เข้าระบบอัตโนมัติ

วิเคราะห์ความเหลื่อมล้ำของวรยุทธของยอดฝีมือทั้ง 6

เอี้ยก้วย, ก๊วยเจ๋ง, อั้งฉิกกง, อึ้งเอี๊ยะซือ, อาวเอี้ยงฮง, อิดเต็ง
บทความนี้ เป็นการวิเคราะห์ส่วนตัว ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิง หรือเอาไปสรุปความได้ โปรดอ่านด้วยความบันเทิง

           ในช่วงท้ายของ มังกรหยกภาค 2 มียอดฝีมือที่อยู่ในระดับสุดยอดของยุทธภพอยู่ 6 ท่าน ถึงแม้ว่าเหล่าผู้อ่านจะทราบโดยทั่วกันว่าท่านกิมย้งพยายามใช้วิธีอันแยบยลแต่งสรรเรื่องราวเพื่อบ่งบอกให้ผู้อ่านได้ทราบว่า ระดับพลังฝีมือของจอมยุทธ์เหล่านี้อยู่ในระดับเดียวกัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องเอาตัวละครมาประทะกันตรงๆทุกตัว แต่กระนั้นเหล่าผู้อ่านก็ยังอดไม่ได้ที่จะนำเหตุผลต่างๆมาวิเคราะห์หักล้างเพื่อหาความเหลื่อมล้ำของพลังฝีมือของยอดฝีมือเหล่านี้

           การถกเหตุผลแบบนี้หลายท่านอาจมองว่าไร้สาระ เป็นการวิเคราะห์ที่ไม่มีวันจะได้คำตอบที่แท้จริง แต่ข้าน้อยมองว่าถึงจะไร้สาระแต่มันก็เป็นสีสันหนึ่งที่น่าสนใจ ที่เหล่าคนรักในเรื่องราวเดียวกันจะได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน และไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ข้าน้อยจึงชมชอบที่จะเข้าไปอ่านการถกเถียงเหล่านี้ แต่ในการถกเถียงนั้นบางครั้งมีหลายเรื่องราวที่ไม่ตรงตามจริงในนิยาย ซึ่งอาจเกิดจากบางท่านได้ชมที่เป็นภาพยนต์ทางทีวี หรืออาจเกิดจากการอ่านนิยายอย่างผิวเผิน และมองข้ามบางส่วนไป ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ข้าน้อยเห็นว่าน่าจะเป็นการดี หากจะเขียนบทความขึ้นมาเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดนั้น รวมไปถึงวิเคราะห์ในบางส่วนที่หลายท่านมองข้ามไป จึงได้เขียนบทความนี้ขึ้นมา

           โดยบทความนี้จะกล่าวเปรียบเทียบ ถึงยอดฝีมือทั้ง 6 ในช่วงท้ายของเรื่อง อันได้แก่ เอี้ยก้วย, ก๊วยเจ๋ง, จิวแป๊ะทง, อึ้งเอี๊ยซือ, อิดเต็งไต้ซือ และ กิมลุ้นกงซือ ส่วนกั๊กเอี๊ยงไต้ซือนั้นไม่ขอนับรวม เพราะท่านแม้มีกำงภายในล้ำลึก แต่กลับไม่รู้วิธีการใช้เพื่อต่อสู้ โดยบทความนี้จะใช้เอี้ยก้วยเป็นตัวกลางในการเปรียบเทียบ เพราะตามเนื้อเรื่องเอี้ยก้วยมีโอกาสได้เปรียเทียบกับยอมฝีมือเหล่านี้มากที่สุด

เอี้ยก้วยกับกิมลุ้นกงซือ

           มีผู้อ่านหลายท่านมักเข้าใจผิด คิดว่าเอี้ยก้วยนั้น หากปะทะโดยตรงกับกิมลุ้นกงซือ เอี้ยก้วยจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ อาจเนื่องด้วยเห็นว่าเอี้ยก้วยเอากระบี่ไปประทะกับกงจักรแล้วกระบี่หักหลุดจากมือ และในช่วงท้ายเอี้ยก้วยชนะได้เพราะจิตใจโศกเศร้าเมื่อคิดว่าต้องตายจากเซียวเหล่งนึง ด้วยจิตใจโศกเศร้าทำให้เปร่งอนุภาพของวิชาวิญญาณสลายได้เต็มที่ถึงจะเอาชนะกิมลุ้นได้

           แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ในช่วงตอนที่กระบี่ของเอี้ยก้วยประทะกับกงจักรของกิมลุ้น เอี้ยก้วยนึกเสียดายที่ไม่ได้เอากระบี่เหล็กนิลมาด้วย เพราะถ้าเอามาด้วยกระบี่เหล็กนิลย่อมจะต้องทำลายจักรของกิมลุ้นไปได้ แต่ถึงแม้ใช้เพียงกระบี่ธรรมดาเอี้ยก้วยก็หาเป็นรองไม่ หลังจากการประทะ ทั้งกงจักรและกระบี่ต่างก็กระแทกกันและหลุดออกจากมือของทั้งคู่ การประทะครั้งนี้ไม่มีใครได้เปรียบใคร แต่สิ่งที่บ่งบอกถึงความเหลื่อมล้ำของฝีมือคือช่วงย่อหน้าถัดมา ดังความตอนนี้

เอี้ยก้วยแม้ไม่มีอาวุธ แต่ยังไม่ตกเป็นเบี้ยล่าง ระหว่างการต่อสู้ กิมลุ้นกงซือรู้สึกว่าหอสูงง่อนแง่นขึ้นมา ทราบว่าฐานล่างของหอถูกอัคคีเผาทำลายชั่วพริบตาก็จะถล่มทลาย เมื่อถึงเวลานั้นต้องตกตายพร้อมกับเอี้ยก้วยและก๊วยเซียง ทั้งยังเห็นว่าเพลงฝ่ามือของเอี้ยก้วย ยิ่งพลิกแพลงยิ่งพิศดาร หากหักล้างกันอีกร้อยกว่ากระบวนท่า เกรงว่าต้องถูกเอียก้วยสยบไว้
เล่ม 4 หน้า 539

           กิมลุ้นยามร้อนรุ่มจึงใช้วิธีอันชั่วร้ายเปลี่ยนเป้าหมายไปโจมตีก๊วยเซียงแทน อุบายนี้ทำให้เอี้ยก้วยเสียเปรียบและได้รับบาดเจ็บในที่สุด ซึ่งจากความอธิบายในช่วงนี้ ค่อนข้างชัดเจนว่า หากเอี้ยก้วยกับกิมลุ้นประลองกันตรงๆ แม้ในยามที่เอี้ยก้วยจิตใจเบิกบานใช้ฝ่ามือวิญญาณสลายได้ไม่เต็มที่และไม่มีกระบี่เหล็กนิลดำ เอี้ยก้วยก็ยังคงมีเปรียบเหนือกิมลุ้นอยู่ดี

           ในช่วงตอนนี้ หากจะหาข้อโต้แย้งอาจบอกได้ว่า สิ่งที่กิมลุ้นคิดนั้น เป็นเพียงการคาดคำนวนของตัวกิมลุ้นเอง ไม่แน่ว่าถ้าได้ประทะกันไปอีกร้อยกว่ากรบวนท่าจริงๆ อาจไม่เป็นอย่างที่กิมลุ้นคิดก็ได้ แต่จะอย่างไรข้อโต้แย้งนี้ดูจะเบาบางเกินไป เมื่อเปรียบเทียบแล้วยังคงสรุปได้ว่า เอี้ยก้วยน่าจะมีความเหลื่อมล้ำของฝีมือสูงกว่ากิมลุ้นกงซืออยู่เล็กน้อย

เอี้ยก้วยกับอึ้งเอี๊ยะซือ

           อึงเอี๊ยซือได้มีโอกาสประมือกับกิมลุ้นกงซือ ที่ผาลำใส้ขาด แต่เป็นช่วงระยะสั้นและเป็นแบบ 3 รุ่ม 1 จึงไม่อาจเอามาคาดคำนวณถึงระดับฝีมือได้ แต่ยังมีส่วนที่ชัดเจนอีกส่วนหนึ่ง นั่นคือตอนที่ประลองกับเอี้ยก้วย โดยได้ผลสรุปตามความตอนนี้

ฝ่ามือกำสรดวิญญาณสลายใช้ถึงครึ่งหนึ่ง เพลงฝ่ามือเทพกระบี่บุปผาร่วงของอึ้งเอี๊ยะซื้อก็ตกเป็นรองแล้ว ดังนั้นอึ้งเอี๊ยะซือจึงเปลี่ยนเป็นวิชาดรรชนีศักดิ์สิทธ์ จึงต่อสู้ได้คู่คี่ก้ำกึ่ง ไม่มีผู้ใดเหนือล้ำกว่าผู้ใด
เล่ม 4 หน้า 420

