สามก๊กฉบับคนกันเอง
เอื้อ อัญชลี eur_unchalee@yahoo.com
ชายเหนือชาย
ปลายยุคฮั่นตะวันออก เมืองเองฉวนเกิดภัยพิบัติจากโรคระบาด ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ที่เหลือต่างก็ต้องแก่งแย่งเอาชีวิตรอด
ชายฉกรรจ์ส่วนใหญ่หนีความยากแค้นด้วยการสมัครเป็นทหาร แต่เด็กหนุ่มคนหนึ่งชื่อ เตียวเหยียง มีร่างกายผ่ายผอมไม่แข็งแรง เขาจึงคิดจะกระโดดแม่น้ำตาย แต่แล้วขณะที่มองเห็นเงาของตัวเองกระเพื่อมไหวไปมาอยู่ในสายน้ำไหล คล้ายกำลังหัวเราะ เขาก็เกิดความอาลัยในชีวิต
แล้วเขาก็ตัดสินใจเดินทางมุ่งหน้าสู่นครหลวงลกเอี๋ยง เพื่อแจ้งความจำนงสมัครเป็นขันที
เตียวเหยียงกับชายหนุ่มที่มีความจำนงเดียวกันต้องถูกกักตัวไว้ 3 วัน ให้งดอาหาร และดื่มได้แต่น้ำเปล่า ระหว่างนั้นหลายคนเปลี่ยนใจหนีไป แต่เตียวเหยียงยังคงยืนยัน จนเช้าวันที่ 4 เขาจึงถูกนำตัวไปยังห้องทำการ ขึ้นไปนอนบนเตียง มือเท้าทั้ง 4 ล็อคแน่นด้วยห่วงเหล็ก ก่อนจะยัดไข่ต้มเข้าปาก เจ้าพนักงานจะถามอีกครั้งว่าแน่ใจไหม เตียวเหยียงไม่เปลี่ยนใจ มีดคมคล้ายเคียวจึงตวัดฉับเดียวอย่างไม่ลังเล
ขันทีคือเจ้าพนักงานในพระราชวังจีนโบราณ ซึ่งเข้าออกได้ทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน ดังนั้น จึงต้องมีธรรมเนียมตัดเครื่องเพศเสียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้มีสัมพันธ์กับนางใน
เนื่องจากขันทีรับใช้ใกล้ชิดเจ้านายชั้นสูง ดังนั้น จึงเป็นกลุ่มคนที่มีโอกาสอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางของอำนาจมากที่สุดด้วย
ขันทีบางคนมีความสามารถ ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ แต่ขันทีส่วนใหญ่มีพื้นฐานมาจากความด้อยโอกาสในการพัฒนาตนเอง และขาดความรู้ บางคนจึงใช้โอกาสนี้แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ โดยเฉพาะในยุคสมัยที่ฮ่องเต้อ่อนแอ มักจะมีขันทีฉวยโอกาสครอบงำอำนาจในราชสำนัก และแทรกแซงระบบการปกครอง จนเป็นต้นเหตุแห่งการล่มสลายของหลายราชวงศ์ในประวัติศาสตร์
เฉกเช่นเตียวเหยียง ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น 1 ในกลุ่ม 10 ขันที อันประกอบด้วย เทาเจียด เตียวต๋ง ฮองสี ต๋วนกุย เหาลำ เกียนสิด เห้หุย ก๊กเสง และ เซียกง คนเหล่านี้ร่วมมือกันกินสินบน อันเป็นเสมือนการกัดกินความมั่นคงของราชสำนักฮั่นทีละคำ ทีละคำ จากเปลือกนอกถึงแก่นแกน จนกลไกบริหารราชการเป็นอัมพาต และเสื่อมทรุดพังทลายลงในที่สุด
