี้ย ซึ่งในกาลนั้นเฮ้งเตงเอี้ยได้พาศิษย์น้อง จิวแปะทงมาด้วย ทำให้เกิดเรื่องราวโกลาหล ภายหลังออกบวชไม่ยุ่งเรื่องทางโลก ภายในใจลึกๆของอิดเต็งไต้ซือนั้นรักสนมเล่ามาก เพียงเพราะผู้ที่ฝุกวิชาดรรชนีเอกสุริยัน จำเป็นจะต้องดำรงตนไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องกามารมณ์ ซึ่งสาเหตุนี้ก็เป็นสาเหตุเดียวกัน ที่ทำให้ความรักของเฮ้งเตงเอี้ยกับลิ้มเชี่ยวเองเป็นเพียงเรื่องของในใจเท่านั้น ต่อมาอึ้งย้งได้ขอความช่วยเหลือให้ราชันย์ทักษิณรักษาอาการบาดเจ็บที่ได้รับมาจากกิ๊วโชยยิ้ว อันทำให้สูญกำลังไปมาก แต่เมื่อได้ฝึกและเดินพลังตามหลักวิชาเก้าอิมที่ได้รับการแนะนำตามที่ก๊วยเจ๋งแนะนำ จึงคืนพละกำลังได้อย่างรวดเร็วอึ้งย้งเปลี่ยนฉายาให้ใหม่ว่า สมณะทักษิน

อึ้งเอี๊ยะซือเป็นบิดาของอึ้งย้ง เป็นประมุขเกาะดอกท้อ และเป็น 1 ในห้ายอดฝีมือ มีฉายาว่ามารบูรพา (บางฉบับแปลใช้คำว่า ภูตบูรพา) เป็นบุคคลเฉลียวฉลาดไม่ว่าจะบุ๋นหรือบู๊ มีฝีมือในด้านขลุ่ย, หมากรุก, หนังสือ, ภาพวาด,ค่ายกล แต่เป็นคนไม่ชอบผูกมัดไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์ประเพณีใด วรยุทธของมารบูรพานับว่าพิสดารและหาได้ยาก ได้แก่ ฝ่ามือเทพกระบี่สยบผู้กล้า เพลงกระบี่ขลุ่ยหยกมังกรทะยาน ฝ่ามือปัดจุดกล้วยไม้ เพลงเตะพายุรวบใบไม้ และ ดรรชนีเส่งคุณที่เทียบได้กับดรรนีเอกสุริยันของตระกูลต้วน

ความรักที่มีต่อภรรยาที่ตายจากไปเป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่เขายึดติด บุคลิกของก๊วยเจ๋งทั้งซื่อทั้งทึ่มทำให้เขาไม่ค่อยชอบ แต่ภายหลังได้พบเอี้ยก้วยที่มีลักษณะ คล้ายกับตนเอง (ธรรมะมีธรรม 7 ส่วน, อธรรมมีธรรมะ 7 ส่วน) ส่งผลให้คบหาเป็นสหายต่างวัย

ขณะที่การสู้รบป้องกันเมืองเซียงเอี๊ยงดำเนินอยู่ ชาวตงง้วนอาศัยเขาเป็นผู้นำขบวนในค่ายกลกลุ่มดาว 28 กลุ่ม ช่วยเหลือก๊วยเซียงได้สำเร็จและขับไล่มองโกลได้อีกด้วย

เฮ้งเตงเอี้ยงเป็นปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งนิกายช้วนจินก่า และเป็นอันดับหนึ่งของห้ายอดฝีมือแห่งยุคที่ชนะการประลองถกกระบี่เขาหัวซานครั้งแรก ซึ่งได้ครองคัมภีร์เก้าอิมจินเอ็ง แต่ไม่ปรารถนาที่จะฝึกยอดวิชา เพียงแต่ต้องการไม่ให้ยุทธภพต้องวุ่นวาย จึงเก็บรักษาคัมภีร์ยุทธไว้ใต้เบาะ

เฮ้งเตงเอี้ยงเป็นศิษย์ผู้พี่ของเฒ่าทารกจิวแป๊ะทง มีศิษย์เจ็ดคน หรือเจ็ดพรตช้วนจิน เฮ้งเตงเอี้ยงเป็นคนมีเมตตา ฉลาดหลักแหลม คิดค้นวิชามากมาย เช่น พลังกำเนิดฟ้า เพลงกระบี่ช้วนจิน และค่ายกลเจ็ดดาวที่เหล่านักพรตทั้งเจ็ดเคยใช้รับมือกับมารบูรพาอึ้งเอี๊ยะซือ วรยุทธของพิษประจิมโดยเฉพาะพลังคางคกแพ้ทางกับวรยุทธของเฮ้งเต้งเอี้ยง เมื่อรู้ว่าตัวเองจะอยู่ได้อีกไม่นาน เฮ้งเตงเอี้ยงจึงเดินทางไปต้าหลี่ ถ่ายทอดยอดวิชาช้วนจินให้ราชันย์ทักษิณต้วนตี่เฮง เพื่อไว้กำราบพิษประจิมไม่ให้ทำชั่วเมื่อตนตายไป เฮ้งเตงเอี้ยงเป็นเจ้าของสุสานโบราณแต่ภายหลังได้ยกให้ลิ้มเซียวเอ็ง ซึ่งต่อมาลิ้มเซียวเอ็ง ก็เป็นผู้ก่อตั้งสำนักสุสานโบราณ ซึ่งเป็นอาจารย์ยายของลี้มกโช้ว และเซียวเล้งนึ่ง

มีเท่านี้อะครับ



ยาจกอุดร
#5   ยาจกอุดร    [ 02-12-2007 - 11:04:23 ]


3พี่น้อง 8เทพ

เฉียวฟงเป็นประมุขพรรคกระยาจก ถูกขนานนามร่วมกับมู่หยงฟู่เป็น"เฉียวฟงเหนือ มู่หยงใต้" นับเป็นจอมยุทธอันดับหนึ่งแห่งยุค มีนิสัยซื่อสัตย์ ยึดมั่นคุณธรรม ทุกเรื่องราวที่กระทำลงไป ไม่ละอายต่อฟ้า และกล้าสู้หน้ากับดิน ชอบดื่มสุราสนทนากับผู้กล้าแห่งยุทธจักร และขึ้นชื่อในฝีมือการร่ำสุราได้ครั้งละมาก ๆ

เฉียวฟงซึ่งเป็นบุตรของเซียวเอี้ยงซัวชาวซิตัน ถูกชาวฮั่นที่เป็นผู้ฆ่าบิดามารดาตัวเองนำมาเลี้ยงจนเติบใหญ่ เฉียวฟงฝึกวรยุทธ์จนกลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในยุทธภพ ประกอบวีรกรรมห้าวหาญสร้างชื่อเสียงให้พรรคกระยาจก จนได้รับเลือกเป็นประมุขพรรคกระยาจก ในที่สุด

แต่เฉียวฟงเป็นตัวละครแห่งโศกนาฏกรรม เมื่อความจริงเรื่องชาติกำเนิดถูกเปิดเผย กระแสความคิดชาตินิยม และการปลุกปั่นวางแผนของผู้อาวุโสในพรรคฯหลายคน ทำให้เฉียวฟงถูกขับออกจากพรรค ถูกใส่ร้ายป้ายสี จนการเป็นศัตรูของคนทั่วยุทธภพ แต่ยังโชคดีที่มีน้องร่วมสาบานที่เป็นยอดฝีมือผู้กล้าอย่างซีจุ๊ และตวนอี้ ภายหลังเฉียวฟงสาบานเป็นพี่น้องกับฮ่องเต้ซิตัน และยุติสงครามระหว่างเหลียวกับซ่งด้วยชีวิตตัวเอง



ซีจุ๊เป็นบุตรของเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินกับเอี้ยบยี่เนี้ย แต่ถูกเซียวเอี้ยงซัว บิดาของเฉียวฟงลักพาตัวไปทิ้งในวัดเส้าหลิน ซิจุ๊จึงคิดว่าตนเองกำพร้า และบวชเป็นบรรพชิตตลอดมา แต่ซิจุ๊ประสบเหตุพลิกผันให้เข้าพัวพันกับสำนักสราญรมย์ สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก และรับพลังฝีมือเจ็ดสิบปีจากอู๋หยาจื่อ ซีจุ๊ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความแค้นระหว่างนางเฒ่าทาริกาเทียนซัวกับลี้ชิวจุ้ย ซึ่งต่อมาทั้งสองได้เสียชีวิตทั้งคู่ ทำให้ซีจุ๊ได้เป็นประมุขวังคฤธรศักดิ์สิทธิ์โดยบังเอิญ

ภายหลังซีจุ๊สาบานเป็นพี่น้องกับต้วนอี้ โดยนับเอาเฉียวฟงรวมไปด้วย ปราบเต็งชุนชิวแก้แค้นให้อาจารย์กับศิษย์พี่ และได้เป็นราชบุตรซีเซี่ย


ต้วนอี้เป็นองค์ชายต้าหลี่ บุตรของต้วนเจิ้นฉุน นิสัยใจดี มีเมตตา มองโลกในแง่ดี เมื่องทำสิ่งใดแล้ว จะเอาใจใส่จดจ่อ จนบิดาให้ฉายาว่าลูกงมงาย เนื่องจากไม่ชมชอบวิชาการต่อสู้จึงหนีออกจากบ้าน ทำให้ประสบเหตุการณ์อัศจรรย์มากมาย ทั้งกลืนคางคกชาดวัว เจ้าแห่งพิษ ทำให้พิษร้ายใดๆไม่อาจทำร้ายได้ สำเร็จยอดวิชาดรรชนีกระบี่หกชีพจร ลมปราณภูติอุดร และท่าเท้าท่องคลื่น จนกลายเป็นยอดฝีมือ เมื่อพบกับหวังอี้เยี่ยนก็หลงรักทันที แม้ว่านางจะมีชายอื่นในดวงใจ ต่อมาสาบานเป็นพี่น้องกับเฉียวฟง และซีจุ๊ ภายหลังได้เป็นฮ่องเต้ต่อจากพระปิตุลา ต้วนอี้นับเป็นตัวละครที่มีลมปราณสูงสุดฝนนิยายกำลังภายในชองกิมย้ง เนื่องจากดูดลมปราณของบุคคลต่างๆมากมาย

จบ



ยาจกอุดร
#6   ยาจกอุดร    [ 02-12-2007 - 11:06:57 ]


มู่หย่ง

มู่หยงฟู่เป็นบุตรของมู่หยงป๋อ หรือม่อย้งผัก เป็นเชื้อพระวงศ์แคว้นเยี่ยน ซึ่งถูกกลืนชาติโดยชาวฮั่น จึงถูกบรรพบุรุษปลูกฝังปณิธานกู้ชาติตลอดเวลา วรยุทธ์สูงเยี่ยม ถนัดวิชายืมหอกสนองผู้ใช้ และดาวเคลื่อนดาราคล้อย ถูกขนานนามร่วมกับเฉียวฟงเป็นจอมยุทธอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน "เฉียวฟงเหนือ มู่หยงใต้" มีลักษณะหล่อเหลาคมคาย ฉลาดหลักแหลม ฝีมือสูงส่ง นับเป็นมังกรในหมู่มวลมนุษย์

