เข้าระบบอัตโนมัติ

ทดสอบเเฟนพันเเท้เกี่ยวกับดาบมังกรหยก


  • 1
mintpooh
#1   mintpooh    [ 20-07-2007 - 15:28:06 ]    IP: 124.121.129.217

1.คัยเปนคนก่อตั้งบู๊ตึง2.คัยเปนอาจารของเตียซำฮง3.เตียซำฮงกับ่อดกี้เคยไปยืนหน้าวัดเส้าหลินอยากรุว่าปัยทามมาย4.เตียบ่อกี้เคยโดนฝ่ามืออารายตอนเปนเด็ก5.ตอน6.สำนักไหญ่บุกเขากวงเม้ง(พรรคเม้งก่า)เตียบ่อกี้ยอมรับฝ่ามือมิกจ๊อซื้อไท้กี่ฝ่ามือ



ประจิมคลุ้มคลั่ง
#2   ประจิมคลุ้มคลั่ง    [ 20-07-2007 - 15:48:15 ]

ลองตอบดู
1. เตียซำฮง
2. กั๊กเอี้ยงใต้ซือ
3. ไปขอคัมภีร์เก้าเอี้ยงเพื่อรักษาเตียบ่อกี้(มั้ง)
4. ฝ่ามือภูติเร้นลับ
5. 3 ฝ่ามือ เปงคำตอบสุดท้าย




mintpooh
#3   mintpooh    [ 20-07-2007 - 15:49:51 ]    IP: 124.121.129.217

เก่งมากเรยจร้า



ประจิมคลุ้มคลั่ง
#4   ประจิมคลุ้มคลั่ง    [ 20-07-2007 - 15:52:18 ]

ดูมันง่ายๆอย่างไงไม่รู้



ชุนเฮง
#5   ชุนเฮง    [ 20-07-2007 - 20:27:50 ]    IP: 125.27.18.115

ข้อ3 เพราะเตียซำฮงไปขอคำภีร์ล้างไขกระดูกไม่ใช่หรอคับ




vมังกรหลับv
#6   vมังกรหลับv    [ 20-07-2007 - 20:29:42 ]

ง่ายไปคับ



จิงจิงนะจะบอกให้
#7   จิงจิงนะจะบอกให้    [ 20-07-2007 - 20:44:49 ]    IP: 58.64.66.37

แล้ว วิชาไทเก็ก ในสมัยนี้กับสมัยก่อนต่างกันยังไงคับ
และก็ปรมจารย์เตียซำฮงถึงแก่กรรม ตอนไหนคับ



ประจิมคลุ้มคลั่ง
#8   ประจิมคลุ้มคลั่ง    [ 20-07-2007 - 21:26:51 ]

ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ หลักการเดียวกันคือใช้อ่อนสยบแข็ง ในสมัยนี้คนส่วนใหญ่ฝึกไทเก็กเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ฝึกสมาธิ ฝึกการหายใจ เหมือนๆโยคะ ประมาณนั้น
ส่วนปรมาจารย์เตียซำฮงถึงแก่กรรมเมื่อไหร่ไม่มีบรรทึกไว้ แต่เป็นบุคคลที่มีอยู่จริงที่มีอายุกว่า 200 ปีครับ



vมังกรหลับv
#9   vมังกรหลับv    [ 20-07-2007 - 21:29:12 ]

เป็นบุคคลที่มีอยู่จริงนั่นใช่คับ แต่ผมคิดว่ามีอายุประมาณ 200 ปีนั่นคงไม่ใช่คับ คงเป็นตำนานหรือเรื่องเล่ามากกว่านะ



ประจิมคลุ้มคลั่ง
#10   ประจิมคลุ้มคลั่ง    [ 20-07-2007 - 22:31:42 ]

คิดว่าอยู่ถึงเป็นเรื่องจริงครับ เพราะเตียซำฮงเกิดเมื่อวันที่ 9 เมษายน ค.ศ. 1247 ในสมัยปลายราชวงศ์ซ้อง มีชื่อเสียงในราชวงศ์หยวนและอยู่ถึงราชวงศ์หมิง และหายหน้าไปจากหน้าประวัติศาสตร์จีนหลังปี
ค.ศ.1459 ก็น่าจะเลย 200 แล้วหลังนับดู แต่ผมเชื่อว่าสิ่งที่คนสมัยนี้ทำไม่ได้เป็นสิ่งที่คนในคนสมัยก่อนทำได้ และมีให้เห็นอย่างเด่นชัด



vมังกรหลับv
#11   vมังกรหลับv    [ 20-07-2007 - 23:06:51 ]