10 ขันทีฮึกเหิมกระทั่งสังหารโฮจิ๋น-แม่ทัพใหญ่ กลุ่มนายทหารจึงพากันบุกเข้าไปล้างผลาญอิทธิพลของเหล่าขันที จนเลือดแดงฉานไปทั่วท้องพระโรง
เตียวเหยียงพาฮ่องเต้น้อย 2 พระองค์ เป็นตัวประกันหนีออกจากพระราชวัง ไปจนมุมอยู่ริมแม่น้ำสายหนึ่ง เตียวเหยียงมองเงาของตัวเองกระเพื่อมไหวอยู่ในสายน้ำ เห็นเป็นความผกผันของชีวิต แล้วกล่าวว่า อยู่มาจนถึงป่านนี้นับเป็นกำไรนักแล้วมิใช่หรือ และเลือกที่จะจบชีวิตลง ด้วยการกระโดดลงไปในแม่น้ำ
ตามตำนานเล่ากันว่า ชาวบ้านละแวกนั้นไม่ยอมแตะต้องน้ำในแม่น้ำสายนั้นอยู่นานนับปี
กิมย้งแต่งเรื่อง "กระบี่เย้ยยุทธจักร" ขึ้นมาโดยไม่ระบุชัดว่าฉากหลังเป็นยุคสมัยใด ด้วยต้องการเสนอธรรมชาติของมนุษย์อันมีลักษณะเป็นสากล โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า "นับแต่โบราณกาลมา ไม่ทราบมีวีรบุรุษผู้กล้ามากน้อยเท่าใดยากผ่านด่านอำนาจได้ อย่าว่าแต่เป็นฮ่องเต้ ในยุทธจักรที่เกิดการแก่งแย่งชิงดี ปั่นป่วนด้วยมรสุม ล้วนสืบเนื่องจากคำ "อำนาจ" ทั้งสิ้น"
แม้วิทยายุทธ์ในนิยายกำลังภายในของกิมย้งจะเป็นเพียงจินตนาการ แต่มักจะแฝงไว้ซึ่งหลักคิดอันคมคาย อย่างในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักร วิชาที่ชาวยุทธ์ร่ำลือกันว่าเป็นยอดเหนือวิทยายุทธ์อื่นใด และต่างแย่งชิงกันครอบครองเพื่อความเป็นใหญ่ คือ "คัมภีร์ทานตะวัน"
300 ปีก่อนเหตุการณ์ในเรื่อง ขันทีในราชสำนักคนหนึ่งคิดค้นคัมภีร์ทานตะวันขึ้น
100 ปีต่อมา คัมภีร์นี้เก็บรักษาไว้ที่วัดเส้าหลิน แต่ไม่เคยมีผู้ใดฝึกสำเร็จ
กระทั่งศิษย์สำนักหัวซาน 2 คน ลอบมาศึกษา และแบ่งกันท่องจำคนละท่อน ครั้นกลับถึงสำนักจึงบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ต่างคนต่างตีความไม่กระจ่าง
วัดเส้าหลินรู้ข่าวจึงส่งพระลูกวัดมาเกลี้ยกล่อมไม่ให้คนทั้งสองฝึกวิชาในคัมภีร์
แต่นักบวชรูปนี้เกิดกิเลส อ้างว่าจะอรรถาธิบายคัมภีร์ให้สองคนเข้าใจ แล้วลอบบันทึกเนื้อความเอาไว้ในจีวรของตัวเอง