           ความตอนนี้ กิมย้งบอกไว้ชัดเจนว่า 'ต่อสู้ได้คู่คี่ก้ำกึ่ง ไม่มีผู้ใดเหนือล้ำกว่าผู้ใด' หากตีความแบบเถรตรง เมือเอี้ยก้วยเหนือกว่ากิมลุ้น ส่วนอึ้งเอี้ยซื้อเทียบเท่าเอี้ยก้วย ดังนั้นอึ้งเอี้ยซือควรจะเหนือกว่ากิมลุ้นด้วย มาถึงตอนนี้จึงสรุปได้ว่า อึ้งเอี๊ยซือกับเอี้ยก้วยอยู่ในระดับเดียวกัน ส่วน กิมลุ้น อยู่อันดับรองลงมาเล็กน้อย

เอี้ยก้วยกับจิวแป๊ะทง

           จิวแป๊ะธงกับเอี้ยก้วยมีโอกาสได้ประลองกัน โดยในตอนท้ายของการประลอง ท่านกิมย้งได้บ่งบอกไว้ตามนี้

สี่กระบวนท่าพอพ้นผ่าน หนึ่งชราหนึ่งเยาว์วัยต่างนับถือเลื่อมใสต่อฝ่ายตรงข้าม เอี้ยก้วยครุ่นคิดขึ้น ศัตรูเข้มแข็งที่เคยเจอมานับผู้เฒ่าท่านนี้ตึงมือที่สุด คิดหมายเอาชัยไม่ง่ายดายจริงๆ หากแม้นต้องการพิสูจน์ผลแพ้ชนะ มิอาจไม่หักล้างกำลังภายในกัน เมื่อเป็นเช่นนั้น หากมิใช้ปรากฎเป็นสภาพหนึ่งตกตายหนึ่งบาดเจ็บ ก็อาจตกตายตามกันไปทั้งคู่
เล่ม 4 หน้า 258

           จากความตอนนี้พอจะบอกได้ว่าพลังฝีมือของทั้งคู่ใกล้เคียงกัน แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า 2 คนนี้เมื่อสู้กันถึงที่สุดแล้วใครจะชนะ

           อีกช่วงตอนนึงที่จิวแป๊ะธงได้แสดงความสามารถคือช่วงที่ประทะกับกิมลุ้นกงซือที่ผาลำใส้ขาด ตามความตอนนี้

กิมลุ้นกงซือ พอกะแทกหมัดออก แฝงพลังนับพันชั่ง มาตรว่าไม่ทรงพลังเท่านาคคชสาร แต่ก็สุดที่เรือนร่างเลือดเนื้อ จะต้านทานได้ มิคาดพอปะทะกับพลังหมัดของจิวแป๊ะทง รู้สึกเว้งว้างว่างเปล่า ไม่อาจใช้กำลังได้
เล่ม 4 หน้า 469

กิมลุ้นกงซือใช้ติดต่อกันหลายกระบวนท่า กลับคล้ายเกาไม่ถูกที่คันของศัตรูคู่ต่อสู้ กิมลุ้นกงซือคร่ำเคร่งฝึกปรือเป็นเวลาสิบกว่าปี พอลงมือกลับไม่ประสบผล ย่อมร้อนรุ่มใจยิ่ง
เล่ม 4 หน้า 470

           ความรุนแรงของวิชานาคคชสารปัญญาบารมี สร้างความแตกตื่นให้กับจิวแป๊ะธง แต่พอลองรับด้วยหมัดสูญจำรัด ก็สามารถสลายพลังนั้นไปได้ จากข้อความบรรยายในส่วนนี้ อาจจะไม่ถึงกับชัดเจนมากนัก แต่ก็พอจะบอกได้ว่า พลังฝีมือของจิวแป๊ะทงนั้นไม่ด้อยไปกว่ากิมลุ้น และดูจะเหนือล้ำกว่าอีกด้วย

           จากทั้ง 2 ช่วงที่กล่าวมา อาจยังสรุปไม่ได้แน่นอน แต่หากอ่านไปถึงช่วงท้ายของเรื่อง ในช่วงตอนที่ทั้งหมดขึ้นไปที่ยอดเขาฮั้วซัว มีความตอนหนึ่งกล่าวไว้อย่างชัดเจนที่สุดว่า