แต่มู่หยงฟู่นับเป็นบุคคลแห่งความโชคร้าย ด้วยความทะเยอทะยานมากไป ทำให้การตัดสินใจครั้งสำคัญมักผิดพลาด จนต้องสูญเสียทั้งบริวาร มิตรสหาย คนรัก ชื่อเสียงเกียรติยศ รวมทั้งความฝันในการกอบกู้บ้านเมืองต้องมลายสูญสิ้น บั้นปลายสติฟั่นเฟือน

ดาวเคลื่อนดาราคล้อยเป็นวิชาประจำตระกูลมู่หยง เป็นวิชายืมพลังฟาดพลัง ใช้หลักสี่ตำลังปาดพันชั่ง เช่น เมื่อถูกผู้ใช้วิชาทวนแทงใส่ ก็จะถูกสะท้อนกลับสู่ผู้แทง แต่หากตระกูลมู่หยงไม่ได้สู้ตัวต่อตัว หรือไม่มีความมั่นใจปลิดชีพศัตรู จะไม่ใช้วิชาดาวเคลื่อนดาราคล้อย ทำให้ไม่มีผู้ใดรู้ฝีมือที่แท้จริงของตระกูลมู่หยง





ยาจกอุดร
#7   ยาจกอุดร    [ 02-12-2007 - 11:09:06 ]

ตงฟังปุ๊ป้าย เป็นตัวละครสำคัญในนวนิยายกำลังภายในของกิมย้ง เรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักร

ชื่อตงฟังปุ๊ป้าย แปลว่า บูรพาไม่แพ้ อาศัยอยู่ในพรรคมาร เป็นผู้ได้รับตำราวิชากระบี่ทานตะวันจากยิ่มอั้วเกี้ย ซึ่งวิชานี้ผู้ฝึกต้องตอนอวัยวะเพศตนเองจึงจะฝึกสำเร็จ เอกลักษณ์ของพลังฝีมือคือความเร็วสูง สามารถใช้เข็มเย็บผ้าสู้กับดาบกระบี่ได้ ภายหลังตายเนื่องจากถูกรุมสังหารโดย ยิ่มอั้วเกี้ย, เหล็งฮู้ชง และ เฮี่ยงมุ่งเทียน

ตงฟังปุ๊ป้ายมีชู้รักเป็นเพศชาย (รักร่วมเพศ)



ยิ่มอั้วเกี้ย ประมุขพรรคมาร (พรรคสุริยันจันทรา) ในนวนิยายกำลังภายในของกิมย้ง

ยิ่มอั้วเกี้ย แปลว่า ทำตามใจตนเอง ปรากฏตัวในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักร ฝึกฝีมือสำคัญคือ อวิชาดูดดาว ซึ่งสืบทอดมาจากสำนักสราญรมณย์ ในยุคสมัยของเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า




ยาจกอุดร
#8   ยาจกอุดร    [ 02-12-2007 - 11:21:08 ]


2คู่พระนาง สุด โรเเมนติก

เซียวเหล่งนึ่ง (จีนตัวเต็ม: 小龍女, จีนตัวย่อ: 小龙女; พินอิน: Xiaolongnü) เซียวเหล่งนึ่ง มีการสะกดเป็นภาษาไทยหลายแบบ บ้างก็ใช้ เซียวเล่งนึ่ง หรือในนิยายของ น.นพรัตน์ สะกดว่า เซียวเล้งนึ่ง ในที่นี้จะขอใช้ เซียวเหล่งนึ่ง เพราะเห็นว่าเป็นแบบที่นิยมกันมากที่สุด ถ้าพูดถึงสาวงามแล้ว ในนิยายกำลังภายในหลากหลายเรื่องราวล้วนมีสตรีสวยงามอยู่มากมาย ตามแต่ผู้ประพันธ์แต่ละคนจะจินตนาการ แต่ถ้าถามถึงสตรีที่งามที่สุดในนิยายกำลังภายใน หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อเซี่ยวเหล่งนึ่งติดอยู่ในอันดับต้นๆด้วยเป็นแน่ กำเนิดของเซียวเหล่งนึ่งนั้นไม่ได้ระบุว่า บิดา มารดาเป็นใครมาจากไหน เซียวเหล่งนึ่งถูกทิ้งไว้ นอกตำหนักเต้งเอี้ยง ของสำนักช้วนจินก่า ตั้งแต่ยังเป็นทารก แต่ตำหนักเต้งเอี้ยงเป็นสถานบันพรต ย่อมไม่สะดวกกับการเลี้ยงดูเด็กทารก บังเอิญสาวใช้ของลิ้มเฉียวเอ็งผ่านมาเห็น ด้วยความเวทนาจึงได้รับอุปการะไว้ นำกลับไปเลี้ยงดูที่สุสานโบราญและรับเป็นศิษย์ถ่ายทอดวิชาให้ สตรีแซ่เล้งมีนามว่ากระไร บุคคลภายนอกย่อมไม่อาจทราบได้ จึงเรียกขานนางเป็น เซียวเหล่งนึ่ง ซึ่งแปลว่า ธิดามังกรน้อย เซียวเหล่งนึ่งปรากฏตัวครั้งแรกให้ผู้อ่านได้ยลโฉม ด้วยฉากในสุสานโบราณ ตอนที่ยายซุนสาวใช้ของนาง นำเอี้ยวก้วยมารักษาอาการพิษจากผึ้งหยก โดยกิมย้งท่านได้บรรยายไว้ว่า นางอยู่ในชุดสีขาวราวแพรเบาบางห่อหุ้มคลุมกาย คล้ายกับเรือนร่างอยู่ท่ามกลางหมอกควัน นอกจากผมเผ้าที่ดำขับ ตลอดทั้งร่างขาวผ่องราวหิมะ วงหน้างามพิลาสล้ำเหนือหญิงใดในโลกหล้า เมื่อเอี้ยก้วยได้เห็นถึงกับรู้สึกว่าสตรีนางนี้สดใสสะคราญ จนไม่อาจจับจ้องมองตรงๆ


ความงามของเซียวเหล่งนึ่ง

เซียวเหล่งนึ่งนั้นมีใบหน้าดูสงบเยือกเย็น บริสุทธิ์ดังหิมะ และเย็นชาราวน้ำแข็ง เอี้ยก้วยเองยังเคยครุ่นคิดว่าสตรีนางนี้ สร้างจากแก้วผลึก หรือว่าเป็นมนุษย์หิมะหรืออย่างไร ที่แท้เป็นคนหรือภูตผี หรือว่าเป็นเทพธิดาสวรรค์กันแน่ มิใช่เพียงแต่เฉพาะกับเอี้ยก้วยเท่านั้น ไม่ว่ากับผู้ใดทุกครั้งที่นางปรากฏกาย ล้วนตรึงสายตาผู้คนให้จับจ้อง กิมย้งได้บรรยายถึงความงามของนางไว้ในหลายฉากหลายตอน ดังเช่นเมื่อครั้งที่เซียวเหล่งนึ่งปรากฏตัวที่งานชุมนุมชาวยุทธ ได้หยุดสายตาของเหล่าชาวยุทธที่มาร่วมงานให้จับจ้องไปที่นาง กิมย้งได้บรรยายในตอนนี้ว่า ชนชาวโลกมักใช้คำ งดงามปานเทพธิดา เปรียบเปรยความงามของอิสตรี แต่ที่แท้เทพธิดางามสะคราญปานใด ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ทราบ แต่พอได้เห็นเซียวเหล่งนึง ในใจผู้คนล้วนประหวัดนึกถึงคำงดงามปานเทพธิดา ซึ่งมีผิวขาวผ่อง รอบกายคล้ายปกคลุมด้วยหมอกบางเบา คล้ายจริงคล้ายมายา หาใช่คนในโลกีย์วิสัยไม่

บุคลิกลักษณะนิสัยของเซียวเหล่งนึ่ง

นอกจากความงามที่เหนือจากมนุษย์ทัวไปแล้ว นางยังมีบุคลิกที่โดดเด่นแปลกพิศดาร เนื่องด้วยนางเติบโตมาในสุสานโบราณ จากการเลี้ยงดูของอาจารย์และยายซุน ผ่านชีวิตราวกับน้ำนิ่งไม่กระเพื่อม ไม่เคยได้ออกมาสู่โลกภายนอก จึงไม่รู้จักขนบธรรมเนียมใดๆ ประกอบกับอาจารย์ให้นางฝึกวิชากำลังภายในตั้งแต่เล็ก สั่งนางขจัดซึ่งอารมณ์ยินดี เดือดดาล โศกเศร้า สุขสันต์ หากเห็นนางหัวเราะหรือร้องให้จะลงโทษ ดังนั้นจึงเพาะสร้างเป็นนิสัยสันโดษเย็นชา ความรู้สึกต่างๆบังเกิดขึ้นในจิตใจก็ผ่านเลยไป ล้วนไม่ผ่านการแสดงออกทางสีหน้า แต่ภายหลัง หลังจากเอี้ยก้วยเข้ามา ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไป นางเริ่มมีจิตใจที่พลุกพล่านในบางครั้ง นิสัยที่เยือกเย็นไร้ความรู้สึกก็ถูกบั่นทอนลง เซียวเหล่งนึ่งเป็นผู้หญิงไร้เดียงสาอ่อนต่อโลก แต่ก็มิใช่คนโง่ บุคลิกที่โดเด่นอีกอย่างของนางคือความใจเย็น มีสมาธิที่แน่วแน่ ทั้งดูสง่าน่าเลื่อมใสและดูน่าทะนุถนอมในเวลาเดียวกัน บุคลิกที่สง่างามของเธอนั้นติดตัวเธออยู่ตลอดเวลา ทั้งเวลาพูดจา เวลาต่อสู้ หรือแม้กระทั่งเวลานอนก็ยังคงดูสวยงามเป็นเอกลักษณ์ โดยนางจะนอนบนเส้นเชือก ซึ่งเริ่มนอนแบบนี้ตั้งแต่เอี้ยก้วยเข้ามาในสุสานโบราณ นางยกเตียงหยกเย็นให้เอี้ยก้วย ตัวเองเลยใช้เส้นเชือกแทนเตียง และก็นอนแบบนี้เรื่อยมา

วรยุทธของเซียวเหล่งนึ่ง

ในด้านวรยุทธ นางก็มีวรยุทธที่ไม่ธรรมดา วิชาของสำนักสุสานโบราณเป็นวิชาของ ลิ้มเฉียวเอ็ง ยอดจอมยุทธหญิงในยุคก่อน มีวิชาที่หลากหลายทั้ง กระบี่ ฝ่ามือ อาวุธลับ และวิชาตัวเบาที่สูงส่งไม่เป็นสองรองใครในยุทธภพ ยังวิชาสุดยอดอย่างอย่างวิชาใน คัมภีร์สุรางคนางค์ใจพิสุทธิ์ (คัมภีร์สาวหยก สตรีหยกก็ว่า) นางยังได้นอนเตียงหยกเย็นตั้งแต่เด็กจนมีพลังภายในสูงส่ง ภายหลังยังคงได้เรียนวิชาสองมือขัดแย้งจากจิวแป๊ะทง ทำให้สามารถใช้วิชากระบี่สุรางคนางค์ใจพิสุทธิ์ ด้วยตัวคนเดียวได้ นับเป็นวิชาที่ไม่มีใครเคยใช้มาก่อน มีความว่องไวสุดเปรียบปราน