แล้วหลวงจีนผู้นั้นก็ไม่ได้กลับวัดอีกเลย แต่สึกสู่เพศฆราวาสนามหลินหยวนถู เขาตีความคัมภีร์นั้นเป็น "คัมภีร์เพลงกระบี่พิชิตมาร" และเมื่อฝึกสำเร็จแล้ว เขาได้ก่อตั้งสำนักคุ้มภัย และมีชื่อเสียงเลื่องลือ
ส่วนศิษย์สำนักหัวซาน 2 คน ต่างแตกแยกกันเองตามการตีความคัมภีร์ จนสำนักหัวซานแบ่งออกเป็น 2 สาย คือสายลมปราณ กับสายกระบี่ และต่อสู้ประหัตประหารกัน ผลปรากฏว่าสายกระบี่เป็นฝ่ายปราชัย
ภายหลัง คนของพรรคมารรุกรานสำนักหัวซาน และช่วงชิงเอาคัมภีร์ทานตะวันไปได้
และผู้ที่ฝึกคัมภีร์นี้จนสำเร็จก็คือ ตงฟางปุ๊ป้าย
กิจการสำนักคุ้มภัยบ้านสกุลหลินมีชื่อเสียงเลื่องลือด้วยเพลงกระบี่อันร้ายกาจของหลินหยวนถู หากบุตรหลานในรุ่นต่อมากลับมีวิชาฝีมืออ่อนด้อย จนเหลือเพียงทายาทคนสุดท้ายคือ หลินผิงจือ
ก่อนที่พ่อแม่ของหลินผิงจือจะโดนบีบบังคับจนตาย พวกเขาบอกความลับฝากมากับเล่งฮู้ชง เพื่อบอกต่อแก่หลินผิงจือ ด้วยนิสัยของเล่งฮู้ชง แม้มีโอกาสครอบครองคัมภีร์ล้ำค่า เขาไม่ยอมช่วงชิงของผู้อื่นเด็ดขาด
ต่างจากอาจารย์ของเขา คือ งักปุ๊กคุ้ง-เจ้าสำนักหัวซาน ซึ่งได้รับฉายา "กระบี่ผู้ดี" จึงไม่มีใครสงสัยในท่าทีว่าเขาคิดครอบครองคัมภีร์เพลงกระบี่พิชิตมารของบ้านสกุลหลินอยู่เหมือนกัน แต่ในที่สุดยอดแห่งวิทยายุทธ์ที่ทุกคนล้วนแย่งชิงก็มาตกอยู่กับคนผู้นี้
เมื่องักปุ๊กคุ้งคลี่ผ้าย้อมฝาดผืนนั้นออกมาศึกษา เขาก็ต้องผงะหงาย
เพราะเคล็ดลับสำคัญของการฝึกวิทยายุทธ์อันสุดยอดนี้ระบุว่า "คิดหวังเป็นใหญ่เหนือผู้คน สะบัดกระบี่ตอนตัวเอง"
นับว่ากิมย้งเสียดเย้ยความหลงผิดในอำนาจด้วยภาพพจน์อันรุนแรงยิ่ง เพื่อแสดงให้เห็นว่าความหลงผิดพาให้คนกลายสภาพไปเป็นอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเอง
คัมภีร์ทานตะวันสำคัญที่การใช้พลังอำนาจอย่างไม่มีขีดจำกัด อันเนื่องมาจากกำลังภายในที่ไร้ขอบเขต ด้วยปราศจากแก่นแกนเป็นเครื่องเหนี่ยวยึด
หลินหยวนถู เคยเป็นพระผู้ละกิเลส เห็นพลังอำนาจของคัมภีร์แล้วเกิดความลุ่มหลงจนสุดระงับใจ แต่ด้วยเคยขัดเกลาตนในวิถีแห่งธรรมมาก่อน แม้ฝึกคัมภีร์เพลงกระบี่พิชิตมารสำเร็จแล้วเขายังเกิดสำนึก ก่อตั้งสำนักคุ้มภัย ตกแต่งภรรยา รับบุตรบุญธรรม ปิดบังความผิดปกติด้วยการประพฤติตนให้เป็นที่ยอมรับของชาวยุทธ์ และกำชับคนรุ่นต่อมาว่า ห้ามศึกษาคัมภีร์นี้เด็ดขาด