จะเป็นไปได้หรือ ถ้าเป็นไปได้ทำไมไม่มีบันทึกไว้ใน กิเนสบุ๊ค งะ



จิงจิงนะจะบอกให้
#12   จิงจิงนะจะบอกให้    [ 21-07-2007 - 00:21:59 ]    IP: 58.64.66.37

ถ้าจะลงกิเนสบุ๊คเขาต้องมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากกว่านี้มั้งคับ



ชุนเฮง
#13   ชุนเฮง    [ 21-07-2007 - 21:37:46 ]    IP: 125.27.12.69

ถามหน่อยคับว่า ตอนนี้พ่อของบ่กี้จะไปกับราชสีขนทองได้สลักตัวหนังสือไว้ที่หน้าผา มันเป็นคำว่าไรอะคับ



omega
#14   omega    [ 21-07-2007 - 22:13:11 ]    IP: 58.10.99.112

เทิดทูนทั่วหล้า ดาบฆ่ามังกร อิงฟ้าไม่มา ใครหาญกล้าต่อกร <-----รึปล่าวเอ่ย



จำไจหล่อ
#15   จำไจหล่อ    [ 21-07-2007 - 22:59:21 ]    IP: 58.64.67.84

ซินเจียยู่อี่ ซินนี่ฮวดไช้ คับเชื่อผม



omegakun
#16   omegakun    [ 21-07-2007 - 23:08:00 ]    IP: 58.10.99.112

แหมมม... ซะงั้นนะครับ คุณ จำใจหล่อ "เทิดทูนทั่วหล้า ดาบฆ่ามังกร อิงฟ้าไม่มา ใครหาญกล้าต่อกร " เตียชุ่ยซัวเขียนโดยใช้วิชาที่เตียซำฮงคิด
โดยเตียซำฮงคิดได้ตอนกลุ้มเรื่องศิษย์คนที่ 3 โดนทำร้ายเพราะดาบฆ่ามังกร เลยคิดถึงประโยค"เทิดทูนทั่วหล้า ดาบฆ่ามังกร อิงฟ้าไม่มา ใครหาญกล้าต่อกร " แล้ววาดมือเขียนอักษรในอากาศจนกลายมาเป็นวิทยายุทธชุดนี้ครับ



ป๊อป
#17   ป๊อป    [ 23-07-2007 - 00:52:02 ]    IP: 58.10.128.24

การก่อกำเนิดศิลปะมวยไทเก็กนั้น มีมากมายหลายทฤษฎีด้วยกัน แต่หลักฐานที่เชื่อถือและแพร่หลายมากที่สุดนั้นกล่าวกันว่า บรมครู จางซานฟง เป็นผู้วางรากฐานเพื่อบริหารร่างกายและมีผลกุศโลบายเกื้อกูลต่อการสร้างพลังจิต และสมาธิของท่าน เพราะท่านเป็นนักแสวงบุญในลัทธิเต๋า บำเพ็ญแสวงสัจธรรม อยู่กลางป่าเขา ในรัชสมัยแห่งราชวงศ์ หยวน (ค.ศ. 1279-1305)

บรมครู จาง ซาน ฟง ได้คอยเฝ้าสังเกตปรากฏการณ์ของธรรมชาติค้นพบหลักแห่งการอ่อนตามอันเป็นหลักใหญ่ของมวยไท้เก็กนี้ ซึ่งนับเป็นการค้นพบความจริงของปรากฏการณ์ธรรมชาติ บรมครู จาง ซาน ฟง ประยุกต์การเคลื่อนไหวของร่างกายเพื่อยังประโยชน์ทั้งร่างกายและจิตใจ “ศิลปะไท้เก็ก” จึงเป็นศิลปะที่กล่าวขวัญถึงกันในฐานะเป็นศิลปะที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก “บุรุษผู้แสวงหาสัจธรรม”

บรมครู จาง ซาน ฟง มาจากตระกูล เตีย จิน หยิน ในเมือง อี่จิว จังหวัด เลียงตัง ฉายาทางลัทธิเต๋า เรียกว่า ซาฮ่ง เป็นผู้มีร่างสูงใหญ่ สูง 7 ฟุต ท่าทีสง่างามเป็นผู้มีประกายแห่งความการุณย์ซุกซ่อนไว้ในดวงตา ชอบตกแต่งหนวดเคราทำผมเป็นมวยไว้กลางศีรษะ ชอบถือแส้ปัดฝุ่น สามารถเดินทางด้วยเท้าวันละ 1,000 ลี้ โดยไม่มีอาการเพลียให้ปรากฏ ปัจจัยในการดำรงชีพ เพียงหมวกก้วยเล้ยใบเดียวตามแบบฉบับของผู้บำเพ็ญพรตภาวนา