อาวุธประจำกาย

สายรัดแพรสีขาว 2 เส้น ส่วนปลายผูกไว้ดวยลูกกลมสีทอง เวลาขยับจะมีเสียงดัง ติกๆ แม้ไม่ดังนัก แต่เวลาใช้ในการต่อสู้สามารถคุกคามจิตใจคนได้ สายรัดนี้คล่องแคล่วปราดเปรียวดุจอสรพิษ สามารถวกอ้อมได้กลางอากาศ บังคับลดเลี้ยวได้ดังใจปรารถนา เป็นอาวุธที่สวยงามและประหลาดยิ่ง ถุงมือถักทอจากเส้นใยทองคำขาวอันเล็กละเอียดและหยุ่นเหนียว เป็นสิ่งที่อาจารย์ของอาจารย์ (ลิ้มเฉียวเอ็ง) ตกทอดทิ้งไว้ แม้อ่อนนุ่มเบาบาง แต่ดาบหรือทวนมากระทบก็ไม่ระคาย เข็มผึ้งหยก เป็นอาวุธลับพิเศษเฉพาะของสำนักสุสานโบราณ โดยเป็นเข็มทองที่เล็กละเอียดดุจขนวัว ประกอบด้วยทองคำหกส่วน ผสมกับเหล็กกล้าสี่ส่วน ที่เหล็กในของผึ้งหยกผ่านการแช่น้ำพิษ แม้นมีขนาดเล็ก แต่เนื่องด้วยทองคำมีน้ำหนักมาก ขณะที่ซัดสามารถออกพุ่งไปได้ไกล

เซียวเหล่งนึ่ง เวอร์ชั้น หลิวอี้เฟย ในปี 2006 เซียวเหล่งนึ่งคนล่าสุด ที่แสดงโดยหลิวอี้เฟยได้สร้างความสนใจไม่น้อย เนื่องจาก กิมย้ง ได้ออกปากว่า หลิวอี้เฟยเป็นเซียวเหล่งนึ่งที่ใกล้เคียงจินตนาการของท่านมากที่สุด ทำให้หลิวอี้เฟยเป็นที่จับตามอง มีเสียงวิภาควิจารณ์ต่างๆมากมาย ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ บ้างว่าเธอดูเด็กเกินไป บ้างว่าความสามารถทางการแสดงยังไม่ถึง บ้างก็ชื่นชมบอกว่าเป็นเซียวเหล่งนึ่งที่หลุดออกมาจากนิยายเลยทีเดียว ถ้าพูดถึงตามบทแล้วหน้าตาหลิวอี้เฟยในช่วงแรกก็ไม่ถือว่าเด็กไป เพราะในช่วงที่เซียวเหล่งนึ่งเปิดฉากออกมา นางอายุได้ 18 ปี ในขนะที่หน้าตายังอยู่ที่ประมาณ 16-17 ซึ่งหน้าตาที่อ่อนวัยของหลิวอี้เฟยก็ค่อนข้างจะตรง แต่ถ้าเปรียบเทียบในแง่ความรู้สึก เธอก็อาจจะดูเด็กไปจริงๆ ในด้านเสื้อผ้าที่ใช้ในภาคนี้มีความหรูหราอลังการ ค่อนข้างจะพิถีพิถัน มีรายละเอียดมาก และได้ออกแบบให้ดูทันสมัย มีกลิ่นอายทางยุโรปเข้ามาผสมอย่างลงตัว ถ้าพูดถึงความสมจริง ออกจะดูหรูหราผิดจากความเป็นจริงไปหน่อย แต่ถ้าพูดถึงความสวยงามแล้วหลายคนก็ให้ความเห็นว่าสวงงามตระการตาดีทีเดียว อีกส่วนหนึ่งที่หลายคนพูดถึงคือฉากต่อสู้ ในเวอร์ชั้นนี้มีการลงทุนสูงเทคนิคการถ่ายทำก็พัฒนาขึ้น เมื่อรวมกับความสามารถของหลิวอี้เฟยในการเต้นบัลเล่ ทำให้ท่วงท่าในการต่อสู้ต่างๆออกมาอ่อนช้อยพริ้วไหวสวยงาม ถือเป็นอีกจุดเด่นของเซียวเหล่งนึ่งภาคนี้ โดยรวมก็ถือเป็นเซียวเหล่งนึ่งอีกเวอร์ชั้นที่น่าดู ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างออกไปจากเวอร์ชั้นก่อนๆ






เอี้ยก้วย (อังกฤษ:Yang Guo ,จีนตัวเต็ม: 楊過; จีนตัวย่อ: 杨过; พินอิน: Yáng Guò) เป็นตัวละครในนิยายกำลังภายใน บทประพันธ์โดย กิมย้ง ที่นำเอาประวัติศาสตร์จีนช่วงหนึ่งซึ่งตรงกับราชวงศ์ซ้องใต้ (หนานซ้อง-น่ำซ้อง) หรือประมาณ พ.ศ. 1669-1822 ซึ่งตรงกับสมัยสุโขทัยของไทย มาผูกปมเข้ากับบทประพันธ์ ให้ชื่อเรื่องตามภาษาจีนว่า จอมยุทธคู่อินทรีเทพยดา(หรือจอมยุทธจ้าวอินทรีย์ หรือจอมยุทธเทพอินทรีย์ แล้วแต่ผู้แปล) ซึ่งกิมย้งผู้ประพันธ์ได้ผูกเรื่องให้เชื่อมโยงต่อจากเรื่องจอมยุทธล่าอินทรีย์ (หรือมังกรหยกภาคหนึ่ง) แต่คนไทยจะรู้จักติดหูเรื่องจอมยุทธคู่อินทรีย์เทพยดา ในชื่อมังกรหยกภาคสอง ทั้งที่ภายในเรื่องไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับมังกรหรือหยก ที่เป็นเช่นนี้มีผู้สัญนิษฐานไว้ว่า อาจเพราะผู้แปลฉบับภาษาไทยท่านแรกๆ เห็นว่า เรื่องนี้เป็นนิยายจีน มังกรเป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำชาติ ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกับช้างที่เป็นสัตว์สัญลักษณ์ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของไทย ส่วนหยกเป็นเครื่องประดับที่มีค่าในความรู้สึกนึกคิดของชาวจีน ไม่ต่างกับเพชรในความคิดของชาวยุโรป


เนื้อเรื่องจอมยุทธคู่อินทรีย์เทพยดา

เอี้ยก้วย เป็นบุตรชายของ เอี้ยคัง กับ มกเนี่ยมชื้อ ซึ่งเอี๊ยคังเป็นตัวร้ายจากมังกรหยกภาคหนึ่ง เอี้ยก้วยเกิดมาโดยไม่เคยได้พบเห็นหน้าบิดาของตนเอง โดยบทประพันธ์ได้บรรยายไว้ว่า เมื่อครั้งนั้น มกเนี่ยมชื้อ เสียความบริสุทธิให้แกเอี้ยคังบนยอดเขามือเหล็ก แล้วในที่สุดก็ได้ตั้งท้อง แต่เอี้ยคังก็มาเสียชีวิตซะก่อนที่เอี้ยก้วยจะเกิด จากการซัดฝ่ามือใส่อึ้งย้ง โดยไม่ทราบว่าอึ้งย้งใส่เสื้อเกราะขนเม่นอ่อนอยู่ ซึ่งขณะนั้นมีพิษติดอยู่ด้วย จึงถึงแก่ความตาย เมื่อมกเนี่ยมชื้อคลอดเด็กชาย ก๊วยเจ๋งซึ่งเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเอี้ยคังได้ตั้งชื่อให้ว่า เอี้ยก้วย โดยมีเนื้อความดังนี้

“ก๊วยเจ๋งคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าและบิดาของทารกนี้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน แต่น่าเสียดายที่ผลบั้นปลายชีวิตของเขาไม่ดี ข้าพเจ้าไม่สามารถแสดงคุณธรรมแห่งมิตรภาพได้เต็มที่ เป็นความคับแค้นในชีวิตจริงๆ แต่หวังว่าเมื่อทารกนี้โตขึ้น หากทำความผิดแล้วย่อมปรับปรุงแก้ไขตนเอง จึงขอตั้งชื่อหนูน้อยนี้ว่า "ก้วย"(ผิดพลาด)ชื่อรองว่า "เก้ยจือ"(ปรับปรุงตัว)ขอจงเป็นผู้อุทิศตนเพื่อคุณธรรม”

เมื่อเอี้ยก้วยเริ่มรู้ความ มีหลายครั้งที่เขาพยายามถามมารดาเกี่ยวกับเรื่องราวของเอี้ยคังบิดาตน แต่มกเนี่ยมชื้อไม่เคยตอบและได้แต่ร้องไห้ เอี้ยก้วยวาดฝันว่าบิดาของเขาต้องเป็นยอดวีรบุรุษ แต่อาจจะถูกลอบทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต ทำให้มารดาต้องเลี้ยงดูเขาด้วยอาชีพจับงูขายเพียงลำพังอย่างยากลำบาก

ต่อมามกเนี่ยมชื้อ ก็เสียชีวิตเพราะงูกัด เอี้ยก้วยจึงเหลือตัวคนเดียว ต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อความอยู่รอดด้วยการลักเล็กขโมยน้อย หลายครั้งที่ถูกผู้อื่นเหยียดหยามรุมรังแก ส่งผลให้เขารังเกียจโกรธแค้นผู้คน สิ่งแวดล้อมเช่นนี้ทำให้เขาต้องรู้จักเอาตัวรอด นำความฉลาดของตนมาพลิกสถานการณ์อยู่เสมอ จนใครๆ รู้สึกว่าเอี้ยก้วยเจ้าเล่ห์แสนกล เชื่อมั่นในตนเอง เชื่อใจใครยาก จนคล้ายคนสอนยาก ดื้อด้าน แท้จริงแล้วเอี้ยก้วยทำไปเพื่อป้องกันตัวเอง ซึ่งเป็นผลจากประสบการณ์ที่เคยอยู่อย่างโดดเดี่ยวอย่างยากลำบากมาก่อน เหตุนี้ใครๆ จึงมักกล่าวว่า เอี้ยก้วยมีนิสัยประหลาด เป็นเพราะขัดแย้งกับวัฒนธรรมจีนในขณะนั้นตามความเชื่อของลัทธิขงจื้อ ที่เด็กควรเป็นผู้ว่านอนสอนง่ายกับผู้ใหญ่

ขณะที่ก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้งกำลังเดินทางกลับไปยังเกาะดอกท้อ เพื่อตามหาข่าวคราวของอึ้งเอี๊ยะซือ บังเอิญพบเอี้ยก้วยวัยประมาณ 12 ปี ซึ่งมีรูปร่างหน้าตาคล้ายเอี้ยคัง เมื่ออึ้งย้งสอบถามทราบว่าเด็กที่ตนพบนั้นเป็นลูกของเอี้ยคัง ก้วยเจ๋งจึงรับไปเลี้ยงดูที่เกาะดอกท้ออยู่ 1 ปีกว่า พร้อมๆ กับก๊วยพู้บุตรสาวคนเดียวผู้เอาแต่ใจ และสองพี่น้องตระกูลบู๊ ซึ่งเป็นศิษย์ของก๊วยเจ๋งและอึ้งย้ง ทั้งนี้เพราะก๊วยเจ๋งรู้สึกผิดต่อเอี้ยคังอยู่ตลอดเวลา ที่ไม่ได้ตักเตือนเอี้ยคังให้กลับใจเป็นคนดีได้