หากเอ่ยถึงความสูงเยี่ยมของฝีมือ แม้แต่อึ้งเอี๊ยะซือ อิดเต็งไต้ซือสำนึกตวว่าอ่อนด้อยกว่าจิวแป๊ะทงอยู่สามส่วน
เล่ม 4 หน้า 565

           ความตอนนี้ค่อนข้างชัดเจน และยากจะหาเหตุผลมาโต้แย้งได้เพราะท่านกิมย้งระบุไว้อย่างตรงตัว ความแตกต่างของพลังฝีมือต่างกันอยู่สามส่วนสำหรับยอดฝีมือระดับนี้ถือว่าไม่น้อย เมื่อเป็นดังนี้ก็สรุปได้ชัดเจนว่า ระดับฝีมือของจิวแป๊ะทงอยู่สูงสุด รองลงมาเป็น เอี้ยก้วยกับอึ้งเอี๊ยซือ รองลงไปอีกเป็นกิมลุ้นกงซือ

เอี้ยก้วยกับอิดเต็งไต้ซือ

           อิตเต็งไต้ซื้อมีโอกาสได้ปะทะกับกิมลุ้นบนผาลำใส้ขาด ซึ่งมีช่วงตอนหนึ่งบอกไว้ว่า

อึ้งย้งชมดูอยู่ด้านข้าง เห็นเบื้องบนศีรษะของอิตเต็งไต้ซือปรากฎควันขาวพวยพุ่ง ยิ่งรวมตัวยิ่งแน่นหน้า คล้ายกับเป็นซึ้งนึ่ง แสดงว่ากำลังเร่งโคจรพลังลมปราณ กริ่งเกรงว่าอิตเต็งไต้ซืออายุสูงวัย เรี่ยวแรงถดถอย สู้กิมลุ้นกงซืมไม่ได้
เล่ม 4 หน้า 472

           หลังจากนั้นอึ้งย้งจึงเรียกอินทรีคู่ให้เข้าไปช่วยอีกแรง จากความตอนนี้ เมื่ออ่านดู มีแนวโนมว่าพลังฝีมือของอิตเต็งไต้ซือดูจะอ่อนกว่ากิมลุ้นอยู่เล็กน้อย แต่จะอย่าไร ข้อความในส่วนนี้ ไม่ได้มีความชัดเจน และเป็นเพียงความคิดของอึ้งย้งเท่านั้น ซึ่งอึ้งย้งที่อยู่ในห้วงความเสียใจเพราะคิดว่าก๊วยเซียงตกหน้าผาตายแล้ว ยามจิตใจว้าวุ่นการคาดคำนวนสิ่งใดย่อมไม่อาจนำมาเป็นสาระได้ เหตุผลในส่วนนี้จึงถือว่าเบาบางเกินไปที่จะสรุปว่า กิมลุ้นเหนือกว่าอิตเต็งไต้ซือ แต่ก็พอจะบอกได้ว่าฝีมืออิตเต็งไต้ซือนั้นมีแนวโน้มที่จะไม่เหนือไปกว่ากิมลุ้น

           มีอีกช่วงตอนหนึ่ง ที่สามารถนำมาเปรียบเทียบเพื่อวัดระดับฝีมือของอิตเต็งไต้ซือได้ และดูจะชัดเจนกว่า นั่นคือช่วงตอนที่ ที่อิดเต็งไต้ซือพบกับเอี้ยก้วย ตามความตอนนี้

เอี้ยก้วยเปร่งเสียงกู่ร้องดังยาวนาน ดำเนินเป็นเวลาชั่วน้ำเดือด มิเพียงไม่มีวี่แววอ่อนโทรมขาดหาย ตรงกันข้าม พลังเสียงยิ่งมายิ่งกล้าแข็ง อิดเต็งไต้ซื้อรับฟังจนลอบนับถือเลื่อมใส แม้รู้สึกว่าเสียงกูของเอี้ยก้วยออกจะรุนแรงไป มิใช่พลังธรรมอันเที่ยงแท้ แต่ท่านเมื่อตอนอยู่ในวัยฉกรรจ์ ยังไม่มีพลังลมปราณสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ยามนี้อายุสูงวัยเรี่ยวแรงเสื่อมโทรม ยิ่งไม่อาจเทียบเปรียบติดได้
เล่ม 4 หน้า 236