ตงฟางปุ๊ป้ายเคยยืนอยู่ในฐานะประมุขพรรคสุริยันจันทรา หลังจากฝึกคัมภีร์ทานตะวันสำเร็จแล้ว เขากลับกลายเป็นคนซ่อนตน อยู่แต่ในห้องหอบนผาไม้ดำ ปล่อยให้พ่อบ้านหยางเหลียนถิงเป็นผู้ดูแลกิจการภายนอกทั้งหมด ส่วนตนเองเฝ้าเย็บปักถักร้อย และรอคอยหยางเหลียนถิงกลับจากทำงาน เพื่อจะได้ปรนนิบัติเขา
งักปุ๊กคุ้งฝึกคัมภีร์เพลงกระบี่พิชิตมารสำเร็จแล้ว ต้องปิดบังคนอื่นเช่นกัน ด้วยการดัดเสียงห้าว และติดหนวดปลอม แต่คนใกล้ชิด เช่น ภรรยา ย่อมเห็นผิดสังเกต จึงขอร้องให้เขาเลิกฝึก และทำลายคัมภีร์เสีย
งักปุ๊กคุ้งแกล้งโยนคัมภีร์ทิ้งลงเขา เพราะเขาไม่ต้องการมันแล้ว แต่คัมภีร์ไปตกอยู่กับหลินผิงจือ ซึ่งไม่ลังเลเลยที่จะศึกษา และเกิดความลุ่มหลง จนลืมตัว ทั้งที่ต้องแต่งงานกับ งักเล้งซัง
หลินผิงจือเคยเป็นสุภาพบุรุษ และอ่อนโยน แม้ฝีมืออ่อนด้อยยังเข้าช่วยเหลืองักเล้งซังที่ปลอมตัวเป็นหญิงอัปลักษณ์และถูกลวนลามในโรงเตี๊ยม แต่หลังจากฝึกคัมภีร์เพลงกระบี่พิชิตมารสำเร็จแล้ว เขากลับเป็นคนโหด...ม ไร้เมตตา ทำร้ายงักเล้งซังถึงแก่ความตาย ด้วยอาการเย็นชายิ่ง
ภายหลัง เมื่อเล่งฮู้ชงได้เห็นชีวิตที่ผิดเพี้ยนจากการสูญเสียจิตวิญญาณให้แก่เดรัจฉานวิชา ทั้งจอมมารตงฟางปุ๊ป้าย อาจารย์งักปุ๊กคุ้ง และศิษย์น้องหลินผิงจือ เขาจึงรู้ถึงที่มาของคัมภีร์ทานตะวันและคัมภีร์เพลงกระบี่พิชิตมาร ว่ามีต้นกำเนิดอย่างเดียวกัน
เล่งฮู้ชงฝึกเพลงกระบี่สำนักหัวซานสายลมปราณกับงักปุ๊กคุ้งมาอย่างเข้มงวดเป็นเวลาสิบกว่าปี เน้นกระบวนท่าใช้กำลังภายในควบคุมกระบี่ นึกไม่ถึงว่าอาจารย์ปู่ฟงชิงหยางจะแนะนำให้เขาปล่อยใจละกระบวนท่าเสีย
เขาได้รับการถ่ายทอดวิชา "เก้ากระบี่เดียวดาย" ของ ต๊กโกวฉิวป้าย-มารกระบี่เดียวดายแสวงพ่าย จากอาจารย์ปู่ฟงชิงหยาง ซึ่งเป็นวิชาที่ไม่อาจบันทึกเป็นคัมภีร์ แต่ต้องถ่ายทอดจากใจถึงใจ เมื่อเข้าใจแก่นแกนแล้วก็จะพลิกแพลงได้ไม่รู้จบ เป็นเพลงกระบี่ที่ออกใช้ด้วยปัญญาอันปราดเปรียว เป็นอิสระจากการใช้กำลัง ทั้งกำลังภายใน และช่วยรักษาจิตเดิมแท้ตามธรรมชาติของตนเองด้วย
หากก๊วยเจ๋งเป็นภาพพจน์ของความเข้มงวดในการขัดเกลาตนเองแบบ "ขงจื๊อ" เอี้ยก้วยเป็นภาพพจน์ของการดำเนินตามวิถีธรรมชาติแบบ "เต๋า" และเตียบ่อกี้เป็นภาพพจน์ของเมตตาธรรมแบบ "พุทธ" ซึ่งเกิดจากจิตเดิมแท้ที่มองเห็นโลกเป็นองค์รวมและไม่แบ่งแยก