อึ้งย้งไม่ไว้ใจเอี้ยก้วยเนื่องจากเป็นลูกของเอี้ยคังผู้ทรยศบ้านเมืองแถมยังมีนิสัยประหลาด และยังกระล่อน เจ้าเล่ห์เพทุบายคล้ายเอี้ยคังอีกด้วย จึงสอนแต่ปรัชญาเพียงให้อ่านออกเขียนได้ แต่ไม่สอนวรยุทธให้ ต่างกับการดูแลก๊วยพู้และพี่น้องตระกูลบู๊ ทั้งนี้เพราะหวังว่าเอี้ยก้วยจะเป็นคนดีในอนาคต แต่กลับทำให้เอี้ยก้วยรู้สึกขุ่นเคืองใจตามประสาเด็ก คิดว่าอึ้งย้งไม่ชอบตนเอง จึงลำเอียงเช่นนี้

นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก๊วยพู้และพี่น้องตระกูลบู๊มักเล่นรุมรังแกเอี้ยก้วยตามประสาเด็ก ที่ไม่รู้กำลังตนว่าเล่นกันแค่ไหนจึงเรียกว่าแรงเกินไป และไม่คิดว่าเอี้ยก้วยนั้นมีนิสัยจ่องจะเอาคืน ซึ่งเป็นผลจากประสบการณ์ชีวิตที่เลวร้าย การถูกรุมในวันหนึ่งทำให้เอี้ยก้วยถึงขีดสุด เผลอใช้วิชาพลังคางคงทำร้ายสองพี่น้องตระกูลบู๊ (เอี้ยก้วยเคยเรียนวิชาเดินลมปราณมาจากมารดา และวิชาพลังคางคงมาจากอ้าวเอี้ยงฮง ยอดฝีมือฝ่ายอธรรมในอดีต ที่ฝึกวิชาจนกลายเป็นบ้า เนื่องจากธาตุไฟเข้าแทรก เคยรับเอี้ยก้วยเป็นลูกบุญธรรม และสอนวรยุทธให้ในช่วงสั้นๆ ก่อนจะมาพบก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง)

อึ้งย้งซึ่งไม่ไว้ใจเอี้ยก้วยเป็นทุนเดิม เมื่อทราบว่าเขาใช้วิชาพลังคางคงของอ้าวเอี้ยฮงทำร้ายพี่น้องตระกูลบู๊ จึงขอให้ก๊วยเจ๋งส่งเอี้ยก้วยไปอยู่กับสำนักช้วนจิน ซึ่งมีความสัมพันธ์อันดีกับก๊วยเจ๋งมานาน แล้วก๊วยเจ๋งเองก็เป็นศิษย์ของคูชู่กีเจ้าสำนัก คงช่วยขัดเกลานิสัยของเอี้ยก้วยได้ดีกว่าตน โดยหารู้ไม่ว่า การส่งเอี้ยก้วยไปอยู่กับสำนักช้วนจิน ยิ่งไปตัดรอนการไว้เนื้อเชื่อใจของเอี้ยก้วยต่อผู้อื่นให้ลดลง ทั้งที่เขาพยายามไขว่คว้าใครสักคนมาเป็นที่พึ่งทางใจให้กับชีวิต โดยเฉพาะเมื่อยังเป็นเด็ก ซึ่งก็คือก๊วยเจ๋ง แต่ก๊วยเจ๋งและอึ้งย้งไม่เข้าใจจิตวิทยาในข้อนี้

เอี้ยก้วยวัย 14 ปี ไม่ได้มีชีวิตที่แสนสุขในสำนักช้วนจิน ตามที่ก๊วยเจ๋งเคยบอกเขา เนื่องจากถทั้งอาจารย์และศิษย์พี่ต่างกลั่นแกล้ง ส่วนหนึ่งมาจากนิสัยของเอี้ยก้วยที่ไม่ยอมลงให้ใคร จนอาจารย์ไม่สอนวรยุทธให้ นอกจากเพียงสอนให้ท่องเคล็ดวิชา จนเขาไม่สามารถต่อสู้กับศิษย์คนอื่นๆ ในวันประลองยุทธ เพื่อดูพัฒนาการของศิษย์แต่ละคนที่จัดขึ้นทุกครึ่งปีของสำนักได้ เอี้ยก้วยบาดเจ็บปางตาย จนในที่สุดต้องใช้วิชาพลังคางคกป้องกันตัว แล้วหนีไปยังสำนักสุสานโบราณ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังของสำนักช้วนจิน ขณะนั้นเซียวเหล่งนึ่งวัย 18 ปี เป็นเจ้าสำนัก มียายซุนสาวใช้วัยชราเป็นผู้ดูแล

ยายซุนช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้เอี้ยก้วย เขาซาบซึ้งน้ำใจของยายซุน เริ่มให้ความไว้วางใจคนอีกครั้ง แต่เซียวเหล่งนึ่งถือกฎสำนักเคร่งครัด ที่ไม่รับศิษย์ผู้ชาย จึงให้ส่งเขากลับไป ยายซุนเป็นห่วงเอี้ยก้วยจะโดนทำร้ายอีก จึงไปส่งเขาเพื่อให้แน่ใจ แต่ยายซุนต้องประมือกับพวกนักพรตช้วนจินจนเสียชีวิต ก่อนตายได้ขอให้เซียวเหล่งนึ่งรับดูแลเอี้ยก้วยไปชั่วชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งเดียวและสิ่งสุดท้ายที่ยายซุนขอ เหล่งนึ่งจึงยอมรับเอี้ยก้วยเป็นศิษย์ เอี้ยก้วยเรียกนางว่า "โกวโกว" ซึ่งแปลว่าอาหญิง ไม่ยอมเรียกอาจารย์ โดยให้เหตุผลว่าตนไม่ชอบเตียจี้เก่ง อาจารย์สำนักช้วนจิน จนนำไปฝันละเมอด่าอาจารย์บ่อยๆ ซึ่งอาจาทำให้เหล่งนึ่งได้ยินและเข้าใจผิด

เซียวเหล่งนึ่ง แม้เจะย็นชาเพราะนางได้ฝึกวิชาห้ามกามคุณทั้ง6 และอารมณ์ทั้ง7 ของสำนักตั้งแต่เด็ก นางสละเตียงหยกของตัวเองให้เอี้ยก้วยนอนเพื่อจะเพิ่มพลังลมปราณของเขาในการฝึกวิชา และมักตามใจเอี้ยก้วย เขาจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วนางมีจิตใจดีและอ่อนโยน เอี้ยก้วยฉลาดและหัวไว ตั้งใจเรียนยุทธของสำนักสุสานโบราณ เพราะไม่เคยมีใครสอนยุทธให้อย่างจริงจังมาก่อน และเพื่อไม่ให้ใครมารังแกตนได้อีก อันเป็นปมในใจของเขา เอี้ยก้วยจึงฝึกวรยุทธขั้นพื้นฐานของสำนักอย่างรวดเร็วภายใน 2 ปี

ความผูกพันระหว่างเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งก่อตัวขึ้นโดยไม่มีใครรู้ตัวว่านี่คือ ความรักแบบหนุ่มสาว เพราะเอี้ยก้วยเคารพเหล่งนึ่งในฐานะอาจารย์ แม้เขาจะชอบหยอกเย้านางบ้าง เพราะเดาใจของนางออก แต่เหล่งนึ่งก็ไม่แสดงปฏิกิริยา แม้ 2 ปีต่อมา เอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งจะต้องร่วมกันฝึกวิชาสตรีหยก (ผู้แปลบางท่านเรียกคัมภีร์สาวหยก, คัมภีร์ดรุณี หรือคัมภีร์สุรางคนางค์) ที่ต้องระบายความร้อนจากการเดินลมปราณ จึงไม่สวมเสื้อผ้าขณะฝึก ก็ยังไม่รู้สึกว่าต่างเริ่มมีใจให้กัน

จนวันที่ลี้หมกโช้วศิษย์บุกเข้าสำนัก เพื่อชิงคัมภีร์สตรีหยกของสำนักสุสานโบราณ เอี้ยก้วยห่วงใยเหล่งนึ่งอย่างไม่ห่วงชีวิต ทำให้นางซาบซึ้ง แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกนี้ด้วยกันทั้งคู่ เมื่อนางตัดสินใจปิดประตูพันชั่งปิดตายสุสานโบราณ ไม่ให้ทุกคนเข้าออกอีก ขังทั้งสี่คนเอาไว้ คือ เอี้ยก้วย เซียวเหล่งนึ่ง ลี้หมกโช้ว และอั้งเล้งปอ ซึ่งเป็นศิษย์ของลี้หมกโช้ว แต่เอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งก็พบทางออกอีกทางของสุสานโดยบังเอิญ แต่ลี้หมกโช้วและศิษย์ของนางก็ตามออกมาได้ เอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่งสร้างบ้านอยู่ด้วยกันบนเขา โดยตกลงกันว่าหากฝึกวิชาสตรีหยกต่อจนพัฒนาขึ้นหรือสำเร็จแล้ว จะลงจากเขาไปท่องยุทธภพ

วันหนึ่งเอี้ยก้วยได้พบอ้าวเอี้ยงฮงพ่อบุญธรรม หลังจากไม่ได้พบหน้ากันประมาณ 6 ปี อ้าวเอี้ยงฮงประสงค์จะถ่ายทอดวรยุทธ์ให้เอี้ยก้วยต่อ แต่กลัวเหล่งนึ่งจะแอบดูวิชาของตน จึงใช้วิชากลับตาลปัตรแอบสกัดจุดนางไม่ให้นางคลายจุดเองได้ ป้องกันการแอบดู แล้วจึงพาเอี้ยก้วยไปถ่ายทอดวิชาในที่ห่างไกลออกไป ระหว่างนั้นอึ้งจื่อเพ้งนักพรตสำนักช้วนจินที่มีใจต่อเหล่งนึ่งตั้งแต่แรกเห็น ถือโอกาสพรากพรหมจรรย์ของนางโดยใช้ผ้าปิดตาไว้ เหล่งนึ่งคิดว่าเป็นเอี้ยก้วย เพราะที่นั่นไม่มีใครอื่นอีก

เมื่อฝึกวิชาเสร็จ เอี้ยก้วยก็กลับมาเปิดผ้าผูกตาเซียวเหล่งนึ่งออกและช่วยคลายจุดให้นาง เซียวเหล่งนึ่งให้เอี้ยก้วยเลิกเรียกนางว่าอาหญิง เอี้ยก้วยไม่เคยคิดจะหาคำเรียกเป็นอย่างอื่นมาก่อน เพราะไม่มีคำอื่นใดจะให้เกียรตินางเท่าคำนี้แล้ว ยิ่งทำให้เซียวเหล่งนึ่งโกรธ เพราะคิดว่าเขาไม่รับผิดชอบในตัวของนาง จึงยื่นคำขาดว่าเคยคิดจะรับนางเป็นภรรยาหรือไม่ เอี้ยก้วยผู้ไม่รู้เรื่องพาซื่อตอบว่า “ไม่เคย” เขาเคารพนางเสมอมา ยิ่งทำให้นางโกรธจนกระอักเลือดและหนีจากไป

เส้นใยบางๆ เส้นสุดท้ายภายใต้จิตสำนึกของการกลัวถูกทอดทิ้งในวัยเด็กหวนกลับมาเยือน เมื่อเหล่งนึ่งกำลังจากไป โดยสกัดจุดเอี้ยก้วยไว้ หลังจากเขาคลายจุดได้ก็ตั้งใจว่า หากพบนางและนางต้องการให้เขารับนางเป็นภรรยา ก็จะยินดี