           จากข้อความนี้ค่อนข้างชัดเจนว่า เอี้ยก้วยมีพลังลมปราณสมบูรณ์กว่าอิตเต็งไต้ซือ ในประเด็นนี้หากจะพยายามหาข้อโต้แยงอาจพอบอกได้ว่า ถ้าวิเคราะห์ถึงอุปนิสัยของตัวละคร อิตเต็งไต้ซือเป็นผู้ถือศิลมีความคิดในการถ่อมตัวอยู่แล้ว ความคิดในช่วงตอนนี้อาจเป็นท่านคิดแบบถ่อมตัวก็เป็นไปได้ เพราะก่อนหน้านี้ ก๊วยเซียงเคยถามเอี้ยก้วยว่า ระหว่างท่านกับอิตเต็งไต้ซื้อใครมีความสามารถใหญ่หลวงกว่ากัน เอี้ยก้วยตอบแบบถ่อมตนว่า ข้าพเจ้าไหนเลยเทียบกับท่านผู้เฒ่าได้

           แต่จะอย่างไรเอาช่วงตอนนี้ไปเทียบเพื่อหักล้างก็ดูจะไม่สมเหตุผล เพราะเอี้ยก้วยตอบก๊วยเซียงไปตามมารยาท ต่อให้เอี้ยก้วยแน่ใจว่าตนเองมีความสามารถสูงเยี่ยมกว่าก็ยากที่จะเอ่ยออกจากปาก ซึ่งต่างจากความคิดของอิตเต็งไต้ซือ ที่คิดอยู่ในใจคนเดียวไม่มีเรื่องของมารยาทเข้ามาเกี่ยวข้อง และด้วยพลังฝีมือและภูมิรู้ของท่านไหนเลยจะคาดคำนวนผิดพลาดได้ ดังนั้นข้อโต้แย่งที่ข้าน้อยพยายามคิดมาหักล้างประเด็นนี้ยังเบาบางเกินไป จึงยังขอสรุปเหมือนเดิมว่า เอี้ยก้วยมีพลังลมปราณสมบูรณ์กว่าอิตเต็งไต้ซือ

           ซึ่งการสรุปแบบนี้ก็ยังไปสอดคล้องกับ ช่วงแรงที่ว่า อิตเต็งไต้ซือมีพลังยุทธไม่เหนือกว่ากิมลุ้น มาถึงตอนนี้ เรียบเรียงความเหลื่อมล้ำได้ว่า จิวแป๊ะธงอยู่สูงสุด รองลงมาเป็น เอี้ยก้วยกับอึ้งเอี๊ยซือ รองลงไปอีกเป็นกิมลุ้น ส่วนอิตเต็งไต้ซือน่าจะอยู่ระดับเดียวกับกิมลุ้น หรือไม่ก็ต่ำกว่า

เอี้ยก้วยกับก๊วยเจ๋ง

           ที่น่าแปลกใจกลับเป็นก๊วยเจ๋ง ก๊วยเจ๋งในช่วงท้ายเรื่องเป็นคนเดียวที่ไม่มีโอกาสได้ปะทะฝีมือกับจอมยุทธท่านใดเลย จึงเป็นเรื่องยากเย็นยิ่งที่จะเปรียบเทียบเพื่อวัดระดับพลังฝีมือ เห็นจะมีอยู่ช่วงตอนเดียวที่กล่าวถึง ซึ่งพอจะเอามาเปรียบเทียบได้ คือตอนที่ เอี้ยก้วยประลองกับอึ้งเอี๊ยซือ อึ้งเอี๊ยซือได้กล่าวว่า

เพลงฝ่ามือของเล่าตี๋ชุดนี้ หากวิจารณ์ถึงความหนักหน่วงแกร่งกร้าว ทั้วแผ่นดินนี้มีแต่สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรของเขยเรา ที่สามารถทัดเทียบเปรียบได้ ส่วนเพลงฝ่ามือเทพกระบี่บุปผาร่วงของเล่าฮู กลับด้อยกว่าขั้นหนึ่ง
เล่ม 4 หน้า 420