ในสมัยของไท้โจ่ว แห่งราชวงศ์เหม็ง ปี ค.ศ. 1369 ท่านเดินทางไปปลูกอาศรมด้วยตัวเอง ณ ภูเขาไท้ฮ้งซัว แห่งเมืองเสฉวน เพื่อเป็นอาศรมในการจำศีลภาวนา ต่อมาได้เดินทางต่อไป ในที่สุดก็พำนักรักษาศีล บำเพ็ญพรตอยู่ที่ภูเขาวูตังซัน จังหวัดเหอเป่ย ณ ที่นี้ท่านมีโอกาสสนทนาและเปิดเผยสัจจะ ตามลัทธิเต๋าแก่ชาวบ้าน จึงได้รู้จักวิสาสะกับชาวบ้านอย่างดี

เช้าวันหนึ่งขณะที่ท่านกำลังสวดสาธยายพระคัมภีร์ ภายในอาศรมเกิดได้ยินเสียงนกดุเหว่า หางยาว แผดร้องด้วยน้ำเสียงประหลาด เมื่อบรมครู จาง ซาน ฟง ลุกขึ้นมองออกไปทางหน้าต่าง ก็ได้พบเห็นการต่อสู้ระหว่างนกดุเหว่ากับงู นกเกาะอยู่บนกิ่งสนแสดงอาการดุดันเกรี้ยวกราด ดุจพญาเหยี่ยวผู้หิวโหยจ้องมองหาเหยื่อ ก้มตัวลงมา เพ่งสายตาไปยังงูซึ่งกำลังขดเป็นวงกลมอยู่บนพื้นดิน และจ้องไปยังนกดุเหว่าเช่นเดียวกัน ฉับพลันนกก็ส่งเสียงแผดร้องพร้อมกับโฉบลงตีปีกไปยังงู แต่งูสามารถหลบหลีกด้วยลักษณะสุขุมโดยส่ายหัวกลับไปกลับมา เป็นการหลบฉากอย่างนุ่มนวล ทำให้การโฉบทำร้ายของนกไร้ผล หลายคราวที่นกดุเหว่าโฉบกลับมาโจมตีงู ซึ่งตั้งรับด้วยความมั่นคง และรักษาตำแหน่งการเคลื่อนไหวเป็นวงกลม เคลื่อนไหวเฉพาะส่วนบน ต่างทำร้ายกันไม่ได้ บรมครู จาง ซาน ฟง สนใจการหลบหลีกอ่อนตามและการเคลื่อนไหวเป็นวงกลมของงู จึงเดินออกจากอาศรมเพื่อจะดูระยะใกล้แต่พอไปถึงสัตว์ทั้งสองก็หลบหนีหายกันไปแล้ว

บรมครู จาง ซาน ฟง ได้อาศัยหลักการต่อสู้ของงู ที่เคลื่อนตีวงกลม ผสมกับพลังที่แฝงมาในความนุ่มนวล แต่ปราดเปรียว รวมทั้งหลักของหยิน หยาง ในเรื่องของความแตกต่างระหว่างสองสิ่ง เช่น ดำ – ขาว แข็ง – อ่อน เป็นต้น รวมเข้าเป็นหลักการของไท้เก็กยังผลให้เกิดประโยชน์ยิ่งในการฝึกพลังสมาธิให้มั่นคง ทั้งควบคุมการหายใจให้สม่ำเสมอ เน้นไปในทางต่อเนื่องเปลี่ยนแปลง คือ ความเคลื่อนไหวหยุดนิ่ง เพิ่มและลดความเป็นกฎแห่งอนิจจัง บรมครู จาง ซาน ฟง ได้ริเริ่มเพิ่มพลังกายและสมาธิด้วยกระแสการเคลื่อนของร่างกาย ยิ่งผ่านกาลวันอันยาวนาน ไท้เก๊ก ก็ยิ่งได้รับการปรับปรุง ให้เกิดคุณประโยชน์แก่ผู้ฝึกฝนมากขึ้นโดยลำดับ