เขาได้พบอ้าวเอี้ยงฮงพ่อบุญธรรม ขณะตามหาเหล่งนึ่ง ทำให้เอี้ยก้วยใจชื้นขึ้นมาอีกครั้ง ที่ได้พบคนรู้จัก แต่ระหว่างที่เอี้ยก้วยพบพ่อบุญธรรมนั้น เป็นเวลาที่พ่อบุญธรรมกำลังประลองยุทธกับอั้งชิดกง ต่างคนต่างบอกกระบวนท่าวรยุทธให้เอี้ยก้วยเป็นผู้แสดงฝีมือ ทำให้เอี้ยก้วยได้เรียนรู้ท่าไม้ตีสุนัข ฯลฯ เพิ่มขึ้น สุดท้ายอวุโสทั้งสองก็สิ้นใจพร้อมกัน เพราะเหน็ดเหนื่อยที่ต้องสู้กันข้ามวันข้ามคืนโดยไม่หยุดพัก

เอี้ยก้วยเดินทางมาพบก๊วยเจ๋งอีกครั้งในงานชุมนุมชาวยุทธ์ โดยเล่าว่าตนออกจากสำนักช้วนจินและอยู่อย่างคนเร่ร่อน ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าเขายังมีวรยุทธไม่ถึงขั้น สองพี่น้องตระกูลบู๊ยังคงไม่ชอบเอี้ยก้วยเหมือนเดิม และยิ่งอิจฉาที่ก๊วยเจ๋งให้ความสำคัญกับเอี้ยก้วย รวมถึงก๊วยพู้ ซึ่งสองพี่น้องตระกูลบู๊หลงรักก็ดูจะพอใจในตัวของเอี้ยก้วยด้วย

อึ้งย้งกำลังตั้งครรภ์ จึงมอบตำแหน่งเจ้าสำนักพรรคกระยาจกให้กับลู่อู่คา ร่างกายอึ้งย้งช่วงนี้ไม่ค่อยแข็งแรงนัก เอี้ยก้วยเข้าใช้พลังวัตรช่วยเหลือ อึ้งย้งรู้สึกแปลกใจที่เขามีพลังวัตรสูง แต่ก็ไม่ได้ถามไถ่ เพราะรู้นิสัยของเอี้ยก้วยว่า ถ้าอยากบอกเอี้ยก้วยก็จะบอกเอง

ในงานชุมนุมชาวยุทธ์ มีการเลือกผู้นำยุทธภพคนใหม่ แต่ชาวยุทธชาวมองโกลได้แก่ ราชครูกิมลุ้น(หรือราชครูจักรทอง)ฮวบอ๋องพร้อม ศิษย์ทั้งสอง คือหลวงจีนตะละปาและองค์ชายฮั่วตู เข้ามาป่วนในงานชุมนุม ก๊วยเจ๋งเคยประมือกับศิษย์สองคนนี้แล้ว แต่ไม่เคยพบกับกิมลุ้น อึ้งย้งเสนอวิธีการประลอง โดยให้ประลอง 3 รอบ ให้คนที่เก่งที่สุด สู้กับคนที่เก่งระดับกลาง แล้วคนที่เก่งระดับกลางสู้กับคนที่เก่งน้อยที่สุด แค่นี้ก็จะได้ชนะ 2ใน3 รอบ แต่ผลผิดคาดเมื่อฮั่วตูซึ่งฝีมือด้อยที่สุดในผู้ลงประลองฝ่ายมองโกล กลับใช้วิธีสกปรก ซัดอาวุธลับ ทำให้ชนะไป

ขณะนั้นเอี้ยก้วยได้กลิ่นหอมของเซียวเล่งนึ่งที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กลอยมาแต่ไกล เซียวเหล่งนึ่งปรากฏตัวกลางงานชุมนุมชาวยุทธ เขาและเธอต่างยินดีที่ได้พบกัน จนลืมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว การประลองยุทธเกือบทำให้เซียวเหล่งนึ่งบาดเจ็บ เอี้ยก้วยจึงโกรธ ใช้วิชาไม้ตีสุนัขและวิชาของสุสานโบราณสู้กับฮั่วตูและหลวงจีนตะละปาจนชนะ เป็นที่ชื่นชมของชาวยุทธ โดยเฉพาะก๊วยเจ๋ง เมื่อใครถามว่าผู้ใดเป็นอาจารย์ของเอี้ยก้วย เขาก็ตอบว่า “เซียวเหล่งนึ่ง” ผู้คนต่างขบขันเพราะคิดว่าเขาพูดเล่น ไม่มีทางที่เด็กสาวที่ดูอ่อนวัยจนดูอายุไล่เลี่ยเอี้ยก้วยจะเป็นอาจารย์ของเอี้ยก้วยได้ แม้แต่อึ้งย้งยังไม่แน่ใจ มีกลุ่มคนที่ทราบเรื่องนี้ดีแค่กลุ่มเดียวคือนักพรตช้วนจินที่มาร่วมงานด้วย

ราชครูกิมลุ้นขอประลองกับเซียวเหล่งนึ่ง เพราะดูว่าสมควรจะได้รับตำแหน่งเจ้ายุทธภพหรือไม่ เซียวเหล่งนึ่งเห็นว่าเป็นการเรียนรู้แลกเปลี่ยนวิชา ไม่ได้คิดถึงเรื่องตำแหน่ง จึงยินดีรับคำท้า นางรับจักรทองของกิมลุ้นได้หลายกระบวนท่า แต่ฝีมือของกิมลุ้นสูงมาก สุดท้ายก๊วยเจ๋งจึงออกหน้าช่วยเหลือ จนกิมลุ้นแพ้ จึงกลับออกไปจากงานด้วยความอับอายและเจ็บแค้น

เซียวเหล่งนึ่งไม่รับตำแหน่งผู้นำชาวยุทธ และบอกว่าเธอเป็นภรรยาเอี้ยก้วย เมื่อก๊วยเจ๋งประกาศยกก๊วยพู้ให้แต่งงานกับเอี้ยก้วย เอี้ยก้วยเองก็เผยว่าเขารักเซียวเหล่งนึ่งและจะแต่งงานกับนาง เหล่าชาวยุทธ์ได้เปลี่ยนท่าทีจากที่เคยยกย่องคนทั้งคู่มาเป็นประณามหยาดเหยียด เพราะขนบประเพณีที่เข้มข้นจากปรัชญาของลัทธิขงจื้อทำให้คนในสมัยนั้นเชื่อว่า ศิษย์กับอาจารย์จะรักและแต่งงานกันไม่ได้ ส่วนก๊วยพู้รู้สึกถูกหักหน้าที่ถูกปฏิเสธ ความรู้สึกชอบพอเอี้ยก้วยเปลี่ยนเป็นความเจ็บใจอยู่ลึกๆ ที่เอี้ยก้วยไม่เอาใจนางเหมือนคนอื่นๆ เตียจี้เก่ง อดีตอาจารย์ของเอี้ยก้วยที่ช้วนจิน ก็เปิดโปงว่าเคยเห็นทั้งสองลอบมีสัมพันธ์กัน(ครั้งที่ฝึกวิชาสตรีหยกร่วมกัน โดยต้องถอดเสื้อผ้า) ทั้งๆ ที่ความจริงทั้งสองไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบชู้สาว เอี้ยก้วยทนฟังไม่ไหว จึงเกิดการต่อสู้กับนักพรตช้วนจิน การออกอาวุธทำให้พบนัยแฝงของเคล็ดวิชาสตรีหยกขั้นสมบูรณ์ได้โดยบังเอิญคือ เอี้ยก้วยใช้วิชากระบี่ช้วนจิน ในขณะที่เซียวเหล่งนึ่งใช้วิชาสตรีหยก เมื่อประสานกระบี่กัน ก็จะมีพลังที่ยากจะต้านทาน แต่ยังไม่ทันสู้กันจนรู้ผลแพ้ชนะ ก้วยเจ๋งก็เข้าห้ามและขอให้เอี้ยก้วยออกไป

เอี้ยก้วยเลิกสนใจคำครหาพาเซียวเหล่งนึ่งออกมาจากงาน แต่ก๊วยพู้ถูกกิมลุ้นจับตัวไป อึ้งย้งที่ตามไปช่วยก็ตกที่นั่งลำบาก ทั้งสองจึงยื่นมือเข้าช่วย อึ้งย้งซาบซึ้งน้ำใจ และเห็นใจทั้งคู่ แต่ก็กลัวว่าอนาคตของเอี้ยก้วยจะหม่นหมอง จึงปรึกษาเซียวเหล่งนึ่ง นางจึงตัดสินใจจากเอี้ยก้วยไป เพื่อไม่ให้เขาถูกชาวยุทธ์รุมประณาม เซียวเหล่งนึ่งเดินทางเร่ร่อนไปเรื่อย เพราะไม่อยากกลับสำนักสุสานโบราณโดยไม่มีเอี้ยก้วย และฝึกยุทธ์อย่างหักโหมเพื่อให้ลืมเอี้ยก้วยจนธาตุไฟเข้าแทรก และสิ้นสติไป รู้สึกตัวอีก ครั้งก็มาอยู่ที่หุบเขาไร้รัก

กงซุนจื้อ เจ้าหุบเขาหลงความงามของเหล่งนึ่งตั้งแต่แรกเห็น ต้องการตัวของนาง จึงทำดีให้นางใจอ่อน ส่วนเหล่งนึ่งเองก็อยากลืมเอี้ยก้วยและมีชีวิตใหม่ จึงตกลงแต่งงานกับกงซุนจื้อ เอี้ยก้วยตามหาเซียวเหล่งนึ่งได้พบกับเหตุการณ์มากมาย เช่น พบกับเล็กบ่อซัง ซึ่งมีดวงตาให้ชวนระลึกถึงเซียวเหล่งนึ่ง เขาขอจูบตานาง ได้พบ เทียเอ็ง ซึ่งได้ช่วยเอี้ยก้วยไว้จาการบาดเจ็บจากการต่อสู้กับกิมลุ้นโดยมีไม่เซียวเหล่งนึ่งอยู่ด้วย

อึ้งเอี๊ยะซือ ภูตบูรพาซึ่งมีนิสัยคล้ายเอี้ยก้วย ได้ช่วยรวมพลังลมปราณจากอาการบาดเจ็บหลังสู้กับกิมลุ้น และสอนวิชาพลังดีดและขลุ่ยหยกให้กับเขาไว้เพื่อป้องกันตัวจากลิ้มหมกโช้ว ทำให้พลังวัตรและวรยุทธของเอี้ยก้วยแข็งแกร่งขึ้นอีก นอกจากนี้เขายังได้พบซาโกว ศิษย์ของอึ้งเอี๊ยะซือผู้สติไม่เต็ม แต่รู้เรื่องราวในอดีตเกี่ยวกับพ่อของเขา เอี้ยก้วยจึงหลอกถามนางจนเขาใจไปว่า การตายของเอี้ยคังพ่อของเขาเกี่ยวข้องกับก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง

เอี้ยก้วยคิดแก้แค้นจึงเข้าร่วมกับกิมลุ้นที่กำลังรวมยอดฝีมือจากที่ต่างๆ ให้กับกุบไลข่าน เพื่อเข้าโจมตีก๊วยเจ๋ง ซึ่งทำหน้าที่รักษาเมืองเซียงเอี้ยงอยู่ ระหว่างนั้นเฒ่าทารกได้เข้าไปป่วนในค่ายมองโกล เอี้ยก้วยและยอดฝีมือจึงตามเฒ่าทารกไปจนมาถึงหุบเขาไร้รัก เอี้ยก้วยจึงได้พบกับเซียวเหล่งนึ่งอีกครั้ง แต่นางกลับทำเป็นไม่รู้จักเขา เพราะต้องการตัดใจ แต่สุดท้ายความรักมีมากกว่าจึงยอมรับ กงซุนจื้อโกรธมากจึงกำจัดเอี้ยก้วยด้วยพิษหนามดอกรัก เซียวเหล่งนึ่งเองก็ถูกหนามดอกรักเช่นกัน