           จากความตอนนี้ข้าน้อยเข้าใจว่าท่านกิมย้งจงใจยกก๊วยเจ๋งขึ้นมาเพื่อบ่งบอกให้ผู้อ่านได้รู้ว่า ก๊วยเจ๋งก็มีฝีมืออยู่ในระดับนี้ แต่หากตีความตามตัวอักษร สิ่งที่ อึ้งเอี๊ยซือ กล่าวมาน่าจะหมายถึงวิชาของก๊วยเจ๋ง มิได้หมายถึงตัวก๊วยเจ๋ง เพราะเป็นการพูดเปรียบเทียบที่วิชา ไม่ใช่ที่ตัวคน และตามเหตุผลแล้ว อึ้งเอี๊ยซือไม่ได้พบก๊วยเจ๋งมาไม่ต่ำกว่า 16 ปี เขาจะทราบได้อย่างไรว่าก๊วยเจ๋งมีพลังลมปราณรุดหน้ามากน้อยเท่าใด ดังนั้นสิ่งที่กล่าวออกมาน่าจะหมายถึงแนววิชามากกว่า และหากวิชาทั้ง 2 มีความแกร่งกร้าวทัดเทียมกันตามที่อึ้งเอี๊ยซือบอกไว้ สิ่งที่ใช้วัดความแตกต่างย่อมจะเป็นตัวผู้ใช้ ซึ่งประเด็น นี้ก็ยากที่จะหาข้อเปรียบเทียบ คำกลาวของอึ้งเอี๊ยซือครั้งนี้จึงดูจะเอามาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะได้ไม่มากนัก

           ในเมื่อก๊วยเจ๋งไม่เคยปะทะกับใครเพื่อนำมาใช้เป็นข้อวิเคราะห์เปรียบเทียบ ก็ต้องหาเอาจากคำบรรยายถึงการพัฒนาฝีมือของแต่ละคนแล้วนำมาเทียบกัน แต่เมื่อพลิกหาดูแล้วกลับไม่พบถ้อยความบรรยายบรรทัดใดที่แสดงถืงระดับฝีมือที่เพิมพูนขึ้นของก๊วยเจ๋ง ในขณะที่พอหาได้จากท่านอื่น ดังนี้

           ในส่วนของเอี้ยก้วย ท่านกิมย้งได้อธิบายไว้อย่างละเอียดว่าในช่วง 16 ปีนี้ได้พัฒนาระดับฝีมือไปอย่างไรบ้าง ซึ่งในส่วนนี้คงไม่จำเป็นต้องเอารายละเอียดมาบรรยายไว้ ณ ที่นี้ คิดว่าคงทราบโดยทั่วกันแล้ว

           ในส่วนของกิมลุ้นกงซื้อ ก็อธิบายไว้ละเอียดพอสมควรว่า ในช่วง 16 ปีนี้ กิมลุ้นได้พากเพรียรฝึกฝนวิชา นาคคชสารปัญญาบารมี จนไปถึงขั้นที่ 10 ซึ่งไม่มีใครเคยไปถึง พลังฝีมือเพิ่มพูนเท่าตัว

           ในส่วนของอึ้งเอี๊ยซือ แม้ไม่มีช่วงตอนได้กล่าวถึงว่า ในช่วง 16 ปีนี้ พลังฝีมือมีการรุดหน้าไปในแนวทางใด แต่จากการปะทะกับเอี้ยก้วย แล้วได้ผลเสมอ ไม่มีใครเหนือล้ำกว่าผู้ใด ก็พอจะบ่งบอกได้ว่า ในช่วง 16 ปีนี้ อึ้งเอี๊ยซือ ก็มีความรุดหน้าด้วยเช่นกัน

           ในส่วของจิวแป๊ะทง ไม่มีการบ่งบอกไว้ชันเจนถึงแนวทางพลังฝีมือที่รุดหน้า บอกเพียงว่า 'ได้รับประทาน รากไม้ซิวอู สมุนไพรฮกเหล็งและนมผึ้งหยก ซึ่งเป็นตัวยาบำรุ่ง ทำให้สุขภาพแข็งแรงผมที่ขาวกลับมามีส่วนสีดำ' แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุด คือช่วงตอนที่บอกว่า 'หากเอ่ยถึงความสูงเยี่ยมของฝีมือ แม้แต่อึ้งเอี๊ยะซือ อิดเต็งไต้ซือสำนึกตวว่าอ่อนด้อยกว่าจิวแป๊ะทงอยู่สามส่วน' นั่นย่อมจะแสดงให้เห็นว่า จิวแป๊ะทง ก็มีพลังฝีมือรุดหน้าเช่นกัน

           ในส่วนของอิดเต็งไต้ซื้อ ในช่วงตอนที่ประทะกับกิมลุ้นกงซื้อ มีคำอธิบายช่วงหนึ่งบอกไว้