ไท้เก๊ก ได้สืบทอดต่อกันมาเรื่อย ต่อมาได้แตกแยกออกเป็น 2 แบบ คือ แบบใหม่ และเก่า ซึ่งได้ดัดแปลง ไปตามความนิยม แต่ยังคงเป็นมวยอ่อนอยู่ เฉินจางสิงเป็นผู้เผยแพร่แบบเก่า เฉินปูเยิ่นเป็นผู้เผยแพร่แบบใหม่ ทั้งเก่าและใหม่มีการเผยแพร่ กว้างขวางมากขึ้น ครั้งหนึ่ง เฉิน จาง สิง ได้รับเชื้อเชิญจากหมอขายยาที่มีชื่อไปสอนศิลปะมวยไท้เก๊กนี้แก่ลูกชายของตนเอง ระหว่างที่เฉิน จางสิง ถ่ายทอดศิลปะไท้เก๊กนี้ หยังหลู่ เจิน ซึ่งเป็นลูกจ้างคนหนึ่งของหมอขายยานั้น ได้สนใจและแอบดูการสอน แล้วปฏิบัติตาม จนเกิดความชำนาญเป็นพิเศษ เฉิน จาง สิง จึงรับไว้เป็นลูกศิษย์คนสำคัญหยังหลู่เจินได้ทำลายประเพณีการถ่ายทอดศิลปะเพียงภายในตระกูลเท่านั้น โดยการนำไปสอนแก่บุคคลภายนอก เขาได้ไปฝึกสอนที่ปักกิ่งจนมีชื่อเสียงมาก มีเรื่องเล่าถึงความมหัศจรรย์ในตัวเขามากมาย เช่นครั้งหนึ่งนักมวยหนุ่มคนหนึ่ง ชกเข้าที่ท้องของหยัง หลู่ เจิน หยัง หลู่ เจินระบายลมหายใจออกพร้อมกับหัวเราะ ทำให้นักมวยหนุ่มคนนั้นกระเด็นไปไกล 30 ฟุต หยังหลู่ เจิน ได้ถ่ายทอดศิลปะมวยไทเก็กให้กับองครักษ์ของจักรพรรดิ ทำให้ไท้เก็ก ได้แพร่กระจายออกไปอีกก้าวหนึ่ง หยัง หลู่ เจิน ได้ถ่ายทอดศิลปะมวยไท้เก๊กนี้ให้แก่ลูกชายทั้งสองของตน คือ เจียนโหว และปันโหว จากนั้นจึงเผยแพร่อย่างกว้างขวางโดยท่านหยังเฉิงฝู่ บุตรชายของ หยังเจี้ยนโหว

ปัจจุบันนี้ศิลปะมวยไท้เก็กได้แพร่กระจายไปทั่วโลกแล้ว



จอมยุทธ์มังกรน้อย
#18   จอมยุทธ์มังกรน้อย    [ 24-07-2007 - 12:38:28 ]

1. จางซานฟง
2. กักเอี้ยงไตซือ
3.ไปพอเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินเพื่อให้เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินใช้พลังวเก้าเอี้ยงขับพิษเย็นใจให้ แต่หารู้ไม่ว่าเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินไม่มีวิชาเก้งเอี้ง อิอิ
3.ฝ่ามือยมโลก หรือฝ่ามือภูติเล้นลับ โดนทีหนาวสั่นไปทั้งร่างกาย
4.รับไป 3 ฝ่ามือ
ฝ่ามือแรก เลือดออกจากปากเล็กน้อย
ฝ่ามือที่สอง กระเด็นถอยหลังลงไปนั่งกะอะเลือดออกมา จากนั้นก็นั่งโคจรพลังวิชาเก้าเอี้ยงรักษาอาการบาดเจ็บจนหาย
ฝ่ามือที่สาม เตียบอกี้สามารถรับพลังได้โดยตนเองไม่กระเด็น และยังสะท้อนพลังกลับไป จนมิกจ้อซือไท้ ถอยหลังออกไป
5. วิชาไทเก็กสมัยก่อนกับสมัยใหม่ ตแกต่างกันที่ สมัยก่อนใช้ในการต่อสู้ เป็นสะส่วนใหญ่ แต่สมันนี้ ได้ดัดแปลงไปมาก จนเป็นเพลงมวยเพื่อการออกกําลังกายให้แข็งแรง ส่วนความรู้อื่นๆ ท่านป็อปก็ได้บอกไปแล้ว



boy5753
#19   boy5753    [ 24-07-2007 - 18:20:10 ]

เล่นซะละเอียดเลย ไม่ตอบละ - -



จิงจิงนะจะบอกให้
#20   จิงจิงนะจะบอกให้    [ 24-07-2007 - 19:03:04 ]    IP: 58.64.40.50

ไม่มีใคนรู้เลยหรอคับว่า ปรมจารย์เตียซำฮง ถึงแก่กรรมตอนไหน อยากรู้อะ



  • 1
ตอบกระทู้
ชื่อ
รหัส กรอกตัวอักษร ตามภาพ
ข้อความ


emo-smile emo-happy emo-lol emo-enjoy emo-kiku emo-cool emo-hoho emo-drool emo-hungry emo-kiss emo-sorry emo-sad emo-cry emo-tear emo-question emo-doubt emo-shock emo-redface emo-plz emo-peevish emo-angry emo-moody emo-sneer emo-makefaces emo-good emo-touched emo-love emo-bore emo-tired emo-vomit
bold italic underline img link superscript subscript size color space justifyleft justifycenter justifyright quote box youtube