นางยอมแต่งงานกับกงซุนจื้อเพื่อแลกยาถอนพิษรักษาชีวิตเอี้ยก้วย แต่ไม่รู้ว่ากงซุนจื้อมีแผนชั่ว เพราะยาถอนพิษมีเหลือเพียงเม็ดเดียว และหายไปแล้ว กงซุนเล็กงักลูกสาวของกงซุนจื้อแอบช่วยเหลือเอี้ยก้วย จนทั้งคู่ถูกพ่อผลักลงไปก้นเหว เอี้ยก้วยได้พบยาถอนพิษดอกรักในเสื้อของเขาโดยไม่รู้มาก่อนว่าเฒ่าทารกนำมาซ้อนไว้ที่ตัว แต่ก็ไม่ยอมกิน เพราะมีเพียงเม็ดเดียว เขารักษามันไว้ให้เซียวเหล่งนึ่ง ใต้ก้นเหวนั้นเอี้ยก้วยและกงซุนเล็กงักได้พบคิ้วโชยเซียะ ซึ่งเป็นภรรยาของกงซุนจื้อ และเป็นแม่แท้ๆ ของกงซุนเล็กงัก

เอี้ยก้วยช่วยคิ้วโชยเซียะขึ้นจากเหวได้และเข้าขัดขวางพิธีแต่งงาน เอี้ยก้วยให้เซียวเหล่งนึ่งกินยาถอนพิษดอกรัก โดยไม่บอกว่าตัวเขาเองยังไม่ได้กิน ด้วยความช่วยเหลือของคิ้วโชยเซียะ เอี้ยก้วยจึงชนะกงซุนจื้อ แต่เขาก็หนีไปได้ คิ้วโชยเซียะกลับมาปกครองหุบเขาไร้รักอีกครั้ง และต่อรองกับเอี้ยก้วยว่าจะให้ยาถอนพิษถ้ายอมแต่งงานกับกงซุนเล็กงัก เอี้ยก้วยไม่ตกลงโดยกงซุนเล็กงักช่วยพูดด้วยอีกแรง คิ้วโชยเวียะจึงเปลี่ยนข้อเสนอให้ไปฆ่าก๊วยเจ๋ง อึ้งย้ง ซึ่งเคยฆ่าพี่ชายนาง แล้วให้ยาไปกินก่อนครึ่งเม็ด ซึ่งมีผลในการรักษาชีวิตได้ 18 วัน

ตลอดการเดินทาง เอี้ยก้วยเต็มไปด้วยความสับสน ใจหนึ่งคิดอยากรักษาตัวเพื่อมีชีวิตอยู่ร่วมกับเซียวเหล่งนึ่งต่อไป และได้แก้แค้นให้พ่อไปในตัว แต่อีกใจเห็นก๊วยเจ๋งเป็นวีรบุรุษ ช่วยเหลือชาติบ้านเมือง จึงไม่อาจลงมือได้ อึ้งย้งมารู้ความจริงจากเหล่งนึ่ง จึงคิดช่วยเอี้ยก้วยด้วยการยอมมอบศีรษะให้ไปแลกยาถอนพิษ แต่ขอให้นางคลอดลูกก่อน ฝ่ายมองโกลใช้เล่ห์กลให้ชาวยุทะฝ่ายมองโกลเข้ามาบุกจวน(ที่พัก)ของก๊วยเจ๋ง โดยจุดไฟเผา ซึ่งเป็นเวลาที่อึ้งย้งคลอดลูกพอดี จึงฝากลูกสาวชื่อก๊วยเซียงไว้กับเซียวเหล่งนึ่ง ขณะกำลังคลอดแฝดอีกคน

เซียวเหล่งนึ่งคิดเอาเด็กไปแลกยาถอนพิษ แต่ระหว่างทางก็พบกิมลุ้นที่กำลังประมือกับเอี้ยก้วย จึงเข้าไปช่วย ลี้หมกโช้วมาได้จังหวะ คว้าเอาเด็กไป โดยเข้าใจผิดว่าเป็นลูกของเอี้ยก้วยและเซียวเหล่งนึ่ง เอี้ยก้วยตามติดนางไปตลอด โดยอาสาไปหาอาหารและเฝ้ายามให้ เขาจึงได้พบกับอินทรีย์ยักษ์รูปร่างอัปลักษณ์ แต่ทึ่งในพละกำลังของอินทรีย์ขณะปราบงูยักษ์ และฟังเขาพูดเข้าใจ เอี้ยก้วยตามอินทรีย์ไปจนถึงถ้ำที่อยู่ของต๊กโกวคิ้วป้ายซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว และบอกอินทรีย์ยักษ์ว่า ถ้ามีโอกาสจะกลับมาเยี่ยมใหม่

เรื่องวุ่นวายยิ่งขึ้นเมื่อสองพี่น้องตระกูลบู๊ทะเลาะกันเพราะก๊วยพู้ เอี้ยก้วยจึงมาช่วยตัดปัญหาโดยหลอกว่าอึ้งย้งยกก๊วยพู้ให้เขาแล้ว พอดีเซียวเหล่งนึ่งมาแอบได้ยินเข้าก็เสียใจมาก จึงกลับมาที่จวนของก๊วยเจ๋ง เพื่อมอบกระบี่ของตน ซึ่งเป็นกระบี่คู่กันกับของเอี้ยก้วยให้กับก๊วยพู้ เวลานั้นลี้หมกโช้วปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางการปรับความเข้าใจของสองพี่น้องตระกูลบู๊ ทั้งคู่ร่วมกันสู้กับลี้หมกโช้ว ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้แม่ของทั้งสองต้องตาย แต่กลับโดนเข็มพิ



ยาจกอุดร
#9   ยาจกอุดร    [ 02-12-2007 - 11:23:06 ]

เอี๊ยคัง เป็นตัวละครในนิยายกำลังภายในเรื่องมังกรหยก ซึ่งแต่งโดยกิมย้ง

เอี้ยคัง เป็นลูกของเอี้ยทิซิม กับเปาเซียะเยียก ซึ่งเอี้ยทิซิมเป็นเพื่อนสนิทกับก๊วยเซ่าเทียน พ่อของก๊วยเจ๋ง ครั้งหนึ่งเปาเซียะเยียกได้ช่วยอ้วงง้วนอั้งเลียก ผู้เป็นอ๋อง6 แห่งไต้กิม(ไต้กิมเป็นประเทศที่รุกรานซ้องใต้) ต่อมาเอี้ยทิซิมได้สู้กับทหารจนสูญหาย อ้วนง้วนอั้งเลียกมาเจอเปาเซียะเยียกจึงรับไปอยู่ด้วย ซึ่งตอนนั้นเปาเซียะเยียกท้องอยู่ ต่อมาก็ได้คลอดเอี้ยคังออกมา

ชื่อเอี้ยคังมาจากที่นักพรตคิวชู่กีตั้งให้ โดยตั้งให้แก่ความอัปยศของเจ๋งคัง ซึ่งเคยถูกจับไปที่ไต้กิม และโดนข่มเหงอย่างมาก จึงตั้งชื่อลูกก๊วยเซ่าเทียนว่า ก๊วย+เจ๋ง และตั้งชื่อลูกเอี้ยทิซิมว่า เอี้ย+คัง และให้มีดสั้นที่สลักชื่อทั้ง 2 ไว้ โดยให้มีดที่สลักเอี้ยคังแก่ก๊วยเจ๋ง ให้มีดที่สลักก๊วยเจ๋งแก่เอี้ยคัง โดยให้เป็นของหมั้น ถ้าเป็นชาย-หญิง ถ้าเป็นชาย-ชายหรือหญิง-หญิง ให้เป็นพี่น้องกันแล้วค่อยแลกมีดคืน เมื่อเอี้ยคังโตขึ้นมาได้ใช้ชื่อว่าอ้วนง้วนคัง เจอก๊วยเจ๋งครั้งแรกตอนประลองยุทธ์เลือกคู่ ซึ่งเอี้ยคังชนะมกเนี่ยมชื่อ แต่ไม่ยอมรับเป็นภรรยา ก๊วยเจ๋งเห็นว่าไม่ถูกต้องจึงประลอง ก๊วยเจ๋งก็แพ้เพราะเจ๋งยี้เป็นผู้ที่โง่งม ส่วนเอี้ยคังฉลาดล้ำลึกและได้รับการร่ำเรียนจากคิวชู่กี ต่อมามกเนี่ยชื้อก็ตามตื้อ จนเอี้ยคังรัก ทั้ง 2 มีลูกกันคนหนึ่งชื่อว่า เอี้ยก่วย ซึ่งเป็นตัวละครเอกในมังกรหยกภาค 2 เอี้ยก่วยเจ้าอินทรี ซึ่งชื่อเอี้ยก่วยเป็นชื่อที่มกเนี่ยมชื่อให้ก๊วยเจ๋งตั้งให้ แปลว่าความผิดพลาดแซ่เอี้ย เอี้ยก่วย มีชื่อรองว่า เก้ยจื้อ แปลว่ารู้จักแก้ไข

เอี๊ยทิซิม ตัวละครในนิยายกำลังภายในเรื่องมังกรหยก เป็นน้องร่วมสาบานของก๊วยเซ่าเทียน มีภรรยาชื่อเปาเสียะย้อ และมีลูกด้วยกันชื่อ เอี๊ยคัง และยังมีบุตรบุณธรรมชื่อ มกเนี่ยมจื๊อ





ยาจกอุดร
#10   ยาจกอุดร    [ 02-12-2007 - 11:24:31 ]

บู้ตึ้ง ง้อไบ

ในเรื่องดาบมังกรหยก บู๊ตึ๊งเริ่มมาจากหลวงจีนในวัดเส้าหลิน ชื่อว่า จางซางฟงหรือเตียซำฮง ซึ่งเดิมมีชื่อว่า เตียกุนป้อ เป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ กี๊กเอี้ยงซึ่งมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ อาจารย์กั๊กเอี้ยงสั่งให้เตียกุนป้อลงจากเส้าหลินเนื่องเพราะวัดมีภัย โดยมีผู้บุกรุกนามว่า สามวิเศษเขาคุนลุ้น ซึ่งภายหลังกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิด โดยถ่ายทอดวิชาในคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นให้ ซึ่งถือว่าเป็นยอดวิชาลมปราณหลังกำเนิด (คู่กับซือชวยเก็ง หรือคัมภีร์ชะล้างไขกระดูก อันเป็นลมปราณก่อนกำเนิด) หลังจากลงจากวัด ได้พบกับก๊วยเซียงและร่วมทางกันช่วงหนึ่ง หลังจากนั้นได้ก่อตั้งสำนักชื่อว่าสำนัก บู๊ตึ๊ง และเปลี่ยนชื่อตนเองเป็น เตียซำฮง (ซำฮงหมายถึงยอดเขา 3ลูก) รับศิษย์รุ่นแรก 7 คน ซึ่งเป็นที่มีชื่อเสียงในยุทธภพมาก ชาวยุทธต่างขนานนามว่า 7 กระบี่บู๊ตึ๊ง หรือ 7 จอมยุทธบู๊ตึ๊ง วิชาที่โด่ดเด่นคือ วิชากระบี่และมวย โดยมีวรยุทธบางชุดของเส้าหลิน บางชุดดัดแปลง และมี ยอดวิชาของสำนักคือ กระบี่ไท่เก๊ก และมวยไท่เก๊ก ซึ่งเตียซำฮง บัญญัติขึ้นภายหลัง โดยสังเกตจากการต่อสู้ของ งูกับกระเรียน