ยามนี้อิตเต็งไต้ซือฝึกดรรชีเอกสุรยันถึงขั้นสูงล้ำสุดยอด พลังลมปราณที่แผ่พุ่งจากดรรชนี คล้ายอ่อนโยนละมุนแท้จริงแกร่งกร้าวสมบูรณ์สุดเปรียบปาน
เล่ม 4 หน้า 471

           จากคำอธิบายนี้ ก็บอกได้ว่า ในช่วง 16 ปีนี้ อิดเต็งไต้ซื้อ ไม่ได้ปล่อยเวลาทิ้งเปล่า มีการฝึกฝนพลังฝีมือจนรุดหน้าถึงขั้นสุดยอดด้วยเช่นกัน

           ในตอนนี้เหลือเพียงก๊วยเจ๋งคนเดียวที่ไม่มีช่วงตอนใดที่แสดงให้เห็นว่ามีพลังฝีมือเพิ่มพูน ซ้ำร้ายไปกว่านั้นกลับมีช่วงตอนหนึ่ง ที่บ่งบอกในทิศทางตรงกันข้าม ตามความที่ก๊วยเจ๋งกล่าวไว้ตอนนี้

อธรรมไม่อาจชนะธรรมมะ หากแม้นคนเหล่านี้มีความคิดชั่วร้ายจริง พวกเราจะขอต่อกรกับพวกเขา เพลงไม้ตีสุนัขของท่านกับสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรของข้าพเจ้า กลับไม่ได้ใช้ออกมาสิบกว่าปี ไม่แน่ว่าจะใช้การไม่ได้
เล่ม 4 หน้า 325

           จากคำที่กล่าวมาแสดงว่าก๊วยเจ๋ง มิได้มีการฝึกซ้อมวิชา สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรเลย ซึ่งเมือเปรียบเทียบกับกิมลุ้นที่บรรยายไว้ว่าได้พากเพรียนฝึกปรือจนสำเร็จ นาคคชสารขั้นที่ 10 จนมีฝีมือรุดหน้าเท่าตัว กับก๊วยเจ๋งที่ไม่เคยใช้ออกด้วย สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร มาสิบกว่าปี ว่าไปตามเหตุผล วรยุทธของกิมลุ้นสมควรจะเหนือกว่าก๊วยเจ๋งอยู่ไม่น้อย

           อย่างไรก็ตาม หากบทความนี้จบลงโดยให้จิวแป๊ะทงอยู่ในอันดับสูงสุด คิดว่าผู้อ่านหลายท่านคงยอมรับ แต่หากไร่เรียงลงมาแล้วปรากฎเป็นว่า ก๊วยเจ๋งอยู่ในอันดับรั้งท้าย คิดว่าคงเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำใจยอมรับได้ ดังนั้นข้าน้อยจึงพยายามหาเหตุผลเพิ่มเติมเพื่อมาหักล้าง ซึ่งไม่สามารถหาเหตุผลที่ชัดเจนพอได้ใน มังกรหยกภาค 2 แต่กลับไปพบเจอใน มังกรหยกภาค 3 หรือ เรียกว่า ดาบมังกรหยก

           ซึ่งแน่นอนว่า ผู้อ่านทุกท่านคงจะเดาได้ว่าจะยกช่วงตอนไหนมา ย่อมเป็นช่วงตอนที่หลายท่านมักหยิบยกมาใช้อ้างอิงเสมอ นั้นคือตอนที่ เตียซำฮง คิดคำนึงถือระดับความลึกล้ำของลมปราณ โดยยกชื่อ กั๊กเอี๊ยงไต้ซือ และก๊วยเจ๋งขึ้นมา แต่กลับไม่มีชื่อเอี้ยก้วย ทั้งๆที่ท่านก็ได้พบกับเอี้ยก้วยด้วย และเอี้ยก้วยยังสอนวิชาให้ส่วนหนึ่ง เมื่อตีความตามนี้ก็กลายเป็นว่า เอี้ยก้วยมีพลังลมปราณน้อยกว่าก๊วยเจ๋ง เหตุผลในส่วนนี้น่าจะพอไปหักล้างกับเหตุผลด้านบนๆได้ จึงขอสรุปแบบไม่คิดมาก ยกให้ทุกอย่างหักล้างกันไป (ภายหลังกิมย้งได้แก้ให้มีชื่อเอี้ยก้วยด้วย)
           ในที่สุดบทความนี้ก็ไม่ได้สรุปอะไรชัดเจน ว่าไปตามจริงแล้ว เหตุผลทั้งหมดที่ยกมาหากข้าน้อยตั้งใจจะพยายามโต้แย้งจริงๆ ก็สามารถโต้แย้งการวิเคราะห์ของตัวเองได้ในทุกเหตุผล เช่น

- กิมลุ้คิดว่า สู้เอี้ยก้ยไม่ได้นั่น เป็นความคิดของเขาในช่วงที่ล่อแแหลมกังวลว่าหอกำลังถล่ม ความคิดที่อยู่ภายใต้ความกังวลนั้นไม่นับเป็นอย่างไรได้ และทั้งหมดเป็นความคิดไม่ใช่ความจริง หากสู้ต่อไปซักร้อยกว่ากระบวนท่าจริงๆ กิมลุ้นอาจชนะก็ได้

- อิตเต็งไต้ซือ แม้คำนวณเองว่าลมปราณน้อยกว่าเอี้ยก้วย แต่ไม่ได้หมายความคนลมปราณน้อยกว่าจะแพ้เสมอ ลมปราณไม่เท่าแต่ตัววิชาอาจเหนือกว่าก็ได้ หากสู้กันจริงยังมีอีกหลายสิ่งที่นำมาใช้เอาชัยได้แม้มีลมปราณน้อยกว่า

- ก๊วยเจ๋งบอกว่าไม่ได้ใช้ฝ่ามือสยบมังกรมาสิบกว่าปี แต่ไม่มีส่วนไหนของเรื่องบอกว่าเขาไม่ได้ฝึกวิชาอื่น ก๊วยเจ๋งอาจคิดค้นหรือพบเจอวิชาอื่นที่เหนือกว่าก็ได้ หรือต่อให้ไม่มีวิชาอื่น ฝ่ามือสยบมังกรของเขาบรรลุขั้นสุดยอดแล้ว ไม่ต้องฝึกปรือเพิ่มเติม เพียงฝึกกำลังภายในให้เพิ่มพูน อนุภาพของฝ่ามือสยบมังกรก็จะรุนแรงเพิ่มขึ้นเอง

- ตรรกะที่ว่า จอมยุทธคนแรกชนะคนที่สองและคนที่สองชนะคนที่สาม ดังนั้นจอมยุทธคนที่สามควรจะแพ้คนแรก หลักการนี้ไม่แน่เสมอไป เปรียบเทียบดั่ง ค้อนชนะกรรไกร กรรไกรชนะกระดาษ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ากระดาษจะต้องแพ้ค้อน แนววิชาฝีมือก็เฉกเช่นเดียวกัน มันมีเรื่องของการแพ้ทางกันอยู่ด้วย การวิเคราะห์เปรียบเทียบเป็นลำดับแบบนี้จึงอาจไม่ถูกต้อง

- ข้อมูลที่ใช้มาวิเคราะห์ นั้นล้วนเป็นข้อมูลจากหนังสือแปลมามาอีกที การตีความตามตัวอักษรโดยให้ความสำคัญต้อการใช้คำมากขนาดนี้ ดูจะมีความน่าเชื่อถือต่ำเกินไป เพราะการแปลจะให้ตรงความหมายทุกอักษรตลอดมันเป็นไปไม่ได้

           และอีกหลายๆเหตุผล หากคิดจะโต้แย้งจริงๆ ก็สามารถแย้งได้ในทุกถ้อยกระทงความ แต่เหตุผลที่ยกมาโต้แย้งเหล่านั้นส่วนใหญ่จะเบาบางและบางส่วนดูจะดื้อดึงเกินไป จึงขอสรุปเอาส่วนที่มีน้ำหนักมากกว่าชัดเจนกว่ามาชี้แจง แต่จะอย่างไรมันก็ยังคงเป็นการตีความของคนคนเดียว บทความนี้ไม่อาจถือเป็นจริงจังหรือเอาไปสรุปอะไรได้ เพียงเขียนขึ้นให้อ่านกันสนุกๆเป็นสีสันเท่านั้น



หากต้องการนำข้อมูลออกไป กรุณาให้เครดิตและทำ link กลับมาที่เว็บนี้ด้วยครับ ขอบคุณครับ
https://www.yodyut.com/25/วิเคราะห์ความเหลื่อมล้ำของวรยุทธของยอดฝีมือทั้ง-6


บทความที่เกี่ยวข้อง
กระทู้ที่เกี่ยวข้อง