ถ้าเปรียบเช่นนั้นเล่งฮู้ชงคงเป็นภาพพจน์ของ "เซน"
เซน-บูรณาการแบบแผนการควบคุมตนอย่างขงจื๊อ การวางตนให้สอดคล้องตามกฎธรรมชาติอย่างเต๋า และการมุ่งตรงสู่ธรรมชาติแห่งโพธิอย่างพุทธเข้าด้วยกัน ไม่เน้นคัมภีร์ แต่เน้นปฏิบัติธรรมด้วยการกำหนดพิจารณาจิต กระทั่งสัจธรรมเผยออกมาจากภายในตนเอง
พุทธศาสนานิกายเซนพัฒนารูปแบบและเนื้อหาโดยสมบูรณ์ในประเทศจีน แต่อุบัติขึ้นตั้งแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว
เมื่อครั้งที่พระพรหมถวายดอกบัวแก่พระพุทธเจ้า และอาราธนาให้ทรงแสดงธรรม พระพุทธเจ้าทรงหยิบดอกบัวชูขึ้นแล้ววางลง เหล่าพระสาวก ณ ที่นั้นต่างติดข้องไม่เข้าใจ
มีเพียงพระมหากัสสปะที่บรรลุแจ้งโดยฉับพลัน และแสดงออกด้วยอาการยิ้ม
บทความนี้เริ่ดจัง มาอ่านเร้ว
|
กูตู | |
|
สปอยล์เนื้อเรื่องไปเยอะแล้ว ใครไม่เคยอ่านไม่เคยดู กระบี่เย้ยพึงระวังจะเสียอรรถรส เรื่องนี้มีคนตอนตัวเอง 3 ตอนเองแต่ไม่มีบท เป็นเพียงถูกกล่าวถึงอีก 1 โดนตอนอีก 1 เอ๊ะ เข้าใจว่าเซน เกิดจากการรวมแนวคิด พุทธ เต๋า ขงจื๊อ ไว้ด้วยกัน แต่ เกิดในญี่ปุ่น ไม่น่าจะใช่จีนนะ |
o เทพกระบี่ o |
#6 o เทพกระบี่ o [ 06-09-2007 - 11:32:35 ] |
|
o เทพกระบี่ o |
#7 o เทพกระบี่ o [ 06-09-2007 - 11:34:11 ] |
|
สวย | |
|
เดี๊ยนว่า สงสัยจะไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆกันนะค๊า แบบว่าไม่ได้รับความสนใจย์ |
ต้นฉบับ | |
|
คนไทยอ่านหนังสือวันละ 6 บรรทัดเองครับ จะคาดหวังอะไรมาก |
boy5753 |
#11 boy5753 [ 11-09-2007 - 19:37:52 ] |
|
ไปเล่นแฟนพันธ์แท้ก่ะผมดีก่า คุณสวย ไม่ค่อยมีคนสนใจเหมือนกัน |
อีเต่า.......... | |
|
สนุกดีออกครับ ผมอ่านพวกประวัติศาสตร์ ของในบอร์ดอื่นยังง่วงเลย อ่านไปไม่เท่าไรเวียนหัวเเล้วก็เลิก อ่านจบก็มีเเค่เรื่องซูสีไท่โฮ่ว vsบูเช็คเทียน ผมว่ามันน่าสนใจนะ (ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน) |
อีเต่า.......... | |
|
เรื่องนี้สนุกดี ขอรับ |
จอมยุทธ์มังกรน้อย |
#14 จอมยุทธ์มังกรน้อย [ 22-09-2007 - 13:03:38 ] |
|
อ่านแล้วเสียว ..... จริงๆเลย |
ทดลอง | |
|
ตัวหนา ตัวเอียง ขีดเส้นใต้ สีแดง สีเขียว สีเทา |
|