ส่วนตามประวัติศาสตร์ อาจารย์ของเตียซำฮงเป็นนักพรตในลัทธิเต๋านามว่า ฮวยเหล็งจินหยิน และมวยบู๊ตึงกับเส้าหลินไม่ได้มีพื้นฐานเดียวกันอย่างเช่นในนิยาย เนื่องจากมวยไท่เก็ก เป็นภูมิปัญญาแบบจีนแท้ เน้นความอ่อนหยุ่น ธาตุหยิน ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว ส่วนมวยเส้าหลินมีต้นกำเนิดมาจากแถบอินเดีย โดยมีรากฐานมาจากโยคะ คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น ก็มีรากฐานมาจากวิชาโยคะ และศาสตร์ของพุทธมหายาน เน้นความแข็งกร้าว ธาตุหยาง

สำนักบู๊ตึ๊งมีความยิ่งใหญ่เทียบเคียงวัดเส้าหลิน ถือเป็นเสาหลักของยุทธภพ เตียซำฮงมีความสนิทกับก๊วยเซียงเจ้าสำนักง้อไบ๊

หลานศิษย์ของเตียซำฮง คือเตียบ่อกี้ ได้รับตำแหน่งประมุขนิกายเม้งก่า มีบทบาทในการขับไล่ชาวมองโกลในนิยายด้วย


ในนิยายเรื่องมังกรหยก ภาค 2 ก๊วยเซียง ลูกสาวคนที่สองของ ก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้ง ได้รับทราบความจริงว่าเอี้ยก้วยญาติผู้พี่ที่ตนหลงรัก มีความแค้นกับพ่อแม่ แต่ในที่สุดเรื่องราวก็ได้คลี่คลาย และ เข้าใจกัน ในช่วงท้ายของ เรื่องกล่าวไว้ว่านางได้ก่อตั้งสำนักชีง้อไบ๊ ซึ่งมีชื่อเสียงทัดเทียมกับสำนักบู๊ตึ๊ง

ในเรื่องดาบมังกรหยก ประมุขง๊อไบ๊คือมิกจ้อซือไท่ ซึ่งครอบครองกระบี่อิงฟ้า หนึ่งในสองอาวุธสำคัญในเรื่อง

ชื่อของ ง้อไบ๊ ในภาษากลางอ่านออกเสียงว่า เอ้อเหมย

นอกจากปรากฏในเรื่อง มังกรหยก แล้ว ชื่อของเขา ง้อไบ๊ ยังปรากฏในเรื่อง นางพญางูขาว ด้วย ซึ่งเขาง้อไบ๊ หรือ เอ้อเหมย นี้ เป็นที่บำเพ็ญพรตของ นางพญางูขาว ไป๋ซู่เจิน นั่นเอง




ยาจกอุดร
#11   ยาจกอุดร    [ 02-12-2007 - 11:25:55 ]

เสาหลัก ยุทภพ

วัดเส้าหลินก่อตั้งใน พ.ศ. 1038 (ค.ศ. 495) ในช่วงราชวงศ์เว่ย รัชสมัยของพระเจ้าเสี้ยวเหวินตี้ (孝文帝) เพื่อให้พระภิกษุจากอินเดีย นาม ป๋าถัว (跋陀) มาพำนักและเผยแผ่พุทธศาสนา ในขณะนั้นพระอาจารย์ป๋าถัวมีศิษยานุศิษย์เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามหลังจากพระอาจารย์ป๋าถัวมรณภาพ ความเจริญของวัดเส้าหลินก็ค่อยๆ เสื่อมถอยลง วัดเส้นหลินมีชื่อเสียงขึ้นอีกครั้ง เมื่อปรมาจารย์ตั๊กม้อหรือ พระโพธิธรรมเถระ ซึ่งเป็นพระภิกษุชาวอินเดีย ได้จาริกมาเพื่อเผยแผ่หลักธรรมพุทธศาสนานิกายธฺยานะ (เซน) ในประเทศจีน ตรงกับรัชกาลพระเจ้าเหลียงบู้ตี้ (ประมาณ พ.ศ. 1070) ตามประวัติเล่าว่า หลังจากเข้าเฝ้าพระจักรพรรดิแล้ว พระองค์ไม่ทรงเข้าพระทัยในคำสอนของพระโพธิธรรม พระโพธิธรรมจึงได้เดินทางข้ามแม่น้ำแยงซีด้วยต้นอ้อลำเดียว ขึ้นเขาซงซานมายังวัดเส้าหลินและนั่งสมาธิในถ้ำหันหน้าเข้าฝาผนังอยู่ 9 ปีเต็ม ก่อนจะถ่ายถอดธรรมะให้แก่ศิษย์คือท่านฮุ่ยเข่อเพื่อสืบทอดเป็นพระสังฆปริณายกองค์ต่อไป

เชื่อกันว่าวิทยายุทธ์ของเส้าหลินสืบทอดมาจากปรมาจารย์ตั๊กม้อ โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ท่านเห็นว่าพระภิกษุจะต้องนั่งสมาธินานๆ โดยไม่ได้เคลื่อนไหวออกกำลังกายจะทำให้สุขภาพร่างกายเสื่อมทรุดได้ ดังนั้นท่านจึงอาศัยพินิจการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของสัตว์ต่างๆ มาดัดแปลงกำหนดเป็นท่าทางเพื่อการออกกำลังกายและใช้ป้องกันตัว วิทยายุทธ์อันล้ำลึกเหล่านี้ทำให้พระวัดเส้าหลินต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวพันกับเรื่องทางโลกในประวัติศาสตร์จีนหลายครั้ง เช่น ช่วงต้นศตวรรษที่ 7 ในยุคราชวงศ์สุย-ถัง พระวัดเส้าหลินได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือหลี่ซื่อหมิน เพื่อต่อสู้กับหวังซื่อชง และต่อมาเมื่อหลี่ซื่อหมินได้รับการสถาปนาเป็นจักรพรรดิถังไท่จงแห่งราชวงศ์ถัง พระสงฆ์ 13 รูปจึงได้รับเกียรติคุณให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในราชสำนัก และวัดเส้าหลินก็ได้รับการอุปถัมภ์จากพระจักรพรรดิ ต่อมาในยุคของพระนางบูเช็กเทียน (武则天) ได้มีการสนับสนุนการเผยแผ่ศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก วัดเส้าหลินก็กลายเป็นวัดอันดับหนึ่งในใต้หล้า (天下第一名刹) ไปโดยปริยาย

หลังจากประเทศจีนเข้าสู่ยุคสาธารณรัฐ วัดเส้าหลินก็ถึงยุคตกต่ำถึงขีดสุด เมื่อปี พ.ศ. 2470 (ค.ศ. 1927) ในช่วงที่จีนกำลังวุ่นวายกับการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของเหล่าขุนศึก วัดเส้าหลินก็ถูกเผาทำลายครั้งใหญ่ โดยเพลิงได้ลุกโชนอยู่นานถึง 45 วัน สิ่งก่อสร้างในวัดเส้าหลินเกือบทั้งหมดถูกทำลายในกองเพลิง วิหาร ศาลา ตึกหลัก ๆ ได้ถูกเผาทั้งหมด ส่วนคัมภีร์วรยุทธ์ รวมถึงตำราและสมบัติล้ำค่าของวัดมากมาย ก็สูญหายไปในเพลิงอัคคีครั้งนั้น ปัจจุบันวัดเส้าหลินได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจีนที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก




ยาจกอุดร
#12   ยาจกอุดร    [ 02-12-2007 - 11:27:01 ]

ต๊กโกวคิ้วป้าย เป็นตัวละครในนวนิยายกำลังภายในของ กิมย้ง ที่เป็นต้นกำเนิดของเพลงกระบี่ เก้ากระบี่เดียวดาย หรือ เก้ากระบี่ต๊กโกว แปลว่า เดียวดายแสวงพ่าย คือ สามารถพลิกแพลงเพลงกระบี่ได้ไม่จบสิ้น จนไม่มีคู่ต่อสู้ใดเอาชนะเขาได้ จึงเดินทางไปตลอดชีวิตเพื่อหาความพ่ายแพ้

ต๊กโกวคิ้วป้าย มีสัตว์เลี้ยงเป็นนกขนาดยักษ์ ซึ่งในภายหลังกลายมาเป็นเพื่อนกับ เอี้ยก้วย ในมังกรหยก 2

ส่วนวิชาเก้ากระบี่เดียวดาย มีผู้สืบทอดตลอดมาจนถึง ฮวงเช็งเอี๊ยง ซึ่งถ่ายทอดต่อให้กับ เล่งฮู้ชง แห่งเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร ในภายหลัง




ยาจกอุดร
#13   ยาจกอุดร    [ 02-12-2007 - 11:28:52 ]

ผู้ไห้ความรู้ ดึงข้อมูลจาก "http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%95%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2".

ขอบคุนที่เอามาอ่านนะครับ พรรคกระยาจก อั่งชิกง

เดี๋ยววันหลังจะนำมาไห้อ่านอีก



มือกระบี่ไร้นาม
#14   มือกระบี่ไร้นาม    [ 02-12-2007 - 11:53:27 ]

โอ้ ความรู้ อยากได้ประวัติสำนักคุนลุ้นครับ



มือกระบี่ไร้นาม
#15   มือกระบี่ไร้นาม    [ 02-12-2007 - 11:56:52 ]

ท่านเคยอ่านนวนิยายกิมย้งเรื่องยาวครบยังครับ



ยาจกอุดร
#16   ยาจกอุดร    [ 02-12-2007 - 12:02:36 ]

อืม ก็ คงจะยัง ไม่ครบหรอกครับ ที่อ่านๆมา ก็ น่าจะมีหลงอยู่ ได้ครับ

เดี๋ยวหาไหน



กระบี่สายฟ้า
#17   กระบี่สายฟ้า    [ 02-12-2007 - 12:06:46 ]

แต่อยากได้ประวัติทุกสํานักในไตรภาคมังกรหยกเลย....อ่า



ยาจกอุดร
#18   ยาจกอุดร    [ 02-12-2007 - 12:08:31 ]

ครับ เดี๋ยาหาไห้



ยาจกอุดร
#19   ยาจกอุดร    [ 02-12-2007 - 12:13:50 ]

สำนักสราญรมย์ไม่ปรากฏผู้ก่อตั้ง แต่ในยุคของแปดเทพอสูรมังกรฟ้า อู๋หยาจื่อดำรงตำแหน่งประมุขพรรค โดยมีนางเฒ่าทาริกาเทียนชัว ประมุขวังคฤธรศักดิ์สิทธิ์ เป็นศิษย์พี่ ลี้ชิวจุ้ยสนมของฮ่องเต้ซีเซี่ยเป็นศิษย์น้อง ต่อมาอู๋หยาจื่อถูกเต็งชุนชิวศิษย์ทรยศทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส บอบช้ำภายใน จนต้องรักษาตัว ภายหลังถ่ายทอดพลังฝีมือเจ็ดสิบปี และตำแหน่งประมุขให้ซิจุ๊ เพื่อให้ไปล้างแค้นปราบเต็งชุนชิว


วิชาฝีมือ

ลมปราณภูติอุดร

ท่าเท้าท่องคลื่น

หัตถ์หกสุริยันเทียนซัว

พลังไร้ลักษณ์


สำนักอื่นๆ ก็เขียนไวเเล้วนะครับ



ยาจกอุดร
#20   ยาจกอุดร    [ 02-12-2007 - 12:15:39 ]

ครับ

แปดเทพอสูรมังกรฟ้า (จีนแต้จิ๋ว: เทียนเล้งโป๊ยโป๋ว ; จีนกลาง: 天龍八部เทียนหลงปาปู้ ; อังกฤษ: Demi-Gods and Semi-Devils) เป็นนิยายกำลังภายในของกิมย้ง

จำลอง พิศนาคะ แปลเรื่องนี้ในชื่อ มังกรหยก ภาค 5 เพื่อให้เข้าชุดกับมังกรหยก แต่ชื่อที่เป็นที่รู้จักมากกว่าคือ แปดเทพอสูรมังกรฟ้า ซึ่งเป็นฉบับแปลของ น. นพรัตน์

"แปดเทพอสูรมังกรฟ้า" เป็นผลงานลำดับที่ 11 ของกิมย้ง นับตั้งแต่ชื่อเรื่อง และที่มาของแรงบันดาลใจ แสดงความใฝ่ใจในพุทธศาสนาของเขา ชื่อภาษาจีน "เทียนหลงปาปู้" หมายถึง เทพและอมนุษย์ 8 จำพวก ในตำนานของพุทธศาสนานิกายมหายาน ซึ่งมีอิทธิฤทธิ์เฉพาะตนแตกต่างกันไป ประกอบด้วย

1. เทพ เป็นผู้มีบุญกุศล อาศัยอยู่ในสวรรค์ที่พรั่งพร้อม และอิ่มทิพย์ ทว่า ยังไม่อาจละกิเลสจากโลกียสุข เช่น ยังอยากได้หญิงงามของอสูร เป็นต้น

2. อสูร เป็นอมนุษย์ในภพภูมิที่หยาบกว่าเทพ หากเป็นชายจะสุดอัปลักษณ์ หากเป็นหญิงจะมีรูปโฉมสะคราญ อสูรมักทำสงครามกับเทพบ่อยครั้ง เพราะต่างริษยาในกันและกัน อสูรอยากได้สวรรค์และความอิ่มทิพย์ของเทพ เทพอยากได้นางงามและภักษาหารรสโอชาของอสูร ต่างสัประยุทธ์กันจนฟ้าดินปั่นป่วน

3. มังกร หรือนาค เป็นผู้สืบทอดพิทักษ์ศาสนา เปรียบกับพระชั้นผู้ใหญ่ หรืออุปถัมภกคนสำคัญ

4. ครุฑ เป็นนกที่ยิ่งใหญ่ เมื่อกางปีกออกจะครอบคลุมดินฟ้าสามแสนหกหมื่นลี้ และมีฤทธิ์มาก สามารถสร้างความสั่นสะเทือนให้แผ่นดินและจักรวาลได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ในหนึ่งวัน ต้องกินมังกร 1 ตัว และลูกมังกร 500 ตัวเป็นอาหาร มักกล่าวกันว่า วีรบุรุษคนสำคัญคือครุฑมาเกิด

5. ยักษ์ เป็นภูตประเภทหนึ่ง อยู่ระหว่างพรมแดนของเทพ อสูร และมนุษย์ มีความแข็งแรง คล่องแคล่ว เป็นกำลังที่เคลื่อนไหวได้ทั้งดีและชั่ว บางยักษ์ช่วยคุ้มครองมนุษย์ บางยักษ์ชอบจับมนุษย์กิน

6. คนธรรพ์ เป็นเทพมังสวิรัติ ไม่แตะต้องเนื้อสัตว์สุรา แต่หลงใหลในความงามและกลิ่นหอม ส่วนตนมีฉายาและกลิ่นหอมชวนให้ผู้คนลุ่มหลง ทั้งยังแปลงกายเปลี่ยนรูปได้สุดหยั่งคะเน

7. กินนร เป็นเทพที่ชอบร้องรำทำเพลง และสร้างสีสันสำราญใจให้แก่ชาวสวรรค์

8. มโหราค เป็นอมนุษย์ชั้นต่ำต้อยที่สุด บ้างมีลำตัวเป็นมนุษย์ ศีรษะเป็นงู บ้างมีลำตัวเป็นงู ศีรษะเป็นมนุษย์ มีฤทธิ์มาก แต่ไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยวด้วยนัก

เทพอสูร 8 เหล่าในความเปรียบทางธรรม ยังหมายถึง ความเปิดกว้างโดยเมตตาของพระพุทธศาสนา ซึ่งไม่ว่าเผ่าพันธุ์วรรณะใด ล้วนมีสิทธิที่จะสดับฟังธรรมะของพระพุทธเจ้า สามารถแสวงหาความเข้าใจ ความหลุดพ้นจากทุกข์ และบรรลุธรรมได้โดยเสมอภาคกัน

กิมย้งเขียนเรื่องแปดเทพอสูรมังกรฟ้าในปี พ.ศ. 2506-2510 และปรับปรุงพิมพ์เป็นเล่มในปี พ.ศ. 2521 ฉบับภาษาไทย จำลอง พิศนาคะ แปลสำนวนแรกในปี พ.ศ. 2522 ใช้ชื่อว่า "มังกรหยกภาคบริบูรณ์" แต่เนื้อหาและเหตุการณ์ตามท้องเรื่องไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับมังกรหยกทั้ง 3 ภาคเลย ฉากหลังเป็นประวัติศาสตร์ช่วงก่อนมังกรหยกภาคแรกประมาณ 100 ปี

ก่อนหน้านั้น ราชวงศ์ซ้อง (ซ่ง) ดำเนินนโยบายลิดรอนอำนาจขุนศึก และนิยมลัทธิขงจื๊อใหม่ กำลังของส่วนกลางจึงไม่เข้มแข็งนัก ช่วงเวลาตามท้องเรื่องแปดเทพอสูรมังกรฟ้า แผ่นดินจีนแบ่งออกเป็น 5 อาณาจักร ของหลายชนเผ่า

ตรงกลางคือต้าซ้องของชาวฮั่น ด้านเหนือคือต้าเหลียวของชาวชี่ตัน ด้านใต้คือต้าหลี่ ด้านตะวันตกเฉียงเหนือคือซีเซี่ย และด้านตะวันตกเฉียงใต้คือถู่ฝาน ต่างฝ่ายต่างอยากกลืนอาณาจักรอื่น และอาณาจักรที่ล่มสลายไปแล้วอย่างเยี่ยน ก็มีคนคิดฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ศึกสงครามจึงไม่สงบโดยง่าย

ตัวละครมีมาก เรื่องราวก็ซับซ้อน กิมย้งใช้วิธีเล่าถึงทีละคน ทีละเหตุการณ์ ไล่เรียงกันไป หากอุปมาเทพอสูร 8 เหล่า เป็นตัวละครต่างๆ อาจเปรียบได้ว่า

1. เทพ คือ ต้วนเจิ้งหมิง-ฮ่องเต้ต้าหลี่ ต้วนเจิ้งฉุน-อ๋องต้าหลี่ และ เยลุกี-ฮ่องเต้ต้าเหลียว เป็นผู้มีบุญบารมี แต่ยังไม่อาจละวาสนาติดพัน เช่น ต้วนเจิ้งหมิงไม่อาจละพันธะที่ผิดต่อต้วนเหยียนชิ่ง ต้วนเจิ้งฉุนไม่อาจละหญิงงามได้สักนาง และเยลุกีก็อยากรุกรานแผ่นดินต้าซ้อง

2. อสูร คือ ต้วนเหยียนชิ่ง-ผู้ถูกตัดสิทธิ์ในบัลลังก์ต้าหลี่อย่างไม่เป็นธรรม มู่หยงป๋อกับมู่หยงฟู่-บุตรชาย ยึดมั่นกับอาณาจักรที่ล่มสลายไปแล้ว จึงสร้างเวรก่อกรรมเพื่อทวงคืนสิ่งนั้น

3. มังกร คือ เจ้าอาวาสวัดเทียนหลง ซึ่งชักนำต้วนเจิ้งหมิงให้สละบัลลังก์ใฝ่หาความสงบทางธรรม หรือเสียนขู่ไต้ซือแห่งวัดเส้าหลิน สมณะผู้สั่งสอนวิทยายุทธ์และปลูกฝังคุณธรรมให้แก่เฉียวฟง และอู๋หมิงไต้ซือ ช่วยคลี่คลายความแค้นระหว่างเซียวหยวนซานกับมู่หยงป๋อ

4. ครุฑ คือ เฉียวฟง-ยอดคนผู้ยิ่งใหญ่และรันทด

5. ยักษ์ คือ เหล่าจอมยุทธ์ฝีมือร้ายกาจ บ้างดี บ้างร้าย บ้างทั้งดีและร้าย อย่างบรรดาชาวยุทธ์ที่บางครั้งถูกปลุกปั่นให้ทำร้ายคนบริสุทธิ์ด้วยความเข้าใจผิด

6. คนธรรพ์ คือ ต้วนอี้-ผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร เพียงหลงใหลในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เหมือนกับซีจุ๊-หลวงจีนที่ทำผิดวินัยสงฆ์โดยไม่ตั้งใจ ต่อมาได้เป็นราชบุตรเขยของอาณาจักรซี่เซี่ย

7. กินนร คือ เหล่านางงามของต้วนเจิ้งฉุน และบุตรสาวทั้งหลายของเขา ซึ่งงามหยดย้อย แต่ชีวิตเป็นทุกข์นัก เพราะต่างไม่อาจครองรักไว้คนเดียว

8. มโหราค คือ โหยวตั้นจือ เป็นคนมีฝีมือ แต่น่าสงสารที่สุด เพราะขาดปัญญาชี้นำที่ถูกต้อง เขาหลงใหลในสตรีนางหนึ่ง แต่นางกลับทำลายใบหน้าของเขาจนอัปลักษณ์ และเอาเปรียบโดยตลอด

ตัวละครแต่ละจำพวก คล้ายต่างคนต่างอยู่ และมีปัญหาต่างกัน แต่กลับเชื่อมโยงเกี่ยวข้องและประหวัดเป็นปมเดียวกัน จากการมองพ้นคุณธรรมน้ำมิตรของชาวยุทธ์ ลดขนาดความสำคัญของประธานและกรรมในเรื่องเล่าให้เล็กลง แล้วหันมามองว่าแต่ละคน แต่ละเหตุการณ์ มีส่วนประกอบของปัจจัยอะไรบ้าง สืบเนื่องกันมาอย่างไร และแสดงธรรมชาติของมนุษย์ในสภาวการณ์หนึ่งอย่างไร

แปดเทพอสูรมังกรฟ้าจึงไม่ใช่นิยายกำลังภายในที่ว่าด้วยการต่อสู้ระหว่างธรรมะกับอธรรม หากเป็นการต่อสู้ระหว่างคนกับชีวิตที่เป็นทุกข์จากกิเลสที่แตกต่างกัน และแปรเปลี่ยนไปสุดจะหยั่ง

==เรื่องย่อ==แปดเทพอสูรมังกรฟ้า




  • 1
  • 2
ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube